ห น ้ า 1 | 27
การจัดการความรู้เป็นเคร ื่องมือหนึ่งในการพัฒนาคน และงาน เพราะความรู้ในมีอยู่ทั้งในตัวบุคคล และ กระบวนการท างานอยู่ตลอดเวลา ซึ่งความรู้ในตัวบุคคลนั้นมีความส าคัญเพราะเกิดจากการลงมือท าซ้า ๆ จนเกิด ทักษะความช านาญจนเกิดกระบวนการที่เร ียกว่าอัตโนมัติ และเมื่อความรู้เหล่านั้นด าเนินอยู่ในตัวบุคคลแบบ อัตโนมัติแล้ว ก็จะท าให้เกิดความเคยชินจนบุคคลไม่รู้ตัวว่าเขามีความรู้ฝังลึกแบบใดในตัวอยู่บ้าง การจัดการ ความรู้จึงเป็นกระบวนการส าคัญที่จะเข้ามาช่วยเผยความรู้ในตัวบุคคลนั้นออกมา นอกจากความรู้ในตัวบุคคลแล้ว ยังมีความรู้ชัดแจ้งหร ือความรู้ทั่วไป ซึ่งเป็นความรู้ที่มาจากภายนอก จากห้องเร ียน หนังสือ เป็นความรู้ที่พร้อมเป็นแหล่งอ้างอิง ความรู้ทั้งสองประเภทนั้นมีอยู่มากมายในองค์กร หากมีการจัดการความรู้จะท าให้สามารถเกิดการ ถ่ายทอดแลกเปลี่ยนความรู้ร่วมกันในองค์กรซึ่งท าให้เกิดการพัฒนาใหม่ ๆ จากผลลัพธ์ความส าเร็จเดิม อีกทั้งยัง สามารถช่วยลดโอกาสเกิดความผิดพลาดในการท างาน เอกสารฉบับนี้เป็นเอกสารจากการด าเนินงานโครงการKM สัญจร ของกรมการพัฒนาชุมชน โดยศูนย์ ศึกษาและพัฒนาชุมชนได้ด าเนินงานจัดการความรู้ตามโครงการดังกล่าวใน 2 จังหวัดในเขตพื้นที่ความ รับผิดชอบ คือ จังหวัดลพบุร ี และจังหวัดสระบุร ี การขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา
ห น ้ า 3 | 27 เร ื่อง ค าตอบด ารงอยู่ในศรัทธา นายปัญญา มะค่าทอง บทพิสูจน์การพัฒนา จากเกาะรัง โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน ศูนย์เร ียนรู้ โคก หนอง นา นายปัญญา มะค่าทอง ณ ศูนย์เร ียนรู้โคก หนอง นา นางกัลยา รอดคง
ห น ้ า 4 | 27 จัดการความรู้ โดย ทีมถอดบทเร ียน ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนสระบุร ี บทความ โดย นางสาวสร ินยา ลูกรัก “ท านา ท าไร่มันเหนื่อย อย่าท าเลย” ถ้อยค าเหล่านี้อาจเป็นความในใจของเกษตรกรหลาย ๆ คนที่เคย เผชิญความล าบากกับสาระพัดปัญหาที่วนไปมาเหมือนงูกินหาง และปัญหาส่วนหนึ่งที่เกิดซ้า ๆ ก็ไม่อาจแก้ได้ ด้วยตัวพวกเขาเอง แต่พ่อแม่ของ ‘ปัญญา’ เจ้าของพื้นที่แปลง โคก หนอง นา โมเดล ขนาด 15 ไร่ในเขตพื้นที่ อ าเภอแก่งคอยกลับไม่เคยเอ่ยทัดทานลูกชายเช่นนั้น เมื่อเขาบอกครอบครัวว่า ‘จะเปลี่ยนป่ายูคาลิปตัส ให้กลายเป็นแปลง โคก หนอง นา ขนาดใหญ่’ อะไร คือเหตุผลที่ท าให้ครอบครัวสนับสนุน ค าถามนี้ผุดขึ้นในใจฉันระหว่างฟังเร ื่องราวความเป็นมา ของ โคก หนอง นา แปลงนี้ ปัญญา เป็นชายวัยกลางคนที่อายุก าลังจะล่วงเข้าสู่เลขหกในอีกหกปีข้างหน้า อาชีพเดิมของเขา คือ พนักงานโรงงานหากแต่มีความคุ้นเคยกับการท าเกษตรจากครอบครัวเป็นทุนเดิม พ่อเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านหลาย สมัยที่ชาวบ้านให้ความไว้วางใจ “ตอนที่พ่อผมเป็นผู้ใหญ่บ้าน ลูกบ้านมีปัญหาอะไรพ่อก็เต็มใจช่วยหมด ช่วยจนผมนึกในใจว่า ‘ต้องช่วย ขนาดนี้เลยหร ือ’” แต่จากพื้นฐานที่พ่อ “เป็นให้ดู” นี้เอง วันนี้เขาและครอบครัวก็ได้รับเสียงสะท้อนจากคน ในชุมชนว่า “บ้านนี้เขาใจดี มีอะไรก็แบ่งปัน ผักในแปลงนี่ก็ให้ชาวบ้านเข้ามาเก็บกินได้ เขาไม่หวง” ครอบครัว พ่อและแม่เป็นต้นทางที่ส าคัญในการก่อก าเนิดเมล็ดพันธุ์คืนสู่กับสังคม ก่อนที่ปัญญาจะตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ โคก หนอง นา กับส านักงานพัฒนาชุมชนอ าเภอแก่งคอย พื้นที่ส่วนหนึ่งในจ านวน 23 ไร่ ของเขาเป็นป่ายูคาลิปตัสที่ปลูกไว้เพื่อขายส่งโรงงาน หากแต่เมื่อเมื่อราคาตลาด ตกต่าเขาก็ปล่อยมันไว้ตามยะถากรรม และพื้นที่ชายขอบบางส่วนก็ถูกตักหน้าดินขายตามความประสงค์ ของครอบครัว หากแต่เขาก็มีความสนใจในงานด้านการเกษตร และมีความศรัทธาในองค์พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวรชัการที่9 จึงเรม่ิศึกษาเรยีนรูต้ามศาสตรพ์ระราชาด้วยตนเอง พร้อมทั้งทดลองปลูกพืชผัก ชนิดต่าง ๆ บนผืนดินทรายขี้เป็ด ในปี 2563 ผู้ใหญ่บ้านได้เข้ามาชักชวนให้เขาเข้าร่วมโครงการโคก หนอง นา โมเดล กับทางส านักงาน พัฒนาชุมชนอ าเภอแก่งคอย ในคราแรกเขาคิดจะเข้าร่วมโครงการด้วยที่ดินเพียง 3 ไร่ แต่สุดท้ายเมื่อมีผู้สละ สิทธกิ์ารเข้ารว่มโครงการในระดับ 15 ไร่เขาจงึเปลี่ยนใจ ในการเข้ารว่มโครงการขนาด 15 ไรน่ ี้มีเง่อืนไขส าคัญ ข้อหนึ่งว่า “เขาจะต้องเสียสละพื้นที่ที่เข้าโครงการ เพื่อใช้ประโยชน์ในการเร ียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงให้กับผู้อื่นเป็นระยะเวลา ต่อเนื่อง 5 ปี” ทั้งตัวเขาและที่ดินซึ่งเข้าโครงการก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพัฒนา ให้มีความเหมาะสมส าหรับการจะเป็นศูนย์เร ียนรู้ต้นแบบเพื่อขยายผลสู่ครัวเร ือนอื่น ๆ รวมถึงผู้ที่สนใจ
ห น ้ า 5 | 27 ก้าวแรกส าหรับการเป็นศูนย์เร ียนรู้ของเขา คือ การเข้าร่วมอบรมเพื่อได้รับความรู้พื้นฐานในการท า โคก หนอง นา ซึ่งเป็นการอบรมที่มีทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติ ภาคทฤษฎีท าให้ลดเวลาการลองผิดลองถูก และ สามารถน าไปประยุกต์ใช้เมื่อต้องปฏิบัติ ส่วนการได้ปฏิบัติจร ิงในโครงการก็จะท าให้เกิดความเข้าใจ และได้รู้ ด้วยตนเองนี้เป็นสิ่งส าคัญที่ชว่ยเสรมิความมั่นใจให้เขา ยามเมื่อกลับไปท าสร้างฝันบนผืนดินของตนเอง จากฝันบนแผ่นกระดาษในห้องอบรม ผืนดิน 15 ไร่จาก 23 ไร่ของเขาได้กลายเป็นแหล่งอาหารส าหรับ ตนเอง ครอบครัว และเผื่อแผ่ถึงคนในชุมชนรอบข้างที่สามารถเข้ามาพักผ่อนคลายร้อน และเก็บพืชผักที่สะอาด ปราศจากยาฆ่าแมลงไปกินได้ “เข้ามาเก็บผักได้ ผมเข้ามาเก็บบ่อย บางทีก็มานอนเล่น พี่ปัญญาแกไม่หวง” ชายวัยกลางคนเอ่ยยืนยัน ขึ้นอีกเสียง หลายคนที่เข้ามาอาศัยเก็บพืชผักในพื้นที่นี้เป็นคนที่ไม่ได้มีอาชีพมั่นคงถาวร และไม่ได้มีพื้นที่บ้าน กว้างขวางมากพอที่จะมีสวนร่มร ื่นให้พักใจ พื้นที่โคก หนอง นา 15 ไร่ จึงไม่ได้มีคุณค่าเพียงเพื่อการเป็นแหล่ง เร ียนรู้ สร้างแรงบันดาลใจ ขยายผลหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขององค์พ่อหลวง หากแต่ยังเป็นพื้นที่ ส าหรับเยียวยาชีวิตของใคร อีกหลายคน รวมถึงช่วยสร้างภาพฝันของคนที่เขาเอื้ออาทรว่าสักวันหนึ่งจะท าให้ พื้นที่ของตนเอง ‘พอมีพอกิน’ ได้แบบนี้ การที่พื้นที่หนึ่งจะกลายเป็นศูนย์กลางให้กับผู้คนเข้ามาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนเร ื่องราวในชีวิต เกื้อกูล กันอย่างเป็นธรรมชาตินั้นอาจไม่สามารถพบได้ง่าย ๆ ในสังคมที่เปลี่ยนไป หากแต่พื้นที่ไหนที่ยังคงด ารง สิ่งนี้ได้เป็นเรอ่ืงราวที่น่าสนใจและชวนให้ค้นหาค าตอบ “โคก หนอง นา ของผมเป็น โคก หนอง นาในเขตเมือง สามารถท าหน้าที่เป็น ‘ปอด’ ให้กับคนในชุมชน ได้” ปัญญาให้ค าอธิบายพื้นที่ของเขาเพิ่มเติมเมื่อเรานั่งคุยกันใต้ต้นมะขามคู่ที่มีอายุราว 70-80 ปี ความใหญ่โต ของต้นไม้ที่แอบอิงอาศัยกันอย่างสงบมายาวนานให้ความรู้สึกโล่ง สงบ สบาย ความชื้นจากดินที่ยังคงมีช่วยลด ความแรงร้อนของไอแดดได้เป็นอย่างดี ระยะของต้นไม้สองต้นก็ห่างกันพอดีส าหรับผูกเปลนอนเล่นรับลม สิ่งที่ปัญญาเอ่ยกับความเป็นจรงิตรงหน้าสอดรบักันได้เป็นอย่างดี “ต้นไม้ต้นนั้นอายุเท่าลูกคนเล็กของผมเลย 10 ปี” เขาชี้มือไปที่ต้นประดู่ที่อยู่ใกล้กับเขตร ิมรั้ว ต้นไม้ ใหญ่กว่าจะโตนั้นมีต้นทุน คือ เวลา หากแต่ก็คุ้มค่าเพราะประโยชน์ของเขานั้นไม่ได้มีแค่ ‘ร่มเงา’ ถ้าเรารู้จัก บร ิหารจัดการเขาให้ดี ๆ เมืองแก่งคอยเป็นพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรม และมีฝุ่นปูนปะปนอยู่ ค่อนข้างมาก การมีผืนดินที่อุดมไปด้วยต้นไม้กระจายเป็นจุด ๆ ทั่วเมืองก็น่าจะเป็นเร ื่องที่ดีอยู่ไม่น้อย “ต้นไม้ในโคกฯนี้ ต้นไหนเป็นต้นเก่า และต้นไหนเป็นต้นใหม่บ้างคะ” ฉันเอ่ยถาม “ต้นไม้เก่ามีไม่มากครับ ก็มีต้นมะขามคู่นี้ส่วนสะเดาตามแนวทางเดิน ต้นไผ่ ต้นกล้วย ต้นชมพู่ เป็นไม้ พวกที่ปลูกใหม่ช่วงหลังจากขุดปรับพื้นที่เสร็จก็มีงานเอามื้อสามัคคีเร ื่อยมา ต้นไม้ที่เห็นผมไม่ได้เป็นคนปลูกคน เดียว ส่วนใหญ่เป็นผลงานจากการเอามื้อสามัคคี ทั้งจากพช. จากสมาคมผู้ใหญ่บ้าน จากชาวบ้านในชุมชน และ เคร ือข่ายอื่น ๆ ”
ห น ้ า 6 | 27 “ล าพังแกสองคนผัวเมียท าไม่ไหวหรอกจ้า” ผู้ใหญ่บ้านชว่ยอธบิายเพิ่มเติม “ชาวบ้านเขามาช่วยกันปลูก เขาก็เข้ามาเก็บกินได้บางทีก็จับปลาจากบ่อขึ้นมากินกัน” ปัญญาพูดพรอ้มรอยยิ้ม “ปลาดุกในบ่อนี้อร่อยนะ เขาให้อาหารวันละมื้อเดียวแล้วก็ให้ปลาหากินตามธรรมชาติ” ในพื้นที่ 15 ไร่ ปัญญาขอขุดหลุมขนมครกเพียง 4 บ่อ ซึ่งแตกต่างจากแบบแปลนด้วยเหตุผลว่า ที่ดินของเขาอยู่ใกล้แหล่งน้า บ่อสามในสี่ลูกที่เขาขุดนั้นโชคดีที่ขุดเจอตาน้าซึมที่ก้นหลุม แต่ถึงอย่างไรน้าก็ไม่เคยเต็มอยู่ได้นานเสียที มิหน าซ้ายังน้อยเสียจนต้องสูบน้าจากบ่อบาดาลมาเติม แต่ถึงอย่างไรปัญญาก็ยังไม่ละทิ้งความฝันที่จะท าให้ ผืนดินของเขาอุดมไปด้วยต้นไม้สีเขียว และสร้างความสดชื่นร ื่นรมย์ให้กับคนที่แวะเวียนเข้ามาสัมผัส ปัจจุบันเขาเข้าใช้ชีวิตอยู่ในโคก หนอง นา เกือบจะเต็มเวลา “ถ้าไม่มีงานอะไรผมก็กินอยู่ในนี้ล่ะ ในบ่อมีปลา ในสวนมีผักมีหน่อไม้ที่เก็บกินได้แล้ว ลดภาระค่าใช้จ่าย ไปเยอะ” ในเส้นทางการเติบโตของ โคก หนอง นา แต่ละช่วงก็มีบทเร ียนต่าง ๆ สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้เขา ได้เร ียนรู้ ปี 2566 ปัญญาอยู่ในช่วงวัยเลขห้ากลาง ๆ แปลงโคก หนอง นา ของเขามีอายุจะเข้า 3 ขวบ และชีวิต ก็ยังคงมีเคร ือข่ายใหม่ ๆ เพิ่มเติมเข้ามา เขาเป็นคนที่เชื่อว่าเครอืข่ายเป็นสิ่งส าคัญ ‘เราช่วยเขา เขาช่วยเรา’ เป็นความเชื่อจากการปฏิบัติของตนเอง ก่อนจบการสนทนาฉันชวนให้เขาขยายความความกังวลใจที่เขาเปรยขึ้นในช่วงแรก ๆ ของการพูดคุย ให้ฟังอีกครั้ง “ผมก าลังหาจุดสมดุลระหว่างความสงบ การพัฒนาต่อยอด และความเสียสละต่อส่วนรวม” โจทย์ของเขาอาจเป็นโจทย์ของใครอีกหลาย ๆ คน แต่ฉันเชื่อว่าจากการด าเนินชีวิตด้วยความศรัทธา ในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจะช่วยให้เขาค้นพบค าตอบในไม่ช้า หร ือบางทีเขาก็อาจมีค าตอบนั้นอยู่ ในใจอยู่แล้ว... ---------------------------------------------------
ห น ้ า 7 | 27 บทพิสูจน์การพัฒนา จากเกาะรัง โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน “ พระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2511 เนื่องในวโรกาสที่ทรงกรุณาโปรด เกล้าให้ข้าราชการและคณะนักศึกษาพัฒนากรเข้าเฝ้า ณ ที่ประทับบร ิเวณศูนย์พัฒนาชุมชนเขต 9 จังหวัดยะลา ดังกล่าวความตอนหนึ่งว่า “…เมื่ออบรมจบไปแล้วจะต้องไปท างานในหมู่บ้าน อย่ายึดมั่นในต าราที่ได้จาก ห้องเร ียนอย่างเดียว ต้องรู้จักปรับปรุงความรู้ที่ได้มานั้นให้ตรงกับสภาพท้องที่และคุณลักษณะของคนที่ไปท างาน ร่วมด้วย พัฒนากรต้องออกไปท างานกับคนหลายลักษณะ หลายคุณภาพ ต้องไปท างานในท้องที่ ซึ่ง สภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน เปียกบ้าง แห้งบ้าง จึงต้องใช้ไหวพร ิบ คือ ความรู้มาใช้ให้ตรงกับเหตุการณ์และ สภาพแวดล้อม พัฒนากรต้องรอบรู้ จึงจะท างานได้ส าเร็จ…” ”
ห น ้ า 8 | 27 หลายปีที่ผ่านมา ค าว่า โคก หนอง นา ค่อย ๆ กลายเป็นค าคุ้นหูของผู้คนในวงกว้าง ปัจจุบันกระแส แห่งปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีว ิตของผู้คน แทบทุกระดับ กรมการพัฒนาชุมชนเป็นหน่วยงานภาครัฐแห่งหนึ่งที่มุ่งมั่นในการน้อมน าหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงมาสู่การปฏิบัติทั้งในการท างานของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ การด าเนินชีว ิตประจ าวัน การบร ิหารองค์กร และที่ส าคัญที่สุด คือ การค่อย ๆ ขยายผลสู่ชุมชนตลอดมา ระหว่างทางที่รถตู้ของคณะถอดบทเร ียนงานพัฒนาชุมชนศูนย์ศึกษาพัฒนาชุมชนสระบุร ีว่งิผ่าน สีที่ผ่าน สายตาเรามากที่สุด คือ สีเขียวของต้นไม้ซงึ่นับว่าเป็นฉากเรม่ิต้นของงานวันนี้ที่สดชื่น เราเลือกมาลงพื้นที่ที่บ้าน ซับน้าหวาน ต าบลเกาะรัง อ าเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุร ี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้สัมผัสกระแสแห่ง ความภาคภูมิใจของเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัดที่อยากบอกเล่าเร ื่องราวดี ๆ ของชุมชนแห่งนี้ให้ทุกคนได้รับรู้ และเมื่อคณะเรามาถึงสิ่งที่ได้เห็น คือ ความร่วมไม้ร่วมมือกันของชาวบ้านที่ช่วยกันจัดเตร ียมเวทีสนทนาใต้เงา ร่มไม้ข้างชายบ่อน้าเล็ก ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ โคก หนอง นา จ านวน 1 ไร่ ภาพความกระตือร ือร้นของเหล่าเจ้าของบ้านท าให้ฉันรู้สึกใจฟู และคิดขึ้นว่า ‘วันนี้การพูดคุยน่าจะมี ความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว’ ก้อนฟางหลายก้อนถูกลากบ้าง ยกบ้าง มาท าหน้าที่แทนเก้าอี้นั่งส าหรับเคร ือข่าย โคก หนอง นา ที่มาร่วมพูดคุย หากแต่อีกส่วนเจ้าบ้านได้เตร ียมโต๊ะหน้าขาวและเก้าอี้เผื่อไว้ส าหรับตั้งโต๊ะกินข้าวกลางวัน แต่ด้วยจุดมุ่งหมายของงานที่เรามาท ากันในวันนี้คือ การถอดบทเร ียนความส าเร็จการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โต๊ะหน้าขาวจึงได้ท าหน้าที่ เชิงวิชาการก่อนถึงบทบาทตามความตั้งใจของเจ้าของบ้าน ไร่คุณย่า คือ ชื่อจร ิงของโคก หนอง นา แห่งนี้ ซึ่งมีเจ้าของชายวัยกลางคนผิวเข้ม พูดจาฉะฉาน เสียงดัง ฟังชัด และลูกบ้านต่างเร ียกเขาว่า ‘ผู้ใหญ่สุเทพ’ ก่อนเวลาเก้าโมงเล็กน้อย เก้าอี้ก้อนฟางที่ตั้งไว้ก็ไม่เหลือที่ว่าง พิธกีรสาวประจา คณะจงึเรม่ิต้นกล่าวเชิญ นายใหญ่ของเรากล่าวทักทายชาวบ้าน แนะน าคณะเจ้าหน้าทีของศูนย์ศึกษาพัฒนาชุมชนสระบุรีแล้วจึงเรม่ิต้น การสนทนาด้วยการเชิญชวนให้ทุกคนในเวทีแนะน าตัว ผู้ร่วมเวทีมีทั้งเจ้าหน้าที่จากส านักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ลพบุร ี เจ้าหน้าที่ส านักงานพัฒนาชุมชนอ าเภอชัยบาดาล พร้อมทั้งภาคีเคร ือข่ายต่าง ๆ ของผู้ใหญ่สุเทพ “ผมเป็นช่างรับเหมาก่อสร้าง และเลี้ยงวัวด้วย” เจ้าบ้านเรม่ิเล่าเร ื่องราวของตนพรอ้มรอยยิ้ม “พื้นที่นี้เป็นที่ สปก.แห้งแล้ง แล้งมากจร ิง ๆ ที่ผมเข้าโครงการนี้ก็เพราะพัฒนากรนี่ล่ะมาชวนผม” ผู้ที่ถูก เอ่ยถึงส่งยิ้มกระจายไปทั่ววงสนทนา พัฒนากร คือ ชื่อต าแหน่งของข้าราชการในสังกัดกรมการพัฒนาชุมชนที่ท าหน้าที่ดุจมนุษย์ อเนกประสงค์เพื่อการพัฒนาชุมชน เป็นต าแหน่งงานที่ใกล้ชิดกับชาวบ้านและชุมชนมากที่สุดในบรรดาต าแหน่ง ต่าง ๆ ของบุคลากรกรมการพัฒนาชุมชน “ผมตกปากรับค าเขาเร ียบร้อย...” ผู้ใหญ่สุเทพเว้นวรรคด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ ในล าคออยู่นิดหนึ่งก่อนที่ จะกล่าวต่อว่า
ห น ้ า 9 | 27 “แต่พอถึงเวลาเข้าจร ิง ๆ ผมไม่ไปอบรมเอง แต่ส่งผู้ช่วยผู้ใหญ่ไปแทน แต่พอผู้ช่วยกลับมาแล้วเอารูป ตอนอบรมมาให้ดู เฮ๊ย..มันน่าสนใจ แล้วผมก็ค่อยศึกษาเพิ่มเติมมาเร ื่อย ๆ และก็ได้ หัวหน้าแจ๊คนี่ล่ะที่มาช่วย ดูแลเป็นพี่เลี้ยงให้” เขาเอ่ยถึงพัฒนากรประจ าต าบลของเขาอีกครั้ง “หลังจากอบรมไม่นาน ก็เรม่ิขุดปรับที่ ผมลองย่าขี้วัวดูแล้วนะ ท าตามหลักเขา แต่สภาพดินที่มีหินผุเยอะ ดินก็เก็บน้าไม่อยู่ แล้วเดิมที ที่ดินตรงนี้ก็แล้งจัด ผมเลยใช้วิชาช่างเข้ามาปรับช่วย คือ ปูผ้าใบรองก้นบ่อ และตามแนวคลองไส้ไก่ ที่ผมตัดสินใจปูผ้าใบก็เพราะไม่อยากรอ แล้วก็พรอ้มที่จะจา่ยเพิ่มเองในส่วนนี้” ภาพของการปูผ้าใบจากเอกสารที่เจ้าหน้าที่จังหวัดส่งมาให้คณะเราใช้ประกอบการเลือกพื้นที่ ถอดบทเร ียนเป็นจุดตัดส าคัญในการตัดสินใจที่จะเลือกหร ือไม่เลือกลงพื้นที่นี้เพื่อถอดบทเร ียนความส าเร็จ การด าเนินงาน ผ้าใบท าให้คณะถอดบทเร ียนรู้สึกลังเล แต่สุดท้ายไร่คุณย่าก็ได้รับเลือกจากการตัดสินใจของท่านผู้อ านวยการฯ “ผ้าใบนี่ ผมได้มาในราคาเคร ือข่าย ไม่แพง แต่การปูก็ต้องมีเทคนิคหน่อยนะ จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ประหยัดเงิน และเวลาปูก็จะวัดระดับน้าให้อยู่ในระนาบ 360 องศา เพื่อไม่ให้ผ้าโผล่เกินระดับน้าและต่ากว่าน้า เพราะถ้ามันยาวเกินระดับผิวน้าก็จะพังเร็วเพราะแดด แต่ถ้าสั้นกว่าระดับน้า น้าก็ซึมออกจากบ่อเร็ว การปูผ้าใบ แบบนี้ช่วยให้บ่อผมเก็บน้าได้เลยนะ แล้วต้นไม้จะมีน้าเลี้ยงอยู่ตลอด ไม่ตายง่ายๆ ด้วย” ความกังวล และความสงสัยเร ื่องการปูผ้าใบก้นบ่อของทีมถอดบทเร ียน ค่อย ๆ ถูกคลี่คลายจากเจ้าของ ความคิด การเข้าใจกันและกันสามารถเกิดขึ้นได้จากการฟังเป็นแบบนี้นี่เอง ไม่จ าเป็นต้องใจร้อนร ีบยิงค าถาม เพื่อ “รู้” แต่ฟังไปเร ื่อยอย่างใส่ใจเดี๋ยวก็ได้รู้เมื่อวาระมาถึง “ที่ขอบบ่อ ผมกลบดินทับชายผ้าใบไว้กันแดดเผาด้วย ผ้าจะได้ไม่เปื่อยเร็ว และผมก็ไม่ปลูกแฝกนะครับ แต่ปลูกตะไคร้แทน เพราะปลูกตะไคร้ไม่นานก็เก็บขายได้แล้ว” การที่ผู้ใหญ่สุเทพ ตัดสินใจท าโคก หนอง นา ตามบร ิบท และความต้องการของตัวเองอย่างแท้จร ิงท าให้ เขาบอกเล่าเร ื่องราวต่าง ๆ อย่างภาคภูมิใจ จากพื้นที่ที่เคยแห้งแล้งซ้าซากก็กลับกลายเป็นพื้นที่สีเขียวด้วย การบร ิหารจัดการพื้นที่ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติที่ครูบาอาจารย์ท่านคิดและท ามาก่อน ปลูกป่าห้าระดับ เพื่อใช้ประโยชน์ ท าหลุมขนมครก ขุดคลองไส้ไก่เพื่อบร ิหารจัดการน้า กระจายความชุ่มชื้นไปเลี้ยงพืชที่ปลูก และเลี้ยงดินด้วยการประยุกต์ใช้เศษซากพืช มูลสัตว์ ห่มคลุมหน้าดินเพื่อจุลินทร ีย์ในดินได้เติบโตเป็นประโยชน์ ต่อต้นไม้แล้วดินก็จะท าหน้าที่เลี้ยงป่าห้าระดับ สุดท้ายป่าก็จะเลี้ยงมนุษย์และสัตว์อีกที หลักกสิกรรมธรรมชาติเป็นการบร ิหารจัดการตามวัฏจักรแห่งการพึ่งพาอาศัยกันอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์ของไร่คุณย่าที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนดอกไม้สีฉูดฉาดที่ชวนให้ผู้คนสนใจ และเป็นเคร ื่องยืนยันว่า วิถีเช่นนี้สามารถเปลี่ยนสีน้าตาลแห่งผืนดินให้กลับกลายเป็นหลากสีจากพันธุ์ไม้ได้จร ิง การลงมือท า ด้วยความตั้งใจจนเกิดผลลัพธ์ที่งดงาม ยิ่งช่วยตอกย้าความเชื่อและศรัทธาต่อสิ่งที่ท าลึกลงสู่จติ ใจเพิ่มขึ้น ก่อนที่ผู้ใหญ่สุเทพจะตกลงปลงใจเข้าร่วมโครงการ โคก หนอง นา พช. เขามีเคร ือข่ายแบบหลวม ๆ ร่วมกับกลุ่มเกษตรกร สปก. ในพื้นที่ และเมื่อคนในเคร ือข่าย ได้เข้าร่วมโครงการ โคก หนอง นา พช. ตาม ๆ กัน
ห น ้ า 10 | 27 มาอีก ความสัมพันธข์องเครอืข่ายก็ยิ่งพัฒนาแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้‘หัวหน้าแจ๊ค’ หร ือพัฒนากรประจ าต าบล ก็มีบทบาทส าคัญในการเป็นผู้ประสานให้กลุ่มคนที่มีความสนใจเดียวกันได้ใช้ประโยชน์จากการร่วมเป็นเคร ือข่าย อย่างเต็มที่ จากเดิมที่เคยเป็นเคร ือข่ายกันอย่างหลวม ๆ เมื่อหันหน้าเข้าคุยกันบ่อย ๆ ทั้งเป็นทางการและไม่เป็น ทางการ รวมถึงได้มีโกสารแลกเปลี่ยนเร ียนรู้และช่วยแก้ไขปัญหาให้กันและกันได้ความเหนียวแน่นของเคร ือข่าย ก็ค่อยๆ ถักทอเหนียวแน่นขึ้น เมื่อผู้ใหญ่สุเทพสามารถบร ิหารจัดการน้าในพื้นที่ โคก หนอง นา ของตนเองได้ส าเร็จจากการประยุกต์ใช้ ความรู้ในเชิงช่างที่ตนเองมีก็ได้ถ่ายทอดความรู้จากการปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาให้กับเคร ือข่ายโคก หนอง นา ในพื้นที่อื่น ๆ และในขณะเดียวกันผู้ใหญ่สุเทพก็สามารถพัฒนาไร่คุณย่าสู่การเป็นศูนย์เร ียนรู้ โคก หนอง นา ที่พร้อมบร ิการชุมชนและผู้ที่สนใจ นอกจากการเป็นเคร ือข่ายกันเองในพื้นที่แล้ว เกษตรกรกลุ่มนี้ยังขยับขยายเติมเต็มตนเองและกลุ่ม ด้วยเคร ือข่ายด้านวิชาการจาก มูลนิธิMOA ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลก าไร ที่มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนา คุณภาพชีวิตของประชาชน ด้วยการท าเกษตรธรรมชาติไม่พึ่งพิงสารเคมีด้วยองค์ความรู้ด้านการเกษตรที่ผ่าน การทดลองและวิจัยมาแล้ว และยังมีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครที่เข้าร่วมเป็นภาคีเคร ือข่ายภาควิชาการซึ่งได้ลง พื้นที่รว่มท าวจิัยเกี่ยวกับพืชชนิดต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่การแปรรูปเพื่อเพิ่มช่องทาง การสร้างรายได้ให้กับชุมชน ในเวทีสนทนาครั้งนี้มีหลายจังหวะที่พูดถึงปัญหาและฉันมักจะได้ยินว่าพวกเขาเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วย การหาความรูเ้พิ่มเติมจากแหล่งความรูท้ ี่มีความเชยี่วชาญ หรอืแม้กระทั่งตัวเจา้หน้าที่พัฒนากรประจา ต าบลเอง เมื่อพบปัญหาในการด าเนินโครงการนี้ช่วงแรก ๆ สิ่งที่เขาท า คือ พยายามเติมเต็มความรูท้ ี่จ าเป็นต้องใช้ จากที่ต่าง ๆ นอกเหนือจากความรู้ที่ได้จากระบบราชการ “ผมคิดลาออกอยู่หลายครั้งตอนท าโครงการโคก หนอง นา แรก ๆ ผมแทบไม่รู้อะไรเลย ทั้งการอ่าน แบบขุดพื้นที่ การค านวนคิวดิน เร ื่องระเบียบและกฎหมายต่าง ๆ ปัญหามันเยอะจนท้อ” ‘แล้วด้วยเหตุผลอะไรจึงเปลี่ยนใจ’ “ที่ผมเปลี่ยนใจเพราะลึก ๆ แล้ว ผมเชอื่ว่าสิ่งที่ก าลังท าตามในหลวงนี้เป็นเรอ่ืงดีและท าได้จรงิ” สุดท้าย เขาก็แก้ไขวิกฤตในใจตัวเองได้และจากการท างานที่ผ่านมาสอนให้เขาเร ียนรู้ที่จะเปิดใจยอมรับความล้มเหลว ที่เกิดขึ้นระหว่างทางได้ “ล้มได้ แต่ก็ท าใหม่ได้” เป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ส าคัญของมนุษย์ที่จะยืนหยัดอยู่ได้ท่ามกลางความบีบคั้น และกัดดัน ถ้าหากมีใครสักคนถามว่า ความส าเร็จของพื้นที่นี้วัดได้จากอะไร กรมการพัฒนาชุมชนจะตอบว่า... “ไร่คุณย่า ผ่านเกณฑ์ตัวชี้วัด ร้อยละ 81 ขึ้นไป และถือว่าเป็นต้นแบบศูนย์เร ียนรู้ทั้งในด้านสถานที่ คือ มีพื้นที่โคก หนอง นา ตามรูปแบบที่ก าหนด มีฐานเร ียนรู้ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ มีการน าความรู้ใหม่ เทคโนโลยี หร ือนวัตกรรม มาใช้ในการพัฒนาพื้นที่ มีการจัดสภาพแวดล้อม ภูมิทัศน์ ป้าย และเส้นทางเดิน
ห น ้ า 11 | 27 ที่น่าสนใจและเอื้ออ านวยต่อการเร ียนรู้ ด้านวิทยากร คือ มีครูพาท าประจ าฐานที่มีความสามารถในการถ่ายทอด ความรู้ สามารถจัดท าสื่อการเร ียนรู้ที่เหมาะสมและสร้างเสร ิมการเร ียนรู้ได้จร ิง.......” และเมื่อฉันถามพัฒนากรประจ าต าบลว่าความส าเร็จในพื้นที่นี้เกิดจากอะไร เขาให้ค าตอบฉันสั้น ๆ ว่า “เพราะแก้ปัญหาของชาวบ้านได้ส าเร็จ” หน่วยงานของรัฐจะนั่งอยู่ในใจชาวบ้านได้ก็ด้วยเหตุนี้ ความส าเร็จที่เกิดขึ้นในการด าเนินงานโครงการ การขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา ก็ไม่ได้มาจากการเอาปลามาให้แต่เกิดจากการลงมือท าไปด้วยกันระหว่างรัฐกับชาวบ้าน และชุมชน ในช่วงสุดท้ายของการสนทนาผู้ใหญ่สุเทพได้เอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้พวกผมก าลังขยายผลไปที่กลุ่มเด็ก ๆ ในโรงเร ียน ชวนให้เด็กปลูกผักแบบไม่ใช้สารเคมีพอได้ ผลผลิต เขาจะได้เอาไปให้พ่อแม่ที่บ้านเป็นการช่วยกันขยายผลศาสตร์พระราชาอีกทาง” ความเข้มแข็งของชุมชนที่เกิดจากการระเบิดจากข้างในจะสารมารถช่วยให้ชุมชนเติบโตและยั่งยืน ด้วยตัวของเขาพวกเขาเอง “เราจะออกแบบต าบลด้วยตัวเราเอง โดยใช้หลักเข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา ถ้าเกษตรกรท าผลงาน ให้ภาครัฐเห็นก่อน เดี๋ยวเขาก็จะเข้ามาหาเราเอง เราไม่รอราชการมาช่วยเหลือเรา” เคร ือข่ายเกษตรอดีตทหาร กล่าวด้วยความมุ่งมั่นตบท้าย ฉันเชื่อว่าในประเทศของเรายังมีคนเก่ง และคนแกร่งอีกมากที่พร้อมจะท างานการพัฒนาชุมชน ร่วมไปกับเรา....
ห น ้ า 12 | 27 สรุปผลการถอดบทเร ียนความส าเร็จ การขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา ณ ศูนย์เร ียนรู้ โคก หนอง นา นายปัญญา มะค่าทอง หมู่ที่ 8 บ้านป่า ต าบลทับกวาง อ าเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุร ี ด าเนินการ วันที่ 4 สิงหาคม 2566 -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. ข้อมูลทั่วไปของครัวเร ือน ชื่อ – สกุล นายปัญญา มะค่าทอง ที่อยู่ หมู่ที่ 8 บ้านป่า ต าบลทับกวาง อ าเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุร ี ประเด็นการพัฒนา การขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา ข้อมูลพื้นฐานของครัวเร ือน 1. หลัก 4 ท. (ทัศนะ ทักษะ ทรัพยากร ทางออก) ทัศนะ มีความศรัทธาในหลวง ร.9 และศาสตร์พระราชา/ เห็นประโยชน์ต่อส่วนรวม/ มีทัศนคติที่ดีต่อ การมีเคร ือข่าย / ทักษะ การเร ียนรู้ด้วยตนเอง / ช่างรับเหมา / เกษตรเชิงเดี่ยว ทรัพยากร มีที่ดินเป็นของตนเองจ านวน 23 ไร่/ มีบ่อบาดาล/ มีครอบครัวที่พร้อมสนับสนุนการพัฒนา/ มีทุนทางสังคมจากสมาชิกในครอบครัวและตนเอง เคยได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ทางออก ยึดมั่นในศรัทธา และเดินตามแนวทางตามศาสตร์พระราชาด้วยการพึ่งตนเอง เกื้อกูลชุมชน แสวงหาเคร ือข่าย และเปิดใจเร ียนรู้จากคน/ พื้นที่ความส าเร็จ 2. กระบวนการท างาน จุดเรม่ิต้น นายปัญญา มะค่าทอง เป็นลูกชายของผู้ใหญ่บ้านบ้านป่า หมู่ที่ 8 ต าบลทับกวาง อ าเภอแก่ง คอย จังหวัดสระบุร ี เดิมมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง แต่ด้วยครอบครัวมีที่ดินจ านวนหนึ่งซึ่งแบ่งเช่า เพื่อการท า การเกษตร อีกส่วนขุดหน้าดินขาย ส่วนที่เหลือใช้เป็นพื้นที่ท านา ปลูกมะขาม ปลูกไผ่ และปลูกยูคาลิปตัส หากแต่ พบปัญหาความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ จงึเรม่ิสนใจหาความรูด้ ้านการเกษตรเพิ่มเติมและทดลองใชค้วามรูจ้าก การเร ียนรู้ด้วยตนเอง และจากการเข้ารับการอบรม มาใช้ในที่ดินที่มีอยู่อย่างจร ิงจัง จนได้รับความไว้วางใจ จากครอบครัวให้สามารถน าที่ดินจ านวน 15 ไร่ เข้าโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลัก ทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา ระดับต าบล หร ือ CLM หลังจากได้รับการทาบทามจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ซึ่งเป็นผู้เล็งเห็นโอกาส และศักยภาพของครอบครัวของนายปัญญา ที่จะสามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ และจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของพื้นที่และชุมชนได้ จากกระบวนการการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา เมื่อปี พ.ศ.2563 หลังจากเจ้าของพื้นที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ ณ ส านักงานพัฒนา ชุมชนอ าเภอแก่งคอย ซึ่งรับผิดชอบเขตพื้นที่ซึ่งที่ดินของตนตั้งอยู่ กระบวนการล าดับต่อไป คือ การเข้ารับ การฝึกอบรมเพื่อรับความรู้ และสร้างความเข้าใจร่วมกันในการด าเนินโครงการ ในประเด็นต่าง ๆ ทั้งความรู้เชิง ทฤษฎี และการปฏิบัติเบื้องต้น ที่ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนนครนายก ซึ่งเป็นหน่วยฝึกอบรมกลุ่มเป้าหมาย โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา ระดับต าบล
ห น ้ า 13 | 27 หร ือ CLM เพื่อให้สามารถน าความรู้มาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ตนเองได้ ตั้งแต่การร่วมออกแบบพื้นที่โคก หนอง นา และดูแลการขุดปรับพื้นที่ หลังจากขุดปรับพื้นที่แล้ว จึงเข้าสู่กระบวนการเอามื้อสามัคคีด้วยกระบวนการตามหลักกสิกรรม ธรรมชาติ คือ ปลูกป่า 5 ระดับ ปลูกแฝก ปลูกดอกไม้บร ิหารแมลง ห่มดิน แห้งชามน้าชาม ซึ่งเป็นกระบวนการ พื้นฐานในการด าเนินงาน โดยมีการท างานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต้นเร ื่อง คือ กรมการพัฒนาชุมชน ทั้งระดับ จังหวัด อ าเภอ และหน่วยงานสังกัดส่วนกลาง คือ ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนสระบุร ีเจ้าของแปลง ชุมชน และเคร ือข่ายต่าง ๆ ปัญหาที่พบในพื้นที่ คือ พื้นที่เป็นดินทรายขี้เป็ด มีน้าท่วมถึง แต่ดินเก็บน้าไม่อยู่ หลังจากขุดหลุมขนม ครก จ านวน 4 บ่อ พบว่าขุดเจอน้าใต้ดิน จ านวน 3 บ่อ แต่เป็นลักษณะเพียงน้าซึม ๆ ช่วยให้ก้นบ่อไม่แห้ง แต่ไม่สามารถเก็บน้าได้นาน และมี 1 บ่อที่ขุดไม่เจอตาน้า จึงมีการประยุกต์ใช้โซล่าเซลล์เพื่อน าน้าจากบ่อบาดาล มาเติมในหลุมขนมครกบางจุดที่เลี้ยงปลา นอกจากนี้การปลูกป่า 5 ระดับ และการห่มดินในพื้นที่แทนการปลูก ยูคาลิปตัส ช่วยท าให้พื้นดินมีความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีไม้ซึ่งมีประโยชน์และสามารถบรโิภคได้ ซึ่งชาวบ้านในชุมชนสามารถเข้ามาเก็บพืชผักตามฤดูกาลไปบร ิโภค อีกทั้งยังเป็นพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชนในระแวก ใกล้เคียง ซึ่งล้อมรอบด้วยโรงงานมาพักผ่อนหลบฝุ่น และความร้อน 3. เคร ือข่าย(กลไก 3 5 7) เคร ือข่าย 3 ระดับ ได้แก่ เคร ือข่าย โคก หนอง นา พัฒนาชุมชนระดับอ าเภอและจังหวัด เคร ือข่าย ผู้น าจิตอาสา เคร ือข่ายก านันผู้ใหญ่บ้านอ าเภอแก่งคอย เคร ือข่ายภาคเอกชนในพื้นที่ ได้แก่ โรงงานปูนซีเมนต์ ตรานก กองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมืองแร่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านป่าไผ่เหนือ โดยแต่ละเคร ือข่ายมีที่มา ทั้งจากการด าเนินกิจกรรมในแปลงศูนย์เร ียนรู้ โคก หนอง นา การประสานเคร ือข่ายผ่านผู้น าชุมชน และข้าราชการในพื้นที่เช่น พัฒนาการอ าเภอ พัฒนากร 5 กลไกการมีส่วนร่วม มีการด าเนินงานร่วมกับส านักงานพัฒนาชุมชนอ าเภอแก่งคอย 7 ภาคีเคร ือข่าย มีการประสานงานและด าเนินกิจกรรมร่วมกันในแปลงพื้นที่ ศูนย์เร ียนรู้ฯ ทั้งภาคเอกชนได้มีการสนับสนุนอุปกรณ์การด าเนินงานฐานเร ียนรู้เช่นเคร ื่องเสียง ภาควิชาการกรมการพัฒนา ชุมชนสนับสนุนการสร้างเคร ือข่ายการจัดการความรู้ผ่านกิจกรรมชุมชนนักปฏิบัติ ภาคประชาสังคม สนับสนุน องค์ความรู้ด้านกสิกรรมธรรมชาติผ่านเคร ือข่ายกสิกรรมธรรมชาติสวนล้อมศร ีร ินทร์ 4. เทคนิค/เคล็ดลับ 4.1 พัฒนาด้านเคร ือข่าย เปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนสามารถมาท ากิจกรรมที่มีส่วนสนับสนุน และ เกื้อกูลการท างานระหว่างกันและกัน ซึ่งเป็นการสร้างเคร ือข่ายด้วยการมีสัมพันธ์ที่ดี 4.2 พัฒนาพื้นที่ แม้จะมีแรงงานในการบร ิหารจัดการพื้นที่น้อย แต่เปิดรับกิจกรรมเอามื้อสามัคคี และกิจกรรมการปลูกต้นไม้จากหน่วยงานต่าง ๆ ช่วยให้สามารถเติมเต็มพื้นที่สีเขียวให้เพิ่มมากขึ้น ส่วนตัว เจ้าของแปลงรับผิดชอบในการบร ิหารจัดการน้าเพื่อเลี้ยงต้นไม้ที่ปลูก 4.3 การสร้างเคร ือข่ายอย่างสม่าเสมอ มีส่วนช่วยในการสนับสนุกการด าเนินงานด้านต่าง ๆ แรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนศูนย์เร ียนรู้ โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน 1. แรงศรัทธาในองค์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ห น ้ า 14 | 27 2. แรงบันดาลใจจากการศึกษาดูงานในพื้นที่ความส าเร็จต่าง ๆ เช่น ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งก่อให้เกิด แรงบันดาลใจในการพัฒนาพื้นที่ซึ่งเคยเป็นที่รกร้าง ป่ายูคาลิปตัส ให้เป็นพื้นที่สีเขียวที่มีความชุ่มชื้นและ อุดมสมบูรณ์ 3.แรงบันดาลใจจากการศึกษาดูงานศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง ในเร ื่องของการท าเกษตรแบบ ไม่ใช้สารเคมี ปัจจัยแห่งความส าเร็จ ความรู้ ทักษะ ทัศนคติ มีศีลธรรม 1. ความรู้ตามหลัก กสิกรรมธรรมชาติ 2. หลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง 3. การบร ิหารจัดการ 1. การคิดเชิงระบบ การ วางแผนก่อนลงมือปฏิบัติ 2. การเป็นผู้น า 3. ทักษะการจัดการความรู้ ในตนเอง 3. การท างานร่วมกับผู้อื่น 1.เห็นประโยชน์ของ ส่วนรวม และชุมชน 2.ให้คุณค่ากับการมี เพื่อนและเคร ือข่าย 3. ความเห็นอกเห็น ใจผู้อื่น - มีความเสียสละ ประโยชน์ส่วนตนเพื่อ ประโยชน์ส่วนรวม วางแผนพัฒนาต่อยอด 1. ปรับปรุงพื้นที่ให้มีความชุ่มชื้นมากขึ้น และเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพราะตระหนักในความส าคัญของ สิ่งแวดล้อม ด้วยพื้นที่ศูนย์เร ียนรู้โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน แห่งนี้เป็นพื้นที่โคก หนอง นาซึ่งตั้งอยู่ในชุมชน ที่แวดล้อมด้วยโรงงานขนาดใหญ่ 2. พัฒนาพื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน เช่น การพัฒนาพื้นที่ในเชิงธุรกิจ เพิ่มเติม การจดัตั้งกลุ่มเครอืข่ายวสิาหกิจชุมชนผู้ปลูกข้าวโพด พรอ้มทั้งสนับสนุนองค์ความรูเ้รอ่ืงการบรหิาร จัดการน้า และการปลูกข้าวโพดหวานแบบใช้น้าน้อย ปัจจัยเสร ิม 1. ผู้น าชุมชนที่มีความเข้มแข็ง มีจิตอาสา มีใจบร ิการและเห็นประโยชน์ของส่วนรวม จะท าหน้าที่เป็น ผู้สนับสนุนให้การด าเนินงานมีความต่อเนื่องและประสบความส าเร็จ 2. ส านักงานพัฒนาชุมชนอ าเภอ สนับสนุนการใช้พื้นที่อย่างต่อเนื่อง สม่าเสมอ และมีความเชี่ยวชาญ ในการบูรณาการงานร่วมกับทั้งภาคเอกชน และราชการในหน่วยงานอื่น ๆ พร้อมทั้งสามารถเป็น พี่เลี้ยง เป็นเพื่อน และมีเป้าหมายร่วมกันกับเจ้าของศูนย์เร ียนรู้โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน 3. กลุ่มองค์กรจากภาคเอกชน ให้การสนับสนุนการพัฒนาในส่วนที่ราชการมีจ ากัด
ห น ้ า 15 | 27 ภาพการด าเนินกิจกรรม
ห น ้ า 16 | 27
ห น ้ า 17 | 27 การปรับปรุงบ ารุงดิน
ห น ้ า 18 | 27 อาหารก่อก าเนิดเกิดจากดิน
ห น ้ า 19 | 27 สรุปผลการถอดบทเร ียนความส าเร็จ การขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา ณ ศูนย์เร ียนรู้โคก หนอง นา นางกัลยา รอดคง หมู่ที่ 5 บ้านซับน้าหวาน ต าบลเกาะรัง อ าเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุร ี วันที่ 8 สิงหาคม 2566 -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. ข้อมูลทั่วไปของครัวเร ือน ชื่อ – สกุล นางกัลยา รอดคง (เจ้าของแปลง) นายสุเทพ วงษ์ช่วย (ผู้ขับเคลื่อนหลัก) ที่อยู่ หมู่ที่ 5 บ้านซับน้าหวาน ต าบลเกาะรัง อ าเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุร ี ประเด็นการพัฒนา การขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา ข้อมูลพื้นฐานของครัวเร ือน (ผู้ให้ข้อมูล/เล่าเร ื่อง ครัวเร ือน นายสุเทพ วงศ์ช่วย) 1. หลัก 4 ท. (ทัศนะ ทักษะ ทรัพยากร ทางออก) ทัศนะ มีความศรัทธาในหลวง ร.9 และศาสตร์พระราชา/ ใฝ่รู้/ มีทัศนคติที่ดีต่อการมีเคร ือข่าย ทักษะ การเร ียนรู้ด้วยตนเอง/ ช่างรับเหมา/ เกษตรเชิงเดี่ยว/ การสื่อสาร/ ความรู้ด้านการใช้ผ้าใบ ในการปรับปรุงพัฒนาการเกษตร/ การใช้พลังงานทดแทน (โซล่าเซลล์) ทรัพยากร มีที่ดิน/ มีครอบครัวที่พร้อมสนับสนุนการพัฒนา/ มีทุนทางสังคมจากการเป็นผู้ใหญ่บ้าน/ มีงบประมาณส่วนตัว ทางออก ยึดมั่นในศรัทธา และเดินตามแนวทางศาสตร์พระราชาด้วยการพึ่งตนเอง เกื้อกูลชุมชน แสวงหาเคร ือข่าย 2. กระบวนการท างาน จุดเรม่ิต้น เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน (พัฒนากรประจ าต าบล) ชวนให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ การพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา ระดับครวัเรอืน โดยกิจกรรมแรกเมื่อเรม่ิ ด าเนินการ คือ การส่งตัวแทนเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ที่ศูนย์เร ียนรู้ศาสตร์พระราชา คืนป่าสัก ซึ่งเป็นจุดเร ียนรู้หนึ่งของโครงการฯ และเมื่อได้รับการถ่ายทอดเร ื่องราวในการฝึกอบรมจากตัวแทน พร้อมทั้งได้เห็นรูปภาพบรรยากาศในการฝึกอบรม จึงเกิดความสนใจอยากรู้รายละเอียดมากขึ้น จึงไปขอข้อมูล เพิ่มเติมจากพัฒนากร พื้นที่ด าเนินการเป็นพื้นที่ สปก. ที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น มันส าปะหลัง ข้าวโพด แต่ไม่ปลูกอ้อย เพราะความชื้นตามบร ิบทไม่เหมาะสม และเดิมมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง และเลี้ยงวัวแบบธุรกิจ ในช่วงขุดปรับพื้นที่ ได้รับความช่วยเหลือจากพัฒนากรประจ าต าบลมาช่วยดูแลสนับสนุนการท างาน เมื่อขุดปรับพื้นที่แล้วได้ทดลองเก็บกักน้าแต่ผลปรากฎว่าพื้นที่ขุดไม่สามารถเก็บน้าได้ จึงเลือกที่จะใช้ผ้าใบปูรอง ก้นหลุมขนมครกและตามแนวคลองไส้ไก่ โดยใช้งบประมาณส่วนตัว โดยใช้ผ้าใบจากเคร ือข่ายซึ่งเป็นต้นน้า ในธุรกิจผ้าใบจึงได้วัสดุมาในราคาถูกกว่าท้องตลาด การปูผ้าใบได้ประยุกต์ใช้ความรู้จากงานรับเหมาก่อสร้าง มาสนับสนุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ จับระนาบปากบ่อให้อยู่ในระดับ 360 องศา เพื่อป้องกันผ้าใบ โดนน้าโดยตรง และใช้ดินกลบคลุมผ้าใบในส่วนที่อยู่ขอบบ่อ พร้อมทั้งปลูกตะไคร้เพื่อยึดหน้าดิน โดยสาเหตุ
ห น ้ า 20 | 27 ที่เลือกปลูกตะไคร้เนื่องจากสามารถสร้างรายได้ในระหว่างที่รอผลผลิตอื่น ๆ ใน แปลงโคก หนอง นา โคก หนอง นา แห่งนี้ เลือกที่จะไม่ย่าขี้วัวยาก้นบ่อเพราะไม่อยากรอเวลา และมีความพร้อมในเร ื่องทุน การด าเนินงานเพิ่มเติม หากแต่ยังคงด าเนินการโดยยึดหลักการประยุกต์ใช้เกษตรทฤษฎีใหม่และหลักกสิกรรม ธรรมชาติเป็นแนวการด าเนินงาน และจากเหตุผลดังกล่าวท าให้พืชที่ปลูกในพื้นที่ 1 ไร่มีความสมบูรณ์ชุ่มชื้น และมีความพร้อมในการขยายผลสู่ชุมชนรอบข้างได้อย่างรวดเร็ว หลังจากขุดปรับพื้นที่แล้ว จึงเข้าสู่กระบวนการเอามื้อสามัคคี ด้วยกระบวนการตามหลักกสิกรรม ธรรมชาติ คือ ปลูกป่า 5 ระดับ ปลูกตะไคร้แทนการปลูกแฝก ปลูกดอกไม้บร ิหารแมลง ห่มดิน แห้งชาม น้าชาม ซึ่งเป็นกระบวนการพื้นฐานของการด าเนินงาน โคก หนอง นา พร้อมทั้งเลี้ยงปลาในหลุมขนมครก ซึ่งสามารถ น ามาบร ิโภคได้ พร้อมด าเนินงานฐานเร ียนรู้ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติและเป็นพื้นที่ซึ่งมีความพร้อม ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ นอกจากการด าเนินงานในพื้นที่หนึ่งไร่แล้ว ยังขยายผลสู่ลูกบ้าน และเกิดการสร้างเคร ือข่ายธรรมชาติ จากการด าเนินกิจกรรมแล้วเกิดผลซึ่งเป็นรูปธรรม และจากการสนับสนุนของเจ้าหน้าพัฒนาชุมชนทั้งในระดับ จังหวัดและอ าเภอเพื่อขยายผลต่อยอด ซึ่งการด าเนินงานในครั้งนี้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องส าคัญที่ช่วยสนับสนุนให้เกิด ผลส าเร็จคือ เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนในพื้นที่ เช่น พัฒนากรซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะตัว และมีความเชื่อความศรัทธา ในศาสตร์พระราชาอย่างแท้จร ิงจนเกิดการระเบิดจากข้างในด้วยความมั่นใจว่าโครงการนี้มีประโยชน์จร ิงต่อชุมชน และมีความเป็นไปได้แม้จะมีอุปสรรคในการด าเนินงาน เคร ือข่ายต่าง ๆ ที่รวมตัวกันกับเจ้าของแปลง โคก หนอง นาแห่งนี้ ต่างด าเนินงานตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง มีความสนใจในเร ื่องเดียวกัน คือ การเกษตร และมีความศรัทธาในศาสตร์พระราชา พร้อมทั้ง มีคุณสมบัติใฝ่เร ียนรู้ และพร้อมที่จะลงมือท าซ้า ๆ จนเกิดผลจร ิงจนเกิดความรู้สึกอยากถ่ายทอดความรู้ ให้กับผู้อื่นได้เดินทางร่วมกัน 3. เคร ือข่าย (กลไก 3 5 7) เคร ือข่าย 3 ระดับ เคร ือข่าย โคก หนอง นา พัฒนาชุมชนระดับอ าเภอ ระดับจังหวัด เคร ือข่าย เกษตรกร เคร ือข่ายวิชาการได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร หน่วยงานกอ.รมน. มูลนิธิ MOA อบต.เกาะรัง กลไกการมีส่วนร่วม มีการบูรณาขับเคลื่อนงานร่วมกับด าเนินงานร่วมกับส านักงานพัฒนาชุมชน อ าเภอแก่งคอย อบต.เกาะรัง ต่อยอดผลผลิตด้วยการท าวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร ประสาน เคร ือข่าย การเร ียนรู้ร่วมกับมูลนิธิ MOA และกอ.รมน. กลไกการขับเคลื่อน มีการประสานเคร ือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน ศาสนา ด้านวิชาการได้รับการสนับสนุน จากมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานกอ.รมน. และขยายผลสู่การให้ความรู้ ด้านการท าเกษตรแบบไม่ใช้สารเคมีกับเด็ก ๆ ในโรงเร ียน ด้วยแนวคิดว่า เด็ก ๆ จะสามารถน าความรู้ และประสบการณ์ที่เกิดจร ิงไปเล่าให้คนในครอบครัวฟัง และหวังว่าครอบครัวจะรับฟังแล้วค่อย ๆ ปรับเปลี่ยน ความคิด และวิถีเกษตรแบบเดิมสู่การท าเกษตรแบบไม่พึ่งพาสารเคมี ตระหนักในการพึ่งตนเองมากขึ้น
ห น ้ า 21 | 27 4. เทคนิค/เคล็ดลับ เจ้าของแปลง โคก หนอง นา 1. พัฒนาด้านเคร ือข่าย ด้วยการประสานเคร ือข่ายที่มีแนวคิดและทัศนคติไปในทางเดียวกันเป็นกลุ่ม หลักในการท างานไปพร้อม ๆ กัน และใช้ความถนัดที่แตกต่างของเคร ือข่ายเข้ามาช่วยเติมเต็มช่วยเหลือซึ่งกัน และกัน ไม่แข่งขันกันเองแต่สนับสนุนเกื้อกูล 2. ความกล้าประยุกต์ใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีมาบูรณาการร่วมกับหลักกสิกรรม ธรรมชาติ ซึ่งท าให้เห็นผลด้านกายภาพรวดเร็วซึ่งเป็นจุดดึงดูดความน่าสนใจ และเป็นแบบอย่างส าหรับ ผู้ที่พร้อมลงทุนในการบร ิหารจัดการน้าในพื้นที่ 3. การท างานเป็นทีมร่วมกันในกลุ่มเคร ือข่ายที่มีเป้าหมายและเชื่อในเร ื่องเดียวกัน เคร ือข่าย โคก หนอง นา/เจ้าหน้าที่/พัฒนากร 1. ร่วมกิจกรรมสม่าเสมอจนเกิดความสัมพันธ์ที่ดี 2. พัฒนาตนเองด้วยการพัฒนาความรู้และเข้าถึงความรู้ซึ่งเป็นวิชาการจากสถาบันการศึกษา 3. เห็นคุณค่าของการมีเคร ือข่าย และมีความเข้าใจในการบร ิหารเคร ือข่าย 4. เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของชุมชน 5. มีความใฝ่รู้ในเร ื่องราวที่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่พบในชุมชน หร ือภารกิจของตนในชุมชน 6. มีต้นแบบในการท างานการพัฒนา คือ ในหลวงรัชกาลที่ 9 และศึกษาศาสตร์พระราชาอย่างจร ิงจัง ในเร ื่องเหตุของความส าเร็จในการท าโครงการพระราชด าร ิต่าง ๆ สืบค้นความเชื่อมโยงของเคร ือข่ายราชการ ที่แวดล้อมอยู่ในโครงการพระราชด าร ิ 7. มีการประยุกต์ใช้ความรู้ และเคร ือข่ายส่วนตัวมาสนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ การพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา แรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนศูนย์เร ียนรู้ โคก หนอง นา พัฒนาชุมชน 1. แรงศรัทธาในองค์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 2. แรงบันดาลใจจากการท าแล้วเห็นผลความส าเร็จจนเกิดการระเบิดจากข้างในอย่างแท้จร ิง
ห น ้ า 22 | 27 ปัจจัยแห่งความส าเร็จ ความรู้ ทักษะ ทัศนคติ มีศีลธรรม 1. ความรู้ตามหลัก กสิกรรมธรรมชาติ 2. หลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง 3. การบร ิหารจัดการ 1. ความเป็นผู้น า 2. ทักษะการจัดการความรู้ใน ตนเอง 3. ทักษะการสื่อสาร 4. ทักษะในการบร ิหารจัดการ 1.ยึดหลัก เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา 2.ไม่รอความช่วยเหลือ แต่ท าให้ภาครัฐเห็น ศักยภาพก่อน - มีความเสียสละ ประโยชน์ส่วนตนเพื่อ ประโยชน์ส่วนรวม วางแผนพัฒนาต่อยอด 1. พัฒนาความสามารถในการถอดบทเร ียนเพื่อพัฒนาตนเองและเคร ือข่าย พร้อมทั้งสามารถส่งต่อ ความรู้ให้กับผู้อื่น 2. พัฒนาต่อยอดผลผลิตเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนสู่การพึ่งตนเองได้อย่างแท้จร ิงของชุมชน ด้วยความรู้จากเคร ือข่ายวิชาการ ราชการ โดยพื้นที่พร้อมจะเร ียนรู้ ปฏิบัติและขยายผล ปัจจัยเสร ิม 1. การรวบรวมเคร ือข่ายที่เกื้อหนุนกันในหลาย ๆ ด้าน หลาย ๆ มิติความรู้ 2. การสนับสนุนการท างานจากส านักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ส านักงานพัฒนาชุมชนอ าเภอ 3. ประสบการณ์ของพัฒนากรประจ าต าบลที่อยู่ในพื้นที่มานาน มีเคร ือข่ายในชุมชน และสามารถ ประสานการท างานร่วมกับหลายภาคี ได้รับความเชื่อถือศรัทธาและไว้วางใจจากชาวบ้าน มีศรัทธาร่วมกับ เคร ือข่าย คือ เดินตามรอยในหลวงรัชการที่ 9 และท างานด้วยความเชื่อมั่นในศาสตร์พระราชาว่าพัฒนาคุณภาพ ชีวิตของชาวบ้านได้จร ิง และหากงานเกิดความล้มเหลวก็สามารถยอมรับได้แต่ก็พร้อมที่จะท าใหม่ได้ 4. ประสบการณ์ ความรู้จาก และเคร ือข่ายของเคร ือข่าย สามารถน าใช้เกื้อหนุนเพื่อขับเคลื่อนงาน ที่ก่อประโยชน์ร่วมกันของส่วนรวม 5. ผู้น าในกลุ่มเครอืข่ายมีทัศนคติที่ดีเมื่อมีปัญหา คือ เมื่อมีปัญหา ก็ว่งิหาความรู้และผู้รู้ 6. เคร ือข่ายที่เข้มแข็งจากการมีความเชื่อและศรัทธาในหลวงร.9 และลงมือปฏิบัติจนเกิดผลส าเร็จ แล้ว ช่วยเสร ิมพลังบวกในการท างานด้วยกัน 7. mindset ในการเป็นผู้ให้ในกลุ่มเคร ือข่าย และพร้อมขยายผลจากความเชื่อด้วยแรงระเบิดจากข้างใน 8. การประสานเคร ือข่ายจากภายนอกช่วยส่งเสร ิมการขยายผลในชุมชน
ห น ้ า 23 | 27 ภาพการด าเนินกิจกรรม
ห น ้ า 24 | 27
ห น ้ า 25 | 27 โคก หนอง นา กล้า ประยุกต์
ห น ้ า 26 | 27
ห น ้ า 27 | 27