โครงงาน
ภาษาไทย
ลลิิลลิิตต
โโอองง
กกาารร
แแชช่่งง
นน้้ำำ
จัดทำโดย
นายณัฐกมล เรืองศักดิ์เดชา เลขที่ 2 ม.4/15
นายบุรัสกร ถิระกิจ เลขที่ 17 ม.4/15
น.ส.เจณิสสา มาลาหอม เลขที่ 22 ม.4/15
น.ส.ชญานิส์ รุ่งเรือง เลขที่ 23 ม.4/15
น.ส.ณัฏฐชา พันธุ์เพ็ง เลขที่ 25 ม.4/15
คำนำ ก
ลิลิตโองการแช่งนํ้า หรือ ประกาศแช่งนํ้าโคลงห้า เป็นวรรณคดีเก่า
แก่ที่สันนิษฐานว่าแต่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา มีลักษณะเป็นลิลิตชึ่งประกอบด้วยร่าย
ดั้น และโคลงห้า หรือ มณฑกคติ จัดเป็นหนังสือที่อ่านเข้าใจยากมาก
เนื่องจากถ้อยคำสำนวนเป็นคำภาษาไทยโบราณ บางตอนแต่งเป็นคำ
อรรถคำสวดลึกซึ้งหนักแน่น เพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ บางตอนใช้
ถ้อยคำแข็งกร้าวทำให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์สะเทือนใจหวาดหวั่นพรั่นพรึง
ขนพองสยองเกล้าได้ จึงนับได้ว่าลิลิตเรื่องนี้แต่งได้เหมาะสมกับความ
มุ่งหมายคือเพื่อใช้อ่านหรือสวดในพระราชพิธีถือนํ้าพิพัฒน์สัตยา
เนื้อความหลักของลิลิตโองการแช่งน้ำ เริ่มด้วยร่าย 3 บท เป็นคำ
สรรเสริญพระนารายณ์ พระอิศวร และพระพรหม ตอนต่อมาเป็น
โคลงและร่าย เนื้อความว่าด้วยการสร้างโลกตามคติไตรภูมิ แล้ว
อัญเชิญพระรัตนตรัย ผีสางเทวดา และผู้มีฤทธานุภาพทั้งหลายมา
ชุมนุมเพื่อเป็นพยานในพิธี แล้วจึงเป็นคำสาปแช่งให้ผู้คิดร้ายไม่ซื่อ
ต่อสมเด็จพระรามาธิบดีต้องประสบภัยพิบัตินานัปการ และอวยพรผู้
ที่ซื่อตรงจงรักภักดีให้มีความสุขและลาภยศ
สารบัญ ข
เ รื่ อ ง ลิ ลิ ต โ อ ง ก า ร แ ช่ ง น้ำ ห น้ า
คำ นำ ก
ส า ร บั ญ ข
ลิ ลิ ต โ อ ง ก า ร แ ช่ ง น้ำ 1
1
- ผู้ แ ต่ ง 1
- เ รื่ อ ง ย่ อ 1
- ทำ น อ ง ก า ร แ ต่ ง 1
- จุ ด มุ่ ง ห ม า ย 2
ลิ ลิ ต โ อ ง ก า ร แ ช่ ง น้ำ 2
- คุ ณ ค่ า ด้ า น ภ า ษ า แ ล ะ สำ น ว น โ ว ห า ร 2
- คุ ณ ค่ า ด้ า น สั ง ค ม แ ล ะ วั ฒ น ธ ร ร ม 2
- คุ ณ ค่ า ด้ า น อิ ท ธิ พ ล ต่ อ ว ร ร ณ ค ดี อื่ น 3
พ ร ะ ร า ช พิ ธี ถื อ น้ำ พ ร ะ พิ พั ฒ น์ สั ต ย า 4
ตั ว อ ย่ า ง บ ท ป ร ะ พั น ธ์ 7
บ ร ร ณ า นุ ก ร ม
1
ลิลิตโองการแช่งน้ำ
ผู้แต่ง
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า
อาจแต่งในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ผู้แต่งคงจะเป็นผู้รู้พิธี
พราหมณ์และรู้วิธีการประพันธ์ของไทยเป็นอย่างดี
เรื่องย่อ
เริ่มต้นด้วยการสรรเสริญพระนารายณ์พระอิศวร และพระพรหม ต่อจากนั้น
กล่าวถึงไฟไหม้โลก แล้วพระพรหมสร้างโลกใหม่ เกิดมนุษย์ พระอาทิตย์
พระจันทร์ การกำหนดวัน เดือน ปี และการเริ่มมีพระราชาธิบดีในหมู่คน กล่าว
อ้อนวอนในสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรืองอำนาจ มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพยดา อสูร
ภูตผีปีศาจ มาลงโทษต่อผู้คิดคดกบฏต่อพระเจ้าแผ่นดิน ส่วนผู้ที่ซื่อสัตย์จงรักภักดี
ขอให้มีความสุข มีลาภยศ ตอนจบเป็นร่ายเชิดชูพระเกียรติพระเจ้าแผ่นดิน
ทำนองการแต่ง
มีลักษณะเป็นลิลิต คือ มีร่ายกับโคลงสลับกัน ร่ายเป็นร่ายโบราณ ส่วนโคลงเป็น
โคลงแบบโคลงห้าหรือมณฑกคติ ถ้อยคำที่ใช้ส่วนมากเป็นคำไทยโบราณ นอกจากนั้น
มีคำเขมร และบาลี สันสกฤต ปนอยู่ด้วย คำสันสกฤตมีมากกว่าคำบาลี
จุดมุ่งหมาย
ใช้อ่านในพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาหรือพิธีศรีสัจปานกาล ซึ่งกระทำตั้งแต่
รัชกาลสมเด็จพระเจ้าอู่ทองสืบต่อกันมาจนเลิกไป เมื่อประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการ
ปกครองมาเป็นระบบประชาธิปไตย ใน พ.ศ. 2475
2
คุณค่าด้านภาษาและสำนวนโวหาร
ลิลิตโองการแช่งน้ำนี้เป็นลิลิตเรื่องแรกในประวัติวรรณคดีไทย ใช้ถ้อยคำ
ภาษาที่เก่า มีคำภาษาเขมร บาลี สันสกฤต และคำไทยโบราณปนอยู่มาก คำบาง
คำต้องสันนิษฐานความหมาย ทำให้อ่านเข้าใจยาก ทั้งนี้ก่อให้เกิดความรู้สึกว่าคำมี
ความขลังและศักดิ์สิทธิ์ เกิดอารมณ์หวาดกลัว ไม่กล้าคิดคดทรยศต่อพระเจ้าแผ่น
ดิน ลิลิตโองการแช่งน้ำนี้จึงมีคุณค่า สามารถใช้ศึกษาเกี่ยวกับการใช้คำในสมัยกรุง
ศรีอยุธยาตอนต้นได้
คุณค่าด้านสังคมและวัฒนธรรม
ทางการปกครอง เป็นวรรณคดีเกี่ยวกับพระราชพิธีแสดงความจงรักภักดีต่อ
พระมหากษัตริย์ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์จึงเป็นวรรณคดีที่มี
คุณค่าต่อระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตยเพราะเป็นการให้สัตย์สาบานว่าจะ
ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และบ้านเมืองทำให้เกิดความสามัคคีมีผลให้
บ้านเมืองเป็นปึกแผ่น
ทางวัฒนธรรม วรรณคดีเล่มนี้เป็นหลักฐานแสดงถึงการได้รับอิทธิพล
วัฒนธรรมจากขอมและอินเดีย พิธีพราหมณ์ได้เข้ามาใช้ปะปนในพระราชพิธีต่าง
ๆและยังทำให้เห็นลักษณะการปกครองที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทวราช
อีกด้วย
ความเชื่อถือทางศาสนา ลิลิตโองการแช่งน้ำนี้แสดงถึงอิทธิพลของศาสนา
พราหมณ์ในพิธีสาปแ ช่งผู้ทุจิตโดยอาศัยอำนาจของเทวดาและภูตผี ตามความ
เชื่อถือของพราหมณ์ ซึ่งเป็นศาสนาของอินเดียและพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์
สัตยานี้ เป็นพิธีตามศาสนาพรามหมณ์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่
หัว ได้ทรงนำพิธีทางพุทธศาสนามาเพิ่มเติมในภายหลัง
คุณค่าด้านอิทธิพลต่อวรรณคดีอื่น
ลิลิตโองการแช่งน้ำ เป็นวรรณคดีที่ใช้ในการสวดหรืออ่านโองการแช่งน้ำของ
พราหมณ์ผู้ท ำพิธี ลิลิตโองการแช่งน้ำมีอิทธิพลต่อวรรณคดีสมัยหลัง ทำให้กวีเกิด
ความบันดาลใจแต่งวรรณคดีเรื่องอื่นขึ้น ได้แก่ โคลงพิธีถือน้ำแลคเชนทรัวสนาน
พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็วรรณคดีที่กล่าว
ถึงพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา
3
พระราชพิธีถือน้ำ
พระพิพัฒน์สัตยา
พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาหรือ พระพิพัฒน์สัจจา คือ พระราชพิธี
ศรีสัจปานกาล คำว่า "ปานะ" แปลว่า "เครื่องดื่ม" หรือ "น้ำสำหรับดื่ม"
พิธีศรีสัจปานกาล ก็หมายถึงพิธีดื่มน้ำกระทำสัตย์สาบานเพื่อความสวัสดิมงคล
ตามวาระ โดยมากเรียกกันสั้นๆ ว่า "ถือน้ำ" คือ ผู้ที่เข้าร่วมในพิธี จะต้องดื่มน้ำล้าง
อาวุธของพระราชา เพื่อแสดงว่าจะจงรักภักดีต่อพระราชาธิบดีของตน หากผู้ใด
มิได้รักษาคำสัตย์ปฏิญาณที่ได้กล่าวไว้ในพิธีนั้น ก็อาจจะต้องมีอันเป็นไปด้วย
อาวุธหอกดาบอันใช้จุ่มในน้ำที่ตนดื่ม
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ว่า พระราช
พิธีนี้เป็นพระราชพิธีใหญ่สำหรับแผ่นดิน เป็นพระราชพิธีสำคัญตั้งแต่สมัยโบราณ
มาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์โดยไม่มีเว้นว่างเพราะมีคำอ้างถึงว่าเป็นพิธีระงับยุค
เข็ญของบ้านเมือง
ที่พระองค์กล่าวว่า โบราณ นั้นก็สันนิษฐานกันว่าตั้งแต่สมัยอยุธยาลงมา
ด้วยไม่ทราบแน่ชัดว่าในสมัยพระมหากษัตริย์องค์ใด แต่ไม่ใช่สมัยสุโขทัยเพราะ
เหตุว่าการที่จะเน้นอำนาจกษัตริย์อย่างสูงสุดนั้นสุโขทัยไม่ค่อยมี เพราะฉะนั้นน่า
จะมีในสมัยอยุธยาจนถึงสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน พ.ศ.2475
พิธีก็หมดสิ้นไป จนกระทั่งในรัชสมัยพระบามสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล
อดุลยเดชฯ สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงฟื้ นฟูพระราชพิธีถือน้ำพระ
พิพัฒน์สัตยาตามแบบโบราณราชประเพณี ผนวกเป็นการเดียวกับพระราชพิธี
พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ
พ.ศ .2512
4
ตัวอย่างบท
ประพันธ์
นานาอเนกน้ าวเดิมกัลป์ จักร่ำจักราพาฬเมื่ อไหม้
กล่าวถึงตระวันเจ็ดอันพลุ่ง น้ำแล้งไข้ขอดหาย
เจ็ดปลามันพุ่งหล้าเป็ นไฟ วาบจัตุราบายแผ่นขว้ำ
ชักไตรตรึงษ์เป็ นเผ้า แลบล้ำสีลอง
มรรถญาณครเพราะเกล้าครองพรหม ฝูงเทพนองบนปานเบียดแป้ง
สรลมเต็มพระสุธาวาสแห่งหั้น ฟ้ าแจ้งจอดนิโรโธ
ขอกล่าวถึงเรื่องราวโดยละเอียดอันเกี่ยวกับกำเนิดของกัปป์กัลป์เมื่อก
จักรวาลจะมอดไหม้นั้น ดวงอาทิตย์ขึ้นจบครบ 7 ดวง แผดแสงแรงกล้าผลาญน้ำ
จนหมดสิ้นมีแต่ความแห้งแล้ง
เปลวมันจากปลาใหญ่ทั้งเจ็ดลุกเปนไฟวาบพุ่งขึ้นมาบนโลกและลามไปเผา
ผลาญอบายภูมิทั้งสี่ ตลอดจนทำให้สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไหม้เป็นผุยผง
พระผู้ทรงสามรรถญาณ คือพระญาณอันสามารถทรงครองพรหมโลก เพท
ดาทั้งปวงเบียดเสียดกันแน่นดุจดังแป้งอยู่บนพื้นพรหมโลกนั้น จนกระทั่งฟ้าซึ่งมี
แสงสว่างจ้ามืดเพราะไฟดับลง
5
แลเป็นแผ่นเมืองอินทร์ เมืองธาดาแรกตั้ง
ขุนแผนแรกเอาดินดูที่ ทุกยั้งฟ้าก่อคืน
แลเป็นสี่ปวงดิน เป็นเขายืนทรง้ำหล้า
เป็นเรือนอินทร์ถาเถือก เป็นสร้อยฟ้าคลี่จึ่งบาน
จึ่งเจ้าตั้งผาเผือกผาเยอ ผาหอมหวานจึ่งขึ้น
หอมอายดินเลอก่อน
สรดึ้นหมู่แมนมา
ตนเขาเรืองร่อนหล้าเลอหาว หาวันคืนไป่ได้
จ้าวชิมดินแสงหล่น เพียงดับไต้มืดมูล
ว่นว่นตาขอเรือง เป็นพระสูรย์ส่องหล้า
เป็นเดือนดาวเมืองฉ่ำ เห็นฟ้าเห็นแผ่นดิน
แลมีค่ำมีวัน กินสาลีเปลือกปล้อน
บมีผู้ต้อนแต่งบรรณา เลือกผู้ยิ่งยศเปนราชาอะคร้าว
เรียกนามสมมติราชเจ้า จึ่งตั้งท้าวเจ้าแผ่นดิน
เกิดเมืองพระอินทร์และพระพรหมขึ้นอีก พระพรหมทรงสร้างสวรรค์และโลก
ให้กลับคืนสู่ภาพเดิม
ทรงสร้างทวีปทั้งสี่ ทรงสร้างขุนเขาสูงเยี่ยมฟ้า ทรงสร้างวิมานอินทร์งามเด่น
ดังสร้อยประดับ
จากนั้นพระพรหมเจ้าจึงทรงสร้างเขาไกรลาส และขุนเขาอื่นๆรวมทั้งเขา
คันธมาทน์ อายดินส่งกลิ่นหอมฟุ้งขึ้นสู่สรวงสวรรค์ยวนใจให้หมู่เทพยดาลงมา
เสพ
หมู่เทพยดาซึ่งมีกายเรืองแสงเหาะไปมา ครั้งนั้นยังไม่มีกลางวันกลางคืน ครั้น
ชิมง้วนดินแล้ว แสงสว่างในกายดับ จึงมืดมิดเหมือนไต้ดับ
ดวงตามองมิเห็นสิ่งใด จึงขอแสงสว่าง เกิดดวงอาทิตย์ส่องแสงมายังโลก เกิด
ดวงจันทร์และดวงดาวสว่างสุกใส ส่งให้เห็นแผ่นฟ้าและแผ่นดิน
และเกิดกลางคืนกลางวัน มีข้าวสาลีที่ไม่มีเปลือกกิน ไม่มีผู้บังคับให้แต่ง
บรรณาการ ต่อมาจึงมีการเลือกผู้มียศยิ่งใหญ่ขึ้นเป็นราชา เรียกว่า สมมติราชเจ้า
เป็นเจ้าครองแผ่นดิน
6
อำนาจแปล้เมือแมนอำมรสิทธิ มีศรีบุญพ่อก่อเศกเหง้า
ยศท้าวตริไตรจักร ใครซื่อเจ้าเติมนาง
มิ่งเมืองบุญศักดิ์แพร่ ใครซื่อรางควายทอง
เพิ่มช้างม้าแผ่วัวควาย ใครซื่อฟ้าสองย้าวเร่งยิน
เพรงรัตนพรายพรรณยื่น ใครซื่อสินเภตรา
เพิ่มเขาหมื่นมหาไชย ใครซื่อใครรักเจ้าจงยศ
ขอให้มีอำนาจมากล้นถึงสวรรค์ มีสิริมงคลคุณความดีตามที่เคยสร้างสม ให้มี
ยศเป็นใหญ่ทั่วทั้งสามภพ ผู้ที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีจะได้รับพระราชทานนาง
ขอให้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่เป็นที่แพร่หลาย ผู้ที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีให้ได้รับ
พระราชทานทองคำเป็นรางวัล ให้มีช้าง ม้า วัว ควาย เพิ่มพูนมากหลาย ผู้ที่
ซื่อสัตย์จงรักภักดีขอให้เลื่องลือไปถึงเทวโลกและพรหมโลก
ขอให้ได้แก้วอันงดงามและทรัพย์สินอันมีค่าเต็มลำเรือใหญ่และเพิ่มพูนยิ่งๆ
ขึ้น ผู้ที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์จงเจริญด้วยยศ
7
บรรณานุกรม
รัตนกร อยู่มา. (2560). ลิลิตโองการแช่งน้ำ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://sites.google.com/site/yumm
yam21/lilit-xongkar-chaeng-na-1
(วันที่ค้นข้อมูล : 7 กุมภาพันธ์ 2565 ).
วิกิซอร์ซ. (2563). บทประพันธ์ลิลิตองค์การแช่งน้ำ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://th.wikisource.org › wiki › ลิลิตโองการแช่งน้ำ.
(วันที่ค้นข้อมูล : 8 กุมภาพันธ์ 2565).
บ้านจอมยุทธ. (2562). พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://www.baanjomyut.com/library_2/water_ceremony/index.html
(วันที่ค้นข้อมูล : 8 กุมภาพันธ์ 2565).
บรรเพ็ญ ทองบ่อ. (2555). บทประพันธ์ลิลิตองค์การแช่งน้ำ. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://sites.google.com/site/krubanphen/xongkar-chaeng-na
(วันที่ค้นข้อมูล : 8 กุมภาพันธ์ 2565).
ขอบคุณครับ/ค่ะ