การพัฒนาอย่างยั่งยืน
Sustainable development
สารบัญ
แนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน .............................................................................................. 1
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ........................................................................................... 1
การพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้านเศรษฐกิจ ............................................................................ 5
กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ........................................................... 6
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) ........................ 7
นโยบายประเทศไทย 4.0 ............................................................................................. 8
การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ด้านสุขภาพ ............................................................... 9
กฎบัตรออตตาวาเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ ............................................................. 12
การสร้างเสริมสุขภาพ ............................................................................................... 12
การสนับสนุนชี้แนะ ................................................................................................... 13
การเป็นสื่อกลาง ........................................................................................................ 14
การปรับเปลี่ยนระบบบริการสุขภาพ ......................................................................... 17
การพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้านสิ่งแวดล้อม ...................................................................... 20
การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ด้านสังคม ............................................................... 22
์
การพัฒนาที่ยั่งยืน: การพัฒนายุคโลกาภิวัตน ........................................................... 22
มาตรการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ................................................................................ 22
อ้างอิง .......................................................................................................................... 27
1
แนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
องค์การสหประชาชาติให้ความสนใจเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาตั้งแต่ ช่วงปี
พ.ศ. 2515 โดยมีการจัดการประชุมเรื่องสิ่งแวดล้อมในระดับโลกขึ้นเป็นครั้งแรก ที่กรุง
สต็อคโฮม ประเทศสวีเดน และในปี2526 ได้จัดตั้ง คณะกรรมาธิการโลกในเรื่อง
สิ่งแวดล้อมและการพัฒนา (World Commission on Environment and
Development) เพื่อทำการศึกษา เรื่องการสร้างความ สมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อมกับ
การพัฒนา และต่อมาได้เผยแพร่เอกสารชื่อ Our Common Future เรียกร้องให้
ชาวโลกเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินชีวิตที่ฟุ่มเฟือย เพื่อให้มีการพัฒนาที่ปลอดภัยต่อ
สิ่งแวดล้อม เอกสารฉบับนี้มีส่วนสำคัญต่อการประชุม สุดยอดของโลก หรือ The Earth
Summit ที่ กรุง ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อปี พ.ศ. 2535 ซึ่งในการประชุม
ครั้งนั้นมีหนังสือ ประกอบการประชุมเล่มหนึ่งที่เรียกว่า Brultland Report ได้ให้คำ
จำกัดความคำว่าการพัฒนาที่ยั่งยืน ไว้ดังนี้ (การพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable
Development, ออนไลน์, 2561)
การพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นการพัฒนาที่ตอบสนองความจำเป็นของคนยุคปัจจุบันโดย
ไม่ลด ขีดความสามารถในการตอบสนองความจำเป็นของคนยุคต่อไป
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
การพัฒนาที่ยั่งยืน เริ่มต้นจากการประชุม สหประชาชาติ ครั้งที่ 2 ณ กรุงริโอ
เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล ในปี 1992 (2535) ประเทศสมาชิก ต่าง ๆ ประชุมร่วมกัน
ในหัวข้อว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการ และได้เห็นชอบให้ประกาศหลักการแห่งสิ่งแวดล้อม
และแผนปฏิบัติการ 21 สำหรับ ทศวรรษ 1991–1999 และศตวรรษที่ 21 เพื่อเป็นแผน
แม่บทของโลกสำหรับการดำเนินงานที่จะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในด้านสังคม
เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม และในเวลาต่อมาได้มีการ จัดทำเป้าหมายการพัฒนาแห่ง
สหัสวรรษ จำนวน 8 เป้าหมาย ครอบคลุมระยะเวลา 15 ปี (พ.ศ. 2543-2558) ได้แก่
ป้าหมายที่ 1 ขจัดความยากจนและความหิวโหย
2
เป้าหมายที่ 2 ให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา
เป้าหมายที่ 3 ส่งเสริมบทบาทสตรีและความเท่าเทียมกันทางเพศ
เป้าหมายที่ 4 ลดอัตราการตายของเด็ก
เป้าหมายที่ 5 พัฒนาสุขภาพสตรีมีครรภ์
เป้าหมายที่ 6 ต่อสู้โรคเอดส์ มาเลเรีย และโรคสำคัญอื่น ๆ
เป้าหมายที่ 7 รักษาและจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
เป้าหมายที่ 8 ส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาในประชาคมโลก
ปัจจุบัน MDGs ได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในหลาย
ประเทศ เช่นเดียวกับประเทศไทย และเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของการพัฒนา องค์การ
สหประชาชาติจึงได้ กำหนดเป้าหมายการพัฒนาขึ้นใหม่โดยอาศัยกรอบความคิดที่มอง
การพัฒนาเป็นมิติ (Dimensions) ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้มีความ
เชื่อมโยงกัน เรียกว่า เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development
Goals (SDGs)
3
สำหรับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (Sustainable Development
Goals: SDGs) ใน 15 ปีข้างหน้าที่จะใช้เป็นทิศทางการพัฒนาของประชาคมโลก ตั้งแต่
เดือนกันยายน ปี 2558 ถึง เดือนสิงหาคม 2573 ครอบคลุมระยะเวลา 15 ปี โดย
ประกอบไปด้วย 17 เป้าหมาย (Goals) 169 เป้าประสงค์ (Targets) โดยเป้าหมายต่าง
ๆ ประกอบด้วย
เป้าหมายที่ 1 ขจัดความยากจน : No Poverty
เป้าหมายที่ 2 ขจัดความหิวโหย : Zero Hunger
เป้าหมายที่ 3 มีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี : Good Health and Well-being
เป้าหมายที่ 4 การศึกษาที่เท่าเทียม : Quality Education
เป้าหมายที่ 5 ความเท่าเทียมทางเพศ : Gender Equality
เป้าหมายที่ 6 การจัดการน้ำและสุขาภิบาล : Clean Water and Sanitation
เป้าหมายที่7 พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้ : Affordable and Clean
Energy
เป้าหมายที่ 8 การจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ : Decent
Work and Economic Growth
เป้าหมายที่ 9 อุตสาหกรรม นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐาน : Industry,
Innovation and Infrastructure
เป้าหมายที่ 10 ลดความเหลื่อมล้ำ : Reduced Inequality
เป้าหมายที่ 11 เมืองและถิ่นฐานมนุษย์อย่างยั่งยืน : Sustainable Cities and
Communities
เป้าหมายที่12 แผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน : Responsible
Consumption and Production
เป้าหมายที่ 13 การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ : Climate Action
เป้าหมายที่ 14 การใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล : Life
Below Water
เป้าหมายที่ 15 การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางบก : Life on Land
4
เป้าหมายที่ 16 สังคมสงบสุข ยุติธรรม ไม่แบ่งแยก : Peace and Justice
Strong Institutions
เป้าหมายที่ 17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน : Partnerships to achieve
the Goal
5
การพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้านเศรษฐกิจ
นี่เป็นการนำเสนอว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเป้าหมายการพัฒนาอย่าง
ยั่งยืนมีการพัฒนามาอย่างไร ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเน้นคุณค่าของภูมิปัญญาและ
วัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อตอบสนองความท้าทายในการพัฒนาท้องถิ่นและปลูกฝัง
แนวความคิดที่ยั่งยืนให้กับคนในท้องถิ่น ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้ถูกนำไป
ประยุกต์ใช้ในหลาย ๆ ด้านของชีวิตอย่างมีนัยสำคัญก่อนที่จะนำมาใช้เพื่อให้บรรลุ
เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเป้าหมายการพัฒนา
อย่างยั่งยืนได้มีการบูรณาการไว้ในกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี และแผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) รวมทั้งนโยบายประเทศไทย
4.0 ดังนั้นแผนงานและแผนงบประมาณของหน่วยงานรัฐบาลทั้งหมดจึงถูกกำหนดให้
สอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
6
กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579)
กรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะเวลา 20 ปีที่ประกาศโดยนายกรัฐมนตรี
พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา เป็นสิ่งสำคัญในการให้ประเทศไทยมีทิศทางที่ชัดเจนใน
ระยะยาวเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เรียกกันว่าเป็นแผน 6-6-4 ซึ่งประกอบด้วย 6 ด้าน
6 ยุทธศาสตร์หลัก และ 4 ยุทธศาสตร์สนับสนุน
ยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้านประกอบด้วยความมั่นคง การเพิ่มขีดความสามารถในการ
แข่งขัน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความเสมอภาคทางสังคม การเติบโตที่เป็นมิตรต่อ
สิ่งแวดล้อมและการปรับสมดุลของสภาพแวดล้อม และการพัฒนาภาครัฐ
ยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้านดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อ :
• เพิ่มและพัฒนาศักยภาพของทุนมนุษย์
• ให้ความยุติธรรมและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
• เสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการ
แข่งขันอย่างยั่งยืน
• ส่งเสริมการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
• เสริมสร้างเสถียรภาพของชาติเพื่อการพัฒนาประเทศสู่ความมั่งคั่งและ
ความยั่งยืน
7
• เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการภาครัฐและส่งเสริมธรรมาภิบาล
ยุทธศาสตร์ที่สนับสนุนการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพประกอบด้วยการ
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การวิจัยและ
นวัตกรรม การพัฒนาเมือง ภูมิภาคและเขตเศรษฐกิจ และความร่วมมือระหว่างประเทศ
เพื่อการพัฒนา
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 12 ได้รับการจัดทำขึ้นให้สอดคล้องกับ
ยุทธศาสตร์ชาติ แผนนี้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากการใช้
ความรู้ ทักษะและการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและการวิจัยและ
พัฒนา นอกจากนี้ยังเน้นความสมดุลกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม แผนนี้ยังคงมุ่งเน้น
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งประกอบด้วย 3 หลักการคือ ความพอประมาณ ความ
สมเหตุสมผล และความรอบคอบ
8
นโยบายประเทศไทย 4.0
ประเทศไทย 4.0 สะท้อนให้เห็นถึงการบูรณาการของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
โดยเน้นการออกแบบระบบเศรษฐกิจฐานคุณค่าโดยการเทคโนโลยีใหม่ๆ ควบคู่ไปกับ
การปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการนำพาประเทศไทยออก
จากกับดักรายได้ปานกลางและผลักดันประเทศไทยเข้าสู่ประเทศที่มีช่วงรายได้สูง
นโยบายประเทศไทย 4.0 จะบรรลุผลได้โดยการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมที่มี
อยู่ในปัจจุบันของไทย 5 อุตสาหกรรม หรืออุตสาหกรรม “5 S-Curve แรก”
ประกอบด้วยอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์มูลค่าสูงและการท่องเที่ยว
ด้านสุขภาพ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และอาหาร นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริม 5
อุตสาหกรรมใหม่ หรือ “S-Curve ใหม่” ซึ่งรวมถึงหุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์
เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมดิจิทัลและศูนย์การแพทย์ซึ่งประเทศไทยมี
ศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จ
9
การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ด้านสุขภาพ
WHO ชี้ไทยก้าวหน้าบรรลุเป้าหมาย SDGs แนะลงทุนสุขภาพให้ผลตอบแทน
กลับสู่สังคมมหาศาล?
สสส.ร่วมถกบนเวทีนานาชาติ 51th APACPH ชี้มาตรการสร้างเสริมสุขภาพช่วย
แก้ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ด้าน WHO ชี้ไทยก้าวหน้าบรรลุเป้าหมาย
SDGs พร้อมแนะลงทุนด้านสุขภาพให้ผลตอบแทนกลับสู่สังคมมหาศาล
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 ที่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ ดร.สุปรีดา
อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดร.ปัทมา เธียร
วิศิษฎ์สกุล รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ ดร.แดเนียล
เคอร์เทส ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย บรรยายในเวทีหลักหัวข้อ
“SDGs and Public Health: At Present” เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการ
สาธารณสุข: ณ ปัจจุบัน ภายในการประชุมวิชาการสาธารณสุขนานาชาติ “51st
APACPH conference : SDGs in Reality” จัดโดย คณะสาธารณสุขศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมกว่า
800 คน จากกว่า 20 ประเทศ
ดร.สุปรีดา กล่าวว่า เป้าหมาย
การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
ถูกจัดเป็นหนึ่งใน 17 เป้าหมายโลก
ว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน SDGs (ข้อ
3) ขณะที่ภาพใหญ่ของ 17 เป้าหมาย
SDGs เน้นพัฒนาความสมดุล
ระหว่างปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ
และสิ่งแวดล้อม ล้วนแต่เป็นปัจจัย
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ กำหนดสุขภาพประชาชน ซึ่งการ
สร้างเสริมสุขภาพร่วมสมัยได้มุ่งที่จะ
ทำงานกับปัจจัยเหล่านี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็น เป้าหมายขจัดความยากจน ขจัดความหิวโหย
การศึกษาเท่าเทียม ความเท่าเทียมทางเพศ การจัดการน้ำและสุขาภิบาล การจ้างงานที่
มีคุณค่า การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน ฯลฯ
10
“พิสูจน์แล้วว่ามาตรการสร้างเสริมสุขภาพ ที่มุ่งแก้ไขปัจจัยกำหนดสุขภาพ มีส่วน
สำคัญในการพัฒนาสุขภาวะของประชาชนในวงกว้าง แล้วยังนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย
การพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่สมดุลทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ผ่านยุทธศาสตร์
สำคัญของการสร้างเสริมสุขภาพ อาทิ แนวคิดทุกนโยบายห่วงใยสุขภาพ (health in all
policies) สสส.ในฐานะองค์กรหลักที่สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ อีกนัยหนึ่งนับได้
ว่า ได้ปฏิบัติภารกิจประสานภาคีที่มุ่งขับเคลื่อนเพื่อเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนมา
อย่างต่อเนื่อง” ดร.สุปรีดา กล่าว
ด้าน ดร.แดเนียล เคอร์เทส
ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำ
ประเทศไทย กล่าวเกี่ยวกับการบรรลุ
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ในการมี
สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีว่า
ประเทศไทยมีความก้าวหน้าไปสู่การ
บรรลุเป้าหมายดังกล่าวในหลาย ๆ
ส่วนเทียบกับประเทศที่มีรายได้ปาน
กลางอื่น ๆ โดยยังคงมีบางประเด็นที่ ดร.แดเนียล เคอร์เทส
ประเทศที่มีรายได้ปานกลางควรจะ
เร่งพัฒนาให้เกิดขึ้น อาทิ การมีระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าซึ่งประเทศไทยเป็น
ต้นแบบระดับโลก การมีระบบจัดการข้อมูลที่ดีเพื่อใช้กำกับติดตามผลอย่างมี
ประสิทธิภาพ และการดึงภาคส่วนอื่น ๆ นอกเหนือจากภาคสุขภาพให้เข้ามามีส่วนร่วม
ทั้งนี้มีผลพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าการลงทุนในด้านสุขภาพให้ผลตอบแทนกลับสู่สังคมเป็นอย่าง
มาก สามารถนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย SDG ข้อ 3 ตลอดจนเป้าหมายข้ออื่น ๆ อีกด้วย
11
ดร.ปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล
รองเลขาธิการสภาพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวถึง
ช่องว่างในการบรรลุเป้าหมาย SDGs
ว่า ประเทศไทยยังมีช่องว่าง
โดยเฉพาะมิติด้านสุขภาพ ความท้า
ทายของคุณภาพความเท่าเทียมใน
ระบบบริการสุขภาพ ปัญหาความ
ี
ดร.ปัทมา เธยรวิศิษฎ์สกุล ยากจนของประชากรผู้สูงวัยที่กำลัง
เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับประชากรวัยอื่น
ๆ รวมทั้งปัญหาผู้สูงวัยป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่พบมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยขอ
เสนอให้มีการจัดทำแผนจัดการความเสี่ยง สร้างสรรค์นวัตกรรมเชิงนโยบายใหม่ๆ พร้อม
กับมีระบบประเมินผลติดตามนโยบายนั้น ๆ ว่ายังตอบสนองถูกกลุ่มเป้าหมาย และที่
สำคัญคือความร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อนำไปสู่การ
บรรลุเป้าหมายการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
12
กฎบัตรออตตาวาเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ
การประชุมนานาชาติเรื่องการ
สร้างเสริมสุขภาพครั้งที่ 1 กรุง
ออตตาวา ประเทศแคนาดา ระหว่าง
วันที่ 17-21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2529
(ค.ศ. 1986) ที่ประชุมนานาชาติเรื่อง
การสร้างเสริมสุขภาพ ครั้งที่ 1 ณ กรุง
ออตตาวา เสนอกฎบัตร ฉบับนี้ในวันที่
21 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2529 (ค.ศ.
1986) เพื่อการดำเนินการให้บรรลุ
เป้าหมายสุขภาพดีถ้วนหน้า ปีพ.ศ. 2543 และเป้าหมายอื่นที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
การประชุมครั้งนี้เป็นผลมาจากความคาดหวัง ที่ต้องการให้เกิดการขับเคลื่อนสู่
การสาธารณสุขแนวใหม่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แม้ว่าข้ออภิปรายจะเน้นถึงความต้องการใน
ประเทศอุตสาหกรรม แต่ก็ตรงกับความต้องการของประเทศในภูมิภาคอื่นทั่วโลก การ
ประชุมนี้มีพื้นฐานมาจากความก้าวหน้าของการปฏิบัติงานตามคำประกาศเจตนารมณ์
เรื่องการสาธารณสุขมูลฐานที่เมืองอัลมา อะตา จากเอกสารขององค์การอนามัยโลกที่
สนับสนุนเป้าหมายสุขภาพดีถ้วนหน้าและจากการอภิปรายในที่ประชุมสมัชชาองค์การ
อนามัยโลกในประเด็นการร่วมมือกันทุกภาคส่วนด้านสุขภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้
การสร้างเสริมสุขภาพ
การสร้างเสริมสุขภาพเป็นกระบวนการที่
เอื้ออำนวยให้ประชาชนสามารถเพิ่มความสามารถ
ในการควบคุมและปรับปรุงสุขภาพของตนเอง การ
จะเข้าถึงสภาวะที่สมบูรณ์ทั้งกายจิตและสังคมนั้น
บุคคลหรือกลุ่มบุคคลต้องสามารถระบุถึงสิ่งที่
ต้องการบรรลุและบรรลุในสิ่งที่ต้องการได้รวมถึง
สามารถปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมหรือสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมพัฒนาการ
สำคัญของการสร้างเสริมสุขภาพ รายงานการประชุมระดับโลกเรื่องการสร้างเสริม
13
สุขภาพที่เปลี่ยนไปได้สุขภาพจึงมิใช่เป้าหมายแห่งการดำรงชีวิตอยู่อีกต่อไป หากแต่เป็น
แหล่งประโยชน์ของทุกวันที่เราดำเนินชีวิต สุขภาพเป็นแนวคิดด้านบวกที่มุ่งเน้นแหล่ง
ประโยชน์ทางสังคมและแหล่งประโยชน์ส่วนบุคคล รวมถึงศักยภาพทางกายของบุคคล
ดังนั้นการสร้างเสริมสุขภาพ จึงไม่เป็นเพียงความรับผิดชอบของภาคส่วนที่ดูแลสุขภาพ
เท่านั้น แต่ยังมุ่งไปที่รูปแบบการดำเนินชีวิตที่ส่งผลดีต่อสุขภาพซึ่งจะนำไปสู่การมีสุข
ภาวะในที่สุด
ปัจจัยพื้นฐานก่อนมีสุขภาพดี สภาพและแหล่งประโยชน์ขั้นพื้นฐานที่ต้องมีก่อนที่
จะมีสุขภาพดีมีดังนี้
• สันติภาพ
• ที่พักอาศัย
• การศึกษา
• อาหาร
• รายได้
• ระบบนิเวศที่มั่นคง
• แหล่งทรัพยากรที่เพียงพอ
• ความยุติธรรมและความเท่าเทียมกันในสังคม
การปรับปรุงสุขภาพจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยพื้นฐานเหล่านี้
การสนับสนุนชี้แนะ
สุขภาพดีเป็นแหล่งประโยชน์อัน
สำคัญของการพัฒนาด้านสังคมและ
เศรษฐกิจและการพัฒนาในระดับบุคคล
นอกจากนี้สุขภาพยังเป็นองค์ประกอบสำคัญ
ของคุณภาพชีวิตด้วย ปัจจัยทางการเมือง
เศรษฐกิจ สังคม วั ฒนธรรม สิ่งแวดล้อม
พฤติกรรม และปัจจัยทางชีวภาพล้วนสามารถส่งเสริมสุขภาพและเป็นอันตรายต่อ
14
สุขภาพได้การสร้างเสริมสุขภาพมีเป้าหมายเพื่อปรับเปลี่ยนให้ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลดีต่อ
สุขภาพผ่านการเสริมสร้างความสามารถ
การสร้างเสริมสุขภาพมีจุดเน้นที่การเข้าถึงความเสมอภาคทางสุขภาพ การ
ดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพมุ่งลดความแตกต่างของสถานะทางสุขภาพ โดยสร้างโอกาส
และแหล่งประโยชน์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงศักยภาพด้านสุขภาพอย่างเต็มที่
และเท่าเทียมกันด้วยการจัดสิ่งแวดล้อมให้สนับสนุนสุขภาพ เพิ่มโอกาสเข้าถึง
แหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เพิ่มพูนทักษะชีวิต และเพิ่มทางเลือกที่เป็น
ประโยชน์ต่อสุขภาพ ประชาชนจะไม่สามารถเข้าถึงสุขภาพดีตามศักยภาพสูงสุดของตน
หากประชาชนไม่สามารถควบคุมปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสุขภาพเหล่านี้ได้โอกาสและแหล่ง
ประโยชน์เหล่านี้ควรมีความเท่าเทียมกันทั้งหญิงและชาย
การเป็นสื่อกลาง
ปัจจัยพื้นฐานของสุขภาพและโอกาสที่
จะเข้าถึงสุขภาพไม่ได้ขึ้นกับภาคส่วนที่
ให้บริการสุขภาพเพียงด้านเดียว การสร้าง
เสริมสุขภาพต้องเกิดจากการดำเนินการ
ร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เห็นความสำคัญของ
สุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคส่วนที่ดูแล
สุขภาพ ภาคสังคมและเศรษฐกิจ ภาคเอกชน
องค์กรอาสาสมัคร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคอุตสาหกรรมและสื่อมวลชน
ประชาชนทุกเพศทุกวัยมีบทบาทต่อสุขภาพในฐานะบุคคล สมาชิกครอบครัว และ
สมาชิกชุมชน กลุ่มวิชาชีพ กลุ่มทางสังคม และบุคลากร ทางสุขภาพมีภารกิจสำคัญใน
การเป็นสื่อกลางระหว่างภาคส่วนที่มีความต้องการแตกต่างกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์
สูงสุดต่อสุขภาพ
กลยุทธ์และโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพควรปรับให้เหมาะกับความต้องการ
ของท้องถิ่น และสามารถนำไปปรับใช้ได้ในนานาประเทศและทุกภูมิภาคทั่วโลกที่มีระบบ
ทางสังคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน
15
การดำเนินการสร้างเสริมสุขภาพ หมายถึง
การสร้างนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ การสร้างเสริมสุขภาพมีความหมายกว้าง
กว่าเพียงการดูแลสุขภาพ แต่เป็นการทำให้สุขภาพเป็นวาระของผู้กำหนดนโยบายในทุก
ภาคส่วนและทุกระดับ เพื่อให้ผู้กำหนดนโยบายเหล่านี้ตระหนักถึงผลกระทบทางสุขภาพ
ที่เกิดจากการตัดสินใจในทุกเรื่อง และเพื่อให้ยอมรับว่า คนกลุ่มนี้มีความรับผิดชอบต่อ
สุขภาพด้วย
นโยบายด้านการสร้างเสริมสุขภาพมีรูปแบบที่หลากหลายแต่มีส่วนสนับสนุนซึ่ง
กันและกัน ตัวอย่างการดำเนินการทางนโยบายด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ได้แก่ การ
ออกกฎหมายการใช้มาตรการทางการเงิน การใช้มาตรการทางภาษีและการปรับเปลี่ยน
ในองค์กร การดำเนินการที่ผสมผสานเหล่านี้นำไปสู่สุขภาวะ สร้างรายได้และเกิด
นโยบายทางสังคมที่ทำให้เกิดความเสมอภาคยิ่งขึ้น การดำเนินการร่วมกันทำให้มั่นใจว่า
สินค้าและบริการมีคุณภาพและปลอดภัยต่อสุขภาพมากขึ้น มีบริการสาธารณะที่เอื้อต่อ
สุขภาพมากขึ้น และมีสิ่งแวดล้อมที่สะอาดน่าอภิรมย์ยิ่งขึ้นด้วย
เราอาจต้องคาดการณ์ถึงอุปสรรคในการตอบรับนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพใน
ภาคส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ รวมถึงหาทางลดอุปสรรคเหล่านั้นด้วย เป้าหมายควร
เป็นการส่งเสริมให้ผู้กำหนดนโยบายเลือกทางเลือกที่ส่งผลดีต่อสุขภาพได้ง่ายยิ่งขึ้นการ
สร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ
สังคมของเรามีความซับซ้อนแต่เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เป้าหมายสุขภาพก็ไม่
สามารถแยกออกจากเป้าหมายด้านอื่นๆ การที่คนกับสิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวพันกันจน
ไม่สามารถแยกออกจากกันได้นี้ นับเป็นพื้นฐานสำคัญของมุมมองสุขภาพด้านสังคมและ
นิเวศวิทยา แนวคิดนี้เป็นเป้าหมายทั้งในระดับชาติภูมิภาค หรือแม้แต่ในระดับชุมชน ที่
ต่างต้องเห็นความสำคัญที่จะรักษาให้ชุมชนและสิ่งแวดล้อมสนับสนุนส่งเสริมซึ่งกันและ
กันไว้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของโลกควรได้รับการเน้นย้ำและถือเป็นความ
รับผิดชอบของทุกคนบนโลกใบนี้ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิต การทำงาน
และการพักผ่อนหย่อนใจส่งผลกระทบสำคัญต่อสุขภาพ การทำงานและการพักผ่อน
หย่อนใจควรเป็นกิจกรรมที่ทำให้สุขภาพดีสังคมควรจัดระบบงานในสังคมให้สามารถเอื้อ
ต่อสุขภาพ การสร้างเสริมสุขภาพมีส่วนส่งเสริมให้การดำเนินชีวิตและรูปแบบของการ
ทำงานมีความปลอดภัย กระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้น เกิดความรู้สึกพึงพอใจ และ
ก่อให้เกิดความเพลิดเพลิน
16
การประเมินผลกระทบทางสุขภาพจากสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการทำงาน การผลิตพลังงาน
และการขยายตัวของชุมชนเมือง เป็นสิ่งที่สำคัญและต้องมีการติดตามอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อเป็นหลักประกันของสุขภาพดีในส่วนรวม การปกป้องสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและ
ที่มนุษย์สร้างขึ้น รวมทั้งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติต้องมีในกลยุทธ์การสร้างเสริม
สุขภาพทุกกลยุทธ์การเสริมสร้างการดำเนินการในชุมชนที่เข้มแข็ง
การสร้างเสริมสุขภาพเป็นการทำงานในชุมชนที่มีประสิทธิผลและจับต้องได้ด้วย
กิจกรรมการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา การตัดสินใจ การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์
และการดำเนินการตามแผน เพื่อให้ชุมชนมีสุขภาพดีขึ้น หัวใจสำคัญของกระบวนการ
ทำงานในชุมชนคือการเสริมสร้างพลังอำนาจของชุมชน ซึ่งหมายถึงการทำให้ชุมชนมี
ความรู้สึกเป็นเจ้าของ สามารถควบคุมการดำเนินการต่าง ๆ และสามารถกำหนดอนาคต
ของตนเองได้
การพัฒนาชุมชนเป็นการดึงศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์และทรัพยากรวัตถุที่มี
อยู่ในชุมชน เพื่อพัฒนาความสามารถในการช่วยเหลือตนเองและสนับสนุนซึ่งกันและกัน
และเพื่อพัฒนาระบบที่มีความยืดหยุ่นเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเพื่อสุขภาพ
ระบบลักษณะนี้จะเกิดขึ้นได้หากชุมชนสามารถเข้าถึงข้อมูลอย่างสมบูรณ์และต่อเนื่อง มี
โอกาสได้เรียนรู้ถึงโอกาสในการสร้างสุขภาพ และมีแหล่งทุนสนับสนุนอย่างเหมาะสม
การพัฒนาทักษะส่วนบุคคล
การสร้างเสริมสุขภาพสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาทั้งในตัวบุคคลและสังคม ด้วย
การให้ข้อมูล เสริมสร้างความรู้ด้านสุขภาพ และพัฒนาทักษะชีวิต การดำเนินการใน
ลักษณะนี้จะเปิดโอกาสให้ประชาชนมีความสามารถในการควบคุมสุขภาพของตนเอง
และสิ่งแวดล้อม และสามารถตัดสินใจเลือกทางเลือกที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพ พัฒนาการ
สำคัญของการสร้างเสริมสุขภาพ รายงานการประชุมระดับโลกเรื่องการสร้างเสริม
สุขภาพ
การเปิดโอกาสให้บุคคลได้เรียนรู้ตลอดชีวิต มีการเตรียมพร้อมสำหรับการ
เปลี่ยนแปลงในทุกช่วงชีวิต เพื่อให้สามารถปรับตัวเมื่อเกิดการเจ็บป่วยเรื้อรังหรือเกิด
การบาดเจ็บเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และควรสร้างโอกาสนี้ให้เกิดขึ้นที่โรงเรียน ที่บ้าน ที่ทำงาน
และที่ชุมชน การพัฒนาทักษะส่วนบุคคลสามารถดำเนินการผ่านภาคส่วนการศึกษา
วิชาชีพ สื่อมวลชน องค์กรอาสาสมัครรวมถึงภายในองค์กรที่บุคคลสังกัดอยู่
17
การปรับเปลี่ยนระบบบริการสุขภาพ
บทบาทสร้างเสริมสุขภาพในระบบบริการสุขภาพ เป็นบทบาทของทุกภาคส่วน
ทั้งบุคคลกลุ่มภายในชุมชน บุคลากรสุขภาพ หน่วยงานบริการสุขภาพ และภาครัฐ
ภาคส่วนเหล่านี้ต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้ระบบบริการสุขภาพนำไปสู่สุขภาวะ
ภาคส่วนที่ให้บริการสุขภาพต้องปรับเปลี่ยนทิศทางมาสู่การสร้างเสริมสุขภาพ มิใช่เพียง
ให้การดูแลรักษาเท่านั้น บริการสุขภาพต้องสามารถตอบสนองต่อภารกิจที่นับวันจะมี
ความละเอียดอ่อนและให้ความสนใจต่อความต้องการทางวัฒนธรรมเพิ่มขึ้น ภารกิจนี้
ควรสนับสนุนบุคคลและชุมชนที่ต้องการมีสุขภาพดีขึ้น และเปิดโอกาสให้ภาคส่วนที่ดูแล
สุขภาพได้เชื่อมโยงกับภาคส่วนอื่น เช่น สังคม การเมือง เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมทาง
สุขภาพมากยิ่งขึ้น
การปรับเปลี่ยนระบบบริการสุขภาพต้องการการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากการวิจัย
สุขภาพพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการศึกษาและการอบรมในวิชาชีพ การ
ปฏิบัติเช่นนี้จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคคลและองค์กร ให้มองความ
ต้องการของบุคคลเป็นภาพรวมการขับเคลื่อนสู่อนาคต
สุขภาพถูกสร้างโดยประชาชน และเป็นประชาชนที่เป็นผู้ได้รับผลจากสุขภาพนั้น
ในการดำเนินชีวิตทุกบริบท ไม่ว่าจะเรียน ทำงาน เล่น และมีความรัก สุขภาพจะเกิดขึ้น
ได้ก็ด้วยความสนใจในตนเองและความใส่ใจต่อผู้อื่น สามารถตัดสินใจด้วยตนเองและ
เป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต และด้วยความมั่นใจว่าสังคมที่ตนเองอยู่เป็น
สิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้สมาชิกในสังคมทุกคนมีสุขภาพดีได้
หลักการสำคัญในการพัฒนากลยุทธ์การสร้างเสริมสุขภาพ คือ ความเอื้ออาทร
ความเป็นองค์รวม และบทบาทสำคัญของนิเวศวิทยา ดังนั้นผู้ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องในการ
พัฒนากลยุทธ์ การสร้างเสริมสุขภาพต้องใช้หลักการเหล่านี้ เสมือนเป็นเข็มทิศนำทางใน
ทุกระยะของการวางแผน ดำเนินกิจกรรม และการประเมินผลกิจกรรมการสร้างเสริม
สุขภาพ ทั้งนี้เพศหญิงและเพศชายควรมีส่วนร่วมเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนากลยุทธ์อย่าง
เท่าเทียมกัน เจตจำนงต่อการสร้างเสริมสุขภาพ
ผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ขอแสดงเจตจำนงที่จะปฏิบัติดังต่อไปนี้
18
• ขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ และให้การชี้แนะต่อนโยบายที่ให้
การสนับสนุนสุขภาพและความเสมอภาคในทุกภาคส่วน
• ต่อต้านและกดดันผลิตภัณฑ์ที่เป็นอันตราย การผลาญทรัพยากร สภาพ
ความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อมที่เป็นผลเสียต่อสุขภาพ โภชนาการที่ทำให้
เกิดโทษ และจะให้ความสนใจกับประเด็นทางสาธารณสุข ได้แก่ มลภาวะ
อันตรายจากการทำงาน บ้านและที่อยู่อาศัย
• ลดช่องวางทางสุขภาพทั้งช่องว่างภายในสังคมและช่องว่างระหว่างสังคม
รวมทั้งดำเนินการกับความไม่เป็นธรรมในสังคมที่เกิดจากกฎเกณฑ์และ
การปฏิบัติของสังคม
• ให้ความสำคัญกับคนในฐานะของทรัพยากรหลักของสุขภาพ ให้การ
สนับสนุนและเอื้ออำนวยให้บุคคล ครอบครัว และเพื่อนฝูงของเขามี
สุขภาพดีด้วยการให้การสนับสนุนด้านการเงินและด้านอื่น ๆ รับฟังเสียง
จากชุมชนทั้งในเรื่องสุขภาพ สภาพความเป็นอยู่และการดำเนินชีวิต
• ปรับเปลี่ยนระบบบริการสุขภาพและแหล่งประโยชน์ของระบบให้เน้นการ
สร้างเสริมสุขภาพ แบ่งปันศักยภาพกับภาคส่วนอื่น ๆ กับวงการอื่น ๆ และ
ที่สำคัญที่สุดกับภาคประชาชน
• ให้ความสำคัญกับสุขภาพและการธำรงรักษาสุขภาพ ว่าเป็นการลงทุนทาง
สังคมที่สำคัญ และมีความท้าทาย รวมทั้งให้ความสนใจกับประเด็นทาง
นิเวศวิทยาที่มีผลต่อวิถีชีวิต
ที่ประชุมแห่งนี้มุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนที่มีความตระหนักในความสำคัญได้ร่วมมือ
กันเพื่อให้เป็นพันธมิตรด้านสาธารณสุขที่เข้มแข็งพัฒนาการสำคัญของการสร้างเสริม
สุขภาพ รายงานการประชุมระดับโลกเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ ข้อเรียกร้องเพื่อการ
ดำเนินการในระดับนานาชาติ
ที่ประชุมแห่งนี้ขอเรียกร้องให้องค์การอนามัยโลก และองค์กรระหว่างประเทศอื่น
ให้การสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพในทุก ๆ เวทีและให้การสนับสนุนประเทศต่าง ๆ
ในการวางยุทธศาสตร์และกิจกรรมการสร้างเสริมสุขภาพ
ที่ประชุมมีความเชื่อมั่นว่าประชาชนทุกเพศทุกวัย องค์กรพัฒนาเอกชนและ
องค์กรอาสาสมัคร รัฐบาล องค์การอนามัยโลก และทุกภาคส่วนที่เล็งเห็นความสำคัญ
19
ของการสร้างเสริมสุขภาพจะร่วมมือกันในการนำเสนอยุทธศาสตร์การสร้างเสริมสุขภาพ
ที่สอดคล้องกับคุณธรรม และค่านิยมทางสังคม ดังที่ได้กล่าวในกฎบัตรนี้ หากเป็นดังนั้น
เป้าหมายสุขภาพดีถ้วนหน้าในปีพ.ศ. 2543 ย่อมเป็นจริงได้
กฎบัตรนี้ได้รับการรับรองในการประชุมนานาชาติเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ
“ขับเคลื่อนสู่การสาธารณสุขแนวใหม่” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-21 พฤศจิกายน พ.ศ.
2529 (ค.ศ. 1986) ณ กรุงออตตาวา มลรัฐออนตาริโอ ประเทศแคนาดา ( เข้าถึงเอกสาร
ฉบับภาษาอังกฤษได้ที่www.who.int/healthpromotion/conferences/ottawa.pdf
ร่วมสนับสนุนการจัดประชุมโดย สมาคมการสาธารณสุขแห่งประเทศแคนาดา องค์กร
เพื่อสุขภาพ และสวัสดิการสังคมแห่งประเทศแคนาดา และองค์การอนามัยโลก )
20
การพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้านสิ่งแวดล้อม
การพัฒนาที่ยั่งยืน หมายถึง กาพัฒนาที่มีการคำนึงถึงความเสียหายของ
สิ่งแวดล้อม มีการป้องกันปัญหาที่เกิดแก่สิ่งแวดล้อม หรือถ้าจำเป็นจะต้องเกิดความ
เสียหาย ก็จะต้องทำในขอบเขตที่เสียหายน้อยที่สุด การพัฒนาที่ยั่งยืนในมิติทางด้าน
ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อ มนี้ จึงเป็นรูปแบบการใช้ทรัพยากรที่มีการบำรุงรักษา และมี
อัตราการใช้ที่อยู่ในขอบเขตการอำนวยให้หรือศักยภาพที่ทรัพยากรนี้จะคืนสู่สภาพปกติ
ได้
การพัฒนาแตกต่างไป
จากการเจริญเติบโตตรงที่
การพัฒนา (development)
หมายถึง การปรับปรุงในเชิง
คุณภาพให้ดีขึ้น โดยที่ยังมี
การรักษาระดับทรัพยากร
พ ื้นฐา น ส ่วน การ
เจริญเติบโต
(growth) หมายถึง การปรับปรุงในเชิงปริมาณให้สูงขึ้น ดังนั้น การพัฒนาที่
ยั่งยืน จึงเป็นการปรับปรุงในเชิงคุณภาพให้ดีขึ้น เพื่อให้สังคมมนุษย์ที่มีคุณภาพดำรง
อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างปกติ โดยไม่จำเป็นต้องมีการเพิ่มในเชิง
ปริมาณให้เกินขีดจำกัด
การพัฒนาในอดีตที่ผ่านมาจะพิจารณาที่ประสิทธิภาพ และความเป็นธรรมที่จะ
เกิดขึ้นจากการพัฒนาภายใต้กำหนดเวลาสั่น ๆ เท่านั้น นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญ
เฉพาะคนในรุ่นปัจจุบัน แต่จากกระแสเรียกร้องในสังคมที่ต้องการให้การพัฒนานั้น
คำนึงถึงการอยู่รอดและการกินดีอยู่ดีของคนในอนาคตร่วมกัน จึงเป็นเหตุให้มีความ
ยั่งยืนเข้ามาเป็นองค์ประกอบการพัฒนาและกระบวนการตัดสินใจ ด้วยเหตุนี้ การ
พัฒนาที่ยั่งยืน ในภาพรวมจึงหมายถึง การพัฒนาเพื่อบรรลุถึงความต้องการของ
มนุษยชาติในปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็ต้องไม่เป็นการลดทอนหรือเบียดบังโอกาสที่จะ
บรรลุถึงความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ในอนาคตด้วย
21
มนุษย์จะสามารถปฏิบัติได้ตามนัยนี้ ต้องเข้าใจธรรมชาติและกระบวนการพัฒนา
สังคมที่เน้นคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งไม่ใช่เฉพาะทางวัตถุเท่านั้น จำเป็นต้องประกอบด้วย
ความสุขทางร่างการและจิตใจด้วย ดังนั้น พื้นฐานที่จะต้องมีในกระบวนการพัฒนาที่
ยั่งยืน คือ นิเวศวิทยา เศรษฐศาสตร์ และจริยธรรม เพราะความยั่งยืนของ
สิ่งแวดล้อม (environmental integrity) ความมั่นคงทางนิเวศวิทยา (ecological
security) ประสิทธิภาพของการจัดการในทางเศรษฐกิจ (economic efficiency)
และความยุติธรรม (equity) ทั้งต่อมนุษย์รุ่นปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การให้ความยุติธรรมกับการพัฒนาทุกส่วนไม่ใช่เฉพาะด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว
การใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเป็นสิ่งจำเป็น
แต่ต้องดำเนินการควบคู่ในกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
นั่นคือ จะต้องดำเนินการอย่างถูกต้อง รอบคอบ และมีการจัดการที่ดี ทั้งด้านวัตถุ
และการยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตเท่าๆ กับความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้
เพราะถ้ามุ่งเร่งพัฒนาเฉพาะทางด้านวัตถุอย่างเดียวมนุษย์จะไม่สามารถมีคุณภาพชีวิตที่
ดีและมีความสุขได้ เพราะยังต้องเผชิญกับปัญหาภาวะมลพิษ ต่าง ๆ เช่น อากาศเสีย
น้ำเน่า เสียงดัง เป็นต้น
จากความหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนดังกล่าว สรุปได้ว่า การดำรงชีวิตอยู่ใน
สังคมที่เจริญก้าวหน้าอยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมนั้น
จะต้องมีการบูรณาการหรือประสานประโยชน์เข้าด้วยกัน ระหว่างการพัฒนาทาง
เศรษฐกิจกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวคือ จะต้องมีการวาง
แผนการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ให้เหมาะสมรอบคอบ และ
คำนึงถึงสภาพการที่อำนวยให้ของทรัพยากรที่มีอยู่ ดังนั้นสังคมที่จะพัฒนาอย่างยั่งยืน
จะต้องพิจารณาจากหลาย ๆ องค์ประกอบ
22
การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ด้านสังคม
การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) หมายถึง “การตอบสนอง
ความต้องการของคนรุ่นปัจจุบัน โดยไม่มีผลกระทบในทางลบต่อความต้องการของคนรุ่น
ต่อไปในอนาคต”
เนื่องจากทุกครั้งที่มีการตอบสนองความต้องการของคนรุ่นปัจจุบัน ต้องมีการ
ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลกระทบในทางลบต่ออนาคต การ
พัฒนาที่ยั่งยืนจึงเป็นแนวคิดในการแก้ปัญหานี้ โดยการพยายามอนุรักษ์ธรรมชาติไว้ใน
ลักษณะที่เป็นส่วนรวมรือมหภาค คือ หากมีความจำเป็นที่จะดำเนินการให้กระทบต่อ
คุณภาพสิ่งแวดล้อมในที่ใดที่หนึ่ง ก็จะต้องเสริมสร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมในที่อื่น ๆ เป็น
การชดเชยเพื่อให้ในแง่มหาภาคของคุณภาพสิ่งแวดล้อมคงอยู่ได้ดังเดิม
์
การพัฒนาที่ยั่งยืน: การพัฒนายุคโลกาภิวัตน
กระแสโลกาภิวัตน์ (Globalization) ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และกลไก
การตลาด ก่อให้เกิดการเติบโต การผลิต การบริโภคที่เป็นผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ชีวิต
มนุษย์ สัตว์ และพืชพรรณ ดังนั้น การที่มนุษย์ยังคงใช้แนวทางพัฒนาแบบเก่าซึ่งไม่
คำนึงถึงข้อจำกัดในการพัฒนา อันหมายถึง ข้อจำกัดด้านสภาพ ความสามารถที่จะ
รองรับการบริโภค และการใช้ประโยชน์จากโลก และเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่จะนำมาบริโภค
และใช้ประโยชน์หมดลง อีกไม่นานทุกชีวิตบนโลกจะต้องจบสิ้น เพราะมนุษย์จะไม่
สามารถอาศัยอยู่บนโลกได้อีกต่อไป การพัฒนาที่ยั่งยืน จึงเป็นแนวคิดเพื่อป้องกันมิให้
โลกต้องเดินไปสู่จุดจบ
มาตรการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
่
ความล้มเหลวของการพัฒนาแบบดั้งเดิมที่ผ่านมา นอกจากจะทำลายสิงแวดล้อม
ชีวิตมนุษย์ สัตว์ และพืชพรรณแล้ว ยังพบว่าการพัฒนาเศรษฐกิจของหลายประเทศ ได้
สร้างปัญหาให้กับความเป็นอยู่ของมนุษย์ และวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างมหาศาล เนื่องจาก
รัฐบาลไม่รับผิดชอบ ไม่ฉับไวต่อการตอบสนองความต้องการของประชาชน ระบบ
ราชการมีคอร์รัปชันสูง ขาดประสิทธิภาพ ไม่มีความโปร่งใส ฯลฯ
23
นานาชาติจึงได้ประชุมร่วมกันเพื่อแสวงหาแนวคิดที่เป็นกลางที่สุดมาเยียวยา
ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ผลสรุปที่ได้คือ ทั่วโลกควรปรับเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาเสียใหม่ โดย
จะต้องยกเลิกการพัฒนาซึ่งรัฐเป็นผู้ชี้นำและออกคำสั่งแต่เพียงฝ่ายเดียว ในลักษณะ รัฐ
ประชาชาติ (Nation State) โดยปรับเปลี่ยนเป็น ประชารัฐ (Civil State) ซึ่งเป็น
“ความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ระหว่างรัฐกับประชาชนในลักษณะที่เป็นประชาสังคม”
ประชาสังคม หรือ Civil Society คือ การพัฒนาที่เกิดขึ้นจากความริเริ่มของ
ประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน โดยทุกฝ่ายในสังคมต่างให้ความร่วมมือกัน
อย่างใกล้ชิดทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน คำว่า “ ประชารัฐ ” จึงหมายถึง รัฐ
ซึ่งมีรัฐบาล เอกชน และประชาชนร่วมมือกันในทุกเรื่องที่เป็นสาธารณะ นั่นเอง
ดังนั้น การที่แนวคิดเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนจะสำเร็จลงได้หรือไม่อย่างไรนั้น ทุก
ประเทศจะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และที่สำคัญ รัฐบาลในหลายๆ ประเทศจะต้อง
ปรับเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ จากที่เคยมองว่ารัฐบาลเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยแทน
ประชาชน รัฐบาลจึงสามารถควบคุมและครอบงำประชาชนให้ปฏิบัติตามคำสั่งได้ มา
เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนหรือชุมชนมีส่วนร่วม ทั้งในระดับการร่วมรับรู้การ
ตัดสินใจขององค์กรของรัฐ และในระดับการร่วมตัดสินใจ และจะต้องมีการตกลงกันให้
ชัดเจนว่าสัดส่วนของบทบาทภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในการพัฒนานั้น
ควรจะเป็นลักษณะใด หรือที่เรียกว่า “ประชารัฐ” นั่นเอง
และเพื่อให้การพัฒนาที่ยั่งยืนสามารถแทรกเข้าไปในทุกส่วนของสังคมโลก เมื่อ
เริ่มต้นทศตวรรษที่ 1980 องค์การสหประชาชาติ จึงเสนอให้ประเทศกำลังพัฒนาที่
ประสบความล้มเหลวในการพัฒนาตามที่กล่าวมาข้างต้น เร่งปฏิรูประบบเศรษฐกิจควบคู่
ไปกับการปฏิรูปการเมือง การบริหาร การศึกษา การขจัดและลดความยากจน การ
ส่งเสริมให้มีการบูรณาการทางการผลิต ทางการเกษตร การสร้างงาน ที่พอเพียงกับการ
เติบโตของประชากร การพิทักษ์สิ่งแวดล้อม และการลดอัตราการขยายตัวของประชากร
ฯลฯ โดยนำระบบการจัดการที่ดี มาใช้เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาเพื่อให้การพัฒนามี
ภาพของอนาคตที่เป็นรูปธรรม วิธีการดังกล่าวนั้นเรียกว่า ธรรมาภิบาล ธรรมรัฐ การ
สร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี หรือ Good Governance
24
โดยความหมายของ “ Good Governance ” นี้ แต่เดิมธนาคารโลก หรือ World
Bank ได้ให้คำนิยามไว้ว่า หมายถึง “ลักษณะและวิถีทางของการใช้อำนาจรัฐในการ
จัดการทรัพยากรทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเพื่อการพัฒนา”
ส ่วน Commission on Global Governance ได้ให้คำนิยามคำว่า
“Governance” ไว้ในเอกสารชื่อ Our Global Neighborhood ว่า หมายถึง ผลลัพธ์
ของการจัดการกิจกรรม ซึ่งบุคคลและสถาบันทั้งภาครัฐและเอกชนมีผลประโยชน์ ได้
กระทำลงในหลายทิศทาง โดยมีลักษณะเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง
อาจจะนำไปสู่การผสมผสานผลประโยชน์ที่หลากหลายและขัดแย้งกันได้ ด้วยการร่วมมือ
กันจัดการในเรื่องนั้น
วิธีการจัดการดังกล่าว UNDP ได้นำเสนอไว้ 7 ประการ โดยกล่าวไว้ว่า
องค์ประกอบทั้ง 7 ประการต่อไปนี้ ควรถูกกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาของ
ประเทศโลกที่ 3 ซึ่งได้แก ่
1. ประชาชนจะต้องยอมรับในความชอบธรรมของรัฐบาล (Legitimacy) และ
รัฐบาลจะต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชนในกิจการที่ได้กระทำลงไป
(Accountability)
2. ประชาชนจะต้องมีอิสระเสรีภาพในการรวมกลุ่ม และในการมีส่วนร่วม
(Freedom of Association and Participation)
3. จะต้องมีกรอบแห่งกฎหมายที่ชัดเจน และเป็นระบบที่ก่อให้เกิดสภาวะที่มั่นคง
เป็นหลักประกันต่อชีวิตและการทำงานของพลเมือง รวมทั้งเป็น
สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อผู้ประกอบการ และเกษตรกร นอกจากนี้
กฎหมายจะต้องปฏิบัติต่อประชาชนอย่างเสมอหน้ากัน ทั้งนี้โดยกฎหมาย กฎ
ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ จะต้องเปิดเผยเป็นที่รู้กันล่วงหน้า ต้องมีการบังคับ
ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด มีวิธีการที่ประกันการบังคับใช้กฎหมาย การตัดสิน
ข้อขัดแย้งต้องเป็นการตัดสินใจโดยฝ่ายตุลาการที่เป็นอิสระและเชื่อถือได้
รวมถึงจะต้องมีกระบวนการในการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย กฎ ระเบียบ
ข้อบังคับต่าง ๆ ได้ เมื่อหมดประโยชน์ ใช้สอย
25
4. ระบบราชการจะต้องรับผิดชอบต่อการดำเนินกิจการต่าง ๆ (Bureaucratic
Accountability) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดการงบประมาณของรัฐซึ่ง
จะต้องมีการควบคุม ติดตามประเมินผลการปฏิบัตงานทั้งของรัฐและบุคลากร
ิ
เพื่อป้องกันมิให้ใช้ทรัพยากรโดยมิชอบ ทั้งนี้จะต้องมีความโปร่งใส
(Transparency) ในการปฏิบัติราชการทุกระดับ
5. จะต้องมีข้อมูลข่าวสารที่น่าเชื่อถือ โดยรัฐบาลจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชน
ได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เช่น ด้านรายได้ประชาชาติ ดุลการชำระเงิน สภาพ
การจ้างงาน และดัชนีค่าครองชีพเป็นต้น
6. จะต้องมีการบริหารงานภาครับอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล
7. จะต้องมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลกับองค์กรของประชาสังคม
ซึ่งหมายถึง องค์กรประชาชน (People's organization) และองค์กร
อาสาสมัครเอกชน (NGOs)
องค์ประกอบที่กล่าวมาข้างต้นเป็นมิติใหม่ของการจัดการพัฒนาโดยเน้นคนเป็น
ศูนย์กลาง เป็นแนวทางที่ทุกส่วนในโลกจะต้องผนึกกำลังให้เป็นกระแสหลัก โดยจะต้องมี
การเปลี่ยนแปลงทางด้านโลกทัศน์ของผู้นำทุกระดับ (ทั้งภูมิภาค ชาติ ชุมชน) ไปเป็น
แบบพหุนิยมองค์รวม (Holistic Pluralism) ด้วย มิใช่เอกนิยมองค์รวม
สำหรับประเทศไทย นักคิด นักวิชาการ ได้ร่วมกันเปิดเวทีความคิด แถลง และ
ตีความแนวคิดเรื่องธรรมรัฐ จนกระทั่งถูกนำไปกำหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540 - 2544) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาประชารัฐ
ได้อาศัยหลักคิดดังกล่าวเป็นแนวทางสำคัญในการประยุกต์ใช้ยุทธศาสตร์สำคัญ ในการ
พัฒนาสังคมไทยให้มีความเข้มแข็งมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะการเน้นสิทธิเสรีภาพ
การมีส่วนร่วมของประชาชน การพัฒนาประสิทธิภาพของรัฐ และระบบราชการ ให้เกิด
ความโปร่งใสและตรวจสอบได ้
และหากพิจารณาประกอบกับโครงสร้างของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ฉบับปี 2540 แล้ว จะพบว่า “หลักธรรมรัฐ” ได้ถูกบรรจุไว้อย่างชัดเจนในเรื่องต่าง ๆ
เช่น การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน การให้ประชาชนมีส่วนร่วมใน
การปกครองและตรวจสอบการให้อำนาจรัฐเพิ่มขึ้น ตลอดทั้งปรับปรุงโครงสร้างทาง
การเมืองให้มี เสถียรภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
26
นอกจากนี้รัฐบาลยังได้มอบให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ทำ
หน้าที่ให้คำปรึกษาในการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดีตามแนวทาง
ธรรมรัฐ (Good Governance)
จนกระทั่งสำนักงาน ก.พ. ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องนี้เป็นวาระ
แห่งชาติ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ประชุม เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2542 ลงมติเห็นชอบวาระ
แห่งชาติ สำหรับการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี ตามที่สำนักงาน
ก.พ. เสนอ และออกเป็นระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหาร
่
กิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี พ.ศ. 2542 โดยกำหนดให้หน่วยงานของรัฐทุกแหง จัดทำ
แผน และโครงการในการปรับปรุงงานที่รับผิดชอบให้สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาล
ซึ่ง หลักธรรมาภิบาล 6 ประการ ตามแนวทางของสำนักงาน ก.พ. ได้แก่
o หลักนิติธรรม
o หลักคุณธรรม
o หลักความโปร่งใส
o หลักการมีส่วนร่วม
o หลักความรับผิดชอบ
o และหลักความคุ้มค่า
และให้สำนักงาน ก.พ. รวบรวมและประเมินผลเพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรี
ต่อไป
27
อ้างอิง
Siam university. (2561). เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable
Development Goals SDGs. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2020 สืบค้นจาก:
https://siam.edu/sustainable-development-goals-sdgs/
HFOCUS เจาะลึกระบบสุขภาพ. (2562). HO ชี้ไทยก้าวหน้าบรรลุเป้าหมาย
SDGs แนะลงทุนสุขภาพให้ผลตอบแทนกลับสู่สังคมมหาศาล สืบค้นเมื่อวันที่ 6
กุมภาพันธ์ 2020 สืบค้นจาก: https://www.hfocus.org/content/2019/11/18110
สินศักดิ์ชนม์ อุ่นพรมมี.(2556) .พัฒนาการสำคัญของ การสร้างเสริมสุขภาพ
สืบค้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2020 สืบค้นจาก:
https://apps.who.int/iris/bitstream/handle/10665/70578/9786161115333_t
ha.pdf?sequence=24&isAllowed=y
Narongrid Rorsena .การพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านสังคม. สืบค้นเมื่อวันที่ 6
กุมภาพันธ์ 2020 สืบค้นจาก: https://sites.google.com/site/narongrid411/kar-
phathna-xyang-yangyun-sustainable-
development?fbclid=IwAR0QjlshEQQyiNwUcHtX05iqXbEzdea1xXU9vT1XVL
pxHtFzQXqFi981SBk