The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1. นางสาวพรนภา นกขาว รหัสนักศึกษา 6619050087
2. นางจันทร์เพ็ญ ศิริเสถียร รหัสนักศึกษา 6619050088
3. นางสาวรัชตา กิจธวัชวรกุล รหัสนักศึกษา 6619050091
4. นางสาวสุภาวดี จันเกื้อ รหัสนักศึกษา 6619050104
5. นางสาวชนม์นิภา ศรีทองมา รหัสนักศึกษา 6619050105
6. นางสาวกรรณิการ์ หนูเกื้อ รหัสนักศึกษา 6619050109
7. นางสาวอรจรีย์ ชูโลก รหัสนักศึกษา 6619050119
8. นางสาวบุญยัง สุจริต รหัสนักศึกษา 6619050124
มหาวิทยาลัยหาดใหญ่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by schonnipha082, 2023-10-31 10:29:04

การเรียนรู้การบริหารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI

1. นางสาวพรนภา นกขาว รหัสนักศึกษา 6619050087
2. นางจันทร์เพ็ญ ศิริเสถียร รหัสนักศึกษา 6619050088
3. นางสาวรัชตา กิจธวัชวรกุล รหัสนักศึกษา 6619050091
4. นางสาวสุภาวดี จันเกื้อ รหัสนักศึกษา 6619050104
5. นางสาวชนม์นิภา ศรีทองมา รหัสนักศึกษา 6619050105
6. นางสาวกรรณิการ์ หนูเกื้อ รหัสนักศึกษา 6619050109
7. นางสาวอรจรีย์ ชูโลก รหัสนักศึกษา 6619050119
8. นางสาวบุญยัง สุจริต รหัสนักศึกษา 6619050124
มหาวิทยาลัยหาดใหญ่

Keywords: การเรียนรู้การบริหารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI

เรียนรู้การบริหารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI เสนอ รศ.ดร.จรัส อติวิทยาภรณ์ จัดทำ โดย 1. นางสาวพรนภา นกขาว รหัสนักศึกษา 6619050087 2. นางจันทร์เพ็ญ ศิริเสถียร รหัสนักศึกษา 6619050088 3. นางสาวรัชตา กิจธวัชวรกุล รหัสนักศึกษา 6619050091 4. นางสาวสุภาวดี จันเกื้อ รหัสนักศึกษา 6619050104 5. นางสาวชนม์นิภา ศรีทองมา รหัสนักศึกษา 6619050105 6. นางสาวกรรณิการ์ หนูเกื้อ รหัสนักศึกษา 6619050109 7. นางสาวอรจรีย์ ชูโลก รหัสนักศึกษา 6619050119 8. นางสาวบุญยัง สุจริต รหัสนักศึกษา 6619050124 รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 905-502 หลักการและทฤษฎีการบริหารการศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 มหาวิทยาลัยหาดใหญ่


1 เรียนรู้การบริหารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI Bench marking เป็นกระบวนการวัดและเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ บริการ และวิธีปฏิบัติ กับองค์กรที่ สามารถทำ ได้ดีกว่า เพื่อนำ ผลของการเปรียบเทียบมาใช้ในการปรับปรุงองค์กรของตนเองเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ ซึ่งจากความหมายนี้ สรุปได้ว่าการทำ Bench marking ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 1. การเปรียบเทียบวัด (Benchmark) ซึ่งในส่วนนี้ต้องมีการกำ หนดตัววัด หรือที่เรียกว่า Key Performance Indicator (KPIs) ว่าจะเปรียบเทียบกับใคร ในเรื่องใด 2. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการปฏิบัติที่ดี/เป็นเลิศ (Best Practices) จากผู้ที่ทำ ได้ดีกว่าโดยเป็นกระบวน การที่เกิดขึ้นหลังจากการเปรียบเทียบวัดให้รู้ถึงผู้ที่ทำ ได้ดีกว่า และเข้าไปเรียนรู้วิธีการปฏิบัติซึ่งทำ ให้ประสบความ สำ เร็จ หรือมีค่า Benchmark สูง เพื่อนำ มาใช้ปรับปรุงองค์กรของตนเอง ประโยชน์ของการทำ Bench marking เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการปรับปรุงองค์กรที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากทำ ให้มีการปรับปรุง องค์กรอย่างก้าวกระโดดแต่สำ หรับประเทศไทย Bench marking ยังค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่ เริ่มมีการนำ เครื่องมือ นี้มาใช้ในการปรับปรุงองค์กรอย่างเป็นระบบในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ในต่างประเทศมีการใช้กันอย่าง แพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีบริษัท Xerox Corporation เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับ ว่าเป็นผู้บุกเบิกในการใช้เครื่องมือBenchmarking เพื่อปรับปรุงองค์กรและได้รับผลสำ เร็จอย่างสูงทำ ให้แข่งขันได้ใน ธุรกิจ ซึ่งในขั้นต้น Xeroxเริ่มจากการปรับปรุงกระบวนการผลิต และพบว่าทำ ให้เกิดการปรับปรุงอย่างก้าวกระโดด จึงขยายผลอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปัจจุบันมีการทำ Bench marking ทั่วทั้งองค์กร ปัจจุบัน การทำ Bench marking ได้รับการยอมรับและนำ มาใช้มากขึ้น บทนำ Bench marking คือกระบวนการแลกเปลี่ยนความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์และแลกเปลี่ยนวิธีปฏิบัติที่ เป็นเลิศ (Best Practices) กับองค์กรอื่นภายใต้กฎกติกาสากลโดยมีแนวคิดว่าองค์กรใดองค์กรหนึ่งนั้นไม่ได้เก่ง ไปทุกเรื่องมีองค์กรที่เก่งกว่าในบางเรื่องดังนั้นการศึกษาจากประสบการณ์ตรงขององค์กรอื่นแล้วนำ มาประยุกต์ให้ เหมาะสม จะช่วยประหยัดเวลาและลดการดำ เนินงานแบบลองผิดลองถูกทำ ให้ทราบถึงศักยภาพหรือขีดความ สามารถที่แท้จริงขององค์กรของตนเองทำ ให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ งาน และเพิ่มศักยภาพในการ แข่งขัน Benchmarking จึงเป็นเส้นทางลัดสู่ความเป็นเลิศอย่างก้าวกระโดด ผลที่ได้รับจากการทำ Benchmarking คือทำ ให้รู้ว่าใครหรือองค์กรใดเป็นผู้ปฏิบัติได้ดีที่สุดและมีวิธีปฏิบัติอย่างไร เพื่อองค์กรอื่นจะนำ มาปรับปรุงผลการ ดำ เนินงานของตนโดยเลือกสรรและนำ วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศเหล่านั้นไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการทำ งานของตนเอง ซึ่งไม่ใช่การลอกเลียนแบบแต่เป็นการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆอันเกิดจากการเรียนรู้ ปัจจุบันเรื่องที่ได้รับความนิยม ในการทำ Benchmarking ได้แก่ เรื่องเทคโนโลยีระบบสารสนเทศ, เรื่องการฝึกอบรมพัฒนาพนักงาน, เรื่องการ จัดการเอกสารควบคุม, เรื่องความพึงพอใจของลูกค้า, เรื่องการจัดการทรัพยากรบุคคล เป็นต้น เรียนรู้การบริหารทฤษฎี Bench marking


เนื้อหาหลัก 1. Bench marking คืออะไร Benchmarking หรือการวัดเปรียบเทียบ (bench marking) เป็นกระบวนการที่ใช้เพื่อวัดและเปรียบ เทียบประสิทธิภาพขององค์กรหรือกระบวนการต่าง ๆ ขององค์กรกับผู้ให้บริการหรือองค์กรอื่น ๆ ที่มีการ ดำ เนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อหาวิธีการปรับปรุงและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น หรือเพื่อเรียนรู้จากสถานภาพที่ดีของ องค์กรอื่น ๆ กระบวนการนี้เน้นการวัดและเปรียบเทียบคุณสมบัติและประสิทธิภาพต่าง ๆ ขององค์กร เช่น กระบวนการการผลิต ระบบบริหารจัดการ การบริการลูกค้า การเสนอราคา การควบคุมคุณภาพ และอื่น ๆ โดยที่องค์กรนี้เป็นตัวเปรียบเทียบ (benchmark) หรือขององค์กรเปรียบเทียบ (benchmark) สามารถเป็น องค์กรในวงการเดียวกันหรือในวงการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นที่เรียกว่า "benchmark organization" หรือ "benchmarking partner" ประโยชน์ของ benchmarking 1. เปรียบเทียบประสิทธิภาพ: ช่วยองค์กรในการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของตนเองกับองค์กรอื่น ๆ ที่ดำ เนิน กิจกรรมที่เหมือนหรือคล้ายกันเพื่อตรวจสอบว่าองค์กรมีความสามารถในการดำ เนินงานอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ 2. การเรียนรู้: ช่วยให้องค์กรเรียนรู้จากสถานะต้นแบบหรือตัวอย่างที่ดีที่สุด และปรับปรุงกระบวนการและวิธีการ ทำ งานเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 3. สร้างเป้าหมาย: ช่วยให้องค์กรกำ หนดเป้าหมายและมาตรฐานการดำ เนินงานที่เหมาะสมโดยพิจารณาจากผลการ benchmarking 4. สร้างการแข่งขัน: ส่งผลให้องค์กรพัฒนาและพัฒนาองค์กรของตนให้ดียิ่งขึ้นเพื่อแข่งขันกับองค์กรอื่น 2 เรียนรู้การบริหารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI - ปรับปรุงผลการทำ งาน Bench marking ช่วยพัฒนาประสิทธิภาพการดำ เนินงาน รวมทั้งการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ เช่น ลดระยะเวลาในการผลิต ลดของเสีย เป็นต้น - ทำ ให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ Benchmarking ทำ ให้องค์กรหันมาสนใจกับทักษะความสามารถที่ จำ เป็นในการสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ ทั้งด้านการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพใน การส่งมอบ - เพิ่มอัตราการเรียนรู้ภายในองค์กร Benchmarking สร้างแนวคิดใหม่ให้แก่องค์กรและช่วยให้การแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ต่าง ๆ ง่ายขึ้น - เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการเรียนลัดเพื่อให้ก้าวทันองค์กรอื่น ๆ ประโยชน์ของ Bench marking


3 เรียรีนรู้การบริหริารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI กล่าวได้ว่า Bench marking สามารถทำ ในหลายด้านขององค์กร เช่นการผลิต, การบริหาร, การบริการลูกค้า, การควบคุมคุณภาพ, การเรียนรู้และพัฒนา, การตลาดและอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่แล้ว Benchmarking เป็น กระบวนการที่สอดคล้องกับการจัดการคุณภาพและการพัฒนาองค์กรในเชิงกว้าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและ ความแข็งแกร่งขององค์กรในสถานะปัจจุบันและในอนาคต 2. ทำ ไมต้องใช้ Bench marking เนื่องจากเหตุผลดังนี้ - เพื่อความยั่งยืนขององค์กร : สภาพการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น การที่องค์กรจะยั่งยืนจำ เป็นต้องรักษาและยก ระดับความสามารถของตนเองเพื่อให้แข่งชันได้ จึงต้องมีการเรียนรู้และปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่องโดย เครื่องมือหนึ่งที่นิยมใช้ คือ Benchmarking - เพื่อการปรับปรุงอย่างก้าวกระโดด : ความเร็วในการปรับปรุงตนเองเป็นเงื่อนไขสำ คัญของความได้เปรียบใน การแข่งขัน Benchmarking เป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นนวัตกรรม (Innovation) ในองค์กร ซึ่งทำ ให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงในเชิงปรับปรุงในระยะเวลาอันสั้นเนื่องจากเป็นการเรียนรู้วิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดจากภายนอกองค์กร ทำ ให้สามารถ “เรียนลัด” เพื่อก้าวให้ทันองค์กรอื่น ๆ จึงเป็นการปรับปรุงแบบก้าวกระโดด - เพื่อสนับสนุนรางวัลคุณภาพแห่งชาติ รางวัลเป็นแรงจูงใจให้เกิดการปรับปรุง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลาย ประเทศ ริเริ่มให้มีรางวัลด้านการจัดการเพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการปรับปรุงคุณภาพด้านการจัดการ เช่น Malcolm Baldrige National Quality Award ในประเทศสหรัฐอเมริกา Singapore Quality Award ใน สิงคโปร์ และ Thailand Quality Award ของประเทศไทย รางวัลเหล่านี้ใช้แนวทางของ Malcolm Baldrige เป็นหลักเกณฑ์ในการตัดสิน ซึ่งได้กำ หนดให้องค์กรที่จะได้รับรางวัลต้องมีการดำ เนินกระบวนการ Benchmarking Bench marking สามารถเลือกทำ ได้ 2 แนวทาง คือ 1. Bench marking แบบกลุ่ม คือ การทำ Benchmarking โดยรวมกลุ่มกับองค์กรอื่นที่มีความต้องการ จะทำ Benchmarking เหมือนกัน ข้อดี คือ ไม่ต้องเสียเวลาในการหาคู่เปรียบเทียบ รวมทั้งเป็นการสร้างเครือข่ายการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ดีอีกด้วย ข้อจำ กัด คือ องค์กรแต่ละองค์กรไม่สามารถทำ ตามสิ่งที่ต้องการได้หมดทุกอย่าง เนื่องจากต้องฟังเสียงข้าง มากของทุกองค์กรในกลุ่มว่าต้องการทำ Benchmarking ในเรื่องไหน แบบไหน นอกจากนี้ เวลาที่ใช้ในการ ดำ เนินการค่อนข้างตายตัว เพราะต้องดำ เนินการพร้อมกับกลุ่ม ดังนั้น การเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลต้องทำ ตามที่กลุ่มกำ หนด 2. Bench marking แบบเดี่ยว คือ องค์กรเดียวมีความต้องการที่จะทำ Benchmarking จึงกำ หนด หัวข้อที่ต้องการทำ และดำ เนินการตามกระบวนการ Bench marking ที่ได้วางแผนไว้


4 เรียรีนรู้การบริหริารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI ข้อดี คือ สามารถควบคุมระยะเวลาที่จะใช้ในการดำ เนินการทั้งหมดได้ และสามารถเลือกหัวข้อที่สนใจจะทำ Benchmarking ได้ ข้อจำ กัด คือ ใช้ระยะเวลานานกว่าแบบกลุ่มเพราะองค์กรต้องเป็นผู้ดำ เนินการเองทั้งหมด และถ้าเป็นองค์กร เล็ก ๆ จะหาผู้ที่มาเปรียบเทียบด้วยยาก 3. กระบวนการที่ใช้ใน Bench marking คืออะไร กระบวนการทำ Bench marking มีการพัฒนาและนำ ไปใช้อย่างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าองค์กร ต้นแบบที่นำ ไปใช้นั้นต้องการเน้นรายละเอียดในด้านใด อย่างไรก็ตาม ทุกกระบวนการ/รูปแบบที่ทำ ก็ยังอยู่ บนพื้นฐานเดียวกัน ซึ่งรูปแบบที่ได้รับความนิยมของบริษัทชั้นนำ ในระดับโลก ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลัก และ 10 ขั้นตอนย่อยดังนี้ 1. ขั้นตอนการวางแผน (Planning stage) ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนย่อย ดังนี้ 1.1 การกำ หนดหัวข้อการทำ Bench marking สามารถทำ ได้หลายวิธี แต่วิธีที่เหมาะสมที่สุด ควรเริ่ม จากการวิเคราะห์กระบวนการตนเองก่อน ซึ่งมองได้ 2 ด้าน คือ มุมมองภายในที่เป็นเรื่องสำ คัญที่ต้องการ ปรับปรุงในองค์กร และมุมมองภายนอกที่มาจากสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ในปัจจุบันส่วนใหญ่เริ่มจากมุมมองลูกค้า ก่อน (Standpoint of Customer) โดยวิเคราะห์ว่าลูกค้าคาดหวังในเรื่องใด เช่น คุณภาพราคา หรือบริการ จากนั้นจึงพิจารณาว่ากระบวนการทำ งานใดที่มีผลกระทบต่อความคาดหวังของลูกค้า จัดลำ ดับหรือเกณฑ์ใน การพิจารณาเพื่อคัดเลือกหัวข้อหรือระบวนการนั้น ๆ เพื่อนำ มาทำ Benchmarking 1.2 การกำ หนดองค์กรเปรียบเทียบ การคัดเลือกผู้ที่องค์กรต้องการเทียบเคียงหรือคู่เปรียบเทียบ Benchmarking Partner มีแนวทางปฏิบัติหลัก ๆ คือ การจัดทำ รายชื่อองค์กรที่ต้องการเปรียบเทียบและคัด เลือกองค์กร ซึ่งต้องมีการกำ หนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกที่ชัดเจน เพื่อใช้ในการคัดเลือกองค์กรในการทำ Benchmarking ด้วย ทั้งนี้อาจพิจารณาจากขนาดโครงสร้างองค์กร ประเภทสินค้า / บริการประเภท อุตสาหกรรม ระดับเทคโนโลยี สถานที่ตั้ง และการได้รับการยอรับ เป็นต้น เพื่อเลือกองค์กรที่เหมาะสมในการ ทำ Benchmarking 1.3 การกำ หนดวิธีการเก็บและการเก็บข้อมูล การได้มาซึ่งข้อมูลเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่มีความสำ คัญ โดยทั่วไปองค์กรจะสามารถได้ข้อมูลทั้งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ แต่สิ่งที่สำ คัญที่สุดในการกำ หนดวิธีเก็บและ การรวบรวมข้อมูล คือ องค์กรต้องศึกษากระบวรการของตนเองอย่างถ่องแท้ เพื่อพิจารณาว่าควรปรับปรุงใน รายละเอียดเรื่องใด และนำ สิ่งที่ต้องการปรับปรุงนั้น ๆ ไปสร้างเป็นแบบสอบถามหรือประเด็นคำ ถาม เพื่อใช้ใน การรวบรวมข้อมูลที่ต้องการจาก Benchmarking Partner


5 เรียรีนรู้การบริหริารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI 2. ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis Stage) ประกอบด้วย 2 ขั้นตอนย่อย ดังนี้ 2.1 การวิเคราะห์ช่วงห่างระหว่างเรากับ Benchmarking Partner เป็นการวิเคราะห์เพื่อให้ทราบถึงความ แตกต่างของประสิทธิภาพหรือความสามารถขององค์กรเราและ Benchmarking Partner ในปัจจุบันและคาด คะเนความแตกต่างในอนาคต นอกจากนั้นในการวิเคราะห์มุ่งเน้นค้นหาและตอบคำ ถามให้ได้ว่า Benchmarking Partner นั้น ๆ ทำ อย่างไรจึงสามารถสร้าง Best practices ในองค์กรได้และมี Enabler ที่สนับสนุนอย่างไร บ้าง ผลจากการวิเคราะห์ช่วงห่าง (Gap Analysis) จะทำ ให้เราตอบคำ ถามได้ว่ามี Gap เท่าไร และ Practices ใดบ้างที่เราเรียนรู้และสามารถนำ มาประยุกต์ใช้กับเราได้ 2.2 การคาดคะเนช่วงห่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นการประมาณการ Gap ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อประมาณได้ว่าเมื่อใดเราจึงจะสามารถปิดช่วงห่างและเขยิบตนเองได้ หรืออาจกล่าวว่าสามารถปรับปรุงตนเอง ให้ดีเท่าหรือสูงกว่าคู่เปรียบเทียบได้ 3. ขั้นตอนการบูรณการ (Integration Stage) ประกอบด้วย 2 ขั้นตอนย่อย ดังนี้ 3.1 การสื่อสารผลให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ และสร้างการยอมรับ เป็นขั้นตอนการสื่อสารผลจากการทำ Benchmark ให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบ เพื่อให้เกิดการยอมรับและการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงองค์กร โดยต้องการ กำ หนดกลุ่มเป้าหมายว่าต้องสื่อสารให้ใครรับรู้บ้าง วิธีการและช่องทางในการสื่อสารขึ้นอยู่กับเนื้อเรื่องที่ต้องการ สื่อ และกลุ่มผู้ที่รับสื่อ โดยต้องเลือกให้เหมาะสม เช่น ผู้บริหารระดับสูง ใช้การรายงานผลสรุป การประชุม เป็นต้น 3.2 การตั้งเป้าหมาย เป็นการนำ ผลที่ได้จากการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลมาใช้พิจารณาตั้งเป้าหมายที่ เป็นอยู่ในปัจจุบันและกำ หนดเป้าหมายการดำ เนินงานในอนาคต เพื่อให้แข่งขันได้ ทั้งนี้ การตั้งเป้าหมายต้องได้ รับการเห็นชอบจากผู้บริหาร และได้รับการยอมรับจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้จริงด้วย ดังนั้น จะต้องเป็นการกำ หนดเป้าหมายโดยความเห็นชอบร่วมกันจากทุกฝ่าย ที่เกี่ยวข้องและมีผลกระทบในการปรับปรุง 4. ขั้นตอนการปฏิบัติ (Action Stage) ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนย่อย ดังนี้ 4.1 การจัดทำ แผนดำ เนินการ เป็นการนำ ผลการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาจัดทำ แผนปฏิบัติการที่ชัดเจน ซึ่งต้อระบุรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของแผน กิจกรรม ระยะเวลาของแต่ละกิจกรรม ผู้รับผิดชอบผู้ดำ เนิน การงบประมาณและการติดตามผล ทั้งนี้ แผนดังกล่าวควรได้รับความเห็นชอบจากผู้บริหารก่อนนำ ไปดำ เนินการ ในขั้นตอนต่อไป


4. ประเภทของ Bench marking มีอะไรบ้าง? Bench marking แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ 1. Internal Bench marking 2. Competitive Bench marking 3. Industry Bench marking 4. Generic Bench marking หรือ Functional Bench marking 1. Internal Benchmarking คือ การทำ Benchmarking เปรียบเทียบตัววัดหรือความสามารถใน การปฏิบัติกับผู้ที่อยู่ภายในองค์กรเดียวกันหรือภายใต้กลุ่มบริษัทในเครือเดียวกันเนื่องจากการทำ Benchmarking ในลักษณะนี้จะหาข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบได้ไม่ยากนัก เนื่องจากข้อมูลส่วนใหญ่ไม่เป็นความลับ และทำ ก็ง่ายเนื่องจากกรอบการทำ งานใกล้เคียงกัน การทำ Internal Benchmarking ส่วนใหญ่นำ ไปสู่การ สร้างมาตรฐานการปฏิบัติงาน 6 เรียรีนรู้การบริหริารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI 4.2 การนำ แผนไปสู่การปฏิบัติและการควบคุมกำ กับดูแลให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ขั้นตอนนี้เป็นการนำ แผนปฏิบัติการที่กำ หนดไว้และได้รับความเห็นชอบจากผู้บริหารแล้วไปปฏิบัติ (Implementation) และควบคุม/ กำ กับความคืบหน้าของการดำ เนินการ ในการนำ แผนไปปฏิบัติผู้บริหารอาจทดลองปฏิบัติในบางพื้นที่ แล้วขยาย ผลไปสู่หน่วยงานอื่น ๆ และทั่วทั้งองค์กร หลังจากดำ เนินการตามแผนแล้วควรมีการสรุปผลการติดตามและ รายงานให้ผู้บริหาร ทราบทุกครั้ง 4.3 การทบทวนผลโดยเทียบค่ากับผู้ที่ดีที่สุด หรือ คู่เปรียบเทียบหลักจากกดำ เนินงานตามแผนแล้ว องค์กรต้องทบทวนผลการดำ เนินการโดยตอบคำ ถามว่า องค์กรบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ ต้องทบทวนเป้า หมายใหม่หรือไม่ Benchmarking ดีขึ้นหรือไม่สิ่งที่เรียนรู้จากการทำ Benchmarking ครั้งนี้คืออะไร และหากจะทำ อีกครั้งในคราวหน้าควรปรับปรุงเรื่องใดบ้าง อย่างไรก็ตาม อาจกล่าวได้ว่าผลสำ เร็จของการดำ เนินการเรื่องใด ๆ ก็ตาม การยอมรับและสนับสนุนจากผู้นำ องค์กรเป็นสิ่งที่มีความสำ คัญเป็นอย่างยิ่ง การทำ Benchmarking ก็เช่น เดียวกันทางปฏิบัติผู้บริหารระดับสูงจำ เป็นต้องทำ ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ และ กระบวนการทำ ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมทั้งให้ความสนับสนุนด้านทรัพยากร เช่น บุคลากร งบประมาณ เวลา และเครื่องมือต่าง ๆ ดังนั้น การเตรียมความพร้อมก่อนการทำ Benchmarking จึงเป็นอีกขั้นตอนที่มีความ สำ คัญ ดังนั้น ก่อนเริ่มดำ เนินการทำ Benchmarking ควรมีการเตรียมความพร้อมขององค์กร เช่น แต่งตั้งผู้รับ ผิดชอบระดับสูง (Benchmarking Sponsor) การจัด Benchmarking Team การฝึกอบรมให้ความรู้ เป็นต้น เพื่อ ให้ทีมงานเข้าใจและสามารถทำ Benchmarking ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


7 เรียรีนรู้การบริหริารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI 2. Competitive Bench marking คือ การทำ Benchmarking กับผู้ที่เป็นคู่แข่ง (Competitor) ของเราโดยตรง การทำ วิธีนี้ค่อนข้างลำ บากในการเก็บข้อมูลและการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งอาจจะได้เพียง บา’กระบวนการเท่านั้น และอาจจะต้องอาศัยบุคคลที่สามเข้าไปช่วยเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล การทำ วิธีนี้จะให้ผล ได้แค่การระบุถึงตำ แหน่งของตนในธุรกิจนั้น ๆ และจุดอ่อน จุดแข็งของตนมากกว่าการเรียนรู้ให้เกิด นวัตกรรมในการปรับปรุง 3. Industry Bench marking คือ การทำ Benchmarking โดยเปรียบเทียบกับผู้ที่อยู่ใน อุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ไม่ใช่คู่แข่งโดยตรง ซึ่งการทำ วิธีนี้จะสามารถเก็บข้อมูลได้ง่ายกว่าและข้อดีคือ กระบวนการทางธุรกิจค่อนข้างคล้ายคลึงกันในบางส่วน ทำ ให้สามารถเปรียบเทียบได้ เนื่องจากอยู่ใน อุตสาหกรรมเดียวกัน แต่ก็ยังมีข้อจำ กัดในการทำ ให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งอาจเกิดได้ยาก 4. Generic Bench marking หรือ Functional Bench marking คือ การทำ Bench marking กับองค์กรใดก็ตามซึ่งมีกระบวนการทำ งานที่เป็นเลิศในกระบวนการนั้น ๆ ซึ่งองค์กรอาจมีธุรกิจที่ แตกต่างกัน การทำ Benchmarking โดยวิธีนี้ มีข้อจำ กัดในด้านการเปรียบเทียบอยู่บ้าง อันเนื่องจาก การเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นที่มีความเป็นเลิศนั้น อาจพบว่าการวิเคราะห์ค่อนข้างยาก ต้องอาศัยความ คล้ายคลึงที่มีเหตุมีผล และบางเรื่องบางอย่างอาจเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย แต่นักวิชาการส่วนใหญ่พบว่าการ ทำ วิธีนี้เป็นวิธีที่ทำ ให้ได้นวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นในธุรกิจเป็นอย่างมาก อาทิเช่น พิซซ่า กับ Federal espress 5. การเลือกตัวอย่างหรือคู่แข่งใน Bench marking จะคำ นึงถึงอะไรบ้าง? ในที่นี้ขอยกตัวอย่าง การวิเคราะห์คู่เปรียบเทียบ ของหลักสูตร ในที่นี้คือ การวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor Analysis) ที่ใช้กันในทางการตลาด (Marketing) ซึ่งเป็นการทำ ความรู้จักกับคู่แข่งขันที่มีอยู่ใน ตลาด เพื่อให้เรารู้ว่ามีใครอยู่บ้าง เขามีการวางตำ แหน่ง ของแบรนด์หรือสินค้าอย่างไร มีจุดแข็งจุดอ่อนเป็น ย่างไร เพื่อที่จะนำ มาเป็นข้อมูลในการพัฒนาแบรนด์หรือสินค้าของตนให้แตกต่างและสร้างส่วนแบ่งทาง การ ตลาด การวิเคราะห์คู่แข่งขัน ไม่ใช่แค่ การเอาชนะ หรือ การแย่งลูกค้ามาจากเจ้า อื่น แต่ในอีกมุมหนึ่ง การ วิเคราะห์คู่แข่งขันจะทำ ให้เราสามารถรู้ถึงจุดแข็งและ จุดอ่อนของธุรกิจ กล่าวคือ เราได้เห็นข้อผิดพลาดของคู่ แข่ง รู้ว่าเขาทำ อะไรไม่ดี เพื่อที่จะป้องกันไม่ใหเ้กิดขึ้นกับธุรกิจของเราได้ด้วย หากมองในมุมของสถาบนัการ ศึกษา (มหาวิทยาลัย) นั้น เนื่องจากในอดีต ความต้องการของผู้เรียนมีมากกว่าจำ นวนหลักสูตรของสถาบัน การศึกษาที่เปิดรับ (DEMAND > SUPPLY) จึงอาจทำ ให้ผู้ทำ หลักสูตรยังไม่ให้ความสำ คัญในเรื่อง ของการ วิเคราะห์คู่แข่งขันในตลาด (ประมาณว่า เราอยู่เฉยๆ ก็มีคนแข่งขันและอยากจะเข้ามาเรียนกับเรา)


8 เรียรี นรู้การบริหริ ารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI


6. ปัญหาหรือความท้าทายที่พบใน Bench marking คืออะไร? Bench marking ที่มีประสิทธิภาพมี 5 ความท้าทายหลัก 1. ระบุแหล่งและ benchmarks ที่ถูกต้อง 2. ค้นหาองค์กรที่มีการปฏิบัติที่เป็นเลิศเพื่อเปรียบเทียบด้วย 3. สื่อสารคุณค่าสำ หรับ benchmarking Bench marking เป็นกระบวนการของการเปรียบเทียบและการวัดองค์กรกับองค์กรอื่น ๆ เพื่อให้ได้ราย ละเอียดของหลักปรัชญา, การปฏิบัติ และการวัดซึ่งช่วยองค์กรปรับปรุงการปฏิบัติให้ดีขึ้น มีหลายเหตุผลที่ องค์กร benchmark ได้แก่ – ปรับปรุงผลประโยชน์และประสิทธิภาพให้ดีขึ้น – เร่งและจัดการการเปลี่ยนแปลง – สร้างวัตถุประสงค์ที่ขยาย – ประสบผลสำ เร็จในการพัฒนาหรือนวัตกรรม – ได้มุมมองใหม่ 4. ชี้แนะวิธีที่จะใช้ benchmarks สนับสนุนการตัดสินใจ หลายองค์กรมีแนวโน้มที่จะใช้ benchmarking เพื่อดึงข้อมูลหรือระบุช่องว่างสำ หรับกิจกรรมเกี่ยวกับกลยุทธ์ เช่น การสร้างกรณีธุรกิจเพื่อโครงการที่จำ เพาะ อย่างไรก็ตามผู้ตัดสินใจควรยังใช้ benchmarks เพื่อให้แรง บันดาลใจเพื่อหนทางใหม่ของการทำ สิ่งต่าง ๆ , บริบทสำ หรับการวัดการปฏิบัติ และแนวโน้มสำ หรับการ วางแผนเชิงกลยุทธ์และการพัฒนาโครงการ ตัวอย่างเช่น หลายองค์กรสามารถใช้ performance benchmarking เพื่อรวบรวมข้อมูลซึ่งช่วยในการ ตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการของกระบวนการหรือกิจกรรม, เนื้อหาสำ หรับสร้างและติดตามวัตถุประสงค์ และ ลำ ดับความสำ คัญโอกาสการปรับปรุงให้ดีขึ้น 5. การวางแผนและการกำ หนดขอบเขตกิจกรรม benchmarking เพื่อการจัดการโครงการ benchmarking ได้อย่างประสบผลสำ เร็จ (ทั้ง performance และ practice) หลาย องค์กรต้องสื่อสารอย่างชัดเจนถึงขอบเขต 9 เรียรีนรู้การบริหริารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI


เรียรีนรู้การบริหริารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI 10 การทำ bench marking มีความท้าทายในด้านต่อไปนี้ : -ข้อมูลที่เสียหาย: การรวบรวมข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบอาจเป็นงานที่ยุ่งยาก และข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอาจส่งผล กระทบต่อผลลัพธ์ -ความซับซ้อน: การเปรียบเทียบระหว่างองค์กรหรือกระบวนการที่มีความซับซ้อนสูงอาจต้องใช้เวลาและความ พยุงในการวิเคราะห์ -การเปลี่ยนแปลง: สภาพแวดล้อมและข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งต้องการการปรับปรุงและการติดตาม อย่างใกล้ชิด -ความสำ คัญของข้อมูล: การเลือกข้อมูลที่สำ คัญและใช้ให้ถูกต้องเพื่อให้ผู้ใช้สามารถดำ เนินการต่อได้อย่างถูกต้อง การจัดการกับความท้าทายเหล่านี้จำ เป็นในกระบวนการ benchmarking เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและมี ประสิทธิภาพ 7. บทบาทและความสำ คัญของการวิเคราะห์ข้อมูลใน Bench marking คืออะไร ? การวิเคราะห์ข้อมูลในการ bench marking มีบทบาทและความสำ คัญต่อองค์กรในหลายด้าน : -ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพ: การวิเคราะห์ข้อมูลช่วยให้องค์กรปรับปรุงการดำ เนินงานและประสิทธิภาพ ทางการตลาดให้ดีขึ้น -เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง: การวิเคราะห์ข้อมูลช่วยส่งเสริมให้องค์กรมีการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการและจัดการ กับมัน -สนับสนุนในกระบวนการวางแผนและการจัดทำ งบประมาณ: ข้อมูลจากการวิเคราะห์ช่วยให้องค์กรวางแผน และจัดทำ งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ -สร้างวัตถุประสงค์ที่มีประสิทธิภาพ: การวิเคราะห์ข้อมูลช่วยกำ หนดเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพโดยอ้างอิงจาก ข้อมูลที่ได้ 8. การนำ ผลการ Bench marking ไปใช้ในองค์กรคืออะไร? Benchmarking เป็นเครื่องมือปรับปรุงองค์กรที่ทำ ให้ “รู้เขาและรู้เรา” ได้ เพราะการทำ Benchmarking ช่วย ให้องค์กรตอบคำ ถามได้ว่าขณะนี้องค์กรเราเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับคู่แข่ง นั่นคือสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้หรือไม่ และอยู่ในลำ ดับใดเมื่อเทียบกับองค์กรที่เป็นเลิศ ที่สำ คัญคือองค์กรที่เก่งกว่าเราเขาทำ อย่างไร และเราจะสามารถ ทำ ให้ดีกว่าเขาได้อย่างไร


Bench marking ช่วยให้เราตอบคำ ถามต่อไปนี้ Where are we? (เราอยู่ที่ไหน) Who is the best? (ใครเก่งที่สุด) How do they do it? (คนที่เก่งทำ อย่างไร) How can we do it better? (เราจะทำ ให้ดีกว่าเขาได้อย่างไร) อีกนัยหนึ่ง Benchmarking เป็นกระบวนการในการเสาะหา Benchmark เพื่อให้ได้มาซึ่ง Best practices ที่เราสามารถนำ มาประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงองค์กรของเราเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ตลอดเวลา หรือไปสู่ความเป็น เลิศ (ขึ้นกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายขององค์กร) Benchmarking ไม่ใช่แค่การวิเคราะห์คู่แข่ง การเยี่ยมชมดูงาน การลอกเลียนแบบหรือการสืบความลับของคู่แข่ง เพราะ Benchmarking เป็นกระบวนการเรียนรู้ Practices ของ องค์กรอื่นที่ทำ อย่างเปิดเผย เป็นระบบและมีวัตถุประสงค์ชัดเจน และทำ แบบมีกติกาที่ทั้งผู้ให้และผู้รับยอมรับ หรือที่เรียกว่า จรรยาบรรณของการทำ Benchmarking (Benchmarking Code of Conduct) Benchmarking แบ่งได้หลายประเภท ขึ้นกับว่าเอาอะไรไปเปรียบเทียบ ถ้าแบ่งตามชนิดขององค์กรที่เราไปเปรียบเทียบด้วยจะมี 4 ประเภทได้แก่ -Internal benchmarking - เปรียบเทียบระหว่างหน่วยงานในองค์กรเดียวกัน หรือองค์กรลูกภายใน เครือเดียวกัน -Competitive benchmarking- เปรียบเทียบกับคู่แข่ง -Industry benchmarking - เปรียบเทียบกับองค์กรในธุรกิจเดียวกันแต่ไม่ใช่คู่แข่ง (เช่น ระหว่าง Suppliers ชิ้นส่วนต่างๆ ของอุตสาหกรรมยานยนต์) -Generic benchmarking - เปรียบเทียบกับองค์กรที่ไม่ได้อยู่ในธุรกิจเดียวกัน (แบบข้ามห้วย) เป็นการ เปรียบเทียบกระบวนการต่างๆ เช่น กระบวนการจัดการทรัพยากรมนุษย์ การวางแผนกลยุทธ์ การให้บริการ ลูกค้า การจัดการห่วงโซ่อุปทานระหว่างองค์กรที่อยู่คนละธุรกิจ Benchmarking แต่ละประเภทมีจุดเด่นแตกต่างกันขึ้น องค์กรจึงควรเลือกใช้ให้ตรงตามบริบทและความต้องการ เรียรีนรู้การบริหริารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI 11


เรียรีนรู้การบริหริารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI 12 9. จรรยาบรรณของ Bench marking (Code of Product) มีอะไรบ้าง The International Benchmarking Clearinghouse, American Productivity & Quality Center (APQC) ซึ่งเป็นหน่วยงานของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ทำ หน้าที่รณรงค์ส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ รวม ทั้งกิจกรรมการทำ Benchmarking ได้บัญญัติจรรยาบรรณของการทำ Benchmarking ขึ้นมา ประกอบด้วย 8 หัวข้อ ดังนี้ คือ 1.หลักการด้านกฎหมาย (Principle of Legality) ประกอบไปด้วย - หากมีข้อสงสัยว่าการดำ เนินการจะถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ให้ปรึกษาที่ปรึกษาด้านกฎหมายก่อน - หลีกเลี่ยงการสนทนาหรือกิจกรรมใด ๆ ที่อาจนำ ไปสู่ผลประโยชน์จากการกีดกันทางธุรกิจ การวางแผนการ ตลาด และ/หรือการหาลูกค้า การกำ หนดราคา การตกลงซื้อขาย การประมูลหรือการให้สินบน และไม่แลกเปลี่ยน ข้อมูลในเรื่องต้นทุนกับคู่แข่ง หากต้นทุนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการกำ หนดราคา - ละเว้นการใช้วิธีการที่ไม่เหมาะสมในการได้มาซึ่งความลับทางธุรกิจ ซึ่งรวมทั้งการเปิดเผยความลับ หรือการ ทำ ให้ความลับถูกเปิดเผย และจะต้องไม่เปิดเผยหรือใช้ความลับทางธุรกิจที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้องด้วย - ในฐานะที่ปรึกษาหรือองค์กรที่ทำ Benchmarking จะต้องปกปิดแหล่งที่มาของข้อมูลก่อน จึงจะสามารถนำ ข้อมูลที่ได้จากการทำ Benchmarking เปิดเผยให้ผู้อื่นทราบได้ 2.หลักการด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล (Principle of Exchange) ประกอบไปด้วย - เต็มใจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลในรูปแบบและชนิดเดียวกันกับที่ขอจากคู่เปรียบเทียบ - ต้องชี้แจงและสื่อวัตถุประสงค์และความคาดหวังให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด และเพื่อให้ เกิดประโยชน์ร่วมกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล - แลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นจริงและสมบูรณ์ 3.หลักการด้านความลับ (Principle of Confidentiality) ประกอบไปด้วย - รักษาข้อมูลที่ได้รับจากการทำ Benchmarking เป็นความลับ และจะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลที่ได้รับให้ผู้ที่ไม่ เกี่ยวข้องกับการทำ Benchmarking นั้น ๆ ก่อนได้รับการยินยอมจากองค์กรที่ให้ข้อมูล - ไม่เปิดเผยชื่อขององค์กรที่ทำ Benchmarking ด้วยให้ผู้อื่นทราบ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากองค์กรนั้น ๆ ก่อน 4.หลักการด้านการใช้ข้อมูล (Principle of Lese) ประกอบไปด้วย - ใช้ข้อมูลที่ได้จากการทำ Benchmarking ตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งแก่คู่เปรียบเทียบ - การใช้หรือสื่อข้อมูลหรือวิธีปฏิบัติที่มีชื่อคู่เปรียบเทียบอยู่ด้วยนั้น จะต้องได้รับอนุญาตจากคู่เปรียบเทียบก่อน - ไม่นำ รายชื่อบุคคลที่ติดต่อ หรือข้อมูลในการติดต่อที่ได้จาก International Benchmarking Clearinghouse ไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากการทำ Benchmarking และสร้างเครือข่าย


เรียรีนรู้การบริหริารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI 13 5.หลักการด้านการติดต่อ (Principle of Contact) ประกอบไปด้วย - เคารพวัฒนธรรมองค์กรของคู่เปรียบเทียบและดำ เนินการตามขั้นตอนที่ตกลงร่วมกัน - ติดต่อผ่านบุคคล/ช่องทางที่คู่เปรียบเทียบกำ หนดให้ ถ้าคู่เปรียบเทียบต้องการ - ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนผู้รับผิดชอบในการติดต่อ จะต้องได้รับการยินยอมจากคู่เปรียบเทียบด้วย - ไม่เปิดเผยชื่อของบุคคลที่ติดต่อ ก่อนได้รับการยินยอมจากบุคคลดังกล่าว - หลีกเลี่ยงการเปิดเผยชื่อบุคคลที่ติดต่อในที่สาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบุคคลดังกล่าว 6.หลักการด้านการเตรียมตัว (Principle of Preparation) ประกอบไปด้วย - ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนติดต่อกับคู่เปรียบเทียบ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการทำ Benchmarking อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล - เตรียมตัวให้พร้อมล่วงหน้าก่อนแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อจะได้ใช้เวลาของคู่เปรียบเทียบอย่างคุ้มค่าที่สุด - ส่งกำ หนดการและคำ ถามให้คู่เปรียบเทียบก่อนการไปเยี่ยมชม เพื่อช่วยให้คู่เปรียบเทียบมีเวลาเตรียมตัว 7.หลักการด้านการทำ ให้สำ เร็จ (Principle of Completion) ประกอบไปด้วย -ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำ กับคู่เปรียบเทียบให้ทันเวลา -ทำ Benchmarking ให้เสร็จเรียบร้อยตามที่ตกลงร่วมกับคู่เปรียบเทียบ 8.หลักการด้านความเข้าใจและการปฏิบัติ (Principle of Understanding and Action) ประกอบไปด้วย - เข้าใจถึงสิ่งที่คู่เปรียบเทียบต้องการให้เราปฏิบัติต่อเขา - ปฏิบัติต่อคู่เปรียบเทียบตามที่เขาต้องการ - เข้าใจและใช้ข้อมูลตามวิธีการที่คู่เปรียบเทียบต้องการให้ใช้ 10. ให้คำ แนะนำ เกี่ยวกับขั้นตอนแรกที่ควรทำ เมื่อต้องการเริ่มต้นใน Bench marking สำ หรับคนที่ไม่มี ประสบการณ์มาก่อน ข้อควรระวังในการใช้ Bench marking 1. อย่าเน้น BENCH MARKING เพียงแค่การวัดเปรียบเทียบ : ต้องเน้นผลจากการวัดเพื่อเรียนรู้และถ่ายทอดความรู้ เพื่อพัฒนากระบวนงาน หน่วยงาน/ องค์กร 2. อย่าลืมที่จะเตรียมความพร้อมด้านข้อมูล : เนื่องจากการจะบรรลุการทำ BENCH MARKING ในขั้นแรกได้ ต้องรู้ว่าจะวัดสิ่งไหน ดังนั้น หากขาดข้อมูล เหล่านั้นไป ก็เป็นอันจบตั้งแต่เริ่ม จึงควรพิจารณา ความเป็นไปได้ของการได้มา และความคุ้มค่าของข้อมูลด้วย


เรียรีนรู้การบริหริารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI 14 3. อย่าลอกเลียนแบบการ BENCH MARKING ของคนอื่น : เพราะกระบวนงาน/ หน่วยงาน/องค์กรที่แตกต่างกัน มีจุดมุ่งหมาย/ พันธกิจ/ วิสัยทัศน์/ กลยุทธ์ที่ต่างกัน ย่อมมีการวัดเปรียบเทียบต่างกันด้วย ดังนั้น หากประสงค์จะทำ BENCHMARKING ตนเองพึงจะต้องพัฒนา ด้วยตนเอง เพื่อให้เหมาะกับตน 4. อย่าทำ BENCH MARKING โดยไม่ชัดเจนว่าทำ เพื่ออะไร : มิฉะนั้น การทำ BENCHMARKING ก็จะสูญเปล่า กลายเป็นอุปสรรค ภาระงานที่เพิ่ม ทรัพยากรสูญเสียโดยไม่ จำ เป็น 5. อย่าหวังว่า BENCH MARKING จะเสร็จได้รวดเร็ว : เพราะ BENCHMARKING เป็นงานที่ต้องทำ อย่างต่อเนื่องใช่ว่าจะมีวันเสร็จสิ้น และไม่ต้องทำ อีก ในขณะ เดียวกัน แม้จะทำ อย่างต่อเนื่อง ก็ใช่ว่า BENCHMARKING จะบรรลุผลในระยะเวลาอันสั้น 6. อย่าละเลยการเตรียมความพร้อมขององค์กร : องค์กรเองก็ต้องมีการปรับตัวรับการทำ BENCHMARKING อยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการปรับวัฒนธรรมองค์กรสู่ องค์กรแห่งการเรียนรู้, การปรับลักษณะการบริหารแบบสั่งการควบคุมสู่การทำ งานร่วมกัน-สนับสนุน-ให้คำ แนะนำ (มากกว่าสั่งให้ทำ ) การสร้างเครือข่าย-การแชร์ข้อมูลระหว่างพันธมิตร BENCH MARKING ขององค์กร รูปภาพและกราฟิก


เรียรี นรู้การบริหริ ารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI 15


บทสรุป การใช้ Bench marking เป็นเครื่องมือในการพัฒนาองค์กร ทำ ให้องค์กรสามารถตั้งเป้าหมายที่ตรงกับ ความเป็นจริงได้ สามารถเพิ่มผลิตภาพขององค์กร ทำ ให้องค์กรมองตัวเองได้ดีขึ้น ทำ ให้องค์กรได้ทราบถึง สมรรถนะของตนเองเมื่อเทียบกับองค์กรอื่น อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้พนักงานเกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง Benchmarking ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ 1. การเปรียบเทียบวัด (Benchmark) ซึ่งในส่วนนี้ต้องมีการกำ หนดตัววัด หรือที่เรียกว่า Key Performance Indicator (KPIs) ว่าจะเปรียบเทียบกับใคร ในเรื่องใด 2. การแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการปฏิบัติที่ดี/เป็นเลิศ (Best Practices) จากผู้ที่ทำ ได้ดีกว่าโดยเป็นกระบวน การที่เกิดขึ้นหลังจากการเปรียบเทียบวัดให้รู้ถึงผู้ที่ทำ ได้ดีกว่า และเข้าไปเรียนรู้วิธีการปฏิบัติซึ่งทำ ให้ประสบความ สำ เร็จ หรือมีค่า Benchmark สูง เพื่อนำ มาใช้ปรับปรุงองค์กรของตนเอง กล่าวได้ว่า Benchmarking สามารถทำ ในหลายด้านขององค์กร เช่นการผลิต, การบริหาร, การบริการ ลูกค้า, การควบคุมคุณภาพ, การเรียนรู้และพัฒนา, การตลาดและอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่แล้ว Benchmarking เป็นก ระบวนการที่สอดคล้องกับการจัดการคุณภาพและการพัฒนาองค์กรในเชิงกว้าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความ แข็งแกร่งขององค์กรในสถานะปัจจุบันและในอนาคต เรียรีนรู้การบริหริารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI 16


เรียรีนรู้การบริหริารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI 17 อ้างอิง Bogan, C. E., & English, M. J. (1994). Benchmarking for best practices: Winning through innovative adaptation. McGraw-Hill. Camp, R. C. (1989). Benchmarking: The Search for Industry Best Practices That Lead to Superior Performance. Productivity Press. Camp, R. C. (1995). Business Process Benchmarking: Finding and Implementing Best Practices. ASQ Quality Press. Juran, J. M., & Godfrey, A. B. (1999). Juran's Quality Handbook. McGraw-Hill. Spendolini, M. J. (1992). Benchmarking for competitive advantage. Quality Progress, 25(2), 35-43. Svensson, G. (2007). Power dynamics and organizational change: A study of power, change, and management strategies. Routledge. Watson, G. H., & Schneider, M. J. (2000). An empirical study of the relationships between benchmarking practices and organizational performance. International Journal of Production Economics, 64(1-3), 237-248. http://www.crma38.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538678047&Ntype=28 http://www.cu-qa.chula.ac.th/Benchmark/Benchmarking_PDF/Benchmarking_Sum.pdf http://www.kmutt.ac.th/qa/document/menuL1/Benchmarking.pdf http://www.siaminfobiz.com/mambo/content/view/2762/39/ http://gotoknow.org/file/bussayamas/B_2.pdf Holly Lyke-Ho-Gland (July 12, 2021). 5 Biggest Benchmark Problems and How To Fix Them. Retrieved August 6, 2021, from https://www.apqc.org/blog/5-biggest-benchmark-problemsand-how-fix-them


1. นางสาวพรนภา นกขาว รหัสนักศึกษา 6619050087 2. นางจันทร์เพ็ญ ศิริเสถียร รหัสนักศึกษา 6619050088 3. นางสาวรัชตา กิจธวัชวรกุล รหัสนักศึกษา 6619050091 4. นางสาวสุภาวดี จันเกื้อ รหัสนักศึกษา 6619050104 5. นางสาวชนม์นิภา ศรีทองมา รหัสนักศึกษา 6619050105 6. นางสาวกรรณิการ์ หนูเกื้อ รหัสนักศึกษา 6619050109 7. นางสาวอรจรีย์ ชูโลก รหัสนักศึกษา 6619050119 8. นางสาวบุญยัง สุจริต รหัสนักศึกษา 6619050124 เรียนรู้การบริหารทฤษฎี Bench marking ด้วย AI


Click to View FlipBook Version