The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นาฏศิลป์ของประเทศต่างๆ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Chanathip Maenmueang, 2024-06-23 04:58:22

นาฏศิลป์

นาฏศิลป์ของประเทศต่างๆ

นาฏศิลป์ตะวัน วั ออก จัดทำ โดย เด็กชาย ชนาธิป แมนเมือง เสนอ คุณครูสุดา จันทร์ทอง รายวิชวิา ดนตรี นาฏศิลป์ โรงเรีย รี นปากพนัง ม.2/1 เลขที่7


นาฏศิลป์ตป์ะวันวัออก หมายถึงศิลปะการร่าร่ยรำ ในรูปรูแบบ ของระบำ รำ ฟ้อฟ้น และการแสดงที่เป็น ป็ เรื่อรื่งราวเรียรีกว่าว่ ละคร ของกลุ่มลุ่ประเทศในภูมิภูภมิาคเอเชียชีที่มีคมีวามสัมสัพันพัธ์ ทางวัฒวันธรรมการแสดงโดยเฉพาะ ที่เกี่ยวข้อข้งกับนาฏศิลป์ ไทย ได้แด้ก่ นาฏศิลป์อิป์ อินเดียดีนาฏศิลป์ญี่ป์ ปุ่ญี่ปุ่นปุ่นาฏศิลป์จีป์นจี นาฏศิลป์อิป์ อินโดนีเนีซียซี นาฏศิลป์ตะวันออก


นาฏศิลป์อินเดีย อินเดียเป็นต้นแบบในศิลปะหลายๆด้านชาวอินเดียมีความเชื่อและนับถือในสิ่งศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับ ศาสนาและเทพเจ้าจึงเกิดเป็นตำ นานต่างๆขึ้นมากมายตำ นานเกี่ยวกับนาฏศิลป์อินเดียนี้ เกี่ยวข้องกับพระพรหมซึ่งเป็นผู้สร้างนาฏยเวทขึ้นตามข้อสันนิษฐานว่าว่พระภรตฤๅษีเป็นผู้แต่ง แต่เขียนในลักษณะผู้เล่าเรื่อรื่งนาฏยเวทที่ได้เรียรีนมาจากพระพรหม ๑. ภารตนาฏยัม เป็นนาฏศิลป์ของอินเดียตอนใต้ เป็นการแสดงที่ใช้ผู้ หญิงแสดงและนิยมแสดงเดี่ยว มีลีลาการใช้จังหวะเท้าที่รวดเร็ว มีความหมายในท่ารำ ใช้ศิลปะการร่ายรำ ตามตำ รานาฏยศาสตร์ของพระ ภรตฤๅษี การแต่งกาย ผู้หญิงจะสวมเสื้อรัดรูป คอกว้าง แขนสั้น ตัวสั้น ถึงใต้อก ห่มสาหรี เกล้ามวยต่ำ หรือรืสูงประดับดอกไม้ เจิมจุดแดงกลาง หน้าผาก ๒. กถัก เป็นนาฏศิลป์ของอินเดียตอนเหนือ นิยมแสดงเดี่ยว ผู้แสดงอาจ เป็นหญิงหรือรืชายก็ได้ เป็นการผสมระหว่างวัฒนธรรมฮินดูและมุสลิม มี บทร้องเกี่ยวกับเทพเจ้าของฮินดูและเรื่อรื่งราวจากวรรณคดี การแต่งกาย ผู้หญิงสวมเสื้อคอกว้าง แขนสั้น เอวลอย ห่มสาหรี เกล้ามวยผม ใช้สาหรีครีลุมผม ผู้ชายแต่งกายคล้ายกัน ใช้ผ้าโพกศีรษะ ๓. กถกฬิ หรือรืกถักกฬิ เป็นนาฏศิลป์ของอินเดียตอนใต้ นิยมแสดงเป็น เรื่อรื่งแบบละครเป็นมหากาพย์ เช่น มหาภารตะ รามายณะ ใช้ผู้ชายแสดงล้วน ใช้ภาษาซับซ้อน มีการแต่งหน้าที่ประณีตโดยใช้สี ธรรมชาติ การแต่งกาย นุ่งกระโปรงยาว ใส่สุ่มด้านใน มีเครื่อรื่งประดับ ศีรษะ เป็นมงกุฎใหญ่ มีรัศมีอยู่ด้านใน


๓. ละครเคียวเง็น เป็นการแสดงละครตลกสลับฉาก ลักษณะคล้ายกับ จำ อวดของไทย เป็นละครเสียดสีเรื่อรื่งราวชวนหัว ทั้งคำ พูดและการแสดง เนื้อเรื่อรื่งที่แสดงไม่มีการฝึกซ้อม ใช้ความรู้สึกตามธรรมชาติ ๑. ละครโนะ เป็นละครที่เก่าแก่ที่สุด แต่เดิมจัดแสดงตามวิหวิาร มีกฎข้อ บังคับเคร่งครัดมาก แสดงเรื่อรื่งเกี่ยวกับเทพเจ้า การแต่งกายงดงาม ผู้ แสดงจะสวมหน้ากาก ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่าทางการเคลื่อนไหวล้วนมี ความหมายทั้งสิ้นแต่เดิมแสดงใต้ร่มไม้ ต่อมาทำ เวทีอย่างง่ายๆ เป็นเวที สี่เหลี่ยมคนดูดูได้รอบ จัดฉากง่ายๆ เขียนรูปต้นสนและไม้ไผ่ไว้ห่างๆ และมี สนสามกิ่งยื่นออกมาเพื่อรักษาสภาพเดิมที่เคยแสดงใต้ร่มไม้ ถือว่าเป็นการ แสดงชั้นสูง นาฏศิลป์ญี่ปุ่น นาฏศิลป์ของญี่ปุ่นปุ่มีกำ เนิดมาจากการแสดงเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่ง ภูเขาไฟบาง ประเภทเกิดจากแรงบันดาลใจทางศาสนา บางประเภท เกิดจากรสนิยมความต้องการของคนชันสูง พ่อค้า ชาวบ้านตามยุค สมัยที่แตกต่างกันดังนี้ ๒. ละครคาบูกิ เป็นละครที่ได้รับความนิยมมาก ผสมผสานระหว่างละครโนะ และ ละครหุ่นบุนรากุ การแสดงมีทั้งการร้องและการพากษ์ ท่าทางการแสดงมี แบบแผนที่เคร่งครัด เรื่อรื่งที่แสดงเป็นเรื่อรื่งประวัติศาสตร์ ศาสนาและ เทพนิยาย ใช้ผู้ชายแสดงล้วนแต่งกายด้วยสีสันฉูดฉาด มีการเขียนหน้าคล้าย งิ้ว การแต่งหน้ามีแบบแผนตายตัว กำ หนดว่าสีใดเป็นของตัวละครใด เช่น ผู้ร้ายหน้าสีน้ำ เงิน พระเอกหน้าสีขาว


๑. งิ้วปักกิ่งของจีนถูกขนานนามว่าว่เป็น“อุปรากรแห่งบูรพา” นับ เป็นมรดกทางวัฒวันธรรมแห่งชาติขนานแท้ของจีน เพราะเกิดขึ้นใน ปักกิ่ง จึงมีชื่อเรียรีกกันว่าว่ “จิงจวี้”วี้ที่แปลเป็นไทยว่าว่ “งิ้วปักกิ่ง” งิ้ว ปักกิ่งมีประวัติวั ติกว่าว่ 200 ปีแล้ว ต้นกำ เนิดของงิ้วปักกิ่งต้องย้อน หลังไปถึงงิ้วท้องถิ่นเก่าแก่บางชนิดในอดีต โดยเฉพาะคือ “ฮุยปัน” ที่เป็นงิ้วท้องถิ่นที่เคยแพร่หลายอย่างกว้าว้งขวางในภาคใต้ของจีน เมื่อศตวรรษที่ 18 ในปี 1790 คณะงิ้วท้องถิ่น“ฮุยปัน”คณะแรก เข้าสู่กรุงปักกิ่งเพื่อเข้าร่วมงานแสดงเนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองวันวั เฉลิมพระชนมพรรษาของจักรพรรดิ นาฏศิลป์จีน นาฏศิลป์จีนเกิดจากพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ การบูชา การฉลองชัยและพิธีการขอความอุดมสม บรณ์ในการเกษตรก่อนการแสดงทุกครั้งจะต้องมีการเคารพบูชาพระบรมรูปของพระจักรพรรดิมิ่ง ฮ้วงเพราะถือว่าพระองค์ทรงเชี่ยวชาญด้านการละครและดนตรีนิ้รีนิ้วเป็นการแสดงที่ผสมผสานการขับ ร้องและเจรจาประกอบกับท่าลีลาของนักแสดงให้ออกมาเป็นเรื่อรื่งราวโดยนำ เหตุการณ์ต่างๆใน พงศาวดารรวมทั้งความเชื่อทางประเพณีและศาสนามาแสดงเป็นเรื่อรื่งราว ๒. “ระบำ กระบี่” การรำ กระบี่นั้น ถูกพัฒนามาเพื่อให้ทหารออกกำ ลังกาย หากจะให้ เปรียรีบเทียบก็เหมือนการเต้นแอโรบิกในปัจจุบัน ระบำ กระบี่เป็น 1 ใน 4 ระบำ โบราณของจีน บ่อยครั้งที่มักจะนำ พู่มาติดที่ด้ามของกระบี่ เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับการแสดงให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ๓. งิ๋วแต้จิ๋วเป็นหนึ่งในงิ้วท้องถิ่นดั้งเดิมที่มีมาช้านานของจีน ร้องด้วย ภาษาแต้จิ๋วซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นในเมืองแต้จิ๋วและซัวเถา นับถึงปัจจุบันมี ประวัติยาวนาน 580 ปีแล้ว ได้รับการแพร่หลายอย่างกว้างขวางในพื้นที่ เมืองแต้จิ๋วและซัวเถาของมณฑลกวางตุ้ง ภาคใต้ของมณฑลฝูเจี้ยน ตลอด จนประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และพื้นที่อื่นๆ


นาฏศิลป์อินโดนีเซีย นาฏศิลป์ของประเทศอินโดนีเซียมีความหลากหลาย เนื่องจากมีเกาะมากมายและ แต่ละเกาะมีการแสดงของตนเอง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นศิลปะการแสดง เก่าแก่ที่สุดคือ การเชิดหุ่นเรียรีกว่าวายังนอกอย่างนี้ยังมีนาฏศิลป์ประจำ ชาติคือ นาฏศิลป์สุมาตรา นาฏศิลป์ชวา นาฏศิลป์บาหลี ๑. การแสดงเชิดหุ่นเงา หรือรืวายัง เป็นนาฏศิลป์ประจำ ชาติที่เก่าแก่ ที่สุด แต่เดิมหุ่นเชิด ทำ ด้วยหนังสัตว์ เรียรีกว่า วายัง กุลิต เรื่อรื่งที่ใช้แสดงในวายังคือ รา มายณะ และมหาภารตะ โดยทำ เป็นบทละครเฉพาะของวายัง มีการแทรกเรื่อรื่งปรัชญา ข้อคิด ขบขันในชีวิตวิประจำ วัน นำ มาเชื่อมโยงร่วมสมัยใหม่ ๒. นาฏศิลป์สุมาตรา ลักษณะการแสดงจะแสดงเป็นเรื่อรื่งราวของ นิทานพื้นบ้านและเรื่อรื่งราวในราชสำ นัก จะไม่แสดงเรื่อรื่งรามายณะ และมหาภารตะ การแต่งกาย ผ้านุ่งที่ใช้มักเป็นลายหยกทอง และหยกเงิน ใส่เสื้อ กำ มะหยี่แขนยาว ตัวยาว ผมเกล้ามวยผมต่ำ ใช่ปิ่นหรือรืเครื่อรื่งประดับศีรษะสีทอง ๓. นาฏศิลป์ชวา เป็นการแสดงที่มีพื้นฐานมาจากการรำ ในราชสำ นักมีลีลา ร่ายรำ ที่นุ่มนวล ประณีต จังหวะที่ใช้ในการร่ายรำ จะช้า มีผ้าสไบเป็นส่วน ประกอบสำ คัญในการร่ายรำ เวลาแสดงตาจะตกตลอดเวลา ไม่ใช้สายตาไปยังคนดู วงดนตรีปรีระกอบการ แสดง เป็น วงดนตรีปรีระจำ ราชสำ นักสมัยโบราณ ปัจจุบันใช้วงดนตรีสำรีสำหรับฟ้อนรำ เรียรีกว่า ภารมวลัน การแต่งกาย นุ่งผ้าถุงรัดรูป แบบยอดการัต โดยทิ้งชายยาวไว้ด้านข้าง หรือรืแบบสราการัตนุ่งผ้าถุงจีบหน้าบาง ด้านหน้าชายผ้าครอบข้อเท้า สวม เสื้อแขนสั้นหรือรืแขนกุด สวมกระบังหน้าทองประดับเลื่อม ประดับมวยผม ด้วยปิ่น


นาฏศิลป์เขมร การแสดงของเขมรแต่ดั้งเดิมใช้ผู้หญิงแสดงเพราะเป็นการแสดงภายในราชสำ นัก เท่านั้นปัจจุบันการแสดงเพื่อประชาชนการแสดงมาตรฐานของเขมรจะแสดงเรียรีมเลอ ซึ่งมีรากฐานมาจากรามายณะของอินเดียแต่มีหลายตอนที่ไม่เหมือนของอินเดียและการ แสดงชุดโมนิเมขลาเทพธิดาและเรียรีมอายโชเจ้าพายุซึ่งเป็นตำ นานเดียวกับเมขลา รามสูรของไทย ๑. ระบำ อัปสรา เป็นการแสดงที่ถือกำ เนิดขึ้นมาไม่นานนัก โดยเจ้า หญิงบุปผาเทวี พระราชธิดาในเจ้านโรดมสีหนุ เพื่อเข้าฉาก ภาพยนตร์เกี่ยวกับนครวัด แต่กลายมาเป็นที่จดจำ และเป็นระบำ ขวัญใจชาวพม่า ด้วยเครื่อรื่งประดับศีรษะและท่วงท่าร่ายรำ อันเป็น เอกลักษณ์ที่ถอดแบบมาจากรูปสลักหินนางอัปสราในปราสาทนคร วัด ประหนึ่งทำ ให้นางอัปสราซึ่งเป็นรูปสลักหินนับพันปีมีชีวิตวิขึ้นมา ผ่านการแสดงนี้ ๒.ละครที่ได้รับความนิยมอีกชนิดหนึ่ง คือ ละครบาสสัก (Bassas) เป็นละครพูดมีเนื้อเรื่อรื่งเกี่ยวกับความรัก ซึ่งละครชนิดนี้ได้รับอิทธิพล จากเวียวีดนาม การแสดงของเขมรจะมีการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวล สง่า ย่อเข่ามากกว่าไทยและไม่อ่อนช้อยเท่าของไทย ๓. ละโคนโขล เป็นนาฏกรรมสวมหน้ากากอย่าง หนึ่งในประเทศกัมพูชา มีลักษณะใกล้เคียงกับการ แสดงโขนของประเทศไทย เนื่องจากได้รับการ ถ่ายทอดไป ปัจจุบันมีละโคนโขลในกัมพูชาสองรูป แบบได้แก่ ละโคนโขลวัดสวายอัณแดต และละโคน โขลคณะระบำ หลวงกัมพูชา แต่เดิมจะใช้ผู้หญิงใน การแสดง ต่างจากโขนของไทยที่จะใช้ผู้ชายแสดง


นาฏศิลป์พม่า การแสดงของชาวพม่า จะแสดงในงานพิธีการต่างๆ เกี่ยวกับศาสนา และประเพณี นาฎศิลป์ ที่เก่าแก่พม่าได้แก่ ระบวงสวรงเทพเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่วนการแสดงประเภทโขน ละคร ปรากฏใน สมัยพระเจ้ามังระ เมื่อไทยเสียกรุงศรีอรียุธยาให้กับพม่า นาฏศิลป์ไทยได้ถูกกวาดต้อนไปด้วย พระเจ้ามังระโปรดให้สอนโขนและละครไทยในพม่า เล่นเรื่อรื่งรามเกียรติ์และอิเหนา พม่าเรียรีก ว่า อินทรวงศ์ เป็นละครในราชสำ นัก นอกจากนี้ยังมีการเล่นละครนอกเรื่อรื่งสังข์ทองและ สังข์ศิลป์ชัย พระเจ้ามังระโปรดมากทรงให้รวมพวกละครและปี่พาทย์ไว้ในราชสำ นักและ พระราชทานบ้านเรือรืนให้เรียรีกว่า “ตำ บลโยธาราช” และพวกละครไทยที่แสดงเรียรีกว่า “โยธ ยาสัตคยี” ๑. การแสดงชุดระบำ หน้ากากพม่า เป็นการแสดงที่ เป็นนาฏศิลป์ พื้นเมืองของพม่ามาผสมผสานกับลีลาท่าทางของหุ่นกระบอกพม่า ซึ่งเป็นการแสดงที่สร้างสรรค์จากจินตนาการของพื้นเมืองของกลุ่ม ชาติพันธุ์ไทยใหญ่รวมถึงพม่า ซึ่งท่ารำ นั้นเป็นแบบพม่าไทยใหญ่ ดั้งเดิมและได้นำ มาเล่าเรื่อรื่งแสดงถึงการเกี้ยวพาราสี ๒.ละครนิพัทขิ่น มักจะแสดงเรื่อรื่งพุทธประวัติ ตอนตรัสรู้ เพราะไม่นิยม แสดงบทบาทของพระพุทธเจ้า หรือรืพระสาวกองค์สำ คัญ ต่อมาพม่าได้รับ อิทธิพลของอินเดียโดยผ่านทางเขมร ละครนิทัทขิ่นจึงแสดงเรื่อรื่งอื่นๆ เช่น รามายณะ เทพนิยายต่างๆ และเหตุการณ์ในราชสำ นัก ๓. ฟ้อนม่านมุยเชียงตา การฟ้อนแบบหนึ่ง ที่ได้รับ อิทธิพลจากพม่าถ่ายทอดผ่านท่ารำ การแต่งกาย ดนตรี บทร้อง ซึ่งมีการพัฒนาขึ้นในช่วงสมัยของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี ผสมผสานท่วงทำ นองดนตรีพรีม่า และเพลง ไทยเดิม อาทิ เพลงโยดายา เว่นซัยนันดา กลุ่มเพลงที่พม่า ได้รับอิทธิพลจากกรุงศรีอรียุธยาเมื่อครั้งเสียกรุง มีเนื้อร้อง เป็นภาษาแปลงให้คล้ายกับสำ เนียงพม่า ในปัจุบันไม่ สามารถแปลความหมายได้


ขอบคุณที่รับชมครับ


Click to View FlipBook Version