การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [1]
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [2] คำนำ امحلد هلل اذلي فضل أأوقات رمضان عىل غريه من ا ألزمان، وأأنزل فيه القرأ ن هدى وبينات من الهدى والفرقان، أأمحده س بحانه وأأشكره وأأشهد أأن ال اهل اال هللا وحده ال رشيك هل وأأشهد أأن نبينا محمدا ، ً عبده ورسوهل أأما بعد : มวลการสรรเสริญทั้งหมดเป็นของอัลเลาะฮ์ ซุบฮานะฮูวะ ตะอา ลา อีกไม่กี่ไม่นานจะถึงเวลาของการถือศีลอดแล้ว อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์ ที่อัลเลาะฮ์ได้ให้เรามีอายุขัยอยู่ทันเดือนอันประเสริฐนี้อีกครั้งหนึ่ง เดือน แห่งการประทานอัลกุรอาน เดือนแห่งการตักตวงความดี เดือนแห่งการ ขออภัยโทษและลบล้างความผิดบาปที่ผ่านมาและเดือนแห่งการ เปลี่ยนแปลงชีวิตของใครหลายๆ คน อัลฮัมดุลิ้ลลาห์ เมื่อเดือนเราะมะฎอนมาถึง ความรู้ศาสนาต่างๆ ก็ถูกน ากลับมา ใช้ น ากลับมาทบทวนอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของข้อตัดสินของการถือ ศีลอดและสิ่งที่ท าให้เสียศีลอดหรือแม้กระทั่งเรื่องที่ท่านผู้อ่านจะได้อ่าน หลังจากนี้ อินชาอัลเลาะฮ์ และประการส าคัญเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกถาม กันเข้ามามากมาย แต่หลายครั้งเรากลับไม่สามารถที่ค้นหาค าตอบได้ด้วย เหตุปัจจัยและอุปสรรคหลายอย่างในปัจจุบัน ถึงกระนั้น ผมจึงน า บทความของอ.ปราโมทย์ ศรีอุทัย (ขออัลเลาะฮ์เมตตาท่าน) ที่ได้เขียน บทความถึงเรื่องนี้เอาไว้ในเฟสบุ๊คส่วนตัวของท่านเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ค.ศ. 2018 และบทความของอ.ฟัยศ็อล อาลฮาดีย์(ขออัลเลาะฮ์ทรงปก
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [3] ปักรักษาท่าน) จากเฟสบุ๊คส่วนตัวของท่านเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 มารวมเป็นเอกสารชุดนี้เพื่อให้ง่ายต่อการค้นคว้าและอ้างอิงส าหรับ ผู้สนใจวิชาการในทุกวาระโอกาส อย่างไรก็ตาม อ.ฟัยศ็อล อาลฮาดีย์ เจ้าของบทความได้ก าชับ กับผมว่าประเด็นปัญหานี้เป็นประเด็นปัญหาขัดแย้งในหมู่นักวิชาการ ศาสนา ซึ่งท่านได้น าเสนอเฉพาะทัศนะที่ท่านเห็นด้วยเท่านั้น และ บทความนี้ได้รับการอนุญาตจากท่านในการท าเป็นเอกสารและเผยแพร่ลง สื่อสาธารณะเป็นที่เรียบร้อย สุดท้ายนี้ ผมขออัลเลาะฮ์ให้อภัยโทษในความผิดบาปที่ตั้งใจ และไม่ตั้งใจของตัวผม แม่ของผม ครอบครัวของผมที่ยังมีชีวิตอยู่หรือจาก ดุนยานี้ไปแล้ว และบรรดาพี่น้องมุสลิมทุกคนด้วยเถิด และขอพระองค์ทรง ท าให้เดือนเราะมะฎอนี้เป็นเดือนแห่งการเปลี่ยนแปลงของพวกเราทุกคน อามีน وصىل هللا وسمل وابرك عىل عبده ورسوهل نبينا محمد وعىل أ هل وأأحصابه أأمجعي อับดุลการีม พวงแก้ว อัลมะดีนะฮ์ อัลมุเนาวะเราะฮ์ วันที่ 29 เราะญับ ฮ.ศ. 1444 ตรงกับวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 2023
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [4] ขายอาหารให้กาฟิรในเดือนเราะมะฎอนได้หรือไม่ ? โดย อ. ปราโมทย์ ศรีอุทัย คำถาม : อัสลามุอลัยกุม อ.ครับใกล้รอมฏอนแล้ว อยากถามเรื่องหนึ่งครับ การขายอาหารให้กับกาฟิรใน เดือนนี้ฮาลาลหรือไม่ขอชี้แจงอย่างละเอียดด้วยครับ(ตอบ ให้ได้นะครับ) จาก จอมยุทธ ปราบมาร คำตอบ : ปัญหานี้ผมเคยเขียนมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อ กลางเดือนกันยายน ปีพ.ศ. 2559 แต่เมื่อคุณจอมยุทธ ปราบมาร ถามมา ผมจึงนำข้อเขียนนั้นมาลงอีกครั้งพร้อมด้วยขัดเกลา ข้อความบางตอนเพื่อความรัดกุมครับ ก่อนอื่นขอเรียนว่า ปัญหานี้นักวิชาการทั้งในอดีตและ ปัจจุบัน "มองต่างมุม" กันครับ เพราะฉะนั้นคำตอบของผมที่จะถึง ต่อไปจึงมิใช่เป็นข้อชี้ขาด ทว่า มันเป็นทัศนะที่มีน้ำหนัก "มากกว่า" ในมุมมองของผม แต่ที่แน่ๆก็คือ ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการขายอาหารให้กาเฟรฺ ในเดือนรอมะฎอนนี้ ผมไม่เคยเจอหลักฐานชัดเจน (حْ บท) نٌَّص َ َِصي ใดจากอัลกุรอานหรืออัล-หะดีษที่กล่าวถึงเรื่องนี้เอาไว้ ไม่ว่าใน
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [5] ลักษณะห้ามหรืออนุญาต และนักวิชาการที่กล่าวว่า "ห้ามขาย อาหารให้กาฟิรในเดือนเราะมะฎอน" ก็ไม่มีผู้ใดอ้าง "หลักฐานที่ ชัดเจน" จากอัล-กุรฺอานและอัล-หะดีษเช่นเดียวกัน นอกจากการ "วิเคราะห์" มาจากอายะฮ์อัลกุรอานบางตอนดังที่จะถึงต่อไป เท่านั้น การวิเคราะห์ มิใช่หลักฐานชี้ขาด เพราะมันอาจจะถูกได้ เท่ากับที่มันอาจจะผิดได้ผู้อื่นจะยอมรับ, หรือไม่ยอมรับ, หรือเห็น ต่าง ก็เป็นสิทธิของเขาเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น จากอายะฮ์ที่ 39 ซูเราะฮ์อัน-นัจญม์ที่ว่า َسَعى َما َسا ِن االَّ ْ لن ِ َس ل يْ َ ْن ل َأ "จะไม่ได้แก่มนุษย์นอกจากสิ่ง (คือผลบุญ) ที่เขาเคยขวนขวายไว้ เท่านั้น" ท่านอิหม่ามชาฟิอีย์และสานุศิษย์ของท่านได้ "วิเคราะห์" จากโองการข้างต้นนี้ออกมาว่า ผลบุญการอ่านอัล-กุรฺอาน "อุทิศ" ไม่ถึงผู้ตาย (ดูตัฟซีรฺอิบนุกะษีรฺ เล่มที่ 4 หน้า 276) แต่ขณะเดียวกัน ก็มีนักวิชาการ (แม้กระทั่งชาวบ้าน) ที่ อ้างว่าสังกัดมัษฮับของท่านอิหม่ามชาฟิอีย์จำนวนมากที่ไม่ยอมรับ การวิเคราะห์นี้ ทว่า พวกเขากลับเห็นแย้งกับอิหม่ามของพวกเขา เอง คือกล่าวว่า ผลบุญอ่านอัลกุรอานนั้นอุทิศถึงผู้ตาย ดังเป็นที่
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [6] ทราบกันดี สำหรับหลักฐานของผู้ที่กล่าวว่า ห้ามขายอาหารให้ กาเฟรฺในเดือนรอมะฎอนก็คือ โองการที่ 39 - 43 ซูเราะฮ์อัล มุดดัษษิร ซึ่งมีข้อความว่า َكُ ُْك ِ ِْف َس َ َسل ْيَ َما ُ ْجِرمِ م ْ ْوَن َعِن ال ُ َسآ ئَل َتَ ِ ِْف َجنَّا ٍت ي ِمْيَ َ ي ْ ْحصَا َب ال االَّ َأ َ قَر ْيَ ِ ُ َصل م ْ َن ال نَ ُك مِ ْ م َ ْوا ل ُ قَال "ยกเว้นบรรดาผู้อยู่เบื้องขวา (ซึ่ง) อยู่ในสวนสวรรค์อัน หลากหลาย พวกเขาจะถามบรรดาผู้กระทำความชั่วว่า อะไรที่นำ พวกท่านเข้าสู่กองไฟที่เผาไหม้ พวกเขากล่าวว่า เรามิได้เป็นส่วน หนึ่งจากบรรดาผู้ทำนมาซ" จากโองการบทนี้ นักวิชาการฟิกฮ์บางท่าน เช่นท่านเช็คร็ อมลีย์ในยุคอดีต หรือเช็คอุษัยมีนในยุคปัจจุบันได้วิเคราะห์ออกมา ว่า การขายอาหารให้คนกาฟิรในเดือนรอมะฎอนเป็นเรื่องต้องห้าม เพราะอ้างเหตุผลว่า ُ ْوعِ ُ ْوَن ِبُفر َا ُُهْ ُم َخا َطب ن َ ثْل مِ َْعةِ ال َّ َِّشي คือ พวกเขา (กาฟิร) ถูกกำหนดให้ปฏิบัติในเรื่องฟุรูอฺ (ภาคปฏิบัติของศาสนา เช่นละหมาด, ถือศีลอด, จ่ายซะกาต และ อื่นๆ) เหมือนกับพวกเรา
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [7] ดังนั้น การขายอาหารให้พวกเขารับประทานในตอน กลางวันเดือนรอมะฎอนจึงเป็นการสนับสนุนให้พวกเขากระทำ ความผิด คือเจตนาไม่ถือศีลอดเพราะทานอาหารในตอนกลางวัน ! ท่านเช็คร็อมลีย์ (รอหิมะฮุ้ลลอฮ์) นักวิชาการฟิกฮ์ผู้โด่งดัง แห่งมัษฮับชาฟิอีย์ ได้กล่าวในหนังสือ "นิฮายะตุ้ลมุห์ตาจญ์" เล่มที่ 3 หน้า 471 ว่า ْو َظَّن َأ َأ ِملَ ْ ُعُه َطَعاًما عَ َي ُك ك فَّاِر َ َذا ب ْ ِف ال ْ ِْْكي َ َىل ت عَ ً ا ......... ِبنَاء ً ُُُْكُه ََنَار َآ نَُّه ي ا ِجُح َّ الر َ ُهو َ و َْعةِ ال َّ َِّشي ُ ْوعِ ِبُفر "และเช่นเดียวกัน การขายอาหารให้กาฟิรซึ่งผู้ขายรู้หรือ มั่นใจว่า เขาจะรับประทานมันตอนกลางวัน (เดือนเราะมะฎอน ก็ เป็นเรื่องต้องห้าม) ทั้งนี้เป็นการยึดถือตามหลักการที่ว่า กาฟิร ทั้งหลายก็วายิบปฏิบัติในเรื่องฟุรูอฺของศาสนา (เหมือนกับพวก เรา) ซึ่งเป็นทัศนะที่มีน้ำหนัก" หมายเหตุ : คำกล่าวของท่านเช็ครอมลีย์ตอนท้ายที่ว่า َ ُهو َ و ا ِجُح َّ الر) ซึ่งเป็นทัศนะที่มีน้ำหนัก) บ่งบอกความหมายว่า ความ เข้าใจที่ว่า กาเฟรฺถูกกำหนดให้ปฏิบัติในเรื่องฟุรูอฺของบทบัญญัติ ยัง มีความขัดแย้ง คือมีนักวิชาการบางท่านถือว่า กาเฟรฺไม่วายิบ ปฏิบัติสิ่งที่เป็นฟุรูอฺของบทบัญญัติ เช่น นักวิชาการมัษฮับหะนะฟีย์
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [8] เป็นต้น แต่ทัศนะที่เห็นต่างนี้ถือเป็นทัศนะที่อ่อนด้อย (ح وْجُرْ ในَ) م ทัศนะของท่านเช็คร็อมลีย์ โต้แย้ง : "หลักการ" ที่ว่า กาฟิรทั้งหลาย วายิบปฏิบัติในเรื่องฟุรูอฺของ ศาสนา (เหมือนกับพวกเรา) เช่น วายิบให้พวกเขาปฏิบัติละหมาด หรือถือศีลอด หรือจ่ายซะกาตเหมือนกับพวกเรา "ในขณะยังเป็น กาเฟรฺอยู่" ก็ดี หรือการที่พวกเขาต้องลงนรกก็มีสาเหตุส่วนหนึ่ง มาจากการไม่ละหมาด, ไม่ถือศีลอด, ไม่จ่ายซะกาต ฯลฯ "ขณะ ยังเป็นกาฟิร" อยู่ก็ดี หรือห้ามขายอาหารให้กาเฟรฺในกลางวัน เดือนรอมะฎอนก็ดี ผมว่าน่าจะเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เพราะ 1. ในตำราฟิกฮ์ทุกเล่ม ไม่ว่ามัษฮับไหน จะกล่าวสอดคล้อง กันว่า "ไม่วายิบ" สำหรับกาเฟรฺ ทำละหมาด, ถือศีลอด, จ่ายซะกาต และทำหัจญ์ (ขณะยังเป็นกาฟิร) อยู่ ตัวอย่างเช่น คำกล่าวของท่านซัยยิดสุลัยมาน อะหฺมัด บิน อุมัรฺ อัช-ชาฏิรีย์ นักวิชาการฟิกฮ์สังกัดมัษฮับชาฟิอีย์ท่าน หนึ่ง ได้กล่าวในหนังสือ "อัล-ยากูต อัน-นะฟีส" หน้า 34 ว่า ْس َلم ِ ، : اَال تَّة َّص َلةِ س ِ ُ ْوُط ُوُجْوِب ال ُرش .......
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [9] "เงื่อนไขวายิบนมาซ มี 6 ประการ คือ ต้องนับถือศาสนาอิสลาม ... แล้วท่านก็อธิบายเพิ่มเติมว่า نْ ُه ِحصَِِّتَا مِ ِ َعَدم ِ ا ل َ ِِف ا ُّدلنْي ْصِىلُّ َ الْ ُ ََكفِر ْ ُب ِِبَا ال َ َطال ُ فَ َل ي "ดังนั้น จึงไม่ถูกกำหนด (คือไม่วายิบ) ละหมาดสำหรับคน กาฟิรดั้งเดิมในโลกนี้ เพราะการละหมาดของพวกเขาจะไม่เศ๊าะฮ์ (ใช้ไม่ได้) ... แม้นักวิชาการฟิกฮ์บางท่านจะพยายามอธิบายความหมาย ที่ว่า ไม่วายิบ ในที่นี้ไปในบางลักษณะ แต่อ่านดูแล้วเป็นคำอธิบาย ที่มีลักษณะฝืนๆ, ไม่ชัดเจนและขัดแย้งกับข้อที่ 2 ต่อไปนี้คือ 2. จากความเข้าใจที่ว่า การละหมาดและการถือศีลอดเป็นวา ยิบสำหรับกาฟิร (ในขณะเขายังเป็นกาเฟรฺ) และเขาต้อง ถูกลงโทษเพราะ "เขาไม่ทำละหมาดหรือไม่ถือศีลอดขณะ ยังเป็นกาฟิรอยู่" ก็ขอถามว่าสมมุติถ้ากาฟิรคนใดทำ ละหมาดหรือถือศีลอดอย่างถูกต้องขณะยังเป็นกาเฟรฺ (เพื่อให้พ้นวายิบนั้น) พระองค์อัลลอฮ์จะทรงรับละหมาด หรือศีลอดของเขาไหม ? แน่นอน ทุกคนต้องตอบว่า พระองค์อัลลอฮ์จะไม่ทรงรับละหมาดและศีลอดของเขา แสดงว่าคนกาฟิรทำละหมาด, ถือศีลอดก็ลงนรก, ไม่ทำ
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [10] ละหมาดและไม่ถือศีลอดก็ลงนรกแล้วเราจะมากล่าวว่า เขาถูกลงโทษหรือลงนรกเพราะ "ไม่ละหมาด ไม่ถือศีลอด" ขณะยังเป็นกาฟิรได้อย่างไร ในเมื่อแม้เขาละหมาดและถือ ศีลอดก็ต้องลงนรกอยู่ดีจะกินกับปัญญาได้อย่างไรว่า พระองค์อัลลอฮ์ทรงกำหนดให้ใครสักคนละหมาดและถือ ศีลอด และ/หรือปฏิบัติเรื่องอื่นๆอันเป็นบทบัญญัติของ ศาสนา แต่พอเขาปฏิบัติตามที่ถูกกำหนดถูกต้องแล้ว ก็ ยังต้องถูกลงโทษและต้องลงนรกอีก 3. ในอายะฮ์ที่ 43 ซูเราะฮ์อัลมุดดัษษิร ชาวนรกพวกนั้น ไม่ได้กล่าวเลยว่า ْ ِي ِ نَ ُك ُمَصل ْ م َ ل (พวกเราลงนรกเพราะ) พวกเราไม่ได้ละหมาด แต่พวกเขากล่าวว่า ْيَ ِ ُ َصل م ْ َن ال نَ ُك مِ ْ م َ ل (พวกเราลงนรก เพราะ) พวกเราไม่ได้เป็น "ส่วนหนึ่ง" จากบรรดาผู้ที่ละหมาด
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [11] ผมขอชี้แจงว่า คำว่า "(พวกเราลงนรกเพราะ) พวกเรา ไม่ได้ละหมาด" กับคำว่า "(พวกเราลงนรก เพราะ)พวกเราไม่ได้ เป็น "ส่วนหนึ่ง" จากบรรดาผู้ที่ละหมาด" ความหมายไม่ เหมือนกัน คำแรก มีความหมายว่า พวกเขาลงนรกเพราะไม่ได้ ละหมาดขณะยังเป็นกาเฟรฺ (ซึ่งผมอธิบายไปแล้วว่า ขัดแย้งกับ ข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง) ส่วนคำหลัง มีความหมายว่า พวกเขาลงนรกเพราะ "พวก เขาปฏิเสธศรัทธา" จนเป็นสาเหตุให้ไม่ได้ทำละหมาดเยี่ยงผู้ศรัทธา อื่นๆ ท่านอัลกุรฏุบีย์, ท่านอัชเชากานีย์, ท่านอัลมะรอฆีย์ และ นักวิชาการตัฟซีรหลายท่านอธิบายโองการนี้ตรงกันว่า ا َ ْوَن ِهلل ِِف ا ُّدلنْي ُّ ُ َصل ْ َن ي ي َّذلِ ْيَ ا ِ ن ْؤمِ ُ م ْ َن ال َأ ْى مِ "คือ (พวกเราลงนรกเพราะ) มิได้เป็น "ส่วนหนึ่งจากบรรดา ผู้ศรัทธา" ที่พวกเขาละหมาดกันเพื่ออัลลอฮ์ในโลกดุนยา (จากตัฟ ซีรฺ อัล-ญามิอฺ ลิอะหฺกามิ้ลกุรฺอาน ของท่าน อัล-กุรฺฏุบีย์ เล่มที่ 10 หน้า 57, ตัฟซีรฺอัล-มะรอฆีย์ เล่มที่ 29 หน้า 140, ตัฟซีรฺ ฟัตหุ้ลกอดีรฺ ของท่านอัช-เชากานีย์ เล่มที่ 5 หน้า 467 เป็นต้น)
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [12] ดังนั้น ความหมายที่แท้จริงของโองการนี้หรือโองการอื่นๆ ที่มีความหมายคล้ายคลึงกันนี้ จึงหมายถึงพระองค์อัลลอฮ์ ซุบฮา นะฮูวะ ตะอาลา ทรงลงโทษพวกเขาฐาน "ปฏิเสธศรัทธา" จน นำไปสู่การไม่ปฏิบัติละหมาด, ไมถือศีลอด, ไม่จ่ายซะกาต ฯลฯ มิได้หมายความว่า พระองค์ทรงกำหนดให้กาฟิรละหมาด, ถือศีลอด, จ่ายซะกาต และปฏิบัติตามบทบัญญัติอื่นๆในขณะยัง เป็นกาเฟรฺอยู่ เพราะการปฏิบัติสิ่งเหล่านี้ขณะยังเป็นกาเฟรฺอยู่ มันไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาให้หลุดพ้นจากไฟนรกได้ ดังที่ อธิบายมาแล้วตอนต้น จึงไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่พระองค์อัลลอฮ์ จะไปกำหนดให้พวกเขาทำสิ่งเหล่านี้ในขณะที่พวกเขายังปฏิเสธ ศรัทธาอยู่ สรุปแล้ว กาฟิรจึงมิได้บาปและมิได้ตกนรก เพราะไม่ ละหมาดหรือไม่ถือศีลอดขณะเป็นกาฟิร แต่พวกเขาบาปและตก นรกเพราะพวกเขาปฏิเสธศรัทธา จนนำไปสู่การไม่ละหมาด, ไม่ ถือศีลอด, ไม่จ่ายซะกาต ฯลฯ เหมือนผู้ศรัทธาต่างหาก เมื่อพวก เขามิได้บาปเพราะไม่ถือศีลอดในขณะเป็นกาฟิร การกินอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มจึงมิใช่สิ่งต้องห้ามสำหรับพวกเขาในเดือนรอ มะฎอน เพราะฉะนั้น การอ้างอายะฮ์ที่ 43 ซูเราะฮ์อัลมุดดัษษิร มาเป็นหลักฐานห้ามขายอาหารแก่คนกาฟิรในเดือนเราะมะฎอน
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [13] จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอในทัศนะของผม และหลักฐานอื่นจากนี้(ที่มี น้ำหนักเพียงพอ) ผมก็ไม่เจอว่าจะมีผู้ใดนำมาอ้างอิงกัน สรุปแล้ว (ในทัศนะส่วนตัว) ผมเห็นด้วยกับทัศนะ ของมัษฮับหะนะฟีย์ที่ว่า มุสลิมขายอาหารให้กาเฟรฺในเดือนรอ มะฎอนเป็นที่อนุญาต และไม่ใช่เรื่องต้องห้าม (หะรอม) ทว่า ถ้าผู้ขายอาหารท่านใดไม่ขายให้อาหารให้กาเฟรฺใน เดือนรอมะฎอน ไม่ใช่เพราะถือว่าเป็นเรื่องหะรอม แต่เพื่อ หลีกเลี่ยงจากความขัดแย้งของนักวิชาการ ผมก็เห็นด้วยครับ วัลลอฮุ อะอฺลัม1 อ.ปราโมทย์ ศรีอุทัย 8/3/2018 1 สืบค้นเมื่อ 21 มีนาคม 2566, จาก เฟสบุ๊คส่วนตัวของอ. ปราโมทย์ ศรีอุทัย https://www.facebook.com/100008185688310/posts/pfbid05SXcf3tV TULE2KpVZSXVxFwCwjoSqttM4wXyUVTGtdVBvid2trnwyEsTP2De82c 5l/?mibextid=uc01c0
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [14] ขายอาหารให้ต่างศาสนิก ในช่วงถือศีลอดของเดือนเราะมะฎอน อ.ฟัยศ็อล อาลฮาดีย์ เมื่อพูดถึงประเด็นนี้ หลายคนนึกถึงปัญหาอุศูลฟิกฮฺเรื่อง “ต่างศาสนิกอยู่ในข่ายคำสั่งใช้เรื่องข้อปลีกย่อยของศาสนาหรือไม่” ความหมาย “ข้อปลีกย่อยของศาสนา” คือ เรื่องอิบาดะฮฺต่าง ๆ ที่ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องอะกีดะฮฺ [*ที่จริงการเรียกเรื่องอิบาดะฮฺว่า เป็นข้อปลีกย่อยในศาสนานั้นไม่ถูกต้องนัก เพราะเรื่องอิบาดะฮฺ บางอย่างก็เป็นหลักพื้นฐานหรืออุศูลของศาสนา] ทัศนะที่มีน้ำหนักมากกว่าในประเด็นนี้คือ ต่างศาสนิกอยู่ ในข่ายคำสั่งใช้เรื่องข้อปลีกย่อยของศาสนา ดังจะเห็นได้จากอา ยะฮฺอัลกุรอานต่าง ๆ ที่ระบุถึงการลงโทษของผู้ปฏิเสธศรัทธา เนื่องจากไม่ปฏิบัติคำสั่งใช้ในเรื่องอิบาดะฮฺ เช่น อัลลอฮฺตรัสว่า َكُ ُْك ِِف َس * َ َي َسل ْس ِك َما ِم ْ ال ُ م نَ ُك نُ ْطعِ ْ م َ ل َ َي * و ِ ُ َصل م ْ َن ال نَ ُك مِ ْ م َ وا ل ُ َ * قَال قَر “อะไรที่ทำให้พวกท่านต้องเข้าในไฟนรกที่ร้อนแผดเผา พวกเขากล่าวว่า เนื่องจากพวกเราไม่ได้อยู่ในหมู่ผู้ละหมาด และ
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [15] พวกเราไม่ได้ให้อาหารแก่บรรดาผู้ขัดสน” [อัล-มุดัษษิร, 74 : 42- 44] แต่...คำสั่งใช้ดังกล่าวแก่ต่างศาสนิกนั้น เป็นคำสั่งในเชิง นามธรรมหรือเป็นคำสั่งใช้เพื่อเอาโทษในวันกิยามะฮฺที่ฝ่าฝืนไม่เชื่อ ฟังอัลลอฮฺ ไม่ได้เป็นคำสั่งให้พวกเขาปฏิบัติ(อะดาอ์) เพราะถึงแม้ พวกเขาจะละหมาด จ่ายซะกาต ถือศีลอด การงานเหล่านั้นก็ไม่ถูก ตอบรับจากอัลลอฮฺจนกว่าพวกเขาจะเข้ารับศาสนาอิสลามเสียก่อน ดังจะเห็นได้จาก ศาสนาอิสลามไม่ได้มีคำสั่งให้ปรามต่างศาสนิก หรือสั่งใช้ให้ทำความดีในประเด็นอิบาดะฮฺ หรือที่เรียกว่า “อิหฺติ สาบ” กล่าวคือ 1. เมื่อเข้าเวลาละหมาด หากเราอยู่กับเพื่อนมุสลิม เราจะ ชวนให้ไปละหมาด แต่เมื่ออยู่กับต่างศาสนิก เราจะไม่ชวน 2. เมื่อเราเห็นมุสลิมรับประทานอาหารในขณะถือศีลอดใน เดือนเราะมะฎอน เราจะทักท้วง ซึ่งต่างกับกรณีเราเห็นคนต่างศา สนิก และตัวอย่างอื่น ๆ ในทำนองนี้ และหากเราศึกษาตำราฟิกฮฺ เราจะพบข้อความทำนองว่า การละหมาดไม่เป็นที่วาญิบแก่ต่างศาสนิก...การถือศีลอดไม่เป็นที่ วาญิบแก่ต่างศาสนิก ฯลฯ คำว่าไม่วาญิบ ณ ตรงนี้คือ ไม่วาญิบเชิง
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [16] ปฏิบัติในขณะที่ยังไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ แต่เขามีโทษที่ไม่ปฏิบัติตาม ดังกล่าวนี้ บ่งบอกว่า คำสั่งใช้ดังกล่าว ไม่ได้เป็นคำสั่งใช้ให้ปฏิบัติ จริง เพราะถึงแม้พวกเขาจะปฏิบัติ การงานดังกล่าวก็ไม่ถูกตอบรับ จากอัลลอฮฺอยู่ดีจนกว่าจะเข้านับถือศาสนาอิสลาม ในเมื่อต่างศาสนิกไม่วาญิบต้องถือศีลอด ฉะนั้นการ จำหน่ายอาหารแก่พวกเขาในช่วงกลางวันของเดือนเราะมะฎอนจึง เป็นที่อนุญาต เหมือนกับการจำหน่ายอาหารให้เด็กมุสลิมที่ยังไม่ บรรลุศาสนะภาวะ เพราะบุคคลทั้งสองกรณีล้วนแต่ไม่มีคุณสมบัติที่ จะถือศีลอด กล่าวคือ เด็กมุสลิมขาดเงื่อนไขการบรรลุศาสนะภาวะ และต่างศาสนิกขาดเงื่อนไขการเป็นมุสลิม และด้วยกับเหตุผล ประการต่อไปนี้ : 1. ในยุคสลัฟ บรรดามุสลิมมีคนรับใช้และแต่งงานกับอะฮฺ ลุลกิตาบ ซึ่งแน่นอนว่า มุสลิมต้องรับผิดชอบเรื่องการเลี้ยงดู แต่ไม่ พบหลักฐานว่า บรรดามุสลิมในยุคนั้นไม่ได้ซื้อหรือให้อาหารแก่บ่าว หรือภรรยาที่เป็นอะฮฺลุลกิตาบในช่วงเดือนเราะมะฎอน 2. มีรายงานว่ามีคนมอบผ้าไหมให้กับท่านนบี صلى الله عليه وسلم และท่าน ก็ได้มอบผ้าไหมผืนหนึ่งให้แก่ท่านอุมัร ท่านอุมัรถามท่านนบีว่า
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [17] ท่านมอบผ้าไหมให้ฉันกระนั้นหรือ ทั้งที่ท่านกล่าวตำหนิการสวมผ้า ไหม? ท่านนบีตอบว่า َس » َها بَ ْ تَل ِ ُس َكَها ل كْ َ أ ْ م َ ّن ِ ل ِ ا « “ฉันไม่ได้มอบเพื่อให้ท่านสวมใส่” แล้วท่านอุมัรก็มอบผ้าไหมชิ้นนี้ให้กับน้องชาย (หรือพี่ชาย) ของเขาที่เป็นมุชริกซึ่งอยู่ที่นครมักกะฮฺ [บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ, เลขที่ : 886] จากหะดีษบทนี้ จะเห็นได้ว่าท่านอุมัรได้มอบผ้าไหมให้ น้องชาย(หรือพี่ชาย)ของเขา ซึ่งแน่นอนว่าเขาต้องใช้เพื่อสวมใส่ มากกว่าไปทำอย่างอื่น ด้วยเหตุนี้ ท่านอิบนุตัยมียะฮฺจึงกล่าวว่า وأأما بيع احلرير للنساء فيجوز، وكذكل اذا بيع لَكفر؛ ف ان معر بن اخلطاب أأرسل حبرير أأعطاه اايه النيب صىل هللا عليه وسمل اىل رجل مَّشك “ส่วนการขายผ้าไหมให้แก่สตรีนั้นเป็นที่อนุญาต และ ทำนองเดียวกันหากขายแก่ต่างศาสนิก เพราะท่านอุมัร บิน อัลค็อฏฏอบได้มอบผ้าไหม –ที่ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [18] มอบให้แก่เขา- ให้แก่ชายคนหนึ่งที่เป็นมุชริก” [มันจญ์มูอฺ อัล-ฟะ ตาวา, 22/173-144] กรณีการขายอาหารในเดือนเราะมะฎอนก็เช่นเดียวกันกับ ปัญหาการขายหรือมอบผ้าไหมให้ต่างศาสนิก สรุป : อนุญาตให้ขายหรือมอบอาหารแก่ต่างศาสนิกในช่วงการ ถือศีลอดของเดือนเราะมะฎอน คำถามจากพี่น้องในช่องคอมเมนท์ คำถาม : ถ้าเรามั่นใจว่า มุสลิมที่ซื้อไป จะไม่ทานตอนที่ กำลังถือศีลอด จะขายได้ไหมครับ ? คำตอบ : ประเด็นมันไม่ใช่อยู่ที่การซื้อขาย แต่อยู่ที่การมี ส่วนร่วมให้มุสลิมทำผิดหลักการโดยการขายอาหารให้มุสลิมได้ บริโภคทั้งที่เขาจำเป็นต้องถือศีลอด ฉะนั้น ถ้ามั่นใจว่าเขาซื้อเพื่อละ ศีลอดย่อมเป็นที่อนุญาต คำถาม : แล้วถ้าเป็นมุสลิมมาซื้อ ขายได้ไหมครับ เพราะถ้า ขายแต่เด็กหรือต่างศาสนิก คงจะเลี่ยงเลือกขายยากเหมือนกัน ? ญาซากัลลอฮ์ฮุคอยรอนครับ
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [19] คำตอบ : ถ้ารู้ว่าเป็นมุสลิมและเป็นบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในข่าย ที่ต้องได้รับผ่อนผัน ก็ไม่อนุญาตให้ขาย หรืออาจใช้วิธีเขียนประกาศ หน้าร้านก็ได้"ขายเฉพาะมุสลิมที่ได้รับผ่อนผันให้ละศีลอดและ ต่างศาสนิก" และหากลูกค้าคนไหนสงสัย ก็สอบถามเขาได้2 ฟัยศ็อล อาลฮาดีย์ 28/5/2017 2 สืบค้นเมื่อ 21 มีนาคม 2566, จาก เฟสบุ๊คส่วนตัวของอ.ฟัยศ็อล อาลฮาดีย์ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1341262972615981&set =a.1239934712748808&type=3&mibextid=uc01c0
การขายอาหารให้ต่างศาสนิกในเดือนเราะมะฎอน [20]