SUAN DUSIT UNIVERSITY
IS PROUD TO PRESENT
ปรากฏการณท์ าง
ทะเลทวั ทกุ มุมโลก
เรืองทีหลายคนอาจจะยังไม่รู้...
รายวิชา การทองเที่ยวทางทะเลและชายหาด ตอนเรียน A1
ห า ด ท ร า ย 4 สี จ า ก 4 ป ร ะ เ ท ศ 1
ห า ด ท ร า ย สี ช ม พู P I N K S A N D S ห า ด ท ร า ย สี ดาํ P I H A
BEACH อยูในประเทศนิวซีแลนด เปนชายหาดท่ีมีช่ือ
เ สี ย ง ด า น ข อ ง ส ถ า น ท่ี ๆ เ ห ม า ะ กั บ ก า ร เ ล น กี ฬ า โ ต
หาดทรายบนเกาะฮารเบอร ประเทศบาฮามาส สาเหตุท่ี คลื่นมากท่ีสุดในนิวซีแลนด สาเหตุที่ทําใหเม็ด
ทาํ ใหชายหาดมีสีชมพูเปนเพราะ มีสัตวนา้ํ เซลลเดียวที่ ทรายเปล่ียนเปนสีดาํ ก็เพราะ บริเวณชายหาด
ไมมีกระดูกสันหลังประเภทแพลงตอน ฟอรแรมมินิเฟ นั้ น ถู ก ป ก ค ลุ ม ไ ป ด ว ย ภู เ ข า ถ า น
อรา (foraminifera) อยูบริเวณรอบเกาะจํานวนมาก
ในเปลือกของแพลงตอนมีแคลเซียมคารบอเนต จึงทาํ ให
เปนสีชมพูแดง เมื่อแพลงตอนตาย เปลือกของแพลง
ตอนจะถูกคลื่นพัดข้ึนฝง ปะปนกับทรายขาวจึงทาํ ใหดู
เ ป น สี ช ม พู
ห า ด ท ร า ย สี แ ด ง K O K K I N I ห า ด ท ร า ย สี เ ขี ย ว P U ’ U
BEACH MAHANA
ชายหาดแหงนี้อยูท่ี ซานโตรินี ประเทศกรีซ สถานท่ีทอง ชายหาดแหงน้ีอยูท่ีฮาวาย เปนชายหาดที่มีสี
เที่ยวชื่อดังท่ัวโลกนั่นเอง สาเหตุท่ีทาํ ใหชายหาดแหงนี้มี เขียวมะกอก และสาเหตุที่ทําใหเม็ดทรายแหงน้ี
สีแดงเขมก็เพราะ ชายหาดถูกลอมรอบดวย ภูเขา เปลี่ยนเปนสีเขียวก็เพราะ แรเพอริดอตที่มีสี
ดินแดง ทาํ ใหเวลาน้าํ ข้ึน น้าํ ทะเลจะพัดเอาดินแดงลงไป เขียวมะกอกนั้น ไดเขาไปผสมกับนา้ํ ทะเล จึง
ดวย ทําใหทรายดูดซึมจนกลายเปนสีแดง ทําใหทรายน้ันดูดซึมเขาไป เปนเวลาหลายป จึง
ทาํ ใหมีสีเขียวมาจนถึงทุกวันน้ี
ป ร า ก ฏ ก า ร ณ ท ะ เ ล ส า บ แ ต ก เ ป น 2
เ ส่ี ย ง ๆ ค ล า ย ก ร ะ จ ก นั บ ล า น ช้ิ น !
ปรากฏการณทะเลสาบนํา้ แข็งแตกเปนเสี่ยงๆคลายกระจกนับลานช้ิน
ในประเทศทางตะวันตก ไดเผชิญกับสภาพอากาศหนาวเย็นขั้นเลวราย
ตัวอยางชัดคือ ชิคาโก ท่ีมีอุณหภูมิตํา่ สุดขั้วที่ -30 องศาเซลเซียส จน
สภาพของเมืองกลายเปนสีขาวโพลน เหมือนกับถูกแชแข็งอยูเลยทีเดียว
ทะเลสาบมิชิแกนเองก็อยูในพื้นที่ประสบภัยน้ันดวย เปนเหตุใหเกิด
ปรากฏการณสุดแปลกขึ้น และมันก็สวยงามเอามากๆเลยทีเดียว หลัง
จากประสบกับสภาพอากาศท่ีหนาวเย็นมาเปนเวลานาน อุณหภูมิก็เริ่ม
สูงขึ้นและเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆตามลาํ ดับ เม่ืออุณหภูมิเร่ิมอบอุนขึ้น ทะเลสาบ
ท่ีกลายเปนน้ําแข็งเน่ืองจากอยูอุณหภูมิตํา่ สุดขั้วมาเปนเวลานาน นา้ํ
แข็งก็เร่ิมละลายและแตกออกจากกัน นาํ้ ดานลางเร่ิมไหล ทาํ ใหดันเศษ
แผนนา้ํ แข็งที่แตกออก ขึ้นมาอยูดานบน จนเกิดภาพปรากฏการณที่
สวยงามแบบน้ีขึ้น เรียกไดวาเปนปรากฏการณที่เปรียบเสมือนฟาหลัง
ฝ น ข อ ง ผู ค น ท่ี อ ยู ใ น เ ข ต ป ร ะ ส บ ภั ย เ ล ย ที เ ดี ย ว
ท อ ง โ ล ก ใ ต นาํ้ ท ะ เ ล ท่ี มี 3
แ ม ง ก ะ พ รุ น ก ว า 1 3 ล า น ตั ว
นักดําน้าํ เก็บภาพอันนาอัศจรรยน้ีในขณะท่ีกาํ ลังดํานาํ้ ดูประการังที่ทะเลสาบแมง
กระพรุนบนเกาะอิลมัคล ประเทศปาเลา ในทะเลแปซิฟค ซึ่งเราจะเห็นแมงกระ
พรุนทองท่ีแหวกวายอยูใตน้าํ นับลานๆ ตัว โดยเจาแมงกระพรุนชนิดน้ีไมเปน
อันตรายตอมนุษย ที่น่ีจึงเปนอันซีนสําหรับนักดาํ นา้ํ ท่ีช่ืนชอบความเปนธรรมชาติ
แบบสุดๆ ในทุกๆ วัน แมงกระพรุนกวา 13 ลานตัวในทะเลสาบแหงน้ีจะยายฝง
จากตะวันตกไปยังตะวันออก เพื่อตามแสงอาทิตย ขอบอกวางดงามจริงๆ ในชีวิต
น้ีถามีโอกาส ก็อยากลองไปสัมผัสความงามที่น่ีสักคร้ังนะครับ
ฉ ล า ม มี ป ก สิ่ ง มี ชี วิ ต โ บ ร า ณ ท่ี เ ค ย 4
อ ยู ใ ต ท ะ เ ล เ ม่ื อ 9 3 ล า น ป ก อ น
จากการศึกษาใหมเม่ือเร็ว ๆ น้ีพบวา มีฉลามรูปราง
ประหลาดท่ีมีครีบคลายกับปกนก ปากท่ีเผยอกวาง
อ า ศั ย อ ยู ใ ต ท อ ง ท ะ เ ล ที่ ต อ น นี้ ก ล า ย เ ป น ป ร ะ เ ท ศ เ ม็ ก ซิ โ ก
เม่ือประมาณ 93 ลานปกอน ซึ่งเปนยุคเดียวกับที่
ไดโนเสารยังอยูบนโลกเราใบนี้ ฉลามประหลาดสาย
พันธุน้ีมีชื่อวา Aquilolamna Milarcae หรือ Eagle
Shark ที่แปลวา ฉลามอินทรี ฟอสซิลท่ีมีลักษณะนาท่ึง
ข อ ง มั น มี ค ว า ม ค ล า ย กั บ ป ล า ก ร ะ เ บ น ร า หู แ ล ะ ก ร ะ เ บ น
ปศาจที่มีครีบเหมือนปก ซึ่งถูกจัดแสดงอยูท่ีพิพิธภัณฑ
Milarca ในเม็กซิโก คาดวาฉลามตัวนี้จะมีชีวิตอยูบน
โลกนี้มานานกวา 30 ลานปแลว
ไมใชรูปรางที่คลายคลึงกันเพียงอยางเดียว ฉลาม
โ บ ร า ณ ตั ว น้ี จ ะ มี วิ ธี ก า ร กิ น อ า ห า ร เ ห มื อ น กั บ ป ล า ก ร ะ
เบนทั้ง 2 นั่นก็คือการกรองแพลงกตอนตามทะเล ถึง
แ ม ว า มั น จ ะ มี ค ว า ม ค ล า ย กั บ ป ล า ก ร ะ เ บ น แ ต มั น ก็ ยั ง ถู ก
จัดวาเปนปลาฉลามอยูดี ฉลามมีปกชนิดนี้ไมเหมือนกับ
ฉลามที่อาศัยอยูในโลกยุคปจจุบัน หน่ึงในคุณสมบัติท่ี
โดดเดนท่ีสุดอยางหนึ่งของ Eagle Shark น่ันก็คือ
ครีบดานขางท่ีมีความเรียวยาว ความกวางจากปกทั้ง
2 ขางประมาณ 1.9 เมตร ในขณะที่ความยาวลาํ ตัวของ
มันเพียงแค 1.65 เมตร นั่นทําใหฉลามชนิดน้ีดูมีความ
ก ว า ง ม า ก ก ว า ค ว า ม ย า ว
ลั ก ษ ณ ะ เ ด น ข อ ง มั น อี ก อ ย า ง ห น่ึ ง ก็ คื อ ศี ร ษ ะ ที่ ส้ั น
จมูกทู และปากกวาง แตสวนอื่น ๆ จนไปถึงหางก็ดู
เหมือนกับปลาฉลามท่ัวไปในยุคปจจุบัน ซึ่งโดยรวม
แ ล ว มั น คื อ ห น่ึ ง ใ น ฉ ล า ม ท่ี มี เ อ ก ลั ก ษ ณ ม า ก ที่ สุ ด ส า ย
พันธุหนึ่งก็วาได สวนพฤติกรรมของ Eagle Shark
ถูกระบุวามันเปนนักวายนํา้ ท่ีเช่ืองชา คอย ๆ เขมือบ
แพลงกตอนท่ีไหลผานกรองในปากของมัน ครีบท่ี
ยาวเหมือนปกจะชวยใหมันควบคุมการวายน้าํ ได
อยางม่ันคง และชวยใหมันเคล่ือนที่ไปขางหนาดวย
การกระพือปกอยางชา ๆ
ท ะ เ ล เ รื อ ง แ ส ง 5
BIOLUMINESCENT SEA
ปรากฏการณทะเลเรืองแสง (Bioluminescent Sea) เราจะเห็นทะเลมีแสงสีนา้ํ เงินหรือมีแสงสีเขียวอมฟา เมื่อมีคลื่น
แตกฟอง แสงจะเกิดท่ีเกลียวคล่ืน บางท่ีแสงก็กระจายตามพ้ืนทราย ตามกอนหิน ปรากฏการณน้ีสามารถเห็นดวยตา
เปลา โดยจะเห็นชัดเจนในคืนเดือนมึด หรือคืนที่หลังจากท่ีพระจันทรตกแลว กลองโทรศัพทจะถายไมเห็น สามารถถาย
รูปโดยใชกลองท่ีความไวแสง ISO สูงๆ ปรากฏการณนี้มีหลายท่ีท่ัวโลก ที่เกิดข้ึนแบบเห็นไดชัดเจน
อาวโยบุโกะ เปนอาวในจังหวัดซะงะ เกาะคิวชู ประเทศ ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย เ ค ย เ กิ ด ข้ึ น ที่
ญ่ีปุน ในชวงกลางคืนจะเห็นนาํ้ ทะเลท่ีนี่เรืองแสงสีเขียว บางแสน บริเวณสะพานปลา
อ ม ฟ า อ อ ก ม า หาดเจาหลาว จันทบุรี
หมูเกาะมัลดีฟฟ เปนหมูเกาะที่ตั้งอยูกลางทะเล ปรากฏการน้ีเกิดจาก แพลงตอนพืช Bioluminescent
อันดามัน มหาสมุทรอินเดีย มีบางเกาะท่ีมักเกิด Dinoflagellates มันจะสะสมพลังงานจากแสงอาทิตยเอาไวในตอนกลาง
ท ะ เ ล เ รื อ ง แ ส ง สี ฟ า วัน และจะปลอยแสงสีน้าํ เงินออกมาในตอนกลางคืน เม่ือมีการสั่นสะเทือน
ของน้ํา ดังน้ันเมือเราสัมผัสหรือทาํ ใหเกิดความเคล่ือนไหวของนํ้าจึงจะเกิด
ประเทศเปอรโต ริโก ซึ่งต้ังอยูชายฝงทะเลแคริบเบียน แ ส ง สี ฟ า เ ขี ย ว ส ว ย ง า ม น้ี
ทางใตของสหรัฐอเมริกา วากันวาเปนอาวท่ีมีการเรือง
แ ส ง ส ว ย ท่ี สุ ด ใ น โ ล ก ถาเราตองการเห็น ทะเลเรืองแสง แบบนี้ ก็พอมีวิธีท่ีจะสังเกตุวาทะเลจะเรือง
แสงเม่ือไหร อยูที่จังหวะเวลาและโอกาสท่ีเหมาะสม กอนจะมีปรากฏการณแบบนี้
จะตองเกิดปรากฏการณธรรมชาติที่ชาวบานเรียกวา "ปรากฏการณข้ีปลาวาฬ"
ซึ่งทางวิทยาศาสตรเราเรียกปรากฏการณน้ีวา แพลงกตอนบลูม (Bloom
Plankton) ที่หมายถึง การสะพรั่งแพลงกตอนพืชชนิดนี้มีชื่อวา น็อคติลูกา
Noctiluca มีสาหรายสีเขียวอาศัยแบบพ่ึงพาอาศัยอยูในตัวของมัน จะสังเกตุ
นํา้ ทะเลจะมีสีเขียวที่เกิดจากแพลงตอนอยางชัดเจน ถาจะใหเห็นทะเลเรืองแสง
อยางชัดเจน ตองเปนคืนเดือนมืด หรือถาไมใชคืนเดือนมืด ตองรูเวลาท่ี
พระจันทรตกดิน ใหมาดูเวลานั้นพอพระจันทรตกก็จะเหมือนคืนเดือนมึด การดู
เวลาพระจันทรตกสามารถดูไดจากตารางน้ํารายชั่วโมงชาวเล ทะเลจะเรืองแสง
ตองมีการกระเพื่อมของนา้ํ หรือน้าํ ตองมีการเคลื่อนไหว ความสามารถพิเศษของ
แพลงกตอนชนิดนี้ เมื่อถูกรบกวนมันจะเปลงแสงออกมา ลองสังเกตไดจากตอนที่
มีคล่ืนกระทบ หรือยอดเกลียวคลื่น หรือแมแตการเอาไมไปตีวนในน้าํ ก็ทาํ ใหเกิด
แสงเรืองๆ เปนปรากฏการณธรรมชาติที่สวยงามและแปลกตาจริงๆ การเรือง
แสงของแพลงตอนดังกลาวจะอยูไดนาน 2-3 ชั่วโมงเทานั้น หลังจากน้ันแสงจะ
คอยๆลดลงเรื่อยๆ แตวาแสงที่เราไดเห็นนั้นในชวงแรกจะมีความสวางมาก
ท ะ เ ล ส า บ สี ช ม พู ท ะ เ ล ส า บ ฮิ ล เ ลี ย ร 6
อ อ ส เ ต ร เ ลี ย
ทะเลสาบสีชมพูหรือทะเลสาบฮิลเลียร (Hiller
lake) เปนทะเลสาบนา้ํ เค็ม ตั้งอยูบนเกาะแหง
ห นึ่ ง ท า ง ด า น ต ะ วั น ต ก ข อ ง ท วี ป อ อ ส เ ต ร เ ลี ย
เ ห ตุ ผ ล ท่ี ท ะ เ ล ส า บ แ ห ง น้ี มี สี ช ม พู โ ด ด เ ด น ต า ง
จากทะเลสาบอ่ืน เนื่องจากมีสาหรายชนิดหนึ่งท่ี
มีช่ือวา Dunaliella salina ท่ีสามารถเจริญ
เติบโตไดดีในสภาวะท่ีมีความเค็ม พวกมัน
ส า ม า ร ถ ท น ต อ ค ว า ม เ ข ม ข น ข อ ง เ ก ลื อ ไ ด สู ง ม า ก
ถึง 0.2-35% โดยสาหรายเหลานี้จะดูดซับแสง
อาทิตยและทาํ การสังเคราะหแสงเพื่อใหพวกมัน
สามารถเจริญเติบโตได และผลจากการ
สังเคราะหแสง ทําใหเกิดสารสีแดง เรียกวา แค
โรทีนอยด (Carotenoid) ซึ่งเปนเหตุใหทะเล
สาบฮิลเลียรแหงนี้มีสีชมพู นอกจากสาหราย
Dunaliella salina ยังมีแบคทีเรียที่ชื่อวา
Halobacteria ท่ีเปนสาเหตุของทะเลสาบ
สีชมพูดวย พวกมันสามารถเจริญเติบโตไดดีใน
สภาวะท่ีเกลือมีความเขมขนสูง และมีการผลิต
เม็ดสีแคโรทีนอยดภายในเยื่อหุมเซลล ซึ่งเปน
สาเหตุท่ีทาํ ใหทะเลสาบแหงนี้มีสีชมพูเชนกัน
และยิ่งเม่ือมีแสงอาทิตยมากเทาใด ทะเลแหงน้ีก็
ยิ่ ง เ ป น สี ช ม พู ม า ก ย่ิ ง ข้ึ น เ ท า น้ั น
เ น่ื อ ง จ า ก ใ น ท ะ เ ล ส า บ สี ช ม พู มี ค ว า ม เ ข ม ข น ข อ ง
เกลือท่ีสูงมาก ทําใหนา้ํ มีความหนาแนนมาก ดัง
น้ัน หากเราตองการท่ีจะเลนนา้ํ ในทะเลสาบ
สีชมพู เราจะปลอดภัยและไมจมน้ํา เพราะ
ร า ง ก า ย ข อ ง เ ร า มี ค ว า ม ห น า แ น น น อ ย ก ว า ค ว า ม
หนาแนนของทะเลสาบ เชนเดียวกับทะเลสาบ
เดดซี (Dead sea) ซ่ึงเปนทะเลสาบที่มีความ
เ ค็ ม ที่ สุ ด ใ น โ ล ก
ท ะ เ ล ส า บ ส า บ เ น ต ร อ น แ ท น ซ า เ นี ย 7
ทะเลสาบเน-ตรอน (Lake Natron) ณ ประเทศแทนซาเนีย เปนทะเลสาบที่มีสีแดงสดชวนสะดุดตา ซ่ึงความสวยงามน้ีเต็ม
ไปดวย ความอาถรรพ ความอันตราย เพราะมันสามารถเปล่ียนสิ่งชีวิตท่ีเผลอตกลงไป “ใหกลายเปนหินไดทันที” ผูคนจึงตั้ง
ฉายาใหทะเลสาบแหงน้ีวา “ทะเลสาบเมดูซา” (The Medusa Lake) ตามความสามารถของเทพสาวท่ีมีเสนผมเปนงูนั่นเอง
ทะเลสาบเนตรอนนั้นเปนทะเลสาบนํา้ เค็มและโซดาขนาดใหญตั้งอยูในทวีปแอฟริกาอยูในเขตภูมิภาคอารูซา อยูทางตอนเหนือ
ของประเทศแทนซาเนียซึ่งอยูติดกับชายแดนประเทศประเทศเคนยาบริเวณฝงตะวันออกของหุบเขารอยเล่ือนอีสต แอฟริกัน ริฟท
เปนทะเลสาบนํา้ เค็มขนาดใหญที่อุดมไปดวยน้ําพุรอนท่ีมีแรธาตุจาํ นวนมากไหลผานมารวมตัวกันโดยนํา้ ของทะเลสาบเนตรอน
จะมีสีแดงเขมซ่ึงเกิดจากการระเหยของนํา้ ในทะเลสาบเนตรอนในชวงหนาแลง ซ่ึงนาํ้ ของทะเลสาบเนตรอนจะมีเกลือและแรธาตุ
Natron อยูเปนจาํ นวนมากและยังมีจุลินทรียขนาดจ๋ิวเปนจาํ นวนมาก จําพวกHalophile และ Cyanoba Cteria ท่ีจะเจริญเติม
โตอยางรวดเร็วโดยเหลาจุลินทรียเหลานี้สามารถที่จะสังเคราะหแสงไดดวยตัวของมันเองอีกดวยจึงทาํ ใหมีสีแดงเขม ซึ่งคานาํ้ ของ
ทะเลสาบเนตรอนน้ันจากการวัดคาน้าํ มี ph อยูในปริมาณ 9 – 10.5 และยังมีอุณหภูมิสูงถึง 60 องศาเซลเซียสอีกดวย
โดยนา้ํ ของทะเลสาบเนตรอนน้ันจะมีฤทธิ์ในการกัดกรอนสูงมาก นั้นจึงทาํ ใหมีซากสัตวตายกันเปนจํานวนมากเพราะไดถูกนํ้า
ของทะเลสาบเนตรอนกัดกรอนทาํ ลายผิวหนัง ขนและลูกตา ของสัตวมากมายท่ีไดลงไปในนํ้าของทะเลสาบเนตรอน และแนนอน
วาเหลาสัตวท่ีไดลงไปในนํา้ นั้นก็ไมสามารถท่ีจะทนการถูกกัดกรอนของนํ้าในทะเลสาบเนตรอนได ก็จะตายในท่ีสุด โดยสัตวท่ีลงไป
ในนาํ้ ทะเลสาบเนตรอนนั้นจะกลายเปนซากสัตวท่ีมีสภาพเหมือนถูกจับไปสตาฟมีความแหงและแข็งเปนหิน เพราะซากศพของสัตว
เ ห ล า นั้ น จ ะ ถู ก ส า ร โ ซ เ ดี ย ม ค า ร บ อ เ น ต ท่ี อ ยู ใ น นํ้า ข อ ง ท ะ เ ล ส า บ เ น ต ร อ น เ ก า ะ ไ ป ท่ั ว ต า ม ร า ง ก า ย จ น ทํา ใ ห สั ต ว แ ข็ ง เ ป น หิ น
ทะเลสาบเนตรอน แหงน้ีจะมีเพียงแคนกฟลามิงโกเทาน้ันที่สามารถอาศัยอยูได ซ่ึงในทะเลสาบเนตรอนนั้นมีนกฟลามิงโกมากกวา
1 ลานตัว โดยเหลานกฟลามิงโกนั้นจะอาศัยการกินสาหรายในภายนํ้าของ ทะเลสาบเนตรอน น้ันจึงกลายเปนเหตุผลวาทําไม นก
ฟลามิงโกถึงไดมีสีแดงอมชมพูจนไปถึงแดงเขม เพราะสาหรายที่เหลานกฟลามิงโกไดกินนั้นมีสารอัลฟาและเบตาแคโรทีนภายใน
นํ้าของทะเลสาบเนตรอน และเหลานกฟลามิงโกนั้นจะสรางรังเอาไวเพื่อออกไขบนดินของทะเลสาบเนตรอนท่ีถูกระเหยจนแหงนั้น
เเอง นอกจากนกฟลามิงโกแลว ในน้าํ ของทะเลสาบเนตรอนแหงน้ียังมีปลาชนิดหนึ่งช่ือ อัลคาไลน ทิลาเปย ซึ่งเปนปลาในวงศปลา
นิลอาศัยอยู โดยปลาชนิดน้ีไดมีการวิวัฒนาการและปรับสภาพตัวเองจนสามารถทนทานตอความกัดกรอนภายในนาํ้ ของ
ทะเลสาบเนตรอนได
8
ก ร ะ ต า ย ท ะ เ ล สิ่ ง มี ชี วิ ต ใ ต ท ะ เ ล สุ ด แ บ ว
ญ่ีปุนนาํ สัตวชนิดใหมมาเลี้ยงกันอีกแลว มีชื่อวา
“Sea Bunny” หรือ กระตายทะเล บอกเลยวา
เจาตัวนี้นารักฟรุงฟริ้งมากๆ ตางแชรกันในโลก
โซเชียลไมนอยทีเดียว Sea Bunny หรือ
กระตายทะเล นี้ที่แทจริงแลวคือ “ทาก” ใครจะไป
คิดวาทากจะนารักไดขนาดนี้ ซ่ึงลักษณะของมัน
คลายกระตายตัวนอยท่ีมีขนฟูฟอง มีหูยาวๆสอง
ขาง แถมมีหาง เปนที่นิยม และหลงใหลกันมากใน
หมูวัยรุนญ่ีปุน โดยพวกเขาเรียกเจา Sea Bunny
ตัวน้ีวา “Jorunna parva” สวนนักดาํ นา้ํ ก็ได
ต้ังช่ือใหดวยเหมือนกันคือ “goma-chan”
สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ตัวนี้สามารถพบเจอไดในบริเวณมหาสมุทร
อินเดีย ประเทศฟลิปปนส ประเทศญ่ีปุน ซ่ึงกระตายทะเลจะมี
ขนาดยาวประมาณ 2 เซนติเมตร นอกจากนี้พวกมันยังมีสีสันท่ี
แตกตางกันอีกดวยเชน สีขาว สีเหลือง ขาว-ดํา เปนตน สวน
“หู” ของกระตายทะเล (Sea Bunny) ตัวนี้เรียกวา
“rhinophores” หรือ “chemosensory” ทําหนาท่ีเปนจมูก
ท่ีเอาไวชวยในการตรวจจับส่ิงรอบๆ ตัว, เปนประสาทสัมผัส
กลิ่น และรสในนา้ํ ทะเลเพ่ือใชหาอาหาร รวมถึงการหาคูดวย
9
’ นิ น เ จ น ’ สั ต ว ป ร ะ ห ล า ด ลึ ก ลั บ ใ ต ท ะ เ ล
บนโลกใบนี้มีส่ิงลึกลับอยูมากมาย โดยเฉพาะเรื่อง
สิ่งมีชีวิตลึกลับตางๆ ที่ยังหาขอพิสูจนไมไดบนโลกใบน้ี
และย่ิงเปนสิ่งมีชีวิตท่ีอยูใตทะเลแลว การคนหาความ
จริงคงเปนเร่ืองยากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เพราะ
มนุษยเราสามารถสํารวจพื้นที่มหาสมุทรไปไดเพียง 5%
ข อ ง โ ล ก ใ บ นี้ เ ท า นั้ น เ อ ง
นินเจน หรือ นินเง็น (Ningen) เปนส่ิงมีชีวิตท่ีถูก
เลาขานกันมาในญี่ปุนเม่ือไมก่ีปมานี้ โดยมีขาวลือเร่ือง
การพบเห็นอยูบริเวณมหาสมุทรแอนตารกติก โดยมี
ลักษณะคลายมนุษย ตัวสีขาวราวกับหิมะ มีขนาด
เทากับปลาวาฬ คือ ยาวถึง 20-30 เมตร นอกจาก
ขนาดของมันที่ชวนขนลุกแลว ลักษณะของมันยังแปลก
ประหลาด บางครั้งผูพบเห็นก็อางวา มันไมมีแขนและ
ยืน 2 ขา สวนบางคนก็อางวา มันมีลักษณะคลายเงือก
มี 2 แขน มีนิ้วมือ มีครีบและมีหาง สวนใบหนาของพวก
มันจะมีดวงตาและปาก ซ่ึงคลายกับมนุษย
ในชวงป 2007 มีการพบเห็นนินเจนโดยชาวญ่ีปุน
จนเปนเร่ืองออกขาวทางทีวี จากคาํ บอกเลาของทีมวิจัย
วาฬ ที่พบนินเจนโดยบังเอิญ กลาววา พวกมันมัก
ปรากฏตัวในเวลากลางคืน และจะดาํ น้ําหนีหายไปทันที
ท่ี มี ม นุ ษ ย เ ข า ไ ป ใ ก ล
จัดทาํ โดย
นางสาว กรรณิการ์ ปดคํา
รหัส 6111011448078
ส า ข า ก า ร ท่ อ ง เ ที ย ว
โ ร ง เ รี ย น ก า ร ท่ อ ง เ ที ย ว แ ล ะ บ ริ ก า ร ม ห า วิ ท ย า ลั ย ส ว น ดุ สิ ต
แหล่งอ้างอิง
พีบิก. (2015). หาดทราย4สี4ประเทศ. (Online). from : https://www.wegointer.com
Science_Knowledge. (2019). ทะเลสาบนาํ แขง็ แตกคลา้ ยกระจก. (Online). from :
https://www.blockdit.com
mikeyk730. (2015). แมงกะพรุนนบั ลา้ น. (Online). from : https://petmaya.com
เพชรมายา. (2021). ฉลามมปี ก. (Online). from : https://petmaya.com
Tum sikwae. (2018). Bioluminescent Sea. (Online). from :
http://tumsikwae.blogspot.com
Amki green. (2020). ทะเลสาบฮิลเลียร์. (Online). from :
https://www.trueplookpanya.com
Dealigo. (2020). ทะเลสาปเนตรอน. (Online). from : https://www.ddealigo.com/ทะเลสาบ
เนตรอน/
Pornphanh. (2015). Sea bunny. (Online). from :
https://teen.mthai.com/variety/97307.html
เพรชมายา. (2015). นนิ เจน. (Online). from : https://petmaya.com
THANK YOU!