จดั ทำโดย
นำงสำวรตั นำกร ฦำชำ
นำงสำวสุธำดำ แก้วชนิ
สำขำวทิ ยำศำสตรเ์ คมี
มหำวิทยำลัยรำชภฎั อดุ รธำนี
คำนำ ก
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E)
วชิ า เคมีพนื้ ฐาน เรอื่ ง พอลเิ มอร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จัดทาขึน้ เพ่ือใชเ้ ปน็ สอื่ ในการจดั กจิ กรรมการ
เรยี นรคู้ วบค่กู ับแผนการจดั การเรยี นรู้กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ โดยมีเน้อื หากิจกรรมท่ี
หลากหลายและสอดคลอ้ งตามหลกั สตู รเพื่อให้เกิดความรคู้ วามเข้าใจสามารถสอื่ สารส่งิ ท่เี รียนรู้ มี
ความสามารถในการตดั สินใจ และมีจติ วทิ ยาศาสตร์ผู้สอนได้ทาการศึกษาค้นคว้าจากเอกสารตาราหลาย
เล่มและไดเ้ รียบเรียงขน้ึ ใหมเ่ พอ่ื ความเหมาะสมกับพ้นื ฐานและบริบทของผ้เู รยี นที่จะสามารถนาความรู้
ไปใช้ในชวี ติ ประจาวันของตนเองไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ชดุ กจิ กรรมการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E) วิชา เคมพี ืน้ ฐาน
เรอ่ื ง พอลเิ มอร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ประกอบดว้ ยชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ จานวน 4 ชุดกจิ กรรม ดงั น้ี
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ท่ี 1 : เร่ือง ปฏกิ ิริยาการเกิดพอลเิ มอร์
ชุดกิจกรรมการเรียนร้ทู ่ี 2 : เรอ่ื ง โครงสร้างและสมบตั ิของพอลิเมอร์
ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่ี 3 : เรอื่ ง การปรับปรงุ สมบัติของพอลเิ มอร์
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรทู้ ่ี 4 : เรอ่ื ง การแก้ปัญหาขยะจากพอลิเมอร์
ผ้จู ัดทาหวงั อยา่ งยิง่ วา่ ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรช์ ุดนจ้ี ะชว่ ยใหน้ กั เรียนเข้าใจเนอื้ หา
ได้ง่ายและชัดเจนยง่ิ ขน้ึ ส่งผลให้ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนวิทยาศาสตร์สงู ข้ึน และสามารถนาความรไู้ ป
ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ได้ตอ่ ไป กิจกรรมการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหา
ความรู้ (5E) วชิ า เคมพี นื้ ฐาน เรอ่ื ง พอลเิ มอร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6
ผู้จดั ทา
สำรบญั ข
เรอ่ื ง หนำ้ ก
คานา…………………………………………………………………………………………………………………ก
สารบัญ……………………………………………………………………………………………………………..ข
คาชแี้ จงเกีย่ วกับชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ …………………………………………………………………1
คาแนะนาสาหรบั ครู……………………………………………………………………………………………2
คาแนะนาสาหรบั นักเรยี น……………………………………………………………………………………3
ลาดบั ข้นั …………………………………………………………………………………………………………..4
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้……………………………………………………………………………..5
แบบทดสอบก่อนเรยี น………………………………………………………………………………………..6
ใบกจิ กรรมท่ี 1…………………………………………………………………………………………………..9
ใบกิจกรรมท่ี 2………………………………………………………………………………………………….11
แบบทดสอบหลงั เรียน………………………………………………………………………………………..12
ประวตั ิผู้จัดทา……………………………………………………………………………………………..……15
บรรณานกุ รม………………………………………………………………………………………………….…17
ภาคผนวก…………………………………………………………………………………………………………18
1
คำชแ้ี จง
เกยี่ วกบั ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้
เอกสารฉบบั นเี้ ป็นเอกสารชดุ กจิ กรรมการเรยี นรวู้ ิชาเคมพี ืน้ ฐาน รหัสวิชา ว30102 โดยใช้
กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (5E) หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง ปิโตรเลียมและพอลิเมอรช์ ดุ ที่ 1
ปิโตรเลียม ใช้สอนนกั เรยี นระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4
เอกสำรชดุ นปี้ ระกอบด้วย
คาชีแ้ จงเกยี่ วกับชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้
คาแนะนาสาหรับครู
คาแนะนาสาหรบั นกั เรยี น
ลาดับขนั้ การเรียนโดยชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้
กระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรยี น-หลงั เรยี น
แบบทดสอบก่อนเรียน
บัตรความรู้
บตั รกจิ กรรม
กิจกรรมการทดลอง
แบบบนั ทกึ กิจกรรมการทดลอง
แบบทดสอบหลงั เรยี น
แนวคาตอบแบบบันทึกกิจกรรมการทดลอง
เฉลยบตั รกจิ กรรม
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน
บรรณานกุ รม
ชุดกจิ กรรมกำรเรียนรูช้ ดุ นี้ใช้เวลำศกึ ษำ 2 ช่ัวโมง
2
คำแนะนำ สาหรบั ครู
ครจู ดั เตรียมชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ซึง่ ประกอบด้วย บตั รคาสัง่ บัตรความรู้ บตั รกิจกรรม
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลงั เรียนและบตั รเฉลย ตลอดจนอปุ กรณต์ ่าง ๆ ใหพ้ ร้อมครบถ้วน
ครูให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียน เพ่ือประเมนิ ความรูเ้ ดิมของนกั เรยี น
ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้ใู หน้ กั เรียนทราบ
ครูแจกชดุ กิจกรรมการเรยี นรใู้ หน้ ักเรยี นศึกษาและแนะนาวิธใี ช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้เพ่ือ
นักเรียนจะได้ปฏิบตั ไิ ด้อยา่ งถกู ตอ้ ง
ครูดาเนินการสอนตามกิจกรรมการเรยี นรู้ท่กี าหนดไวใ้ นแผนการจดั การเรียนรู้
หากมนี กั เรยี นบางคนเรยี นไม่ทัน ครูควรให้คาแนะนาหรืออาจมอบหมายงานหรอื เอกสาร
ใหศ้ ึกษาเพ่ิมเตมิ ในเวลาว่าง
หลงั จากนกั เรียนศกึ ษาชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เสรจ็ เรียบร้อยแล้ว ครแู ละนักเรยี นควร
ชว่ ยกนั สรปุ และนกั เรียนทาบัตรกจิ กรรมและทาแบบทดสอบหลงั เรียน
ครูอธิบายประกอบเฉลยบัตรกจิ กรรม แบบทดสอบกอ่ นเรียน-หลงั เรยี น และบันทึกคะแนน
ของนกั เรยี นแตล่ ะคนไว้ เพอื่ ประเมนิ การพัฒนาและความก้าวหน้าของนักเรยี น หากมี
นักเรียนไม่ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ 80 ใหเ้ พ่อื นในกลมุ่ ชว่ ยแนะนาสืบเสาะอธิบายเพม่ิ เติมให้
เพ่ือนเขา้ ใจจนกว่าจะผ่านเกณฑ์
ครูควรจัดสอนซ่อมเสริมหรอื นกั เรียนรับชุดกจิ กรรมการการเรียนร้ชู ดุ ที่ไม่ผา่ นเกณฑ์ไป
ศกึ ษา เองนอกเวลาเรยี น
การจัดชั้นเรียนจัดใหน้ ักเรยี นนั่งเปน็ กลุ่ม ตามการแบง่ กลุ่มทีค่ ละความสามารถเปน็ เกง่
ปานกลาง และอ่อน และใหก้ าหนดหนา้ ทข่ี องสมาชิกแต่ละคนให้ชดั เจน
3
คำแนะนำ สาหรบั นกั เรยี น
นกั เรียนอ่านคาชีแ้ จงและคาแนะนาสาหรับนกั เรยี นให้เข้าใจก่อนลงมอื ศึกษาชดุ กิจกรรมการ
เรยี นร้ตู ามลาดบั ไม่ข้ามข้นั ตอน
นักเรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน จานวน 10 ขอ้ เพอ่ื ประเมนิ ความรู้เดมิ ของนกั เรยี น
นกั เรยี นศกึ ษาชดุ กิจกรรมการเรียนรวู้ ิชาเคมีพ้นื ฐาน ตามขัน้ ตอนในชุดกิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใช้
กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (5E) ซึ่งมีขนั้ ตอนดังนี้
ขัน้ ท่ี 1 สร้างความสนใจ (Engagement)
ขนั้ ท่ี 2 สารวจและคน้ หา (Exploration)
ขน้ั ที่ 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
ขัน้ ที่ 4 ขยายความรู้(Elaboration)
ขน้ั ที่ 5 ประเมนิ (Evaluation)
หากนักเรยี นยังไม่เข้าใจในบตั รความร้หู รือการปฏบิ ัติกิจกรรมใดให้กลับไปศกึ ษาอีกครั้ง เพอ่ื ให้
เกดิ ความเข้าใจ มีความร้คู งทนและถ่ายโยงการเรยี นรู้ไดม้ ากย่ิงข้ึน
เม่ือนกั เรยี นศกึ ษาและปฏิบัติกิจกรรมครบทกุ กจิ กรรมแลว้ ใหท้ าแบบทดสอบหลังเรยี น เพ่อื
เปรยี บเทยี บความก้าวหน้าในการเรียนของนักเรยี น
ในการทาบัตรกจิ กรรม แบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรยี น ขอให้นกั เรยี นทาดว้ ยความตั้งใจซ่งึ
นักเรยี นต้องทาแบบทดสอบหลังเรียนไดร้ ้อยละ 80 ขึ้นไป จงึ จะผ่านเกณฑ์ทกี่ าหนดไว้ หากผ่าน
เกณฑ์แลว้ ให้ศกึ ษาชดุ กิจกรรมการเรยี นร้ชู ุดต่อไป
นักเรียนให้ความร่วมมอื และมีความซ่อื สตั ยต์ ่อตนเองให้มากท่สี ดุ โดยไมด่ ูเฉลยก่อนทาบัตร
กจิ กรรมและแบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน
หากนกั เรียนเรยี นไม่ทนั หรือเรียนยงั ไมเ่ ขา้ ใจ ให้รบั ชุดกจิ กรรมการเรยี นรไู้ ปศกึ ษาเพมิ่ เติมนอก
เวลาเรยี นเพื่อให้เข้าใจมากย่งิ ขึ้น หรือขอคาแนะนาจากครเู พอ่ื ให้เกดิ ความเขา้ ใจมากยงิ่ ข้นึ
4
การเรยี นรู้ด้วยชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้
โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้
อำ่ นคำชี้แจงและคำแนะนำ
ทดสอบก่อนเรยี น
กิจกรรมกำรเรยี นรู้
ทำบัตรกิจกรรม
ทดสอบหลังเรียน
ผ่ำนเกณฑ์ ไม่ผ่ำนเกณฑ์
ศึกษำชดุ ต่อไป
สำระและมำตรฐำนกำรเรยี นรู้ 5
สาระท่ี 1 การเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี ผลการเรยี นรู้
เข้าใจโครงสร้างอะตอม การจดั เรียงธาตุในตารางธาตุ ระบปุ ระเภทของปฏกิ ริ ิยาการเกดิ
สมบตั ขิ องธาตพุ ันธะเคมแี ละสมบัตขิ องสาร แก๊สและสมบตั ขิ อง พอลเิ มอรจ์ ากโครงสร้างของมอนอเมอร์หรือ
แก๊ส ประเภทและสมบัติของสารประกอบอินทรีย์และพอลเิ มอร์ พอลเิ มอร์
รวมทง้ั การนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
จุดประสงค์
สาระสาคัญ
ดำ้ นควำมรู้(K)
พอลเิ มอรเ์ ป็นสารท่มี โี มเลกุลขนาดใหญ่ ได้จาก 1.ระบมุ อนอเมอร์ของพอลิเมอร์
ปฏกิ ริ ยิ าการเกิดพอลเิ มอรข์ องโมเลกลุ ขนาดเลก็ ท่ี 2.ระบุประเภทของปฏิกริ ยิ าการเกิดพอลิ
เรียกว่า มอนอเมอร์สมบัติทางกายภาพของพอลเิ มอร์ เมอร์จากโครงสร้างของมอนอเมอรห์ รือพอลิ
จงึ ต่างจากมอนอเมอรท์ ่เี ป็น สารตั้งต้น พอลเิ มอร์มีทัง้ เมอร์
พอลเิ มอรธ์ รรมชาตแิ ละพอลิเมอรส์ ังเคราะห์พอลิเมอร์ ดำ้ นทกั ษะกระบวนกำรคิด(P)
อาจเกดิ จากปฏิกิริยา การเกดิ พอลิเมอรแ์ บบเตมิ หรือ 1.ทักษะการสงั เกต
แบบควบแนน่ ขนึ้ อยู่กบั หมู่ฟงั กช์ นั ทที่ า ปฏิกิรยิ า พอลิ 2.ทกั ษะการลงความเหน็ ข้อมลู
เมอร์อาจมโี ครงสร้างเปน็ แบบเสน้ แบบก่ิง แบบรา่ งแห ด้ำนคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
ทง้ั นี้ขนึ้ กบั ลกั ษณะการเชอื่ มตอ่ กัน ของมอนอเมอร์ซง่ึ 1.มีความม่งุ ม่นั ในการทางานและสามารถ
ส่งผลต่อสมบตั ิของพอลเิ มอร์และการนา ไปใชใ้ นการ ทางานรว่ มกบั ผู้อนื่ ได้
ผลิตเปน็ ผลิตภณั ฑท์ ่แี ตกต่างกนั
สาระการเรยี นรู้
1.พอลเิ มอร์
2.มอนอเมอร์
3.ปฏิกิริยาการเกดิ พอลเิ มอร์
แบบทดสอบก่อนเรยี น 6
เรอ่ื ง การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าพอลเิมอร์
คำชแ้ี จง
เลอื กคาตอบที่ถูกทีส่ ดุ เพยี งคาตอบเดยี ว แล้วทาเครือ่ งหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคาตอบ
1.ข้อใดกลา่ วเกยี่ วกับ “พอลเิ มอร์” ได้ถกู ตอ้ ง
a. สารประกอบท่มี โี มเลกุลขนาดใหญ่
b. ประกอบดว้ ยหน่วยยอ่ ยหลาย ๆ หน่วยท่ีอาจเหมอื นกนั หรือตา่ งกนั มาเชอื่ มต่อกนั
c. หน่วยยอ่ ยท่ีเป็นองค์ประกอบเชอ่ื มตอ่ กนั ดว้ ยดว้ ยพนั ธะไอออนิกหรือโคเวเลนต์
ก. a และ b ข. b และ c
ค. a และ c ง. a b และ c
2. จากสมการเคมตี อ่ ไปน้ี
X + Y ---------> พอลิเมอร์ Z + O
สารใดท่ีแสดงให้เห็นว่าปฏิกิริยาน้เี ปน็ การเกิดพอลเิ มอร์แบบควบแนน่
ก. X ข. Y
ค. O ง. พอลิเมอร์ Z
3. ความสัมพนั ธใ์ นข้อใดเปน็ แบบ พอลิเมอร์ : มอนอเมอร์ ท่ีถกู ตอ้ ง
ก. พอลเิ อไมด์ : เอไมด์ ข. โปรตนี : กรดอะมิโน
ค. ยางพารา : พอลิไอโซพรีน ง. ไวนลิ คลอไรด์ : พอลิไวนิลคลอไรด
4. สารใดไม่ใช่พอลิเมอร์
ก. โฟม ข. ไนลอน
ค. เซลลูโลส ง. กรดอะมิโน
แบบทดสอบก่อนเรยี น 7
เรอื่ ง การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าพอลเิมอร์
คำชีแ้ จง
เลือกคาตอบทีถ่ ูกทีส่ ุดเพยี งคาตอบเดยี ว แล้วทาเคร่อื งหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคาตอบ
5. สารใดเปน็ มอนอเมอร์ของคารโ์ บไฮเดรตโมเลกลุ ใหญ่
ก. ซูโครส ข. กลูโคส
ค. แล็กโทส ง. เซลลูโลส
6. ขอ้ ใดคือความหมายของ พอลิเมอร์ (poiymer)
ก. สารท่ปี ระกอบท่เี กดิ จากโมเลกลุ มขี นาดใหญ่รวมตวั กัน
ข. สารทป่ี ระกอบทเี่ กดิ จากอะตอมของธาตุชนดิ เดียวกัน
ค. สารท่ีประกอบที่เกิดจากอะตอมของธาตุตา่ งชนิดกนั
ง. สารท่ีประกอบท่ีมเี กดิ จากหนว่ ยย่อย ทีเ่ รยี นว่า มอนอเมอร์
7. ข้อใด กลำ่ วผิด
ก. การเกิดพอลิเมอรไ์ รเซชันแบบเติม เกดิ จากมอนอเมอรท์ ่มี ีพนั ธะครู่ ะหว่างอะตอมของคาร์บอน
ทา ปฏกิ ิรยิ ารวมตัวกันสายยาว
ข. การเกิดพอลิเมอร์ไรเซชนั แบบควบแน่น เกิดจากมอนอเมอร์ท่ีมหี มฟู่ งั กช์ นั มากกว่า 1 หมูท่ า
ปฏิกิรยิ ากันไดเ้ ปน็ พอลเิ มอร์
ค. พอลิเมอร์ทม่ี โี ครงสรา้ งร่างแห เมอื่ ได้รบั ความรอ้ นจะอ่อนตัว แต่เมื่ออณุ หภูมลิ ดลงจะแข็งตัวได้
เหมอื นเดมิ
ง. โคพอลิเมอร์ คอื พอลิเมอร์ที่ได้จากการสังเคราะหส์ ารมอนอเมอร์ต้ังแต่สองชนิดข้นึ ไป สว่ นโฮโม
พอลิเมอร์เกิดจากการสังเคราะห์จากมอนอเมอร์เพยี งชนดิ เดยี ว
แบบทดสอบก่อนเรยี น 8
เรอื่ ง การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าพอลเิมอร์
คำช้ีแจง
เลือกคาตอบท่ถี ูกท่สี ุดเพียงคาตอบเดยี ว แล้วทาเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคาตอบ
8.สารจากธรรมชาติใดจดั เปน็ โคพอลเิ มอร์
ก.โปรตีน ข.เซลลโู ลส
ค.ไกลโคเจน ง.ยางธรรมชาติ
9.ขอ้ ใดเป็นมอนอเมอร์ของสารพอลิเมอร์ท่ีมีชือ่ ว่าพอลเิ อทิลีน
ก.มเี ทน ข.เอทลิ ิน
ค.เอทลิ ง.มอนอเอทิลนี
10.พอลเิ มอร์ชนดิ ใดท่เี กิดจากการรวมตวั แบบตอ่ เติมของมอนอเมอร์
ก.เซลลูโลส ข.โปรตีน
ค.ไนลอน ง.พอลิเอทลิ ีน
9
1ใบกจิ กรรมที่
1.มอนอเมอรแ์ ละพอลิเมอร์ต่างกนั อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….……………………………………..
2. พอลเิ มอรธ์ รรมชาตมิ อี ยเู่ ป็นจํานวนมาก นักเรียนคิดว่าเปน็ เพราะเหตุ
ใดมนษุ ยจ์ งึ ยังพยายามหาวธิ ีสงั เคราะห์ พอลเิ มอร์ข้นึ มาอีก
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….……………………………………..
10
1ใบกจิ กรรมท่ี
3. ปฏกิ ริ ิยาพอลเิ มอไรเซซันแบบเติมและแบบควบแน่น แตกต่างกัน
อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………….……………………………………..
11
ใบกิจกรรมที่ 2
คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเขยี นโครงสร้างพอลเิมอร์ทไ่ีด้จากมอนอเมอร์ต่อไปน้ี พร้อมทงั้ ระบุว่า
ปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ พอลเิมอร์แบบใด
1.CH2=CHCN
2.CH2=CHCOOCH3
3.H2N-CH2-COOH
12
แบบทดสอบหลงั เรียน
คำช้แี จง : เลือกคาตอบที่ถกู ที่สดุ เพียงคาตอบเดยี ว แลว้ ทาเครอ่ื งหมายกากบาท (X) ลงใน
กระดาษคาตอบ
1. ขอ้ ใดคอื ความหมายของ พอลิเมอร์ (poiymer)
ก. สารท่ปี ระกอบทีเ่ กดิ จากโมเลกุลมีขนาดใหญร่ วมตัวกนั
ข. สารท่ปี ระกอบทเ่ี กดิ จากอะตอมของธาตุชนิดเดยี วกัน
ค. สารที่ประกอบทีเ่ กดิ จากอะตอมของธาตุต่างชนิดกนั
ง. สารท่ปี ระกอบทม่ี ีเกดิ จากหน่วยย่อย ทีเ่ รยี นวา่ มอนอเมอร์
2.ข้อใดกลา่ วเกี่ยวกับ “พอลิเมอร์” ได้ถกู ตอ้ ง
a. สารประกอบที่มโี มเลกุลขนาดใหญ่
b. ประกอบด้วยหนว่ ยย่อยหลาย ๆ หนว่ ยที่อาจเหมือนกันหรอื ต่างกันมาเชือ่ มตอ่ กนั
c. หนว่ ยย่อยทีเ่ ป็นองค์ประกอบเชื่อมตอ่ กันด้วยด้วยพันธะไอออนิกหรอื โคเวเลนต์
ก. a และ b ข. b และ c
ค. a และ c ง. a b และ c
3. สารใดไมใ่ ชพ่ อลิเมอร์ ข. ไนลอน
ก. โฟม ง. กรดอะมิโน
ค. เซลลูโลส
13
4. จากสมการเคมตี อ่ ไปน้ี
X + Y ---------> พอลิเมอร์ Z + O
สารใดทีแ่ สดงให้เหน็ ว่าปฏิกริ ยิ านีเ้ ป็นการเกดิ พอลเิ มอรแ์ บบควบแน่น
ก. X ข. Y
ค. O ง. พอลิเมอร์ Z
5. ความสมั พนั ธใ์ นข้อใดเปน็ แบบ พอลเิ มอร์ : มอนอเมอร์ ท่ถี ูกต้อง
ก. พอลเิ อไมด์ : เอไมด์ ข. โปรตนี : กรดอะมโิ น
ค. ยางพารา : พอลไิ อโซพรีน ง. ไวนลิ คลอไรด์ : พอลิไวนลิ คลอไรด์
6.ขอ้ ใดเปน็ มอนอเมอร์ของสารพอลเิ มอร์ที่มีชอ่ื ว่าพอลเิ อทลิ นี ?
ก.มีเทน ข.เอทลิ นิ
ค.เอทิล ง.มอนอเอทิลีน
7.พอลิเมอร์ชนดิ ใดทเ่ี กิดจากการรวมตัวแบบตอ่ เติมของมอนอเมอร์
ก.เซลลูโลส ข.โปรตนี
ค.ไนลอน ง.พอลเิ อทิลนี
14
แบบทดสอบหลงั เรยี น
8.สารจากธรรมชาติใดจดั เปน็ โคพอลิเมอร์
ก.โปรตนี ข.เซลลูโลส
ค.ไกลโคเจน ง.ยางธรรมชาติ
9. สารใดเปน็ มอนอเมอรข์ องคารโ์ บไฮเดรตโมเลกลุ ใหญ่
ก. ซโู ครส ข. กลูโคส
ค. แล็กโทส ง. เซลลูโลส
10. ขอ้ ใด กล่ำวผิด
ก. การเกดิ พอลเิ มอรไ์ รเซชนั แบบเตมิ เกดิ จากมอนอเมอร์ทมี่ ีพนั ธะคู่ระหวา่ งอะตอมของคาร์บอนทา
ปฏิกิรยิ ารวมตัวกันสายยาว
ข. การเกิดพอลิเมอร์ไรเซชนั แบบควบแน่น เกิดจากมอนอเมอร์ทมี่ หี มู่ฟังก์ชนั มากกวา่ 1 หมู่ทา
ปฏิกริ ยิ ากันไดเ้ ป็นพอลิเมอร์
ค. พอลิเมอร์ทมี่ โี ครงสร้างร่างแห เมื่อได้รับความรอ้ นจะอ่อนตวั แต่เม่อื อณุ หภูมลิ ดลงจะแข็งตัวได้
เหมือนเดิม
ง. โคพอลิเมอร์ คอื พอลเิ มอร์ทไ่ี ดจ้ ากการสังเคราะหส์ ารมอนอเมอรต์ ้ังแตส่ องชนิดข้นึ ไป สว่ นโฮโม
พอลิเมอร์เกดิ จากการสังเคราะห์จากมอนอเมอร์เพยี งชนดิ เดยี ว
ประวตั ิผูจ้ ดั ทำ 15
ชอื่ -สกุล : นางสาวรัตนากร ฦาชา
วันเกดิ : 6 สิงหาคม 2541
เบอรโ์ ทร : 098-8328492
ที่อยู่ปัจจุบัน : บา้ นเลขที่ 69 หมู่ 9 บ.โนนทอง ต.โนนทอง อ.นายูง จ.อดุ รธานี 41380
ประวัติกำรศึกษำ :
วุฒิกำรศกึ ษำ ช่อื สถำบนั ปที ่สี ำเร็จกำรศกึ ษำ
มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 โรงเรยี นยงู ทองพิทยาคม 2559
ครศุ าสตร์บัณฑติ มหาวิทยาลยั ราชภฏั อุดรธานี (ปัจจบุ ัน)
ประวตั ผิ ู้จัดทำ 16
ช่อื -สกลุ : นางสาวสธุ าดา แก้วชนิ
วนั เกิด : 23 พฤษภาคม 2541
เบอรโ์ ทร : 099-0400097
ที่อยปู่ จั จบุ นั : บ้านเลขที่ 72 หมู่ 1 บ.นาพู่ ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี 41150
ประวัตกิ ำรศกึ ษำ :
วุฒิกำรศึกษำ ช่ือสถำบนั ปที ี่สำเรจ็ กำรศึกษำ
มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนสตรีราชินูทศิ 2559
ครุศาสตรบ์ ณั ฑิต มหาวิทยาลยั ราชภฏั อุดรธานี (ปจั จบุ นั )
บรรณำนุกรรม
กระทรวงศึกษาธกิ าร.(2551). หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขัน้ พ้นื ฐำน พทุ ธศกั รำช 2551.กรงุ เทพฯ:โรงพิมพ์
ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแหง่ ประเทศไทย
สถาบันส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.(2559).คู่มอื ครู รำยวิชำเพม่ิ เติมเคมี เลม่ 5
(พิมพค์ รั้งท่ี 3).กรงุ เทพฯ:โรงพิมพ์ สกสค.
คลังควำมรู้ Scimath.แหลง่ ทมี่ าhttps://www.scimath.org คน้ เม่ือ 1 มกราคม 2564
ปฏกิ ิริยำกำรเกดิ พอลเิ มอร์ - เคมี | Bootcampdemy .แหลง่ ทม่ี าwww.bootcampdemy.com คน้ เม่ือ 1
มกราคม 2564
ปฏิกิริยำกำรเกดิ พอลิเมอร์ (Polymerization) - polymer society . แหล่งท่ีมา
www.polymersociety.blogspot.comคน้ เมือ่ 1 มกราคม 2564
ภำคผนวก
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ 1
กล่มุ สำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
รำยวชิ ำเพมิ่ เตมิ เคมี 5 ภำคเรียนท่ี 2/2563 ช้นั มธั ยมศึกษำปที ่ี 6
เวลำ 20 ชว่ั โมง
หน่วยกำรเรยี นร้ทู ี่ 13 พอลเิ มอร์ เวลำ 2 ช่ัวโมง
วันท่ี......เดอื น................พ.ศ. ........
เรอื่ ง ปฏกิ ิรยิ ำกำรเกิดพอลเิ มอร์
ครูผสู้ อน นำงสำวรัตนำกร ฦำชำ
นำงสำวสุธำดำ แก้วชิน
สำระกำรเรยี นรแู้ ละผลกำรเรียนรู้
สำระกำรเรยี นรู้
สำระเคมี
เข้าใจโครงสรา้ งอะตอม การจัดเรยี งธาตใุ นตารางธาตุ สมบัตขิ องธาตพุ ันธะเคมีและสมบตั ิของสาร แกส๊
และสมบตั ิของแกส๊ ประเภทและสมบัตขิ องสารประกอบอินทรียแ์ ละพอลิเมอร์ รวมทง้ั การนาความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
ผลกำรเรยี นรู้
ระบุประเภทของปฏกิ ิรยิ าการเกดิ พอลิเมอร์จากโครงสร้างของมอนอเมอร์หรือพอลเิ มอร์
จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้
ด้ำนควำมรู้(K)
1.ระบุมอนอเมอรข์ องพอลเิ มอร์
2.ระบุประเภทของปฏิกิรยิ าการเกิดพอลิเมอร์จากโครงสร้างของมอนอเมอร์หรือพอลิเมอร์
ด้ำนทกั ษะกระบวนกำรคิด(P)
1.ทักษะการสังเกต
2.ทกั ษะการลงความเห็นขอ้ มลู
ดำ้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1.มีความมงุ่ มนั่ ในการทางานและสามารถทางานร่วมกับผอู้ ื่นได้
สำระกำรเรียนรู้
1.พอลิเมอร์
2.มอนอเมอร์
3.ปฏิกริ ิยาการเกิดพอลิเมอร์
สำระสำคญั
พอลเิ มอร์เปน็ สารท่มี ีโมเลกุลขนาดใหญ่ ได้จากปฏกิ ิริยาการเกดิ พอลเิ มอร์ของโมเลกุล ขนาดเลก็ ที่
เรยี กว่า มอนอเมอร์สมบัตทิ างกายภาพของพอลิเมอร์จงึ ต่างจากมอนอเมอร์ที่เปน็ สารต้ังต้น พอลเิ มอรม์ ที ้ังพอลเิ ม
อรธ์ รรมชาติและพอลเิ มอรส์ งั เคราะหพ์ อลเิ มอร์อาจเกดิ จากปฏกิ ิริยา การเกดิ พอลเิ มอร์แบบเตมิ หรือแบบควบแน่น ข้นึ อยู่
กบั หมูฟ่ ังก์ชันทที่ า ปฏิกิรยิ า พอลเิ มอรอ์ าจมโี ครงสรา้ งเป็นแบบเสน้ แบบก่ิง แบบร่างแห ทง้ั น้ขี ้นึ กบั ลักษณะการเชอ่ื มตอ่
กนั ของมอนอเมอร์ซง่ึ สง่ ผลต่อสมบตั ิของพอลเิ มอร์และการนา ไปใชใ้ นการผลิตเปน็ ผลติ ภณั ฑ์ท่ีแตกต่างกัน โดยพอลิ
เมอรเ์ ทอรม์ อพลาสตกิ มีโครงสร้างเปน็ แบบเส้นหรอื แบบก่งิ เป็นพอลิเมอรท์ ส่ี ามารถนา มา หลอมขนึ้ รปู ใหมไ่ ด้สา หรบั
พอลเิ มอรเ์ ทอร์มอเซตสว่ นใหญม่ ีโครงสร้างแบบรา่ งแห เปน็ พอลเิ มอร์ ทไี่ มห่ ลอมเหลวเมื่อไดร้ ับความร้อน แตเ่ กิดการ
สลายตัวหรอื ไหม้เมือ่ ไดร้ บั ความรอ้ นสงู จงึ ไมส่ ามารถ นา มาหลอมขน้ึ รูปใหม่ได้ การปรับปรงุ สมบัตพิ อลิเมอรอ์ าจทา ได้
โดยการเติมสารเตมิ แต่ง ซึง่ อาจเป็นสารที่เข้าไปผสม ในเน้ือพอลิเมอร์หรอื เขา้ ไปทา ปฏกิ ิรยิ าเคมกี ับพอลเิ มอรน์ อกจากนี้
การปรบั ปรงุ สมบตั ขิ องพอลิเมอร์ อาจทา ได้โดยการปรับเปล่ยี นโครงสร้างของพอลิเมอรห์ รอื การสังเคราะหพ์ อลเิ มอรช์
นดิ ใหม่ ๆ เชน่ โคพอลิเมอร์พอลเิ มอร์นา ไฟฟ้า ผลิตภณั ฑพ์ อลิเมอรท์ ่ใี ช้ในชวี ติ ประจา วนั อาจผา่ นการปรับปรงุ สมบัติ
หลายวิธกี ารรว่ มกนั การใชแ้ ละการกา จัดผลติ ภัณฑพ์ อลิเมอร์ในชวี ิตประจา วนั ควรคา นงึ ถึงผลกระทบตอ่ สงิ่ มีชวี ิต และ
สง่ิ แวดล้อม การป้องกนั และการแก้ไขอาจทา ได้โดย การลดการใช้การรีไซเคลิ และการใช้ พอลิเมอร์ยอ่ ยสลายได้
กิจกรรมกำรเรียนรู้
ใชว้ ิธีการสอนแบบ 5E
ขน้ั สร้ำงควำมสนใจ
1. ครูให้นกั เรียนยกตัวอย่างผลิตภณั ฑพ์ อลิเมอรท์ ่ีรจู้ ัก ซ่ึงส่วนใหญ่น่าจะเป็นพลาสติก จากนน้ั
อธบิ ายว่า ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ท่พี บเห็นส่วนใหญเ่ ป็นพลาสตกิ แตบ่ างชนดิ อาจไม่เป็นพลาสตกิ เชน่
ยาง กาว เจล จากนน้ั อธิบายความหมายของพอลิเมอร์และมอนอเมอร์โดยใช้รปู 13.1 ตามรายละเอียด
ในหนงั สือเรยี น
ข้ันสำรวจและคน้ หำ
1. ครใู ห้นักเรียนยกตวั อยา่ งผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์สงั เคราะหแ์ ละพอลเิ มอรธ์ รรมชาติตามรายละเอยี ด
ในหนงั สอื เรียน จากนั้นใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาโครงสร้างและการแสดงโครงสร้างของพอลเิ มอรแ์ บบยอ่
โดยใชว้ งเล็บ [ ]
2. ครูอธบิ ายวา่ พอลิเมอรแ์ ละมอนอเมอรม์ สี มบัติทางกายภาพบางประการทีแ่ ตกตา่ งกัน
เชน่ สถานะ จุดหลอมเหลว สภาพการละลายได้ในนา้ พรอ้ มยกตวั อย่างตามตาราง 13.1 จากนนั้
อธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกี่ยวกับความเหนยี วและความหนืด ตามรายละเอยี ดในหนังสอื เรยี น
3. ครูให้นักเรียนตอบคา ถามตรวจสอบความเขา้ ใจ
ขนมสายไหมทา จากนา้ ตาลซโู ครสซ่ึงเป็นไดแซก็ คาไรด์สว่ นสา เป็นพอลิแซ็กคาไรด์ จงเปรียบเทยี บและอธิบาย
สมบัติการละลายนา้ และการทนแรงดงึ ของขนมสายไหมและสาลี
แนวคาตอบ ขนมสายไหมละลายน้า ไดด้ ีกวา่ แต่ทนแรงดงึ ไดน้ อ้ ยกว่าสา ลเี นอ่ื งจากสา ลีเปน็ พอลิเมอร์
จึงมแี รงยึดเหน่ยี วระหว่างโมเลกุลมากกว่าขนมสายไหม ซึง่ มีขนาดโมเลกุลเล็กกวา่ มาก
4. ครูใช้คา ถามนา ว่า มอนอเมอรเ์ กดิ เป็นพอลิเมอร์ได้อยา่ งไร จากนั้นครใู หค้ วามรเู้ กย่ี วกับ
ความหมายและการแบ่งประเภทของปฏิกิรยิ าการเกดิ พอลเิ มอร์
ขัน้ อธบิ ำยและลงข้อสรุป
1.ครอู ธบิ ายปฏิกริ ิยาการเกดิ พอลิเมอร์แบบเติมเช่ือมโยงกบั ปฏกิ ิริยาการเตมิ ของแอลคีน
โดยยกตวั อยา่ งปฏกิ ริ ิยาการเกิดพอลเิ มอร์แบบเติมของเอทิลนี ตามรายละเอยี ดในหนังสือเรียน จากน้ัน
ใหน้ ักเรียนพิจารณาตัวอย่างพอลเิ มอรท์ ี่เตรียมจากปฏิกริ ยิ าการเกดิ พอลิเมอรแ์ บบเติม และการเรยี กช่อื
มอนอเมอร์และพอลิเมอร์
2.ครูชใ้ี ห้เหน็ ว่า พอลเิ มอรท์ ่ีได้จากปฏิกิรยิ าการเกิดพอลิเมอรแ์ บบเติม มีสมบตั ิและนาไปใชเ้ ป็นผลิตภณั ฑท์ ่พี บใน
ชีวติ ประจาวนั ได้หลากหลาย
3. ครอู ธิบายปฏกิ ิรยิ าการเกิดพอลิเมอรแ์ บบควบแนน่ เชือ่ มโยงกับปฏกิ ิริยาการเกดิ เอไมด์ โดยใช้ตัวอยา่ งปฏิกริ ยิ าการเกดิ
พอลิเมอร์ของไนลอน 6,6 ตามรายละเอยี ดในหนังสอื เรียน จากนั้นให้ นกั เรยี นพิจารณาตวั อย่างพอลิเอสเทอร์และพอลเิ อ
ไมด์ทเี่ ตรยี มจากปฏิกริ ิยาการเกดิ พอลเิ มอร์แบบ ควบแนน่
4. ครชู ี้ให้เหน็ วา่ พอลิเมอร์ท่ีได้จากปฏิกริ ิยาการเกดิ พอลิเมอรแ์ บบควบแน่น มสี มบตั ิและ นา ไปใชเ้ ปน็ ผลิตภัณฑ์ทพี่ บใน
ชวี ติ ประจา วันไดห้ ลากหลาย
ขน้ั ขยำยควำมรู้
1. ครใู หน้ กั เรยี นทา ชดุ กิจกกรมที่ 1 เรือ่ ง ปฏิกริ ยิ าการเกดิ พอลิเมอร์
ข้ันประเมินผล
1. การตอบคาถามในชนั้ เรยี น
2. ชุดกิจกรรมที่ 1 เรอ่ื ง การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าพอลิเมอร์
กำรประเมนิ
จดุ ประสงค์ เครื่องมอื เกณฑ์กำรประเมนิ
1.ระบมุ อนอเมอร์ของพอลิ -ชดุ กิจกรรมที่ 1 เรอื่ ง การ - ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ80 ขนึ้ ไป
เมอร์
เกดิ ปฏกิ รยิ าพอลิเมอร์
2.ระบุประเภทของปฏิกริ ิยา -ชดุ กิจกรรมท่ี 1 เรอ่ื ง การ - ไดค้ ะแนนร้อยละ80 ขนึ้ ไป
การเกิดพอลิเมอร์จาก เกิดปฏิกรยิ าพอลเิ มอร์
โครงสร้างของมอนอเมอร์หรือ
พอลเิ มอร์
3.ทักษะการสังเกต -ชุดกจิ กรรมที่ 1 เรื่อง การ - ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพพอใช้
เกิดปฏกิ ริยาพอลิเมอร์
4.ทกั ษะการลงความเห็น -ชดุ กจิ กรรมท่ี 1 เร่อื ง การ - ผ่านเกณฑ์คุณภาพพอใช้
ขอ้ มลู เกดิ ปฏกิ ริยาพอลิเมอร์
5.มคี วามมงุ่ มั่นในการทางาน -แบบบนั ทึกการสังเกต - ผ่านเกณฑ์คณุ ภาพพอใช้
และสามารถทางานร่วมกบั การรว่ มกิจกรรม
ผูอ้ น่ื ได้
บนั ทกึ หลงั สอน
1. ผลกำรสอน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2. ปัญหำ / อุปสรรค
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ข้อเสนอแนะ / แนวทำงแก้ไข
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ลงชื่อ………………………………………………..
(...........………………………………………)
ผสู้ อน
ควำมเห็นของครูพ่เี ลย้ี ง/ครูหวั หนำ้ กลุ่มสำระ
…………………………………………………………………………………….……………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ลงชอ่ื ……………………………………………….
(…………………………...……………..…….)
ครูพ่ีเล้ยี ง/ครหู ัวหน้ำกลุ่มสำระ
ควำมเห็นของผูบ้ ริหำร/หัวหนำ้ สถำนศกึ ษำ
…………………………………………………………………………………….…………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอ่ื ……………………………………………….
(…………………………...…………………..…….)
ผบู้ ริหำร/หัวหนำ้ สถำนศึกษำ
9
พอลเิ มอร์ คืออะไร
พอลเิ มอร์ (Polymer) เป็นสารทีส่ ามารถพบได้ในสิ่งมีชีวิตทกุ ชนดิ มีลกั ษณะ
เปน็ โมเลกุลขนาดใหญ่ ซึ่งเกดิ จากโมเลกุลพ้ืนฐานท่เี รียกวา่ มอนอเมอร์
(Monomer) จํานวนมากมาสร้างพันธะเชือ่ มตอ่ กันด้วยพันธะโคเวเลนต์ โดย
พอลเิ มอร์บางชนดิ อาจเกิดจากมอนอเมอรท์ เ่ี ปน็ ชนิดเดียวกันท้ังหมดมา
เชอ่ื มต่อกนั เช่น แปง้ และพอลเิ อทิลีน เป็นตน้ แต่ในบางชนิดกอ็ าจเกดิ ขึ้น
จากมอนอเมอรท์ ี่แตกต่างกันมาเชือ่ มตอ่ กนั กไ็ ด้ ตวั อยา่ งเช่น พอลเิ อสเทอร์
และโปรตนี เป็นตน้ ในปัจจบุ นั พอลเิ มอร์ได้เขา้ มามีบทบาทต่อการดําเนินชวี ิต
ของมนษุ ย์และกระบวนการอตุ สาหกรรมตา่ ง ๆอยา่ งมาก โดยตัวอยา่ งของพอ
ลิเมอร์ทเี่ ป็นทรี่ ู้จกั อย่างกวา้ งขวาง และมกี ารใช้ประโยชน์กนั มาก ไดแ้ ก่
พลาสติกเส้นใยสังเคราะห์ และยางพารา เป็นตน้
ประเภทของพอลิเมอร์
พอลเิ มอร์เปน็ สารทีม่ ีอยมู่ ากมายหลายชนดิ ซง่ึ ในแตล่ ะชนดิ กจ็ ะมี
สมบตั แิ ละการกําเนดิ ทแี่ ตกตา่ งกนั ดังนนั้ การจดั จาํ แนกประเภทพอลิเมอร์
จงึ สามารถทาํ ได้หลายวิธีขนึ้ อยกู่ บั วา่ ใชล้ กั ษณะใดเป็นเกณฑใ์ นการพิจารณา
เราสามารถจําแนกประพอลิเมอร์ได้ โดยอาศัยลักษณะตา่ ง ๆ ดังต่อไปนี้
10
ประเภทของพอลิเมอร์
2.1 พิจารณาตามแหลง่ กาเนดิ เป็นวธิ กี ารพจิ ารณาโดยดจู ากวธิ กี ารกําเนดิ ของ
พอลเิ มอรช์ นดิ นนั้ ซึ่งจะ สามารถจําแนกพอลเิ มอร์ไดเ้ ปน็ 2 ประเภท คือ พอลิ
เมอรธ์ รรมชาติ และพอลิเมอรส์ ังเคราะห์
1) พอลิเมอร์ธรรมชาติ (Natural Polymers) เป็นพอลเิ มอรท์ ่ีเกดิ ขน้ึ
เองตามธรรมชาติ สามารถพบได้ในสิ่งมชี วี ติ ทกุ ชนิด โดยพอลเิ มอรธ์ รรมชาติ
เหลา่ นเี้ ปน็ สิ่งที่ส่ิงมีชวี ติ ผลิตขน้ึ โดยอาศยั กระบวนการ ทางเคมตี า่ ง ๆ ทเ่ี กิดข้ึน
ภายในเซลล์ และมกี ารเก็บสะสมไวใ้ ชป้ ระโยชน์ตามส่วนต่าง ๆ ดงั นน้ั พอลิเม
อร์ธรรมชาติ จึงมคี วามแตกต่างกนั ไปตามชนดิ ของสง่ิ มีชีวติ และตาํ แหนง่ ท่พี บใน
สง่ิ มชี วี ิต ตวั อย่างพอลเิ มอร์ธรรมชาติ ไดแ้ ก่ เส้นใยพชื เซลลโู ลส เสน้ ใยจากสัตว์
และไคติน เป็นตน้
2) พอลิเมอร์สังเคราะห์ (Synthetic Polymers) เกิดจากการ
สงั เคราะหข์ ้นึ โดยมนุษย์ ด้วย วธิ กี ารนาํ สารมอนอเมอร์จาํ นวนมากมาทํา
ปฏิกิริยาเคมภี ายใต้สภาวะท่เี หมาะสม ทาํ ใหม้ อนอเมอรเ์ หล่านน้ั เกดิ พันธะ
โคเวเลนตต์ อ่ กันกลายเปน็ โมเลกลุ พอลเิ มอร์ โดยสารมอนอเมอร์ท่ีมักใช้
เป็นสารตง้ั ต้นในกระบวนการ สงั เคราะหพ์ อลเิ มอร์ คือ สาร
ไฮโดรคาร์บอนทเ่ี ปน็ ผลพลอยได้จากการกล่นั นํา้ มนั ดบิ และการแยกแกส๊
ธรรมชาติ เช่น เอททลี นี สไตรีน โพรพลิ นี ไวนลิ คลอไรด์ เปน็ ตน้
11
2.2 พิจารณาตามมอนอเมอร์ที่เปน็ องคป์ ระกอบ เป็นวธิ ีการพจิ ารณา
โดยดูจากลกั ษณะมอนอเมอรท์ ี่เขา้ มาสร้างพันธะรว่ มกัน โดยจะสามารถจาํ แนกได้
เปน็ 2 ประเภท
1) โฮโมพอลเิ มอร์ (Homopolymer) คือ พอลเิ มอรท์ ่เี กิดจากมอนอเมอรช์
นิดเดยี วกัน ทั้งหมด เชน่ แปง้ พอลเิ มอร์ และพวี ีซี เป็นต้น
2) โคพอลเิ มอร์ (Copolymer) คอื พอลิเมอร์ท่เี กดิ จากมอนอเมอร์
มากกวา่ 1 ชนดิ ขน้ึ ไป เช่น โปรตีน ซึ่งเกดิ จากกรดอะมโิ นทม่ี ีลกั ษณะตา่ ง ๆ มา
เชอื่ มตอ่ กนั และพอลิเอสเทอร์ เปน็ ตน้
การเกิดพอลิเมอร์
พอลิเมอร์เกดิ ขึน้ จากการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาพอลเิ มอร์ไรเซชนั ของมอนอเมอร์ คือ กระบวนการ
เกิดสารท่มี ี โมเลกุลขนาดใหญ่ ( พอลเิ มอร์) จากสารทีม่ ีโมเลกลุ เลก็ ( มอนอเมอร์)
ปฏิกริ ิยาพอลิเมอร์ไรเซชนั
3.1. ปฏกิ ิริยาพอลเิ มอรไ์ รเซชนั แบบเตมิ (Addition polymerization reaction) คือ
ปฏิกริ ิยาพอลิเมอร์ ไรเซชนั ทเ่ี กดิ จากมอนอเมอร์ของสารอนิ ทรียช์ นดิ เดยี วกันท่ีมี C กบั
C จับกนั ด้วยพันธะคมู่ ารวมตัวกันเกิดสารพอลิ เมอร์เพยี งชนิดเดียวเท่านัน้
3.2. ปฏิกริ ยิ าพอลเิ มอรไ์ รเซชนั แบบควบแน่น (Condensation polymerization
reaction) คอื ปฏิกริ ยิ าพอลเิ มอรไ์ รเซชนั ทเ่ี กดิ จากมอนอเมอรท์ ี่มหี มฟู่ ังกช์ นั มากกว่า 1
หมู่ ทาํ ปฏกิ ริ ิยากนั เป็นพอลเิ มอร์และสาร โมเลกลุ เล็ก เชน่ นํา้ ก๊าซแอมโมเนยี ก๊าซ
ไฮโดรเจนคลอไรด์ เมทานอล เกิดขึน้ ด้วย
เฉลยใบกิจกรรมที่ 1
1.มอนอเมอรแ์ ละพอลิเมอร์ต่างกันอยา่ งไร
ตา่ งกนั โดย พอลเิ มอร์ (Polymer) เปน็ สารที่สามารถพบได้ในสิง่ มีชวี ิตทกุ ชนิดมี
ลักษณะเป็นโมเลกุล ขนาดใหญ่ ซึง่ เกิดจากโมเลกุลพืน้ ฐานทเ่ี รยี กวา่ มอนอเมอร์ (Monomer)
จานวนมากมาสรา้ งพันธะเช่ือมต่อกัน ด้วยพนั ธะโคเวเลนต์
2. พอลิเมอรธ์ รรมชาติมีอยเู่ ปน็ จาํ นวนมาก นกั เรียนคิดวา่ เปน็ เพราะเหตุ
ใดมนษุ ย์จึงยังพยายามหาวธิ ีสังเคราะห์ พอลเิ มอรข์ ึน้ มาอีก
เพราะวา่ เพอ่ื ให้ได้พอลิเมอรท์ ีม่ สี มบตั ทิ ่หี ลากหลายและตรงตามความต้องการ ของ
มนุษยม์ อี ายกุ ารให้ งานท่ียาวนาน และมีความเหมาะสมในการใชง้ านในแตด่ า้ น เชน่ ด้าน
การแพทย์ ดา้ นการเกษตร ด้านอุตสาหกรรม เปน็ ตน้
1เฉลยใบกจิ กรรมที่
3. ปฏิกริ ยิ าพอลิเมอไรเซซันแบบเตมิ และแบบควบแน่น แตกตา่ งกนั
อยา่ งไร
ปฏกิ ิรยิ าพอลเิ มอรไ์ รเซชันแบบเติม คอื ปฏิกริ ยิ าพอลเิ มอร์ไรเซชันที่เกดิ จากมอนอเมอร์
ของสารอนิ ทรยี ์ ชนิดเดียวกนั สว่ น ปฏกิ ิริยาพอลิเมอร์ไรเซชนั แบบควบแน่น คอื ปฏกิ ริ ยิ าพอลิ
เมอร์ไรเซชันที่เกดิ จากมอนอเมอร์ ท่มี หี มู่ฟงั กช์ ันมากกวา่ 1 หมู่ ทาปฏกิ ิรยิ ากนั เป็นพอลเิ มอร์
และสารโมเลกุลเลก็
เฉลยใบกจิ กรรมที่ 2
คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นเขยี นโครงสร้างพอลเิมอร์ทไ่ีด้จากมอนอเมอร์ต่อไปน้ี พร้อมทงั้ ระบุว่า
ปฏกิ ริ ยิ าการเกดิ พอลเิมอร์แบบใด
1.CH2=CHCN
2.CH2=CHCOOCH3
3.H2N-CH2-COOH
กระดำษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรยี น
ชดุ กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ เร่อื ง ปฏกิ ิริยำกำรเกดิ พอลิเมอร์
ชั้นมธั ยมศึกษำปีท่ี 6
ขอ้ ท่ี ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
คะแนน
เต็ม 10
ได้
ชื่อ-สกุล…………………………………………………………………เลขท่ี……….ชัน้ …………..
กระดำษคำตอบแบบทดสอบหลงั เรียน
ชดุ กิจกรรมกำรเรียนรู้ เรือ่ ง ปฏกิ ิริยำกำรเกดิ พอลเิ มอร์
ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 6
ข้อท่ี ก ข ค ง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
คะแนน
เตม็ 10
ได้
ชื่อ-สกลุ …………………………………………………………………เลขท่ี……….ช้ัน…………..
เฉลยคำตอบก่อนเรยี นและหลงั เรียน
กอ่ นเรียน ขอ้ ท่ี เฉลย
หลังเรยี น
1 ก
2 ค
ข
3 ง
4 ข
ง
5 ค
ก
6 ข
7 ง
8 เฉลย
9
ง
10 ก
ง
ข้อท่ี ค
ข
1 ข
2 ง
3 ก
4 ข
5 ค
6
7
8
9
10