The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by anisaakr1161, 2022-03-10 10:46:13

ทุเรียนเทศ

ทุเรียนเทศ

เอกสารประกอบการสมั มนา
เรื่อง

ทุเรยี นเทศ

เรียบเรยี งโดย

นางสาวอานซี ะห์ อิอะแด
ระดบั ชัน้ ประกาศนยี บตั รวชิ าชีพช้ันสงู ปีท่ี 2
ประเภทวชิ าเกษตรศาสตร์ สาขาวิชาเกษตรศาสตร์ สาขางานเกษตรศาสตร์
วทิ ยาลัยเทคโนโลยกี ารเกษตรและประมงปตั ตานี



คำนำ

สัมมนาเรื่องทุเรียนเทศได้จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ที่ต้องการศึกษาความรู้เกี่ยวกับทุเรียนเทศได้อ่านและทำความ
เขา้ ใจเกยี่ วกับทุเรียนเทศโดยมีเน้ือหาดังนี้ ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ ชอ่ื สามญั และช่ือเรียกอื่นๆของทเุ รียนเทศ ลักษณะทั่วไป
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ ประโยชน์ โภชนาการ ความเส่ยี ง การขยายพันธ์ุ แมลงและศัตรูพชื การเกบ็ เก่ียว และการ
แปรรปู ทเุ รียนเทศ

ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่สนใจและเข้ามาอ่านสัมมนาเล่มนี้จะได้รับความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ
ทเุ รียนเทศเปน็ อย่างมาก

นางสาวอานีซะห์ ออิ ะแด
ผูจ้ ดั ทำ

สารบัญ ข

เร่ือง หน้า
ทุเรยี นเทศ
1
-ชือ่ วิทยาศาสตร์และชอ่ื อนื่ ๆ 2
- ลกั ษณะทั่วไป 2
-ลักษณะทางพฤษศาสตร์ 2
-ประโยน์และสรรพคุณ 3
-โภชนาการ 3
-การใชป้ ระโยชน์
การปลูกทุกเรียนเทศ 4
-ความเส่ียง 4
-ปัจจัยท่คี วรคำนงึ 4
-สภาพดินทเี่ หมาะสม 5
-อากาศและอณุ ภมู ิท่ีเหมาะสม
การขยายพันธท์ุ ุเรยี นเทศ 5
-การเพาะเมลด็ ทเุ รยี นเทศ 5
-การให้นำ้ /ใหป้ ๋ยุ
แมลงและศัตรพู ชื ทเุ รียนเทศ 6
-การออกดอดครงั้ แรกหลงั การปลกู 6
-โรคและการป้องกนั 7
-แมลงศัตรทู เุ รยี นเทศ 9
การเก็บเกีย่ วทุเรียนเทศ 10
การแปรรปู ทุเรียนเทศ 12
ใบทเุ รียนเทศรักษามะเร็ง 16
การศกึ ษาความเปน็ พิษของน้ำตม้ จากใบทเุ รยี นเทศ

1

ทเุ รียนเทศ

ชื่อพื้นเมอื ง : ทุเรยี นเทศ
ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Annona muricata L.
ชอ่ื สามัญ : Soursop, Prickly custard apple)
ชื่อเรยี กอืน่ ๆ : -ทุเรยี นแขก (ภาคกลาง)

-หมากเขยี บหลดหรอื หมากพลิ ด (ภาคอสี าน)
-ทเุ รียนนำ้ (ภาคใต้)
-มะทุเรียน (ภาคเหนอื )
อาณาจักร : Plantae

หมวด : Magnoliophyta
ช้ัน : Magnoliopsida
อนั ดับ : Magnoliales
วงศ์ : Annonaceae
สกลุ : Annona
สปีชีส์ : A. muricata

2

ลกั ษณะทัว่ ไป
ทุเรียนเทศ เป็นพืชชนิดหนึ่งท่ีจัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกบั น้อยหน่า กระดังงา นมแมว และจำปี โดยลักษณะ

ของผลนั้นจะมรี ปู รา่ งคล้ายทเุ รียนและมหี นาม เปลือกมสี เี ขยี ว ในสว่ นของเนอ้ื จะมสี ีขาว ฉ่ำนำ้ รสหวานอมเปรี้ยว ซ่ึง
พืชชนิดนจี้ ะปลูกมากในแถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้และในแถบอเมรกิ ากลาง โดยเป็นพืชที่ชอบอากาศทมี่ คี วามชน้ื สูง

ทุเรยี นเทศ เป็นผลไมท้ ี่ขาดการให้ความสำคัญทางเศรษฐกจิ ในไทย โดยปกติแล้วจะพบว่ามีการเพาะปลูกมาก
ในภาคใต้ของประเทศไทย รวมไปถึงมาเลเซียและสิงคโปร์พบว่าทุเรยี นเทศน้ีได้หายไปจากตลาดท้องถนิ่ แต่กลับได้ใน
รปู ของการแปรรูป เช่น น้ำทุเรียนเทศเขม้ ข้น นำ้ ทเุ รียนเทศบรรจกุ ลอ่ งพรอ้ มด่ืมในร้านแถวรัฐปนี ังของมาเลเซยี

ประโยชน์ของทเุ รียนน้ำทเุ รยี นเทศ ในทางโภชนาการแลว้ ถือวา่ มคี ารโ์ บไฮเดรตสูง โดยเฉพาะน้ำตาลฟรุกโทส
และยงั มวี ิตามินบแี ละวติ ามนิ ซี ส่วนทน่ี ำมาใชเ้ ปน็ ยาคือสว่ นของใบ ผล และเมลด็

ลักษณะทางพฤษศาสตร์
เปน็ พชื ยนื ตน้ สงู ไดถ้ งึ 10 เมตร แตกกงิ่ กา้ นสาขาจำนวนมาก ใบสีเขียวเขม้ เป็นมนั เงา ไมพ่ ลดั ใบเป็นร่มเงาได้

ดี ออกดอกตามกิ่งก้านและลำต้นตลอดทั้งปีหากพืชมีความสมบูรณ์มากๆ ผลสีเขียว เปลือกผลมีติ่งหนามอ่อนนุ่มรูป
สามเหลี่ยมขนาดไมแ่ นน่ อนทว่ั ทง้ั ผล ผลสุกรับประทานไดร้ สหวานอมเปร้ยี ว

ประโยชน์ของทุเรียนเทศ
1.ใชร้ ับประทานเปน็ ผลไม้สดหรือนำไปทำเป็นนำ้ ผลไม้ปั่น
2.สารสกัดจากส่วนของใบ เมล็ด และลำต้นของทุเรียนเทศมีฤทธิ์ในการต่อต้านไวรัสและเซลล์มะเร็ ง

(งานวจิ ยั ในอเมริกา)
3.การรับประทานผลไมช้ นดิ นจ้ี ะช่วยเพ่มิ น้ำนมกบั หญงิ ใหน้ มบุตร
4.ใบนำมาใชช้ งด่ืมชว่ ยทำใหน้ อนหลับสบาย
5.นำใบมาใส่ไวใ้ นหมอนหนุน จะชว่ ยทำให้หลบั สบายย่งิ ข้นึ (เนเธอรแ์ ลนด์)
6.ใบของทุเรียนเทศมีการนำมาใช้เป็นยาระงบั ประสาท
7.รากและเปลอื กนำมาทำเป็นชาชงดืม่ แก้อาการเครยี ด ช่วยลดอาการเจบ็ ปวดและลดการเกร็ง
8.ช่วยแก้อาการเมา ด้วยการใช้ใบขยี้ลงในน้ำผสมกับน้ำมะนาว 2 ลูก แล้วนำมาจิบเล็กน้อยและเอาน้ำท่ี

เหลือลูบหวั (ตำรา Materia medica)
9.ผลสกุ ช่วยรกั ษาโรคเลอื ดออกตามไรฟัน
10.ผลดิบใชร้ บั ประทานเพอื่ รักษาโรคบิด
11.เมลด็ นำมาใช้ในการช่วยสมานแผลและหา้ มเลือด
12.ผลดิบนำมาตำแล้วพอกเป็นยาฝาดสมาน
13.เมลด็ ของทุเรียนเทศนี้จะมีพษิ จึงนำมาใช้ทำยาเบ่อื และทำเป็นยาฆ่าแมลงศตั รูพืช
14.ใบทุเรียนเทศนำมาใช้ปูให้ผู้ป่วยที่เป็นไข้นอน ซึ่งจะช่วยลดอาการไข้ลงได้ทันทีเมื่อตื่นนอน (แถบคาริบ

เบยี น)
15.ใบของทุเรียนเทศมีสรรพคุณเป็นยาแก้อาการท้องอืด ด้วยการนำมาขยี้ผสมกับปูนแล้วนำมาทาบริเวณ

ท้อง
16.ใบใช้รกั ษาโรคผิวหนัง แก้อาการไอ อาการปวดตามขอ้ ด้วยการนำมาขย้ีผสมกับปนู แลว้ นำมาทา
17.เปลือก ราก และดอกมกี ารนำมาใช้เก่ยี วกบั ขอ้ อักเสบและผู้ทมี่ ปี ัญหาเก่ียวกบั ตับ

3

18.น้ำสกัดจากเนอ้ื ยงั ช่วยในการขับพยาธิได้
19.สามารถนำไปแปรรปู เป็นผลไม้กวนต่าง ๆ ไอศกรีม เยลลี่ ซอส รวมไปถงึ ผลไม้กระป๋องด้วย
20.ทเุ รยี นเทศนยิ มนำมาใช้ประกอบอาหาร อยา่ งเชน่ แกงส้มและเชื่อม (ภาคใต)้

โภชนาการของผลทุเรียนเทศดบิ ตอ่ 100 กรมั
• พลงั งาน 66 กิโลแคลอรี
• คารโ์ บไฮเดรต 16.84 กรัม
• น้ำตาล 13.54 กรัม
•เสน้ ใย 3.3 กรัม
•ไขมนั 0.30 กรมั
•โปรตนี 1.00 กรัม
•วิตามนิ บี 1 0.070 มลิ ลิกรมั 6%
•วิตามนิ บี 2 0.050 มิลลิกรมั 4%
•วิตามนิ บี 3 0.900 มลิ ลิกรัม 6%
•วติ ามนิ บี 6 0.059 มิลลกิ รัม 5%
•วติ ามนิ บี 9 14 ไมโครกรัม 4%
•วิตามนิ ซี 20.6 มลิ ลิกรมั 25%
•ธาตุแคลเซียม 14 มลิ ลิกรัม 1%
•ธาตเุ หล็ก 0.6 มิลลกิ รมั 5%
•ธาตแุ มกนเี ซียม 21 มลิ ลิกรัม 6%
•ธาตุฟอสฟอรสั 27 มลิ ลิกรัม 4%
•ธาตุโพแทสเซยี ม 278 มลิ ลกิ รมั 6%
•ธาตสุ ังกะสี 0.1 มลิ ลกิ รัม 1%

% ร้อยละของปรมิ าณแนะนำท่ีร่างกายต้องการในแต่ละวนั สำหรบั ผ้ใู หญ่ (ขอ้ มลู จาก : USDA Nutrient database)

การใชป้ ระโยชน์:
•ใบสด แก้ท้องอืดเฟ้อ โดยการตำใบให้แหลกแล้วผสมด้วยน้ำปูนใสเล็กน้อยให้จับตัวเป็นแผ่นได้ ปิดบริเวณ

ท้อง
•ใบแหง้ นำมาผึง่ ลมให้แห้ง แชใ่ นน้ำรอ้ น (แบบใบชา) 1 ใบตอ่ แก้ว ดมื่ แกท้ อ้ งอืดเฟอ้ ได้
•ใบสด ลา้ งสะอาด วางไวใ้ ตห้ มอน กลนิ่ ของใบจะช่วยใหน้ อนหลบั สบาย
•เปลือกต้น ตากแห้ง แช่ในน้ำรอ้ น ด่มื แกท้ ้องอืดเฟอ้ ได้

หมายเหตุ
มีรายงานการพบสารที่มีผลต่อร่างกายในทางเป็นโทษหากร่างกายได้รับต่อเนื่องและเป็นระยะยาวนาน ผู้ใช้

ควรศกึ ษาหาข้อมูลเพม่ิ เติม

4

การปลกู ทเุ รยี นเทศ
การปลกู ทเุ รียนเทศ หรือทุเรยี นน้ำนั้น สามารถทำได้ไม่ยาก เพราะทเุ รยี นน้ำน้ันใช้วธิ ีขยายพนั ธ์โุ ดยเมล็ด ซึ่ง

เพยี งแคน่ ำเมลด็ มาแชน่ ้ำท้ิงไว้ 1-2 วนั จากนนั้ นำไปเพาะดนิ ผสมปกติ ตน้ ทเุ รียนเทศจะงอกขึ้นมาได้ภายใน 7 วนั แต่
ต้นกล้าจะโตช้าและออกดอกเมื่อมีอายุ3 ปีขึ้นไป และจะติดผลในปที ี่ 4 ได้ผลผลิตประมาณปีละ 1.5 - 2 ตัน/ไร่ หรือ
หากจะใช้วิธีขยายพันธุแ์ บบเสียบยอดและทาบกิ่งก็สามารถทำได้ โดยต้นทุเรียนน้ำนี้จะเจรญิ เติบโตได้ดีในดินร่วนท่มี ี
ความชมุ่ ช้ืน ระบายน้ำไดด้ ี

ความเสยี่ ง
มีงานวจิ ัยในแถบทะเลแคริบเบยี นท่ีแสดงให้เหน็ วา่ มคี วามเช่ือมโยงระหว่างการรบั ประทานทุเรียนเทศกับโรค

พาร์คนิ สัน เพราะทุเรียนเทศมีannonacinซึ่งเป็นสาเหตขุ องโรคนสี้ ูง
มีการวิจัยออกมาว่าในประเทศที่มีการใช้เมล็ดเป็นยาพื้นเมืองฆ่าพยาธิ พบว่าคนเป็นพาร์คินสัน จึงควรเลี่ยง

การกินเมล็ด ในผลทุเรียนน้ำสด1ผล มีสารannonacin 15 milligrams และ1 กระป๋องของ น้ำผลไม้ที่ทำสำเร็จแล้ว
เพื่อการค้ามี annonacin 36 milligrams annonacin มีความเกี่ยวข้องกบั การเกิดแผลในสมอง ทำให้มีอาการแบบ
พาร์คนิ สนั จงึ ควรหลีกเลีย่ งการกินผลทุเรียนน้ำมากเกินไป

ทุเรียนเทศยังเป็นสมุนไพรที่ออกฤทธิ์ในยาที่ขายในตลาดในชื่อ Triamazon. Triamazon นี้ไม่ได้รับอนุญาต
ให้ใชเ้ ปน็ ยาในองั กฤษ
ปัจจยั ทีค่ วรคำนงึ ถึง

การปลูกทุเรียนเทศ ปลูกและดูแลได้ง่ายมาก ท่านผู้อ่านสามารถเริ่มต้นจากการทดลองปลูกเป็นสมุนไพรใน
ร้ัวบ้านกอ่ นลงทุนปลกู เป็นอาชีพ แตต่ อ้ งไมล่ ืมปจั จัยต่างๆ เหลา่ น้ี
สภาพดนิ ท่ีเหมาะสม

ควรเปน็ ดนิ รว่ น ระบายนำ้ ไดด้ ี มีความชุ่มชนื้

5

อากาศและอณุ หภูมทิ ่ีเหมาะสม
- ชอบความชื้นสงู
- ชอบแสงแดดรำไร หรือต้องการแสงแดดเพียงครึ่งวัน

การขยายพนั ธ์ทุ ุเรยี นเทศ
สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการปักชำ ติดตา หรือนำยอดจากต้นพันธุ์มาเสียบกับต้นตอ ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้

ทุเรยี นเทศใช้เวลาในการออกผลเพยี ง 2 ปี

การเพาะเมลด็ ทุเรียนเทศ
วสั ดุเพาะ
-ควรใชข้ ุยมะพรา้ ว หรอื ดินร่วนซยุ
วธิ เี พาะเมลด็
แชเ่ มล็ดทเุ รียนเทศไว้ในน้ำสะอาด 1 ถงึ 2 คืน เพือ่ กระตุ้นการงอก จากนั้นนำไปเพาะในถุงชำ 1 เมลด็ ต่อ 1

ถุง กลบดินหรือวัสดุปลูกหนาประมาณ 1 ถึง 1.5 เซนติเมตร รดน้ำ แล้ววางถุงชำไว้ในที่ร่มมีแดดรำไร รดน้ำวันละ 2
ครัง้ ท้งั เชา้ และเย็น เมล็ดทุเรียนเทศจะใชเ้ วลาประมาณ 3 สัปดาห์ เมลด็ จะงอกออกมาเป็นต้นอ่อน

ขัน้ ตอน การปลกู ทุเรียนเทศ
เมอ่ื ตน้ พนั ธท์ุ มี่ ีอายเุ พาะชำประมาณ 3 ถึง 5 เดือนข้ึนไป สามารถนำไปปลูกลงดินได้ทนั ที

ขุดหลุมปลูกกว้างกวา่ กระถางหรือถุงเพาะกล้าเล็กนอ้ ย หากปลูกหลายตน้ ควรเว้นระยะห่างระหว่างหลุมปลูก 4 x 4
เมตร ดินที่ขดุ ขึน้ มา ควรตากทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน เพ่อื ฆา่ เชื้อโรค ผสมปยุ๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมัก 1 สว่ น ขยุ มะพรา้ ว 1 สว่ น
คลกุ เคล้าให้เข้ากนั กับดินทตี่ ากแดดแลว้ ใส่รองก้นหลุม นำตน้ พนั ธ์ลุ งปลูก กลบดินให้แนน่ พอสมควรเพ่อื ไม่ใหต้ ้นพันธ์ุ
ลม้ หรือเอยี ง ทุเรียนเทศใหผ้ ลผลิตภายใน 3 ปีหลงั การปลูก
การใหน้ ้ำ

หลงั การปลูกในระยะแรก ควรรดนำ้ วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
เมื่อต้นพันธต์ุ งั้ ตัวได้ ให้รดน้ำวนั ละ 1 ครง้ั ในชว่ งเชา้ ในฤดูฝน เวน้ ระยะการใหน้ ำ้ ได้หากฝนตกชุก เม่อื ฝนท้ิงช่วงหรือ
ในฤดูแล้ง ให้สังเกตอากาศและดนิ หากอากาศรอ้ นจดั หรือดนิ แห้ง ควรรดนำ้ ใหช้ ุม่
เมื่อตน้ ทเุ รียนเทศเจริญเติบโตมอี ายุ 2 ปี ขึน้ ไป รดนำ้ สปั ดาห์ละครัง้ หรอื มากกว่าตามสภาพอากาศ
การให้ปุ๋ย

ช่วงหลังปลูก สามารถให้ปุ๋ยเคมีเร่งโตได้จนถึงช่วงอายุ 2 ปี หลังจากนั้น ห้ามให้สารเคมีเด็ดขาดสามารถให้
ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เดือนละ 1 ครั้ง ตามความเหมาะสม (ประมาณ 1 หรือ 2 กำมือ ต่อต้น) แล้วรดน้ำให้ชุ่ม ควร
กำจดั วัชพชื และพรวนดนิ ก่อนให้ปยุ๋ เพอื่ ใหท้ ุเรยี นเทศไดร้ ับสารอาหารอย่างเต็มท่ี

โรคและแมลงศัตรทู ุเรียนเทศ
ยังไม่มีแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับโรคและแมลงศัตรูทุเรียนเทศ ซึ่งค้นพบข้อมูลจากข้อสันนิษฐานว่า น่าจะอยู่ใน

กลุ่มเดียวกันกับโรคและแมลงศตั รูนอ้ ยหน่า แต่โดยความเหน็ ส่วนตวั ของผ้เู ขยี นแล้ว ทเุ รียนเทศมีฤทธิ์ต่อต้านโรคและ
แมลงศัตรูด้วยตัวเองได้ดีในระดับหนึ่ง จึงไม่ค่อยมีโรคและแมลงศัตรูมารบกวน ปัญหาที่พบได้บ่อยคือ การไม่ติดผล
ของทเุ รยี นเทศ ซึ่งนา่ จะมีสาเหตุ 3 ประการ คอื

6

การออกดอกครัง้ แรกหลังการปลกู
โรคดอกร่วง
ทเี่ กิดจากเช้อื ราเขา้ ทำลายกา้ นดอกและกลีบดอก เป็นจุดสีนำ้ ตาลดำ ทำให้ดอกรว่ งหลน่ ถา้ ดอกที่เป็นโรคไม่

รุนแรงดอกสามารถเจริญและสามารถสืบพันธุ์ได้ แต่โรคก็สามารถติดไปยังผลทำให้ผลเหี่ยวย่นมีสีน้ำตาลเข้ม ในการ
ระบาดข้ันรุนแรงจะทำใหผ้ ลเสยี หายยังเป็นโรคต่อไปจนถึงระยะเกบ็ เกย่ี ว

การปอ้ งกันและกำจดั
เด็ดดอก และผลที่เป็นโรคไปเผาทำลาย แล้วพ่นสารเคมี เช่น คอปเปอร์ออกซี่คลอไรด์ ตามอัตราส่วนใน
เอกสารกำกับยา
ด้วงทำลายดอก
พบอยู่ 2 ชนดิ คือ ด้วงมีงวงสนี ้ำตาลอ่อน และด้วงไมม่ ีงวงสีน้ำตาลลายดำ ลกั ษณะการทำลาย ด้วงจะกัดกิน
เกสรตวั ผู้ ยอดเกสรตวั เมีย กลบี ดอกและก้านใบ ทำใหด้ อกแหง้ และร่วงหล่น
การปอ้ งกนั และกำจดั
ฉดี พ่นยาชนิดดดู ซึม และประเภทถูกตัวตายควบคู่กันไปจะช่วยลดการระบาด เชน่ ใชบ้ าซูดินน้ำผสมกบั มาลา
ไธออน โดยฉดี พ่นทกุ 7 ถงึ 10 วัน ในระยะดอกเร่มิ บานไดป้ ระมาณ 3 ถงึ 4 วนั

โรคทุเรยี นเทศอนื่ ๆ
โรคมัมม่ี
มีสาเหตุเกิดจากเชื้อรา เขา้ ทำลายผิวเปลือก ในระยะแรกผิวเปลือกจะเป็นแผลจุดสีม่วงดำ และแผลจะขยาย

ใหญ่มากขนึ้ ผลเน่าแหง้ และแขง็ ผลจะเนา่ แหง้ และแขง็ เปน็ สีนำ้ ตาลดำท้ังผล
การป้องกันและกำจดั
เดด็ ผลท่ีเป็นโรคไปเผาทำลาย และฉดี พ่นสารเคมกี ำจดั เชือ้ รา

โรคแอนแทรคโนส
สาเหตุเกิดจากเชื้อราเข้าทำลายในช่วงฤดูฝน เริ่มต้นที่ใบและยอดอ่อนมีจุดสีดำกระจายบนใบ ทำให้ใบแห้ง
เหี่ยว และร่วงหล่น ยอด อ่อนที่เป็นโรคจะมีจุดสีดำบนปลายยอดและจะขยายลุกลามไปถึงโคนกิ่ง ทำให้กิ่งแห้งตาย
และสามารถทำให้ขวั้ ผลและผลเน่า
การปอ้ งกนั และกำจัด
ตดั แต่งกิง่ ใหโ้ ปรง่ อยู่เสมอ กำจัดกิ่ง ใบ และผลท่เี ปน็ โรคด้วยการเผาทำลาย

แมลงศตั รูทุเรียนเทศ ที่พบมากที่สุดคือ
หนอนผเี ส้อื กินใบอ่อน
การป้องกันและกำจดั
หม่ันสำรวจต้นทุเรียนเทศ หากพบหนอนผเี สือ้ กนิ ใบอ่อน ให้จับไปเป็นอาหารปลา

7

หนอนไชลำตน้
การปอ้ งกันและกำจัด
ใช้นำ้ หมกั จากเมล็ดทุเรียน โดยหมักกากนำ้ ตาล อเี อ็ม เมล็ดทุเรยี น และยาเส้น รวมกัน แล้วฉีดเข้าลำต้น จะ
ทำใหห้ นอนไชลำตน้ ตาย
แมลงศตั รู
แมลงวันผลไม้หรือแมลงวันทองเข้าทำลายผลโดยตัวเมียเข้าไปเจาะผลแล้ววางไข่ ประมาณ 1 ถึง 2 วัน เม่ือ
เข้าสู่ระยะตัวหนอน อาศัยกินอยู่ในผล ประมาณ 6 ถึง 10 วัน หลังจากนั้นหนอนจะดีดตัวออกจากผลลงสู่ดินเพื่ออยู่
ในระยะดกั แดใ้ นดนิ ประมาณ 8 ถึง 12 วัน จะเป็นตวั เต็มวยั ปหี นงึ่ จะขยายพนั ธ์ุได้ 8 ถึง12 ชั่วอายุ
การปอ้ งกันและกำจดั
หอ่ ผลดว้ ยถุงกระดาษหรือถุงพลาสติก
ใช้สารเคมี เชน่ มาราไธออน ทำลายตัวเต็มวยั ทำลายดกั แด้
นำผลเนา่ ไปเผาทำลาย เพ่ือเป็นการกำจดั ตวั หนอนในผลท่ียังเหลืออยใู่ นผล
ดว้ งกินใบหรอื แมลงค่อมทอง
ด้วงกินใบ หรือแมลงค่อมทองจะเข้าทำลายโดยกัดกินใบออ่ นและใบแก่ โดยเฉพาะขอบใบจะเว้าแหวง่ ทำให้
ใบเสียหาย ตัวเต็มวยั สามารถปรบั เปลยี่ นสีไปตามสภาพแวดล้อม

8

แมลงคอ่ มทอง
การป้องกันและกำจัด

หมัน่ ตัดแต่งกง่ิ ให้โปร่ง
รกั ษาความสะอาดในสวนอยเู่ สมอ
ใชส้ ารเคมีฉดี พ่น เช่น คาร์บารลิ (เชพวนิ 85 %) อัตรา 60 กรัม ต่อนำ้ 20 ลติ ร

เพล้ียแปง้
ลกั ษณะของเพลยี้ แป้ง คอื มลี ำตัว มีสารสขี าวคลา้ ยแปง้ ติดอยู่ตามตัว เพลี้ยแป้งเข้าทำลายโดยดูดกินน้ำเล้ียง
ทผ่ี ล ข้ัวผล และใบ มักพบตวั เพล้ยี แป้งเกาะอยู่ตามผล โดยในขณะเดยี วกันจะผลติ สารพษิ ออกมาทำใหผ้ ลเห่ยี ว

9

การป้องกันและกำจดั
ใช้มาราไธออนผสมสารจบั ใบ หรือผสมไวทอ์ อยฉดี พน่

การเก็บเกีย่ วทุเรียนเทศ

การเก็บเกีย่ วใบ
เริ่มเก็บใบจำหน่ายหรือแปรรูปได้เมื่อต้นทุเรียนเทศ อายุ 2 ปีครึ่ง ถึง 3 ปี โดยสังเกตอายุใบกลางๆ สีไม่เข้ม
เกนิ ไป หากใบอ่อนหรือแกเ่ กินไป สารท่อี ยใู่ นใบทเุ รียนเทศจะลดลง ไมเ่ หมาะสำหรับการนำไปใช้
วิธเี กบ็ เก่ียวใบ
ใช้กรรไกรที่คมตัด ปูแผ่นรองบริเวณรอบโคนต้นรับใบที่ตัดออก ควรตัดเพียง 30-40 เปอร์เซ็นต์ของต้น ต่อ
ครัง้ และตัดทกุ 3 ถึง 4 วัน ซงึ่ จะได้ใบทเุ รยี นเทศครั้งละประมาณ 3 ถึง 4 กิโลกรมั

การแปรรูปใบทุเรยี นเทศ
- ใบทุเรยี นเทศอบแห้งพรอ้ มชง นำใบทเุ รยี นเทศทีต่ ดั แล้วไปล้าง ผึง่ ให้สะเดด็ น้ำ
- นำไปหั่นโดยใช้เครื่องหั่นใบ ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับการทำชา การใช้เครื่องหั่นใบเป็นการนวดใบ

ทุเรียนเทศไปในตัว เมื่อใบชาถูกความรอ้ นจะทำให้สารทอี่ ยใู่ นใบสกัดออกมาได้งา่ ย
- ใบทุเรียนเทศสด นำ้ หนกั 4 กโิ ลกรัม เมื่ออบแห้งแล้วเหลอื เพยี งใบทเุ รียนเทศอบ น้ำหนัก 1 กิโลกรมั

10

รปู แบบการแปรรปู ทเุ รยี นเทศในปัจจบุ นั (ใบ และผล)

ใบชาทเุ รียนเทศ หรือใบทุเรียนเทศอบแหง้

นำ้ ทเุ รียนเทศ

11

สบคู่ รมี ทุเรียนเทศ
แคปซลู ทเุ รยี นเทศ

12

ชาทุเรียนเทศพร้อมชง

การดแู ลต้นทเุ รียนเทศ หลงั การเก็บเกี่ยว
ต้นทุเรียนเทศเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะสูงประมาณ 6 ถึง 7 เมตร และเริ่มให้ผลเมื่ออายุประมาณ 3 ปีคร่ึง

ควรบำรุงรักษาต้นด้วยการตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้ต้นไม่สูงมาก และสามารถทำการเก็บใบได้สะดวกด้วยการตัดแต่งกิ่งทำ
ควรหลังจากเกบ็ ผลแล้ว
ใบทุเรยี นเทศรกั ษามะเรง็ ได้ (จรงิ หรือ?)…มคี ำตอบ

จากข้อมูลสรรพคุณทางภูมิปัญญาของใบทุเรียนเทศ จะเห็นได้ว่าภูมิปัญญาในหลายประเทศมีการใช้ใบ
ทเุ รยี นเทศในการลดความดันโลหิต ชว่ ยสงบ ระงบั นอนไม่หลับ ปวดข้อ รมู าตอยด์ และปวดปลายประสาท ไม่มีการ
กล่าวถึงการใช้รกั ษาโรคมะเร็ง มีแต่ในประเทศท่ียากจน เช่น ประเทศทางอัฟริกา ที่มีปัญหาของโรคมะเร็งและพบวา่
ประชาชนเข้าถงึ ยาแผนปัจจบุ ันได้น้อย ทำให้อัตราการตายดว้ ยโรคมะเร็งสูงจึงใช้ใบทุเรียนเทศในการรักษาโรคมะเร็ง
โดยการนำใบมาต้มกับน้ำโดยอิงข้อมูลจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่ปี 1940 ไม่ใช่สรรพคุณทางภูมิปัญญา
ท้องถิน่

ปจั จบุ นั ประเทศสหรฐั อเมรกิ าและประเทศทางยโุ รปมผี ลิตภัณฑ์ใบทุเรียนเทศหลายรปู แบบ ใชเ้ ปน็ ผลิตภัณฑ์
ร่วมกับยาแผนปัจจุบันในการรักษาโรคมะเรง็ ได้แก่ รูปแบบชาชง (infusion) โดยรับประทานครั้งละ 1 ถ้วย วันละ 3
คร้งั รูปแบบยาทงิ เจอร์ รบั ประทานครง้ั ละ 3-4 มิลลลิ ติ ร วนั ละ 3 คร้ัง รปู แบบยาผงบรรจุแคปซลู รับประทานขนาด
2 กรมั วนั ละ 3 ครัง้ 2
ผ้เู ขยี นจะขอกลา่ วถึงการศกึ ษาฤทธ์ิของใบทเุ รียนเทศในการรักษามะเร็งในแงว่ ทิ ยาศาสตร์ ในรปู แบบ

1. ชาชง หรือ ยาตม้ ใชน้ ้ำเป็นตัวสกัด
2. ยาผง หรือ ยาทงิ เจอร์ ใช้สารละลายอ่ืนเปน็ ตัวสกัดเชน่ แอลกอฮอล์

13

สรุป ผลการวจิ ัย รูปแบบชาชงหรอื น้ำตม้

การบริโภคใบทุเรียนเทศในรูปแบบชาชงหรือน้ำต้ม ซึ่งอาศัยน้ำเป็นตัวทำละลาย พบว่าข้อมูลวิจัยที่มีอยู่ใน
ปัจจุบันยังมีน้อยมาก และส่วนใหญ่พบว่าไม่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง (เป็นการศึกษาใน
หลอดทดลอง) ถงึ แมว้ า่ มีบางงานวจิ ัยที่พบวา่ น้ำต้มหรอื ชาชงใบทุเรียนเทศมีฤทธิ์ดงั กล่าว แต่ตอ้ งใชข้ นาดยาท่ีสูง ท้ังน้ี
เพราะว่าสารสำคัญในพืชวงศ์นี้เป็นสารกลุ่ม annonaceaous acetogenins ซึ่งเป็นสารที่ไม่ละลายในน้ำ
(อณุ หภูมหิ ้อง) แตล่ ะลายไดบ้ า้ งในน้ำตม้ และการบรโิ ภคนำ้ ต้มในปริมาณทม่ี ากจะเปน็ พษิ ต่อไตและมดลูก ฉะนั้นหญิง
ตั้งครรภ์ห้ามรับประทาน8 นอกจากนี้น้ำต้มใบทุเรียนเทศยังประกอบด้วยสารต่างๆ ที่มีขั้ว ซึ่งอาจจะมีผลต่อร่างกาย
เชน่ สารกลุ่ม cardiac glycosides จะมีผลตอ่ กลา้ มเนอ้ื หวั ใจ

สรุป ผลการวจิ ัย รูปแบบยาผงหรือยาทิงเจอร์

14

การบริโภคใบทุเรียนเทศในรูปแบบยาผง หรือ ยาทิงเจอร์ ที่สกัดด้วยตัวทำละลายอื่นที่ไม่ใช่น้ำ เช่น
แอลกอฮอล์ อาจมีผลในการรักษาโรคมะเร็งไดจ้ ริง เนอื่ งจากมงี านวิจยั ทัง้ การศึกษาในหลอดทดลองและในสัตวท์ ดลอง
และพบว่าสารสำคัญคือสารกลุ่ม annonaceous acetogenins และสารกลุ่มแอลคาลอย์ แต่สารกลุ่มดังกล่าวพบว่า
ถา้ รับประทานในปริมาณมากและระยะเวลานานจะก่อเกิดพิษต่อเน้ือเยื่อสมอง ทำให้เกดิ อาการพาร์กินสัน (atypical
parkinsonism) และเกิดไตวายไดด้ ้วย

สรุป ใบทเุ รยี นเทศรักษามะเรง็ ได้ (จรงิ หรือ)
การบริโภคใบทุเรียนเทศในรูปแบบยาต้มหรือยาชง ก็จะมีความปลอดภัยมากกว่าการบริโภครูปแบบยา

ทิงเจอร์ หรือยาดอง หรือยาผง แต่การจะมีผลในการรักษาโรคมะเร็งหรือไม่คงต้องมีการศึกษาในรายละเอียดอีก
มากมาย ในการที่ประเทศที่ยากจนจะนำใบทุเรียนเทศมาใช้เป็นทางเลือกหนึ่ง ในการรั กษามะเร็ง คงเป็นการ
แกป้ ญั หาทป่ี ระชาชนเข้าถึงยาแผนปัจจบุ นั ไดไ้ มท่ ั่วถงึ เนอื่ งจากมีค่าใช้จ่ายทีส่ ูง

ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน คิดว่าผู้ป่วยมะเร็งที่ตรวจพบในระยะแรก ๆ น่าจะมีโอกาสได้รับการรักษาที่
ทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด หรือฉายแสง หรือได้รับยาต้านมะเร็ง ซึ่งเป็นวิธีรักษาที่ยอมรับกันในวงการแพทย์
การบริโภคสมุนไพรอาจจะเป็นทางเลือกในการช่วยลดผลข้างเคียงของยาแผนปัจจุบัน หรือการใช้ร่วมกันจะช่วยให้
การรกั ษาเป็นไปได้ดีขึ้น แตผ่ ูบ้ รโิ ภคกต็ ้องมีวิจารณญาณในการวิเคราะห์ข้อมูลของสมนุ ไพรอย่างถ่องแท้ ดังที่ได้เกร่ิน
นำข้างต้น ท้งั นเี้ พือ่ ประกันความปลอดภยั และประสิทธผิ ลทจ่ี ะได้รับต่อไป

กรณีผปู้ ่วยท่ีจะบรโิ ภคใบทุเรยี นเทศ มีขอ้ แนะนำดงั นี้
ควรระวังในการใช้ ในกรณีผู้ป่วยความดันโลหิตสูงและรับประทานยาลดความดัน จะต้องติดตามตรวจสอบ

ความดันโลหิต เพราะใบทุเรียนเทศมีผลลดความดันโลหิต (การทดลองในสัตว์ทดลอง) ผู้ป่วยเบาหวานที่รับประทาน
ยาลดน้ำตาลในเลือด ทั้งนี้เพราะใบทุเรียนเทศมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด (การทดลองในสัตว์ทดลอง) นอกจากนี้การ
รับประทานสารสกัดใบทุเรียนเทศนาน ๆ จะมีผลทำให้จุลชีพที่ดี (normal flora) ในระบบทางเดินอาหารถูกทำลาย
ได้ เนอื่ งจากใบทเุ รยี นเทศมฤี ทธติ์ า้ นจุลชพี และอาจมีผลทำใหเ้ กิดอาการ atypical parkinsonism เน่อื งจากสารกลุ่ม
annonaceous acetogenins มผี ลเป็นพิษตอ่ เนือ้ เยอื่ สมอง

“ตอ่ ไปนีเ้ ปน็ รายละเอยี ดการวิจัยทางวทิ ยาศาสตร์ ซึง่ ทา่ นผู้อา่ นทัว่ ไปสามารถข้ามไปได้”
1. รปู แบบชาชง หรือ ยาตม้ ใบทเุ รยี นเทศ รกั ษามะเร็งได้จรงิ หรือ?

การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ทางวทิ ยาศาสตร์ของทุเรียนเทศ โดยเฉพาะการวิจัยในส่วนใบ จะเหน็ ไดว้ า่ งานวิจัยจากท่ัว
โลกจนถงึ ปัจจบุ ันยังไม่มขี ้อมลู การศึกษาระดบั การศึกษาในคน (clinical trial) ส่วนใหญ่จะเปน็ งานวจิ ยั ในระดับหลอด
ทดลอง และสารสกัดส่วนใหญ่ที่วิจัยจะเป็นสารสกดั จากแอลกอฮอล์ มีงานวิจัยทีพ่ บว่าสารสำคัญที่สกัดได้จากใบด้วย
ตัวทำละลายที่ไม่มีขั้ว (เช่น hexane, chloroform) หรือมีขั้วน้อยถึงปานกลาง (ethanol, methanol, butanol) มี
ฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งหลายชนิดในหลอดทดลอง ซึ่งสารเหล่านั้นคือ สารกลุ่ม annonaceous acetogenins,
alkaloids, styryllactones ซ่งึ สารดังกลา่ วเปน็ สารท่ีไม่มีขั้ว หรอื มขี ้วั น้อย สารดงั กลา่ วจะไมถ่ ูกสกดั ออกมาด้วยน้ำ

จากงานวิจัยของ Champy และคณะ (2005) ได้ทำการวิเคราะห์สาร annonacin (ซึ่งเป็นสารที่พบได้มาก
ที่สุดในสารกลุ่ม annonaceous acetogenins ประมาณ 70%) ในเนื้อผล ชาชง น้ำต้ม และสารสกัดเมทานอลจาก
ใบ โดยวธิ ี reversed phase high pressure liquid chromatography (RP HPLC) รว่ มกบั matrix-assisted laser
desorption-ionization mass spectrometry (MALDI MS) หรือLC-MS พบว่า สาร annonacin จะถูกสกัดออกมา

15

ในรูปแบบชาชง และน้ำต้มได้น้อยกว่าเนื้อผล ประมาณ 100 เท่า และการที่สาร annonacin ถูกสกัดออกมาได้ด้วย
น้ำร้อน เนื่องจากสารนี้มีจุดหลอมตัวตำ่ (ประมาณ 64 oC)5 ซึ่งจากงานวิจัยของ Fidianingsih และคณะ (2014) ได้
สนับสนุนว่าชาชงใบทุเรียนเทศ มีฤทธิ์เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเต้านมชนิด T47D ได้บ้างแต่น้อยกว่าสารมาตรฐาน
tamoxifen 274 เท่า (มีค่า IC50= 31,384.21 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ส่วนสาร tamoxifen มีค่า IC50 = 114.52
ไมโครกรัม/มลิ ลิลติ ร) แสดงวา่ อาจจะมีสาร annonaceous acetogenin ละลายออกมาในน้ำร้อนได้บ้าง

งานวจิ ัยของ Gavamukulya (2014) พบว่า สารสกดั จากใบทุเรียนเทศดว้ ยน้ำ (อณุ หภมู หิ อ้ ง) ไมม่ ฤี ทธ์ิยับยั้ง
การเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับชนิด Ehrlich Ascites Carcinoma ในทุกความเข้มข้นขนาด 250, 500, 750,
1000, และ 1250 ไมโครกรมั /มลิ ลลิ ติ ร) แต่สารสกดั แอลกอฮอลม์ ีฤทธย์ิ ับยงั้ ได้ โดยมคี ่า IC50 = 335.85 ไมโครกรัม/
มลิ ลลิ ิตร สารสกดั น้ำมีฤทธติ์ า้ นอนุมลู อสิ ระได้ดีกว่าสารสกัดแอลกอฮอล์ โดยมคี า่ IC50 = 0.9077 มิลลกิ รมั /มลิ ลิลิตร
ส่วนสารสกัดแอลกอฮอล์มคี ่า = 2.0456 มิลลิกรมั /มลิ ลลิ ิตร ซึ่งกลุม่ สารที่พบได้ในท้ังสองสารสกัดคือ alkaloids (ถ้า
อยู่ในรูปเกลือจะละลายน้ำได้ แต่ถ้าอยู่ในรูปอิสระจะไม่ละลายในน้ำ), flavonoids, terpenoids, coumarins และ
lactones, anthraquinones, tannins, Cardiac glycosides, phenols, phytosterols, แ ล ะ saponins7
เช่นเดียวกับงานวิจัยของ Arthur และคณะ (2011) ที่พบว่าน้ำต้มประกอบด้วยสารกลุ่ม saponins, condensed
tannins, flavonoids และสาร glycosides อ่นื ๆ

แต่จากงานวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่า สารสกัดน้ำจากใบทุเรียนเทศมีผลต่อเซลล์มะเร็งตับ
โดยมีผลฆ่าเซลล์มะเร็งตับได้ โดยเฉพาะน้ำต้มจากใบแห้ง ส่วนน้ำคั้นจากใบสดมีผลเช่นเดียวกันแต่มีพิษต่อเซลล์ตับ
ปกติด้วย ถ้าจะวิเคราะห์ข้อมูลของงานวิจัยนี้ โดยอ้างอิงงานวิจัยที่ได้กล่าวมาข้างต้น แสดงว่าสารสำคัญในน้ำต้มใบ
ทุเรียนเทศอาจจะเป็นสารกลุ่ม annonaceous acetogenins ที่ละลายออกมาได้บ้างด้วยน้ำร้อน ส่วนในกรณีน้ำค้นั
ใบทุเรียนเทศ สารออกฤทธิ์อาจจะเป็นสารกลุ่มอื่นที่มีขั้ว เช่น flavonoid glycosides, phenolic compounds,
saponins, tannins

ในฐานะผู้เขียนเป็นนักพฤกษเคมีที่ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับพืชสมุนไพรที่มีชื่อว่า “ข้าวหลาม Goniothalamus
marcanii Craib” ซึ่งเป็นพืชในวงศ์เดียวกับทุเรียนเทศ คือวงศ์ Annonaceae โดยได้วิจัยและพัฒนาสารจากเปลือก
ต้นข้าวหลามเพื่อเป็นยาต้านมะเร็ง งานวิจัยพบว่า สารสำคัญท่ีมีฤทธิ์เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งของคนหลายชนิด
(เซลล์มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งสมอง และมะเร็งเต้านม) คือ สารกลุ่ม annonaceous acetogenins และ 1-
azaanthraquinones ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารที่สกัดแยกได้จากสารสกัดแอลกอฮอล์จากส่วนเปลือกต้น แสดงว่า
สารสำคัญเหล่านี้เป็นสารที่มีขั้วน้อย ถึงขั้วปานกลาง จึงสามารถถูกสกัดได้ด้วยตัวทำละลายที่มีขั้วน้อยหรือขั้วปาน
กลาง และงานวิจยั นไี้ ด้พสิ จู นใ์ หเ้ ห็นว่าสารสกัดด้วยนำ้ (อุณหภูมิห้อง) ไม่มีฤทธเ์ิ ปน็ พิษต่อเซลล์มะเรง็

16

การศกึ ษาความเปน็ พิษของนำ้ ตม้ จากใบทเุ รียนเทศ

การศึกษาความเป็นพิษของน้ำต้มจากใบทุเรียนเทศโดยป้อนให้หนูขาว พบว่า ค่า LD50 มีค่า <5 กรัม/
กิโลกรัม ถือได้ว่าน้ำต้มใบทุเรียนเทศมีความปลอดภัย (จากการคำนวน การดื่มครั้งละ 1 ถ้วยชา วันละ 3 เวลา จะ
ไดร้ ับสารสกดั นำ้ ต้ม 211 มิลลิกรัม/กโิ ลกรัม/วนั )

การศึกษาความเป็นพิษกึ่งเรื้อรังของน้ำต้มใบทุเรียนเทศในหนูขาวทั้งเพศผู้และเพศเมีย เป็นเวลา 14 วัน
พบว่า ขนาดความเข้มข้น 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม มีผลลดน้ำตาลในเลือด และไขมันในเลือดได้ โดยเฉพาะ low
density lipoprotein (LDL-cholesterol) และเพิ่มระดับของ high density lipoprotein (HDL-cholesterol) โดย
ไมเ่ ปน็ พิษต่ออวัยวะต่างๆของร่างกาย แต่ขนาดความเข้มขน้ 1,000 มลิ ลกิ รัม/กิโลกรมั มีผลทำให้น้ำหนักตัวหนูลดลง
และทำให้มดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้น และขนาดความเข้มข้น 2,500 มิลลิกรัม/กิโลกรัม มีผลเป็นพิษต่อไต ทำให้ระดับ
เอนไซม์ creatinine สูงขึ้น ผลงานวิจัยนี้แสดงว่าการบริโภคน้ำต้มใบทุเรียนเทศในปริมาณน้อยจะเป็นประโยชน์ทั้ง
เรื่องน้ำตาลในเลือดและระดับไขมันในเลือด ส่วนการบริโภคในปริมาณที่มากจะเป็นพิษต่อไตและมดลูก ฉะนั้นหญิง
ตั้งครรภห์ ้ามรบั ประทาน
2. รูปแบบยาผง หรือ ยาทิงเจอรใ์ บทุเรยี นเทศ รักษามะเร็งได้จริงหรือ?

มีงานวิจัยเป็นจำนวนมากที่ศึกษาในสารสกัดแอลกอฮอล์ของใบทุเรียนเทศ (หรือรูปแบบยาทิงเจอร์ หรือยา
ดอง) พบว่า สารประกอบทางเคมีส่วนใหญ่ที่พบในสารสกัดแอลกอฮอล์จากใบคือ สารกลุ่ม annonaceous
acetogenins และสารกลุ่ม isoquinoline alkaloids ซึ่งสารกลุ่ม annonaceous acetogenins ที่สกัดได้จากส่วน
ใบมีมากกว่า 30 ชนิด เช่น annonacin3,4 (เป็นสารหลัก พบได้มากกว่า 70%), annonacin-10-one, annonacin
A, annomutacin4 , isoannonacin3 , isoannonain-1 0 - one3 , 4 , annomuricin C, annopentocins A-C,
annocatacin A แ ล ะ B4 , Bullatacin3 , goniothalamicin, gigantetrocin A3 , 4 , gigantetronenin4 ,
muricoreacin, murihexocin A-C3,4,12, muricatetrocins A และ B, muricatocins A-C4, annohexocin12,13,
annomuricins A และ B4 ส่วนสารกลุ่ม isoquinoline alkaloids ทพ่ี บได้แก่ reticuline, coclaurine, coreximine,

17

atherosperminine, stepharine, anomurine และ anomuricin12 ซึ่งสารเหล่านั้นเป็นสารที่มีฤทธิ์ยับย้ัง
เซลล์มะเรง็ ทงั้ ในหลอดทดลองและสัตวท์ ดลอง

การศึกษาในหลอดทดลอง
สารสกัดต่อเนื่องด้วยตัวทำละลาย hexane, ethyl acetate และ methanol จากส่วนใบ พบว่าสารสกัด

ethyl acetate มีฤทธิ์ในการยับยัง้ การเจริญของเซลล์มะเร็งปอดชนดิ A549 ได้ดีที่สุด โดยมีกลไกหยุดย้ังการแบ่งตวั
ของเซลล์ (cell cycle arrest) และทำให้เซลล์ตายแบบ apoptosis โดยผ่านกระบวนการ mitochondrial-
mediated signaling pathway ซึ่งเกยี่ วข้องกับ NF-kB signalling pathway

สารสกัดเอทานอลจากใบ มีผลเป็นพิษต่อเซลล์ท่อน้ำนมชนิด T47D (Human ductal breast epithelial
tumor cell line) โดยมีค่า IC50 เทา่ กบั 17.149 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร

สารกลุ่ม annonaceous acetogenins ได้แก่ annonacin, isoannonacin, isoannonain-10-one,
goniothalamicin และ gigantetrocin มีฤทธิ์เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งอวัยวะต่าง ๆ ของคน (human tumor cell
lines) หลายชนิด ได้แก่ เซลล์มะเร็งปอด (A549 lung carcinoma), เซลล์มะเร็งเต้านม (MCF-7 breast
carcinoma), และเซลล์มะเร็งลำไส้ (HT-29 colon adenocarcinoma) ส่วนสาร muricoreacin และ murihexocin
มีฤทธิ์เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งตับอ่อน (PACA-2 pancreatic carcinoma) และ เซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก (PC-3
prostate adenocarcinoma cell lines)13 สาร bullatacin และสาร acetogenins อื่น ๆ มีผลยับยั้งการสร้าง
adenosine triphosphate (ATP) ซึ่งจะมีผลในการยับยั้งเนื้องอกที่ดื้อยา3 สาร annohexocin มีฤทธิ์เป็นพิษต่อ
เซลล์มะเร็งหลายชนิด ได้แก่ เซลล์มะเร็งปอด เต้านม ลำไส้ ตับอ่อน ไต โดยเฉพาะต่อมลูกหมาก โดยมีค่า ED50
เท่ากับ 0.0195 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร สารมาตรฐาน adriamycin มีค่า ED50 เท่ากับ 0.0310 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร
แสดงวา่ สาร annohexocin มีฤทธ์ดิ กี ว่าสาร adiamycin

ในปี ค.ศ. 1976 สถาบันมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาได้ศึกษาฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง (ในหลอดทดลอง)
ของสารกลุ่ม annonaceous acetogenins ทส่ี กดั ไดจ้ ากใบและลำต้น พบวา่ สารกล่มุ ดงั กล่าวมีผลเฉพาะเจาะจงต่อ
เซลล์มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ และมะเร็งชนิดที่ดื้อต่อยา
งานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาวไต้หวนั พบว่า สาร annonacin เป็นสารสำคัญที่มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งรังไข่ มะเร็ง
ปากมดลูก มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และมะเร็งผิวหนัง2 นักวิจัย Fidianingsih และคณะ (2014) พบว่าสารกลุ่ม
annonaceous acetogenins มฤี ทธ์ิยบั ยงั้ เซลลม์ ะเร็งหลายชนิด เชน่ มะเร็งตับ มะเรง็ ปอด มะเร็งเตา้ นม มะเร็งต่อม
ลูกหมาก มะเรง็ ตับออ่ น มะเร็งลำไส้ และมะเรง็ ทีด่ อื้ ตอ่ ยา

การศึกษาในสัตว์ทดลอง
ฤทธิ์ป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านม: สารสกัด 70% เอทานอลจากใบ ในขนาดยา 100 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร/วัน

เป็นเวลา 6 สัปดาห์ โดยการป้อนให้หนูถีบจักรตัวเมีย ที่ทำให้เป็นมะเร็งเต้านมด้วยสารก่อมะเร็ง 7,12-
dimethylbenz[a]anthracene (DMBA) พบว่าสารสกัดดังกล่าวมีฤทธ์ปิ ้องกนั การเกิดมะเร็งเต้านมได้ และพบว่าสาร
สกัดดังกลา่ วประกอบดว้ ยสารกล่มุ polyphenol เป็นสารหลกั

ฤทธต์ิ ้านเน้ืองอกทล่ี ำไส้: สารกลมุ่ acetogenins มีฤทธลิ์ ด colon crypts ของหนูทเ่ี หน่ียวนำใหเ้ กิดด้วยสาร
azoxymethane (Azo)

ฤทธิ์ต้านเนื้องอกที่ปอด: สาร annonacin ขนาด 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม มีฤทธิ์ต้านเนื้องอกที่ปอดได้ดี
เทียบเทา่ กบั ยา adiamycin แต่ปลอดภยั กวา่

18

ความเปน็ พษิ ของสารสกดั เอทานอลใบทุเรียนเทศและสารกลุม่ annonaceous acetogenins
การศึกษาความเป็นพิษเฉียบพลันของสารสกัดเอทานอล (95%) พบว่าเมื่อป้อนให้หนูถีบจักร มีค่า LD50

เท่ากับ 1.67 กรัม/กิโลกรัม4 มีงานวิจัยพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลจากใบ ขนาด 10, 20, และ 40 มิลลิกรัม/
กิโลกรัม เป็นเวลา 40 วัน มีผลทำให้ไตวายได้13 การป้อนสาร annonacin แก่หนูขาวเป็นเวลานาน จะเกิดความ
ผิดปกตขิ องเน้ือเยื่อสมอง และเกิดอาการ atypical parkinsonism3 โดยมกี ลไกทำใหเ้ กดิ ความผดิ ปกตทิ ี่ substantia
nigra และ basal ganglia ซึ่งความเป็นพิษนี้จะมีมากกว่าสาร reticuline ซึ่งเป็นสารกลุ่มแอลคาลอยด์ (benzyl-
tetrahydroisoquinoline) 1,000 เท่า และมากกว่าสาร 1-methyl-4-phenylpyridinium (MPP+) (สารที่เป็นพิษ
ต่อเซลลป์ ระสาท) ประมาณ 100 เท่า
3.โอกาสการพัฒนาสารกลมุ่ annonaceous acetogenins เป็นยาตา้ นมะเรง็ มมี ากนอ้ ยเพยี งใด?

จะเห็นได้ว่าหน่วยงานสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (National Cancer Institute) ของประเทศสหรัฐอเมริกามี
ความพยายามท่ีจะพฒั นาสารกลุ่ม annonaceous acetogenins เป็นยาตา้ นมะเรง็ เช่นเดยี วกับสาร taxol ท่ีสกัดได้
จากต้น Taxus brevifolia (Pacific yew หรือ western yew) โดยเริ่มโครงการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 งานวิจัยพบว่า
สารกลุ่ม annonaceous acetogenins มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งไดห้ ลายชนดิ ในหลอดทดลอง และในสัตว์ทดลอง ซ่ึง
หน่วยงานที่รับผิดชอบหลักคือ มหาวิทยาลัย Purdue ในขณะเดียวกันทางประเทศเกาหลี (the Catholic
University) ได้วิจัยพบว่าสารกลุ่มนี้มีฤทธิ์ต่อเซลลล์มะเร็งลำไส้และมะเร็งเต้านมดีกว่าสาร adriamycin ถึง 1,000
เทา่ และไม่เปน็ พิษต่อเซลล์ปกติ แต่จะเห็นได้วา่ จนถึงปัจจุบนั งานวิจยั ไมไ่ ดก้ า้ วหน้า ยังไมม่ งี านวจิ ัยในระดบั การศึกษา
ในคน (clinical trial) ทั้งนี้อาจจะเนื่องจากสารกลุ่มนี้มีความเป็นพิษสูงทั้งต่อเนื้อเยื่อสมองและไต และที่สำคัญสาร
กลุ่มนี้ในการที่จะพัฒนาเป็นยา จะต้องมีการต่อยอดในการสังเคราะห์ให้มีปริมาณมากเพียงพอ เมื่อพิจารณาถึง
โครงสร้างของสารกลุ่มนี้ จะเห็นได้ว่าสาร annonaceous acetogenins เป็นสารที่มีโครงสร้างเป็น long chain
fatty acid ที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูง และที่สำคัญคือมี chiral center ที่ carbon atom หลายตำแหน่ง ตัวอย่างเช่น
สาร annonacin มี chiral center 7 ตำแหน่ง คือ carbon ท่ี 4, 10, 15, 16, 19, 20 และ 34 ซึ่งเปน็ การยากมากท่ี
จะสังเคราะหส์ ารให้ได้ stereochemistry เหมือนสารที่ไดจ้ ากธรรมชาติ และสาร annonaceous acetogenins ที่มี
chiral center ต่างกันเพียงจุดเดียวก็จะมีฤทธิ์แตกต่างกันเป็น 1,000 เท่า 100,000 เท่า จะเห็นได้ว่าจากข้อมูล
ข้างต้นคงเป็นปัญหาหนึ่งที่ทำให้การพัฒนาสาร annonaceous acetogenins เป็นยาต้านมะเร็ง จึงยังไม่บรรลุผล
จนถงึ ปจั จุบัน

19

บรรณานกุ รม

By medthai. 2556. ทเุ รียนเทศ (ทเุ รียนน้ำ). (ออลไลน)์ . สืบค้นจาก https :// medthai.com (1 ต.ค. 2564)
วกิ พิ ีเดีย สาระนุกรม. 2564. ทุเรียนเทศ. (ออลไลน์). สืบค้นจาก https ://th.wikipedia.org (1 ต.ค. 2564)
นิรนาม. 2561. การปลกู ทุเรียนเทศ. (ออลไลน)์ . สบื ค้นจาก https :// www. m-group.in.th (1 ต.ค. 2564)
บทความเผยแพร่ความรู้สปู่ ระชาชน. 2558. ใบทุเรียนเทศรักษามะเรง็ ได้ (จรงิ หรือไม)่ . (ออลไลน)์ . สบื ค้นจาก
https :// pharmacy. Mahidol.ac.th. (1 ต.ค. 2564)


Click to View FlipBook Version