Man-day 2 : วนั ที่ 4 มนี าคม 2564
Man-day 3 : วนั ที่ 21 มิถนุ ายน 2564
Man-day 4 : วนั ที่ 22 มิถนุ ายน 2564
Man-day 5 : วนั ที่ 4 กรกฎาคม 2564
ภาคผนวก ข: ทฤษฎีที่เกยี่ วขอ้ ง (ถา้ ม)ี
กำรประยุกต์ใช้ ทฤษฎีห่วงโซค่ ณุ คำ่ (Value Chain) ทพ่ี ัฒนำโดย Porter (1985)
กำรจัดกำรกระบวนกำรเป็นกำรจัดกำรกิจกรรมที่ เปลี่ยนปัจจัยนำเขำ้ (input) ให้เป็นผลิตผล
(output) เป็น กิจกรรมที่เชื่อมโยงกัน เพื่อจุดมุ่งหมำยในกำรผลิตหรือกำร บริกำรให้แก่ผู้รับบริกำร
(ลูกค้ำ) ทั้งภำยในและภำยนอก องค์กำร กระบวนกำรแบ่งออกเป็น 2 กระบวนกำร คือ กระบวนกำร
สร้ำงคุณค่ำ และกระบวนกำรสนับสนนุ กระบวนกำร กำหนดขั้นตอนมีระเบยี บปฏิบัตแิ ละข้อกำหนดที่
เป็นลำยลักษณ์อักษร มีกำรควบคุมและขั้นตอนกำรวัดและประเมิน กระบวนกำร และแนวคิดห่วงโซ่
คุณค่ำนี้ เป็นระบบของกิจกรรมที่มีควำมสัมพันธ์กัน และเชื่อมโยงกัน ควำมเชื่อมโยงนี้ เมื่อดำเนิน
กิจกรรมใด กิจกรรมหนึ่งไปจะมีผลกระทบต่อต้นทุนหรือประสิทธิผลของ กิจกรรมอื่นด้วย ควำม
เชื่อมโยงของกิจกรรมต่ำง ๆ จึงต้องมี กำรเปรียบเทียบ (trade-offs) ในกำรทำงำนของแต่ละกจิ กรรม
เพื่อให้แน่ใจว่ำกิจกรรมโดยรวมของบริษัทจะเกิดประโยชน์ สูงสุดโดยแนวคิดนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2
กิจกรรม คือ Primary Activities และ Support Activities โดยแต่ละกิจกรรมจะเน้นไปที่กำรเพิ่ม
คุณค่ำให้กับสนิ ค้ำหรอื บริกำรของบริษทั
ในPorter’s Value Chain ซึ่งเป็นทัศนะ ของ Porter นั้นควำมสำมำรถในกำรแข่งขัน
(competitiveness) ขององคก์ ำรสำมำรถสร้ำง ไดด้ ว้ ย 2 วธิ ีหลกั คือ
1. กำรทำใหต้ ้นทนุ ในกำรผลติ และกำร ให้กำรบรกิ ำรทต่ี ำ่ กวำ่ คแู่ ข่ง (low relative cost)
2. กำรทำให้สนิ ค้ำและบริกำรของ ตนเองแตกต่ำงจำกคู่แข่ง (differentiation) เพอื่ จะสำมำรถต้ังรำคำ
สูง (premium price) ได้
อย่ำงไรกต็ ำมไม่ว่ำบรษิ ัทจะเลือกกลยุทธ์ในกำรแข่งขนั อย่ำงไร กำรสรำ้ งกำไรของบริษัทขึ้นอยู่
กับควำมสำมำรถของบริษัทในกำรสร้ำง Value ให้กับลูกค้ำและลูกค้ำตัดสินใจซื้อสินค้ำ/บริกำรของ
ตนเอง ด้วยเหตุนี้ Porter จงึ เหน็ ว่ำแทท้ จ่ี ริงแล้วบรษิ ัทก็คอื กลุ่มขององคป์ ระกอบ และกจิ กรรมต่ำง ๆ
เพื่อสร้ำง Value ซึ่ง Porter เรียกกิจกรรมเหลำ่ น้ีว่ำ Value Activities และ บริษัทจะสำมำรถทำกำไร
ได้ก็ตอ่ เมอ่ื บริษัทสำมำรถสรำ้ ง Value ซง่ึ เป็นที่ตอ้ งกำรของลูกค้ำได้สงู กวำ่ Cost ทีเ่ กดิ ขนึ้
(ทมี่ ำ http://www.tpa.or.th/publisher/pdfFileDownloadS/FQ%20139%20p35-39.pdf)