The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อัรรุวัยบิเฎาะฮ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Abu Makrom Puangkaew, 2022-06-15 05:18:16

อัรรุวัยบิเฎาะฮ์

อัรรุวัยบิเฎาะฮ์

อรั รุวยั บเิ ฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ ร่ืองศาสนา

อรั รวุ ยั บเิฎาะฮ์
(‫)الرويبضة‬

คนตอแหลอวดรู้เรอื่ งศาสนา
เโดย

บุคอรยี ์ สามารถ

1|Page

อรั รุวยั บิเฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ ร่อื งศาสนา

คำนำ

‫ ومن‬،‫ ونعوذ بالله من شرور أنفسنا‬،‫ نحمده ونستعينه ونستغفره‬،‫ان الحمد لله‬
‫ وأشهد أن لا‬،‫ ومن يضلل فلا هادي له‬،‫سيئات أعمالنا من يهده الله فلا مضل له‬

.‫ وأشهد أن محم ًدا عبده ورسوله‬،‫اله الا الله وحده لا شريك له‬

การสรรเสรญิ ทงั้ ปวงเป็นสทิ ธิของอลั เลาะห์ ซบุ ฮานะหวุ ะตะอา
ลาแตเ่ พยี งผเู้ ดียว

ขา้ พเจา้ และนอ้ งอบั ดลุ การีม พวงแกว้ ไดเ้ ห็นพอ้ งตอ้ งกันว่า ใน
ยุคสมยั ท่ีขอ้ มูลข่าวสารเขา้ ถึงไดง้ ่าย แน่นอนว่าความรูศ้ าสนาเองก็เป็น
แหล่งข้อมูลข่าวสารอย่างหน่ึงท่ีประชาชนสามารถเข้าถึงไดง้ ่ายในยุค
ปัจจบุ นั แต่ทว่าความง่ายดายนน้ั มกั จะมาพรอ้ มกบั ความมกั ง่ายเสมอ มี
คาอย่คู าหนึ่งท่ีขา้ พเจา้ มกั จะเห็นอย่บู ่อยครงั้ ว่ามีการนาคาดงั กล่าวมาใช้
อย่างมกั งา่ ย เพียงเพราะตอ้ งการทาลายความน่าเช่ือถือในระหวา่ งพ่นี อ้ ง
มสุ ลิมดว้ ยกัน สิ่งดงั กล่าวถือเป็นความอธรรมอย่างหน่ึง และหลายครงั้
การใชค้ า ๆ นีม้ ักจะถูกบิดเบือนเป้าหมาย และวัตถุประสงคอ์ อกไปจาก
ความหมายเดิมเพ่ือใหเ้ ป็นไปตามความตอ้ งการของผใู้ ช้ คาดงั กล่าวนน้ั
คือคาวา่ “อรั รุวยั บเิ ฎาะฮ”์

ดงั นนั้ ขา้ พเจา้ และคณุ อบั ดลุ การีม พวงแกว้ จงึ มีความตงั้ ใจท่จี ะ
เขียนหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มนีข้ ึน้ มาโดยพยายามนาเสนอหาวิชาการและ
แหล่งอา้ งอิงของเนือ้ หาท่ีเกี่ยวกบั “อรั รุวยั บิเฎาะฮ”์ ขา้ พเจา้ เองพยายาม
ใชส้ านวนการเขียนโดยเนน้ ใหผ้ ูอ้ ่านเขา้ ใจง่ายมากกว่าท่ีจะเนน้ สานวนท่ี

2|Page

อรั รุวยั บิเฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ รื่องศาสนา

สละสลวยแต่เขา้ ใจยาก ซ่งึ ตรงไหนท่เี ป็นความคิดเห็นของขา้ พเจา้ ก็จะมี
วงเล็บและเขียนว่า “ผูแ้ ปล” ซ่ึงส่วนมากจะเป็นการยกตวั อย่างประกอบ
เพ่อื ใหผ้ อู้ า่ นไดเ้ หน็ ภาพชดั ในประเด็นต่าง ๆ

ขา้ พเจา้ หวงั ว่า งานเขียนของขา้ พเจา้ เล่มนี้ จะช่วยทาใหพ้ ่ีนอ้ ง
ผอู้ า่ น เกิดความเขา้ ใจท่ถี กู ตอ้ งเก่ียวกบั คาวา่ “อรั รุวยั บิเฎาะฮ”์ และทาให้
พ่ีนอ้ งผอู้ ่านเกิดความเกรงกลวั ต่อการลงโทษของอลั เลาะฮใ์ นการท่ีจะนา
คา ๆ นี้มาใช้ดิสเครดิตพ่ีน้องมุสลิมอย่างมักง่ายและบิดเบือนจาก
ความหมายท่ีถูกระบไุ วใ้ นหะดีษ อีกดา้ นหนึ่งการท่ีเราเขา้ ใจความหมาย
และคุณลักษณะของผู้ท่ีถูกระบุไว้ว่าเข้าข่าย “อัรรุวัยบิเฎาะฮ์” นั้น
เปรียบเสมือนเป็นเกราะป้องกนั และเป็นเครือ่ งมือตรวจสอบตวั ของเราเอง
ไม่ใหเ้ ขา้ ข่ายของบุคคลท่ีถูกระบุไวว้ ่าเป็นบุคคลท่ีพระองคอ์ ัลเลาะหแ์ ละ
เราะซลู ของพระองคท์ รงโกรธกรวิ้ และขา้ พเจา้ เองตอ้ งขอขอบคณุ คณุ อบั
ดลุ การีม พวงแกว้ เป็นอยา่ งสงู ท่ชี ่วยขดั เกลาสานวนของหนงั สอื เล่มนี้ ขอ
พระองคท์ รงเมตตาขา้ พเจา้ คุณพ่อคณุ แม่ ภรรยาและลกู ๆ ของขา้ พเจา้
และพ่ีนอ้ งมสุ ลิมท่ีรกั ทุกท่าน ใหเ้ ราไดเ้ ขา้ ไปอยู่ในสวรรค์ อันบรมสขุ อัน
เป็นนริ นั ดรข์ องพระองคอ์ ลั เลาะห์ อามีน

สุดทา้ ยถ้าหากมีความผิดพลาดประการใดในงานเขียนเล่มนี้
ขา้ พเจา้ ขอนอ้ มรบั ความคิดเห็นและคาติชมของพ่ีนอ้ งผอู้ ่านทกุ ท่านอยา่ ง
เป็นวิชาการ ผิดก็เตือน ถกู กต็ ามนะครบั

3|Page

อรั รุวยั บิเฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ ร่อื งศาสนา

‫وبالله التوفيق والهداية‬

อบฆู ลุ วานี บคุ อรี อิบนุ อาลี อบิ นุ ซะอด์ สามารถ อลั ฟกู ีตยี ์
15 มิถนุ ายน 2565, บอ่ แร่ ภเู ก็ต

4|Page

อรั รุวยั บเิ ฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ รอื่ งศาสนา

สารบญั

คำนำ......................................................................................... 2
ชว่ งเวลาแห่งยคุ ที่เรียกวา่ “อรั รุวยั บิเฎาะฮ์”..................................... 6
สภาพของมนษุ ยชาตใิ นยคุ สมัย “อรั รุวัยบิเฎาะฮ์” ............................. 7
ความม่นั ใจ ความไวเ้ นอ้ื เช่อื ใจจะมีอยแู่ คน่ ้อยนิด............................. 10
ทรพั ยส์ มบัตจิ ะตกอยู่ในมือคนโงท่ ม่ี ีคุณสมบตั ิที่น่าตำหนิ ................... 11
ลกั ษณะต่างๆของอรั รวุ ยั บิเฎาะฮ์ .................................................. 13
บรรณานุกรม ............................................................................ 18

5|Page

อรั รุวยั บเิ ฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ ร่ืองศาสนา

ชว่ งเวลาแหง่ ยุคท่ีเรียกว่า “อรั รุวัยบิเฎาะฮ์”

ยุคที่เรียกว่า “อัรรุวัยบิเฎาะฮ์” จะเกิดขึ้นหลังจากการปรากฏตัว
ของดจั ญาล1 ดังท่ีทา่ นนบมี ูฮัมหมัด‫ ﷺ‬ไดก้ ล่าวไว้วา่

‫ان أمام الدجال سنين خداعة‬

ความวา่ แทจ้ รงิ ยคุ ของดจั ญาลจะปรากฏก่อนยคุ “ค็อด
ดาอะฮ”์ หลายปี2

คำว่า “ค็อดดาอะฮ์” ในที่นี้หมายถึง อัรรุวัยบิเฎาะฮ์ บรรดาอุละ
มะฮ์ ได้อธิบายว่า เป็นยุคที่ผู้ชายคนหนึ่งที่โง่เขลา หรือคนชั่วซึ่งชอบพูดใน
เรือ่ งกจิ การสาธารณะ3 (ทีไ่ ม่ไดอ้ ยูใ่ นหนา้ ทีท่ ่เี ขาตอ้ งรับผดิ ชอบ ภาษาบ้านๆ
หมายถึง พูดหรือทำเกินหน้าที่ตัวเอง เรียกสั้น ๆ ว่า เสือก เช่น
ซาอุดีอาระเบียตัดสินลงโทษโต๊ะครูที่ปลุกระดมให้ก่อการกบฏโค่นล้มผู้นำ
ซึ่งเป็นไปตามฮะดีษที่อนุญาตให้ประหารชีวิตผู้ที่ก่อการกบฏโค่นล้มผู้นำ
มุสลิมได้ แต่มีไอ้ตาเวาะคนหนึ่งนั่งกินน้ำชาตามร้านกาแฟในประเทศกะลา
แลนด์ ไม่เคยรู้เรื่องวิชาการศาสนาอะไร รู้แต่ว่าประชาธิปไตยอนุญาตให้
ประท้วงได้ ก็ไปวพิ ากษว์ จิ ารณซ์ าอุด้ี ทงั้ ๆ ทเี่ รื่องดงั กลา่ วไม่ได้อยู่ในความ

1 ชัยค์หะมดู อิบนุ อบั ดลุ เลาะฮ์ อตั ตวุ ยั ยรี ีย์ .อิตฮาฟ อลั ญะมาอะฮ์ บมิ า ยาอะ ฟลี ฟิตนั วั้ลมะ
ลาฮมิ วะอัชรอติซซาอะฮ์ . รยิ าด . ดารซุ ซุมยั อีย์ ลิลนัชร์ วตั เตาเซยี ะฮ์ หน้า 370 เล่มที่ 2
2 ชัยค์ชุอัยบ์ อัลอัรนะอูฏ . ตัครีจ อัลมุสนัด จากท่านอิบนุ มาลิก หมายเลขหะดีษที่ 13298
สถานะ หะซัน
3 มะห์มูด เราะญับ อัลวะลีด .2002. กัชฟุ้ลมินัน ฟี อะลามาต อัซซาอะฮ์ วั้ลมะลาฮิม วั้ลฟิ
ตัน

6|Page

อรั รุวยั บิเฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ ร่อื งศาสนา

รับผิดชอบของคน ๆ นั้นเลยแม้แต่นิดเดียว - ผู้แปล) และฮะดีษของท่านนบี
ได้อธิบายถึงสิ่งดังกล่าวว่า เป็นสัญญาณหนึ่งจากสัญญาณวันกิยามะฮ์ ยุค
สมัยแห่ง “อัรรุวัยบิเฎาะฮ์” ทุกอย่างจะกลับตาลปัตร ความเสียหายจะ
เกิดขึ้นทั่วทุกหย่อมหญ้า ทั้งกิจการศาสนาและกิจการทางโลก คนโกหกจะ
ได้รับการเชื่อถือ คนที่อยู่ในสัจธรรมจะถูกปฏิเสธ และถูกกล่าวหาว่าพูด
โกหก เป็นต้น4 (จริง ๆ ในยุคของเราก็เร่ิมเห็นสภาพนี้อยู่บ้าง สังเกตได้ง่าย
ๆ อาจารย์ที่เอาตำราซะลัฟมาสอน ถูกชาวบ้านตราหน้าว่าไม่ยืนหยัด ส่วน
อาจารย์ที่เอาหะดีษมาอธิบายเองโดยไม่เอาความเข้าใจของชาว ซะลัฟ
ชาวบา้ นกลับบอกว่ายนื หยัด ชัดเจน เต้นตอนบรรยายธรรมยังมเี ลย ถ้าเป็น
ยคุ นบไี อค้ นนหี้ วั ขาดไปแลว้ แตพ่ อเปน็ ยุคของเรา ชาวบา้ นบอกชดั เจนครับ
พ่ีน้อง นะอูซบุ ้ลิ ลามินซาลกิ - ผู้แปล)

สภาพของมนษุ ยชาตใิ นยุคสมยั “อัรรวุ ยั บิเฎาะฮ”์

มฮี ะดีษมากมาย ทม่ี าอธบิ ายถึงลักษณะในยุคทเ่ี รยี กวา่ “อัรรุวัยบิ
เฎาะฮ์” อาทิ คนขี้โกงจะได้รับการไว้วางใจ คนซื่อสัตย์ถูกกล่าวหาว่าคด
โกง คนโกหกถูกสรรเสริญว่าเป็นผู้ท่ีสตั ยจ์ รงิ คนที่พูดด้วยความสัตย์จรงิ จะ
ถูกกล่าวหาวา่ พูดโกหก ดังทีท่ ่านเราะซูล ‫ ﷺ‬ไดก้ ลา่ ววา่

4 มะนาฮิจญ์ ญามิอะฮ์ อัล้ มะดีนะฮ์ อัลอาละมียะฮ์ . อัลหะดีษ อัลเมาฎูอีย์ . มาเลเซีย .
มหาวิทยาลยั อลั มะดนี ะอลั อาละมียะฮ.์ หนา้ 122 เลม่ ท่ี1

7|Page

อรั รุวยั บเิ ฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ รอ่ื งศาสนา

‫سيأتي على الناس سنوات خداعات يصدق فيها الكاذب ويكذب فيها الصادق‬
‫ وما الرويبضة‬: ‫ قيل‬،‫ويؤتمن فيها الخائن ويخون فيها الامين وينطق فيها الرويبضة‬

.‫ الرجل التافه يتكلم في أمر العامة‬: ‫ قال‬،‫؟‬

ความวา่ “แทจ้ ริงจะมกี ารหลอกลวงเกิดขนึ้ ในหมผู่ ู้คนเป็นเวลา
หลายปี คนพดู โกหกท่ีจะได้รับการเชอ่ื ถือ คนพดู จริงถกู มองวา่ พวกโปป้ ด
คนคดโกงจะไดร้ บั ความไวว้ างใจ คนซ่อื สตั ยถ์ กู มองวา่ บิดพลว้ิ อัรรวุ ัยบิ
เดาะฮ์จะพดู จาในหมผู่ คู้ น” มีเศาะฮาบะฮค์ นหนงึ่ ถามวา่ “อัรรุวัยบเิ ดาะคอื
ใครครับ ?" ท่านนบีตอบวา่ “คนอวชิ าที่พูดวิจารณใ์ นเรื่องส่วนรวม”5

จากท่านอบิ นุมัสอ๊ดู (ขอความพอพระทยั จากอัลเลาะฮจ์ งมีแด่ทา่ น)
ได้กลา่ ววา่ “แทจ้ ริงอัลอะมานะฮ์ การรกั ษาไว้ซ่ึงหน้าที่และความรับผิดชอบ
คือ สิ่งแรกที่ถูกทำให้สญู หายไป ในประชาชาตนิ ี้”6 และการท่อี ะมานะห์ได้
สูญหายไป ก็อันเนื่องมาจากการมอบหมายกิจการงานต่างๆ ให้กับผู้ที่ไม่
คู่ควรกับกิจการงานเหล่านั้น7 ท่านเราะซูลุ้ลเลาะฮ์ได้กล่าวไว้ว่า “เมื่ออะ

5 บันทึกโดยอบิ นุมาญะฮ์ หมายเลขหะดีษท่ี 4036 ,อะหมดั หมายเลขหะดีษที่ 7912 อัลบานียใ์ ห้
สถานะ เศาะเฮี๊ยะฮ์ ในเศาะเฮี๊ยะฮ์ อิบนุมาญะฮ์ หมายเลขหะดีษที่ 3277 และในญาเมี๊ยะฮ์
อศั เศาะเฮี๊ยะฮ์ หมายเลขหะดีษท่ี 3650
6 อบิ นบุ ฏั ฏอ็ ล อบลุ หะซนั อิบนุ อบั ดุลมลุ ก.์ (2003). ชรั ห์ เศาะเฮีย๊ ะห์ อัลบุคอรยี ์ (พมิ พค์ รง้ั ท่ี
2). ซาอดุ อิ าระเบีย. มกั ตะบะห์ อัรรชุ ด์. หน้า 207. เล่มที่ 10
7 ซ่งึ ก็รวมไปถึงเร่ืองศาสนาดว้ ย จะเห็นไดว้ ่าในยคุ ของเราถึงแมอ้ าจจะยังเรียกไม่ไดว้ ่าเป็น
ยคุ อรั รุวยั บิเฎาะฮ์ แตก่ ็เร่มิ มีวาทกรรมที่ทาใหช้ าวบา้ นสบั สน เชน่ อลุ ะมาอก์ ็คน หรอื เราตอ้ ง
แกะคนออกจากการตามความเห็นอุละมาอ์ ในความเป็นจรงิ แลว้ บรรดาอุละมาอค์ ือผทู้ ่ีไดร้ บั
มรดกทางความรูจ้ ากบรรดานบตี ามความหมายของหะดีษท่ีปรากฏชัดเจน ซ่งึ ท่านนบีเคยส่งั
เสยี ไวใ้ หต้ ามความรูจ้ ากบรรดาอลุ ะมาอ์ แต่เมอ่ื ชาวบา้ นสบั สนกบั วาทกรรมดงั กลา่ ว จงึ มอบ
หมายความไวว้ างใจและอะมานะหท์ างวชิ าการใหก้ บั ผทู้ ่ีไมค่ ่คู วร ทงั้ ท่ีบุคคลกล่มุ ดงั กลา่ วนมี้ ี

8|Page

อรั รุวยั บิเฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ รื่องศาสนา

มานะฮถ์ กู ทำใหห้ ายไป จงเตรยี มตัวรอวนั กิยามะหเ์ อาไว้เลย” ทา่ นอบูฮุรอย
เราะฮ์จงึ กลา่ ววา่ “โอ้ ทา่ นเราะซูลครบั อะมานะฮ์จะหายไปได้อยา่ งไรหรอื
ครบั ?” ทา่ นเราะซลู ได้ตอบกลับไปว่า “ เมอ่ื กจิ การงานหนึ่ง ถกู มอบให้กับ
ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของอะมานะฮ์นั้น ก็จงเตรียมตัวรอวันกิยามะห์ได้เลย”8 การ
ที่อะมานะห์สูญหายไปในหมู่ผู้คน จะเป็นไปในสภาพทีค่ ่อยเป็นคอ่ ยไป และ
ในที่สดุ อะมานะฮ์ท้งั หมดกจ็ ะหายไปจากผู้คนโดยสนิ้ เชิง9 การหายไปของอะ
มานะห์ ไม่ได้หายไปทั้งหมดในครั้งเดยี ว แต่จะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
กล่าวคือ ผู้คนจะค่อย ๆ ยอมรับและชาชินกบั ความช่ัวจนกระทัง่ มอบความ
รับผิดชอบให้กับคนชั่วและโง่เขลาที่ไม่คู่ควรกับหน้าที่ดังกล่าวทีละเล็กทีละ
น้อย และเม่ืออะมานะฮ์ไม่เหลืออยู่ในสังคมอีกต่อไป ก็เตรียมตัวรอวนั กิยา
มะหไ์ ด้เลย

ประวตั ิเสียมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องส่วนตวั หรือประวตั ิท่ีหละหลวมทางการศึกษา ส่วน
บรรดาอลุ ะมาอท์ ี่ไดร้ บั การยอมรบั จากบรรดาผรู้ ูท้ ่วั โลกกลบั ถกู ชาวบา้ นเหลา่ นที้ อดทงิ้ และไม่
มอบความไวว้ างใจทางวิชาการใหก้ บั ทา่ นเหลา่ นนั้ ความสบั สนวนุ่ วาย และความเสยี หายจึง
เกิดขึน้ เพราะอะมานะหค์ วามรบั ผิดชอบทางวิชาการ ถกู มอบหมายใหก้ ับคนที่ไม่ค่คู วร - ผู้
แปล
8 รายงานโดยอิหม่ามบคุ อรีย.์ เศาะเฮี๊ยะฮ์ อัลบคุ อรีย.์ จากท่านอบูฮรุ อยเราะห.์ เลขหะดีษท่ี
6496 .สถานะหะดีษ เศาะเฮยี๊ ะฮ.์
9 อบิ นลุ มลุ กั กิน ซีรอยดุ ดีน อบฮู ฟั ด์ อบิ นุ อะหมดั .(2008). อตั เตาเฎี๊ยะห์ ลชิ รั ห์ อลั ญา
เมียะฮ์ อศั เศาะเฮย๊ี ะฮ.์ (พิมพค์ รงั้ ที่ 1). ดามสั กสั . ดารุล้ นะวาดิร. หนา้ 564 - 565. เลม่ ที่
29

9|Page

อรั รุวยั บเิ ฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ รื่องศาสนา

ความม่นั ใจ ความไวเ้ นอ้ื เช่ือใจจะมีอยแู่ คน่ ้อยนดิ

ในยุคท่ีเรียกว่า “อัรรุวัยบิเฎาะฮ์” น้ัน ความเคลือบแคลงใจ
ความไม่ม่นั ใจและการสงสยั จะมีอยอู่ ย่างมากมาย10 หมายถึง เม่ือคนทีอ่ ยู่
ในประเภทของ “อัรรุวัยบิเฎาะฮ์” ได้รับความไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าท่ี ๆ
ไม่คู่ควร พวกเขาจะพูดหรือตัดสินปัญหา ด้วยกับความโง่เขลา จนทำให้
สังคมเกิดความสับสนวุ่นวาย มีแต่การโต้เถียง หาความมั่นใจและ
มาตรฐานที่ชัดเจน เพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไม่ได้ ท่ีเป็นเช่นนนั้ ก็
เพราะว่ากิจการงานและหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบท่ียงิ่ ใหญ่ไดถ้ ูกประชาชนมอบไว้
ใหก้ บั คนโง่เขาเบาปัญญาตดั สินน่นั เอง ดงั นน้ั บรรดาอุละมาอผ์ ทู้ รงธรรม
จึงยา้ เร่ืองนีเ้ ป็นอย่างมาก ใหม้ อบหมายการงานสาธารณะ ซ่งึ เกี่ยวขอ้ ง
กับผูค้ นจานวนมากในสังคม ให้กับผู้ท่ีคู่ควรและไดร้ บั การยอมรับว่ามี
คุณสมบัติเหมาะสมท่ีจะปฏิบัติหน้าท่ีดังกล่าว ตัวอย่างเช่น มีพ่ีน้อง
มุสลิมจากประเทศอินเดียท่านหนึ่งไดถ้ ามชยั คอ์ ับดุลอะซีซ อิบนุ บาซ
เกี่ยวกบั ปัญหาการยึดทศั นะในการดเู ดือน โดยท่พี ่นี อ้ งชาวอนิ เดียทา่ นนนั้
ได้บอกกับชัยค์บินบาซว่า “ชัยค์ครับ ผมอยากยึดทัศนะเดือนนอก
เหมือนกับท่ีท่านชยั คเ์ ลยครบั แต่จฬุ าราชมนตรีท่ีบา้ นผมยึดทศั นะเดือน
ใน ผมตอ้ งทาอย่างไรดีครบั ?” ชยั คบ์ ินบาซ11 จึงตอบชายคนนีไ้ ปว่า “ดี
ท่สี ดุ นะครบั คือ การท่ีทา่ นออกอีดตามจฬุ าฯในประเทศของทา่ นครบั ”

10 ชยั คห์ ะม๊ดู อิบนุ อบั ดลุ เลาะฮ์ อตั ตวุ ยั ยรี ีย.์ อา้ งถงึ แลว้
11 ซง่ึ กเ็ ป็นทท่ี ราบกนั ดวี า่ ตวั ทา่ นเองยึดทศั นะเดือนนอก แตป่ ระเทศซาอดุ อิ าระเบยี ท่ี
ท่านอยนู่ นั้ ยึดทศั นะเดอื นใน - ผแู้ ปล

10 | P a g e

อรั รุวยั บิเฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ รอื่ งศาสนา

เรื่องดงั กล่าวนอกจากจะสะทอ้ นมมุ มองและจุดยืนของชยั คบ์ ิน
บาซในการท่ีมองว่าปัญหาการยึดเดือนนอกเดือนใน คือปัญหา "คิลาฟ
เกาะวีย”์ หมายถึง ปัญหาเห็นต่างที่มีหลักฐานและน้ำหนักทั้งสองฝ่าย
ห้ามตำหนิต่อว่ากันแล้วไซร้ ย่ิงไปกวา่ นนั้ ยงั สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ มมุ มองและ
จุดยืนของท่านชัยค์ในการท่ีประชาชนต้องมอบความไว้วางใจให้กับ
เจา้ ของหนา้ ท่ีนนั้ ๆ เช่นเรื่องการดูเดือนของประเทศต่าง ๆ เพ่ือออกอีดก็
เป็ นสิ่งท่ีสมควรอย่างยิ่งในการท่ีจะมอบความไว้วางใจนั้นให้กับ ท่าน
จฬุ าราชมนตรหี รอื ผทู้ ่ไี ดร้ บั การแตง่ ตงั้ อยา่ งเป็นทางการใหท้ าการประกาศ
ออกอีดของประเทศดังกล่าว เพ่ือป้องกันความสับสนวุ่นวายและการ
ถกเถียงท่ีไม่สามารถหาขอ้ ยุติได้ ซ่งึ เป็นสภาพเดียวกบั ยคุ ท่ีเรียกวา่ “อรั รุ
วยั บเิ ฎาะฮ์

ทรพั ยส์ มบัตจิ ะตกอยใู่ นมอื คนโง่ที่มคี ุณสมบตั ทิ ีน่ า่ ตำหนิ

ท่านเราะซูล ‫ ﷺ‬ไดก้ ล่าวไว้ว่า “บรรดามนุษยท์ ้ังหลายจะตอ้ ง
ประสบกบั ยคุ สมยั หน่งึ ซ่งึ คนท่ีพดู จรงิ จะถูกกล่าวหาว่าพูดโกหก และคน
ท่พี ดู โกหกจะถกู ยกยอ่ งวา่ พดู จรงิ คนท่ไี วว้ างใจไดจ้ ะถกู กล่าวหาวา่ คดโกง
ส่วนคนท่คี ดโกงจะไดร้ บั ความไวว้ างใจ และบคุ คลหนึ่งเม่ือเขาไดก้ ล่าวคา
สตั ยป์ ฏิญาณ เขาจะไม่ทาตามส่ิงท่ีเขาไดล้ ่นั วาจาไว้ และเขาจะสาบาน
แต่ก็มิไดท้ าตามคาสาบานท่ีเขาไดเ้ คยล่นั วาจาไวไ้ ม่ คนท่ีมีความสขุ ท่สี ดุ

11 | P a g e

อรั รุวยั บิเฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ รื่องศาสนา

ในโลกดุนยา คือบุคคลท่ีถูกเรียกว่า “ลูกะอุ อิบนุ ลกุ ะอิน (‫”)لكع ابن لكع‬
เขาจะไม่ศรทั ธาต่ออลั เลาะฮแ์ ละเราะซูลของพระองค”์ 12

คาว่า “อลั ลกุ ะอุ (‫ ”)اللكع‬ท่ีปรากฏอย่ใู นหะดีษบทนีน้ น้ั เป็นคาท่ี
ใชก้ นั ในหมชู่ าวอาหรบั โดยมีความหมายว่า ทาสหรอื บา่ ว แตท่ วา่ นยั ทาง
ความหมายของคา ๆ นีจ้ ะถูกใชใ้ นส่ือไปในทางตาหนิท่ีถูกพาดพิงว่าเป็น
“อลั ลกุ ะอ”ุ ท่หี มายถึง พวกโงเ่ ขลาเบาปัญญา13

ความหมายโดยรวมของหะดษี ดงั กล่าวคือในยคุ สดุ ทา้ ยของโลก
บคุ คลท่ีโง่เขลาและมีคณุ สมบตั ทิ ่ีน่าตาหนิ จะกลายเป็นผทู้ ่ีมีความสขุ บน
โลกดนุ ยา พวกเขาจะครอบครองทรพั ยส์ มบตั ิมากมาย ลกั ษณะดงั กลา่ ว
ถือเป็นเคร่ืองหมายหน่งึ ท่ีบ่งบอกวา่ วนั กิยามะใกลเ้ ขา้ มาถึงแลว้ 14 ซ่งึ เป็น
ยคุ ท่คี วามช่วั ชา้ จะแพรข่ ยายไปท่วั แผน่ ดิน และมาตรฐานท่ใี ชต้ ดั สนิ ความ
ดีความช่วั จะถูกทาใหพ้ ลิกผันกลบั ตาลปัตร คาพูดโกหกและการน่าไหว้
หลงั หลอกจะแพรก่ ระจายไปท่วั แผน่ ดนิ ในยคุ ดงั กลา่ ว

12 รายงานโดยอัซซยุ ูฏีย์, อัลญาเมยี๊ ะ อศั เศาะฆรี , หะดีษจากมารดาแห่งศรัทธาชน อุมมุซะละ
มะห์, หมายเลขหะดษี ท่ี 7510 , สถานภาพ หะซัน
13 หะมูด อิบนุ อับดุรเราะมาน อัตตุวัยยริ ยี ์, (2010), ฆ็อรบะตุ้ลอิสลาม, (ครั้งที่ 1), ริยาด, ดา
รุซซุมยั อีย์ ลิ้ลนัชร์ วัตเตาเซ๊ยี ะฮ์, หนา้ ที่ 88 - 89, เล่มท่ี 1
14 ซัยนดุ ดนี อบั ดรุ เราะห์มาน อลั หนั บะลีย์, (2004), ญาเม๊ียะฮ์ อลั อุลูม วลั หิกมั ฟี ชัรห์ คอม
ซีน่า หะดีษัน มิน ญะวาเมี๊ยะฮ์ อัลกะลิม, (พิมพ์ครั้งที่ 2), ไคโร, ดารุซซลาม ลิฏฏิบาอะห์
วัลนัชร์ วัตเตาเซยี ะ, หนา้ ที่ 143, เล่มท่ี 1

12 | P a g e

อรั รุวยั บิเฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ ร่ืองศาสนา

ลกั ษณะตา่ งๆของอัรรุวัยบิเฎาะฮ์

เป็นท่ีทราบกันดีว่า อรั รุวยั บิเฎาะฮ์ คือคนท่ีไม่มีความสามารถ
แต่ชอบท่ีจะแสวงหาตาแหน่งท่สี งู ส่ง ดงั จะเห็นไดจ้ ากอลั หะดีษท่ีไดก้ ล่าว
ไวก้ ่อนหนา้ นีแ้ ลว้ อุละมาอบ์ างท่านไดข้ ยายความเพิ่มเติมไปอีกว่า “อรั รุ
วยั บิเฎาะฮ์ ยงั กินความหมายไปถึงบุคคลท่ีไม่มีใครมองไปท่ีเขา บคุ คลท่ี
ไม่มีคณุ คา่ ใด ๆ ไมม่ ใี ครใหค้ วามสาคญั กบั เขา แตท่ ว่าเขาคนนน้ั เป็นคนท่ี
ชอบพูดมาก หิวแสงเหมอื นแมลงเมา่ ท่ีตอ้ งการแสงไฟ โดยเฉพาะในเรือ่ ง
ท่ีเป็นเรื่องกิจการสาธารณะ ซ่ึงเร่ืองสาธารณะดังกล่าวนน้ั เป็นเรื่องท่ีมี
ผดู้ แู ลและไดร้ บั มอบหมายใหม้ ีหนา้ ท่ตี ดั สินในเรอื่ งราวนน้ั ๆ อย่แู ลว้ 15 แต่
คนท่ีมีลักษณะอยู่ในบุคคลประเภท “อัรรุวัยบิเฎาะฮ”์ จะชอบเข้าไปยุ่ง
ว่นุ วายในเรื่องท่ีตนเองไม่มีหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบโดยจะพดู ตามความรูส้ กึ ของ
เขา เขาจะยกย่องคนท่เี ขารูส้ กึ ชอบจากบรรดามนษุ ยท์ ง้ั หลาย และเขาจะ
ดอ้ ยค่าคนท่ีเขารูส้ กึ ไม่ชอบจากบรรดามนษุ ยท์ งั้ หลาย โดยจะใชอ้ ารมณ์
ใฝ่ต่าและความโง่เขลาของเขาเป็นมาตรฐานในการตดั สิน นะอซู ุบิล้ ลาฮ์
มินซาลิก16 คนประเภทนีจ้ ะไม่ถูกนับว่าเป็นบคุ คลท่ีเขา้ ข่าย และเขาจะ

15 เช่น เรอ่ื งการดเู ดือนเพอื่ กำหนดเข้าเดอื นออกเดือน เปน็ ตน้ - ผแู้ ปล
16 ยกตัวอยา่ งเช่นคำพดู ประเภทท่วี า่ ใหแ้ กะชาวบา้ นออกจากบรรดาปราชญ์ อลุ ะมาอ์ เพราะอุ
ละมาอ์กค็ นไมใ่ ช่นบี แต่กบั คนบางคนทไ่ี ม่มคี ุณสมบัติจะมาสอนศาสนาซะด้วยซำ้ คนเหลา่ น้กี ลบั
ยกยอ่ งเทิดทูน และจะแสดงความเป็นศัตรูอยา่ งมาก ถ้าหากมีใครคนหน่ึงพูดขัดแย้งกับทรรศนะ
ของครูที่ตัวเองยึดถือ - ผู้แปล

13 | P a g e

อรั รุวยั บิเฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ รือ่ งศาสนา

เป็นคนท่มี ลี กั ษณะตรงกนั ขา้ มกบั คาสองคานี้ คอื คาวา่ “อหี ม่าน” แปลว่า
“ความศรทั ธา” และ “อลั อิลม”์ แปลว่าความรู้ 17

ลกั ษณะตา่ ง ๆ ของ “อัรรุวยั บเิ ฎาะฮ์”

1. เปน็ คนชัว่

อัรรุวยั บเิ ฎาะฮ์ มักจะชอบพูดในเรือ่ งราวทีเ่ ป็นกจิ การสาธารณะ ซึ่งตัว
เขาไม่มีความสามารถที่จะไปตัดสินเรือ่ งนั้นได้ คำพูดของเขาทำให้เกิดความ
ปั่นป่วนในสังคมและความชั่วช้า ความสับสนวุ่นวายในยุคดังกล่าวจะแพร่
ขยายไปในกลุ่มคนโง่ กลุ่มคนที่ไม่ชอบการศึกษาวิชาความรู้ด้านศาสนา
ชอบทำอะไรตามความโง่และอารมณ์ใฝ่ตำ่ ของตัวเอง18

2. ความร้คู วามสามารถและสติปญั ญาอันนอ้ ยนิด19

17 มูฮัมหมัด อัดดุบัยซีย์ (2013), วิเคราะห์บทเรียนที่ไดจ้ ากซูเราะห์ อัลญาษียะห์, พิมพ์ครั้งท่ี
1, ม.ป.ท, หน้าที่ 17 – 18
18 คนกลมุ่ นจ้ี ะเปน็ เหยอ่ื ของ “อัรรุวัยบเิ ฎาะฮ์” และจะถกู ใช้เป็นเครอ่ื งมอื ในการสร้างความ
ปัน่ ปว่ นใหก้ ับสังคม ถา้ ไมอ่ ยากตกเป็นเหยอ่ื ของอัรรวุ ยั บิเฎาะฮ์ ต้องขอดอุ าอจ์ ากอัลเลาะฮแ์ ละ
ตั้งใจเรยี นศาสนาตามแนวทางของบรรดาซะละฟุซศอและฮ์ และบรรดาปราชญ์ท่ดี ำเนนิ รอยตาม
แนวทางของพวกท่านทัง้ หลาย ถา้ ไมเ่ ชอ่ื ขอใหท้ ่านรอคอยอกี ไมก่ ีว่ นั น้ี จะมีขอ้ พพิ าทเกย่ี วกบั วนั
อาเราะฟะฮ์เหมือนทกุ ปีท่ผี า่ นมาในนน้ั จะมคี นทีม่ ีความรแู้ ละพดู ตามปราชญ์ สว่ นคนทเ่ี ขา้ ขา่ ย
“อัรรุวัยบเิ ฎาะฮ์” แตอ่ ้างวา่ ตัวเองตามอัลเลาะฮ์และเราะซลู ‫ ﷺ‬น้นั จะอ้างตวั บทบางบทจากหะ
ดษี หลังจากน้ันก็จะมาอธบิ ายเอาเองท้งั ทตี่ วั เขาไม่ไดม้ หี นา้ ทร่ี ับผดิ ชอบเรอ่ื งน้นั ตัง้ แตแ่ รกแล้ว - ผู้
แปล
19 อะลาอดุ ดีน อลั มุตตะกี อลั ฮินดยี ์, 1981, กนั ซุ้ลอุมมาล ฟี ซนุ นั อัลอกั ว้าล วัลอฟั อ๊าล,
พมิ พ์ครั้งที่ 5, เบรตุ , มอุ ัซซะซะห์ อรั ริสาละห์, หน้า 231

14 | P a g e

อรั รุวยั บิเฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ รื่องศาสนา

3. พูดมาก

เพอ่ื เป็นการขยายความ โดยจะขอน้อมนำคำพดู ของท่านนบีมฮู มั มดั ‫ﷺ‬
ทท่ี ่านไดก้ ล่าววา่

‫ أسواؤكم أخلاقًا المُتَ َش ِّدقُون المُ َت ِّفي ِّه ُقون ال ََث ََث ُرون‬،‫وا ّن أبغضكم ال ّي وأبعدكم مني في الآخرة‬
และแทจ้ ริงคนท่ีฉันโกรธท่ีสดุ ในหม่พู วกเจา้ ทง้ั หลาย และคนท่ี

อยหู่ า่ งไกลจากฉนั ท่สี ดุ ในหมพู่ วกท่านทง้ั หลายในวนั อาคิเราะห์ คอื คนท่ี
มีมารยาทช่วั ชา้ ท่ีสดุ ในหม่พู วกท่าน ไดแ้ ก่ อลั มตุ ะชดั ดิกนู อลั มตุ ตะฟี ฮิ
กนู อษั ษรั ษารูน20

อษั ษรั ษารูน (‫ )ال ََث ََث ُرون‬หมายถึง คนท่พี ดู มากและบิดเบอื นขอ้ มลู
จากความเป็นจรงิ

อลั มตุ ตะฟี ฮิกูน (‫ )المُ َت ِّفي ِّه ُقون‬หมายถึง คนท่ีพูดมาก หาสาระไม่ได้
คาพูดของเขามีลักษณะอวยตัวเองหรือมีลักษณะพูดยกตนข่มท่าน21
(‫)اظها ًرا لفضله على غيره‬

20 ชุอยั บ์ อัลอรั นะอฏู , อ้างถึงแลว้ , จากอบษี ะละบะฮ์ อลั คอชนยี ์, หมายเลขหะดษี 5557
สถานภาพ : เศาะเฮยี๊ ะฮ์
21 ตัวอย่างเช่น เมื่อเขาพูดผิดทางวิชาการ แล้วมีคนมาเตือนด้วยความหวังดี แทนที่เขาจะ
ขอบคุณ แต่เขากลบั ตอบคนทเี่ ตือนเขาดว้ ยคำวา่ “เร่ืองแค่นี้ เพง่ิ รูเ้ หรอ ฉนั รตู้ งั้ แตต่ อนเรยี นปี 1
แล้ว” เป็นตน้ - ผู้แปล

15 | P a g e

อรั รุวยั บเิ ฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ รอื่ งศาสนา

อลั มตุ ะชดั ดิกนู (‫ )المُتَ َش ِّدقُون‬หมายถึง คนท่ีพูดจาเสียงดงั ชอบพูดมาก มี
เรอื่ งนดิ เดยี วแตข่ ยายความใหด้ ยู ่ิงใหญ่

ยกตัวอย่าง บางประเทศในอดีต เมื่อมองภาพรวมอาจเคยตั้งรัฐ
อสิ ลามได้และมีการปกครองโดยเคาะลฟี ะฮ์ทเ่ี ป็นมุสลมิ แต่เม่ือเจาะลึกไปใน
รายละเอียดก็จะพบว่าอาณาจักรแห่งนั้นไม่ได้มีการปกครองตามรูปแบบที่
ท่านนบีได้วางไว้ ตลอดจนอะกีดะฮ์ หลักยึดมั่นของผู้ปกครองตลอดจน
บรรดาชาวเมืองส่วนมากมีอะกีดะฮ์ที่ไม่ได้ตามแนวทางของชาวซะลัฟ เป็น
อาชาอิเราะฮ์บ้าง เป็นมาตุริดียะฮ์บ้าง มีลักษณะของการยึดแนวทางตะ
เซาวุฟบ้าง ตลอดจนการกระทำบิดอะห์และชิริก การตั้งภาคีต่ออัลเลาะฮ์
การขอความช่วยเหลือต่อโต๊ะวาลีย์หรือคนตายในกุโบร์ มีให้เห็นกัน
แพร่หลายตลอดยุคการปกครองของอาณาจักรดังกล่าว แต่ก็ยังมีคนแบบ
“อรั รวุ ยั บเิ ฎาะฮ์” ได้ยกอาณาจกั รดงั กล่าว ขึน้ มาเป็นแบบอย่างใหช้ าวบ้าน
ชาวเมืองยึดติดและภูมิใจกับอาณาจักรที่ตนเองนิยมชมชอบ ทั้ง ๆ ที่เมื่อ
พิจารณาให้ลึกซึ้งแล้ว ความดีของอาณาจักรดังกล่าวมีแค่เพียงในเรื่องของ
การปกครองโดยมุสลมิ ก็แค่น้ัน มิหนำซ้ำอาณาจักรดังกล่าวที่ว่านั้น ยังสร้าง
ตราบาปซึ่งปฏิเสธไม่ได้ในเชิงประวัติศาสตร์ว่าเป็นผู้ที่ขัดขวางการเผย
แนวทางอะลุซซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ อัซซะละฟียะฮ์ ทงั้ ยังเปน็ ต้นเหตุแห่ง
การฆ่าฟนั บรรดามุสลิมทมี่ ีอะกดี ะหซ์ ะลัฟและผทู้ พ่ี ยายามเผยแพร่แนวทางท่ี
ถูกต้อง ผู้ท่ีห้ามปรามการตั้งภาคีต่ออัลเลาะฮ์และสิ่งที่เป็นอุตริกรรมทาง
ศาสนาใหไ้ ด้รบั บาดเจบ็ ล้มตายเปน็ จำนวนมาก

อนง่ึ การที่คนประเภทอรั รุวยั บิเฎาะฮ์ ซ่งึ บางคนในหมูพ่ วกเขายดึ
แนวทางการศรัทธาแบบชาวซะลฟั หรือบางคนในหมู่พวกเขาไดศ้ ึกษาเล่า

16 | P a g e

อรั รุวยั บเิ ฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ ร่อื งศาสนา

เรียนในสถาบนั ทม่ี กี ารศกึ ษาตามแนวทางซะลฟั ดว้ ยซำ้ แตก่ ลบั ไปสนบั สนุน
ใหผ้ คู้ นนิยมชมชอบประเทศหรืออาณาจักรทป่ี กครองโดยใชอ้ ะกดี ะห์ท่ถี ูก
บดิ เบอื น เป็นเพราะพวกเขาไมส่ ามารถชนะอารมณใ์ ฝต่ ำ่ ท่อี ยู่ในใจของพวก
เขาได้ พวกเขาจึงตดั สนิ และยกยอ่ งหรอื ดอ้ ยคา่ แนวทางหรือบคุ คลใด ๆ นนั้
โดยเอาอารมณใ์ ฝ่ต่ำของพวกเขาเป็นเกณฑใ์ นการตัดสิน

،‫أقول قولي هذا واستغفر الله العظيم لي ولكم ولسائر المسلمين من كل ذنب‬
‫فاستغفروه انه هو الغفور الرحيم‬

17 | P a g e

อรั รุวยั บิเฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ รื่องศาสนา

บรรณานุกรม

1. ชัยค์หะมูด อิบนุ อับดุลเลาะฮ์ อัตตุวัยยีรีย์ .อิตฮาฟ อัลญะ
มาอะฮ์ บิมา ยาอะ ฟีลฟิตัน วั้ลมะลาฮิม วะอัชรอติซซาอะฮ์ .
ริยาด . ดารุซซูมยั อีย์ ลิลนัชร์ วตั เตาเซียะฮ์ หน้า 370 เล่มท่ี 2

2. มะห์มูด เราะญับ อัลวะลีด .2002. กชั ฟุ้ลมินนั ฟี อะลามาต อซั
ซาอะฮ์ วั้ลมะลาฮมิ ว้ัลฟติ นั

3. มะนาฮิจญ์ ญามอิ ะฮ์ อั้ลมะดีนะฮ์ อัลอาละมียะฮ์ . อลั หะดีษ อัล
เมาฎูอีย์ . มาเลเซีย .มหาวิทยาลัยอัลมะดีนะอัลอาละมียะฮ์. หน้า
122 เลม่ ท่ี 1

4. อิบนุบัฏฏ็อล อบุลหะซัน อิบนุ อับดุลมุลก์. (2003). ชัรห์
เศาะเฮี๊ยะห์ อัลบุคอรีย์ (พิมพ์ครั้งที่ 2). ซาอุดิอาระเบีย. มัก
ตะบะห์ อัรรุชด.์ หน้า 207. เลม่ ท่ี 10

5. อิบนุลมุลักกิน ซีรอยุดดีน อบูฮัฟด์ อิบนุ อะหมัด .(2008). อัต
เตาเฎีย๊ ะห์ ลิชัรห์ อัลญาเมียะฮ์ อัศเศาะเฮ๊ียะฮ์. (พิมพ์ครัง้ ท่ี 1).
ดามสั กสั . ดารลุ้ นะวาดริ . หนา้ 564 - 565. เลม่ ที่ 29

6. อะลาอุดดีน อัลมุตตะกี อัลฮินดีย์, 1981, กันซุ้ลอุมมาล ฟี
ซนุ นั อัลอกั ว้าล วลั อฟั อา๊ ล, พมิ พค์ รงั้ ท่ี 5, เบรุต, มอุ ซั ซะซะห์ อัร
ริสาละห์, หน้า 231

7. มฮู มั หมัด อัดดบุ ยั ซยี ์ (2013), วเิ คราะหบ์ ทเรียนที่ได้จากซูเราะห์
อัลญาษยี ะห์, พมิ พ์ครั้งที่ 1, ม.ป.ท, หนา้ ท่ี 17 – 18

8. ซัยนุดดีน อับดุรเราะห์มาน อัลหันบะลีย์, (2004), ญาเมี๊ยะฮ์
อัลอุลูม วัลหิกัม ฟี ชัรห์ คอมซีน่า หะดีษัน มิน ญะวาเมี๊ยะฮ์

18 | P a g e

อรั รุวยั บิเฎาะฮ์ ยคุ คนตอแหลอวดรูเ้ ร่อื งศาสนา

อัลกะลมิ , (พมิ พค์ ร้งั ที่ 2), ไคโร, ดารซุ ซลาม ลฏิ ฏิบาอะห์ วัลนัชร์
วตั เตาเซยี ะ, หนา้ ท่ี 143, เล่มที่ 1

19 | P a g e


Click to View FlipBook Version