แผนการจัดการเรียนรูที่13 กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ระดับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 ภาคเรียนที่ 2 ปการศึกษา 2566 หนวยการเรียนรูที่ 7 โลกและการเปลี่ยนแปลง เวลา 14 ชั่วโมง เรื่อง การตรวจวัดสมบัติของดิน เวลา 2 ชั่วโมง ครูผูสอน นางสาวอินทิรา สีออนแสง โรงเรียนกุดจับประชาสรรค 1. มาตรฐานการเรียนรู ว 3.2 เขาใจองคประกอบและความสัมพันธของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและบน ผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟาอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลตอสิ่งมีชีวิตและ สิ่งแวดลอม ตัวชี้วัด ม.2/6 อธิบายลักษณะของชั้นหนาตัดดินและกระบวนการเกิดดิน จากแบบจำลอง รวมทั้งระบุปจจัยที่ ทำใหดินมีลักษณะและสมบัติแตกตางกัน ม.2/7 ตรวจวัดสมบัติบางประการของดิน โดยใชเครื่องมือที่เหมาะสมและนำเสนอแนวทางการใช ประโยชนดินจากขอมูลสมบัติของดิน 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด ดินเกิดจากหินที่ผุพังตามธรรมชาติผสมคลุกเคลากับอินทรียวัตถุที่ไดจากการเนาเปอยของซากพืชซาก สัตวทับถมเปนชั้น ๆ บนผิวโลก ชั้นดินแบงออกเปนหลายชั้น ขนานหรือเกือบขนานไปกับผิวหนาดิน แตละชั้นมี ลักษณะแตกตางกันเนื่องจากสมบัติทางกายภาพ เคมี ชีวภาพ และลักษณะอื่น ๆ เชน สี โครงสราง เนื้อดิน การ ยึดตัวความเปนกรด-เบส สามารถสังเกตไดจากการสำรวจภาคสนาม การเรียกชื่อชั้นดินหลักจะใชอักษร ภาษาอังกฤษตัวใหญ ไดแก O, A, E, B, C, R ชั้นหนาตัดดิน เปนชั้นดินที่มีลักษณะปรากฏใหเห็นเรียงลำดับเปนชั้นจากชั้นบนสุดถึงชั้นลางสุด ปจจัยที่ทำใหดินแตละทองถิ่นมีลักษณะและสมบัติแตกตางกัน ไดแก วัตถุตนกำเนิดดิน ภูมิอากาศ สิ่งมีชีวิตในดิน สภาพภูมิประเทศ และระยะเวลาในการเกิดดิน สมบัติบางประการของดิน เชน เนื้อดิน ความชื้นดิน คาความเปนกรด-เบส ธาตุอาหารในดิน สามารถ นำไปใชในการตัดสินใจถึงแนวทางการใชประโยชนที่ดิน โดยอาจนำไปใชประโยชนทางการเกษตรหรืออื่น ๆ ซึ่ง ดินที่ไมเหมาะสมตอการทำการเกษตร เชน ดินจืด ดินเปรี้ยว ดินเค็มและดินดาน อาจเกิดจากสภาพดินตาม ธรรมชาติหรือการใชประโยชนจะตองปรับปรุงใหมีสภาพเหมาะสม เพื่อนำไปใชประโยชน
3. จุดประสงคการเรียนรู 1. นำเสนอแนวทางการใชประโยชนดินจากขอมูลลักษณะและสมบัติของดินที่ตรวจวัดได(K) 2. สังเกตและตรวจวัดเนื้อดิน ความชื้นในดิน คาความเปนกรด-เบสของดิน และธาตุอาหารในดิน (P) 3. มีความรับผิดชอบในการทำงาน (A) 4. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษที่ 21 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ทักษะแหงศตวรรษที่ 21 1. การสังเกต 2. การใชจำนวน 3. การจัดกระทำและสื่อความหมายขอมูล 4. การลงความเห็นจากขอมูล 5. การตีความหมายขอมูลและลงขอสรุป 1. ดานการคิดอยางมีวิจารณญาณและการแกปญหา 2. ดานการสื่อสาร สารสนเทศและการรูเทาทันสื่อ 3. ดานความรวมมือ การทำงานเปนทีมและภาวะผูนำ 4. ดานการทำงาน การเรียนรู และการพึ่งตนเอง 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค - มีวินัย - ใฝเรียนรู - มุงมั่นในการทำงาน 6. สาระการเรียนรู สมบัติบางประการของดิน ไดแก เนื้อดิน ความชื้นในดิน ความเปนกรด-เบสของดิน ธาตุอาหารในดิน เปนขอมูลที่สามารถนำไปใชในการตัดสินใจถึงแนวทางการใชประโยชนที่ดิน เชน ในทางการเกษตรหรืออื่น ๆ ได และในกรณีที่ตองการปรับปรุงคุณภาพดินเพื่อนำไปใชประโยชน ควรหาแนวทางการปรับปรุงคุณภาพดินดวย วิธีการที่เหมาะสม 7. กระบวนการจัดการเรียนรู ใชวิธีการสอนแบบ POE มีรายละเอียดดังนี้ 1. ขั้นทำนาย (Prediction) 1. ครูเกริ่นนำในประเด็นดังตอไปนี้ ที่ผานมาเราไดทราบมาแลววาดินแตละพื้นที่อาจจะมีลักษณะและสมบัติทั้งที่เหมือนและแตกตางกัน เชนมีสีดิน เนื้อดิน ความชื้นในดินที่แตกตางกัน ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปถึงวัตถุที่เปนตนกำเนิดดินได เชนสีดิน และเนื้อดิน จะมีความสัมพันธกับชนิดของแรที่เปนตนกำเนิดดิน และสีดินก็จะมีความสัมพันธกับปริมาณ อินทรียวัตถุและความชื้นในดิน สมบัติของดินที่นาสนใจอีกอยางคือความเปนกรด-เบสของดิน ซึ่งมีผลตอการดูดซึมแรธาตุอาหาร น้ำ และการเจริญเติบโตของพืช พืชบางชนิดจะเจริญเติบโตไดดีในความเปนกรด-เบสที่เหมาะสม ดังนั้นความเปน กรด-เบสของดินมีความสำคัญตอการเพาะปลูกเปนอยางมาก
2. นักเรียนตอบคำถามในประเด็นตอไปนี้ 2.1 นักเรียนทราบแลววาดินและชั้นดินในแตละพื้นที่มีลักษณะและสมบัติแตกตางกัน สมบัติของดิน ดังกลาวมีวิธีการตรวจวัดอยางไร (นักเรียนตอบไดอยางอิสระ) 2.2 ถาตองการวัดความเปนกรด-เบสของดินจะตองตรวจวัดดวยอะไร (นักเรียนตอบไดอยางอิสระ) 2. ขั้นสังเกต (Observation) 1. นักเรียนแบงกลุม ออกเปน 4 กลุม 2. นักเรียนศึกษาวิธีการดำเนินกิจกรรมและลงมือทำกิจกรรมที่ 7.6 การตรวจวัดสมบัติของดินมีวิธีการ อยางไร จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร ม.2 เลม 2 หนา 154 3. นักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายและบันทึกผลการทำกิจกรรมลงในแบบบันทึกกิจกรรม 4. นักเรียนแตละกลุมนำเสนอผลการทำกิจกรรมที่ 7.6 การตรวจวัดสมบัติของดินมีวิธีการอยางไรหนา ชั้นเรียน 5. นักเรียนและครูรวมกันอภิปรายผลทำกิจกรรมที่ 7.6 การตรวจวัดสมบัติของดินมีวิธีการอยางไร เพื่อใหไดขอสรุปดังนี้ 5.1 ดินที่ตรวจวัดไดมีเนื้อดิน ความชื้นในดิน คาความเปนกรด-เบส และธาตุอาหารในดินเปน อยางไร (ดินในแตละพื้นที่อาจมีเนื้อดิน ความชื้นในดิน ความเปนกรด-เบสของดิน และธาตุอาหารในดินที่ แตกตางกัน) 5.2 ดินบริเวณที่เก็บตัวอยางมีลักษณะและสมบัติของดินเหมาะสมกับการนำไปใชประโยชนหรือไม อยางไร 3. ขั้นอธิบาย (Explanation) 1. นักเรียนแตละกลุมศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมในหนังสือเรียนหนา 159-161 นักเรียนแตละกลุมสง ตัวแทนกลุมจับสลากคำถาม 2 คำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ศึกษาเพิ่มเติม 1.1 ดินในแตละพื้นที่มีลักษณะและสมบัติอะไรบางที่แตกตางกัน (ดินในแตละพื้นที่อาจมี ลักษณะและสมบัติที่แตกตางกันออกไป เชน เนื้อดิน ความชื้นในดิน ความเปน กรด–เบส ของดิน ธาตุอาหาร ในดิน) 1.2 ลักษณะและสมบัติตาง ๆ ของดินในแตละพื้นที่เชื่อมโยงไปถึงสิ่งใดของวัตถุตนกำเนิดดิน หรือองคประกอบของดินไดบาง (ลักษณะและสมบัติตาง ๆ ของดินในแตละพื้นที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงชนิดของ วัตถุตนกำเนิดดินหรือปริมาณองคประกอบของดินได เชน สีดิน เนื้อดิน ความเปนกรด-เบสของดิน มี ความสัมพันธกับองคประกอบแรธาตุของวัตถุตนกำเนิดดิน หรือสีดินมีความสัมพันธกับปริมาณอินทรียวัตถุในดิน และความชื้นในดิน) 1.3 เพราะเหตุใดดินแตละชนิดจึงมีเนื้อดินแตกตางกัน (การที่ดินแตละชนิดมีเนื้อดินแตกตาง กัน เพราะเนื้อดินเปนลักษณะทางกายภาพของดินที่มีสัดสวนโดยน้ำหนักของตะกอนทราย ทรายแปง และดิน เหนียว ตะกอนทั้ง 3 ขนาดนี้เมื่อรวมตัวกันในสัดสวนตางกันจะเกิดเปนดินชนิดตาง ๆ ซึ่งมีเนื้อดินแตกตางกัน
โดยขนาดตะกอนทรายจะมีขนาดใหญที่สุด รองลงมาคือทรายแปงและดินเหนียวตามลำดับ เนื้อดินแตละพื้นที่มี ลักษณะแตกตางกันเนื่องจากปจจัยหลักที่สำคัญ คือ ชนิดของวัตถุตนกำเนิดดินที่เปนหินและแรตางชนิดกัน) 1.4 ความชื้นในดินคืออะไร มีความสำคัญอยางไร (ความชื้นในดินเปนสัดสวนระหวางมวลของ น้ำในดินกับมวลของดินแหง โดยทั่วไปสัดสวนนี้มีคาระหวาง 0.05-0.5 กรัม/กรัม ความชื้นในดินเปน ความสามารถในการอุมน้ำของดิน ใชอธิบายความสามารถของดินในการใหธาตุอาหารและน้ำแกพืช ซึ่งจะมีผล ตอการเจริญเติบโตของพืช) 1.5 ดินในแตละพื้นที่มีความเปนกรด-เบส แตกตางกันเนื่องดวยปจจัยใด (ดินในแตละพื้นที่อาจ มีความเปนกรด-เบส แตกตางกัน เนื่องดวยปจจัยหลักคือชนิดของวัตถุตนกำเนิดดินที่ประกอบดวยแรที่แตกตาง กัน และขึ้นอยูกับปจจัยในการเกิดดินในพื้นที่ นอกจากนั้นการเนาเปอยของซากพืชและซากสัตวในดิน การใส ปุยเคมีในดินก็จะมีผลตอคาความเปนกรด-เบส ของดินได) 1.6 ยกตัวอยางลักษณะดินที่ไมเหมาะสมตอการเพาะปลูก (ดินที่ไมเหมาะสมตอการเพาะปลูก มีอยูหลายชนิด เชน ดินจืด ดินเปรี้ยว ดินเค็ม และดินดาน ดินดังกลาวนี้อาจเกิดขึ้นไดทั้งจากสภาพดินตาม ธรรมชาติหรือจากการใชประโยชนของมนุษย) 1.7 ดินเปรี้ยวมีลักษณะเปนอยางไร และจะมีวิธีการปรับปรุงดินเปรี้ยวอยางไร (ดินเปรี้ยวเปน ดินที่มีความเปนกรดมากเกินไป ดินที่มีความเปนกรดมากทำใหธาตุเหล็กและอะลูมิเนียมละลายออกมาอยูในดิน มากจนถึงระดับที่เปนอันตรายตอพืชที่ปลูก วิธีการปรับปรุงดินเปรี้ยวมีหลายวิธี เชน การใชน้ำชะลางความเปน กรดในดิน หรือการขังน้ำไวในดินนาน ๆ แลวระบายออก การใสปูนมารล ปูนขาว หินปูนบด หรือหินปูนฝุนโดย ผสมเขากับดินในอัตราสวนที่เหมาะสม หรือใชน้ำชะลางความเปนกรดในดินควบคูไปดวย) 1.8 ดินเค็มมีลักษณะเปนอยางไร และจะมีวิธีการปรับปรุงดินเค็มอยางไร (ดินเค็มเปนดินที่มี ปริมาณเกลือที่ละลายไดในน้ำมากจนเปนอันตรายตอพืช พืชจะเกิดการขาดน้ำและไดรับธาตุที่เปนสวนประกอบ ของเกลือที่ละลายออกมามากจนเกินไป ทำใหพืชมีผลผลิตต่ำหรือไมไดผลผลิต การปรับปรุงดินเค็มอาจใชการไถ กลบพืชปุยสด ปุยอินทรีย หรือใสวัตถุปรับปรุงดิน เชน แกลบ) 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายและตอบคำถามที่จับสลากไดหนาชั้นเรียน โดยมีครูชวยอธิบาย เพิ่มเติมหากคำตอบยังไมสมบูรณ 3. ครูสรุปและอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 8. สื่อการเรียนรู/แหลงเรียนรู 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เลม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 ตามหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) สสวท. 2. แบบบันทึกกิจกรรม กิจกรรมที่ 7.6 การตรวจวัดสมบัติของดินมีวิธีการอยางไร 3. อุปกรณในการทำกิจกรรม
9. การวัดและการประเมิน ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู วิธีการวัด เครื่องมือวัด เกณฑที่ใชในการประเมิน 1. สังเกตและตรวจวัดเนื้อ ดิน ความชื้นในดิน คา ความเปนกรด-เบสของดิน และธาตุอาหารในดิน (P) การตอบคำถามในชั้นเรียน และตรวจกิจกรรมที่ 7.6 การตอบคำถามในชั้นเรียน กิจกรรมที่ 7.6 ไดคะแนนไมต่ำกวารอยละ 70 ถือวาผาน 2. นำเสนอแนวทางการใช ประโยชนดินจากขอมูล ลักษณะและสมบัติของดิน ที่ตรวจวัดได (P) การตอบคำถามในชั้นเรียน และตรวจแบบบันทึก กิจกรรมที่ 7.6 การตอบคำถามในชั้นเรียน แบบบันทึกกิจกรรม 7.6 ไดคะแนนไมต่ำกวารอยละ 70 ถือวาผาน 3. มีความรับผิดชอบใน การทำงาน (A) แบบสังเกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ผานเกณฑการประเมินอยูใน ระดับดีขึ้นไป
10. บันทึกหลังแผนการจัดการเรียนรู สรุปผลการเรียนการสอน 1. นักเรียนมีความรูความเขาใจ (K) ……………………………….………………………………..………..…………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………….…………..……………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….. 2. นักเรียนมีความรูเกิดทักษะ (P) …………………………………………………….………………………………..……. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. นักเรียนมีเจตคติ คานิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ………………………………………………..………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปญหา/อุปสรรค /แนวทางแกไข ........................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ขอเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………..………………………. ................................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................... ลงชื่อ................................................................. (นางสาวอินทิรา สีออนแสง) ผูสอน
บันทึกผลการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู ไดรับการพิจารณาจากฝายวิชาการแลว เสนอผูบริหาร ไมมีขอเสนอแนะ ขอเสนอแนะ………………………………………………………………………………..………………………………… ลงชื่อ .................................................. หัวหนาวิชาการ (นายสมศักดิ์ วรรณขาม) วันที่................................................... เสนอผูบริหาร รับทราบ ไมมีขอเสนอแนะ ขอเสนอแนะ………………………………………………………………………………..………………………………… ลงชื่อ .......................................... ผูอำนวยการโรงเรียน (นายศักดิ์ชัย พนารัตน) วันที่...................................................
กิจกรรมที่7.6 การตรวจวัดสมบัติของดินมิวิธีกำรอยางไร จุดประสงค 1. สังเกตและตรวจวัดเนื้อดิน ความชื้นในดิน ความเปนกรด-เบสของดิน ธาตุอาหารในดินโดยใช เครื่องมือที่เหมาะสม 2. วิเคราะหและนาเสนอแนวทางการใชประโยชนดินจากขอมูลลักษณะและสมบัติของดินที่ตรวจวัดได วัสดุและอุปกรณ 1. ตะแกรงรอนดินเบอร 10 9. ถาดพลาสติก 2. เครื่องชั่ง 3 แขน 10. ชุดตรวจวัดธาตุอาหารในดิน 3. กระดาษยูนิเวอรแซลอินดิเคเตอร 11. บีกเกอรขนาด 100 cm3 4. แทงแกวคนสาร 12. บีกเกอรขนาด 250 cm3 5. นาิกาจับเวลา 13. ภาชนะที่มีฝาปดสนิทหรือถุงพลาสติก 6. ไมบรรทัด 14. แกวนาพลาสติก 7. ชอนปลูก 15. กระบอกฉีดนาพรอมบรรจุนากลั่น 8. แผนพลาสติกหรือกระดาษสีขาว 16. ยางรัดของ วิธีการดำเนินกิจกรรม ตอนที่1 การสำรวจดินและการเตรียมดิน 1. ศึกษาสภาพแวดลอมทั่วไปบริเวณจุดที่ศึกษาดิน โดยกำหนดพื้นที่บริเวณผิวดินขนาด 1 ตารางเมตร บันทึก ตำแหนงที่ตั้งของพื้นที่ และบันทึกวันที่ที่ศึกษาดิน 2. สังเกตและบันทึกภูมิประเทศบริเวณจุดที่ศึกษาดิน เชน เปนที่ลาดเชิงเขา ที่ราบ ชายฝงทะเล หุบเขา 3. สำรวจและบันทึกการใชประโยชนดินบริเวณจุดที่ศึกษาดินเกี่ยวกับการเพาะปลูก เชน มีการปลูกพืชยืนตนพืช ไร นาขาว สวนผัก และบันทึกการใชประโยชนที่ดินในลักษณะอื่น ๆ 4. สำรวจและบันทึกชนิดของพืชที่ขึ้นปกคลุมดิน และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยูบริเวณผิวดินเทาที่สังเกตได 5. ถาพื้นที่ที่กำหนดไวมีหญาขึ้น ใหถอนหญาในพื้นที่ออก แลวใชชอนปลูกขุดดินใหมีความลึกประมาณ 10 เซนติเมตรและตักดินประมาณ 1,000 กรัม ใสถุงและรัดใหแนนดวยยางรัดของ หรือใสดินลงในภาชนะอื่น ๆ ที่มี ฝาปดเพื่อปองกันไมใหอากาศเขาไปไดปดฉลากถุงหรือภาชนะที่ใสดิน เขียนแสดงตำแหนงที่เก็บดินและวันที่ที่ เก็บดิน 6. แบงดินออกมาครึ่งหนึ่งละนำไปตากแดดหรือผึ่งใหแหง สวนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งเก็บไวเชนเดิม
ตารางบันทึกผลการทดลอง อภิปราย/สรุปผลการทดลอง ................................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... วิธีการดำเนินกิจกรรม ตอนที่2 การตรวจวัดสมบัติของดิน การตรวจวัดเนื้อดิน 1. นำดินที่แหงมารอนดวยตะแกรงรอนดินเบอร10 เพื่อแยกซากพืชและซากสัตวออกจากเนื้อดิน 2. แบงดินออกมา 200 กรัม แลวนำไปตรวจวัดเนื้อดินดวยวิธีสัมผัสตามแผนผัง ดังภาพ 7.31 (หนา 156 หนังสือ เรียนวิทยาศาสตรสสวท.) 3. บันทึกเนื้อดินที่ตรวจวัดไดจากนั้นใหตรวจสอบวาเนื้อดินที่ตรวจวัดไดจัดอยูในกลุมดินประเภทใด โดยเทียบ เนื้อดินกับขอมูลในตาราง 7.3 (หนา 155 หนังสือเรียนวิทยาศาสตรสสวท.) และบันทึกกลุมดินที่ได
ตารางบันทึกผลการทดลอง ดิน ผลการตรวจสมบัติของดิน เนื้อดิน ความชื้น ความเปนกรด-เบส ธาตุอาหาร อภิปราย/สรุปผลการทดลอง ................................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................. .......................................................................................................................................................................... คำถามทายกิจกรรม ดินที่ตรวจวัดไดมีเนื้อดิน ความชื้นในดิน ความเปนกรด-เบส และธาตุอาหารอยางไร ................................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................... วิธีการดำเนินกิจกรรม ตอนที่ 3 การใชประโยชนดินจากขอมูลลักษณะและสมบัติดินที่ตรวจวัดได จากขอมูลการบันทึกการใชประโยชนดินบริเวณจุดที่ศึกษาดินจากกิจกรรมที่ 7.6 ตอนที่ 1 ใหนักเรียน สืบคนและวิเคราะหขอมูลวาดินบริเวณที่เก็บตัวอยางมีลักษณะและสมบัติของดินเหมาะสมกับการนาไปใช ประโยชนหรือไม อยางไร ในกรณีที่มีการใชดินเพื่อการเพาะปลูก ใหสืบคนและวิเคราะหขอมูลวาลักษณะของดินที่ตรวจวัดได เหมาะสมกับการเพาะปลูกพืชชนิดดังกลาวหรือไม ถามีการใชประโยชนจากดินเพื่อการเพาะปลูกที่ไมเหมาะสม ใหนักเรียนสืบคนและนาเสนอวิธีการปรับปรุงคุณภาพดินดังกลาว หรือเสนอแนะชนิดของพืชที่ควรปลูกใน บริเวณจุดที่เก็บตัวอยางดินนั้น
คำถามทายกิจกรรม 1. ดินบริเวณที่เก็บตัวอยางมีลักษณะและสมบัติของดินเหมาะสมกับการนาไปใชประโยชนหรือไม อยางไร ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 2. ในกรณีที่มีการใชดินเพื่อการเพาะปลูก ลักษณะและสมบัติของดินที่ตรวจวัดไดเหมาะสมกับการเพาะปลูกพืช ชนิดดังกลาวหรือไม อยางไร ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. 3. ในกรณีที่มีการใชประโยชนดินเพื่อการเพาะปลูกที่ไมเหมาะสม มีวิธีการปรับปรุงคุณภาพดินอยางไร หรือควร เสนอแนะชนิดของพืชที่ควรปลูกในบริเวณจุดที่เก็บตัวอยางดินนั้นหรือไม อยางไร ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. ................................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................................