พระบรมวงศานุวงศ์ ที่มีบทบาท
ในการสร้างสรรค์ชาติไทย
จัดทำโดย
1.นายศุภโชค เดชะคำภู เลขที่9
เลขที่18
2.นายสรวิชญ์ นนท์ศิ ริ เลขที่19
เลขที่26
3.นายเอกอมร สาระพันธ์ เลขที่31
เลขที่32
4.นางสาวกวินธิตา อ่อนสำอางค์ เลขที่36
เลขที่38
5.นางสาวพิชญ์สินี เเสงจันทร์ฉาย เลขที่40
6.นางสาวกัญญารัตน์ ศรีพิกุล
7.นางสาวสุพิชชา บุญมั่น
8.นางสาวธัญชนก สมดวงสี
9.นางสาววไรภรณ์ ชนะชัย
ชั้ นมัธยมศึ กษาปีที่4/11
เสนอ
คุณครูกนกพร สุขสาย
หนังสื ออิเล็กทรอนิกส์ เล่มนี้ เป็นส่ วนประกอกของ
รายงานวิชาประวัติศาสตร์ (ส31112)
โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช อำเภอเมืองอุบลราชธานี
จังหวัดอุบลราชธานี
คำนำ
หนังสืออิเล็ทรอนิกส์(E-BOOK) เรื่อง พระมหากษัตริย์ที่มีบทบาท
ในการสร้างสรรค์ชาติไทย เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาประวัติศาสตร์(ส3112)
คณะผู้จัดทำได้ทำการรวบรวมเนื้ อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของพระมหากษั ตริย์
ราชวงค์จักรีที่มีบทบาทในการสร้างสรรค์ชาติไทย
คณะผู้จัดทำหวังว่า หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
หรือนักศึ กษาที่สนใจศึ กษาประวัติศาสตร์ของพระมหากษั ตริย์ราชวงค์จักรีนี้ อยู่
หากมีข้อเเนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด คณะผู้จัดทำขอน้อมรับไว้เเละขออภัย
มา ณ ที่นี้
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ หน้า
เรื่อง 1-2
3-4
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิ รญาณ วโรรส 5-6
พระเจ้าบรมวงศ์ กรมหลวงวงษาธิราชสนิทต้นราชสกุล 7-8
สมเณรพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ 9-10
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ 11-12
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
13-14
พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี 15-16
หม่อมงามจิตต์บุญฉัตร ณ อยุธยา 17-18
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ-พระยาศรีสุนทรโวหาร 19-20
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี
หน้าที่1
ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ม ห า ส ม ณ เ จ้ า
กรมพระยาวชิ รญาณ วโรรส
หน้าที่1
พระประวัติ หน้าที่2
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ วโรรส (มีพระชนมายุระหว่าง พ.ศ.
๒๕๐๓ - ๒๕๖๔) หม้อร้านโกสินทร์ พระประวัติ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยา
วชิรญาณวโรรส ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๐ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มี
พระนามเดิมคือ “พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ" ทรงเป็น พระอนุชาต่างพระมารดาใน
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ประสูติเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ 5 ได้ทรงเป็นกรม
หมื่นวชิรญาณ วโรรส แล้วเลื่อนขึ้นตามลำดับ จนในที่สุดได้เป็นสมเด็จพระมหา สมณ
เจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และทรงดำรงตำแหน่ง “สกลมหาสังฆปรินายก" ใน
พ.ศ2553
พ ร ะ ก ร ณี ย กิ จ สำ คั ญ
พระกรณียกิจสำคัญ ด้านการศึกษา ทรงได้รับโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จ พระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้ทรงเป็นผู้รับผิดชอบการจัดการศึกษาของชาติในหัวเมือง โดยให้
แยกออกจาก กรมศึกษาธิการ ทรงแต่งตั้งพระราชาคณะไปเป็นผู้อำนวยการออกไปตรวจ
สอบการดำเนินงานของคณะสงฆ์ พร้อมทั้งแนะนำพระสงฆ์และฆราวาสให้จัดตั้งโรงเรียน
ขึ้นใหม่ในตำบลต่างๆ เท่าที่สามารถจะทำได้ ทำให้ การจัดการศึกษาในหัวเมืองมีความเจริญ
ก้าวหน้ามาก ด้านประวัติศาสตร์ พระองค์ได้ทรงศึกษาค้นคว้าวิชาการทางด้าน
ประวัติศาสตร์ ดังจะเห็นได้จาก พระนิพนธ์ประวัติศาสตร์ที่ปรากฏออกมาอย่างแพร่หลาย
เช่น พงศาวดารสยาม ตำนาน ประเทศไทย หัวข้อในพระราชพงศาวดารกรุงเก่า หมายเหตุ
พระราชพงศาวดาร กรุงเก่า เป็นต้น และยังมีงานพระนิพนธ์แปลจากหนังสือต่างประเทศ
อีกหลายเล่มนิพนธ์ทางด้านประวัติศาสตร์ไทยของพระองค์ในยุค ที่ไทยกำลังเผชิญกับการ
ล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก ขณะนั้นได้กระตุ้นให้คนไทยได้รู้จักความเป็นมาของ ชนชาติ
ไทยและเกิดความหวงแหนประเทศชาติ มากยิ่งขึ้น
หน้าที่3
พระเจ้าบรมวงศ์ กรมหลวงวงษาธิราชสนิทต้นราชสกุล
พระประวัติ หน้าที่4
พระเจ้าบรมวงศ์ กรมหลวงวงษาธิราชสนิทต้นราชสกุล “สนิทวงศ์” พระนามเดิม คือ
“พระองค์เจ้านวม” เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่2
และเจ้าจอมมารดาปรางใหญ่ ประสูติใน พ.ศ.2351 และทรงสิ้นพระนม์ใน พ.ศ.2413 ใน
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พ ร ะ ก ร ณี ย กิ จ สำ คั ญ
ด้านการแพทย์ ทรงปรีชาสามารถในเรื่องยาไทยและแพทย์แผนไทยอีกทั้งยังได้ทรงศึกษา
วิชาแพทย์ฝรั่งจนมีความรู้ความสามารถ จนทรงได้การรับรองจากมหาวิทยาลัยใน
สหรัฐอเมริกา
ด้านการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทรงมีบทบาทสำคัญในการเจรจาทางการทูต
เพื่อทำสนธิสัญญากับตะวันตก ทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในการเจรจา
ทางการทูต เพื่อทำสนธิสัญญากับจะวันตก
ด้านภาษาและวรรณกรรม ทรงมีความสามารถในด้านโคลง กลอน ฉันท์ โดยพระนิพนธ์
วรรณกรรมไว้หลายเรื่อง เช่น เพลงยาวสามชายตำราเพลงยาวกลบทสิงโตเล่นหาง โคลง
นิราศพระประธม โคลงและสุภาษิต จินดามณีเป็นต้น
ผลงานจากบุคคลสำคัญของไทยที่ได้รับ การ
ย อ ม รั บ จ า ก ยู เ น ส โ ก
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธราชสนิท ทรงมีบทบาทสำคัญทางด้านการแพทย์
และการต่างประเทศจากพระราชกรณียกิจที่มีต่อบ้านเมือง ทำให้พระองค์ทรงได้รับยกย่อง
จากองค์กราการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก ให้เป็น
บุคคลสำคัญของโลก
หน้าที่5
สมเณรพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ
หน้าที่6
พระประวัติ
พระยาเทวะวงศ์วโรปการ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระย ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาเปี่ ยม (ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จ เมื่อยัง
พระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา ในรัชกาลที่ 5) สมเด็จ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการประสูติเมื่อ
พ.ศ. ๒๕๐๖ ทรงพระเยาว์ได้ทรงศึกษาภาษาไทย ภาษาบาลี และภาษา อังกฤษ ในพระราชสำนัก
เมื่อสำเร็จการศึกษาทรงได้มาช่วย บริหารราชการแผ่นดินในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวและรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตราบจนกระทั่ง
สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖
พระกรณียกิจสํ าคัญ
ด้านการต่างประเทศ ของสมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการในขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งเป็น
เสนาบดี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้น ไทยกำลังประสบปัญหาการแพร่อิทธิพลเข้ามาของ
ชาติมหาอำนาจ รัฐบาล จึงต้องใช้วิธีการเจรจาผ่อนสั้ นผ่อนยาวกับมหาอำนาจตะวันตกโดยเฉพาะ
กับประเทศฝรั่งเศส จนกระทั่ง เกิดเหตุการณ์ ร.ศ. ๑๑๒ ประเทศฝรั่งเศสพยายามบีบบังคับเพื่อ
ผนวกดินแดนของไทยเป็นอาณานิคม แต่ประเทศไทยก็รอดพ้นจากการเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส
มาได้ด้วยการอาศัยนโยบายทางการทูต ผู้ที่มี บทบาทสำคัญในการเจรจากับฝรั่งเศส คือ สมเด็จฯ
กรมพระยาเทวะวงศ์ วโรปการ
หน้าที่7
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
หน้าที่8
พระประวัติ
พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (21 มิถุนายน พ.ศ. 2405 –
1 ธันวาคม พ.ศ. 2486) เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติ
แต่เจ้าจอมมารดาชุ่ม ท.จ.ว. และเป็นองค์ต้นราชสกุลดิศกุลทรงดำรงตำแหน่งที่สำคัญทางการ
ทหารและพลเรือน เช่น เจ้าพนักงานใหญ่ ผู้บัญชาการทหารบก อธิบดีกรมศึกษาธิการ
(ตำแหน่งเทียบเท่าเสนาบดี) องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร
นายกราช - บัณฑิตยสภา องคมนตรีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาท
สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และอภิรัฐมนตรีใน
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระกรณียกิจโดยสั งเขป
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงประกอบพระ
กรณียกิจด้านต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นงานใหญ่ และงานสำคัญอย่างยิ่ง ของบ้านเมือง
ทรงเป็นกำลังสำคัญในการบริหารประเทศหลายด้าน และทรงเป็นที่ไว้วางพระราช
หฤทัยในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นอย่างสูง ผลงานด้านต่าง ๆ
ของพระองค์แสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพอันสูง เป็นที่ประจักษ์แก่มหาชนทุกยุค
ทุกสมัยถึงแม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิบัติหน้าที่ทางการศึกษาอยู่ในช่วงระยะเวลาสั้ น
เพียงประมาณ 3 ปี (พ.ศ. 2333 – 2335) แต่พระองค์ ทรงมีพระดำริริเริ่มเป็น
เยี่ยมในพระกรณียกิจด้านนี้หลายประการ
ผลงานจากบุคคลสำคัญของไทยที่ได้รับ การยอมรับจากยูเนสโก
ผลงานที่ได้รับการยอมรับจากยูเนสโก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรม
พระยาดำรงราชานุภาพ” ทรงเป็นคนไทยพระองค์แรกที่ “ยูเนสโก” (UNESCO) หรือ
องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ประกาศยกย่องให้เป็น “บุคคล
สำคัญของโลก” ในวันนี้ และทรงเป็น “บิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย” เนื่องด้วยผลงานที่ท่านได้
รังสรรค์ไว้ขณะยังมีพระชนม์ชีพอยู่นั้นได้ตกเป็นมรดกทางปัญญาของคนไทยมาจนกระทั่งทุกวัน
นี้ ทั้งในส่วนของการศึกษา สาธารณสุข ประวัติศาสตร์ และโบราณคดี
หน้าที่9
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า
กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
หน้าที่10
พระประวัติ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่
62 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิง
พรรณราย (หม่อมเจ้าหญิงพรรณราย หรือ แฉ่) พระราชธิดาของกรมหมื่นมาตยาพิทักษ์
ประสูติในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันอังคาร เดือน 6 ขึ้น 11 ค่ำ ปีกุน เบญจศก จ.ศ. 1225
ตรงกับวันที่ 28 เมษายน 2406 และได้รับพระราชทานพระนามจากสมเด็จพระบรมชนกนา
รถโดยมีพระราชหัตถเลขาดังนี้[1]
พระกรณียกิจโดยสั งเขป
พระองค์ทรงเป็นเสนาบดีหลายกระทรวง ประกอบไปด้วย กระทรวงโยธาธิการ กระทรวงพระ
คลังมหาสมบัติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงวังทั้งยังดำรงตำแหน่งองคมนตรีและรัฐมนตรี
สภา และสมาชิกสภาการคลัง
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงตำแหน่งอภิรัฐมนตรีที่ปรึกษา
ราชการแผ่นดิน อุปนายกราชบัณฑิตยสภา แผนกศิลปากร และพระองค์ยังได้รับการแต่งให้ให้
ดำรงตำแหน่งผู้กำกับการพระราชวงศ์ มีหน้าที่สนองพระเดชพระคุณในพระราชกรณียกิจส่วน
พระองค์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระราชวงศ์พระองค์ใดที่มีกิจที่ไม่ต้องกราบ
บังคมทูลพระกรุณาก็ให้ติดต่อกราบบังคมทูลต่อพระองค์แทน นอกจากนี้ ในขณะที่พระบาท
สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จยังต่างประเทศ พระองค์ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้
สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2476 จนกระทั่ง พระบาทสมเด็จ
พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติ พระองค์จึงพ้นจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทน
พระองค์
หน้าที่11
พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี
หน้าที่12
พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี
พระปร
ะวัติ
พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2449 เวลา 08.07 น.
มีพระนามเดิมว่า เครือแก้ว อภัยวงศ์ หรือ ติ๋ว เป็นธิดาของ พระยาอภัยภูเบศร
(เลื่อม อภัยวงศ์) กับ เล็ก บุนนาค
พระกรณียกิจโดยสั งเขป
ด้านกา
รศึกษา
พระนางเจ้าสุวัทนาและพระราชธิดาองค์อุปถัมภิกาการศึ กษาแห่งชาติ
พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ทรงสนับสนุนการศึกษาอย่างเต็มที่ ด้วยทรงกำพร้าพระชนนี
และไม่ได้ติดต่อกับพระชนก จึงทรงไม่ได้รับการศึกษาอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้น เมื่อเสด็จนิวัต
ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2502 ก็ทรงสนับสนุนการศึกษาอย่างเต็มที่
ด้านศาสนา
พระนางเจ้าสุวัทนาและพระราชธิดาทอดพ
ระกฐินพระราชทาน ณ วัดพระปฐมเจดีย์
เมื่อวันที่ 12 พฤ
ศจิกายน 2512
พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ทรงมีศรัทธาในบวรพุทธศาสนา ทรงศรัทธาร่วม
การก่อสร้าง บูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ เสนาสนะ และพระพุทธรูป
ด้านการเศรษฐกิจ
ได้โปรดที่จะเสด็จประพาสตลาดแทบทุกเย็น และโปรดจะประพาสตลาดหัวเมืองต่าง ๆ ทั้งทรง
สนับสนุนสินค้าของราษฎร เช่น ผ้าทอ เครื่องจักสาน รวมถึงผัก ผลไม้ ต้นไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ
ด้านศิ ลปวัฒนธรรมไทย
ด้านนาฏศิลป์ เมื่อสิ้นรัชกาลพระสวามี ก็ทรงสนับสนุนการละครหลวง
โดยจะเสด็จพระดำเนินไปทอดพระเนตรละครที่โรงละครของพระยาอนิรุ
ธเทวา เมื่อเสด็จไปประเทศอังกฤษ ก็ทรงเผยแผ่วัฒนธรรมไทยอาทิ
การรำ การละครซึ่งส่วนใหญ่จะแสดงเป็นละครจากบทพระราชนิพนธ์ใน
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยุ่หัว
หน้าที่13
หม่อมงามจิตต์บุญฉัตร ณ อยุธยา
หน้าที่14
หม่อมงามจิตต์บุญฉัตร ณ อยุธยา
พระประวัติ
หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ณ อยุธยา มีชื่ อเดิมว่า งามจิตต์ สารสาส เกิดเมื่อวันที่ 7
มิถุนายน พ.ศ. 2458 เป็นธิดาของพันโท พระสารสาสน์พลขันธ์ (ลอง สุนทานนท์ และ
นางสวัสดิ์ สารสาสน์พลขันธ์ อดีตนายด่านศุลกากรจังหวัดสมุทรปราการ กับคุณหญิง
ฟอง อัศวนนท์) เกิดในย่านเขตดุสิต หม่อมงามจิตต์มีพี่น้อง 4 คน หม่อมงามจิตต์
สมรสกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร โดยใช้นามราชสกุลฉัตรชัย ณ อยุธยา
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามราชสกุลบุรฉัตร ณ อยุธยา สำหรับหม่อมในพระวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ณ อยุธยาและสามี มีพระโอรส
บุญธรรมหนึ่งคน คือ หม่อมหลวงธีรฉัตร บุรฉัตร ซึ่งแท้จริงเป็นพระภาคิไนยของพระว
รวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร โดยเป็นโอรสของท่านหญิงเฟื่ องฉัตร ดิศกุล พระ
ขนิษฐาในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร หม่อมงามจิตต์ ถึงแก่อนิจกรรมอย่าง
สงบ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2526
พระกรณียกิจ
๑. ในการประชุมกรรมการอำนวยการสภาสตรีระหว่างประเทศ (ICW) ที่
ปารีส เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๐ (ค.ศ. ๑๙๗๗) หม่อมงามจิตต์ฯ ได้ขอให้สภาสตรี
ระหว่างประเทศยื่นข้อเสนอต่อองค์การสหประชาชาติผ่าน ผู้แทนICW
๒. จัดงานฉลองครบรอบ ๙๐ ปีของสภาสตรีระหว่างประเทศ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๑ ณ กรุง
ออสโล ประเทศนอร์เวย์ และจัดสัมมนาเรื่อง Women in Development ซึ่งเจ้าหญิง
ซอนยา พระชายาของมกุฎราชกุมารนอร์เวย์ เสด็จมาร่วมฟังการสัมมนาด้วย
๓. จัดการประชุมใหญ่สภาสตรีระหว่างประเทศ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ ที่ไนโรบี ประเทศ
เคนยา ในหัวข้อ “COMMUNICATION” ให้สำเร็จลุล่วงและได้ผลดี
๔. จัดประชุมสตรีชนบททั่วโลกและประชุมผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหารที่มีอำนาจตัดสินใจ
ด้านพัฒนาชนบท เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๒ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
๕. พ.ศ. ๒๕๒๔ จัดงานโคเน็กซ์ ๘๑ – สหชาติศิลปาชีพ (Conex ‘81) ใน
พระบรมราชูปถัมภ์ และพระบรมราชินูปถัมภ์ หรือชื่ อทางการว่า งานแสดง
ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมระหว่างประเทศ และการประชุมชาวชนบททั่วโลกปี 2524
หน้าที่15
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ-พระยาศรีสุนทรโวหาร
หน้าที่16
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ-พระยาศรีสุนทรโวหาร
พระประวัตื
พระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพระยาศรี
สุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) พระองค์ทรงประกอบพระกรณียกิจนานัปการด้วย
พระปณิธานแนวแน่ที่จะทำประโยชน์เพื่อประชาชนชาวไทย ศักยภาพของการพัฒนาจึง
ทรงอุปถัมภ์กิจการที่เกี่ยวกับด้านการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ การแพทย์และการ
สาธารณสุข ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านสัมพันธไมตรี การสื่ อสารและการแลกเปลี่ยนทาง
วัฒนธรรม ด้านการศาสนาและศิลปวัฒนธรรม
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประสูติเมื่อวันอาทิตย์
ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร[1] เป็นพระธิดาพระองค์แรกใน
สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกและสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ผลงานจากบุคคลสำคัญของไทยที่ได้รับ การยอมรับจากยูเนสโก
16 พ.ย.2564 - นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) กล่าวว่า ตามที่
ประเทศไทยได้เสนอพระนามสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราช
นครินทร์ และพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) เป็นบุคคลสำคัญของโลกอีกท่านหนึ่ง
ด้วย ต่อที่ประชุมยูเนสโก เนื่องจากในวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 จะเป็นวาระครบรอบ 100 ปี วัน
ประสูติของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ประเทศไทยจึงได้เสนอพระนามให้ยูเนสโกพิจารณาประกาศยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลก เพราะ
พระองค์ทรงประกอบพระกรณียกิจนานัปการด้วยพระปณิธานแนวแน่ที่จะทำประโยชน์เพื่อประชาชน
ชาวไทย และสังคมโลก ทั้งยังทรงยึดมั่นในคุณค่าของมนุษย์ และศักยภาพของการพัฒนาจึงทรง
อุปถัมภ์กิจการทั้งปวงที่เกี่ยวกับด้านการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ การแพทย์และการ
สาธารณสุข ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านสัมพันธไมตรี การสื่ อสารและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม
ด้านการศาสนาและศิลปวัฒนธรรม ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณและพสกนิกรชาวไทย
หน้าที่17
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
หน้าที่18
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
พระประวัติ
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระนามเดิมว่า สังวาลย์ (ไม่มีนามสกุล เนื่องจากพระ
ราชบัญญัติขนานนามสกุลเริ่มมีใน พ.ศ. 2456) เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21
ตุลาคม พ.ศ. 2443 ณ จังหวัดนนทบุรี เป็นบุตรคนที่ 3 ในนายชูและนางคำ มีพี่น้อง 2 คนซึ่ง
ได้ถึงแก่กรรมตั้งแต่เยาว์วัย คงเหลือแต่น้องชายซึ่งอ่อนกว่าสองปี คือ คุณถมยา
พระราชกรณียกิจ
ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเริ่มเสด็จพระราชดำเนินออกเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุร
กันดารเมื่อพ.ศ. 2507 ทุกครั้งที่เสด็จเยี่ยมประชาชนในท้องที่ห่างไกลก็จะทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แพทย์หลวงที่ตามเสด็จช่วยรักษาพยาบาลชาวบ้านที่ป่วยไข้ซึ่ง
พระองค์จะเสด็จไปทอดพระเนตรการปฏิบัติงานด้วยพระองค์เองทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม
ในแต่ละแห่งที่เสด็จเยี่ยมทรงใช้เวลาราว 3-4 ชั่วโมง ทำให้แพทย์ที่ตามเสด็จฯ เพียง
1-2 ท่าน ไม่สามารถทำการรักษาผู้ป่วยที่มีจำนวนนับร้อยได้ทัน สมเด็จพระศรีนครินท
ราบรมราชชนนีจึงได้ทรงมีพระราชดำริที่จัดตั้งหน่วยแพทย์อาสาในพระองค์ขึ้น โดยให้
ทดลองจัดตั้งขึ้นก่อนในปีพ.ศ. 2511 ซึ่งปรากฏว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
ด้านการศึ กษา
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงสนพระทัยในเรื่ องการศึ กษาของเยาวชนในเขตชนบท
เป็นอย่างมากด้วยทรงมีพระราชดำริว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เยาวชนในชนบท มีความ
รู้ความคิดและสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดอันจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาชนบท
ด้านการ
ศึ กษา
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงสนพระทัยในเรื่ องการศึ กษาของเยาวชนในเขตชนบทเป็น
อย่างมากด้วยทรงมีพระราชดำริว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เยาวชนในชนบท มีความรู้
ความคิดและสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดอันจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาชนบท
ด้านการอนุรักษ์ธรรม
ชาติ และสิ่งแวดล้อม
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นพระราชวงศ์ที่โปรดธรรมชาติ
มาก ทรงสร้างพระตำหนักดอยตุง ขึ้นบริเวณดอยตุง เนื้อที่ 29 ไร่ 3
งาน ที่บ้านอีก้อป่ากล้วย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
หน้าที่19
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี
หน้าที่20
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี
พระประวัติ
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เป็นพระเจ้าลูกเธอพระองค์ที่ 60
ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นลำดับที่ 4 ซึ่งประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเปี่ ยม
ทรงพระราชสมภพใน พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันพุธ เดือน 10 แรม 2 ค่ำ ปีจอ จัตวาศก จ.ศ.
1224 ซึ่งตรงกับวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2405 โดยได้รับพระราชทานพระราชหัตถเลขาตั้ง
พระนามจากสมเด็จพระบรมชนกนาถเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2405 ซึ่งเป็นวันทรงประกอบ
พระราชพิธีสมโภชเดือนว่า " พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา "
พระราชกรณียกิจ
ด้านการ
ศึกษา
ทางด้านการศึกษาพระองค์ได้พระราชทานพระราชทรัพย์เพื่อบำรุงโรงเรียนต่าง ๆ ทั้งในส่วน
กลางและส่วนภูมิภาค อาทิเช่น โรงเรียนราชินี โรงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลาโรงเรียน
วัฒโนทัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ โรงเรียนเจ้าฟ้าสร้าง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ด้านการศาสนา
สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าทรงสนพระราชหฤทัยพระพุทธศาสนาด้วยความเลื่อมใสศรัทธา
ทรงอ่านพระไตรปิฏกฉบับทองใหญ่ ทรงศีลเป็นประจำในวันธรรมสวนะ พระราชกรณียกิจสำคัญ
ในด้านการศาสนาก็คือการที่พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จัดพิมพ์อัฏฐกถาชาฎก 1 คัมภีร์ 10
เล่มสมุดพิมพ์ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงอุทิศถวายสิ่งของต่าง ๆ แก่วัดปทุมวนารามด้วย
ผลงานจากบุคคลสำคัญของไทยที่ได้รับ การยอมรับจากยูเนสโก
สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ได้รับยกย่องเป็น
บุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ประยุกต์ (สาธารณสุข)
วัฒนธรรม สังคมศาสตร์ และมานุษยศาสตร์ เนื่องในวาระครบรอบ ๑๕๐ ปี พระ
ราชสมภพ ในวันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕
เป็นเรื่องที่น่าปีติยินดีที่พระมหากษัตริย์ไทย พระราชวงศ์ และบุคคลทั่วไป ผู้มี
คุณูปการต่อการศึกษาไทย ได้ทรงสร้างสรรค์และได้สร้างสรรค์ผลงานมากมาย
ฝากไว้แก่อนุชนรุ่นหลัง ได้รับการยกย่องในระดับโลก ตราบใดที่คนในชาติเรายังคง
หมั่นแสวงหาความรู้ ใช้ความคิด แล้วลงมือปฏิบัติ ในอนาคตจะมีชาวไทยได้รับ
เกียรติเช่ นนี้ สื บเนื่ องไปแน่นอน