The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประวัติศาสตร์จังหวัดแพร่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ประวัติศาสตร์จังหวัดแพร่

ประวัติศาสตร์จังหวัดแพร่



ประวตั ิศาสตรจ์ งั หวดั แพร่

เมอื งแพรเ่ ป็นเมอื งโบราณสรา้ งมาชา้ นานแลว้ ตงั้ แต่อดตี กาล แต่ยงั ไมป่ รากฏหลกั ฐาน
แน่ชดั วา่ สรา้ งขน้ึ ในสมยั ใดและใครเป็นผสู้ รา้ ง

เมอื งแพรเ่ ป็นเมอื งทไ่ี มม่ ปี ระวตั ขิ องตนเองจารกึ ไวใ้ นทใ่ี ดๆ โดยเฉพาะ นอกจากปรากฏใน
ตาํ นาน พงศาวดาร และจารกึ ของเมอื งอ่นื ๆ บา้ งเพยี งเลก็ น้อย ดงั จะกล่าวรายละเอยี ดในตอนต่อไป

จากการศกึ ษาคน้ ควา้ และตรวจสอบหลกั ฐานจากตาํ นานเมอื งเหนือ พงศาวดารโยนก และ
ศลิ าจารกึ พอ่ ขนุ รามคาํ แหง เมอื งแพรน่ ่าจะสรา้ งยคุ เดยี วกนั กบั กรงุ สโุ ขทยั เชยี งใหม่ ลาํ พนู พะเยา
น่าน ซง่ึ บา้ นเมอื งของเมอื งแพรใ่ นยคุ นนั้ คงไมก่ วา้ งขวางและมผี คู้ นมากมายเหมอื นปจั จบุ นั

เมอื งแพรม่ ชี อ่ื เรยี กกนั หลายอยา่ ง ตาํ นานเมอื งเหนือเรยี กว่า “พลนคร” หรอื “เมอื งพล”
ดงั ปรากฏในตํานานสรา้ งพระธาตุลาํ ปางหลวงว่า

“เบอ้ื งหน้าแต่นนั้ นานมา ยงั มพี ระยาสามนตราชองคห์ น่งึ เสวยราชสมบตั ใิ นพลรฐั นคร
อนั มใี นทใ่ี กลก้ นั กบั ลมั ภกปั ปะนคร (ลาํ ปาง) น่ี ทราบวา่ สรรี พระธาตุพระพุทธเจา้ มใี นลมั ภกปั ปะนคร
กป็ รารถนาจะใครไ่ ด้”

ในสมยั ขอมเรอื งอํานาจ ราว พ.ศ. ๑๔๗๐ - ๑๕๔๐ นนั้ พระนางจามเทวไี ดแ้ ผ่อํานาจเขา้
ครอบครองดนิ แดนในเขตลานนา ไดเ้ ปลย่ี นช่อื เมอื งในเขตลานนาเป็นภาษาเขมร เชน่ ลาํ พนู เป็น
หรภิ ุญไชย น่านเป็นนนั ทบุรี เมอื งแพรเ่ ป็นโกศยั นคร หรอื นครโกศยั

ชอ่ื ทป่ี รากฏในศลิ าจารกึ พอ่ ขนุ รามคําแหง เรยี กวา่ “เมอื งพล” และไดก้ ลายเสยี งตามหลกั
ภาษาศาสตรเ์ ป็น “แพร”่ ชาวเมอื งนยิ มออกเสยี งวา่ “แป้”

เมืองแพร่สมยั ก่อนกรงุ สโุ ขทยั

จลุ ศกั ราช ๔๒๑-๔๘๐ (พ.ศ. ๑๖๕๔-พ.ศ. ๑๗๗๓) พงศาวดารโยนก กลา่ วถงึ เมอื งแพรว่ า่
“จลุ ศกั ราช ๔๖๑ (พ.ศ. ๑๖๕๔) ขนุ จอมธรรมผคู้ รองเมอื งพะเยา เมอ่ื ครองเมอื งพะเยาได้ ๓
ปี กเ็ กดิ โอรสองคห์ น่งึ ขนานนามวา่ เจอื๋ ง ต่อมาไดเ้ ป็น ขนุ เจอื๋ ง”
พอขนุ เจอ๋ื งอายไุ ด้ ๑๖ ปี ไปคลอ้ งชา้ ง ณ เมอื งน่าน พระยาน่านตนช่อื วา่ “พละเทวะ” ยก
ราชธดิ าผชู้ อ่ื ว่า นางจนั ทรเ์ ทวใี หเ้ ป็นภรรยาขุนเจอ๋ื ง แลว้ ขนุ เจอื๋ งกไ็ ปคลอ้ งชา้ ง ณ เมอื งแพร่ พระยา
แพรค่ นชอ่ื พรหมวงศ์ ยกราชธดิ าผชู้ อ่ื ว่า นางแกว้ กษตั รยี ใ์ หข้ นุ เจอ๋ื ง
พงศาวดารเมอื งเงนิ ยางเชยี งแสนกลา่ วถงึ ความตอนน้วี ่า เมอ่ื ตตยิ ศกั ราช ๔๒๑ ขนุ เจยี ง
ประสตู ิ ครนั้ อายไุ ด้ ๑๗ ปี ไปคลอ้ งชา้ งทเ่ี มอื งแพร่ พญาแพรช่ อ่ื พรหมวงั โส ยกลกู สาวช่อื นางแกว้
อสิ ตั รใี หข้ นุ เจยี งพรอ้ มกบั ชา้ งอกี ๕๐ เชอื ก
แทรกกล่าว จากพงศาวดารทงั้ ๒ ฉบบั ดงั กลา่ ว จะเหน็ ไดว้ า่ เมอื งแพรเ่ ป็นเมอื งทส่ี รา้ งขน้ึ
แลว้ ในระหว่างจลุ ศกั ราช ๔๒๑ - ๔๖๑ (พ.ศ. ๑๖๑๔ - ๑๖๕๔) แต่คงเป็นเมอื งขนาดเลก็ และจะตอ้ งเลก็
กว่าเมอื งพะเยาดว้ ย



อน่งึ ในระหวา่ งจลุ ศกั ราช ๔๖๒ - ๔๘๐ (พ.ศ. ๑๖๕๕ - พ.ศ. ๑๗๗๓) เมอื งแพรอ่ ยใู่ น
อาํ นาจการปกครองของขอมเพราะในระยะเวลาดงั กล่าว ขอมเรอื งอํานาจอยใู่ นอาณาจกั รลานนาไทย

มขี อ้ น่าสงั เกตว่าในระยะทข่ี อมเรอื งอํานาจไดเ้ ปลย่ี นช่อื เมอื งแพรเ่ ป็นโกศยั นคร (โกศยั
หมายถงึ ผา้ แพรเน้อื ด)ี แต่ไมม่ เี หตุการณ์สาํ คญั อะไรปรากฏใหเ้ หน็

เมืองแพร่สมยั กรงุ สโุ ขทยั (จลุ ศกั ราช ๔๘๐ - ๖๒๙ พ.ศ. ๑๗๗๓ - พ.ศ. ๑๙๒๒)

จลุ ศกั ราช ๔๘๐ พ.ศ. ๑๗๗๓ เมอ่ื ขอมเสอ่ื มอํานาจลง พ่อขนุ บางกลางท่าวและขนุ ผา
เมอื งไดร้ วมกนั ลงเขา้ ดว้ ยกนั ยกเขา้ ตกี รงุ สุโขทยั ซง่ึ ตอนนนั้ เป็นเมอื งหน้าด่านของขอม

จลุ ศกั ราช ๕๐๗ พ.ศ. ๑๘๐๐ ฝา่ ยไทย คอื พ่อขนุ บางกลางทา่ วมชี ยั ชนะแก่พวกขอม พอ่
ขนุ บางกลางท่าวประกาศตนเป็นอสิ ระ ยกเมอื งสุโขทยั เป็นราชธานขี องเมอื งไทย

หวั เมอื งต่างๆ ในเขตลานนา ไดแ้ ก่ เชยี งใหม่ เชยี งราย ลาํ พนู พะเยา ลาํ ปาง แพร่ น่าน จงึ
ต่างเป็นอสิ ระไมย่ อมขน้ึ แก่ใคร

จลุ ศกั ราช ๕๒๗ พ.ศ. ๑๘๒๐ พ่อขนุ รามคาํ แหงไดข้ ยายอาณาเขตออกไปอยา่ ง
กวา้ งขวางดงั ปรากฏในศลิ าจารกึ กลา่ ววา่

“๐ …. ตนนวนร ด ม แพล ม ม น ม น …. เมองพ
ลาว ….)”

หอสมดุ แหง่ ชาตถิ อดความไดว้ ่า
“เบอ้ื งตนี นอนรอดเมอื งแพล เมอื งมา่ น เมอื งน่าน เมอื งพลวั ”
แทรกกล่าว เมอ่ื พจิ ารณาตามสภาพภูมศิ าสตร์ “เมอื งแพล” ตงั้ อยทู่ างทศิ เหนอื ของกรงุ
สุโขทยั และเมอื งทอ่ี ย่ทู างทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ของเมอื งแพร่ คอื เมอื งน่าน
ดงั นนั้ จงึ กล่าวไดว้ ่า “เมอื งแพล” ทป่ี รากฏในศลิ าจารกึ กค็ อื “เมอื งแพร่” นนั่ เอง
จลุ ศกั ราช ๖๒๙ พ.ศ. ๑๙๒๒ แผ่นดนิ สมยั พระเจา้ ไสยลอื ไท สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าช
(พะงวั่ ) กษตั รยิ แ์ ห่งกรงุ ศรอี ยธุ ยาไดย้ กทพั ขน้ึ มาตกี รงุ สุโขทยั และไดช้ ยั ชนะ กรุงสุโขทยั จงึ ตกอยใู่ ต้
อาํ นาจของกรงุ ศรอี ยธุ ยา เมอื งแพรจ่ งึ ตงั้ ตนเป็นอสิ ระอกี ครงั้ หน่งึ
พงศาวดารเมอื งน่าน กล่าวถงึ เมอื งแพรว่ ่า
จลุ ศกั ราช ๖๕๒ พ.ศ. ๑๙๕๔ สมยั เจา้ ศรจี นั ต๊ะครองเมอื งน่านได้ ๑ ปี กม็ พี ระยาแพรส่ อง
คนพน่ี ้อง คนพช่ี อ่ื พระยาเถร คนน้องช่อื พระยาอุ่นเมอื ง ยกกองทพั ไปตเี มอื งน่าน จบั ตวั เจา้ ศรจี นั ต๊ะฆ่า
เสยี แลว้ พระยาเถรกข็ น้ึ ครองเมอื งน่านแทน
ฝา่ ยอนุชาของเจา้ ศรจี นั ต๊ะ ช่อื เจา้ หุง หนไี ปพง่ึ พระยาชะเลยี งทเ่ี มอื งชะเลยี ง (ซง่ึ ขณะนนั้
เมอื งชะเลยี งขน้ึ ต่อพระเจา้ ไสยฤาไท แห่งกรงุ สุโขทยั )
พระยาเถร ครองเมอื งน่านได้ ๖ เดอื นกบั ๙ วนั กล็ ม้ ปว่ ยเป็นไขโ้ ลหติ ออกจากรขู มุ ขนถงึ
แก่กรรม พระยาอุ่นเมอื งผนู้ ้องจงึ ครองเมอื งน่านแทน
พระยาอ่นุ เมอื ง ครองเมอื งน่านไดเ้ พยี ง ๑ ปี เจา้ หุงอนุชาของเจา้ ศรจี นั ต๊ะกค็ ุมพลชาว



ชะเลยี งยกมารบพงุ่ ชงิ เอาเมอื งคนื เจา้ หุงจบั ตวั พระยาอุ่นเมอื งไดน้ ําไปถวายพระยาใตแ้ ละถูกกกั ตวั ไวท้ ่ี
เมอื งชะเลยี งเป็นเวลาถงึ ๑๐ ปี และถงึ แก่กรรมทน่ี นั่ ดว้ ย

ตานานเมอื งเหนือ กลา่ ววา่
ในสมยั พระเจ้าติโลกราช จลุ ศกั ราช ๘๐๕ พ.ศ. ๑๙๘๖ กษตั รยิ เ์ มอื งเชยี งใหมย่ ก
กองทพั ไปตเี มอื งน่านและไดช้ ยั ชนะ พญาอนิ ต๊ะแก่น เจา้ เมอื งน่านหนไี ปเมอื งชะเลยี ง
ขณะทพ่ี ระองคก์ ําลงั ตเี มอื งน่านอยนู่ นั้ ไดแ้ ต่งกองทพั ใหพ้ ระมหาเทวผี มู้ ารดายกไปตเี มอื ง
แพร่ พระมหาเทวยี กกองทพั ไปถงึ เมอื งแพรก่ ใ็ หท้ หารลอ้ มไว้
ฝ่ายท้าวแมค่ ณุ เจ้าเมืองแพร่ เหน็ กาํ ลงั ทหารของกองทพั เชยี งใหมเ่ ขม้ แขง็ กวา่ จงึ
ออกไปอ่อนน้อมต่อพระมหาเทวี และพระมหาเทวกี ใ็ หท้ า้ วแมค่ ุณครองเมอื งแพรด่ งั เดมิ
พงศาวดารโยนก กล่าวถงึ ความตอนน้แี ละแตกต่างไปจากตํานานเมอื งเหนือวา่
จลุ ศกั ราช ๘๐๕ พ.ศ. ๑๙๘๖ พระเจา้ ตโิ ลกราชแห่งนครเชยี งใหมไ่ ดท้ รงทราบว่าเจา้ มอื ง
น่านไดก้ ระทาํ เหตุหลอกลวงพระองค์ ดงั นนั้ กท็ รงพระพโิ รธ จงึ เสดจ็ ยกทพั หลวงไปตเี มอื งน่าน กองทพั
ยกออกจากเมอื งเชยี งใหมใ่ นวนั ขน้ึ ๑๓ ค่าํ เดอื นย่ี ปีกุน เบญจศก แลว้ แบ่งกองทพั ใหพ้ ระมหาเทวผี ู้
เป็นชนนยี กไปตเี มอื งแพรอ่ กี ทพั หน่งึ
กองทพั พระมหาเทวยี กมาถงึ เมอื งแพร่ กแ็ ต่งทหารเขา้ ลอ้ มเมอื งแพรไ่ ว้ มหี นงั สอื แจง้ เขา้
ไปใหเ้ จา้ เมอื งแพรอ่ อกมาถวายบงั คม
ฝา่ ยทา้ วแมค่ ุณ ผคู้ รองเมอื งแพรก่ แ็ ต่งพลรกั ษาเมอื งมนั่ ไวไ้ มอ่ อกไปถวายบงั คมและไม่
ออกต่อรบกองทพั เชยี งใหม่จะหกั เอาเมอื งแพรก่ ม็ ไิ ด้ นายทพั นายกองทงั้ หลายจงึ คดิ ทาํ ปืนปเู่ จา้ ยงิ เขา้
ไปในเมอื งแพร่ นดั แรกกระสนุ ตอ้ งตน้ ตาลใหญ่ในเมอื งแพรห่ กั เพยี งคอ นดั ทส่ี องถกู กลางตน้ ตาลหกั
โค่นลง ทา้ วแมค่ ุณเหน็ ดงั นนั้ กต็ กใจกลวั จงึ ออกไปถวายบงั คมต่อพระมหาเทวี พระมหาเทวจี งึ ใหท้ า้ ว
แมค่ ุณครองเมอื งแพรด่ งั เก่า แลว้ เลกิ ทพั กลบั เชยี งใหม่

เมืองแพร่สมยั กรงุ ศรีอยธุ ยา (จลุ ศกั ราช ๘๒๒ พ.ศ. ๒๐๐๓)

สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ยกทพั หลวงจากกรงุ ศรอี ยธุ ยาขน้ึ มาตเี มอื งแพรท่ างเขาพงึ
หมน่ื ดง้ นคร รกั ษาเมอื งเชยี งใหมแ่ ทนพระเจา้ ตโิ ลกราช ซง่ึ เสดจ็ ไปตเี มอื งพง ยกกองทพั ไป
ตงั้ รบั ไว้
พอพระเจา้ ตโิ ลกราชทรงทราบขา่ ว จงึ เสดจ็ ยกทพั หลวงลงไปชว่ ยหมน่ื ดง้ นคร สมเดจ็
พระเจา้ บรมไตรโลกนาถ จงึ ลา่ ถอยทพั กลบั กรงุ ศรอี ยธุ ยา
หนงั สอื สงั คมศกึ ษา เขตการศกึ ษา ๘ กลา่ วถงึ ความตอนน้วี า่
ปี พ.ศ. ๒๐๐๓ สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถใหร้ าชโอรสพระนามวา่ พระอนิ ทราชาเป็น
แมท่ พั หน้ายกไปตเี มอื งเชยี งใหม่ ตเี มอื งรายทางถงึ ลาํ ปาง พระอนิ ทราชาเขา้ ชนชา้ งกบั แมท่ พั ขา้ ศกึ
ตอ้ งปืนสน้ิ พระชนมใ์ นทร่ี บ กองทพั พระอนิ ทราชาและกองทพั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถจาํ ตอ้ งยก
กลบั ขณะนนั้ เมอื งแพรอ่ ยใู่ นอาณาเขตของเชยี งใหม่



พระราชพงศาวดารกรงุ ศรอี ยธุ ยาฉบบั สมเดจ็ พระนพรตั นวดั พระเชตุพนกล่าวถงึ ตอนน้วี า่
ศกั ราช ๘๐๙ ปีเถาะ นพศก พระยาเชลยี งนํามหาราชมาเอาเมอื งพระพษิ ณุโลกเขา้ ปลน้ เมอื งเป็น
สามารถเอามไิ ด้ จงึ ยกทพั ไปเอาเมอื งกาํ แพงเพชร เขา้ ปลน้ เมอื งถงึ เจด็ วนั มไิ ด้ สมเดจ็ พระบรม ไตร
โลกนาถเจา้ และสมเดจ็ พระอนิ ทราชาเสดจ็ ขน้ึ ไปช่วยเมอื งกาํ แพงเพชรทนั และสมเดจ็ พระอนิ ท-ราชาตี
ทพั พระยาเกยี รตแิ ตก ทพั ท่านมาปะทะทพั หมน่ื นครไดช้ นชา้ งดว้ ยหมน่ื นคร และขา้ ศกึ ลาวทงั้ สเ่ี ขา้ รมุ
เอาชา้ งพระทน่ี งั่ ขา้ งเดยี ว ครงั้ นนั้ พระอนิ ทราชาเจา้ ตอ้ งปืน ณ พระพกั ตร์ ทพั มหาราชนนั้ เลกิ ทพั คนื ไป

จลุ ศกั ราช ๘๖๘ พ.ศ. ๒๐๔๙
แผน่ ดินสมยั พระเมอื งแก้วครองเมืองเชียงใหม่ ท้าวเมืองคาข่าย นําบรวิ ารหมจู่ ุมมา
เป็นขา้ พระเมอื งแกว้ จงึ ใหไ้ ปกนิ เมอื งแพร่ (กนิ = ครอง)
จลุ ศกั ราช ๘๗๐ พ.ศ. ๒๐๕๑ แมท่ พั กรงุ ใต้ (กรงุ ศรอี ยธุ ยา) ชอ่ื พระยากลาโหมยกเอา
รพ้ี ลมารบเมอื งแพร่ หม่นื จติ รเจา้ เมอื งน่านยกทพั มาช่วยต่อสดู้ ว้ ยจนไดช้ ยั ชนะ
จลุ ศกั ราช ๘๗๒ พ.ศ. ๒๐๕๓

แมท่ พั กรงุ ใตช้ อ่ื ขราโห (เพย้ี นมาจากคาํ วา่ “กลาโหม”) ยกทพั มารบเมอื งแพรอ่ กี หมน่ื คาํ
คาย เจา้ เมอื งละกอน (ลาํ ปาง) ยกทพั ไปช่วยเมอื งแพร่ รบกนั จนทพั เมอื งใตแ้ ตกพา่ ยหนกี ลบั ไป

ในปีเดยี วกนั คอื จลุ ศกั ราช ๘๗๒ พ.ศ. ๒๐๕๓
พระเมอื งแก้วให้เจ้าเมืองแพรส่ ร้อยไปกินเมืองน่าน แทนท้าวเมืองคาข่าย (หมน่ื สาม
ลา้ น)
ครนั้ จลุ ศกั ราช ๘๗๘ พ.ศ. ๒๐๕๙ พระเมอื งแกว้ ใหเ้ จ้าเมอื งแพรค่ ายอดฟ้ าไปครอง
เมอื งน่าน และทรงยา้ ยเจา้ เมอื งน่านไปครองเมอื งพะเยา
พระยาแพร่ยอดคาํ ฟ้าครองเมอื งน่าน (พ.ศ. ๒๐๕๙, พ.ศ. ๒๐๖๒, พ.ศ. ๒๐๖๙) ต่อมายก
ทพั ไปรบศกึ ทเ่ี ชยี งใหมป่ ว่ ยเป็นฝีเน้ือรา้ ยจนถงึ แก่กรรม
จลุ ศกั ราช ๙๘๕ พ.ศ. ๒๐๖๖

ขณะทพ่ี มา่ เขา้ ครอบครองลานนาไทย เจา้ อุ่นเฮอื นผคู้ รองเมอื งน่านไดร้ บกบั พมา่ สพู้ มา่
ไมไ่ ดห้ นีไปพง่ึ เมอื งชะเลยี ง

พอถงึ จลุ ศกั ราช ๙๘๖ พ.ศ. ๒๐๖๗ เจา้ อุ่นเฮอื นกค็ ุมพวกเขา้ หกั เอาเมอื งน่าน ไลข่ า้ ศกึ หนี
จากเมอื งน่านไปอยเู่ มอื งแพร่

จลุ ศกั ราช ๙๐๗ พ.ศ. ๒๐๘๘

เมอื งเชยี งใหมเ่ กดิ จลาจล ทางกรงุ ศรอี ยธุ ยาแผ่นดนิ สมเดจ็ พระไชยราชาไดย้ กกองทพั
ขน้ึ มาตเี มอื งเชยี งใหม่

พระนางจริ ะประภา ราชธดิ าเจา้ เมอื งเชยี งใหมไ่ ดน้ ําเอาเครอ่ื งราชบรรณาการไปถวาย
พระไชยราชาจงึ ยกกองทพั กลบั เมอื งแพรจ่ งึ ตกอยใู่ ตอ้ าํ นาจของกรงุ ศรอี ยธุ ยาไปดว้ ย

จลุ ศกั ราช ๙๑๒ พ.ศ. ๒๐๙๓



พระยาแพร่ เป็นท่ีพระยาสามล้านเชียงใหม่ไดร้ ว่ มกนั คบคดิ จะเป็นใหญ่ในนครพงิ คก์ บั

พระยาลา้ นชา้ ง พระยาหวั เวยี งลา้ นชา้ งรวบรวมไพรพ่ ลยกกาํ ลงั เขา้ ไปถงึ นครพงิ คจ์ กั กระทาํ รา้ ยแก่

เมอื ง ครนั้ กระทาํ มไิ ดก้ อ็ อกหนีไป
ฝา่ ยเจา้ ขนุ ทงั้ หลายในนครพงิ คต์ ่างกแ็ ต่งทหารออกรบ พระยาสามลา้ น (พระยาแพร)่ และ

พวกกแ็ ตกพ่ายหนไี ปเมอื งแพร่

จลุ ศกั ราช ๙๒๐ พ.ศ. ๒๑๐๑

พระเจา้ บุเรงนองกษตั รยิ พ์ ม่ายกกองทพั มาตเี มอื งเชยี งใหม่ ทหารเมอื งเชยี งใหมม่ นี ้อยกว่า

พมา่ อกี ทงั้ กองทพั พระเจา้ บเุ รงนองเขม้ แขง็ ชาญศกึ สงครามกว่าพม่าจงึ ไดช้ ยั ชนะ

เชยี งใหมต่ กเป็นประเทศราชของพมา่ เมอื งแพรจ่ งึ ตกอยใู่ ตอ้ ํานาจของพมา่ ดว้ ย

พมา่ ปกครองประเทศราชในอาณาจกั รลานนาไทย อนั ไดแ้ ก่ เชยี งใหม่ เชยี งราย ลาํ ปาง

ลาํ พนู พะเยา แพร่ น่าน ดว้ ยการใหข้ นุ นางของพม่าพรอ้ มดว้ ยทหารจาํ นวนหน่ึงอยเู่ ป็นขา้ หลวงอยู่

กาํ กบั เมอื ง

จลุ ศกั ราช ๙๓๑ พ.ศ. ๒๑๑๑

อาณาจกั รลานนาไทยถูกพม่าเกณฑใ์ หย้ กกองทพั ไปชว่ ยรบกรงุ ศรอี ยธุ ยา เมอื งแพรก่ ย็ ก

กองทพั รว่ มไปกบั พมา่ ครงั้ น้ีดว้ ย

และในทส่ี ุด จลุ ศกั ราช ๙๓๒ พ.ศ. ๒๑๑๒ กรงุ ศรอี ยธุ ยากแ็ ตก ตกเป็นเมอื งขน้ึ ของพมา่

อาณาจกั รลานนาไทยจงึ ตกอยใู่ ตอ้ าํ นาจของพม่าดงั เดมิ

จลุ ศกั ราช ๙๘๓ พ.ศ. ๒๑๖๓

แผน่ ดนิ สมเดจ็ พระเจา้ ทรงธรรม กรงุ ศรอี ยธุ ยามกี องทพั ไมค่ อ่ ยเขม้ แขง็ เกรยี งไกร

อาณาจกั รลานนาจงึ ตงั้ ตนเป็นอสิ ระไมข่ น้ึ ต่อกรงุ ศรอี ยธุ ยา

จลุ ศกั ราช ๙๙๗ พ.ศ. ๒๑๗๗

พระเจา้ สุทโธธรรมราชา กษตั รยิ พ์ มา่ ไดย้ กกองทพั มาตเี มอื งเชยี งใหมแ่ ละจบั กุมเอาตวั

พระเจา้ เชยี งใหมไ่ ปคุมขงั ไวท้ เ่ี มอื งหงสาวดี

เมอ่ื จดั การปกครองในเมอื งเชยี งใหมเ่ รยี บรอ้ ยแลว้ พระเจา้ สุทโธธรรมราชายกทพั ไปปราบ

เมอื งต่างๆ ในเขตลานนาไทยยดึ เมอื งทุกเมอื งไวใ้ นอาํ นาจ เมอื งแพร่จงึ ตกอยใู่ นอํานาจของพม่าอกี ครงั้

จลุ ศกั ราช ๑๐๒๔ พ.ศ. ๒๒๐๕

แผ่นดนิ สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราชโปรดใหย้ กกองทพั ขน้ึ ไปตเี มอื งเชยี งใหม่ พระองคท์ รง

เป็นจอมทพั ตหี วั เมอื งรายทางตงั้ แต่ลาํ ปาง แพร่ ลาํ พูน จนถงึ เมอื งเชยี งใหม่ โปรดใหเ้ จา้ พระยาโกษา

เหลก็ ถมดนิ ทําเป็นเชงิ เทนิ ตงั้ ปืนใหญ่ ยงิ กราดเขา้ ไปในเมอื งเชยี งใหม่ เชยี งใหมก่ แ็ ตก
ฝา่ ยกองทพั พมา่ ยกมาแต่เมอื งองั วะเพอ่ื ช่วยเหลอื เมอื งเชยี งใหม่ (เพราะพม่าปกครองเมอื ง

เชยี งใหม่) กถ็ ูกทพั ไทยซุ่มโจมตกี ระหนาบแตกพ่ายยบั เยนิ ไป

ดงั นนั้ อาณาจกั รลานนาจงึ ตกอยใู่ ตอ้ าํ นาจของกรุงศรอี ยธุ ยา

แทรกกล่าว มขี อ้ น่าสงั เกตวา่ ตลอดระยะเวลาทผ่ี ่านมาเมอื งแพร่มกี ารเปลย่ี นแปลงอยู่

ตลอดเวลา ขณะใดทก่ี องทพั เมอื งเชยี งใหมเ่ ขม้ แขง็ เมอื งแพรก่ จ็ ะขน้ึ อยกู่ บั เชยี งใหม่ หากขณะใดท่ี



กองทพั กรงุ ศรอี ยธุ ยาเขม้ แขง็ เมอื งแพรก่ จ็ ะขน้ึ อยกู่ บั กรงุ ศรอี ยธุ ยา ระยะเวลาใดทท่ี งั้ สองฝา่ ยอ่อนแอ
หรอื เกดิ จลาจล เมอื งแพรก่ จ็ ะตงั้ ตนเป็นอสิ ระทนั ที

จลุ ศกั ราช ๑๑๐๓ พ.ศ. ๒๒๘๓ พระเจา้ องั วะ กษตั รยิ พ์ มา่ ใหโ้ ปทพั พะการมงั ดเี ป็นแมท่ พั
ยกกําลงั หน่งึ หมน่ื คนมาตเี มอื งเทนิ เมอื งแพร่ เมอื งน่าน กวาดตอ้ นผคู้ นในเมอื งดงั กลา่ วไปไวท้ เ่ี มอื ง
เชยี งแสน

ในปีต่อมา จลุ ศกั ราช ๑๑๐๔ พ.ศ. ๒๒๘๔
พระยาแพร่พร้อมกบั เจ้าเมอื งฝ่ายเหนือ มพี ระยายองเป็นตน้ ต่างรวบรวมไพร่พล ยก
เขา้ รบพงุ่ ฆา่ ฟนั พมา่ ทป่ี กครองเมอื งเชยี งแสน พมา่ ทราบขา่ วจงึ ส่งกองทพั ใหญ่ลงมาช่วย พระนคร
ลาํ ปางจงึ กวาดตอ้ นผคู้ นของตนไปไวท้ เ่ี มอื งเทงิ
ส่วนพระยายองและพระยาแพร่ ไดน้ ําผคู้ นของตนไปไวท้ เ่ี มอื งภคู า (อําเภอปวั จ.น่าน)
แต่กถ็ ูกพมา่ ตามตแี ตกพ่ายจนตอ้ งหนีเขา้ ไปในเมอื งน่าน
จลุ ศกั ราช ๑๑๐๕ พ.ศ. ๒๒๘๕ เจา้ เมอื งแพร่ และเจา้ เมอื งน่านพรอ้ มดว้ ยเจา้ เมอื งฝา่ ย
ลานนา มพี ระยายองเป็นหวั หน้า ต่างรวมกําลงั ไพรพ่ ลยกไปรบพมา่ ทป่ี กครองเมอื งเชยี งแสนแลว้ ตงั้ ตน
เป็นอสิ ระนครอกี ครงั้ หน่งึ
จลุ ศกั ราช ๑๑๒๑ พ.ศ. ๒๓๐๒
เจ้าชายแก้ว โอรสพระยาสลุ ะวะฤาไชยสงคราม (ทิพช้าง) เจา้ เมอื งละกอน (ลาํ ปาง) พา
ครอบครวั ญาตพิ น่ี ้องและบรวิ ารหนีทา้ วลน้ิ ก่านไปซ่องสุมผคู้ นอยเู่ มอื งแพร่ แลว้ ยกกองทพั ไปรบกบั ทา้ ว
ลน้ิ ก่านทเ่ี มอื งลาํ ปางแต่สไู้ ม่ไดจ้ งึ หนไี ปพง่ึ พมา่
จลุ ศกั ราช ๑๑๒๓ พ.ศ. ๒๓๐๔
กองทพั พมา่ ยกมาตเี มอื งเชยี งใหม่ ครนั้ แลว้ กย็ กกองทพั เขา้ ตเี มอื งลาํ ปาง (เจา้ ชายแกว้ ซง่ึ
หนีไปพงี พมา่ เมอ่ื คราวก่อนรว่ มมากบั กองทพั พมา่ ดว้ ย) พมา่ ยดึ เมอื งลาํ ปางได้ เจา้ ชายแกว้ จงึ จบั ทา้ ว
ลน้ิ ก่านประหารชวี ติ เสยี
กองทพั พมา่ ยกมายดึ ครองเมอื งแพร่ เมอื งน่าน และลานนาไทยเกอื บทงั้ หมด ครนั้ ปีต่อมา
พมา่ จาํ ตอ้ งยกกองทพั กลบั เพราะเกดิ จลาจลในเมอื งองั วะ
จลุ ศกั ราช ๑๑๒๙ พ.ศ. ๒๓๑๐ พวกชาวลานนาไทย ถกู พมา่ ขม่ เหงรงั แกเบยี ดเบยี น
บอ่ ยครงั้ จงึ คดิ จะกอบกอู้ สิ รภาพ พระเจา้ มงั ระกษตั รยิ พ์ ม่าทราบขา่ วได้นํากองทพั ใหญ่ลงมาปราบ
อาณาจกั รลานนาไวไ้ ดท้ งั้ หมด
หลงั จากปราบปรามหวั เมอื งฝา่ ยเหนือแลว้ พระเจา้ มงั ระกก็ รฑี าทพั เขา้ ตกี รงุ ศรอี ยธุ ยา และ
ในทส่ี ุดกรงุ ศรอี ยธุ ยากเ็ สยี อสิ รภาพแก่พมา่
เมอื งแพรจ่ งึ ตกอยใู่ ตอ้ าํ นาจของพมา่ อกี ครงั้ หน่งึ จนถงึ จลุ ศกั ราช พ.ศ. ๑๑๓๑ พ.ศ.
๒๓๑๒

เมืองแพร่สมยั กรงุ ธนบรุ ี

จลุ ศกั ราช ๑๑๓๑ พ.ศ. ๒๓๑๒ พงศาวดารกรงุ ธนบุรี ฉบบั หอสมดุ แห่งชาตกิ ลา่ ววา่



หลงั จากกรุงศรอี ยธุ ยาแตกเพยี งปีเดยี ว สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ กไ็ ดร้ วบรวมกําลงั ไพรพ่ ล
ต่อสกู้ บั พมา่ ทค่ี า่ ยโพธสิ ์ ามตน้ กรงุ ศรอี ยธุ ยา พษิ ณุโลก พชิ ยั สวรรคโลกจนขา้ ศกึ แตกพา่ ยหนีไป

จลุ ศกั ราช ๑๑๓๒ พ.ศ. ๒๓๑๓ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ ทรงเหน็ วา่ อาณาจกั รลานนายงั มี
พมา่ ยดึ ครองอยมู่ าก จงึ โปรดใหย้ กกองทพั ขน้ึ ไปตพี มา่ ทค่ี รองเมอื งเชยี งใหม่

ขณะเดนิ ทางเรอื มาถงึ เมอื งพชิ ยั กม็ เี จา้ มงั ชยั ผปู้ กครองเมอื งแพรพ่ าขนุ นางกรมการเมอื ง
และไพรพ่ ลเขา้ เฝ้าถวายบงั คมขอเป็นเมอื งในขอบขณั ฑสมี า

สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ จงึ โปรดแต่งตงั้ ใหเ้ ป็น “พระยาศรสี ุรยิ วงศ์” แลว้ ใหเ้ ขา้ รว่ มขบวนทพั
ยกทพั ไปตเี มอื งเชยี งใหม่

พระราชพงศาวดารฉบบั หอสมดุ แหง่ ชาตกิ ลา่ วถงึ ความตอนน้วี ่า
“พระยาแพร่ ผชู้ ่อื วา่ มงั ไชย พมา่ จบั ตวั ไปครงั้ ทพั อะแซหวุ่นกม้ี าตเี มอื งพษิ ณุโลกมากบั
กองทพั ครงั้ น้ีดว้ ย พระยาแพรม่ จี ติ คดิ สวามภิ กั ดใิ ์ นสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั กรงุ เทพฯ จงึ คดิ อ่านชกั ชวน
พระยายองยกกองทพั ไปตเี มอื งเชยี งแสน เจา้ เมอื งเชยี งแสนสไู้ มไ่ ดจ้ งึ หนีไปหาพระยาเชยี งราย พระยา
แพร่ และพระยายอง กย็ กทพั ตดิ ตามไปทเ่ี ชยี งราย
พระยาเชยี งรายเหน็ ว่า พระยาแพรแ่ ละพระยายองเป็นชนชาตเิ ชอ้ื ลาวดว้ ยกนั จงึ จบั ตวั
เจา้ เมอื งเชยี งแสนช่อื อาปรกามณี เป็นชาวพมา่ ส่งใหพ้ ระยาแพรแ่ ละพระยายอง”
พระราชพงศาวดารเมอื งเหนือ กลา่ วถงึ ความตอนน้วี ่า
จลุ ศกั ราช ๑๑๓๓ พ.ศ. ๒๓๑๔ เมอ่ื พระเจา้ กรงุ ธนบรุ ยี กทพั ไปตเี ชยี งใหม่, มงั ไชยะ
เจา้ เมอื งแพรม่ าสวามภิ กั ดจิ ์ งึ โปรดตงั้ ใหเ้ ป็นพระยาศรสี ุรยิ วงศแ์ ลว้ เกณฑไ์ ปตเี มอื งเชยี งใหมด่ ว้ ย
ปีกุน เอกศก จลุ ศกั ราช ๑๑๔๑ เจา้ พระยาจกั รี และเจา้ พระยาสุรสหี ไ์ ดแ้ ต่งกองทพั หลวง
๓๐๐ คน ใหม้ าตรวจราชการทางเมอื งแพร่ เมอื งน่าน ตลอดไปจนถงึ เมอื งนครลาํ ปาง
กองขา้ หลวงดงั กล่าวไดท้ าํ โจรกรรมแยง่ ชงิ ทรพั ยส์ นิ ของราษฎร ฉุดครา่ บุตรภรรยาของ
ชาวบา้ นไปทําอนาจารต่างๆ ราษฎรไดน้ ําความเขา้ รอ้ งทกุ ขต์ ่อพระยากาวลิ ะ เจา้ เมอื งนครลาํ ปาง
พระยากาวลิ ะขดั ใจกย็ กพวกไพรพ่ ลออกไปขบั ไล่ฆา่ ฟนั ขา้ หลวงทอ่ี ยบู่ า้ นวงั เกงิ ลม้ ตายไปเป็นจาํ นวน
มาก
สมเดจ็ พระเจา้ กรุงธนบุรที รงทราบขา่ วจงึ ใหม้ ตี ราหาตวั พระยากาวลิ ะลงไปกรงุ เทพฯ แต่
พระยากาวลิ ะกข็ ดั ตราเสยี หาไปไม่ พระยากาวลิ ะคดิ จะทาํ ความชอบแกโ้ ทษทท่ี าํ ผดิ จงึ ยกกองทพั ไปตี
เมอื งลอ เมอื งเทงิ กวาดตอ้ นผคู้ นไปเป็นเชลยจาํ นวนมากแลว้ จงึ ลงไปเฝ้าทลู ละอองธุลพี ระบาท ณ กรงุ
ธนบรุ ี แต่พระยากาวลิ ะยงั ถูกลงโทษอกี นนั่ เองคอื ทรงใหเ้ ฆย่ี น ๑๐๐ ที แลว้ ใหจ้ าํ คุกไว้
พระยากาวลิ ะไดร้ อ้ งขออาสาไปตเี มอื งเชยี งแสนแกโ้ ทษ สมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบุรที รง
พระกรณุ าโปรดพระราชทานใหถ้ อดออกจากคกุ และใหไ้ ปทาํ ราชการตามเดมิ
พระยากาวลิ ะไปถงึ เมอื งปา่ ชา้ ง จงึ แต่งใหพ้ ระยาอุปราชคมุ พลรอ้ ยเศษไปเกลย้ี กล่อม
นาขวา เมอื งเชยี งแสน เพราะเวลานนั้ กองทพั พมา่ เลกิ ไปหมดแลว้ ใหน้ าขวารกั ษาเมอื งไวพ้ รอ้ มดว้ ย
ทหารพมา่ จาํ นวนหน่งึ



นาขวาปลงใจดว้ ยกบั พระยาอุปราช พระยากาวลิ ะจงึ ไดต้ วั พระยาแพร่ พระยาเถนิ คนื จาก
พมา่

จลุ ศกั ราช ๑๑๔๒ พ.ศ. ๒๓๒๓ เดอื น ๖ ขน้ึ ๖ ค่าํ พงศาวดารเมอื งน่านฉบบั หอสมดุ
แห่งชาตกิ ลา่ ววา่ พญาจา่ บา้ น พญาละกอน พญาแพร่ และชาวเมอื งหลวงพระบางไดร้ ว่ มกนั คบคดิ ยก
ทพั ไปพรอ้ มกนั ทส่ี มกก เพอ่ื ไปตเี มอื งเชยี งแสน และในทส่ี ดุ กต็ เี มอื งเชยี งแสนไดเ้ มอ่ื เดอื น ๗ ขน้ึ ๙ ค่าํ
วนั จนั ทรย์ ามเชา้

จลุ ศกั ราช ๑๑๔๔ พ.ศ. ๒๓๒๕ พงศาวดารกรงุ ธนบุรี ฉบบั หอสมดุ แหง่ ชาตกิ ลา่ วว่า
สมเดจ็ พระเจา้ กรุงธนบรุ ี ไดร้ บั ความรว่ มมอื รว่ มใจจากบุคคลสาํ คญั ของอาณาจกั รลานนาไทย เชน่ พระ
ยา จา่ บา้ น เจา้ กาวลิ ะทาํ การขบั ไลฆ่ า่ ฟนั พมา่ ทย่ี ดึ ครองเมอื งเชยี งใหมจ่ นพวกพมา่ แตกพ่ายหนีไป
หลงั จากนนั้ ไดเ้ ขา้ ตหี วั เมอื งอ่นื ๆ เช่น ลาํ ปาง ลาํ พนู เชยี งราย แพร่ น่าน ขบั ไลพ่ มา่ ไปจนหมดสน้ิ

เมอื งแพรแ่ ละเมอื งอ่นื ๆ ดงั กล่าวจงึ อยใู่ ตอ้ ํานาจของสมเดจ็ พระเจา้ กรงุ ธนบุรอี กี ครงั้ หน่งึ

เมืองแพร่สมยั กรงุ รตั นโกสินทรต์ อนต้น

ระหวา่ งจลุ ศกั ราช ๑๑๔๗ - จลุ ศกั ราช ๑๒๒๙ (พ.ศ. ๒๓๒๘ - พ.ศ. ๒๔๑๐)
จลุ ศกั ราช ๑๑๔๗ พ.ศ. ๒๓๒๘ พงศาวดารเมอื งเงนิ ยางเชยี งแสนกลา่ วว่ากษตั รยิ พ์ ม่า
แต่งใหก้ าละมงั ดเี ป็นแมท่ พั มกี ําลงั หมน่ื หน่งึ ยกมาตอี าณาจกั รลานนาแวะถงึ เมอื งเชยี งแสนในเดอื น ๔
ขน้ึ ๑๑ ค่าํ วนั เสาร์ เขา้ ยดึ เมอื งเชยี งแสนไดแ้ ลว้ ยกทพั เขา้ ตเี มอื งเทงิ
ฝา่ ยเมอื งเชยี งใหมแ่ ละละกอนลาํ ปาง ต่างพรอ้ มใจกนั รวบรวมไพรพ่ ลต่อสกู้ บั พมา่ และ
ป้องกนั เมอื งเอาไวไ้ ด้
ฝ่ายพญาแพร่ พญาน่าน เหน็ วา่ กองทพั พม่าใหญ่หลวงนกั เกรงจะสไู้ มไ่ ด้ จงึ บส่ บู้ ่รบ ยอม
อ่อนน้อมเป็นขา้ ของพมา่ แต่โดยดี
แมท่ พั พมา่ คอื กาละมงั ดี จงึ ใหพ้ ญาแพร่ พญาน่าน ยกกองทพั ไปแวดลอ้ มเมอื งละกอนไว้
เมอ่ื พมา่ ไมส่ ามารถตเี อาเมอื งใดได้ จงึ ล่าถอยทพั กลบั ไป
จลุ ศกั ราช ๑๑๔๘ พ.ศ. ๒๓๒๙ เดอื น ๕ เพญ็ พญาแพรพ่ รอ้ มกบั เจา้ เมอื งฝา่ ยเหนอื คดิ
กอบกเู้ อกราชคนื จากพมา่ จงึ ยกทพั ไปตเี มอื งเชยี งแสน มวยหวาน ซง่ึ ปกครองเมอื งเชยี งแสนหนพี ่าย
ไปเชยี งราย
พญาเชยี งรายจบั ตวั ไดส้ ่งไปยงั เมอื งละกอนลาํ ปาง พญาละกอนส่งตวั มวยหวานไปยงั
กรงุ เทพฯ
ฝา่ ยพญาละกอน เมอ่ื สง่ มวยหวานไปกรงุ เทพฯ แลว้ กย็ กกองทพั ไปเมอื งเชยี งแสนจบั ตวั
พญาแพร่ใส่คา จองจาํ สง่ ตวั ลงกรงุ เทพฯ
จลุ ศกั ราช ๑๑๖๘ พ.ศ. ๒๓๒๘ พมา่ ส่งกองทพั มาตหี วั เมอื งอาณาจกั รลานนา แต่เวลานนั้
ทางเมอื งเชยี งใหมย่ งั รา้ งอย่ไู มม่ ใี ครปกครอง จงึ เลยลงไปตเี มอื งลาํ ปาง เจา้ เมอื งลาํ ปางคอื พระยา
กาวลิ ะไดต้ ่อสตู้ า้ นทานทพั พมา่ สามารถรกั ษาเมอื งไวไ้ ด้ พมา่ จงึ แต่งกองทพั ใหล้ อ้ มเมอื งไวก้ ่อน

๑๐

พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกทรงทราบข่าวศกึ จงึ โปรดใหก้ รมหลวงเจษฎายก
กองทพั ขน้ึ มาชว่ ย

ฝา่ ยพระยากาวลิ ะ รวู้ า่ กองทพั ในกรงุ ขน้ึ มาช่วยกม็ กี ําลงั หา้ วหาญยกกองทพั ตฝี า่ วงลอ้ ม
ของพมา่ ออกจากเมอื ง ไดส้ รู้ บกนั ตงั้ แต่เชา้ จนเทย่ี ง กองทพั พมา่ จงึ แตกพ่ายไป

เมอ่ื กองทพั พมา่ ถูกไล่ออกจากอาณาจกั รลานนาแลว้ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าฯ ได้
โปรดพระราชทานบาํ เหน็จใหแ้ ก่เจา้ นายฝา่ ยเหนือโดยใหพ้ ระยากาวลิ ะเจา้ เมอื งลาํ ปางขน้ึ ไปครองเมอื ง
เชยี งใหม่

ส่วนพระยามงั ชยั เจ้าเมอื งแพร่ พระองคท์ รงเหน็ ว่าถา้ จะใหไ้ ปครองเมอื งแพรก่ ย็ งั ไมไ่ ว้
วางพระราชหฤทยั เพราะพระยามงั ชยั เคยอยกู่ บั พม่ามานาน จงึ โปรดใหไ้ ปช่วยราชการอย่ทู เ่ี มอื ง
ลาํ ปางก่อน

จลุ ศกั ราช ๑๑๗๑ พ.ศ. ๒๓๓๑ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกฯ ทรงโปรดให้
เจา้ เมอื งฝ่ายเหนือยกกองทพั ไปตเี มอื งเชยี งตุง พระยามงั ชยั เจา้ เมอื งแพร่ ซง่ึ ขณะนนั้ อยทู่ เ่ี มอื งลาํ ปาง
ไดร้ ว่ มไปกบั กองทพั ดว้ ย พระยามงั ชยั ไดแ้ สดงความหา้ วหาญชาญศกึ อาสาเป็นนายกองหน้าเขา้ ตเี มอื ง
เชยี งตุง และสามารถตเี มอื งเชยี งตุงจนไดช้ ยั ชนะ

พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกฯ ทรงเหน็ ความดแี ละความสามารถจงึ โปรดให้
กลบั ไปครองเมอื งแพรด่ งั เดมิ

หลงั จากรชั กาลของพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชแลว้ ประวตั ศิ าสตร์
เกย่ี วกบั เมอื งแพรไ่ มม่ กี ลา่ วถงึ จนกระทงั่ รชั กาลพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั

เมืองแพร่สมยั กรงุ รตั นโกสินทรต์ อนกลาง

ระหว่างจลุ ศกั ราช ๑๒๕๓ - จลุ ศกั ราช ๑๒๙๖ (พ.ศ. ๒๔๓๔ - พ.ศ. ๒๔๗๗)
จลุ ศกั ราช ๑๒๕๓ พ.ศ. ๒๔๓๔ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ทรงเปล่ียน
ระบอบการปกครองประเทศ เป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล มขี า้ หลวงเทศาภบิ าลสาํ เรจ็ ราชการ
มณฑลลดอํานาจเจา้ ผคู้ รองเมอื งใหน้ ้อยลงกวา่ เดมิ
เมอื งแพร่ พระองคไ์ ดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระยาไชยบรู ณ์ (ทองอยู่ สวุ รรณบาตร) ซง่ึ ขณะนนั้
ดาํ รงตาํ แหน่งปลดั มณฑลพษิ ณุโลก มาเป็นขา้ หลวงกํากบั การปกครองเมอื งแพรเ่ ป็นคนแรกในปี พ.ศ.
๒๕๔๐
หนงั สอื การปฏริ ปู การปกครองมณฑลพายพั พ.ศ. ๒๔๓๖ - พ.ศ. ๒๔๗๖ กล่าวถงึ ตอนน้วี ่า
เมอื งแพรจ่ ดั การปกครองแบบมณฑลเทศาภบิ าลหลงั จากพระยาทรงสุรเดช ไดไ้ ปตรวจ
ราชการในเมอื งแพรเ่ มอ่ื พ.ศ. ๒๔๓๗ กล่าวคอื
เมอื่ พระยาทรงสรุ เดชไปถึงเมืองแพร่ “พระยาพริ ยิ วไิ ชย” เจา้ เมอื งแพรไ่ ดใ้ หก้ ารตอ้ นรบั
พระยาทรงสรุ เดชเป็นอย่างดี พรอ้ มกบั แสดงความจาํ นงใหพ้ ระยาทรงสุรเดชทราบว่าตอ้ งการใหจ้ ดั
ราชการ ๖ ตําแหน่งขน้ึ ในเมอื งแพรใ่ หเ้ หมอื นกบั แบบแผนราชการเมอื งเชยี งใหม่ เหตุทพ่ี ระพริ ยิ วไิ ชย
เสนอเช่นนนั้ กป็ ระสงคจ์ ะขอพระราชทานเลอ่ื นยศขน้ึ เป็น “เจา้ ”

๑๑

พระยาทรงสุรเดชเหน็ วา่ งานราชการทงั้ หมดของเมอื งแพรต่ กอยใู่ นอาํ นาจของพระยา
พริ ยิ วไิ ชยทงั้ สน้ิ ดงั นนั้ เพ่อื ใหก้ ารปกครองของเมอื งแพรเ่ รยี บรอ้ ย จงึ ใหท้ าํ การทดลองจดั ราชการ ๖
ตําแหน่งขน้ึ ในเมอื งแพร่

พระยาทรงสุรเดชไดม้ อบหมายให้ นายราชาภกั ด์ิ ข้าหลวงเมอื งแพร่ ทาํ หน้าทเ่ี ป็น
ทป่ี รกึ ษาของพระยาพริ ยิ วไิ ชย จดั การราชการงานในเมอื งแพรร่ ว่ มกนั

แทรกกล่าว มขี อ้ น่าสงั เกตว่า
ประวตั ศิ าสตรเ์ มอื งเหนือของ ตรี อมาตยกุล กลา่ วว่า “โปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระยาไชยบรู ณ์ไป
เป็นขา้ หลวงกาํ กบั การปกครองเมอื งแพรเ่ ป็นคนแรกปี พ.ศ. ๒๔๔๐”
สว่ นปรญิ ญานิพนธข์ องสรสั วดี ประยรู เสถยี ร ขา้ งตน้ น้กี ล่าวว่า พระยาทรงสุรเดชได้
มอบหมายให้ นายราชาภกั ดิ ์ ขา้ หลวงเมอื งแพรท่ าํ หน้าทเ่ี ป็นทป่ี รกึ ษาของพระยาพริ ยิ วไิ ชย จดั การ
ราชการงานในเมอื งแพร่รว่ มกนั
จงึ ทาํ ใหเ้ ป็นทน่ี ่าสงสยั วา่ นายราชาภกั ดิ ์ หรอื พระยาไชยบรู ณ์เป็นขา้ หลวงเมอื งแพร่
คนแรกกนั แน่

กบฏเงยี้ วเมืองแพร่

จลุ ศกั ราช ๑๒๖๔ พ.ศ. ๒๔๔๕
ในขณะทพ่ี ระยาไชยบรู ณ์เป็นขา้ หลวงกํากบั การปกครองเมอื งแพรอ่ ยนู่ นั้ ปรากฏว่ามพี วก
เงย้ี วหรอื ไทยใหญ่ไดค้ บคดิ กนั ก่อการจลาจลขน้ึ ในเมอื งแพรซ่ ง่ึ มรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี
วนั ศุกรท์ ่ี ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๔๕ เวลาประมาณ ๗ นาฬกิ า พวกไทยใหญ่นําโดย
พะกาหมอ่ งและสะลาโปไชย หวั หน้าพวกโจรเงย้ี วนํากองโจรประมาณ ๔๐ - ๕๐ คน บุกเขา้ เมอื งแพร่
ทางดา้ นประตูชยั จโู่ จมสถานีตาํ รวจเป็นจดุ แรก
ขณะนนั้ สถานีตํารวจเมอื งแพรม่ ปี ระมาณ ๑๒ คน จงึ ไมส่ ามารถตา้ นทานได้ กองโจรเงย้ี ว
เขา้ ยดึ อาวุธตํารวจแลว้ พากนั เขา้ โจมตที ท่ี าํ การไปรษณีย์โทรเลข โจรเงย้ี วไดต้ ดั สายโทรเลขและทาํ ลาย
อุปกรณ์สอ่ื สารต่างๆ เพ่อื ตดั ปญั หาการส่อื สาร ครนั้ แลว้ กม็ งุ่ หน้าส่บู า้ นพกั ขา้ หลวงประจาํ เมอื งแพร่ แต่
ก่อนทก่ี องโจรเงย้ี วจะไปถงึ บา้ นพกั ขา้ หลวงนนั้ พระยาไชยบูรณ์ (ทองอยู่ สวุ รรณบาตร) ไดพ้ า
ครอบครวั พรอ้ มดว้ ยคุณหญงิ เยอ้ื น ภรยิ าหลบหนีออกจากบา้ นพกั ไปก่อนแลว้
พวกโจรเงย้ี วไปถงึ บา้ นพกั ไมพ่ บพระยาไชยบรู ณ์จงึ บกุ เขา้ ปลน้ ทรพั ยส์ นิ ภายในบา้ นพกั
ขา้ หลวง และสงั หารคนใชท้ ห่ี ลงเหลอื อยจู่ นหมดสน้ิ
จากนนั้ จงึ ยกกําลงั เขา้ ยดึ ท่ที าการเค้าสนามหลวง ทาํ ลายคลงั หลวงและกวาดเงนิ สดไป
ทงั้ หมด ๔๖,๙๑๐ บาท ๓๗ อฐั

๑๒

หลงั จากนนั้ พวกโจรเงย้ี วกม็ งุ่ ตรงไปยงั เรอื นจาํ เพอ่ื ปล่อยนกั โทษใหเ้ ป็นอสิ ระพรอ้ มกบั
แจกจ่ายอาวธุ ใหแ้ ก่นกั โทษเหลา่ นนั้ ทาํ ใหพ้ วกกองโจรเงย้ี วไดก้ ําลงั สนับสนุนเพมิ่ ขน้ึ อกี จนภายหลงั มี
กําลงั ถงึ ๓๐๐ คน

ในระหว่างทก่ี องโจรเงย้ี วเขา้ โจมตสี ถานทร่ี าชการต่างๆ อยนู่ ัน้ ราษฎรเมอื งแพร่ต่นื ตกใจ
กนั มาก บางส่วนไดอ้ พยพหลบออกไปอยนู่ อกเมอื งทนั ที กองโจรเงย้ี วจงึ ประกาศใหร้ าษฎรอยใู่ นความ
สงบ เพราะพวกตนจะไม่ทาํ รา้ ยชาวเมอื งจะฆา่ เฉพาะคนไทยภาคกลางทม่ี าปกครองเมอื งแพรเ่ ท่านนั้
ราษฎรจงึ ค่อยคลายความตกใจลง และบางส่วนไดเ้ ขา้ รว่ มกบั พวกกองโจรเงย้ี วกม็ ี ทาํ ใหก้ องโจรเงย้ี ว
ทาํ งานคลอ่ งตวั และมกี าํ ลงั เขม้ แขง็ ขน้ึ

ขณะเดยี วกนั พระยาไชยบรู ณ์ซง่ึ พาภรยิ า คอื คณุ หญงิ เยอ้ื นหลบหนีออกจากบา้ นพกั ตรง
ไปยงั คุม้ เจา้ หลวงเมอื งแพร่ หวงั ขอพง่ึ กาํ ลงั เจา้ เมอื งแพรห่ รอื เจา้ หลวงเมอื งแพร่ คอื พระยาพริ ยิ วไิ ชย

เมอ่ื ไปถงึ คุม้ เจา้ หลวง เจา้ หลวงเมอื งแพรก่ ลา่ วว่า “จะช่วยอยา่ งไรกนั ปืนกไ็ ม่มี ฉนั กจ็ ะหนี
เหมอื นกนั ”

พระยาไชยบรู ณ์ตดั สนิ ใจพาภรยิ าและหญงิ รบั ใชห้ นีออกจากเมอื งแพรไ่ ปทางบา้ นมหาโพธิ ์
เพ่อื หวงั ไปขอกาํ ลงั จากเมอื งอ่นื มาปราบ

สว่ นเจา้ เมอื งแพรน่ นั้ หาไดห้ ลบหนีไปตามคาํ อา้ งไม่ ยงั คงอยใู่ นคุม้ ตามเดมิ
ตอนสายของวนั ท่ี ๒๕ กรกฎาคม เมอ่ื กองโจรเงย้ี วสามารถยดึ เมอื งแพรไ่ ดแ้ ลว้ พะกา
หมอ่ งและสะลาโปไชยกไ็ ปทค่ี ุม้ เจา้ หลวง เพ่อื เชญิ ใหเ้ จา้ เมอื งแพรป่ กครองบา้ นเมอื งตามเดมิ
ก่อนจะปกครองเมอื ง พะกาหมอ่ งไดใ้ หเ้ จา้ เมอื งแพรแ่ ละเจา้ นายบุตรหลานทาํ พธิ ถี อื
น้ําสาบานก่อน โดยมพี ระยาพริ ยิ วไิ ชยเป็นประธานรว่ มดว้ ยเจา้ ราชบตุ ร เจา้ ไชยสงครามและเจา้ นาย
บุตรหลานอ่นื ๆ รวม ๙ คน
ในพธิ นี ้มี กี ารตกลงรว่ มกนั วา่ จะรว่ มกนั ต่อตา้ นกองทพั ของรฐั บาลโดยพวกกองโจรเงย้ี วเป็น
กองหน้าออกสรู้ บเอง สว่ นเจา้ เมอื งและคนอ่นื ๆ เป็นกองหลงั คอยสง่ อาหารและอาวุธตลอดทงั้ กาํ ลงั คน
วนั ท่ี ๒๖ กรกฎาคม พวกกองโจรเงย้ี วเรมิ่ ลงมอื ตามลา่ ฆา่ ขา้ ราชการไทยและคนไทย
ภาคกลางทุกคน ไมว่ ่าจะเป็นเดก็ หรอื สตรที ห่ี ลบหนีไปโดยประกาศใหร้ างวลั นําจบั เฉพาะคา่ หวั พระยา
ไชยบรู ณ์และพระเสนามาตยย์ กบตั รเมอื งแพร่ คนละ ๕ ชงั่ หรอื ๔๐๐ บาท นอกนนั้ ลดหลนั่ ลง
ตามลาํ ดบั ความสาํ คญั แต่อยา่ งต่าํ จะไดค้ ่าหวั คนละ ๔๐ บาท
วนั ท่ี ๒๗ กรกฎาคม พระยาไชยบรู ณ์ซง่ึ อดอาหารมาเป็นเวลา ๓ วนั กบั ๒ คนื โดยหลบ
ซ่อนอยบู่ นตน้ ขอ่ ยกลางทุ่งนาใกลๆ้ กบั หมบู่ า้ นรอ่ งกาด ไดอ้ อกจากทซ่ี ่อนเพ่อื ขออาหารจากชาวบา้ น
รอ่ งกาด
ราษฎรคนหน่งึ ในบา้ นรอ่ งกาดชอ่ื หนานวงศ์ จงึ นําความไปแจง้ ต่อพะกาหมอ่ งเพ่อื จะเอา
เงนิ รางวลั
พะกาหมอ่ งนํากําลงั ไปลอ้ มจบั พระยาไชยบรู ณ์ทนั ที จบั ตวั ไดก้ ค็ วบคุมตวั กลบั เขา้ เมอื ง
แพร่ และไดบ้ งั คบั ขเู่ ขญ็ พระยาไชยบรู ณ์ตลอดทาง

๑๓

พระยาไชยบรู ณ์จงึ ทา้ ทายใหพ้ วกโจรเงย้ี วฆ่าตนเสยี ดกี วา่ ดงั นนั้ พอมาถงึ ทางระหวา่ งรอ่ ง
กวางเคา (ปจั จบุ นั เรยี กว่าร่องคาว) โจรเงย้ี วคนหน่งึ ชอ่ื จองเซิน จงึ คดิ ฆา่ พระยาไชยบรู ณ์ทนั ที

นอกจากพระยาไชยบรู ณ์แลว้ พวกโจรเงย้ี วยงั ไดจ้ บั ขา้ ราชการไทยอกี หลายคนฆา่ ทส่ี าํ คญั

ไดแ้ ก่

พระเสนามาตย์ ยกกระบตั รศาล

หลวงวมิ ล ขา้ หลวงผชู้ ่วย

ขนุ พพิ ธิ ขา้ หลวงคลงั

นายเฟ่ือง ผพู้ พิ ากษา

นายแมน้ อยั การ

นายอําเภอ ปลดั อําเภอ และสมหุ บ์ ญั ชอี ําเภอต่างๆ อกี เป็นจาํ นวนมาก นบั เป็นการเขน่ ฆา่

ขา้ ราชการไทยครงั้ ยง่ิ ใหญ่จรงิ ๆ ในภาคเหนือ

ทางรฐั บาลไทยไดส้ ง่ กองทพั จากเมอื งใกลเ้ คยี ง เชน่ พชิ ยั สวรรคโลก สโุ ขทยั ตาก น่าน

และเชยี งใหม่ เขา้ มาปราบปรามพวกกองโจรเงย้ี วอยา่ งรบี ดว่ น โดยกําหนดใหท้ ุกเมอื งระดมกําลงั เขา้

ปราบปราม พวกกองโจรเงย้ี วในเมอื งแพรพ่ รอ้ มกนั ทุกดา้ น และยงั ไดม้ อบหมายใหเ้ จา้ พระยาสุรศกั ดิ ์

มนตรี (เจมิ แสงชโู ต) นํากองทพั หลวงขน้ึ มาปราบปรามพรอ้ มทงั้ ใหด้ ําเนินการสอบสวนสาเหตุการ

ปลน้ ครงั้ น้ีดว้ ยและใหถ้ อื วา่ เป็น “กบฏ” ดว้ ย ดงั นนั้ จงึ เรยี กวา่ กบฏเงย้ี วเมอื งแพร่
สว่ นพวกกองโจรเงย้ี วเมอ่ื สามารถก่อการกบฏไดส้ ําเรจ็ กไ็ มไ่ ดต้ ระเตรยี มกําลงั ป้องกนั แต่

อยา่ งใด

จนกระทงั่ วนั ท่ี ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๔๕ เมอ่ื ทราบขา่ วว่ากองทพั รฐั บาลจะมาปราบปราม

จงึ ไดแ้ บง่ กําลงั ออกเป็น ๒ กอง กองหน่ึงนําโดยสะลาโปไชย ยกกําลงั ไปทางดา้ นใตเ้ พ่อื ขดั ตาทพั

รฐั บาลทส่ี ่งมา อกี กองหน่งึ นําโดยพะกาหมอ่ ง ยกกําลงั ไปทางดา้ นตะวนั ตกเพอ่ื โจมตนี ครลาํ ปางหวงั ยดึ

เมอื งเป็นฐานกําลงั อกี แหง่ หน่งึ

การโจมตนี ครลาํ ปางนนั้ พวกกองโจรเงย้ี วตอ้ งประสบกบั ความผดิ หวงั เพราะนครลาํ ปางรู้

เหตุการณ์และเตรยี มกําลงั ไวต้ ่อสอู้ ยา่ งรวดเรว็

เมอ่ื พวกเงย้ี วไปถงึ นครลาํ ปางในวนั ท่ี ๓ สงิ หาคม จงึ ถูกฝายนครลาํ ปางตโี ตก้ ลบั ทาํ ให้

กองโจรเงย้ี วแตกพ่ายหนีกระจดั กระจายไป ตวั ผนู้ ําคอื พะกาหมอ่ งตอ้ งสญู เสยี ชวี ติ เพราะถกู ยงิ ใน

ระหว่างการต่อสู้

สว่ นพวกกองโจรเงย้ี วทน่ี ําโดยสะลาโปไชยนนั้ ในระยะแรกสามารถสกดั ทพั เมอื งพชิ ยั ไวไ้ ด้

ชวั่ คราว แต่กไ็ มส่ ามารถต้านทานทพั เมอื งสวรรคโลกและสุโขทยั ได้ จงึ ถอยกลบั ไปตงั้ หลกั ทเ่ี มอื งแพร่

ตงั้ แต่วนั ท่ี ๑๑ สงิ หาคม

แต่ในทส่ี ดุ พวกโจรเงย้ี วกห็ นีกระจดั กระจายไปเพราะต่อสไู้ มไ่ หว

ดงั นนั้ ในวนั ท่ี ๑๔ สิงหาคม พระยาศรีสรุ ิยราชวรานุวตั ร (โพ เนตโิ พธ)ิ ์ ผวู้ า่ ราชการ

เมอื งพชิ ยั จงึ นํากองกําลงั ตํารวจภธู รและทหารจาํ นวนหน่งึ บกุ เขา้ เมอื งแพรไ่ ดส้ ําเรจ็

๑๔

วนั ที่ ๒๐ สิงหาคม เจ้าพระยาสรุ ศกั ด์ิมนตรี (เจมิ แสงชโู ต) กน็ าทพั หลวงถึงเมือง
แพร่ หลงั จากเหตุการณ์สงบลงหลายวนั แลว้ เจา้ พระยาสรุ ศกั ดมิ ์ นตรจี งึ ทําการสอบสวนความผดิ ผู้
เกย่ี วขอ้ งทนั ที

ขนั้ แรก ไดส้ งั่ จบั ชาวเมอื งแพร่ ราษฎรบา้ นรอ่ งกาด คอื หนานวงค์ ทห่ี วงั เงนิ รางวลั นําจบั
พระยาไชยบรู ณ์มาประหารชวี ติ เป็นเยย่ี งอยา่ งก่อน

ขนั้ ทส่ี อง สงั่ ใหจ้ บั ตวั พญายอด ผนู้ ําจบั หลวงวมิ ลมาประหารชวี ติ อกี คนหน่งึ
จากนนั้ เจา้ พระยาสุรศกั ดมิ ์ นตรไี ดส้ อบสวนพยานหลายคน โดยยดึ ถอื ตามแนวนโยบายท่ี
กรมหลวงดาํ รงราชานุภาพทรงกําชบั ไว้ คอื ไมใ่ หต้ งั้ ขอ้ สงสยั หรอื กลา่ วหาเจา้ เมอื งแพรแ่ ละเจา้ นาย
บุตรหลานลว่ งหน้า
เมื่อสอบสวนพยานเสรจ็ ไปหลายคน กพ็ บหลกั ฐานต่างๆ ผกู มดั เจา้ เมอื งแพรแ่ ละ
เจา้ นายบตุ รหลานบางคน เช่น เจา้ ราชบุตร เจา้ ไชยสงครามอยา่ งแน่นหนาว่ามสี ่วนรเู้ หน็ เป็นใจกบั กบฎ
ครงั้ น้ี ดงั คาํ ใหก้ ารของพระยาเขอ่ื นขณั ฑอ์ ดตี นายแควน้ (กํานนั ) เมอื งสอง เป็นคนทเ่ี จา้ เมอื งแพร่
ไวว้ างใจ ไดก้ ล่าวใหก้ ารไวต้ อนหน่งึ วา่
“เจา้ แพรพ่ ูดว่า เมอื งแพรต่ ่อไปจะเป็นของไทยนานเท่าใด จะตอ้ งเป็นเมอื งของเงย้ี ว
เจา้ แพรจ่ ะคดิ ใหพ้ ะกาหมอ่ ง สะลาโปไชย ซง่ึ เป็นหวั หน้าเงย้ี วบอ่ แกว้ เขา้ มาตปี ลน้ เมอื งแพร่ พวกเงย้ี ว
จะจบั คนไทยฆ่าเสยี ใหห้ มด แต่พะกาหมอ่ งและสะลาโปไชยจะยกเขา้ ตเี มอื งแพรเ่ ม่อื ใดยงั ไมม่ กี ําหนด
ถา้ จะใหพ้ ะกาหมอ่ งและสะลาโปไชยยกเขา้ ตเี มอื งแพรว่ นั ใด จะไดม้ หี นงั สอื ไปนดั พะกา
หมอ่ งและสะลาโปไชยทราบ เจา้ แพรไ่ ดส้ งั่ ขา้ พเจา้ ว่า เมอ่ื ออกนอกราชการแลว้ อยา่ มาเทย่ี วเกะกะ
วนุ่ วายทําราชการกบั ไทย เมอ่ื เงย้ี วมนั เขา้ ตบี างทจี ะถูกปืนตายเสยี เปล่า ผทู้ ร่ี ว่ มคดิ ใหเ้ งย้ี วเขา้ ปลน้
เมอื งแพรค่ ราวน้ี เจา้ หลวงบอกขา้ พเจา้ ว่า พระยาราชบุตร พระไชยสงคราม เป็นผรู้ ว่ มคดิ ดว้ ย”
นอกจากนนั้ ก่อนทพ่ี วกโจรเงย้ี วเขา้ ปลน้ เมอื งแพรก่ ไ็ ดส้ ่งขา่ วมาบอกเจา้ เมอื งแพรไ่ วแ้ ลว้
ดงั คาํ ใหก้ ารของหลวงจติ รจาํ นงค์ เจา้ ของสมั ปทานป่าไมม้ คี วามวา่
“พระไชยสงครามไปทบ่ี า้ นขา้ พเจา้ วา่ วนั ท่ี ๒๔ กรกฎาคม เวลากลางคนื ประมาณ ๓ ทมุ่
เศษ พวกเงย้ี วมหี นงั สอื มาบอกเจา้ แพรว่ ่าถ้าในกลางคนื น้ไี มท่ นั กจ็ ะยกเขา้ ปลน้ เวลาเชา้ มดื ”
เจา้ เมอื งแพรร่ เู้ หตุการณ์ลว่ งหน้าจงึ ไดป้ ้องกนั ภยั แก่ญาตแิ ละคนสนทิ ดงั นายส่างกราบ ผู้
ดแู ลคุม้ หลวงไดใ้ หก้ ารไวต้ อนหน่งึ วา่
“ครนั้ ขา้ พเจา้ เขา้ นอนเฝ้าคุม้ หลวงได้ ๖ คนื เจา้ หลวงกบ็ อกขา้ พเจา้ วา่ พวกเงย้ี วจะพากนั
เขา้ มาปลน้ เมอื งแพรว่ นั พรงุ่ น้รี หู้ รอื เปล่า ขา้ พเจา้ กบ็ อกว่าไมร่ ู้
เจา้ หลวงจงึ บอกขา้ พเจา้ ไปเอาปืน ๑๒ นดั ทบ่ี า้ นพระไชยสงครามมาป้องกนั ตวั ไว้ ๑
กระบอก”
ในวนั ท่ี ๒๔ กรกฎาคมนนั้ เจา้ เมอื งแพรก่ ไ็ ดเ้ รยี กตวั เจ้าพลอยแก้ว หลานสาวซง่ึ ไป
คลกุ คลอี ยใู่ นบา้ นพกั ขา้ หลวงกบั คณุ หญิงเยื้อน ภรยิ าของพระยาไชยบรู ณ์ใหก้ ลบั คุม้ ด่วน เพราะเกรง
อนั ตรายจากพวกเงย้ี วจะเกดิ แก่เจา้ พลอยแกว้

๑๕

เมอ่ื พวกกองโจรเงย้ี วปลน้ เมอื งแพรส่ าํ เรจ็ แลว้ เจา้ เมอื งแพรไ่ ดแ้ สดงตวั เป็นผสู้ นบั สนุน
พวกโจรเงย้ี วอยา่ งเด่นชดั โดยเกณฑข์ า้ วสารชาวบา้ นหลงั คาละ ๒ ทะนาน อาวุธปืน กระสุนดนิ ดาํ เงนิ
และกองกําลงั จาํ นวน ๕๐ คน ส่งไปชว่ ย พะกาหมอ่ งต่อสกู้ บั ฝา่ ยรฐั บาล

จากหลกั ฐานต่างๆ ทก่ี ล่าวมาทาํ ใหเ้ จา้ พระยาสุรศกั ดมิ ์ นตรเี ขา้ ใจว่า เจา้ เมอื งแพร่ เจา้
ราชบตุ ร เจา้ ไชยสงคราม มสี ่วนสนับสนุนใหก้ องโจรเงย้ี วก่อการกบฏขน้ึ อยา่ งแน่นอน และเช่อื ว่าตอ้ งมี
การตระเตรยี มการลว่ งหน้ามาชา้ นานพอสมควร

ก่อนทเ่ี จา้ พระยาสุรศกั ดมิ ์ นตรจี ะไดช้ ําระความผดิ ผใู้ ด เจ้าราชวงษ์และภริยากต็ กใจกลวั
ความผิดด่มื ยาพษิ ฆา่ ตวั ตายเสยี ก่อน เพราะไดข้ า่ วลอื วา่ รฐั บาลจะประหารชวี ติ ผู้เกย่ี วขอ้ งกบั กบฏ
เงย้ี ว ทุกคน

เมอ่ื เกดิ อตั วนิ ิบาตกรรมขน้ึ เช่นน้ี เจา้ พระยาสุรศกั ดมิ ์ นตรเี กรงว่าจะเป็นการสรา้ งความ
เขา้ ใจผดิ กนั วา่ รฐั บาลกระทาํ การรนุ แรงต่อเจา้ นายเมอื งแพร่ ครนั้ จะสบื หาพยานต่อไปอกี หลกั ฐานกจ็ ะ
ผกู มดั เจา้ เมอื งแพร่ และเจา้ นายบุตรหลานทเ่ี กย่ี วขอ้ งยง่ิ ขน้ึ จนในทส่ี ุดจะตอ้ งถกู ตดั สนิ ประหารชวี ติ ใน
ขอ้ หากบฏอยา่ งแน่นอน หากคดจี บในรปู นนั้ ยอ่ มกระทบกระเทอื นใจเจา้ นายฝา่ ยเมอื งเหนือทุกเมอื ง
เพราะต่างเกย่ี วพนั ฉนั ทญ์ าตผิ สู้ บื สายราชวงศเ์ จา้ เจด็ ตนดว้ ยกนั ทงั้ ยงั สรา้ งความสะเทอื นใจแก่ราษฎร
ทงั้ หลายในลานนาไทย

ดงั นนั้ เจา้ พระยาสุรศกั ศม์ นตรี จงึ พยายามคดิ หาวธิ ที ล่ี ะมนุ ละมอ่ มตามนโยบายรฐั บาล ซง่ึ
ตอ้ งการใชว้ ธิ ผี อ่ นปรนต่อเจา้ นายเมอื งแพร่ ขณะเดยี วกนั กพ็ ยายามไมใ่ หเ้ จา้ นายเมอื งแพรต่ ่นื ตกใจหนี
เขา้ พง่ึ อทิ ธพิ ลองั กฤษ อนั อาจจะก่อใหเ้ กดิ ปญั หาระหว่างประเทศได้

ในทส่ี ุด เจา้ พระยาสรุ ศกั ดมิ ์ นตรกี ใ็ ชว้ ธิ ปี ล่อยขา่ ววา่ จะมกี ารจบั กุมตวั เจา้ เมอื งแพรแ่ ละ
เจา้ ราชบตุ ร ขา่ วลอื น้ไี ดผ้ ล เพราะตอนดกึ คนื นนั้ เจา้ เมอื งแพรพ่ รอ้ มดว้ ยคนสนิทอกี สองคนกห็ ลบหนี
ออกจากเมอื งแพร่ทนั ที

อยา่ งไรกด็ ี การหลบหนีของเจา้ เมอื งแพรใ่ นคนื นัน้ ไดร้ บั การสนบั สนุนจากเจา้ พระยา
สรุ ศกั ดมิ ์ นตรี โดยมคี าํ สงั่ ลบั มใิ หก้ องทหารทต่ี งั้ สกดั อยรู่ อบเมอื งแพร่ขดั ขวาง ทาํ ใหก้ ารหลบหนขี อง
เจา้ เมอื งแพรเ่ ป็นไปอยา่ งสะดวกจนถงึ หลวงพระบางอยา่ งปลอดภยั

เมอ่ื เจา้ เมอื งแพรห่ นไี ปได้ ๑๕ วนั ถอื ว่าเป็นการละทง้ิ หน้าทร่ี าชการ จงึ เป็นโอกาสให้
เจา้ พระยาสรุ ศกั ดมิ ์ นตรสี ามารถออกคาํ สงั่ ถอดเจา้ พริ ยิ เทพวงศอ์ อกจากตาํ แหน่งเจา้ เมอื งแพรท่ นั ที
พรอ้ มกบั สงั่ อายดั ทรพั ยเ์ พ่อื ชดใชห้ น้หี ลวงทเ่ี จา้ เมอื งแพรค่ า้ งกระทรวงพระคลงั มหาสมบตั ิ สาํ หรบั คดี
ความผดิ ฐานรว่ มก่อการกบฏกเ็ ป็นอนั ตอ้ งระงบั โดยปรยิ าย ไมม่ กี ารรอ้ื ฟ้ืนขน้ึ อกี

เจา้ พริ ยิ เทพวงศ์ เจา้ เมอื งแพรค่ นสุดทา้ ยไดใ้ ชช้ วี ติ ในบนั้ ปลายทเ่ี มอื งหลวงพระบางจนถงึ
แก่พริ าลยั

สาํ หรบั เจา้ ราชบุตร ผเู้ ป็นบุตรเขยเจา้ เมอื งแพรน่ นั้ มพี ยานหลกั ฐานและพฤตกิ ารณ์บ่งชดั
ว่าไดร้ เู้ หน็ เป็นใจกบั พวกเงย้ี วเพราะโดยหน้าท่ี เจา้ ราชบุตรเป็นรอ้ ยตํารวจเอกจะตอ้ งนํากาํ ลงั ออกต่อสู้
ตา้ นทานพวกโจรเงย้ี ว แต่ปรากฏว่าเจา้ ราชบตุ รไมไ่ ดท้ าํ หน้าทอ่ี นั ควรกระทาํ กลบั ไปทาํ สงิ่ ตรงกนั ขา้ ม
คอื เป็นผเู้ กณฑก์ าํ ลงั ออกไปสนบั สนุนพวกโจรเงย้ี ว ทงั้ ยงั ส่งกระสนุ ดนิ ดาํ พรอ้ มเสบยี งอาหารใหพ้ วก

๑๖

เงย้ี ว พฤตกิ ารณ์ดงั กลา่ วเป็นความผดิ ขนั้ รนุ แรงมโี ทษถงึ ประหารชวี ติ แต่เน่อื งจากรฐั บาลมนี โยบาย
หลกี เลย่ี งการประหารชวี ติ เพราะไมป่ ระสงคจ์ ะใหก้ ระทบกระเทอื นใจเจา้ นายเมอื งเหนอื โดยเฉพาะ
อยา่ งยง่ิ เจา้ ราชบตุ รเป็นบตุ รชายของเจา้ สุรยิ พงษ์ผรติ เดช เจา้ เมอื งน่าน หากกระทาํ ตามกฎเกณฑก์ จ็ ะ
กระทบกระเทอื นใจเจา้ เมอื งน่าน ดงั นนั้ เจา้ พระยาสุรศกั ดมิ ์ นตรจี งึ สงั่ ใหร้ อ้ ยตํารวจเอกเจา้ ราชบตุ รนํา
กองกําลงั ตามขน้ึ ไปตพี วกโจรเงย้ี วทแ่ี ตกไปอยตู่ าํ บลสะเอยี บ อนั เป็นวธิ สี รา้ งความดลี บลา้ งความผดิ
ซง่ึ รอ้ ยตาํ รวจเอกเจา้ ราชบตุ รกส็ ามารถกระทาํ งานทม่ี อบหมายสาํ เรจ็ คอื ตพี วกกองโจรเงย้ี วจนแตกพ่าย
ไป ไดร้ บิ ทรพั ยจ์ บั เชลยกลบั มาเป็นจาํ นวนมาก

ในปีต่อมา พ.ศ. ๒๔๔๖ เจา้ สุรยิ พงษผ์ รติ เดช เจา้ เมอื งน่าน ไดข้ อยา้ ยเจา้ ราชบุตรไปรบั
ราชการทเ่ี มอื งน่าน และขอรบั พระราชทานสญั ญาบตั รเป็นเจา้ ราชดนยั อนั เป็นตาํ แหน่งใหมท่ ไ่ี มเ่ คยมี
มาก่อน ซง่ึ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ ฯ ทรงเหน็ ชอบดว้ ย

เมอ่ื พจิ ารณา สาเหตกุ บฏเงี้ยวเมืองแพร่ อาจแบ่งได้เป็น ๒ ประการ คือ
ประการแรก เกย่ี วกบั สถานการณ์ทางการเมอื งภายในเมอื งแพรน่ บั ตงั้ แต่ช่วงจดั การ
ปกครองแบบเทศาภบิ าล ซง่ึ เป็นตอนทร่ี ฐั บาลยบุ เลกิ ฐานะเมอื งประเทศราชและรวมอาํ นาจเขา้ สู่
สว่ นกลาง ดงั จะเหน็ ไดว้ ่าฐานะทางการเมอื งนนั้ เจา้ เมอื งมแี ต่เกยี รตยิ ศ ไมม่ อี ํานาจอยา่ งแทจ้ รงิ เพราะ
อํานาจสทิ ธขิ าดตกเป็นของขา้ หลวง ซง่ึ เป็นขา้ ราชการทส่ี ง่ มาจากส่วนกลาง
ในทางดา้ นเศรษฐกจิ กถ็ กู ตดั ทอนผลประโยชน์ลงสรา้ งความไมพ่ อใจแก่เจา้ เมอื ง และ
เจา้ นายบตุ รหลานทงั้ หลายในแต่ละเมอื ง จงึ ปรากฏปฏกิ ริ ยิ าออกมาในลกั ษณะต่างๆ กนั เช่นท่ี
เชยี งใหมเ่ จา้ นายบตุ รหลานไมพ่ อใจเรอ่ื งลดผลประโยชน์เป็นอนั มาก เมอื งแพรต่ กอยใู่ นสภาพลาํ บาก
เน่อื งจากในช่วงทพ่ี ระยาศรสี หเทพ (เสง็ วริ ยศริ )ิ ปฏริ ปู การปกครอง พ.ศ. ๒๔๔๒ ไดจ้ ดั การอยา่ ง
รนุ แรงและบบี บงั คบั ยง่ิ กวา่ เมอื งอ่นื ๆ โดยไมค่ าํ นึงถงึ ว่าเมอื งแพรเ่ พงิ่ จะจดั การปกครองเป็นครงั้ แรก
พ.ศ. ๒๔๓๗
ในครงั้ นนั้ ดา้ นการคลงั พระยาทรงสุรเดชยงั ผ่อนปรน ไมไ่ ดแ้ บง่ เงนิ ผลประโยชน์ของ
เจา้ เมอื งออกจากเงนิ แผ่นดนิ ดงั นนั้ เจา้ พริ ยิ เทพวงศ์จงึ เกบ็ รกั ษาเงนิ ปนกนั หมด และนําเงนิ หลวงมา
จา่ ยในกจิ การปา่ ไมข้ องตนก่อน โดยเขา้ ใจวา่ เป็นเงนิ ของตน เมอ่ื พระยาศรสี หเทพตรวจสอบการเงนิ ก็
พบวา่ เงนิ หลวงขาดไป จงึ สงั่ กกั ขงั เจา้ เมอื งแพรไ่ วจ้ นกวา่ จะหาเงนิ มาชดใชใ้ หค้ รบภายใน ๒๔ ชวั่ โมง
เจา้ นายบตุ รหลานตอ้ งหาเงนิ มาชดใชจ้ นครบ เจา้ เมอื งแพรจ่ งึ ไดร้ บั การปล่อยตวั
นบั เป็นการกระทาํ ทบ่ี บี คนั้ จติ ใจและไมใ่ หเ้ กยี รตกิ นั นอกจากนัน้ ยงั กําหนดอตั ราการใช้
จา่ ยเงนิ ของเจา้ เมอื งแพรไ่ ม่ใหจ้ า่ ยฟุ่มเฟือย เพราะฐานะทางเศรษฐกจิ ตกต่าํ จนกระทงั่ กําหนดใหใ้ ชเ้ งนิ
เพยี งเดอื นละ ๒,๐๐๐.- บาท และจะตอ้ งขอยมื จากทอ้ งพระคลงั ก่อน
ประการที่สอง เน่อื งจากเงย้ี วชาวเมอื งและราษฎรพน้ื เมอื งใหก้ ารสนบั สนุนกองโจรเงย้ี ว
การโจมตเี มอื งแพร่ มใิ ช่มแี ต่บรรดาเจา้ นายเมอื งแพรเ่ ทา่ นนั้ ทส่ี นบั สนุนพวกโจรเงย้ี ว ชาวเมอื งกจ็ บั
อาวธุ ขน้ึ ช่วยพวกกองโจรเงย้ี วดว้ ย ทงั้ น้ี มสี าเหตุสบื เน่อื งมาจากชาวเงย้ี วซง่ึ เป็นชนกลุ่มน้อยจาก
รฐั ฉานเขา้ มาอาศยั กระจดั กระจายอยทู่ วั่ ไปในมณฑลพายพั เป็นเวลานานแลว้ พวกเงย้ี วสว่ นใหญ่มกั

๑๗

เป็นผทู้ ํามาหากนิ ตามปกตแิ ละปะปนอยกู่ บั ชาวบา้ นเมอื งแพร่ ทาํ ใหม้ คี วามสนิทสนมกนั เป็นอนั ดี เมอ่ื
เกดิ ความทุกขย์ ากลาํ บากใจจงึ รว่ มมอื สนบั สนุนทนั ที

การจดั รปู การปกครองเมืองแพร่ตามระบอบมณฑลเทศาภิบาลของเมืองแพร่

ปี พ.ศ. ๒๔๕๘ ทางราชการไดป้ ระกาศใหร้ วมหวั เมอื งฝา่ ยเหนอื ขน้ึ เป็นมณฑล โดยจดั ให้

เมอื งแพร่ เมอื งน่าน เมอื งลาํ ปาง รวมเป็นมณฑลเรยี กวา่ มณฑลมหาราษฎรแ์ ละใหต้ งั้ ทว่ี า่ การมณฑล
ขน้ึ ทจ่ี งั หวดั ลาํ ปาง

ผสู้ าํ เรจ็ ราชการมณฑล ๓ ทา่ น คอื
- มหาเสวกตรี พระยาเพชรรตั นราชสงคราม (เลอ่ื ง ภมู ริ ตั น)
- จางวางตรี พระยาไกรเพชรรตั นสงคราม (ชม โชตกิ ะพกุ กะณะ)
- มหาเสวกโท พระยาเดชานุชติ (หนา บนุ นาค)
ปี พ.ศ. ๒๔๖๙ ทางราชการไดส้ งั่ ใหร้ วมมณฑลมหาราษฎรก์ บั มณฑลพายพั ดงั เดมิ มที ว่ี ่า

การมณฑลตงั้ อยทู่ เ่ี มอื งเชยี งใหม่
ปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ทางราชการยกเลกิ การปกครองแบบมณฑลเทศาภบิ าล ประกาศใช้

พระราชบญั ญตั จิ ดั ระเบยี บบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ใหม่ โดยแบง่ เป็นภาคๆ เมอื งแพรจ่ ดั อยใู่ นภาคท่ี ๕
ทท่ี าํ การภาคตงั้ อยทู่ จ่ี งั หวดั ลาํ ปาง ขน้ึ กบั กระทรวงมหาดไทย

ต่อมาปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ทางราชการไดป้ ระกาศยกเลกิ การปกครองแบบภาค ใหท้ ุกจงั หวดั
ขน้ึ ตรงรฐั บาลกลางทก่ี รงุ เทพมหานคร จนกระทงั่ ถงึ ปจั จบุ นั

การจดั รปู การปกครองเมืองแพร่ในสมยั ปัจจบุ นั (พ.ศ. ๒๕๒๘)

ส่วนภมู ิภาค จงั หวดั แพรแ่ บง่ เขตการปกครองออกเป็น อําเภอ ตําบล และหมบู่ า้ น ซง่ึ มี
รายละเอยี ด ดงั น้ี

อาเภอ ตาบล หม่บู ้าน ที่ตงั้ ห่างจากจงั หวดั

เมอื งแพร่ ๑๖ ๙๓ ทต่ี งั้ จงั หวดั
สงู เมน่
รอ้ งกวาง ๑๑ ๖๙ ๑๒
สอง
ลอง ๑๓ ๘๕ ๓๐
เด่นชยั
วงั ชน้ิ ๗ ๔๘ ๔๙

๗ ๖๖ ๔๓

๕ ๓๖ ๒๔

๕ ๔๗ ๗๙

๑๘

รวม ๖๔ ๔๔๔

ส่วนท้องถ่ิน แบง่ ออกเป็น ๑ แหง่
๑ แห่ง
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ๙ แหง่
เทศบาลเมอื งแพร่ ๖๓ แหง่
สขุ าภบิ าล
สภาตาํ บล

ท่ีมา : ประวตั ิมหาดไทยส่วนภมู ิภาค จงั หวดั แพร่. ปทุมธานี. โรงพมิ พส์ ถานสงเคราะหห์ ญงิ ปาก
เกรด็ , ๒๕๒๘


Click to View FlipBook Version