The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Siriwimol Lapom, 2022-08-10 05:58:51

历史历史景点 。

历史历史景点 。

Happiness Chinese Classroom 蔡老师

by Nan Laoshi

Phuwiengwittayakhom School

วิชาประวัติศาสตร์ 蔡老师

ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
蔡老师ครูผู้สอน ศิริวิมล หล้าป้อม (
)

蔡老师

历史景点

故宫 蔡老师

长城

蔡老师

天安门 古武当山

蔡老师

天坛 张家界

故宫
蔡老师
Gùgōng
พระราชวังต้องห้าม

故宫พระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) หรือ กู้กง ( ) เป็นพระราชวังเก่าแก่ที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์จีนมายาวนานหลายร้อยปี รวมถึง

มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศจีนด้วย เริ่มต้นที่ จักรพรรดิหย่งเล่อ (Yongle Emperor) จักรพรรดิองค์ที่ 3
ของราชวงศ์หมิง (Ming Dynasty 1368 - 1644) ต้องการย้ายเมืองหลวงจาก หนานจิง (Nanjing) มายัง ปักกิ่ง (Beijing) จึงได้มีการสร้าง
พระราชวังแห่งนี้ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1406 ก่อนจะแล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1420 และได้กลายเป็นที่ประทับของจักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์แห่ง
ราชวงศ์หมิง ตลอดไปจนถึงราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty 1644 - 1912)

จนกระทั่งปี ค.ศ. 1911 ก็จะได้มีการปฏิวัติครั้งใหญ่ และเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองขึ้นทำให้พระราชวังแห่งนี้กลายเป็นสถานที่จองจำ
ของ จักรพรรดิผู่อี๋ (Puyi) จักรพรรดิองค์ที่ 11 และองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิงจนกระทั่งถูกเนรเทศออกไปเมื่อปี ค.ศ. 1924 ถือเป็นการปิดฉาก
ราชวงศ์ชิงโดยสมบูรณ์ ต่อมาในปี ค.ศ. 1925 พระราชวังต้องห้ามก็ได้เปลี่ยนจากสถานที่ประทับของจักรพรรดิมาเป็น พิพิธภัณฑ์กู้กงแห่งชาติ
(Palace Museum) ที่จัดแสดงสัมบัติล้ำค่าของประเทศจีน แต่ด้วยภาวะสงคราม และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้สมบัติ
ในพระรางวังได้รับความเสียหายไปหลายส่วน ในปี ค.ศ. 1961 พระราชวังต้องห้ามจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกทางวัฒนธรรม เพื่ออยู่ภาย
ใต้การคุ้มครองของรัฐบาลจีน ก่อนจะได้ขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก (UNESCO World Hertiage Site) เมื่อปี ค.ศ. 1987

长城 蔡老师

Chángchéng

กำแพงเมืองจีน

กำแพงเมืองจีน นั้นมีความสำคัญในเชิงจุดยุทธศาสตร์สำคัญในสมัยราชวงศ์ฉิน เพื่อป้องกันการบุกรุกจากชาวฮั่น หรือชนเผ่าเร่ร่อน
บนหลังม้าในสมัยนั้น ซึ่งจะคอยมารุกรานชาวจีนตามแนวชายแดนอยู่เนืองๆ และเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวจีนในยุคนั้นมาก ซึ่งกำแพงนี้ก็ได้
เริ่มสร้างกันมาตั้งแต่ก่อนสมัยของ จิ๋นซีฮ่องเต้ แล้ว โดยก๊ก หรือแคว้นที่อยู่ตามแนวชายแดนต่างสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตนเองกลุ่มชนเผ่า
เร่ร่อนจากทางเหนือนั้น แม้จะมีจำนวนประชากรน้อยกว่าชาวจีนอยู่มาก แต่เมื่อพวกเขาอยู่บนหลังม้า ใช้อาวุธธนูได้อย่างคล่องแคล่ว
แม่นยำ อีกทั้งกลุ่มชาวเหนือนี้ยังมีความอดทนสูงต่อสภาพแวดล้อมอันเลวร้าย จึงนับเป็นภัยคุกคามทางการทหารอย่างร้ายแรง

กระทั่งจิ๋นซีฮ่องเต้ (หรือ ฉินซื่อหวงตี้) ได้ปฏิบัติการรวมประเทศแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในช่วง 221 ปีก่อนคริสตกาล และเริ่มโครงการ
สร้างป้อม และแนวกำแพงของแคว้นต่างๆ เชื่อมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นกำแพงยาวหนึ่งเดียวในที่สุด นับเป็นช่วงเฟสแรกของกำแพงก็ว่า
ได้ มีระยะทางรวมประมาณ 5,000 กิโลเมตร

"ตำนานกล่าวว่า กำแพงเมืองจีนนั้นสร้างโดยมีต้นแบบจากมังกร สัตว์ศักดิ์สิทธิ์อันทรงอำนาจมากที่สุด มีพลังปกป้องคุ้มครองเขต
ของตนเอง"

天安门 蔡老师

Tiān'ānmén

จัตุรัสเทียนอันเหมิน

จัตุรัสเทียนอันเหมิน (Tian an Men or Gate of Heavenly Peace) ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดใน
โลก มีเนื้อที่ 2.5 ตารางกิโลเมตร หรือ 275 ไร่ สามารถบรรจุคนได้ถึง 2 ล้านคน จัตุรัสแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง
(เมื่อปีค.ศ. 1417) เดิมมีชื่อว่าเดิมว่า “เฉิงเทียนเหมิน” ต่อมาในปีค.ศ. 1651 ซึ่งเป็นสมัยจักรพรรดิซุ่นจื้อแห่งราชวงศ์ชิง
มีการบูรณะซ่อมแซมใหม่และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “เทียนอันเหมิน” มาถึงปัจจุบัน

จัตุรัสเทียนอันเหมินเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีน เป็นส่วนหนึ่งของตราแผ่นดินจีน เหตุการณ์ใหญ่ๆทางการเมือง
เกิดขึ้นที่นี่ อาทิ การเคลื่อนไหวของนักศึกษา 4 พฤษภาคม ค.ศ. 1919 การเดินขบวนรักชาติ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1935 การ
ประกาศปฏิรูปสาธารณรัฐประชาชนจีน 1 ตุลาคม ค.ศ. 1949 การจัดงานระลึกถึงโจวเอินไหล 5 มิถุนายน ค.ศ. 1977
และกรณีการเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยของนักศึกษา ในปีค.ศ. 1989 ซึ่งเกิดการปะทะกับกองทหารจนนองเลือด
กลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกและรอยตำหนิของประวัติศาสตร์จีน

古武当山
蔡老师
Gǔ wǔdāng shān

อุทยานเขาบู๊ตึ๊งโบราณ

เขาอู่ตังซาน (เขาบู๊ตึ้ง) มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน "บู๊ตึ๊ง" ภาษาจีนกลางเรียก "อู่ตังซาน" หรือ "เขาอู่ตัง" เป็นเทือกเขาที่มี
ความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะจุดต้นกำเนิดของปรัชญาคำสอนของ "ลัทธิเต๋า" มีเรื่องเล่าสืบมาว่า "ปรมาจารย์เจินอู่" หรือ
"เสวียนอู่" ได้มาบำเพ็ญตบะจนกระทั่งสำเร็จเป็นเซียนหรือเทพบนยอดเขาแห่งนี้ เขาบู๊ตึ๊งจึงได้กลายมาเป็นแหล่งศึกษาวิชา
ความรู้ต่างๆ ของนักพรตลัทธิเต๋ามาหลายยุคหลายสมัย และยังเป็นที่กำเนิดของวิชากังฟูฉบับบู๊ตึ๊งอีกด้วย จนปัจจุบัน บนเขา
อู่ตังยังเป็นสำนักเรียนของลัทธิเต๋า ยังมีนักพรตผู้ฝึกตนและผู้สนใจเข้ามาหาความรู้อยู่ไม่ขาดสาย ทั้งความรู้เชิงปรัชญาของ
ลัทธิเต๋าและเรียนวิชากังฟูควบคู่กันไป

• เขาบู๊ตึ๊ง เป็นสถานที่ที่รวมสิ่งก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมจีนหลายยุคหลายสมัยเข้าด้วยกัน ตั้งแต่ราชวงศ์ถัง
ราชวงศ์ซ่ง ราชวงศ์หยวน เรื่อยมากระทั่งราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิง รวมกันนับได้กว่าพันปี

• เขาบู๊ตึ๊ง ได้ลงทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ "หมู่ตึกโบราณสถานบนเทือกเขาอู่ตังซาน" ในการประชุมคณะกรรมการ
มรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 18 เมื่อปี พ.ศ. 2537

天坛 蔡老师

Tiāntán

หอสักการะฟ้าเทียนถาน

หอสักการะฟ้าเทียนถาน (Temple of Heaven) ตั้งอยู่ ณ เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน เป็นสถานที่อันโด่งดังที่นักท่อง
เที่ยวจะต้องไปเยือนเมื่อไปถึงปักกิ่ง อดีตเคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีบวงสรวงต่อสวรรค์ตามความเชื่อของจีนโบราณ
มีเนื้อที่ทั้งหมด 2.7 ล้าน ตร.ม. ตั้งอยู่ในเขตอุทยานห่างจาก พระราชวังต้องห้าม ประมาณ 3 กม. ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่
“ตำหนักฉีเหนียนเตี้ยน” เป็นอาคารไม้สำคัญใช้ประกอบพิธีบวงสรวง สูง 3 ชั้น ทรงกลม หลังคามุงกระเบื้องสีน้ำเงินเป็น
สัญลักษณ์ของท้องฟ้า มีเสารองรับน้ำหนักรวม 28 ต้น ประกอบด้วยเสาหลักขนาดใหญ่ 4 ต้น แทนสัญลักษณ์ของฤดูกาล
ทั้ง 4 เสาวงกลางมี 12 ต้น แทนความหมายของปีมี 12 เดือน เสาวงนอกสุดมี 12 ต้น แทนความหมายของ 12 ยามใน 1 วัน
ตามการนับแบบจีนโบราณ เป็นอาคารก่อสร้างทรงกระบอกสูง 40 เมตร โดยไม่มีการใช้ตะปูในการก่อสร้างแม้แต่ตัวเดียว
และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2541 ในฐานะของสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมการวางผัง
และด้านวัฒนธรรม

张家界
蔡老师
Zhāngjiājiè
อุทยานจางเจียเจี้ย

จางเจียเจี้ย เป็นเมืองหนึ่งที่อยู่ในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน ในเมืองนี้มี อู่หลิงหยวน ซึ่งถูกจัดเป็นหนึ่งในมรดกโลก
โดยยูเนสโก จางเจียเจี้ย เคยถูกเรียกว่า ต้ายง ซึ่งมีประวัติยาวนานตั้งแต่ 221 ปีก่อนประวัติศาสตร์ โดยชื่อจางเจียเจี้ย ถูก
นำมาใช้เมื่อปีพ.ศ. 2537 หลังจากที่อุทยานแห่งชาติในอู่หลิงหยวน ถูกยกให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกเมื่อปีพ.ศ. 2535 เพื่อ
ให้มีความโดดเด่นมากขึ้น ชื่อจางเจียเจี้ยนั้นมีที่มาจากหมู่บ้านเล็กๆในเขตเดียวกัน ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว

张ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งสามตัวอักษรของชื่อจางเจียเจี้ย สามารถตีความได้ดังนี้ "จาง" ( ) เป็นนามสกุลทั่วไปใน
家 界ประเทศจีน "เจีย" ( ) แปลได้ว่า "ครอบครัว" และ "เจี้ย" ( ) แปลว่า "บ้านเกิด" โดยแปลได้ว่า "บ้านเกิดของครอบครัว

จาง" ชื่อนี้มีความเกี่ยวข้องกับนายพลฮั่น จางเลี่ยง ซึ่งได้ย้ายมาอยู่ในพื้นที่นี้หลังจาก หลิวปัง จักรพรรดิ์ฮั่น ได้เริ่มสังหาร
ผู้ช่วยและนายพล ซึ่งช่วยให้เขาได้ขึ้นครองบัลลังก์ เมืองนี้จึงถูกตั้งชื่อตามตระกูลจางซึ่งมาตั้งรกรากที่นี้

有志者自有千计万计,无志者只感千难万难。


Yǒuzhìzhězìyǒuqiānjìwànjì,


wúzhìzhězhǐgǎnqiānnánwànnán.


ผู้มีความมุ่งมั่นจะมีแผนนั บร้อยนั บพัน,



ผู้ขาดความมุ่งมั่นกลับรู้สึ กถึงความลำบากนั บร้อยนั บพัน


再见!

蔡老师


Click to View FlipBook Version