(1) นางสาวภทั ราพร แกว้ สองสี
(2) 44/176 มบ.เลศิ อุบล ซอยพหลโยธนิ 52 เขตสายไหม แขวงคลองถนน กทม.10220
(3) 0944867654
การออกแบบนวตั กรรมเพื่อสง่ เสรมิ ทกั ษะการอ่านออก เขียนได้
สำหรับนกั เรยี นระดบั ประถมศกึ ษา
Innovation Design to promote Reading and Writing skills
for School children
ภทั ราพร แก้วสองสี1
Pattaraporn Kaewsongsee
บทคคดั ย่อ (Abstract)
การอ่านและการรู้หนังสือ (Reading and Literacy) เพื่อนำไปสู่การสื่อสาร เป็นทักษะ
ทีส่ ำคัญและจำเป็นอย่างย่งิ ของผู้เรยี นสำหรบั การเรยี นรู้และการพัฒนาชวี ติ สูค่ วามสำเร็จในศตวรรษ
ที่ 21 การพัฒนาทักษะในการอ่านออก เขียนได้ และสื่อสารได้ เป็นการส่งเสริมการคิดวิเคราะห์
ให้แก่ผู้เรียนต้ังแต่เยาว์วัย เพื่อให้สามารถเรียนรู้ในระดบั ท่ีซบั ซอ้ นขึน้ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่และช่วย
ส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นประชากรที่มีคุณภาพในอนาคต ครูผู้สอนจึงต้องมีองค์ความรู้ เข้าใจทักษะ
กระบวนการพัฒนาความสามารถในการอ่านและการเขียนของผู้เรียนปกติและผู้เรียนที่ต้องได้รับ
การเอาใจใส่เป็นพิเศษดังนั้นความรู้ ความเข้าใจในการพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษามาใช้ในการ
จัดการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านออก เขียนได้และการสื่อสารจึงเป็นสิ่งสำคัญและ
จำเป็นสำหรับ ครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาที่ต้องร่วมมือ ร่วมใจนำมาใช้ใน
การจัดการเรยี นร้อู นั จะส่งผลตอ่ สัมฤทธผิ ลของผู้เรียน
คำสำคญั (Keywords) : การออกแบบนวตั กรรม; ทกั ษะการอ่าน; ทกั ษะการเขียน
Abstract
Reading and literacy to lead the communication is the most essential skills of
learners. It is learning and improving quality of life to success in 21 st century.
Reading, writing and communication can improve analytical thinking of learners from
a young age. When learners enter to adult period , they can learn and understand
different ideas. Reading , writing and communication can promote learners to be
1โรงเรียนประถมสาธิตมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั พระนคร, Pharankhon Rajabhat University
Demonstration Elementary School.
Corresponding Author email : [email protected]
quality population in the future. Teachers should have the knowledges and
understand the process of reading and writing skills development for regular learners
and inclusive learners. The cognition of educational innovation development to
promote reading , writing and communication is the most essential skills for teachers
and educational personnels in order to cooperate for upgrading
learners’achievement.
Keywords : Innovation Design; Reading skills; Writing skills
บทนำ (Introduction)
การศึกษาเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมความรู้ ความคิดให้กับพลเมืองของ
ประเทศโดยเฉพาะในโลกของการเปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 การศึกษานับว่ามีบทบาท
สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนการ
วางรากฐานของการสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สำหรับโลกของการเรียนรู้นั้น การอ่านและการรู้
หนงั สือ ( Reading and Literacy ) เป็นทกั ษะทจ่ี ำเป็นอย่างยง่ิ เนื่องจากการอ่านและการรู้หนังสือ
จะนำมาซึ่งความรู้ ความสามารถและส่งเสริมให้เกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ ประยุกต์ใช้
ข้อมูลทีเ่ ป็นประโยชนต์ ่อชีวติ พรอ้ มท้ังสามารถถ่ายทอดสื่อสารใหผ้ ู้อืน่ ทราบและเข้าใจได้ กล่าวได้ว่า
หากผู้เรียนมีความบกพร่องหรือขาดความสามารถในการอ่านและการรู้หนังสือจะส่งผลให้ประสบ
ความยากลำบากในการเรียนรู้ระดบั ทีส่ ูงขึ้นและจะเปน็ ปญั หาในการดำรงชีวติ ต่อไปได้
การอ่านและการรู้หนังสือ ( Reading and Literacy ) เป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับ
การเรยี นรูแ้ ละการพัฒนาชีวติ สูค่ วามสำเรจ็ การอ่านอยา่ งคลอ่ งแคล่วและเขา้ ใจความหมายจะนำมา
ซึ่งความรู้และส่งเสริมให้เกิดการคิดวิเคราะห์ มีวิจารณญาณ แยกแยะและประยุกต์ใช้ข้อมูลที่เป็น
ประโยชนต์ อ่ ชีวติ พรอ้ มท้งั สามารถถา่ ยทอดสื่อสารให้ผู้อื่นทราบและเข้าใจได้ ซง่ึ เป็นทักษะที่สำคัญ
ของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 หากผู้เรียนบกพร่องหรือขาดความสามารถในการอ่าน การเรียนรู้ก็
ไม่อาจก้าวหนา้ ได้ และจะประสบความยากลำบากในการดำรงชวี ติ จงึ เปน็ หนา้ ทข่ี องรฐั ท่ตี ้องพัฒนา
ความสามารถในการอ่านออก เขียนได้ อ่านคล่อง เขยี นคล่องและสื่อสารได้ สง่ เสรมิ การคดิ วิเคราะห์
และการสื่อสารใหแ้ ก่ประชาชนตั้งแตเ่ ยาวว์ ัย เพื่อให้สามารถเรียนรู้ในระดบั ที่ซับซ้อนขึน้ เม่ือเตบิ โต
เป็นผู้ใหญ่ จนสามารถดูแลตนเอง มีอาชีพและมีรายได้ สามารถเป็นนักคิดและเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
ซึ่งอาจยาวนานถึง 14 – 15 ปี หรือในวัยของการศึกษาภาคบังคับ จึงจำเป็นต้องพัฒนาการศึกษา
ในช่วงนี้ให้มั่นคง โดยพิจารณาว่าการอ่านออก เขียนได้ อ่านคล่องเขียนคล่องและสื่อสารได้
เป็นพื้นฐานสำคัญสูงสุดอันดับแรก ๆ ของการพัฒนาขีดความสามารถของผู้เรียน การพัฒนา
ความสามารถการอ่าน นอกจากครูผู้สอนจะต้องมีองค์ความรู้ เข้าใจทักษะกระบวนการพัฒนา
ความสามารถในการอ่านของผู้เรียน ทั้งผู้เรียนปกติและผู้เรียนที่ต้องได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษ
เพราะปัจจัยความแตกต่างทางสติปัญญาแล้ว ความแตกต่างทางพื้นฐานครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญ
ที่ควรคำนึงถึงในการพัฒนาความสามารถในการอ่านของผู้เรียน ด้วยเหตุผลดังกล่าวการพัฒนาการ
เรียนการสอนภาษาไทยจึงกำหนดเป็นนโยบายสำคัญในการเร่งรัดคุณภาพการอ่านรู้เรื่องและสื่อสารได้
เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายการพัฒนาขีดความสามารถของผู้เรียนให้เป็น
ประชากรท่มี คี ณุ ภาพในประชาคมอาเซยี นและโลก
ความจำเปน็ ทคี่ รูผ้สู อนต้องสรา้ งนวัตกรรม
การสร้างและพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษามาใช้ในการพัฒนาคุณภาพของการจัดการ
เรียนการสอนเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นสำหรับครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา
ที่ต้องร่วมมือ ร่วมใจนำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานในหน้าที่อันจะส่งผลต่อ
สัมฤทธิผลของผเู้ รียนซึง่ ผู้มสี ว่ นเก่ียวขอ้ งทุกฝ่ายตอ้ งมคี วามรู้ ความเข้าใจและทกั ษะในการออกแบบ
และสรา้ งนวัตกรรมทางการศึกษาเพ่ือนำมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพของงานที่ปฏิบตั ิในหน้าท่ี ส่งผล
ต่อคุณภาพของผู้เรียน การเลือก ออกแบบและการสร้างนวัตกรรมทางการศึกษาต้องสอดคล้องกับ
สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นหรือความต้องการในการพัฒนาทั้งนี้เพื่อให้ได้นวัตกรรมทางการศึกษาท่ี
เหมาะสมตอ่ การพฒั นาความสามารถในการอ่านออก เขยี นได้ อา่ นคล่อง เขียนคลอ่ งและสอ่ื สารได้
ความหมายของนวตั กรรม
กิดานันท์ มะลิทอง.(2543) กล่าวว่า นวัตกรรมเป็นแนวความคิด การปฏิบัติหรือ
สิ่งประดิษฐใ์ หม่ ๆ ที่ยังไม่เคยมีใครใช้มาก่อนหรือเป็นการพัฒนาดัดแปลงจากของเดิมที่มีอย่แู ล้วให้
ทันสมัยและใช้ได้ผลดี มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงกว่าเดิม ทั้งยังช่วยประหยัดเวลาและ
แรงงานอีกด้วย สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากในวงการศึกษาซึ่งเรียกว่า นวัตกรรมการศึกษา
(Educational innovation)
วัชรพล วิบูลยศร.ิ (2556) กลา่ วว่า นวตั กรรมคือ แนวคิด วธิ กี ารปฏบิ ัติหรือส่ิงใหม่ ท่ียังไม่
แพร่หลายหรือยังไม่เคยใช้มาก่อน และเข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการหรือสิ่งที่มีอยู่เดิม โดยผ่าน
การคิดคน้ ประดษิ ฐ์ข้ึนมาใหม่หรอื พัฒนาจากของเดิมท่ีมีอยู่ให้ทันสมยั และปรับปรงุ จนใช้ได้ผลดีและ
มปี ระสทิ ธิภาพ
ทิศนา แขมมณี (2559) กล่าวว่า นวัตกรรมหมายถึง แนวคิด แนวทาง ระบบ รูปแบบ
วิธีการ กระบวนการ สอ่ื และเทคนิคต่าง ๆ ที่เก่ยี วขอ้ งกับการศึกษาซ่งึ ไดร้ บั การคิดค้นและจัดทำข้ึน
ใหม่เพ่ือชว่ ยแก้ปัญหาตา่ ง ๆ ทางการศึกษา
จากความหมายดังกล่าวสรุปได้ว่า นวัตกรรม หมายถึง แนวคิด เทคนิค วิธีการ หรือ
สื่อ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สามารถนำมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนโดยนวัตกรรมอาจเกิดจากการ
คดิ ค้นขึ้นใหมห่ รอื ปรบั ปรุงจากทม่ี อี ยู่เดิมทง้ั น้ีขน้ึ อยู่กับผูน้ ำไปใชป้ ระโยชน์
นวัตกรรมที่เหมาะสมต่อการพัฒนาความสามารถในการอา่ นออก เขียนไดแ้ ละการส่ือสาร
นวัตกรรมด้านการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยที่เหมาะสมต่อการพัฒนาความสามารถ
ในการการออกเขยี นได้ และการสื่อสาร มีดงั นี้ (ชยั ยงค์ พรหมวงศ.์ 2554)
1. นวตั กรรมด้านการเรียนการสอนประเภทวสั ดุ
นวตั กรรมด้านการเรยี นการสอนประเภทวสั ดุ ครูผ้สู อนสามารถนำมาฝึกทักษะการพูด การ
เขยี น การอา่ นและการฟังให้กบั ผู้เรียนได้ นวตั กรรมด้านการเรยี นการสอนประเภทวัสดุที่นิยมใช้กัน
มากคือ หนังสือเรียน หนังสือส่งเสริมการอ่าน หนังสืออ่านประกอบ แบบฝึกหัด แผนภูมิ บัตรคำ
บัตรภาพประกอบคำ ภาพ หุ่น ซีดีเสียง วีดีทัศน์ สไลด์คอมพิวเตอร์ หนังสืออิเลกทรอนิกส์ และ
บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน โดยมีรายละเอยี ดดงั นี้
1.1 หนงั สือส่งเสรมิ การอา่ นและหนังสอื อ่านประกอบ เปน็ นวตั กรรมดา้ นการเรยี นการสอน
ประเภทวัสดทุ ี่ผเู้ รียนได้อ่าน เปน็ การเพ่ิมพนู ประสบการณ์ทางภาษาของผู้เรียนให้มากขึ้น ครูผู้สอน
อาจจัดหาหรอื พัฒนาหนังสือส่งเสรมิ การอ่านหรือหนงั สืออ่านเพิ่มเติมทต่ี รงกับวัตถุประสงค์ของการ
จดั การเรยี นรู้และเหมาะสมกบั วัยของผเู้ รียน
1.2 แบบฝึกหัด เป็นเอกสารเพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนการเขียนและการใช้ภาษาให้มีความ
ถูกตอ้ งคลอ่ งแคล่วและชำนาญขึน้ เมอื่ ผ้เู รียนเรยี นหนงั สือจบบทหนงึ่ ๆ ผเู้ รยี นจะต้องทำแบบฝึกหัด
บทน้นั เพราะแบบฝึกหัดดังกลา่ ว นอกจากจะฝกึ ฝนทักษะการเขียนแลว้ ยงั เป็นการเช่ือมโยงการเรียน
ภาษากับการใช้ภาษาในชีวิตของผู้เรียนด้วย โดยทั่วไปแบบฝึกหัดภาษาไทยจะมีจำนวนแบบฝึกหัด
เทา่ กบั บทเรยี นเพราะเปน็ แบบฝึกหดั ใหผ้ ู้เรียนไดฝ้ กึ ฝนทักษะหลังจากเรยี นจบบทเรียนแต่ละบท
1.3 แผนภูมิ แผนภมู ิทค่ี รผู ูส้ อนนิยมใช้มดี ังน้ี
1) แผนภูมิประสบการณ์ เป็นการฝึกอ่านข้อความจากแผนภูมิสำหรับผู้เรียนในระดับ
ประถมศึกษา วธิ กี ารสอนโดยจัดให้ผูเ้ รียนมีประสบการณ์อย่างใดอย่างหนึง่ แล้วให้ผ้เู รียนช่วยกันเล่า
เรอื่ งจากประสบการณ์นนั้ ครูผ้สู อนเขียนข้อความที่ผู้เรียนชว่ ยกันเลา่ ลงบนกระดานดำ จัดข้อความ
ให้ได้ความกะทัดรัดแล้วครูผู้สอนคัดลอกข้อความลงในแผนภูมิ แล้วให้ผู้เรียนอ่านแผนภูมิจากซ้าย
ไปขวาในการอ่านแตล่ ะครั้ง ควรใชไ้ มช้ นี้ ำในบรรทัดทผี่ ูเ้ รียนกำลังอา่ นจากซา้ ยไปขวา
2) แผนภูมิสรุปเนื้อหา เพื่อสรุปความรู้ที่เรียนแต่ละเรื่อง บท หรือตอน อาจมีภาพ
ประกอบด้วย เช่น แผนภูมิ การฟังที่ดี ใช้ประกอบเมื่อสอนทักษะการฟัง โดยให้ผู้เรียนอ่านและ
ปฏิบตั กิ จิ กรรม เชน่ สรปุ ใจความเป็นข้อ ๆ อภปิ รายหัวขอ้ ใดหัวข้อหน่งึ เป็นตน้
3) แผนภูมิแสดงส่วนสำคัญ เช่น การแต่งกายของตัวละคร แสดงความเกี่ยวข้องของตัว
ละครในบทเรยี น แสดงเสน้ ทางการเดินหรอื ทีต่ ัง้ เมอื งตามเนอื้ หาในบทเรยี น เปน็ ต้น
4) แผนภูมแิ สดงหลักเกณฑ์ เชน่ แผนภูมิแสดงหลักเกณฑ์การอ่านคำ หรอื ลกั ษณะของคำตา่ ง ๆ
1.4 หุ่น เป็นนวัตกรรมดา้ นการเรียนการสอนประเภทวัสดุเพื่อฝึกทักษะการฟังและการพูด
ท่ีนิยมกนั มาก คือ หุน่ กระบอก หุ่นนว้ิ มอื และหุ่นสวมมือ
1.5 ซีดีเสียง ใช้บันทึกเรื่องราวหลายประเภท เช่น ข่าว คำบรรยาย การอภิปราย เป็นต้น
เป็นนวตั กรรมดา้ นการเรยี นการสอนประเภทวัสดุเพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นฝกึ ทักษะการฟังได้
1.6 วีดีทัศน์ เป็นนวัตกรรมด้านการเรียนการสอนประเภทวัสดุที่เสนอภาพนิ่งหรือ
ภาพเคลื่อนไหวและเสียงในการสอนภาษาไทย อาจบันทึกละครร้องที่มีเนื้อหาในเรื่องวรรณคดีให้
ผู้เรียนชม หรือผลิตวีดีทัศน์วิธีการพูดในโอกาสต่าง ๆ ให้ผู้เรียนได้ชมซึ่งผู้เรียนจะได้ยินทั้งเสียงพูด
และสหี น้าท่าทางของผู้พดู
1.7 สไลด์คอมพิวเตอร์ เป็นนวัตกรรมด้านการเรียนการสอนประเภทวัสดุอีกประเภทหนึ่ง
ที่รู้จักกันดี ในปัจจุบันเรียกว่า PowerPoint มาใช้แทนการเขียนบนกระดานดำของครูผู้สอน ซึ่งถ้า
ผลติ อยา่ งมีคุณภาพจะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นสนใจการเรียนเพ่มิ ข้นึ
2. นวตั กรรมด้านการเรียนการสอนประเภทวิธกี าร
นวัตกรรมด้านการเรียนการสอนประเภทวธิ ีการมดี ังน้ี
2.1 การสาธิต การสาธิตมีลักษณะที่สำคัญ คือ ผู้เรียนจะสังเกตจากครูผู้สอนหรือผู้สาธิต
การสาธิตจะช่วยเสนอประสบการณ์แก่ผู้เรียนได้มาก วัตถุประสงค์สำคัญของการสาธิตคือ เพื่อให้
ผเู้ รยี นเข้าถงึ เนื้อหาวิชาได้ภายในเวลารวดเรว็ การสาธติ ทีม่ ีประสทิ ธภิ าพจะตอ้ งมีการวางแผนดังน้ี
2.1.1 กำหนดขั้นตอนแต่ละขั้นว่าจะสาธิตทักษะใด กระบวนการหรือวิธีการใดให้
เหมาะสมกบั เวลา
2.1.2 ทดสอบเคร่อื งมือท่ใี ช้สาธิตว่าเหมาะสมกอ่ นจะสาธติ
2.1.3 ควรพิจารณาดูวา่ สถานที่ท่ีจะจัดเพ่ือสาธติ นั้นผู้เรยี นมองเหน็ ไดท้ ่ัวถึง
2.2 การจำลองสถานการณ์เพื่อการแสดงบทบาทสมมติ เป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่ครูผู้สอน
สามารถนำมาใช้ได้เป็นอย่างดี การจำลองสถานการณ์เพื่อการแสดงบทบาทสมมติเป็นกิจกรรม
ท่ีจดั สถานการณ์ที่ผู้เรียนได้แสดงออกทางสหี นา้ ท่าทางเลียนแบบของจริงที่ตนคิดว่าควรจะเป็นการ
จำลองสถานการณ์เพ่อื แสดงบทบาทสมมติ สามารถแบง่ ออกเป็น 3 ประเภท คอื
2.2.1 การแสดงนาฏการ เป็นวิธีการแสดงที่ผู้แสดงต้องฝึกซ้อมแสดงท่าทางหรือ
ภาพมาล่วงหนา้
2.2.2 การแสดงทันทีทันใด เป็นวิธีที่ผู้แสดงไม่ต้องฝึกซ้อมมาก่อน เมื่อเรียนไปถึง
เวลาใด ครูผสู้ อนกจ็ ะกำหนดสถานการณ์ให้ผูเ้ รยี นได้ทนั ทีโดยแสดงความรสู้ ึกนึกคดิ ของตน
เปน็ การแสดงบทบาทของบคุ คล
2.2.3 การแสดงโดยครูผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันกำหนดเรื่องราวขึ้น เป็นการ
ผสมผสานระหว่างแบบที่ 1 และแบบที่ 2 คือผู้แสดงต้องแสดงบทบาทที่คดิ ข้ึนเองบ้างและ
ตามกำหนดไว้บา้ ง
2.3 เกม ในการเรยี นการสอนภาษาไทย อาจนำมาใชเ้ ปน็ สื่อในการช่วยการเรียนการสอนได้
ท้งั การอ่าน การเขยี น หลกั ภาษา การใชภ้ าษาและวรรณคดี
2.4 การฝึกปฏิบัติ ภาษาไทยเป็นวิชาทักษะที่เน้นการฝึกปฏิบัติเพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะใน
การพูด การฟัง การอ่านและการเขียน เช่น ในการสอนให้ผู้เรียนพูดในโอกาสตา่ ง ๆ นอกจากจะให้
ผู้เรียนชมวีดีทัศน์แล้วให้ผู้เรียนได้ฝึกพูด ในการฝึกปฏิบัติที่ดีต้องมีตัวแบบที่ดีจะทำให้ผู้เรียน
สามารถปฏิบัติได้ถูกต้อง กรณีที่มีการฝึกปฏิบัติที่มีหลายขั้นตอนควรให้ฝึกปฏิบัติแต่ละขั้นตอนให้
เกิดความชำนาญจึงจะไปขั้นตอนต่อไป ดังนั้นอาจจะต้องมีสื่อหรือตัวแบบที่แสดงซ้ำหลายครั้งให้
ผ้เู รียนเหน็ จนผ้เู รยี นปฏิบัติได้
2.5 การแสดงนิทรรศการ เป็นกิจกรรมและวิธีการสอนภาษาไทยอีกรูปแบบหนึ่งที่จะช่วย
ให้การสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพราะนิทรรศการเปรียบได้กับการนำรูปแบบต่าง ๆ มาจัดแสดง
เชน่ กราฟฟิก หรือวัสดุ 3 มิติ ให้เรอ่ื งราวของรายละเอียดความรู้ทเ่ี ปน็ ประโยชน์ นทิ รรศการชว่ ยจูง
ใจให้ผเู้ รียนนัน้ อยากเรียน พัฒนาความคดิ ของผเู้ รยี นและชว่ ยสรุปบทเรียน
การสรา้ งและพัฒนานวัตกรรมทางการศกึ ษา
พชิ ติ ฤทธจิ์ รูญ (2559 : 96 – 100) ได้กล่าวถึงขั้นตอนการพัฒนานวตั กรรมทางการศึกษา
ประกอบดว้ ยข้ันตอนสำคญั ดงั นี้
1. การวเิ คราะห์ปัญหา
การจัดการศึกษามีเป้าหมายสำคัญเพื่อพัฒนาคุณภาพของการศึกษาให้มีคุณลักษณะตาม
จุดหมายของหลักสูตรซึ่งเป็นสภาพที่หลักสูตรคาดหวังให้เกิดขึ้น แต่ในสภาพที่เป็นจริง การจัดการ
ศึกษาไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังคือยังไม่บรรลุตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร หรืออาจกล่าวได้ว่า
สภาพท่ีเกิดขึ้นจริงไม่สอดคล้องกับสภาพที่คาดหวังหรือมีสภาพแตกต่าง ถ้าพิจารณาในระดับ
หลักสูตรคือ สภาพของความไม่สอดคล้องกันระหว่างผลการจัดการศึกษากับจุดหมายของหลักสูตร
ถ้าพิจารณาในระดับชัน้ เรียนก็คือ สภาพของความไม่สอดคล้องกันระหวา่ งผลการเรียนรู้ของผู้เรยี น
กบั มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้วี ัดหรอื จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
2. การศกึ ษาและเลือกนวตั กรรมเพ่ือการแกป้ ญั หา
ภายหลังจากการวิเคราะห์ปัญหาในขั้นตอนที่ 1 จะทำให้เราทราบปัญหาและสาเหตุของ
ปัญหาที่ชัดเจนขึ้น ขั้นตอนต่อไปจึงควรศึกษาประเภทของนวัตกรรมทางการศึกษาที่มีหลากหลาย
จาก หนังสือ ตำรา งานวิจัยและผลงานการใช้นวัตกรรมทางการศึกษาที่เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับ
ปัญหาของเราซึ่งจะทำให้มีความรู้ ความเข้าใจและสามารถเลือกใช้นวัตกรรมทางการศึกษาที่
เหมาะสมและเกดิ ประโยชน์ตอ่ การพฒั นาการจัดการศึกษามากท่ีสุด
3. การออกแบบนวัตกรรม
เมื่อได้ศึกษาและพิจารณาตัดสินใจเลือกนวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อการแก้ปัญหาได้
เหมาะสมแล้ว ควรออกแบบนวัตกรรมซึ่งเป็นการกำหนด ขอบข่ายเนื้อหาสาระ องค์ประกอบ
รูปแบบนวัตกรรมว่าควรมีลักษณะอย่างไร มีส่วนประกอบอะไรบ้าง มีกระบวนการหรือขั้นตอนใน
การดำเนินการเพื่อการแก้ปัญหาอย่างไร เช่นถ้าเลือกใช้นวัตกรรมประเภทชุดกิจกรรมอาจมี
ส่วนประกอบของนวัตกรรม ดังนี้ 1) ชื่อชุดกิจกรรม 2) จุดประสงค์ 3) คำชี้แจง 4) เวลาที่ใช้ในการ
ทำกิจกรรม 5) กจิ กรรมที่ปฏิบตั ิ 6) แบบทดสอบ 7) แบบบนั ทึกผลการใช้นวัตกรรม
4. การสร้างนวตั กรรม
เป็นขั้นตอนการพัฒนานวัตกรรมตามที่ออกแบบไว้ให้ครบถ้วนตามองค์ประกอบของ
นวัตกรรมที่กำหนดไว้ ถ้าเป็นนวัตกรรมประเภทสื่อ เอกสาร เช่น แบบฝึก ชุดกิจกรรมหรือชุดการ
สอน จะต้องเขียนรายละเอียดตามลักษณะและรูปแบบของนวัตกรรมที่ออกแบบไว้ กรณีที่เป็น
นวัตกรรมประเภทเทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้หรือรูปแบบการเรียนรู้ จะต้องจัดทำแผนการจัดการ
เรยี นรทู้ ส่ี ะทอ้ นให้เห็นข้นั ตอนหรือกระบวนการจัดการเรียนรู้ของนวัตกรรมนนั้ ๆ
5. การตรวจสอบคุณภาพของนวตั กรรมโดยผู้เชยี่ วชาญ
การตรวจสอบคุณภาพของนวัตกรรมที่สำคัญคือ การตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา
(content validity) ว่านวัตกรรมนั้นมคี วามถูกต้อง เหมาะสมหรือสอดคล้องกับปัญหา จุดประสงค์
วิธีการตรวจสอบทำได้โดยผู้เชี่ยวชาญหรือผูม้ ีประสบการณ์สูงในเรือ่ งนั้น ๆ อย่างน้อย 3 คนได้อ่าน
หรือตรวจสอบว่านวตั กรรมน้ันมคี ุณภาพและเหมาะสมนำไปใช้ไดห้ รือไม่ โดยนำนวัตกรรมท่ีสร้างขึ้น
พร้อมกับวัตถุประสงค์และแบบตรวจสอบคุณภาพเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญประเมิน
คุณภาพตามเกณฑ์การประเมินในด้านความสอดคล้องกับสภาพปัญหาและวัตถุประสงค์
ความชดั เจน ความสมบรู ณ์ครบถ้วนในดา้ นเนื้อหาสาระ ความเปน็ ไปได้ในการนำไปใช้จริงและความ
เป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหา ในกรณีที่ผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญให้ข้อเสนอแนะเพื่อการ
ปรับปรุงแก้ไขนวัตกรรมก็ควรดำเนินการตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้นวัตกรรมมี
คุณภาพยง่ิ ขึ้น
6. การตรวจสอบประสิทธิภาพของนวัตกรรมโดยการทดลองใช้
การตรวจสอบคุณภาพของนวัตกรรมทางการศึกษาบางประเภทเมื่อผ่านการตรวจสอบจาก
ผู้เชี่ยวชาญแล้วอาจนำไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นคนละกลุ่มกับกลุ่มที่เราจะใช้แก้ปัญหา
จริง (Tryout) แล้วตรวจสอบประสิทธิภาพตาม “เกณฑ์ประสิทธิภาพ” ที่กำหนดไว้ เกณฑ์
ประสิทธิภาพ หมายถึง ตัวบ่งชี้ท่ีแสดงถึงประสิทธิภาพของนวัตกรรมสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการ
เรียนรู้ตามเกณฑ์ที่กำหนดซึ่งกรณีนี้จะใช้กับ นวัตกรรมทางการศึกษาด้านการจัดการเรียนรู้
เพื่อแก้ปัญหาการเรียนรู้ของผู้เรียนซึ่งเกณฑ์ประสิทธิภาพที่กำหนดประกอบด้วยประสิทธิภาพของ
กระบวนการ (E1) และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E2) เกณฑ์ประสิทธิภาพดังกล่าวเป็นการกำหนด
อัตราส่วนรอ้ ยละระหว่าง E1/E2 โดยอาจกำหนดเป็น 75/75 หรอื 80/80 หรอื 90/90 การกำหนด
เกณฑ์ประสิทธิภาพของนวัตกรรมจะขึ้นอยู่กับลักษณะหรือธรรมชาติของเนื้อหาวิชา
ถา้ เปน็ เนอื้ หาประเภทความรู้ ความจำ ควรกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพ 80/80 หรอื 90/90 ถ้าเป็น
เนือ้ หาประเภททกั ษะหรือเจตคติควรกำหนดเกณฑป์ ระสทิ ธภิ าพ 75/75
ขั้นตอนการตรวจสอบประสิทธิภาพของนวัตกรรมทางการศึกษา ด้านการจัดการเรียนรู้
ดำเนนิ การดังน้ี
1. ทดลองใช้นวัตกรรมกับกลุ่มตัวอย่างที่เรียกว่าแบบเดี่ยว (1คน) หรือ 1 : 1
หมายถงึ การทดลองใช้นวัตกรรมกับผู้เรียนทมี่ ีท้ัง ผู้เรยี นเกง่ ผู้เรียนปานกลางและผู้เรียนอ่อน
อย่างละ 1 คน รวม 3 คน คำนวณหาคา่ E1/E2 แล้วนำนวตั กรรมนน้ั มาปรับปรุง แกไ้ ข
2. ทดลองใช้นวัตกรรมกับกลุ่มตัวอย่างที่เรียกว่า แบบกลุ่มหรือ 1 : 10 หมายถึง
การทดลองใช้นวัตกรรมกับผู้เรียนประมาณ 5 – 10 คน ซึ่งมีผู้เรียนเก่ง ผู้เรียนปานกลาง
และผู้เรียนอ่อนคละกันไปในจำนวนเท่า ๆ กัน แล้วคำนวณหาค่า E1/E2 นำผลการ
คำนวณมาพิจารณาปรับปรุง แกไ้ ขนวัตกรรม
3. ทดลองใช้นวตั กรรมกับกลุ่มใหญท่ ่ีเรยี กว่า การทดสอบภาคสนามหรือ 1 ห้องเรยี น
หมายถึง การทดลองใช้นวัตกรรมกับผู้เรียน 1 ห้องเรียน แล้วคำนวณหาค่า E1/E2 นำผลการ
วิเคราะห์มาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ประสิทธิภาพที่กำหนดไว้ ถ้าต่ำกว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพ
ไมเ่ กินร้อยละ 2.5 ก็ยอมรบั ได้วา่ นวัตกรรมน้ันมปี ระสทิ ธภิ าพตามเกณฑท์ ่ีกำหนด
7. การรายงานผลการพัฒนานวัตกรรม
การรายงานผลการพัฒนานวัตกรรมอาจใช้รูปแบบเดียวกันกับรูปแบบรายงานผลการวิจัย
แบบเป็นทางการซึ่งประกอบด้วยส่วนสำคัญคือ ชื่อเรื่อง ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
วัตถุประสงค์ของการพัฒนานวัตกรรม ขอบเขตของการดำเนินการ นิยามศัพท์เฉพาะ ประโยชน์ท่ี
คาดว่าจะได้รับ วิธีดำเนินการพัฒนานวัตกรรม ซึ่งประกอบด้วย ประชากร กลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือ
และวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ผลการพัฒนานวัตกรรม สรุป อภิปรายผลและ
ขอ้ เสนอแนะ
ประโยชน์ของการสรา้ งนวัตกรรมทางการศกึ ษา
ประโยชน์สำหรับผเู้ รียน
1. ทำให้ผเู้ รยี นมโี อกาสใช้ความสามารถของตนเองในการเรียนรู้อย่างเตม็ ที่
2. ผเู้ รยี นมีโอกาสตัดสินใจในการเลือกเรียนตามวิธกี ารเรียนและความถนดั ทีเ่ หมาะกบั ตนเอง
3. ทำใหก้ ระบวนการเรยี นรขู้ องผเู้ รียนงา่ ยขน้ึ
4. ผู้เรียนมีอิสระในการเลอื กตามความสนใจ
5. ผเู้ รยี นสามารถเรยี นร้ไู ด้ทุกเวลาและสถานท่ี
6. ทำใหก้ ารเรยี นรมู้ ปี ระสทิ ธิภาพมากขึ้น
7. ช่วยลดเวลาในการเรยี นรู้และผ้เู รยี นสามารถเรียนรู้ไดม้ ากกวา่ เดมิ ในระยะเวลาที่เทา่ กัน
8. ชว่ ยส่งเสริมให้ผ้เู รยี นรู้จักวธิ กี ารเสาะแสวงหาแหล่งการเรียนรู้
9. ชว่ ยผเู้ รยี นฝึกการคดิ เป็นและการแกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง
ประโยชนส์ ำหรบั ครูและบุคลากรทางการศึกษา
1. ชว่ ยสง่ เสริมการปฏบิ ัตงิ านในหนา้ ท่ีใหม้ ีประสทิ ธภิ าพสงู ข้นึ
2. ครูและบุคลากรทางการศึกษาสามารถออกแบบกิจกรรมหรือวิธีการปฏิบัติงานได้
หลากหลายวิธี
3. ครแู ละบุคลากรทางการศึกษามีเวลาในการเตรียมความพร้อมในการปฏบิ ัตงิ านในหน้าท่ี
มากขน้ึ
4. ช่วยให้ครูและบคุ ลากรทางการศึกษาปฏิบตั ิงานในหนา้ ทส่ี ะดวกและงา่ ยขนึ้
5. ชว่ ยลดเวลาในการปฏบิ ัติงานในหน้าทีน่ ้นั ๆ ไดน้ ้อยลง
6. ครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาสามารถใช้เวลาในปฏิบตั งิ านในหนา้ ท่ไี ด้ทกุ สถานท่ี
ความสำเร็จของนวัตกรรมทางการศึกษาที่มตี ่อผเู้ รียน
ผู้เขียนขอนำเสนอตัวอย่างนวัตกรรมด้านการจัดการเรียนการสอนที่ประสบความสำเร็จ
ดังน้ี กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.(มปป.)
ชื่อนวัตกรรมด้านการจดั การเรยี นรู้ : สอนอย่างไรเดก็ อ่านออกเขยี นได้ รูจ้ กั ฟังและพดู สอ่ื สารได้
วตั ถุประสงค์ : เพื่อใหน้ กั เรียนอา่ นออกเขยี นได้ ฟังเปน็ และพูดสื่อสารได้
กลุ่มเปา้ หมาย : นกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1
ลกั ษณะ/รปู แบบของนวตั กรรม
เป็นสื่อประกอบการเรียนการสอนตามวัยของนักเรียนใช้วิธีสอนที่ผสมผสาน มีเครื่องมือ
วัดผลและประเมนิ ผลที่มมี าตรฐาน มี 4 ประเภท ดงั นี้
1. แบบฝึกทักษะการอ่าน เขียนสะกดคำ เพื่อฝึกอ่านเขียนสะกดคำที่ประสมด้วย
พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์และตวั สะกด
2. นิทานประกอบภาพ เพื่อฝึกอ่านเขียน สะกดคำที่ประสมด้วยพยัญชนะ สระ
วรรณยกุ ตแ์ ละตวั สะกด
3. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อ ฝึกอ่านเขียน สะกดคำที่ประสมด้วยพยัญชนะ สระ
วรรณยกุ ต์และตัวสะกด
4. บทเรียนมัลติมีเดยี เพือ่ ฝกึ อา่ นเขียนสะกดคำ สระเปล่ยี นรปู สระลดรปู
กระบวนการ/ขน้ั ตอน
1. ครูกำหนดเป้าหมายการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้นักเรียนอ่านออก เขียนได้ ฟังเป็น
และพดู สอ่ื สารได้
2. ครสู รา้ งส่อื 4 ประเภท คอื แบบฝกึ ทักษะการอา่ น เขียนสะกดคำ นทิ านประกอบภาพ
ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้และบทเรียนมัลตมิ เี ดีย
3. ครูออกแบบการจัดการเรียนการสอนตามเป้าหมาย โดยครูกำหนดจุดประสงค์การ
เรียนรู้ในด้านการอ่าน การเขียน การฟัง และการพูดพร้อมกำหนดสื่อโดยเลือกสื่อจาก 4 ประเภท
นำมาใช้ในการจัดกิจกรรม เน้นให้นักเรียนได้ฝึกทักษะจากสื่อที่หลากหลายจนนักเรียนเกิดทักษะ
ตามจุดประสงค์การเรียนรู้
4. ครูประเมินผลนักเรียนเป็นรายบุคคลทั้ง 4 ทักษะ คือ การอ่าน การเขียน การฟังและ
การพูดสื่อสาร หากนักเรียนไม่ผ่านการประเมิน ครูต้องสอนซ่อมเสริม และปรับสื่อให้เข้ากับบริบท
ปญั หาของนกั เรยี นรายบุคคล
5. ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ครูต้องใช้เทคนิควิธีการสอนให้นักเรียนเกดิ
การเรียนรู้อยา่ งมคี วามสุข และเรยี นรู้ไดเ้ ตม็ ตามศักยภาพของแต่ละบคุ คล
ผลทีไ่ ด้รับ
1. นกั เรียนมที กั ษะในการอา่ น การเขยี น การฟังและการพดู ส่ือสารไดต้ ามชว่ งวัย
2. นกั เรียนมคี วามสขุ เกิดความสนกุ สนานในการเรยี น มีนสิ ัยรกั การอา่ น
ช่ือนวัตกรรมดา้ นการจดั การเรียนรู้ : ชุดสง่ เสริมทักษะการอ่านภาษาไทย
วตั ถปุ ระสงค์
1. เพ่ือพัฒนาทักษะการอา่ นภาษาไทยของนักเรียนช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 3
2. เพือ่ ให้นักเรยี นอา่ นออก เขยี นได้ อ่านรเู้ รื่อง ส่ือสารได้
3. เพอ่ื ใหค้ รูมีกิจกรรมและส่อื ทีห่ ลากหลายในการส่งเสริมทักษะการอ่าน
กลมุ่ เป้าหมาย นักเรียนช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 3
ลักษณะ /รูปแบบ
เป็นชุดส่งเสรมิ ทักษะการอ่านภาษาไทยสำหรับใช้ในการจัดการเรียนรู้ มีกิจกรรมฝึกทักษะ
และเสริมทักษะภายหลังการเรียนรู้กิจกรรมต่าง ๆ แล้ว ชุดส่งเสริมทักษะการอ่านนำมาจัดเป็นมุม
ภาษาไทยภายในห้องเรียนเพ่อื ให้นกั เรยี นได้อ่านเพ่มิ เติมต่อไป โดยมีจำนวน 6 ชุด ได้แก่
ชุดที่ 1 การอา่ นจับใจความสำคัญจากประโยค จำนวน 4 กิจกรรม
ชุดที่ 2 การอ่านจับใจความจากข้อความ บทความ บทโฆษณา ข่าวและเหตุการณ์ จำนวน
4 กิจกรรม
ชดุ ท่ี 3 การอ่านจบั ใจความจากนิทานและเรอ่ื งสน้ั จำนวน 4 กจิ กรรม
ชดุ ท่ี 4 การอา่ นจับใจความจากบทร้อยกรอง จำนวน 5 กจิ กรรม
ชดุ ที่ 5 การอ่านจับใจความจากบทเพลง จำนวน 3 กิจกรรม
ชดุ ท่ี 6 การอ่านจบั ใจความโดยการเขยี นแผนผงั ความคดิ จำนวน 5 กิจกรรม
กระบวนการ/ขนั้ ตอนการดำเนนิ งาน
1. วงแผนการใช้ชุดส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาไทยตามความเหมาะสมที่สัมพันธ์กับ
หลักสูตร หรือใช้แบบฝึกเสริมทักษะภายหลังการจัดการเรียนรู้ไปแล้ว หรือในช่วงเช้าก่อนเข้าเรียน
พกั กลางวนั หรือก่อนกลับบา้ น
2. ศกึ ษาชุดสง่ เสรมิ ทักษะให้เขา้ ใจเพื่อเตรียมการนำไปใชอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม
3. การใช้กิจกรรมเสริมทักษะ ควรใช้ครั้งละ 1 กิจกรรมโดยเริ่มจากกิจกรรมที่ 1
ไปตามลำดับ ซึ่งกิจกรรมได้จัดเรียงตามความยากง่ายไว้แล้ว สำหรับนกั เรียนท่ีเรยี นรู้ได้เร็วสามารถ
ใชก้ จิ กรรมเสริมทักษะไดม้ ากกว่าคนอ่นื ตามศกั ยภาพของแตล่ ะบคุ คล
4. เมื่อนักเรียนทำกิจกรรมเสร็จแล้ว อาจให้นักเรียนตรวจสอบด้วยตนเองหรือให้เพื่อน
ตรวจจากเฉลย หรือส่งให้ครูตรวจตามทคี่ รูเห็นวา่ สมควร
5. ครูควรจัดมุมภาษาไทยไว้ในห้องเรียน โดยจัดหนังสือ แบบฝึกต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียน
ศึกษา ทำแบบฝกึ ตามความสนใจและความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล
6. ครูตดิ ตามและประเมนิ ผลเปน็ ระยะ ๆ สม่ำเสมอ
กระบวนการเรียนรู้เพื่อเตรียมประชากรสู่การเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 รวมทั้งการ
ตระหนักรู้ถึงพหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย มีเป้าหมายให้ผู้เรียนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ
ตามมาตรฐาน มีทักษะที่จำเปน็ ของโลกอนาคต สามารถแก้ปัญหา รู้เท่าทันสื่อ ปรับตัว สื่อสารและ
ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต รวมทั้งเป็น
พลเมืองดี รู้สิทธิหน้าที่ มีความรับผิดชอบและมีจิตสาธารณะซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการศึกษาขั้น
พื้นฐาน การสร้างการเรียนรู้แห่งศตวรรษที่ 21 นอกจากจะมีการเรียนรู้เนื้อหา สาระความรู้แล้ว
ทักษะการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการเรียนรู้ตลอดจนการดำเนินชีวิตโดยเฉพาะทักษะการ
สอื่ สาร คอื การอ่านออกเขียนได้ นบั เป็นทกั ษะที่มีความจำเป็นอย่างย่ิงเพราะเป็นทักษะการส่ือสาร
เพื่อสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และเป็นเครื่องมือในกา รแสวงหาความรู้
ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ ในการพัฒนาความรู้ กระบวนการคิด วิเคราะห์
วจิ ารณ์และสรา้ งสรรคเ์ พื่อพฒั นาตนเองและสงั คม
เอกสารอ้างองิ
กระทรวงศึกษาธิการ. (มปป.) ทำอย่างไรให้อ่านออกเขียนได้ : สื่อ/นวัตกรรมพัฒนาการ
อ่าน การเขียนภาษาไทยที่ประสบผลสำเร็จ สถาบันภาษาไทย สำนักวิชาการและมาตรฐาน
การศกึ ษา กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ตำรวจ สำนกั งานตำรวจแหง่ ชาติ
กิดานันท์ มะลิทอง. (2543). เทคโนโลยีการศึกษาและนวัตกรรม. พิมพ์ครั้งที่ 20
กรุงเทพมหานคร : ห้างหุ้นส่วนจำกัด อรณุ การพิมพ์
ชัยยงค์ พรหมวงศ.์ (2554). เอกสารการสอนชุดวิชา ส่อื กบั การศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน Instruction
Media in Basic Education กรุงเทพมหานคร : สำนกั พิมพม์ หาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช
ทิศนา แขมมณี. (2559). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพือ่ การจัดกระบวนการเรียนร้ทู ่ี
มปี ระสิทธิภาพ พมิ พ์ครงั้ ที่ 20 กรงุ เทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พิชิต ฤทธิ์จรูญ.(2559). เทคนิคการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ กรุงเทพมหานคร :
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
วัชรพล วิบูลยศริน. (2556). นวัตกรรมและสื่อการเรียนการสอนภาษาไทย.
กรุงเทพมหานคร : สำนกั พมิ พ์จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย