The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nichapa_wa, 2022-06-15 23:07:24

KM 2564 เผยแพร่

KM 2564 เผยแพร่

เอกสารเผยแพร่องคค์ วามรู้

เรอื่ ง

Km จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km)
ประจาปี การศึกษา 2564

โดย สถาบนั บวั ราชมงคลตะวนั ออก
มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลตะวนั ออก

การจาแนกประเภทบวั

บัว ในภาษาไทยหมายถึง พืชนา้ กลุ่มหน่ึงซ่ึงมีขนาดใหญ่
และมดี อกท่สี วยงาม บวั ถูกจัดแบง่ ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ
ไดแ้ ก่ ประเภทบัวหลวง และประเภทบวั สาย

บวั หลวง หรอื Lotus

บัวหลวง หรือ lotus เป็นบัวที่คนไทยรู้จักกันดีเพราะเกี่ยวข้องกับวิธี
ชีวิตของคนไทยมาช้านาน บัวประเภทนีใ้ นการจาแนกทางพฤกษศาสตร์มีอยู่
เพียงสกุลเดียว และมี 2 ชนิดเท่านัน้ คือบัวหลวงของทวีปเอเชียและทวีป
อเมริกา ซ่ึงชนิดหลังจะมีดอกสีเหลือง ส่วนบัวหลวงท่ีพบในทวีปเอเชียและ
ตอนบนของทวีปออสเตรเลีย และทวีปอาฟริกา ถ้าแบ่งตามสีก็จะพบว่ามีสี
ขาวและสีชมพู หากดูตามรูปร่างของดอกก็จะเห็นว่าจะมีลักษณะกลีบดอก
นอ้ ย และอกี พวกจะมีกลบี ดอกซ้อนจานวนมากจึงนิยมกล่าวกันว่าบัวหลวง
ของไทยมี 4 แบบ ถ้าเป็นสีชมพู กลีบดอกน้อยจะเรียกกันว่า ปทุม หรือ
ปัทมา ถ้าดอกมีสีขาวและมีกลีบน้อยเรียกว่า บุ ณฑริก ส่วนพันธุ์ท่ีมีดอก
สีชมพู และกลีบดอกซ้อนมากเรียก สัตตบงกช และพันธุ์ท่ีมีดอกสีขาวกลีบ
ซ้อนมาก เรียกว่า สัตตบุ ษย์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว บัวในกลุ่มนี้จะยังมี
ความหลากหลายทั้งในเร่ืองของ ขนาด สี และจานวนกลีบ อยู่อีกเป็น
จานวนมากทัง้ ในประเทศเองและในประเทศอนื่ ๆนบั หลายร้อยสายพนั ธุ์

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศึกษา 2564 ❖❖❖

การจาแนกประเภทบวั (ต่อ)

บวั หลวง หรอื Lotus

ลักษณะสาคัญท่ีใช้บ่งบอกว่าบัวชนิดนี้ คือ บัวหลวง ได้แก่ ใบ ซ่ึงมี
ลักษณะกลมไม่มีรอยเปิ ดบนใบ ด้านบนของตัวใบคล้ายกามะหยี่ทาให้ตัวใบไม่
เปียกนา้ ก้านใบ มหี นามเลก็ ๆ และคมแข็ง เม่ือโตเต็มท่ีใบจะยกตัง้ อยู่เหนือนา้
ดอกจะมกี ารชูเหนือนา้ เสมอ ซ่ึงบางครัง้ อาจพบว่า ดอกสามารถชูเหนือผิว
นา้ ได้ถึง 2 เมตร ก้านดอก มีหนามแข็งเช่ นเดียวกับก้านใบ เม่ือกลีบดอก
ร่วงลงไปแล้วจะสังเกตเห็นฝักบัว ซ่ึงมีรูปร่างคล้ายกรวยหงายได้ชดั เจน
ภายในฝักจะพบเมล็ดบัวฝังตัวอยู่เป็นจานวนมาก ซ่ึงเมล็ด (ความจริงคือ
ผล) ใช้เป็นอาหารได้เป็นอย่างดี เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณ
ทางยา ส่วนของลาต้นใต้ดินท่ีนิยมเรียกว่า เหง้า หรือ ราก ในช่วงท่ีมีการ
สะสมอาหารจะมีขนาดใหญ่ใช้เป็นอาหารคาวและหวานได้ดี

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศกึ ษา 2564 ❖❖❖

การจาแนกประเภทบวั (ต่อ)

บวั สาย หรือ Waterlily

เป็นบัวท่ีจัดเป็นกลุ่มใหญ่มีลักษณะหลายสกุลและบางสกุลก็มีอยู่หลาย
ชนดิ ด้วย เช่น

Victoria

Victoria นิยมเรียกเป็นภาษาไทยว่า “บัวกระด้ง” มีถิ่นกาเนิดในทวีป
อเมริกาใต้ มีอยู่ 2 ชนิด ลักษณะเด่นของบัวชนิดนี้ คือ มีใบขนาดใหญ่มาก
ประมาณ 2 เมตร ขอบใบยกตัง้ ขึน้ จึงมีลักษณะคล้ายกระด้งฝัดข้าว ดอกมี
ขนาดใหญป่ ระมาณ 30 เซนติเมตร สามารถเปล่ียนสีได้ จากเม่ือเริ่มบานเป็น
สีขาว และในวันถัดมาจะกลายเป็นสีชมพู ดอกบานกลางคืน มีหนามแหลม
คมในแทบทกุ สว่ น ยกเวน้ บนหนา้ ใบ

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศึกษา 2564 ❖❖❖

การจาแนกประเภทบวั (ต่อ)

บวั สาย หรือ Waterlily

Euryale

Euryale หรือบัวจาน มีลักษณะคล้ายบัวกระด้ง แต่ขอบใบไม่ยกตั้ง
มีดอกขนาดเล็ก สีฟ้ า-คราม บานกลางวัน มีหนามแหลมคม เช่นเดียวกับ
บัวกระด้ง ในทุกส่วนของพืชรวมทัง้ ด้านบนของใบ พบได้ในประเทศจีนและ
อินเดยี

Nuphar

Nuphar หรือ yellow pond lily มีช่ือเรียกในภาษาไทยว่า “บัวญี่ปุ่น”
เน่ืองจากต้นที่ปลูกเลีย้ งกันมาจากประเทศญี่ปุ่ น ปกติแล้วจะจัดว่าเป็นไม้เขต
หนาว แต่สามารถเจริญเติบโตได้ในประเทศไทย มีใบรูปลูกศร ดอกตูมมีรูป
กลม ดอกบานส่วนใหญ่เป็นสีเหลืองสด แต่แท้จริงแล้วเป็นสีของกลีบเลี้ยง
ส่วนกลีบดอกมีขนาดเล็กมาก เป็นบัวท่ีนิยมใช้ปลูกเพื่อจัดสวน เพราะดอก
สวยสูบ้ ัวสกุลอืน่ ไมไ่ ด้

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปีการศกึ ษา 2564 ❖❖❖

การจาแนกประเภทบวั (ต่อ)

บวั สาย หรอื Waterlily
Nymphaea

Nymphaea หรือ บัวสาย เป็นบัวที่มีดอกขนาดใหญ่ รูปทรงและสีสัน
สวยงามมาก จึงได้รับความนิยมใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ เป็นท่ีแพร่หลายกัน
ทวั่ โลก ปัจจุ บันไดม้ กี ารจาแนกบวั สกุลนีอ้ อกเป็น 6 กลุม่ ได้แก่

1.บัวยักษ์ออสเตรเลียเมล็ดใหญ่ เป็นบัวท่ีมีดอกขนาดใหญ่ท่ีสุดในกลุ่ม
ก้านชูดอกชูพ้นนา้ สูงมากถึง 50 เซนติเมตร กลีบดอกกว้างมีหลายสี เช่ น
สีขาว สฟี ้ า สชี มพู และสีม่วงเป็นต้น ทุกชนิดมีก้านชูเกสรตัวผู้เส้นเล็กละเอียด
สีเหลืองและมีจานวนหลายร้อยก้าน ดอกบานกลางวัน หลายชนิดสามารถ
บานไดน้ านเกิน 3 วัน มีการเจริญในแนวดิง่ ขยายพันธุ์ด้วยหัวและเมล็ด มีถิ่น
กาเนดิ ในทวีปออสเตรเลียตอนบน

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปีการศกึ ษา 2564 ❖❖❖

การจาแนกประเภทบวั (ต่อ)

บัวสาย หรอื Waterlily

2.บัวยักษ์ออสเตรเลียเมล็ดเล็ก เป็นกลุ่มบัวที่มีกลีบดอกค่อนข้างแคบ
ปลายกลีบแหลม มีกลิ่นหอม ก้านเกสรตัวผู้จานวนมากเป็นเส้นฝอย ไม่มี
ช่องว่างระหว่างกลีบดอกและเกสรตัวผู้ ส่วนใหญ่มีสีขาว สีฟ้ า และอาจมี
ได้บ้างสีชมพู ดอกบานกลางวัน มีการเจริญในแนวดิ่งขยายพันธุ์ด้วยหัว
และเมล็ด เมล็ดมีขนาดเล็กกว่าบัวยักษ์ออสเตรเลียในกลุ่มแรก บัวยักษ์
ออสเตรเลียเมล็ดเล็กพบในตอนบนของทวีปออสเตรเลียและบางส่วน
ในปาปัวนิวกินี

❖❖❖ จากกจิ กรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปีการศึกษา 2564 ❖❖❖

การจาแนกประเภทบวั (ต่อ)

บวั สาย หรอื Waterlily
Nymphaea

3.บัวสายบานกลางวันเขตร้อน เป็นบวั ท่มี จี านวนมากที่สดุ มีถนิ่ กาเนิด
ในเขตร้อน อาจพบในทวีปอาฟริกา เอเชีย และอเมริกา มีกลีบดอกค่อนข้าง
เรียวยาว ปลายกลีบแหลม มีหลายสีมาก แต่ส่วนใหญ่ในธรรมชาติจะเป็น
สีขาว ฟ้ าคราม และสีม่วง มีขนาดแตกต่างกันมากแล้วแต่ชนิด ก้านดอกชู
พ้นน้า 20-30เซนติเมตร ขอบใบมักมีรอยหยักไม่เป็นระเบียบ มีการ
เจริญเติบโตในแนวดิ่ง บางชนิดผลิตหัวง่าย พันธุ์พืน้ เมืองของไทยท่ีพบอยู่
ได้แก่ บัวผัน บัวเผ่ือน และบัวขาบ จึงทาให้บางครัง้ บัวในกลุ่มนี้ถูกเรียก
รวมๆ กันว่า บัวผนั

❖❖❖ จากกจิ กรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศึกษา 2564 ❖❖❖

การจาแนกประเภทบวั (ต่อ)

บวั สาย หรอื Waterlily
Nymphaea

4.บัวสายบานกลางคืนเขตร้อน บัวกลุ่มนีพ้ บทัว่ ไปในเขตร้อน เช่น ทวีป
อาฟริกา เอเชีย และออสเตรเลีย ส่วนในยุ โรปพบในประเทศฮงั การีเท่านัน้
เป็นดอกบัวท่ีจะเริม่ บานหลังมืดสนิทและจะบานจนถึงเช้าวันรุ่งขึน้ และจะค่อยๆ
หุบเมื่อแดดจัดหรือในตอนสาย จัดว่าเป็นบัวขนาดใหญ่ ดอกชูสูงพ้นน้า
คล้ายกลุ่มบานกลางวัน มีก้านชูเกสรตัวผู้ขนาดใหญ่แข็งแรง มีลักษณะแบน
กว้าง ดอกมีอยู่ 3 สี คือ ขาว ชมพู และแดง มีใบใหญ่ ส่วนใหญ่ขอบใบ
มีรอยหยักแหลมเป็นระเบียบคล้ายฟันเล่ือย หลังใบมีเส้นใบหนานูน มีการ
เจริญเติบโตในแนวดิ่ง ขยายพันธุ์ง่ายทั้งการแยกหัวและการเพาะเมล็ด
ในประเทศไทยจะนิยมบริโภคก้านชูดอกเป็นผักหรือประกอบอาหาร จึงมีชื่อ
เรียกแบบไทยว่า “บัวกินสาย”

❖❖❖ จากกจิ กรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศึกษา 2564 ❖❖❖

การจาแนกประเภทบวั (ต่อ)

บัวสาย หรอื Waterlily
Nymphaea

5.บัวสายบานกลางคืนอเมริกา เป็นกลุ่มบัวที่พบในอเมริกากลางและ
อเมริกาใต้เป็นส่วนใหญ่ ทุกชนิดจะมีอายุ การบานของดอกสั้นมาก คือ
ประมาณ 2-3 ชวั่ โมง หลังมืด หรืออาจจะบานไกล้เที่ยงคืน จึงเป็นกลุ่มท่ี
ไมไ่ ด้ความนิยมในการปลกู เพอ่ื ชมดอก ส่วนใหญ่สีดอกจะเป็นสีขาวหรือสีขาว
อมเหลือง มีกลิ่นหอมฉุนเม่ือบาน มีการเจริญเติบโตในแนวดิ่ง เป็นบัวท่ี
ขยายพนั ธุง์ า่ ยทงั้ จากเมลด็ หรือการสรา้ งตน้ ใหมบ่ นดอก

❖❖❖ จากกจิ กรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศกึ ษา 2564 ❖❖❖

การจาแนกประเภทบวั (ต่อ)

บัวสาย หรือ Waterlily
Nymphaea

6.บัวสายยืนต้นหรือบัวฝรั่ง เหตุท่ีฝรั่งเรียกบัวชนิดนี้ว่าบัวยืนต้น
เน่ืองจากบัวกลุ่มนีส้ ามารถอยู่ข้ามฤดูหนาวในเขตหนาวได้ ในขณะที่บัวกลุ่ม
อื่นจะตายหมด เพราะเป็นบัวท่ีมีถิ่นกาเนิดในเขตอบอุ ่นหรือเขตหนาว คนไทย
จึงนิยมเรียกกันว่า บัวฝรั่ง ซ่ึงมีใบท่ีเล็กกว่าบัวในกลุ่มอื่นๆ และส่วนใหญ่
มีลักษณะรูปร่างค่อนข้างกลม ขอบใบไม่มีรอยหยัก ส่วนใหญ่ดอกจะลอยอยู่
ผิวนา้ หรือชูโผล่พ้นนา้ เพียงเล็กน้อย บัวในกลุ่มนีม้ ีดอกอยู่ 5 สี คือ ขาว
ชมพู แดง ส้ม และเหลือง และดอกมีลักษณะป้อมรูปถ้วยโดยปกติจะมีการ
เจรญิ เติบโตในแนวนอน มเี หง้าเจริญไปตามผิวดินและแตกออ่ นตามข้อ

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศึกษา 2564 ❖❖❖

การปลกู เล้ยี งบวั ประดบั

การปลูกเลี้ยงบัวให้งามมีดอกตามความต้องการนั้นไม่ใช่ เร่ืองยาก
หากแต่ว่า ผู้ปลูกจะต้องเข้าใจอุ ปนิสัยของบัวเสียก่อน เช่ น ลักษณะการ
เจริญเติบโตขนาดของพันธุ์ ตลอดจนความดกซ่ึงเป็นนิสัยประจาพันธุ์
เมื่อเข้าใจลักษณะดังกล่าวแล้วจึงตัดสินใจว่าต้องการปลูกพันธุ ์ใดและต้องการ
ภาชนะปลูกให้เหมาะกับบัวพันธุ์นัน้ ๆการปลูกบัวเพ่ือใช้ประดับอาจทาได้ 3 แบบ
ใหญ่ๆ คอื

1. การปลูกลงในภาชนะขนาดเล็ก แล้วยกลงแช่ในอ่างหรือบ่อปลูก
ทีม่ ีขนาดไมใ่ หญ่นกั

2. การปลูกในภาชนะหรืออ่างใหญโ่ ดยใส่ดินปลกู ลงในอ่าง
3. การปลูกลงในคูคลองหรือสระขนาดใหญ่ ซ่ึงสามารถปลูกลง
ในสระได้โดยตรง
ซ่ึงการปลกู บัวในแต่ละวิธกี ม็ ขี ้อดแี ละข้อเสียแตกต่างกันไป เช่นการปลูกใน
ภาชนะเล็กมีข้อดีตรงที่ว่าใช้ดินปลูกจานวนน้อยกว่า การดูแลรักษาและการทา
ความสะอาดง่ายกว่า เพราะสามารถยกอ่างเล็กขึ้นมาได้ แต่มีข้อเสีย คือ
จะต้องมีการรือ้ ขึน้ มาปลูกใหม่บ่อยกว่าเพราะดินมีจากัดทาให้ต้นโทรมเร็วกว่า
การปลูกแบบอน่ื

❖❖❖ จากกจิ กรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศึกษา 2564 ❖❖❖

การปลกู เล้ยี งบวั ประดบั (ต่อ)

ปัจจยั สาคญั ในการปลกู บวั

1.วสั ดปุ ลกู

วัสดุปลูก เป็นเรื่องสาคัญมากในการปลูกบัว โดยจะต้องเป็นที่ยืดเกาะ
ของรากบัวให้แข็งแรงไม่ให้หลุดลอยง่าย และต้องมีธาตุอาหารพอเพียงต่อ
การเจริญเติบโต โดยหลักการแล้วดินอะไรก็ใช้ปลูกบัวได้ ยกเว้นดินที่มีค่า
ความเป็นกรดหรือด่างจัดเกินไป และห้ามใช้ดินผสมสาหรับปลูกต้นไม้ในการ
ปลูกบัวเป็นอันขาดเพราะรากบัวไม่สามารถยืดเกาะได้และวัสดุที่ผสมลงไปจะ
เน่าหรือลอยขึ้นมาทาให้นา้ เสีย ดังนัน้ สามารถหาดินเหนียวได้ก็จะเป็นวัสดุ
ปลูกท่ีดีท่ีสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกในภาชนะขนาดเล็กท่ีต้องการ
โยกย้ายอยู่เสมอ หากมีดินเลนก้นบ่อควรนามาตากให้แห้งเสียก่อนท่ีจะ
นามาใช้

นักปลูกบัวบางท่านนิยมแบ่งดินปลูกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือดินบน
ซ่ึงต้องการดินที่ไม่มีธาตุอาหารเพ่ือป้องกันวัชพืชขึ้น ส่วนนีเ้ อาไว้ปิ ดหน้า
ส่วนที่สองคือดินล่าง ซ่ึงจะป็นดินที่มีธาตุอาหารพอเหมาะกับบัว บางท่าน
นิยมใช้ปุ๋ยคอกเก่าผสมกับดินให้เข้ากันอัตราส่วน 1 : 9 ใส่ท่ีก้นภาชนะปลูก
ประมาณ 1 ใน 3 ของความจุ ชนั้ บนเป็นดินล้วนที่ค่อนข้างเหนียวอีก 1 ใน 3
บางทา่ นไม่นยิ มใช้ปุ๋ยคอกแตจ่ ะเลือกใช้ปุ๋ยเคมแี ทน ซ่ึงมักประกอบด้วยปุ๋ยสูตร
เสมอ 1 ส่วน ปุ๋ ยละลายช้าอีก 1 ส่วน รองท่ีก้นภาชนะปลูกจากนัน้ ปิ ดทับ
ด้วยดนิ ปลกู

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปีการศึกษา 2564 ❖❖❖

การปลกู เล้ยี งบวั ประดบั (ต่อ)

ปัจจยั สาคญั ในการปลกู บวั

1.วัสดปุ ลกู (ต่อ)

วิธีการปลกู
หน่อท่ีจะนามาปลูกใหม่ ควรตัดรากและใบเก่าออกให้หมด เหลือใบอ่อน
และใบทแี่ ขง็ แรงไวเ้ พยี ง 2-3 ใบกพ็ อ ถ้าเป็นบัวชนิดอ่ืนๆ ท่ีมีการเจริญเติบโต
ในแนวดิ่งนิยมปลูกต้นบริเวณกลางภาชนะปลูก โดยฝังต้นให้ถึงคอท่ีเห็นใบ
อ่อนหรือยอดกดดินให้แน่นเพ่ือป้องกันต้นหลุดลอย ส่วนบัวฝรั่งควรปลูก
ขอบภาชนะ โดยให้รอยตัดหรือแผลอยู่ชิดขอบ ส่วนยอดให้หันออกเพราะบัว
ฝรัง่ จะเจริญไปทางหน้า
หลงั แลว้ อาจโรยทับด้วยทรายหยาบหรือกรวดเล็กๆ ช่วยป้องกันนา้ ขุ่น
หรือวัชพืชได้ จากนัน้ นาลงแช่ในภาชนะหรืออ่างขนาดใหญ่ต่อไป ควรให้บัว
ได้รบั แสงแดดทันทที ปี่ ลกู
ถ้าเป็นการปลูกบัวในบ่อใหญ่หรือบ่อธรรมชาติ ควรคานวณระดับ
ความลึกของนา้ ให้ดี ระดับนา้ ในบ่อไม่ควรลึกเกินไป ควรไม่เกิน 1-1.5 เมตร
บัวท่ีจะนาลงปลูกควรเป็นบัวท่ีเจริญอยู่ตัวแล้ว ถ้าไม่สะดวกที่จะลงปลูก
อาจใช้กอ้ นหินมัดติดกบั กอบัวช่วยถว่ งนา้ หนักได้

❖❖❖ จากกจิ กรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศกึ ษา 2564 ❖❖❖

การปลกู เล้ยี งบวั ประดบั (ต่อ)

ปจั จยั สาคญั ในการปลกู บวั

1.วสั ดปุ ลกู (ตอ่ )

สาหรับบวั กระด้งหรอื บวั จาน ซ่ึงมใี บใหญ่และเปราะหักง่าย ต้องมีความ
พิถีพิถันมากกว่าบัวชนิดอ่ืนๆ บัวพวกนี้จะมีจุ ดเจริญจุ ดเดียวคือยอด
ถ้ายอดเสียหายต้นบัวก็จะตายไปด้วย และในการปลูกระดับนา้ มีความสาคัญ
มาก ถ้าใบอยู่ใต้นา้ อาจแตกหรือหักพับ เพราะมีแรงต้านสูง หรืออาจยกตัว
ลอยขึ้นทาให้หลุดลอยไปได้ ดังนัน้ การปลูกบัวพวกนีจ้ ึงต้องให้ใบลอยอยู่ใน
ระดบั นา้ พอดี ถ้าตอ้ งการปลูกลงบ่อควรมกี ารลดระดับนา้ ในบ่อเสยี ก่อน

ส่วนบัวหลวงเวลาปลูกท่ีเหมาะสมท่ีสุด คือระยะที่บัวฟักตัวเป็นเหง้า
ใหญ่อยู่ใต้ดิน ถ้าจะปลูกในภาชนะที่บัวกาลังเจริญ ต้องระวังไม่ให้ส่วนของ
ไหลช้ า เพราะจะพาให้ต้นตายได้ ถ้าเก็บไหลมาควรขดไหลเบาๆ ในภาชนะแล้ว
คอ่ ยๆวางดินทับลงไปบัวจะปรับตัวเองและเจริญต่ออยา่ งรวดเร็ว

❖❖❖ จากกจิ กรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปีการศึกษา 2564 ❖❖❖

การปลกู เล้ยี งบวั ประดบั (ต่อ)

ปจั จยั สาคญั ในการปลกู บวั

2.แสงแดด

แสงเป็นสงิ่ จาเป็นมากในการปลูกบัว นักปลูกบัวสมัครเล่นมักพบปัญหา
เรื่องการปลูกบัวแล้วไม่มีดอก โดยทั่วไปแล้วบัวต้องการแสงไม่ต่ากว่า
5 ชวั่ โมง จึงทาให้บัวสมบูรณ์เต็มที่ แต่ก็มีบางพันธุ์ท่ีต้องการแสงมากหรือ
น้อยกว่านนั้ ถา้ ไดแ้ สงแดดตัง้ แต่เช้าจะยิง่ ดีมาก เพราะแสงจะช่วยในการบาน
ของดอกบัวได้ บัวสายบานกลางคืนก็ต้องการแสงมากเช่ นกัน แต่แสงจะ
ช่วยในการหุบของดอกบัวได้ ดอกบัวบางพันธุ์หากได้รับแสงจัดเกินไป อาจ
ทาให้เกิดการไหม้ของกลีบดอกได้ ดังนัน้ อาจต้องเลี่ยงไม่ให้ได้รับแสงตรงใน
ช่วงเวลาเท่ียงกบั บา่ ยโมง

3.ป๋ยุ

บัวเป็นพืชที่มีการเจริญเร็วมาก ดังนัน้ จึงต้องการอาหารในอัตราท่ี
เหมาะสมเช่นกัน วัสดุปลูก เช่น ดินเหนียว จะช่วยรักษาธาตุอาหารในดินได้
นานกว่าวัสดุปลูกชนิดอ่ืน บัวท่ีอยู่ในภาชนะขนาดเล็ก จะต้องการให้ปุ๋ ยท่ี
บ่อยกว่าในภาชนะใหญ่ แต่ว่าต้องการครัง้ ละไม่มาก บัวพันธุ์ที่เจริญเติบโต
เร็วจะต้องการปุ๋ ยมากกว่าพันธุ์ท่ีโตช้า การใช้ปุ๋ ยเคมีสูตรเสมอพียงพอต่อ
การเจรญิ เตบิ โตของบัวทัว่ ไป แต่ไม่ควรให้ปุ๋ยมากเกินไปเพราะจะมีการเจริญท่ี
ผิดปกติได้

❖❖❖ จากกจิ กรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปีการศึกษา 2564 ❖❖❖

การปลกู เล้ยี งบวั ประดบั (ต่อ)

ปัจจยั สาคญั ในการปลกู บวั

3.ปยุ๋ (ตอ่ )

การใหป้ ุ๋ยสูตรเสมอร่วมกบั ปุ๋ยสูตรละลายช้าจะช่วยยืดเวลาในการใส่ปุ๋ยได้มาก
ขึ้น ไม่มีกฎตายตัวว่าการให้ปุ๋ ยบัวแต่ละครัง้ ต้องห่างกันเท่าไหร่ ทัง้ นี้ขึ้นอยู่
กบั ปัจจยั ภายนอกหลายประการ แต่ถ้าสังเกตว่าใบบัวที่เกิดใหม่มีขนาดเล็กลง
กว่าใบเก่าก็แสดงว่าบัวเริ่มขาดอาหารแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยให้ชิดโคน
ต้นเพราะอาจเกิดอันตรายได้ ควรใส่ปุ๋ ยบริเวณขอบกระถางจึงจะปลอดภัย
กว่า ปุ๋ ยจะต้องถูกฝังอยู่ใต้ดินเสมอ ในภาชนะขนาดเล็กอาจใช้วิธีเทนา้ ทิ้ง
หรือยกกระถางขึ้นจากอ่างใหญ่ ใช้นิว้ แทงดินให้เป็นรูขอบกระถาง กรอกปุ๋ ย
ประมาณ 1 ช้อนชาลงไป และปิ ดทับด้วยดินเหนียว บางท่านอาจเลือกการ
ห่อปุ๋ ยด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์หรืออาจใช้ปุ๋ ยสาเร็จรูปที่ทาเป็นเม็ดก็ฝังดิน
ได้เลย หากมีการใส่ปุ๋ ยไม่ถูกวิธีสิ่งท่ีตามมาคือ นา้ ในอ่างจะเขียวเพราะปุ๋ ย
จะละลายนา้ เป็นสารอาหารของสาหร่ายหรือวัชพืชนา้ แทนที่จะเป็นอาหาร
ของบัว

❖❖❖ จากกจิ กรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศึกษา 2564 ❖❖❖

การปลกู เล้ยี งบวั ประดบั (ต่อ)

ปัจจยั สาคญั ในการปลกู บวั

4.ระดบั นา

ความลึกของนา้ เป็นอีกหน่ึงปัจจัยท่ีจะทาให้บัวท่ีปลูกสวยเด่นเพียงใด
อันท่ีจริงความกว้างของผิวน้าก็มีส่วนสาคัญ และมีความสัมพันธ์กับ
ความลึกของน้ามากเช่ นกัน บัวแต่ละพันธุ์ต้องการความลึกของน้า
แตกต่างกัน บัวขนาดเล็กต้องการนา้ ลึกเพียง 30 เซนติเมตร บัวขนาด
กลางอาจชอบนา้ ประมาณ 50-60 เซนติเมตร และบัวขนาดใหญ่ควรได้รับ
ระดับนา้ ลึกประมาณ 1 เมตร บางชนิดจะสามารถปลูกลงในสระที่มีความลึก
1.5-2 เมตรได้ เช่ นบัวสายบานกลางคืน อย่างไรก็ตามหลักการสังเกตว่า
ระดับนา้ นัน้ เหมาะสมเพียงใดสามารถดูได้จากการเรียงตัวของใบบัว หากใบ
บัวเบียดกันเป็นกลุ่มก็แสดงว่านา้ ลึกเกินไป แต่ถ้าใบบัวทอดนอนห่างจาก
โคนต้น จนสามารถมองเห็นยอดบัวได้แสดงว่านา้ ตืน้ ไป (กรณีนีไ้ ม่เกี่ยวกับ
บัวหลวง) สาหรับบัวกระด้งและบัวถาดระดับนา้ ประมาณ 1 เมตร เป็นระดับ
ท่ีพอเหมาะแตต่ อ้ งใหไ้ ด้หนา้ นา้ ทกี่ ว้างมาก ประมาณ 4x4 เมตร

❖❖❖ จากกจิ กรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศึกษา 2564 ❖❖❖

การขยายพนั ธ์บุ วั

วิธีการเพิ่มปริมาณต้นบัวสามารถจาแนกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
การเพิ่มปริมาณแบบไม่อาศยั เพศ หรือจากส่วนท่ีจะเจริญเป็นต้นใหม่ กับการ
ขยายพันธุ์แบบอาศยั เพศ หรือจากการผสมพันธุ์ ซ่ึงข้อดีของการขยายพันธุ์
แบบไมอ่ าศยั เพศนัน้ คือการได้บวั ต้นใหม่ท่ียังคงลักษณะเหมือนต้นเดิม จะนิยม
ใช้ขยายพันธุ์บัวที่มีลักษณะดีให้ได้จานวนเพิ่มขึ้น ส่วนข้อด้อยของวิธีนีจ้ ะเพิ่ม
จานวนได้ช้าอาจไม่ทนั ความตอ้ งการของตลาด ส่วนการผสมพันธุ์บัว เป็นวิธี
ที่ต้องการปรับปรุ งพันธุ ์บัวให้มีลักษณะแปลกใหม่หรือสวยกว่าพันธุ ์ที่มีอยู ่เดิม
โดยการจับคู่ต้นพ่อและต้นแม่ท่ีมีลักษณะพึงประสงค์มาผสมกัน ซ่ึงวิธีนีจ้ ะได้
จานวนต้นท่ีค่อนข้างมาก แต่มีลักษณะท่ีแตกต่างกันออกไป ต้องคัดเลือกเอา
ตน้ ทีต่ อ้ งการ และนามาขยายพนั ธุ์แบบไม่อาศยั เพศอีกครัง้ การขยายพันธุ์บัว
ด้วยเมล็ดนีย้ ังจาเป็นสาหรับบัวบางชนิดท่ีไม่มีการแตกหน่อหรือต้นใหม่ เช่ น
บวั กระด้ง บวั ถาด หรอื บัวฝรงั่ บางพันธุ์

1. การขยายพนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศยั เพศ

1.1 การขยายพนั ธจ์ุ ากหนอ่ ใหม่

บัวสายหลายชนิดหลังจากท่ีมีการเจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะมีการสะสม
อาหาร เมื่อถถึงระยะพักตัวก็จะมีการสร้างต้นใหม่ขึ้นตามลาต้นใต้ดินของบัว
ชนิดนนั้ บัวสายยืนตน้ หรือบัวฝรัง่ ส่วนใหญ่จะมีการเจริญเติบโตขนานไปกับ
ผิวดิน และมีการแตกตาข้างหรือหน่อใหม่ขึ้นข้างๆ เหง้า ถ้าเป็นมือใหม่หัด
ปลูกควรรอให้ต้นใหม่สร้างใบที่โผล่พ้นนา้ เสียก่อนจึงหักแยกมาปลูกจะให้บัว
รอดตายได้มาก แต่ถ้าต้องการปริมาณมากๆในครัง้ เดียว อาจใช้วิธีรือ้ ขึน้ มา
ทัง้ กอแล้วปลิดหน่อเล็กๆ ออกมาปลูกแชในดินซ่ึงมีนา้ หล่อเลี้ยงผิวหน้าอยู่
3-5 เซนติเมตรก็ได้ ถ้าเป็นบัวสายบานกลางวันเขตร้อน การแตกต้นใหม่จาก
หัวจะเกิดขนึ้ ไดน้ อ้ ยกว่า โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ถา้ มกี ารเลยี้ งใหต้ น้ สมบูรณม์ ากๆ

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศึกษา 2564 ❖❖❖

การขยายพนั ธ์บุ วั (ต่อ)

1. การขยายพนั ธแุ์ บบไมอ่ าศยั เพศ

1.1 การขยายพนั ธจ์ุ ากหนอ่ ใหม่ (ต่อ)

โอกาสที่จะได้หน่อใหม่หรือต้นใหม่แทบไม่มีเลย บางชนิดเมื่อผ่านการพักตัว
แลว้ ก็จะสร้างหัวใหม่เกิดขนึ้ จานวนมาก การขยายพันธุ์ของบัวชนิดนี้ จึงควร
ทาในฤดูกาลตอ่ ไป

เม่ือมีการรื้อปลูกใหม่ก็ควรจะได้ทัง้ ต้นแม่ท่ีมีหัวขนาดใหม่ และต้นลูกท่ีมีหัว
ขนาดเล็กกว่าอยู่รอบๆต้น สาหรับบัวยักษ์ออสเตรเลียและบัวสายบาน
กลางคืนก็เช่ นกัน เม่ือมีการรื้อปลูกใหม่จะพบหัวขนาดเล็กได้จานวนมาก
สว่ นบวั จงกลนีก็มีพฤติกรรมคล้ายๆกัน แต่จงกลนีมักไม่งอกต้นอ่อนจากหัว
เล็กจนกว่าหัวเก่าจะตายหรือถ้าแกะหัวเล็กจากโคนต้นแม่ออกมาแช่ นา้ ไว้
หวั จงกลนีจะงอกไดท้ นั ทภี ายใน 1 สัปดาห์

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปีการศกึ ษา 2564 ❖❖❖

การขยายพนั ธ์บุ วั (ต่อ)

1. การขยายพนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศัยเพศ

1.2 การขยายตน้ จากใบและดอก

บั ว ส า ย เ ข ต ร้ อ น บ า ง ช นิ ด แ ล ะ บ า ง พั น ธุ ์ ท่ี เ ป็ น ลู ก ผ ส ม ข อ ง บั ว ช นิ ด นี้
สามารถงอกตน้ อ่อนจากขวั้ ใบได้ ซ่ึงทาให้การขยายพันธุ์ของบัวกลุ่มนีง้ ่ายขึน้
อีกมาก วิธีสังเกตว่าบัวสายพันธุ์ใดสามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้ได้ คือ
ดูจากขัว้ ใบที่เป็นรอยต่อของตัวใบและก้านใบด้านบน จะเห็นเป็นตุ่มเล็กๆสี
น้าตาลอ่อนคล้ายขนคลุมอยู่ เลือกเด็ดใบท่ีสมบู รณ์เต็มที่แต่ยังไม่แก่
โดยคงเหลือก้านใบไว้ 2-3 เซนติเมตร ควา่ ใบลงบนผิวนา้ ปล่อยให้ใบบัวลอย
นา้ อยู่ประมาณ 7-10 วัน เมื่อหงายใบดูจะพบใบอ่อนและรากจานวนมาก
นาใบไปวางบนภาชนะปลูกขนาดเล็กแล้วกลบด้วยดินปลูก ถ้าใบใหญ่เกินใบ
อาจตัดขอบใบทิง้ บ้าง ภายใน 30 วัน อาจพบว่า ต้นบัวนีส้ ามารถเจริญได้
เต็มทแี่ ละพร้อมท่ีจะมดี อกได้

การขยายพันธุ์ด้วยดอกเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยนัก บัวท่ีขยายพันธุ์ด้วยดอก
ได้อาจเกิดขึ้นในบัวฝรั่งบางพันธุ์ บัวสายบานกลางคืน รวมถึงบัวจงกลนี
ดังนัน้ จึงไม่ใช่วิธีท่ีควรจะนามากล่าว เพราะจัดว่าไม่ใช่เรื่องปกติ ยกเว้นใน
กรณบี ัวสายบานกลางคืนเมรกิ ันท่ใี ช้การขยายพนั ธุ์ด้วยดอกเป็นหลกั

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปีการศึกษา 2564 ❖❖❖

การขยายพนั ธ์บุ วั (ต่อ)

2. การขยายพนั ธแ์ุ บบใชเ้ พศ หรือ การผสมเกสร

บวั สว่ นใหญ่จะเป็นพืชที่ตอ้ งการผสมขา้ ม ถึงแม้ว่าบัวจะมีดอกสมบูรณ์
เพศคือมีทัง้ เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียในดอกเดียวกัน แต่ว่ามีการสุกแก่ของ
ทัง้ สองเพศไม่พร้อมกัน ดังนัน้ การผสมเกสรจึงจะต้องใช้เกสรตัวผู้จากดอก
อ่ืน มาช่วยผสมโดยทวั่ ไปแลว้ ดอกบวั ที่บานในวันแรกจะพร้อมที่จะเป็นแม่หรือ
เป็นผู้รับละลองเกสรโดยวิธีสังเกตง่ายๆ ก็คือ ตรงกลางของดอกบัวจะผลิต
นา้ ต้อยจานวนมากท่วมก้านเกสรตัวเมีย หากมีเกสรตัวผู้จากดอกอ่ืนตกลง
ในแอ่งนา้ ต่อยนี้ เกสรตัวผู้ก็จะงอกและเข้าผสมกับไข่ได้ ซ่ึงในธรรมชาติผึ้งจะ
เป็นตัวการสาคัญในการผสมเกสร แต่ในทางปฏิบัติผึ้งจะเป็นตัวปัญหาในการ
ที่รบกวนการปรับปรุงพันธุ์บัว ดังนัน้ เพ่ือหลีกเลี่ยงปัญหาการแย่งเกสรตัวผู้
ที่เราต้องการ และเอาเกสรจากดอกท่ีเราไม่ต้องการมาปล่อยในดอกท่ีเรา
ต้องการให้เป็นแม่ เราจึงควรจะคลุมดอกหรือว่าห่อดอกไว้ก่อนเวลาที่เหมาะ
ในการผสมพันธุบ์ วั ท่บี านกลางวนั จะอยู่ในช่วง 9-10 โมงเช้า

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศกึ ษา 2564 ❖❖❖

การขยายพนั ธ์บุ วั (ต่อ)

2. การขยายพนั ธแุ์ บบใช้เพศ หรอื การผสมเกสร

วิธีการผสมเกสรด้วยมือนัน้ อาจใช้ปากคีบปลายแหลมคีบเอาก้านชู
เกสรตวั ผูท้ ่ีสงั เกตเหน็ ละลองเกสรตัวผูส้ เี หลืองฟู อยู่มา 2-3 เส้าเกสร มาวาง
ลงในแอ่งนา้ หวานของดอกที่บานในวันแรกแล้วกวนเบาๆ เพื่อให้ละลองเกสร
กระจายได้ทวั่ และครอบดอกแม่ต่อไปอกี 2-3 ชวั่ โมงเพ่ือป้องกันผึง้ มาผสมซ้ า
ถ้าเป็นบัวฝรั่งนา้ ในดอกมักจะแห้งไปในเวลาไกล้ๆเที่ยง ซ่ึงหมายความว่าพ้น
ระยะของการผสมพันธุ์แล้ว และดอกก็จะหุบลงหลังจากนัน้ ดอกท่ีบานในวัน
แรกจะหุบเร็วกว่าการบานในวันที่ 2 หรือ 3 ส่วนบัวสายเขตร้อนดอกหุบช้า
กว่านีไ้ ด้ ส่วนบัวบานกลางคืนและบัวกระด้งนัน้ มีระยะเวลาการผสมเกสร
อาจจอยู่ในช่วงหลัง 2 ทุ่มไปแล้ว จนถึงเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น แต่ว่าในความ
เป็นจริงบัวทัง้ สองชนิดนีอ้ าจมีการผสมตัวเองไปแล้วก็ได้ เพราะเกสรตัวผู้
สามารถสุกได้ในวันแรกของการบาน ถ้าไม่มีเกสรจากดอกอ่ืนมาช่ วยผสม
ก่อน กส็ ามารถติดฝักได้เช่นกัน

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปีการศกึ ษา 2564 ❖❖❖

การขยายพนั ธ์บุ วั (ต่อ)

2. การขยายพนั ธแ์ุ บบใช้เพศ หรือ การผสมเกสร

หลังจากมีการถ่ายละอองเกสรไปแล้วประมาณ 10 วัน จะสังเกตได้ว่า
การผสมพันธุ์ครัง้ นัน้ สาเร็จหรือไม่ หากมีการผสมติดดอกบัวจะจมลงใต้ผิว
นา้ อีกครัง้ ถ้าเป็นบัวฝรั่งก้านดอกจะแข็งขึ้นและมีการขดตัวคล้ายสปริง กลีบ
ดอกและกลีบเลีย้ งจะค่อยๆ เน่าเปื่อยไป และเกิดเป็นฝักกลม ส่วนบัวสายบาน
กลางวัน บัวยักษ์ออสเตรเลียและบัวสายบานกลางคืน จะมีก้านดอกที่
แข็งแรงขึ้น บริเวณคอดอกจะหักโค้งคล้ายตะขอหรือรูปตัวเจ ขนาดดอก
อาจจะขยายหรือบวมขึ้น บัวสายเขตร้อนส่วนใหญ่กลีบดอกและกลีบเลีย้ งจะ
คงอยู่จนฝักแก่ แต่หากเป็นบัวยักษ์ออสเตรเลียและบัวสายบานกลางคืนกลีบ
ดอกจะเน่าเปื่อยไป มองเห็นฝักกลมไดเ้ หมอื นบวั ฝรงั่

ในเขตร้อน เช่นบ้านเราฝักบัวจะแก่ภายใน 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสาย
พันธุ์หรือชนิดของบัว เม่ือฝักแก่เต็มท่ี จะแตกอยู่ใต้นา้ เมล็ดซ่ึงมีวุ ้นห่อหุ้มอยู่
จะลอยขึน้ มาผิวนา้ และกระจายตัวไปตามกระแสนา้ ไหล ถ้าไม่ต้องการสูญเสีย
เมลด็ ควรต้องมีการห่อฝักไว้ใต้นา้ เมื่อฝักแตก ถุงพลาสติกซ่ึงมีเมล็ดอยู่เต็ม
ก็จะลอยขึน้ ผิวนา้ ด้วยควรปล่อยเมล็ดทิง้ ไว้ในถุง 3-4 วัน เพื่อให้วุ ้นที่ห่อหุ้ม
เมล็ดอยู่เนา่ เปื่อยหมดเสยี กอ่ น จึงนาเมลด็ มาล้างทาความสะอาดภายหลงั

❖❖❖ จากกจิ กรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศกึ ษา 2564 ❖❖❖

การขยายพนั ธ์บุ วั (ต่อ)

2. การขยายพนั ธแุ์ บบใชเ้ พศ หรอื การผสมเกสร

การเกบ็ รกั ษาเมลด็

หลังจากทาความสะอาดเมล็ดเสร็จแล้ว เมล็ดบัวสายเขตร้อนทัง้ ชนิด
บานกลางวันและบานกลางคืน สามารถเก็บรักษาในสภาพแห้งได้นานนับปี
ส่วนเมล็ดบัวฝรั่งและบัวกระด้ง จาเป็นต้องเก็บรักษาไว้ในนา้ โดยการแช่ ใน
ตู้เย็นจะช่วยรักษาอายุของเมล็ดได้นาน และเม่ือนาออกจากตู้เย็นก็จะงอกได้
หลังจากนัน้ ไม่นาน

การเพาะเมลด็

การเพาะเมล็ดบัวอาจใช้วิธีหว่านเมล็ดลงในกระบะเพาะโดยตรงก่อนท่ี
เมล็ดบัวจะงอก วิธีนี้นิยมใช้กับเมล็ดบัวที่มีขนาดเล็กมาก เช่ น บัวสายเขต
ร้อนบานกลางวันและชนิดบานกลางคืน ในส่วนเมล็ดบัวท่ีมีขนาดใหญ่ เช่ น
เมล็ดบัวกระด้ง บวั ถาด บัวยกั ษ์ออสเตรเลีย หรือเมล็ดบัวฝรัง่ อาจจะเลือกใช้
วิธีแช่เมล็ดในนา้ จนกระทัง่ เมล็ดงอก แล้วจึงย้ายปลูกลงในภาชนะขนาดเล็กก็
ได้ การเพาะเมล็ดโดยวิธีหว่านจะต้องมีการเตรียมดินเพาะ ซ่ึงควรเป็นดินที่
ค่อนข้างร่วน ไม่มีเศษอินทรียวัตถุและไม่ต้องการปุ๋ ย เพราะอาจจะทาให้
วัชพืชหรือสาหร่ายเจริญได้ดี เมื่อเตรียมดินเพาะเกล่ียให้เรียบร้อยแล้ว
จงึ คอ่ ยๆ หว่านเมลด็ บวั ลงไป และโรยทบั ด้วยทรายละเอยี ดเล็กน้อย ค่อยๆริน
นา้ ลงไปจนดินอิม่ นา้

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปีการศกึ ษา 2564 ❖❖❖

การขยายพนั ธ์บุ วั (ต่อ)

2. การขยายพนั ธแ์ุ บบใชเ้ พศ หรือ การผสมเกสร

การเพาะเมล็ด (ต่อ)

เมื่อดินอยู่ตัวแล้วจึงเติมนา้ ลงไปอีกประมาณ 2-5 เซนติเมตร หรือยก
ลงแช่ในอา่ งใหญ่ที่รกั ษาระดับนา้ ดังกล่าวไว้ โดยช่วงแรกของการเพาะเมล็ดไม่
ควรให้ได้รับแสงโดยตรง จนกว่าเมล็ดจะงอกและมีรากจับดินดีแล้ว จึงค่อย
ยา้ ยกระบะเพาะให้ได้รับแสงเพิม่ ขึน้

สาหรับเมล็ดบัวหลวง เป็นเมล็ดที่สามารถพักตัวได้นานหลายปี
เน่ืองจากเปลือกหุ้มเมล็ดหนากันนา้ ได้ ถ้าต้องการให้เมล็ดงอกในทันทีที่เพาะ
ควรมีการทาแผลให้นา้ ซึมเข้าได้ ต้นกล้าจะงอกได้ภายใน 1 สัปดาห์ เม่ือกล้า
บัวหลวงงอกแล้วสามารถยา้ ยปลูกไดท้ นั ที โดยเพียงแต่วางเมล็ดบนผิวดินซ่ึง
มนี า้ ตนื้ ตน้ บัวจะสร้างไหลมุดลงดนิ ได้เองและเจริญอย่างรวดเรว็

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศกึ ษา 2564 ❖❖❖

ศตั รบู วั

บัวสายท่ีปลูกเป็นไม้ประดับจะมีศตั รูที่สาคัญอยู่ไม่มากนัก แต่บาง
ชนิดก็จัดเป็นศตั รูที่ร้ายแรงมาก จาเป็นต้องมีการควบคุมโดยรวดเร็ว
ศตั รูท่ีสาคญั ไดแ้ ก่

ศัตรบู วั ท่สี าคัญ

1. โรคใบจดุ

โ ร ค ใ บ จุ ด เ กิ ด จ า ก เ ชื้ อ ร า

Cercospora sp. มักทาลายใบแก่ของบัว

ในช่วงทีม่ คี วามชืน้ สูง เช่น ฤดูฝนและเมื่อ
บัวเริม่ ขาดปุ๋ ย การควบคุมโรคนี้ คือการ
เด็ดใบที่เป็นโรคทิง้ ใส่ปุ๋ ยเพิ่มโดยเลือกที่มี
ฟอสฟอรัสสูง ถ้ารุ นแรงอาจต้องใช้
สารเคมกี าจัดเชือ้ รา

2. หนอนพับใบ

ห น อ น พั บ ใ บ เ กิ ด จ า ก ผี เ สื้ อ

กลางคืน Nymphula sp.มาวางไข่ไว้เม่ือ

ฟักเป็นตัว โดยตัวหนอนจะกัดใบเป็นชิ้น
มาประกบอยู่ด้านบนของใบบัวและตัว
หนอนจะอยู่ภายใน มักทาให้เกิดความ
เสียหายอย่างรุนแรง การควบคุมโดยใช้
ยาฆ่าแมลงชนิดดูดซึม

❖❖❖ จากกิจกรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปีการศกึ ษา 2564 ❖❖❖

ศตั รบู วั

ศตั รบู วั ทสี่ าคัญ

3. เพลยี ออ่ นของบัว

เ พ ลี้ย อ่ อ น ข อ ง บั ว Rhopalosiphum
nymphaea จะพบอยู่บนใบบัวที่ลอยแตะ

นา้ หรือก้านใบ ก้านดอก ท่ียกชูขึ้นเหนือ
ผวิ นา้ การป้องกันเพลีย้ อ่อนสามารถทา
ได้โดยการใช้นา้ ฉดี พน่ อยู่เสมอ

4. ลูกอ๊อดเขยี ด

ลูกอ๊อดเขียด จัดเป็นศตั รูท่ีร้ายแรง
อีกชนิดหน่ึง ลูกอ๊อดจะทาลายใบบัวอ่อน
ใต้น้าเหลือแต่ก้านใบ ทาให้ต้นอ่อนบัว
อ่อนแอและตายในท่ีสุด การควบคุมโดย
การตรวจตราไข่ของเขียดท่ีมีลักษณะ
ฟองอากาศเหนียว เกาะอยู่ตามขอบอ่าง
หรือกิ่งไม้สูงเหนือน้า ควรเก็บทาลาย
ก่อนท่ไี ขจ่ ะฟักเป็นตวั

❖❖❖ จากกจิ กรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศกึ ษา 2564 ❖❖❖

Km

❖❖❖ จากกจิ กรรมการจดั การความรู้ (Km) ประจาปกี ารศกึ ษา 2564 ❖❖❖


Click to View FlipBook Version