The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระราชประวัติรัชกาลที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tharaphan.prasan, 2020-07-07 07:54:28

พระราชประวัติรัชกาลที่ 2

พระราชประวัติรัชกาลที่ 2

พระราชประวตั ริ ัชกาลที่ 2
พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลัย

ผ้เู รยี บเรียงนายประสาร ธาราพรรค์

เม่ือนน้ั โฉมยงองค์ระเด่นจินตะหรา
ค้อนใหไ้ มแ่ ลดสู ารา กัลยาค่งั แค้นแนน่ ใจ
แลว้ ว่าอนจิ จาความรกั พงึ่ ประจกั ษ์ดัง่ สายน้าไหล
ตั้งแต่จะเชยี่ วเปน็ เกลียวไป ท่ไี หนเลยจะไหลคนื มา
สตรใี ดในพิภพจบแดน ไม่มใี ครไดแ้ ค้นเหมอื นอกขา้
ด้วยใฝ่รักใหเ้ กนิ พกั ตรา จะมีแตเ่ วทนาเป็นเนืองนิตย์
โอว้ ่าน่าเสยี ดายตวั นัก เพราะเช่ือล้นิ หลงรักจงึ ช้าจิต
จะออกชื่อฦาช่ัวไปท่ัวทิศ เมอื่ พลั้งคดิ ผดิ แลว้ จะโทษใคร

อิเหนา พระราชนพิ นธใ์ นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลยั

พระราชประวัติพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย

พระบรมสาทสิ ลักษณพ์ ระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้านภาลยั
ประดิษฐานภายในโรงเรยี นราชนิ ี กรงุ เทพฯ

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นท้ังนักรบ นักปกครอง ศิลปิน กวี
และช่าง ซึ่งได้พระราชทานศิลปวัฒนธรรมอันงดงามประณีตไว้เป็นมงคลแก่ชาติ และปรากฏพระเกียรติคุณ
แพร่หลายไปในนานาประเทศ จนได้รับการยกย่องจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่ง
สหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) ให้ทรงเป็นบุคคลสาคัญของโลก เน่ืองด้วยทรงสร้างสรรค์วรรณคดีที่
ทรง คุณค่าทางวัฒนธรรมไว้เป็นมรดกของชาติจานวนมากรวมถึงทรงปกครองบ้านเมืองให้ ราษฎรได้อยู่เย็น
เป็นสุขภายใต้พระบรมโพธิสมภารและได้ส่งเสริมให้มีการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฉลองพระบรมราชสมภพ
ครบรอบ 200 ปี เมื่อพ.ศ. 2511

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย นับเป็นช่วงเวลาที่ราชอาณาจักรไทยเริ่มเข้าสู่
ความสงบและมีความปกึ แผ่นมากกว่าสมยั ทผี่ ่านมา ด้วยเหตนุ ี้ แม้วา่ พระองคจ์ ะยังทรงประกอบพระราชกรณีย
กิจในการบริหารราชการแผ่นดินและทานุบารุงพระนครสืบต่อพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระพุทธ
ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบรมชนกนาถ เช่นที่เคยเป็นมา แต่ในขณะเดียวกันยังทรงให้ความสาคัญต่อการ
ฟ้ืนฟูศิลปกรรมในแขนงต่างๆ อย่างดียิ่ง ที่สาคัญคือ การรังสรรค์งานสถาปัตยกรรมในพระนครให้มีความสง่า
งามย่ิงกว่ายคุ สมัยท่ผี ่านมา มีการขยายอาณาเขตของพระบรมมหาราชวังทางทศิ ตะวนั ตกกบั ทศิ ใตใ้ หม่

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 ในราชวงศ์จักรี พระราช
โอรสพระองค์ท่ี 4 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี มี
พระนามเดิมว่า ฉิม พระราชสมภพเม่ือ วันพุธ ขึ้น 7 ค่า เดือน 4 ปีกุน เวลาเช้า 5 ยาม ซึ่งตรงกับวันที่ 24
กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 ณ ตาบลอัมพวา เมืองสมุทรสาคร เมื่อเจริญวัยได้ทรงศึกษาเล่าเรียน ณ วัดบางหว้า
ใหญ่ คร้ันทรงพระเจริญวัยมีพระชันษาสมควรแก่การศึกษาเล่าเรียน สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็ได้
นาไปฝากเขา้ รับการศึกษาทวี่ ัดระฆังโฆสิตาราม โดยฝากตัวเป็นศิษย์กับพระวันรัต (ทองอยู่) อีกท้ังเม่ือเจริญวัย
ในขณะที่มีพระชนมายุ 8 ชันษาก็ได้ตามเสด็จ พระราชบิดาในราชการสงครามตลอดรัชสมัยกรุงธนบุรี หลาย
คร้ัง อาทิ สงครามท่ีเชียงใหม่ ราชบุรี พิษณุโลก นครจาปาศักดิ์ กรุงศรีสัตนาคนหุตและกรุงกัมพูชา และเมื่อ
พระชนมายุได้ 16 พรรษา สมเดจ็ พระบรมชนกนาถก็ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์พระนามว่าพระ
บาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระองค์จึงได้รับการสถาปนาพระยศขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้า
ฟา้ กรมหลวงอศิ รสนุ ทร และโปรดให้เสด็จไปประทับ ณ พระราชวังเดิมของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ท่ี
ปากคลองบางกอกใหญ่และเมื่อถึงปี พ .ศ.2331 พระองค์ทรงมีพระชนมายุครบ 22 พรรษา ก็ได้ทรงผนวช ณ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง และเสด็จจาพรรษาท่ีวัดสมอราย (วัดราชาธิวาส) 1 พรรษา
จงึ ทรงลาผนวชกลับเข้ารับราชการ เมอ่ื สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทิวงคตลง ในปี พ .ศ.2349
เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร จึงได้รับการสถาปนาขึ้นดารงตาแหน่ง กรมพระราชวังบวรสถานมงคล( วังหน้า )
ทรงพระนามว่ากรมพระราชวงั บวรมหาอศิ รสนุ ทรขณะน้ัน มีพระชนมายุได้ 40 พรรษา หลังจากนั้นอีกเพียง 2
ปี เม่อื ถึงวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2352 ขณะมีพระชนมายุ 42 พรรษา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
มหาราชเสด็จสวรรคตด้วยพระโรคชรา ขณะมีพระชนมายุได้ 73 พรรษา นับเวลาในการเสด็จครองราชย์ได้
นานถึง 27 ปี สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร กรมพระราชวังบวรสถานมงคล จึงได้เสด็จ
ข้ึนทรงราชย์สืบพระราชสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี ใช้พระนามเต็มว่า
พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หล้านภาลัยแต่เน่ืองจากในระยะหัวเล้ียวหัวต่อที่เสด็จขึ้นทรงราชย์มีเหตุการณ์ไม่

ปกติ มีผู้ทงิ้ หนังสือกลา่ วหาพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศ กรมขุนกษัตรานุชิต พระราชโอรสสมเด็จพระ
เจ้าตากสินมหาราช ท่ีประสูติแต่พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ร่วมกับ
พรรคพวกคบคิดกันจะแย่งราชสมบัติ จึงมีการจับกุม เมื่อชาระได้ความแล้วเป็นสัตย์จริง จึงให้นากรมขุน
กษัตรานุชิตไปประหารดว้ ยท่อนจันท์ที่วัดปทุมคงคา และบรรดาสมคั รพรรคพวกก็ให้ประหารชีวิตสิ้น ดังน้ันจึง
ไม่เรียกพิธีเสด็จขึ้นทรงราชย์ตามราชประเพณีว่าพระราชพิธีบรมราชาภิเษก แต่เรียกว่าปราบดาภิเษกท้ังๆที่
เน้อื หาแห่งพระราชพธิ ีก็คอื พระราชพิธบี รมราชาภิเษกตามโบราณราชประเพณี

การพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลท่ี 2 ได้ย้ายมาทาพิธีท่ีหมู่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เน่ืองจาก
พระท่ีนั่งดุสิตมหาปราสาทซ่ึงสร้างขึ้นแทนพระที่นั่งอมรินทราภิเษกมหาปราสาทอันเป็นสถานท่ีทาพิธี
ปราบดาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกน้ันใช้เป็นสถานที่ประดิ ษฐานพระบรมศพ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกอยู่ ในรัชกาลต่อ ๆ มาจึงใช้หมู่พระท่ีน่ังจักรพรรดิพิมานเป็นสถานท่ี
จัดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและใช้พระที่น่ังดุสิตมหาปราสาทเป็นสถานที่ต้ังพระบรมศพ หลังจากเสร็จ
พระราชพธิ ีบรมราชาภิเษก พระองคจ์ งึ เสดจ็ เลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราตามโบราณราชประเพณี

พระนามเตม็

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมีพระนามเต็มเมื่อขึ้นครองราชย์ว่า พระบาทสมเด็จพระบรม
ราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศภาสกรวงศ์ องค์
ปรมาธเิ บศ ตรภี ูวเนตรวรนายก ดลิ กรัตนราชชาติอาชาวศรยั สมุทยั ดโรมนต์ สากลจักรวาฬาธิเบนทร สุริเยนท
ราธิบดินทร์ หริหรินทรา ธาดาธิบดี ศรีวิบูลยคุณอกนิษฐ ฤทธิราเมศวรมหันต บรมธรรมิกราชาธิราชเดโชชัย
พรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร์ ภูมิทรปรมาธิเบศ โลกเชษฐวิสุทธิ รัตนมกุฎประกาศ คตามหาพุทธางกูรบรม
บพิตร พระพทุ ธเจา้ อยู่หวั

พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกล้าเจา้ อยหู่ ัว

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ออกพระนามรัชกาลท่ี 2 ว่าพระบาทสมเด็จพระ
พทุ ธเลศิ หลา้ สลุ าลยั ตามนามของพระพทุ ธรูปท่ที รงโปรดให้สร้างอุทิศถวาย และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัวโปรดให้เฉลิมพระปรมาภิไธยใหม่เป็นพระบาทสมเด็จพระบรมราชพงษเชษฐ มเหศวรสุนทร ไตร
เสวตรคชาดิศรมหาสวามนิ ทร์ สยารษั ฎนิ ทรวโรดม บรมจกั รพรรดิราช พิลาศธาดาราชาธิราช บรมนารถบพิตร
พระพุทธเลิศหลา้ นภาไลย

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั โปรดให้เฉลิมพระนามใหม่เป็นพระบาทสมเด็จพระ
รามาธดิ ีศรีสนิ ทรมหาอิศรสุนทร พระพทุ ธเลศิ หหลา้ นภาลยั

พระนามทป่ี รากฏ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัยนน้ั เพ่ิงถวายพระนามเรยี กเม่ือสมยั รัชกาล
ท่ี 3 เนือ่ งจากพระปรมาภไิ ธยท่จี ารึกในพระสุพรรณบฏั ของรัชกาลท่ี 1 และรัชกาลท่ี 2 จะเหมือนกนั ทุก
ตวั อักษร เพราะในเวลาน้ันยงั ไม่มีธรรมเนียมทีจ่ ะต้องมีพระปรมาภไิ ธยแตกต่างกนั ในแต่ละพระองค์ จนถงึ
รชั กาลท่ี 4 เปน็ ต้นมา จึงทรงไดพ้ ระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้บญั ญตั ไิ วว้ า่ ในแตล่ ะรัชกาลจะต้องมพี ระปรมาภไิ ธย
แตกต่างกัน เวน้ แตส่ ร้อยพระปรมาภไิ ธยเทา่ นั้นที่อณุโลมให้ซ้ากันได้บ้าง ส่วนคานาหนา้ พระนาม รชั กาลท่ี 4 ก็
ได้ทรงบัญญตั ิให้ใชค้ าวา่ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทร์ หรอื ปรเมนทร์ เปน็ คานาท้ังน้ีขึ้นอยู่กับลาดบั รชั กาลวา่
จะเป็นเลขคีห่ รือเลขคู่

เดมิ ทเี ดยี วคนสมยั ก่อนมกั เรยี กรัชกาลท่ี 1 วา่ แผน่ ดนิ ตน้ และเรยี กรชั กาลที่ 2 ว่า แผน่ ดินกลาง เหตุ
เพราะพระนามในพระสุพรรณบฎั เหมือนกัน รัชกาลที่ 3 จึงไมโ่ ปรดใหใ้ ชต้ ามอย่างรัชกาลที่ 1 และ 2 เพราะ
เหตุเช่นนน้ั จะทาให้ประชาชนสมัยน้นั เรยี กว่าแผ่นดนิ ปลาย ซ่ึงดูไมเ่ ป็นมงคล

สมเด็จพระศรีสลุ าลัย พระอัครชายาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลัย
รายพระนามพระราชโอรสและพระราชธิดา

1. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรจ่ัน พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาสี ประสูติ พ.ศ. 2328
สนิ้ พระชนม์ ในสมยั รชั กาลท่ี 1

2. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชาย พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาสวน ประสูติ พ.ศ. 2329
สิ้นพระชนม์ ในสมยั รัชกาลที่ 1

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกลา้ เจา้ อยู่หัว
3. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระองค์เจ้าทับ) พระราชมารดา สมเด็จพระศรีสุลาลัย
ธดิ า พระยานนทบรุ ี (จนั ) ประสตู ิ 31 มนี าคม พ.ศ. 2330 สวรรคต 2 เมษายน พ.ศ. 2394 พระชันษา 64 ปี

4. พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมขุนกัลยาสุนทร (พระองค์เจ้าลาภู) พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาสวน

ประสตู ิ พ.ศ. 2332 สิ้นพระชนม์ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2389 พระชันษา58 ปี

5. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทับทิม พระราชมาดา เจ้าจอมมารดาแจ่มใหญ่ ประสูติ พ.ศ.

2332 ส้ินพระชนม์ ในรัชกาลท่ี ๓ -

6. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ายี่สุ่น พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาเหมใหญ่ ประสูติ 22

มีนาคม พ.ศ. 2332 สิ้นพระชนม์ 14 กันยายน พ.ศ. 2412 พระชนั ษา 81 ปี

7. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าป้อม พระราชมารดา สมเด็จพระศรีสุลาลัย ประสูติ 22

มกราคม พ.ศ. 2333 สิ้นพระชนม์ พ.ศ. 2336 พระชนั ษา 3 ปี

8. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นสุนทรธิบดี (พระองค์เจ้ากล้วยไม้) พระราชมารดา เจ้าจอมมารดา

สวน ประสตู ิ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2334 สิ้นพระชนม์ 24 มีนาคม พ.ศ. 2374 พระชนั ษา 39 ปี

9. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุบผา พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาสี ประสูติ พ.ศ. 2334

สน้ิ พระชนม์ พ.ศ. 2364 พระชันษา 31 ปี

10. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวงศ์เจ้าจอมมารดาศิลา ธิดาท่านขรัวยายฟักทอง ประสูติ

พ.ศ. 2334 สิ้นพระชนมใ์ นสมยั รชั กาลท่ี ๔

11. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปุก พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาส้ัน ประสูติ 31 ตุลาคม

พ.ศ. 2335 สิน้ พระชนม์ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2416 พระชันษา 81 ปี

12. พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ดา พระราชมารดา สมเด็จพระศรีสุลาลัย ประสูติ พ.ศ. 2335

ส้ินพระชนม์ พ.ศ. 2336 พระชันษา 1 ปี

13. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นเสพสุนทร (พระองค์เจ้ากุสุมา) พระราชมารดา เจ้าจอมมารดา

กรุด ประสูติ 15 มนี าคม พ.ศ. 2335 สน้ิ พระชนม์ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2385 พระชนั ษา 50 ปี

14. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิง พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาม่วงใหญ่ ประสูติ พ.ศ.

2336 ส้นิ พระชนม์ในสมัยรชั กาลที่ 1 -

15. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร (พระองค์เจ้าม่ัง) พระราชมารดาเจ้าจอม
มารดาน่ิม ธิดาเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ประสูติ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2336 สิ้นพระชนม์ 4 กันยายน
พ.ศ. 2402 พระชันษา 67 ปี

16. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าส้มจีน พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาเกด ประสูติ
12 กรกฎาคม พ.ศ. 2336 สนิ้ พระชนม์ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2408 พระชนั ษา 72 ปี

17. พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมพระพิพิธโภคภเู บนทร์ (พระองคเ์ จา้ พนมวัน) พระราชมารดา เจ้าจอม
มารดาศลิ า ประสูติ วันพุธ เดือน 11 ขึ้น 14 ค่า ปีขาล ฉศก จ.ศ. 1156 ส้ินพระชนม์ วันจันทร์ เดือน 5 แรม
8 ค่า ปมี ะโรง อัฐศก จ.ศ.1218 ในสมัย ร. 4 พระชนั ษา 62 ปี

18. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหรุ่น พระราชมาดา เจ้าจอมมารดาสวน ประสูติ วันอังคาร
เดอื น 9 ขึ้น 5 ค่า ปีเถาะ สปั ศก จ.ศ. 1157 ส้นิ พระชนม์ในสมยั รัชกาลที่ 3 พระชนั ษา 38 ปี

19. พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าใย พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาอิน วันอาทิตย์ เดือน 9 ขึ้น
10 ค่า ปีเถาะ สปั ตศก จ.ศ. 1157 ปกี นุ เบญจศก จ.ศ. 1225 ในสมยั ร. 4 พระชนั ษา 68 ปี

20. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชาย พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาเหมเล็ก เดือนอ้าย ปี
เถาะ สัปตศก จ.ศ. 1157 สนิ้ พระชนม์ในสมยั รชั กาลที่ 3

21. พระเจา้ บรมวงศ์เธอ พระองค์เจา้ พลับ พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาสวน ประสูติ วันอาทิตย์
เดอื น 5 ปมี ะเส็งนพศก จ.ศ. 1159 สน้ิ พระชนมใ์ นสมยั รัชกาลที่ 3

22. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิทักษเทเวศร์ (พระองค์เจ้ากุญชร) พระราชมารดา เจ้าจอม
มารดาศิลา ประสตู ิ วนั พุธ เดอื น 6 ข้ึน 4 คา่ ปีมะเมีย สมั ฤทธิศก จ.ศ.1160 สิ้นพระชนม์ วันพฤหัสบดี เดือน
5 แรม 13 คา่ ปีกุน เบญจศก จ.ศ. 1225 ในสมัยรัชกาลท่ี 4 พระชนั ษา 65 ปี

23. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสังวาล พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาทรัพย์ ประสูติ เดือน
8 ปมี ะเมีย สัมฤทธศิ ก จ.ศ. 1160 ส้นิ พระชนม์ในสมัยรชั กาลที่ 3

24. พระเจา้ บรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเนตร พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาปราง ธิดาขรัวตาบุญเกิด
และขรัวยายทองอิน ประสตู ิ เดอื น 9 ปมี ะเมีย สมั ฤทธศิ ก จ.ศ. 1160 ส้ินพระชนม์ในสมยั รชั กาลที่ 1

25. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโคมเพ็ชร พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาเหมเล็ก ประสูติ
เดอื น 6 ปีมะเมยี เอกศก จ.ศ. 1161 ส้นิ พระชนม์ในสมัยรชั กาลที่ 1

26. พระเจา้ บรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเรณู พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาบุนนาค ประสูติ เดือน 8
ปีมะแม เอกศก จ.ศ. 1161 สิ้นพระชนม์ในสมัยรชั กาลที่ 3

27. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาไพ พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาทองอยู่ ประสูติ เดือน
9 ปมี ะแม เอกศก จ.ศ. 1161 ส้นิ พระชนม์ในสมัยรชั กาลท่ี 3 -

28. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอัมพร พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาม่วงซอ ประสูติ เดือน
9 ปมี ะแม เอกศก จ.ศ. 1161 สิ้นพระชนม์ในสมัยรชั กาลที่ 2

29. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุกรม พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาส้ัน ประสูติ วันศุกร์
เดอื น 10 แรม 13 ค่า ปมี ะแม เอกศก จ.ศ. 1161 สิน้ พระชนมใ์ นสมยั รัชกาลที่ 2

30. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเนียม พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาเหมใหญ่ ประสูติ วัน
เสาร์ เดือน 5 แรม 3 ค่า ปวี อกเอกศก จ.ศ. 1162 ส้นิ พระชนม์ ปวี อก ฉศก จ.ศ. 1186 ในสมยั รัชกาลท่ี 2

31. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชาย พระราชมารดาเจ้าจอมมารดาสวน ประสูติ เดือน 6 ปี
วอก โทศก จ.ศ. 1162 ส้นิ พระชนมใ์ นสมัย รัชกาลท่ี 3

32. พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ น้อย พระราชมารดา เจา้ จอมมารดาสวน ประสูติ เดือน 12 ปี
วอก โทศก จ.ศ. 1162 สิน้ พระชนมใ์ นสมยั รัชกาลที่ 3

33. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภา พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาบุญมา ประสูติ เดือน

อา้ ย ปวี อก โทศก จ.ศ. 1162 สน้ิ พระชนมใ์ นสมัยรัชกาลท่ี 3

34. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขัตติยวงศ์ พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาน้อย ประสูติ ปีวอก

โทศก จ.ศ. 1162 สิน้ พระชนมใ์ นสมัยรัชกาลที่ 2 -

35. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธ์ิ (พระองค์เจ้าทินกร) พระราชมารดา

เจ้าจอมมารดาศิลา ประสูติ วันอาทิตย์ เดือน 7 ขึ้น 12 ค่า ปีระกา ตรีศก จ.ศ. 1163 ส้ินพระชนม์ วันศุกร์

เดือนอ้าย ขึน้ 1 ค่าปีมะโรงอฐั ศก จ.ศ. 1218 ในสมัย รัชกาลท่ี 4 พระชนั ษา 56 ปี

36. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารสคนธ์ พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาทรัพย์ ประสูติ วัน
อาทติ ย์ เดอื นอ้าย ขึ้น 15 คา่ ปีระกา ตรศี ก จ.ศ.1163 สน้ิ พระชนมใ์ นสมยั รชั กาลที่ 3

สมเดจ็ พระศรสี รุ เิ ยนทราบรมราชนิ ี

37. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าชาย พระราชมารดา สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี

ประสูติ วันอาทติ ย์ เดือนย่ี แรม 4 ค่า ปีระกาตรศี ก จ.ศ. 1163 ส้ินพระชนม์ในสมยั รัชกาลที่ 1

38. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นสนิทนเรนทร์ (พระองค์เจ้าไพฑูรย์) พระราชมารดา เจ้าจอม

มารดาทมิ ธิดานายเอม ประสูติ ปีจอ จัตวาศก จ.ศ. 1164 ส้ินพระชนม์ ปีวอก สัมฤทธิศก จ.ศ. 1210 ในสมัย

รชั กาลท่ี 3 -

39. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชาย พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาเหมเล็ก ประสูติ ปีจอ

จัตวาศก จ.ศ.1164 สนิ้ พระชนม์ ปีกุน เบญจศก จ.ศ. 1165 ในสมัย รัชกาลท่ี 1

40. พระเจา้ บรมวงศ์เธอ พระองคเ์ จา้ หญิง พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาร้อยระนาด ประสูติ ปีจอ

จตั วาศก จ.ศ. 1164 สน้ิ พระชนม์ในสมยั รัชกาลที่ 1

41. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงมหิศวรินทรามเรศร์ (พระองค์เจ้าโต) พระราชมารดา เจ้าจอม

มารดาเลี้ยง ประสูติ วันอังคาร เดือน 11 ขึ้น 11 ค่า ปีกุน เบญจศก จ.ศ. 1165 สิ้นพระชนม์ วันพุธ เดือน 8

อตุ ราสาฒ ขนึ้ 3 คา่ ปรี ะกา ตรศี ก จ.ศ. 1223 ในสมัย รัชกาลที่ 4 พระชันษา 59 ปี

42. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอินทนิล พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาศิลา ประสูติ วันพุธ

เดอื น 11 ข้ึน 6 ค่า ปชี วด ฉศก จ.ศ. 1166 ส้นิ พระชนม์ ปวี อก จตั วาศก จ.ศ. 1234 ในสมัย รัชกาลที่ 5 พระ

ชนั ษา 69 ปี

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

43. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (เจ้าฟ้ามงกุฎ) พระราชมารดา สมเด็จพระศรีสุริเยน
ทราบรมราชินี พระราชสมภพ วันพฤหัสบดี เดือน 11 ขึ้น 14 ค่า ปีชวด ฉศก จ.ศ.1166 สวรรคต วัน
พฤหัสบดี เดอื น 11 ขน้ึ 15 ค่า ปีมะโรง สัมฤทธศิ ก จ.ศ. 1230 พระชนมายุ 65 พรรษา

44. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศร์วัชรินทร์ (พระองค์เจ้ากลาง) พระราชมารดา เจ้าจอม
มารดาน้อยระนาด ประสูติ วันเสาร์ เดือน 3 แรม 12 ค่า ปีฉลู สัปตศก จ.ศ. 1167 ส้ินพระชนม์ วันอังคาร
เดอื น 4 ข้ึน 8 ค่า ปีชวดอัฐศก จ.ศ. 1238 ในสมยั รัชกาลท่ี 5 พระชนั ษา 73 ปี

45. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพศิลป์ปรีชา (พระองค์เจ้าชุมแสง) พระราชมารดา เจ้าจอม
มารดาทิม ประสูติ วันเสาร์ เดือน 5 ข้ึน 3 ค่า ปีขาล สัปตศก จ.ศ. 1167 ส้ินพระชนม์ วันจันทร์ เดือน 8
บูรพาสาฒ ขึ้น 10 ค่า ปรี ะกา ตรีศก จ.ศ. 1223 ในสมยั รัชกาลที่ 4 พระชันษา 56 ปี

46. พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ หญิง พระราชมารดา ทา้ ววรจนั ทร์ (เจา้ จอมมารดาปรางใหญ่)
ประสตู ิ ปขี าล อฐั ศก จ.ศ. 1168 สนิ้ พระชนม์ในสมยั รชั กาลที่ 1 ภายหลังประสูตไิ ด้ 3 วนั

47. พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จ้าหญิง พระราชมารดา เจา้ จอมมารดาพะวา ธดิ าพระสาครบรุ ี
และขรวั ยายล้ิม ประสตู ิ ปีขาล อฐั ศก จ.ศ. 1168 สิ้นพระชนม์ในสมัยรชั กาลท่ี 1 ในวันประสตู ิ

48. พระเจา้ บรมวงศ์เธอ พระองคเ์ จ้าสายสมร พระราชมารดา เจา้ จอมมารดาเล้ียง ประสตู ิ วันเสาร์
เดอื น 8 แรม 2 คา่ ปีมะโรง สัมฤทธิศก จ.ศ. 1170 สนิ้ พระชนม์ ปีมะแม ตรีศก จ.ศ. 1233 ในสมยั รัชกาลที่ 5
พระชันษา 64 ปี

49. พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงวงศาธริ าชสนิท (พระองค์เจ้านวม) พระราชมารดา ทา้ ววรจนั ทร์
(เจ้าจอมมารดาปรางใหญ่) ประสตู ิ วนั เสาร์ เดือน 8 แรม 2 คา่ ปมี ะโรง สัมฤทธิศก จ.ศ. 1170 สิ้นพระชนม์
วนั พุธ เดือน 10 ข้ึน 6 ค่า ปีมะเมยี โทศก ในสมัย รัชกาลท่ี 5 พระชันษา 63 ปี

พระบาทสมเด็จพระปน่ิ เกล้าเจ้าอยู่หวั

50. พระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกล้าเจา้ อยู่หัว (เจ้าฟา้ จฑุ ามณี) พระราชมารดา สมเด็จพระศรีสรุ เิ ยน
ทราบรมราชนิ ี ประสูติ วันจันทร์ เดือน 6 ขนึ้ 11 คา่ ปวี อก ฉศก จ.ศ. 1170 สนิ้ พระชนม์ วันอาทติ ย์ เดือนยี่
แรม 6 ค่า ปีฉลสู ปั ตศก จ.ศ. 1127 ในสมัย รัชกาลท่ี 4 พระชันษา 58 พรรษา

51. พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมขุนสถติ ยส์ ถาพร (พระองค์เจ้ามรกฎ) พระราชมารดา เจ้าจอมมารดา
ทองดี ธดิ าเจา้ พระยาธรรมาฯ (สด) ประสตู ิ วันพุธ เดือนย่ี ปมี ะโรงสมั ฤทธิศก จ.ศ. 1170 สน้ิ พระชนม์ในสมยั
รัชกาลที่ 4

52. พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมหมืน่ ถาวรวรยศ (พระองคเ์ จ้าขตั ตยิ า) พระราชมารดา เจา้ จอมมารดา
พะวา ประสตู ิ วันเสาร์ เดอื น 10 แรม 14 ค่า ปีมะเสง็ เอกศก จ.ศ. 1171 สน้ิ พระชนม์ ปีระกา เบญจศก จ.ศ.
1235 ในสมยั รัชกาลท่ี 5 พระชนั ษา 65 ปี

53. พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าดวงจนั ทร์ พระราชมารดา เจา้ จอมมารดากล่า ประสตู ิ ปี
มะเส็ง เอกศก จ.ศ. 1171 สิ้นพระชนมใ์ นสมยั รัชกาลท่ี 2

54. พระเจา้ บรมวงศ์เธอ พระองคเ์ จ้านิ่มนวล พระราชมารดา เจา้ จอมมารดาลูกจันทร์ใหญ่ ประสูติ
ปมี ะแม ตรีศก จ.ศ. 1173 สิน้ พระชนม์ในสมัยรัชกาลที่ 3

55. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองคเ์ จ้าหญิง (แฝด) พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาหนจู นี ประสตู ิ
ปีมะแม ตรศี ก จ.ศ. 1173 ส้นิ พระชนม์ในสมยั รชั กาลท่ี 2

56. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิง (แฝด) พระราชมารดา เจา้ จอมมารดาหนูจนี ประสตู ิ ปี
มะแม ตรีศก จ.ศ. 117 3สนิ้ พระชนมใ์ นสมัยรัชกาลท่ี 2

57. พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมหมนื่ อลงกฎกจิ ปรีชา (พระองค์เจา้ นลิ รัตน) พระราชมารดา เจา้ จอม
มารดาพิม ประสตู ิ วันจันทร์ เดอื น 9 แรม 8 ค่า ปมี ะแม ตรีศก จ.ศ. 1173 สน้ิ พระชนม์ วันพุธ เดือน 11 ขน้ึ
11 คา่ ปีเถาะนพศก จ.ศ. 1229 ในสมัย รัชกาลที่ 4 พระชันษา 57 ปี

58. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรศกั ดาพิศาล สพุ รรฒนาการสวัสดิ (พระองค์เจ้าอรุณวงศ์) พระ
ราชมารดา เจา้ จอมมารดาเอม ธิดาพระยารัตนจักร (หงส์ทอง) ประสูติ วันอาทิตย์ เดือน 7 แรม 6 ค่า ปีวอก
จัตวาศก จ.ศ. 1174 สิ้นพระชนม์ วันศุกร์ เดือน 8 อุตราสา แรม 4 ค่า ปีชวด สัมฤทธิศก จ.ศ. 1250 ในสมัย
รชั กาลท่ี 5 พระชันษา 76 ปี

59. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหม่ืนภูบาลบริรักษ์ (พระองค์เจ้ากปิตถา) พระราชมารดา เจ้าจอม
มารดาอัมพาnธิดาพระยาอินทรอากร ประสูติ วันอังคาร เดือน 5 แรม 1 ค่า ปีจอ จ.ศ.1176 ยังเป็นเบญจศก
ส้นิ พระชนม์ วันอาทิตย์ เดือนอ้าย แรม 7 ค่า ปีวอก จัตวาศก จ.ศ. 1234 ในสมัย รัชกาลท่ี 5 พระชันษา 59
ปี

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจา้ ฟ้ากุณฑลทพิ ยวดี

60. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ พระราชมารดา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า

กุณฑลทิพยวดี ประสูติ วันศุกร์ เดือน 5 แรม 7 ค่า ปีชวด อัฐศก จ.ศ. 1178 ส้ินพระชนม์ ปีวอก สัมฤทธิศก

จ.ศ. 1210 ในสมยั รัชกาลที่ 3 -

61. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนวรจักรธรานุภาพ (พระองค์เจ้าปราโมช) พระราชมารดา เจ้าจอม

มารดาอมั พา ประสูติ วนั องั คาร เดอื น 4 แรม 9 ค่า ปีชวด อัฐศก จ.ศ. 1178 สิ้นพระชนม์ วันพฤหัสบดี เดือน

8 บุรพสาฒ ขน้ึ 8 คา่ ปวี อก จัตวาศก จ.ศ. 1234 ในสมยั รัชกาลที่ 5 พระชันษา 57 ปี

62. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพันแสง พระราชมารดา เจ้าจอมมารดานวล ประสูติ วัน

พฤหสั บดี เดอื น 10 ปีฉลู นพศก จ.ศ. 1179 สน้ิ พระชนม์ในสมยั รัชกาลท่ี 3

63. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองคเ์ จ้าเน่า พระราชมารดา เจา้ จอมมารดาพุ่ม ประสูติ เดือน 12 ปีฉลู

นพศก จ.ศ. 1179 ส้นิ พระชนม์ในสมยั รัชกาลท่ี 2

64. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจา้ เกยรู พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาอัมพา วันอังคาร เดือน 8

แรม 4 ค่า ปีขาล สมั ฤทธศิ ก จ.ศ. 1180 สิ้นพระชนม์ในสมยั รชั กาลที่ 4

65. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบาราบปรปักษ์ พระราชมารดา

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี ประสูติ วันเสาร์ เดือน 6 ขึ้น 1 ค่า ปีเถาะ เอกศก จ.ศ.

1181 สน้ิ พระชนม์ วันพธุ เดือน 10 ข้ึน 4 ค่า ปจี ออฐั ศก จ.ศ. 1248 ในสมัย รัชกาลที่ 5 พระชนั ษา 67 ปี

66. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสภา พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาลูกจันทร์ ประสูติ วัน

อังคาร เดือน 9 ปีมะโรงโทศก จ.ศ. 1162 ส้นิ พระชนม์ ปมี ะเส็ง ตรศี ก จ.ศ. 1183 ในสมัย รัชกาลที่ 2

67. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าหญิง พระราชมารดา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า

กุณฑลทิพยวดี ประสูติ วนั พุธ เดือน 4 แรม 3 คา่ ปมี ะโรง โทศก จ.ศ. 1182 ส้นิ พระชนม์ในสมัยรัชกาลที่ 2

68. พระเจา้ บรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัณฐา พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาอัมพา ประสูติ วันเสาร์

เดือน 6 ขึ้น 4 ค่า ปีมะเส็ง ตรีศก จ.ศ. 1183 ส้ินพระชนม์ ปีจอ โทศก จ.ศ. 1212 ในสมัย รัชกาลที่ 3 พระ

ชนั ษา 30 ปี

69. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าปิ๋ว พระราชมารดา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้า

กุณฑลทพิ ยวดี ประสูติ วนั ศกุ ร์ เดือน 6 ขึน้ 6 ค่า ปมี ะแม จัตวาศก จ.ศ. 1184 สิ้นพระชนม์ ปชี วด โทศก

จ.ศ.1202 ในสมยั รัชกาลที่ 3

70. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามารยาตร พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาแย้ม ธิดาพระยา

ไกรเพ็ชรรัตน์สงคราม (ทองดี) ประสูติ วันอาทิตย์ เดือน 3 แรม 7 ค่า ปีมะเมีย จัตวาศก จ.ศ. 1184

สิ้นพระชนมใ์ นสมยั รัชกาลท่ี 4 -

71. พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้ากลั ยาณี พระราชมารดา เจา้ จอมมารดาอัมพา ประสูติ วันเสาร์

เดือน 4 ข้ึน 6 ค่า ปีมะเมีย จัตวาศก จ.ศ. 1184 ส้ินพระชนม์ ปีมะแม เบญจศก จ.ศ. 1185 ในสมัย

รชั กาลท่ี 2

72. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าแม้นเขียน พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาลูกจันทน์เล็ก ธิดา

เจ้าสุก ชาวหลวงพระบาง ประสูติ วันจันทร์ เดือนอ้าย ข้ึน 13 ค่า ปีมะแม เบญจศก จ.ศ. 1185 สิ้นพระชนม์

วันอาทติ ย์ เดือน 10 แรม 14 คา่ ปฉี ลู เบญจศก จ.ศ. 1275 ในสมัย รัชกาลท่ี 6 พระชันษา 90 ปี

73. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากนิษฐน้อยนารี พระราชมารดา เจ้าจอมมารดาอัมพา ประสูติ

วันเสาร์ เดอื น 3 ขนึ้ 4 คา่ ปีวอก ฉศก จ.ศ. 1186 ส้ินพระชนม์ในสมัยรชั กาลที่ 3

พระราชลญั จกรประจ้าพระองค์ เป็นรปู ครุฑยดุ นาค

พระราชสัญลักษณ์ ประจาพระองค์ รัชกาลท่ี 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นรูป
ครุฑยุดนาค เป็นพระราชสัญลักษณ์ของพระบรมนามาภิไธยว่า "ฉิม" ตามความหมายของวรรณคดีไทย คือ
พญาครุฑซ่ึงในเทพนิยายเทวกาเนิด เป็นเทพองค์หน่ึงที่ทรงมหิทธานุภาพยิ่ง แต่ยอมเป็นเทพพาหนะสาหรับ
พระนารายณ์ ปกติอยู่ท่วี มิ านฉิมพลี ดงั นน้ั ทรงพระกรุณาใหใ้ ชร้ ูปครุฑยุดนาค เป็นพระราชสญั ลกั ษณ์ ประจา
พระองค์ แทนพระบรมนามาภไิ ธย

วดั ประจ้ารชั กาลที่ 2 วดั อรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร

วดั อรณุ ราชวราราม ราชวรมหาวิหาร

วัดประจารัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย คือ “วัดอรุณราชวราราม ราช
วรมหาวิหาร” หรอื “วัดแจ้ง”วัดนแี้ ต่เดิมว่า “วัดมะกอก” น้ัน ตามทางสันนิษฐานเข้าใจว่า คงจะเรียกคล้อย
ตามช่อื ตาบลที่ตงั้ วดั ซ่งึ สมัยน้นั มีชื่อว่า “ตาบลบางมะกอก” (เมอื่ นามาเรยี กรวมกับคาวา่ “วัด” ในตอนแรกๆ
คงเรียกว่า วดั บางมะกอก ภายหลังเสียงหดลงคงเรียกส้ันๆ วา่ วดั มะกอก)

เมอื่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช รชั กาลท่ี 1 เสด็จเถลิงถวลั ยราชสมบัติ ได้โปรด
ใหส้ รา้ งพระนครใหม่ขา้ งฝ่งั ตะวันออก ของแมน่ ้าเจ้าพระยา และร้ือกาแพงพระราชวังกรุงธนบุรีออก ด้วยเหตุ
นีว้ ดั แจ้งจึงไม่ได้อยู่ในเขตพระราชวังอีกต่อไป พระองค์จึงโปรดให้วัดแจ้งเป็นวัดท่ีมีพระสงฆ์จาพรรษาอีกคร้ัง
หนง่ึ โดยนมิ นต์ พระโพธิวงศาจารย์ จากวัดบางหญ้าใหญ่ (วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ) มาครองวัด พร้อม
ท้ัง พระศรีสมโพธิและพระภิกษุสงฆ์จานวนหนึ่งมาเป็นพระอันดับ นอกจากนั้นพระองค์ทรงมอบหมายให้
สมเดจ็ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอศิ รสนุ ทร (รัชกาลที่ 2) เป็นผู้ดาเนินการปฏิสังขรณ์วัดแจ้ง แต่การ
ปฏิสังขรณ์คงสาเร็จเพียงกุฏิสงฆ์ ส่วนพระอุโบสถและพระวิหาร ยังไม่ทันแล้วเสร็จ ก็พอดีสิ้นรัชกาลท่ี 1 ในปี
พ.ศ.2352 เสียก่อน (เม่ือปี พ.ศ.2327 พระแก้วมรกตได้ย้ายมาประดิษฐาน ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ใน
พระบรมมหาราชวัง ส่วนพระบางนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดพระราชทาน
คืนไปยังนครเวียงจนั ทร์ ประเทศลาว)

ต่อมาในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 พระองค์ทรงดาเนินการ
ปฏิสังขรณ์ต่อจนเสร็จ มีการจัดงานสมโภชใหญ่ถึง 7 วัน 7 คืน แล้วโปรดพระราชทานพระนามวัดว่า “วัด
อรุณราชธาราม” ส่วนยอดสุดขององค์พระปรางค์ใหญ่ เปน็ ยอดนภศลู ครอบด้วยมงกุฎปดิ ทองอกี ช้ันหนงึ่

พระพุทธรปู ประจ้าพระชนมวารรัชกาลท่ี 2

พระพุทธรูปประจ้าพระชนมวาร เป็นพระพุทธรูปท่ีพระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์มีพระ
ราชศรัทธาสร้างขึ้นประจาพระองค์หรือสร้างถวายพระบรมราชบุพการี ในวาระโอกาสสาคัญต่างๆ อาทิ การ
เฉลมิ พระชนมพรรษา การฉลองพระประสูตกิ าร ฯลฯ โดยพระพทุ ธรูปประจาพระชนมวารส่วนใหญ่ มักจะเป็น
พระพุทธรูปประจาวันพระราชสมภพหรือวันประสูติของพระมหากษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์
น้ันๆ ซ่ึงพุทธรูปประจาพระชนมวารของรัชกาลที่ 2 ทรงประสูติวันพุธ เป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร
พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจา้ อยู่หัวโปรดพระราชทานให้มกี ารจัดสรา้ ง

พระราชกรณยี กิจ

พระราชกรณยี กิจด้านการป้องกนั ประเทศ

พระเจา้ ปดงุ
ในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พม่าได้ยกทัพเข้ามาตีไทยอยู่หลายครั้ง
ด้วยกันต้ังแต่พระองค์ครองราชย์ได้ เพียง 2 เดือน พระเจ้าปดุง กษัตริย์พม่าก็ได้ทรงแต่งตั้งแม่ทัพพม่า 2 นาย
คืออะเติ้งหงุ่นและสุเรียงสาระกะยอ โดยให้แม่ทัพอะเติ้งหงุ่นยกทัพเรือเข้ามาตีทางหัวเมืองชายทะเลตะวันตก
และสามารถตีเมอื งตะกัว่ ทุ่งตะก่วั ป่า รวมถึงลอ้ มเมอื งถลางไว้ ก่อนท่ีกอง ทัพไทยจะยกลงไปช่วยและตีทัพพม่า
จนแตกพ่ายไป ส่วนแม่ทัพสุเรียงสาระกะยอได้ยกกาลังมาทางบกเพ่ือเข้าตีหัวเมืองด้านทิศใต้ ของไทย และ
สามารถตีได้เมืองมะลิวัน ระนอง และกระบี่ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงส่งกองทัพลงไป
ช่วยเหลอื พม่าส้กู าลงั ฝา่ ยไทยไมไ่ ด้ก็ถอยทพั หนีกลับไป
ต่อมาในปี พ.ศ. 2363 พระเจ้าปดุงเสด็จสวรรคต พระ เจ้าจักกายแมงได้สืบราชสมบัติต่อจาก
พระเจ้าปดุง และคิดจะยกทัพมาตีไทยอีก โดยสมคบกับพระยาไทรบุรีซ่ึงเปลี่ยนใจไปเข้ากับฝ่ายพม่า แต่เม่ือ
ทราบว่าฝ่ายไทยจัดกาลังทัพเตรียมรับศึกอย่างเข้มแข็ง พม่าก็เกิดเกรงกลัวว่าจะรบแพ้ไทยอีก จึงยุติไม่ยกทัพ
เขา้ มา จนอีก 3 ปีต่อมา พระเจ้าจกั กายแมงก็ทรงชักชวนพระเจ้าเวียดนาม มินมางกษตั ริย์ญวนให้มาช่วยตีไทย
แต่ฝ่ายญวนไม่ยอมรว่ มดว้ ย พอดกี ับทีข่ ณะนนั้ เกดิ สงครามกบั องั กฤษจึงหมดโอกาสทีจ่ ะมาตีไทยอกี ตอ่ ไป

พระราชกรณยี กิจด้านการปกครอง

ลักษณะการปกครองในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ยังคงมีรูปแบบ
เหมือนสมยั กรงุ ธนบรุ ีและรชั กาลที่ 1 ทรงบริหารบา้ นเมอื งโดยให้เจ้านายรับหน้าที่ในการบรหิ ารงานราชการ
ในกรมกองต่างๆ เทา่ กับเป็นการใหเ้ สนาบดไี ด้มกี ารปรึกษาขอ้ ราชการก่อนจะนาความข้ึนกราบบังคมทูล โปรด
ให้สมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ดารงตาแหน่งกรมพระวังบวรสถานมงคลทา
หนา้ ท่ีกากับตรวจตราราชการต่างพระเนตรพระกรรณ หลังจากกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ทิวงคตแล้ว
จ้านายทรงกากับก็โปรดให้ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี รับหน้าท่ีต่อ สาหรับหน่วยงานอื่น ๆ ก็โปรดให้เ
ราชการดงั น้ี

เ จ้ า ฟ้ า ก ร ม ห ล ว ง พิ ทั ก ษ์ ม น ต รี ท ร ง ก า กั บ ร า ช ก า ร ก ร ม ม ห า ด ไ ท ย แ ล ะ ก ร ม วั ง
กรมหมนื่ ศักดิพลเสพ ทรงกากับ ราชการกลาโหม ในระยะแรกมีเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ทรงกากับ
อยู่ดว้ ย กรมหมื่นพิพิธภูเบนทร ทรงกากับ ราชการกรมเมือง กรมหม่ีนเจษฎาบดินทร์ ทรงกากับ ราชการกรม
คลงั
ท้ังยังโปรดเกล้าฯ ให้ผ่อนผันการเข้ารับราชการของพลเมืองชายเหลือเพียงปีละ 3 เดือน (เข้ารับ
ราชการ 1 เดือน แล้วไปพักประกอบอาชีพส่วนตัวอีก 3 เดือน สลับกันไป) นอกจากนี้ยังทรงรวบรวมพลเมือง
ใหเ้ ป็นปกึ แผ่นมีหนว่ ยราชการสังกดั แน่นอน โดยพระราชทานโอกาสให้ประชาชนสามารถเลือกหน่วยราชการท่ี
สังกัดได้และด้วยความที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมีพระราชประสงค์ให้พลเรือนของพระองค์
เปน็ คนดี จึงไดท้ รงออกพระราชบญั ญตั เิ รอื่ ง หา้ มเล้ยี งไก่ นก ปลากัด ไว้ชน กัด หรือทาการอ่ืนๆ เพ่ือการพนัน
และออกพระราชกาหนดห้ามสูบฝนิ่ ขายฝ่ิน ซ้ือฝ่ิน พร้อมทรงกาหนดบทลงโทษสาหรับผู้ฝ่าฝืน ทาให้ประเทศ
ไทยไมเ่ กดิ สงครามฝิ่นแบบต่างชาติ

พระราชกรณยี กจิ ด้านการทา้ นบุ ้ารงุ ประเทศ และปอ้ มปราการ

ป้อมปราการเมืองสมุทรปราการ
ระยะแรก ของ การก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ พม่าก็ยังคงรุกรานประเทศไทยอย่างต่อเน่ือง
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองและป้อมปราการต่างๆ ขึ้นเพื่อให้
เป็นเมืองหน้าด่านคอยป้อมป้องกันข้าศึกที่จะยกเข้ามาทางทะเลท่ีเมืองสมุทรปราการ และที่เมือง ปาก
ลัด (ปัจจุบันคือ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ) โดยมีพระราชบัญชาให้กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์
เป็นแม่กองก่อสร้างเมืองนครเข่ือนขันธ์ข้ึนที่ปากลัด พร้อมป้อมปีศาจผีสิง ป้อมราหู และป้อมศัตรูพินาศแล้ว
โปรดเกลา้ ฯให้อพยพครอบครวั ชาวมอญจากปทมุ ธานมี าอยทู่ น่ี ครเขอื่ นขนั ธ์

นอกจากน้ี พระองค์ ยงั ทรงให้กรมหมืน่ เจษฎาบดินทรเ์ ป็นแม่กองจัดสร้างปอ้ มผเี ส้อื สมทุ ร ป้อมประ
โคนชัย ปอ้ มนารายณป์ ราบศึก ปอ้ มปราการ ป้อมกายสิทธ์ ข้นึ ทเ่ี มืองสมทุ รปราการ และโปรดเกลา้ ฯ ให้
พระเจา้ น้องยาเธอ กรมหมน่ื ศักดิพลเสพยไ์ ปคุมงานก่อสร้างป้อมเพชรหงึ ส์เพ่ิมเติมที่เมือง นครเข่ือนขันธ์ การ
สร้างเมอื งหนา้ ด่านและป้อมปราการตา่ ง ๆ ข้ึนมามากมาย เพอ่ื ป้องกนั ไม่ใหข้ า้ ศึกเขา้ มาถึงพระนครไดโ้ ดยงา่ ย
ถือว่าพระองค์มีสายพระเนตรทยี่ าวไกลยิ่งนัก

พระราชกรณียกจิ ดา้ นเศรษฐกิจ

สมัยรชั กาลท่ี 2 บ้านเมอื งวา่ งจากการศึกสงคราม จึงมกี ารค้าขายเจริญรุ่งเรืองกว่าแต่ก่อนกล่าวคือ มี
การติดต่อค้าขายกับประเทศเพ่ือนบ้านมากมาย เช่น จีน อินเดีย มะละกา สิงคโปร์ ญวน และเขมร เป็นต้น
สาหรับประเทศทางตะวนั ตก ไดแ้ ก่ โปรตุเกส อังกฤษ อเมริกาโดยวิธีดาเนินการค้าขาย ของหลวงยังคงให้พระ
คลังสินค้าจัดการ ตามที่เคย ปฎิบัติมา มีเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ เป็นหัวแรง ในการแต่งสาเภา
หลวงติดต่อค้าขายกับจีนและประเทศอื่น ๆ จนได้รับพระราชทานสมญาว่า“เจ้าสัว” ในรัชการนี้มีเรือกาปัน
หลวงที่ใช้ในการค้าขายที่สาคัญ 2 ลา คือ เรือมาลาพระนครและเรือเหราข้ามสมุทร สินค้าท่ีผูกขาย ในสมัยน้ี
ทเ่ี ปน็ สินค้าขาออกมี 10 ชนิด คือ รังนก ฝาง ดีบุก พริกไทย เน้ือไม้ ผลเร่ว ตะก่ัว งาช้าง รงและช้าง สินค้า ท่ี
หา้ มส่งออกโดยเดด็ ขาด คอื ข้าวเปลอื กและขา้ วสาร ส่วนสินคา้ ขาเข้าก็มี ปืนและดินปืนการปรับปรุงภาษีอากร
ลกั ษณะการเก็บภาษีอากรยงั คงเหมอื นสมัยรัชกาลท1่ี มีการปรบั ปรงุ เพม่ิ เติมดังน้ี

1 . การเดินสวน คือการแตง่ เจา้ พนักงานออกไปสารวจสวนของราษฎรใ์ นการเก็บอากรสวนตามชนดิ
ของ ผลไม้ ดังน้ี

1.1 อากรสวนใหญ่ เปน็ การเก็บภาษจี ากผลไมย้ ืนตน้ ช้ันดี มี 7 ชนิด ไดแ้ ก่ ทุเรียน มงั คุด
มะมว่ ง มะปราง ลางสาด หมากและพลูคา้ งทองหลาง

1.2 อากรพลากร เปน็ ภาษที เี่ กบ็ จากผลไม้ชัน้ รอง มี 8 ชนิด ได้แก่ ขนนุ สะท้อน เงาะ สม้
มะไฟ ฝร่งั สับปะรดและสาเก

1.3 อากรสมพตั สร เปน็ ภาษที เี่ กบ็ จากผลไมล้ ม้ ลกุ เชน่ กลว้ ย อ้อย เป็นต้น
2 . การเดินนา คล้ายกบั การเดินสวน การเกบ็ อากรคา่ นา เรยี กว่า “หางข้าว” โดยแบง่ นาออกเป็น 2
ประเภท คอื นาน้าท่า และนางฟางลอย

2.1 นาน้าทา่ หรือ นาคู่โค หมายถึงนาทีส่ ามารถปลูกข้าวไดห้ ลายคร้ังในหนึง่ ปโี ดยอาศัยนา้ ฝน
หรือน้าท่า วิธีการเก็บภาษี หรอื หางขา้ วของนาประเภทน้ี เก็บดว้ ยวิธดี คู ู่โคคอื การนับโคหรอื กระบือท่ีใช้ไถนา
โดยการคานวณว่าโคหนึ่งคู่จะสามารถใช้ทานาในผนื ดนิ ทีน่ านั้น ๆ ได้ปลี ะเท่าใดแล้วเอาเกณฑจ์ านวนโคข้ึนจ้ัง
เป็นอัตราหางข้าวทจ่ี ะต้องเสียภาษี นาประเภทนจี้ ึงเรียกอีกนยั หนึง่ ว่า "นาคูโ่ ค" ฉะนัน้ นาคู่โคนีร้ าษฎรจะทานา
หรอื ไม่ก็ตามกจ็ ะต้องเสยี ภาษี(หางขา้ ว)ตลอดไป เมือ่ ทางราชการ จัดพนกั งานหรือข้าหลวงเดนิ นามาสารวจ
แลว้ รฐั บาลจะออกหนังสือให้เจา้ ของทีน่ าถือไวเ้ ป็นหลักฐานในการเรยี กเก็บหางข้าวหรอื อากร
คา่ นาตอ่ ไป หนังสือสญั ญานี้เรยี กว่า "ตราแดง"

2.2 นาฟางลอย หรอื นาดอน หมายถงึ นาท่ีสามารถปลูกข้าวโดยอาศยั นา้ ฝนเพียงอย่างเดยี ว
เป็นนาในท่ีดอนน้าท่าข้ึนไม่ถงึ วธิ เี กบ็ ภาษหี างข้าวสาหรบั นาประเภทนเี้ กบ็ จากนาท่ีสามารถปลกู ขา้ วได้จริง ถา้
ปใี ดไม่ไดท้ าหรือทาไม่ได้ ก็ไม่ต้องเสยี อากรค่านาและถือเอาตอฟางท่ีเก็บเกีย่ วแล้ว เป็นเกณฑใ์ นการเก็บคา่ นา
เม่ือทางราชการ จัดพนักงานหรือขา้ หลวงเดนิ นา มาสารวจแล้ว รฐั บาลจะออกหนังสอื ให้เจ้าของท่นี าถือไวเ้ ป็น
หลกั ฐานในการเรียกเกบ็ หางข้าวหรอื อากรค่านาตอ่ ไป หนังสือสญั ญานี้ เรียกว่า "ใบจอง"
หางข้าว หมายถงึ ภาษีหรอื อากรคา่ นา ทรี่ ฐั บาลเก็บเป็นขา้ วเปลือกในสมัยรัชกาลที่ 2 คิดอากรค่านาในอตั ราไร่
ละ สองสดั ครงึ่

พระราชกรณยี กจิ ด้านการท้านบุ า้ รงุ พระศาสนาและพระราชพธิ ี

ตน้ โพธลิ์ ังกา วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

การแตง่ สมณทูตไปลงั กา
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีพระสงฆ์ชาวลังการูปหนึ่ง ช่ือ พระสาสนวงศ์ ได้

อญั เชิญพระบรมสารีริกธาตุกับต้นโพธ์ิลังกาเข้ามาถวาย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยบอกว่า
สมเด็จพระสังฆราชโปรดให้นามา รัชกาลท่ี 2 ทรงมีพระราชดาริว่า พระสงฆ์ในลังกาก็เป็นสมณวงศ์แบบ

เดียวกับพระสงฆ์ไทย เคยมีสัมพันธไมตรีติดต่อกันมาช้านาน ประกอบกับพระพุทธศาสนา ในลังกาเร่ิมเศร้า
หมอง เพราะลังกาตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ รัชกาลท่ี 2 จึงโปรดแต่งสมณทูตคณะหน่ึง ประกอบด้วย
พระสงฆ์จานวน 9 รูป มีพระอาจารย์ดีและพระอาจารย์เทพเป็นหัวหน้าเมื่อกลับมาถึงไทย พระอาจารย์
ดี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น พระคัมภีรปรีชา และพระอาจารย์เทพได้รับการแต่งต้ังให้เป็น พระปัญญาวิสาร
เถร นับเป็นสมณทูตไทยคณะแรก สมัยรัตนโกสินทร์ (เริ่มเดินทาง พ.ศ. 2357 กลับมาถึงประเทศไทย พ.ศ.
2361) ไดน้ าหน่อพระศรมี หาโพธ์ิ จากเมอื งอนุราธบุรี กลับมาโดยเชือ่ กนั ว่าเป็นต้นโพธิ์เชื้อสายของพระศรีมหา
โพธ์ิ ที่พระพุทธเจ้าน่ังตรัสรู้ จานวน 6 ต้น โดยปลูกไว้ที่ รัฐกลันตัน 1 ต้น จังหวัดนครศรีธรรมราช 2 ต้น
จังหวัดกรงุ เทพฯ 3 ต้น โดยปลกู ท่วี ดั สทุ ัศน์ วดั มหาธาตุฯ วัดสระเกศฯ แหง่ ละตน้

วดั สุทศั นเทพวราราม
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ ทรงฟื้นฟู พระพุทธศาสนาอย่างมากมายหลายด้าน
โดยเฉพาะด้านการกอ่ สร้างศาสนสถาน ทรงโปรดฯให้สรา้ งวัดข้ึนใหม่หลายวัด ได้แก่ วัดสุทัศนเทพวราราม วัด
ชัยพฤกษมาลา วัดโมลีโลกยาราม วัดหงสาราม และวัดพระพุทธบาทท่ี สระบุรี ซึ่งสร้างค้างไว้ตั้งแต่สมัย
พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช รวมท้ังโปรดเกลา้ ฯให้ทาการบูรณปฏิสังขรณ์วัดอรุณราชวรา
ราม โดยสร้างพระอโุ บสถพระปรางค์ พร้อมทั้งพระวิหารข้นึ ใหม่ เพื่อเปน็ พระอารามประจารชั กาล
การศึกษาพระปริยัติธรรมของพระสงฆ์ในยุคน้ีก็รุ่งเรืองเป็นอย่างมาก โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธ
เลิศหล้านภาลัย ทรงโปรดเกล้าฯ ใหแ้ ก้ไขหลกั สูตรจากเปรียญตรี โท เอก มาเป็นเปรียญธรรม 3 ประโยคถึง 9
ประโยค ทาใหพ้ ระภิกษุ สามเณร มีความรู้ภาษาบาลีแตกฉานย่ิงข้ึน
นอกจากนีพ้ ระองค์ยังทรงออกพระราชกาหนดให้มีการฟื้นฟูการประกอบพิธีวันวิสาขบูชา ซึ่งวัน
วิสาขบูชาเป็นวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา เพราะเปน็ วนั คล้ายวันประสตู ิ ตรสั รู้ ปรนิ ิพพาน ขององค์สัมมาสัม
พุทธเจ้า ตรงกับวันข้นึ 15 ค่าเดือน 6 ซงึ่ ไทยเราเคยจัดทากันตัง้ แตส่ มยั สุโขทัย และเส่ือมหายไปในสมัยอยุธยา

ธนบุรี ล่วงเลยมาถึงสมัยรัชกาลที่ 2 จึงมีการฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้
โปรดฯ ใหจ้ ดั พระราชพิธีอย่างยิ่งใหญ่ เร่ิมตั้งแต่ วันขึ้น 14-15 ค่าถึงวันแรม 1 ค่า รวม 3 วัน พระบาทสมเด็จ
พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงรักษาพระอุโบสถศีล ปล่อยนก ปล่อยปลา ห้ามเสพสุรา ห้ามฆ่าสัตว์ ให้ถวาย
ประทีป ตั้งโคม แขวนเคร่ืองสักการะบูชา เวียนเทียน ให้มีพระธรรมเทศนาในพระอารามหลวงและวัดราษฎร์
ถวายไทยทานตลอด 3 วนั โดยหา้ มลา่ สตั ว์ 3วนั และรกั ษาศีล ถวายอาหารบิณฑบาต ทาทาน ปล่อยสัตว์ สดับ
ฟังพระธรรมเทศนาเปน็ เวลา 3 วัน 3 คนื ซงึ่ นบั เป็นคร้งั แรกที่ประเทศไทยประกอบพธิ ีในวันวสิ าขบชู า
พระราชพธิ อี าพาธพินาศ

พระทน่ี ง่ั ดสุ ิตมหาประสาท
เนอื่ งจากมีโรคอหวิ าตกโรคระบาดจึงไดป้ ระกอบพิธนี ีข้ ึน้ และมีการตั้งโรงทาน เพอ่ื พระราชทานเลี้ยง
อาหารแก่ราษฎรโดยในปีพุทธศักราช 2363 ได้เกิดอหิวาตกโรคระบาด ในพระนคร นานประมาณ 15 วัน ทา
ให้ราษฎร ลม้ ตายเป็นจานวนมาก( ประมาณ 30,000คน) ศี พลอยอยู่ตามลาน้าคูคลองอยู่กลาดเกล่ือน ซากศพ
ทับถมเป็นกอง ทางวัดไม่สามารถเผาได้หมดจนพระสงฆ์ต้องหนีออกจากวัด ชาวบ้านต้องหนีออกจากบ้าน
สร้างความวุ่นวายอย่างมากภายในพระนคร รัชกาลท่ี 2 จึงโปรดให้ประกอบพระราชพิธีอาพาธพินาศขึ้น เม่ือ
วันจันทร์ขึ้น 7 ค่าเดือน 10 พ .ศ.2363 พระราชพิธีนี้จัดทาขึ้น ณ พระท่ีน่ังดุสิตมหาปราสาท ลักษณะของ
พระราชพิธีน้ีคล้ายกับพิธีตรุษ กล่าวคือมีการย่ิงปืนใหญ่รอบพระนครตลอดรุ่งคืน แล้วอัญเชิญพระแก้วมรกต
ออกแหม่ ีพระสงฆ์ช้ันผู้ใหญ่ออกร่วมขบวนแห่ด้วย โดยทาหน้าที่โปรยทรายและประพรมน้าพระปริตร เพ่ือขับ
ไล่โรคร้ายทง้ั ทางบกและทางน้า พร้อมทัง้ พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนาง หยุดงาน เพ่ือรักษาศีล
ทาบุญทาทานตามใจสมัคร ประกาศห้ามราษฎรฆ่าสัตว์ ให้ราษฎรอยู่แต่ในบ้านเรือน ถ้ามีธุระจาเป็นจริง ๆ จึง
ให้ออกจากบ้านได้ พระราชทานทรัพย์ให้เผาศพท่ีไร้ญาติ และโปรดให้ปล่อยนักโทษออกจากที่คุมขังจนหมด

นอกจากน้ีได้โปรดให้ต้ังโรงทานขึ้น ณ ริมประตูศรีสุนทร พระราชทานอาหารเลี้ยงราษฎรที่มีความ
ปรารถนามารับพระราชทาน การรับประทานอาหารท่ีถูกหลักอนามัย บ้านเมืองสะอาด ทาให้โรคอหิวาตกโรค
หมดไป

พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตดุ ลิ ก

พระราชกรณยี กิจดา้ นประตมิ ากรรม

นอกจากจะทรงส่งเสริมงานช่างด้านหลอ่ พระพุทธรปู แลว้ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยยัง
ได้ทรงพระราชอุตสาหะป้ันหุ่นพระพักตร์ของพระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก พระประธานในพระอุโบสถ
วัดอรุณราชวราราม อันเป็นพระพทุ ธรปู ที่สาคัญยิ่งองคห์ น่ึงไทยด้วยพระองค์เอง ซึ่งลักษณะและทรวดทรงของ
พระพุทธรูปองค์นี้เป็นแบบอย่างท่ีประดิษฐ์คิดค้นขึ้นใหม่ในรัชกาลท่ี 2 น้ีเอง ส่วนด้านการช่างฝีมือและการ
แกะสลักลวดลายในรชั กาลของพระองคไ์ ดม้ ีความเจริญก้าวหน้าไปอย่างมาก และพระองค์เองก็ทรงเป็นช่างทั้ง
การปั้นและการแกะสลักที่เช่ียวชาญย่ิงพระองค์หน่ึงอย่างยากท่ีจะหาผู้ใดทัดเทียมได้ นอกจากฝีพระหัตถ์ใน
การป้ันพระพักตร์พระพุทธธรรมิศรราชโลกธาตุดิลกแล้ว ยังทรงแกะสลักบานประตูพระวิหารพระศรีศากย
มนุ ี วัดสุทศั นเทพวราราม ค่หู นา้ ดว้ ยพระองค์เองร่วมกับกรมหม่ืนจิตรภักดี และทรงแกะหน้าหุ่นหน้าพระใหญ่
และพระน้อยทที่ าจากไม้รกั คหู่ นึง่ ทีเ่ รยี กวา่ พระยารักใหญ่ และพระยารักน้อยไวด้ ว้ ย

ซอสามสาย

พระราชกรณยี กจิ ด้านดนตรี

กล่าวได้ว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมีพระปรีชาสามารถในด้านการดนตรีไม่น้อยไป
กว่าด้านละครและฟ้อนรา เครื่องดนตรีที่ทรงถนัดและโปรดปรานคือ ซอสามสาย ซ่ึงซอคู่พระหัตถ์ที่สาคัญได้
พระราชทานนามวา่ "ซอสายฟ้าฟาด" และเพลงพระราชนิพนธ์ท่ีมีช่ือเสียงเป็นที่รู้จักกันดีคือ "เพลงบุหลันลอย
เล่ือน" หรือ "บุหลัน (เล่ือน) ลอยฟ้า" แต่ต่อมามักจะเรียกว่า "เพลงทรงพระสุบิน" เพราะเพลงมีนี้มีกาเนิดมา
จากพระสุบิน (ฝัน) ของพระองค์เอง โดยเล่ากันว่าคืนหน่ึงหลังจากได้ทรงซอสามสายจนดึก ก็เสด็จเข้าท่ี
บรรทมแลว้ ทรงพระสุบินว่า ได้เสด็จไปยังดินแดนท่ีสวยงามดุจสวรรค์ ณ ที่นั่น มีพระจันทร์อันกระจ่างได้ลอย
มาใกล้พระองค์ พร้อมกับมีเสียงทิพยดนตรีอันไพเราะย่ิง ประทับแน่นในพระราชหฤทัย ครั้นทรงตื่นบรรทมก็
ยงั ทรงจดจาเพลงนนั้ ได้ จงึ ไดเ้ รยี กพนักงานดนตรีมาตอ่ เพลงนนั้ ไว้ และทรงอนุญาตให้นาออกเผยแพร่ได้ เพลง
น้จี งึ เปน็ ท่แี พรห่ ลายและรู้จักกันกว้างขวางมาจนทุกวนั นี้

เพลงพระสบุ ิน

กิดาหยันหมอบกรานอยูง่ านพดั
พระบรรทมโสมนสั อยใู่ นที่
บุหลันเลือ่ นลอยฟ้าไม่ราคี
รัศมสี ่องสวา่ งดังกลางวนั
พระนงิ่ นึกตรึกไตรไปมา
ที่จะแต่งคหู าสตาหมนั
ป่านนีพ้ ระองค์ทรงธรรม
จะนับวันเคร่าคอยทุกเวลา

รามเกียรต์ิ ตอนสดี าลุยไฟ

พระราชกรณยี กจิ ด้านวรรณคดี

ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย ไดร้ ับการยกยอ่ งวา่ เป็นยคุ ทองของวรรณคดี
สมัยหน่ึงเลยทีเดียว ด้านกาพย์กลอนเจริญสูงสุด พระองค์ทรงเป็นกวีเอก และทรงพระราชนิพนธ์วรรณคดีไว้
หลายเล่มด้วยกัน เช่น รามเกียรต์ิตอนลักสีดา วานรถวายพล พิเภกสวามิภักด์ิ สีดาลุยไฟ นอกจากนี้ยังมีพระ
ราชนิพนธ์เร่ืองอิเหนาที่ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรในสมัยรัชกาลท่ี 6 ว่าเป็นยอดกลอนบทละคร
รา พระองค์มีพระราชนิพนธ์ท่ีเป็นบทกลอนมากมาย ทรงเป็นยอดกวีด้านการแต่งบทละครท้ังละครในและ
ละครนอก มหี ลายเร่ืองท่ีมีอยู่เดิมและทรงนามาแต่งใหม่เพ่ือให้ใช้ในการแสดงได้ เช่น รามเกียรติ์ อุณรุท และ
อเิ หนา บทเสภาเรือ่ งขนุ ชา้ งขนุ แผน บทละครนอก เรอ่ื งไชยเชฐ สังขท์ อง ไกรทอง มณพี ิชัย คาวี สังขศ์ ิลปไ์ ชย

โดยเรื่องอิเหนาน้ี เร่ืองเดิมมีความยาวมาก ได้ทรงพระราชนิพนธ์ใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเร่ืองยาว
ที่สุดของพระองค์ วรรณคดีสโมสรในรัชกาลที่ 6 ได้ยกย่องให้เป็นยอดบทละครราท่ีแต่งดี ยอดเย่ียมทั้ง
เนื้อความ ทานองกลอนและกระบวนการเล่นท้ังร้องและรา พระองค์ยังได้ทรงพระราชนิพนธ์บทเห่เรือ เรื่อง

กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาว หวานซ่ึงมีความไพเราะและแปลกใหม่ไม่ซ้าแบบกวีท่านใด เน้ือเรื่องแบ่งออกเป็น 5
ตอน คอื เห่ชมเครื่องคาว เห่ชมผลไม้ เหช่ มเครอื่ งคาวหวาน เห่ครวญเข้ากับนักขัตฤกษ์ และบทเจ้าเซ็น ซึ่งบท
เห่นี้เข้าใจกันว่าเป็นการชมฝีพระหัตถ์ในด้านการทาอาหารของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีน่ันเอง
นอกจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลัยทีท่ รงเปน็ ยอดกวเี อกแล้วในยุคสมยั น้ียังมียอดกวีท่ีมี ชื่อเสียง
อีกหลายคน กวที ส่ี าคญั ในสมัยรัชกาลที่ 2 ไดแ้ ก่

สนุ ทรภู่

สนุ ทรภู่ หรอื พระสุนทรโวหาร มผี ลงานดงั น้ี
1. นิราศ 9 เรอ่ื ง คือ เมืองแกลง พระบาท ภูเขาทอง วดั เจ้าฟา้ อิเหนา สุพรรณ ราพนั พลิ าป พระประธม เมืองเพชร
2. กลอนนิยาย 4 เร่ือง คอื โคบุตร สงิ หไตรภพ ลักษณวงศ์ พระอภัยมณี
3. เสภา 2 เรื่อง คือ ขนุ ช้างขุนแผน ตอน กาเนดิ พลายงาม พระราชพงศาวดาร
4. กลอนสภุ าษิต 3 เรือ่ ง คอื สภุ าษติ สอนหญงิ เพลงยาวถวายโอวาท สวสั ดิ รักษา
5. กาพย์ 1 เรอ่ื ง คอื พระไชยสรุ ิยา
6. บทเห่ 4 เรื่อง คือ กากี จบั ระบา พระอภัยมณี โคบุตร
7. บทละคร 1 เรอ่ื ง คอื อภยั นุราช

พระยาตรงั

พระยาตรังเปน็ บุตรของออกพระศรีราชสงครามรามภักดี (เยาว์) ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช ซ่ึงเป็น
บุตรอุปราชจันทร์สมัยหลวงสิทธินายเวรปลัดเมืองนคร (พระปลัดหนู) ตั้งตัวเป็นเจ้า ต่อมาอุปราชจันทร์ได้
เล่ือนเป็นเจ้าพระยาสุรินทราชา ผู้สาเร็จราชการหัวเมืองตะวันตก เป็นต้นสกุลจันทโรจวงศ์ ส่วนมารดาของ
พระยาตรัง คอื หม่อมแจม่ ธดิ าเจ้าพระยานคร (พฒั น์) ด้วยเหตุนี้ พระยาตรังจึงมีความเก่ียวพันกับสมเด็จพระ
บวรราชเจา้ มหาศกั ดิพลเสพทางสายมารดาทา่ นมภี รรยา 4 คน ชื่อ 'เขียว' (มบี ุตรหนึ่งคน ชื่อ พิม) , ช่ือ'คง ' (มี
บุตรช่ือ อบ) , ชอื่ 'แดง' (มบี ุตรชอื่ นายภู่และนายหนู) และชอื่ 'ฉิม' (มบี ตุ รชอ่ื เจมิ )ในวยั เยาวท์ ่านคงจะบวชและ
เรยี นหนังสอื ท่วี ดั ทา่ มอญ (ปจั จบุ ัน คือ วดั ศรที วี ในเขตอาเภอเมือง นครศรีธรรมราช) ท่านได้เป็นเจ้าเมืองตรัง
ในสมัยใดไม่ปรากฏ แต่ไม่น่าจะช้ากว่าสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี และเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา
โลกทรงปราบดาภเิ ษก เมอื่ พ.ศ. 2325 พระยาตรังได้เข้ามาถวายตัวรับราชการในกรุงเทพมหานคร โดยได้พัก
อาศยั อยกู่ บั พระยาภักดีภธู ร (ฮิม) ลงุ ของท่าน

เมื่อพระยาตรังชราภาพลงมาก จึงกราบถวายบังคมลากลับไปอยู่บ้านท่ีเมืองนครศรีธรรมราช ในสมัย
รัชกาลที่ 3 และอยทู่ นี่ ัน่ กระท่ังถงึ แกอ่ นจิ กรรม

พระยาตรงั หรอื พระยาตรงั คภูมาภบิ าล เป็นเจ้าเมืองตรัง และเป็นกวีเอกคนหนึ่งในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
โดยมีผลงานท่ีโดดเด่นด้านคาประพันธ์ประเภทโคลง

เพลงยาวพระยาตรงั เป็นเพลงยาวราพันถึงความรัก เชอ่ื ว่าแต่งในสมัยหนุม่
เพลงยาวนมัสการพระบรมธาตุ หรือ นิราศไปตรงั แตง่ เมอ่ื ครงั้ ไปวางตราเป็นเจ้าเมืองตรัง
โคลงดน้ั นริ าศตามเสด็จทัพลาน้าน้อย แต่งเมื่อตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกไปตี
เมืองทวาย เม่ือ พ.ศ. 2330
โคลงนริ าศพระยาตรัง หรอื โคลงนิราศถลาง แต่งเม่ือต้นรัชกาลท่ี 2 พ.ศ. 2352 คราวพม่ายกทัพมาตี
เมืองถลาง และหวั เมอื งชายทะเลทางใต้
โคลงด้ันเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย แต่งขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อ พ.ศ.
2361
โคลงกวโี บราณ เปน็ การรวบรวมบทโคลงของกวสี มัยอยธุ ยา ท้งั กลบท และโคลงกระทู้
นอกจากนีพ้ ระยาตรงั ยงั ได้แตง่ มหาชาติ กัณฑ์มัทรีไว้เรือ่ งหนึ่งดว้ ย แต่ยงั ไม่พบตน้ ฉบับ

นายนรนิ ทร์ธเิ บศร์
นายนรินทรธเิ บศร์ เดมิ ช่ือ อิน กวเี อก ในสมยั รัชกาลที่ 2 แหง่ กรุงรตั นโกสนิ ทร์ ผู้เปน็ มหาดเลก็ ในสมเด็จพระ
บวรราชเจา้ กรมพระราชวังบวรมหาเสนานรุ กั ษ์ ฝ่ายพระราชวังบวร (วังหน้า) ในสมัยรชั กาลท่ี 2 ไดร้ บั พระราชทาน
ยศเปน็ หุม้ แพร มีบรรดาศักด์ิท่ี นายนรนิ ทรธิเบศร์ จึงมกั เรียกกนั วา่ นายนรนิ ทรธเิ บศร์ (อิน)
สมเดจ็ กรมพระยาดารงราชานภุ าพไดท้ รงพระนพิ นธ์ไว้ โดยทรงเล่าเพ่ิมเตมิ วา่ “...นายนรนิ ทรธเิ บศร์
(อิน) ไม่ใครจ่ ะไดแ้ ตง่ หนังสอื ไว้มากนัก และแต่งไว้บา้ งก็ลว้ นแตเ่ ปน็ โคลง ทีป่ รากฏวา่ เป็นกลอนนัน้ นอ้ ยเตม็ ที
โคลงยอพระเกียรติตอนท้ายหนังสอื ปฐมมาลา ก็เปน็ ฝปี ากของนายนรนิ ทร์ (อนิ ) จงึ สันนิษฐานวา่ นายนรนิ ทรธิ
เบศร์ (อิน) ชอบโคลงมากกวา่ คาประพนั ธอ์ นื่ ๆ”

โคลงนริ าศนรนิ ทร์ นี้ นายนรินทรธ์ เิ บศร์ (อนิ ) ได้นิพนธ์ข้นึ ระหว่างการเดินทางโดยเสด็จไปรบพม่าซ่งึ ยกเข้ามา
โจมตีเมืองถลางและเมอื งชุมพร ในปี พ.ศ.2352 นับเปน็ วรรณคดีไทยเรอ่ื งหนึ่งทม่ี จี ินตนาการและสานวนโวหาร
ไพเราะจับใจ

ความสมั พนั ธก์ บั ตา่ งประเทศ

จอห์น ครอฟอรด์

1. ความสัมพันธ์กับประเทศองั กฤษ ในปี พ.ศ. 2365 จอหน์ ครอฟอร์ด คนไทยเรียก การะฟัด นา
เคร่อื งราชบรรณาการมาถวายเพื่อเจรญิ สัมพนั ธไมตรี โดยท่อี ังกฤษตอ้ งการ

1. ขยายการค้าของบริษทั อนิ เดยี ตะวนั ออก
2. เพื่อแก้ปญั หาเมืองไทรบรุ ี
3. เพ่อื ทาแผนทีข่ องภูมิภาคน้ี
ผลของการเจรจาล้มเหลวเพราะ
1. ทั้งสองฝา่ ยพูดไมเ่ ข้าใจภาษากัน
2. ล่ามเปน็ คนชนั้ ตา่ ขุนนางไทยต้งั ข้อรังเกยี จ
3. ชาวตา่ งชาตทิ ่ีเขา้ มาติดต่อส่วนมากเปน็ ชาวจีนซ่ึงมีกิริยาอ่อนน้อม
4. อังกฤษตอ้ งการให้ไทยคืนเมืองไทรบรุ ใี ห้กบั ปะแงรัน
5. ประเพณีไทย ขนุ นางเข้าเฝ้าไม่สวมเสื้อ ทาใหฝ้ ร่ังดหู ม่นิ เหยียดหยาม

2. ความสัมพนั ธก์ บั ประเทศโปรตุเกส โปรตุเกส เจ้าเมืองมาเก๊า ได้ส่ง คาร์โลส มานูเอล ซิลเวลา เป็น
ทูตมาเจริญสัมพันธ์ไมตรี ซ่ึงทั้งสองฝ่ายได้ให้ความสะดวกแก่กันมากในการค้าขายต่อมา คาร์โลส มานูเอล
ซิลเวลา ได้มาเป็นกงสุลประจาประเทศไทย นับเป็นกงสุลชาติแรกในสมัยรัตนโกสินทร์และซิลเวลาได้รับ
พระราชทานยศเปน็ “หลวงอภยั วานชิ ”

3. ความสัมพันธก์ ับประเทศสหรัฐอเมรกิ า อเมริกา มคี วามสัมพนั ธ์กับไทยครง้ั แรกในสมัยน้ี พ่อค้าชาว
อเมริกัน ช่ือ กปั ตันแฮน ได้มอบปนื คาบศลิ า จานวน 500 กระบอก รชั กาลท่ี 2 จึงพระราชทานบรรดาศกั ดิ์ให้
เปน็ “หลวงภักดรี าช”

ความสมั พันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน

พระเจา้ จกั กายแมง กษัตริย์พมา่
1. ความสมั พนั ธ์กับประเทศพม่า พระเจ้าจกั กายแมง กษตั ริย์พม่าไดเ้ กลยี้ กล่อมพระยาไทรบรุ ียกทัพ
มาตีไทย ไทยทราบข่าวก็จดั กองทัพไป ขดั ตาทัพไว้ ทางพม่าเกิดจลาจลจงึ ไม่ได้ยกทัพมา
2. ความสมั พันธก์ ับประเทศเวยี ดนาม ญวน พระเจ้าญาลอง มีพระราชสาสน์มาขอเมืองบนั ทายมาศ
โดยอา้ งว่าเมืองนเ้ี ปน็ เมืองขึ้นของญวน ไทยต้องยอมยกให้ เพราะไม่ต้องการมศี ึกสองทาง ซ่งึ ในช่วงนั้นหว่ งการ
ศกึ กับพม่า
3. ความสมั พนั ธ์กบั หัวเมอื งมลายู พระยาไทรบุรี มาชว่ ยไทยรบกับพม่า เมื่อครัง้ พมา่ ตีถลางไทยจึงได้
เลอ่ื นยศให้เจ้าพระยาไทรบรุ ี
4.ความสัมพนั ธ์กับประเทศกมั พูชา พระอุทยั ราชา ไม่ซ่ือตรงต่อไทยหนั ไปฝกั ใฝ่กับญวนสาเหตมุ ีหลาย
ประการ
- พระอุทัยราชา มาเข้าเฝ้ารชั กาลที่ 1 พระองคไ์ ม่ยอมใหเ้ สนาบดเี บิกตัวพระอุทยั ราชาเขา้ เฝ้า ทาให้
พระอทุ ัยราชาได้ รบั ความอปั ยศ และอาฆาตคดิ ร้ายต่อไทย
- พระอุทยั ราชา ทะเลาะกบั พระยาเดโช (เม็ง) พระยาเดโชหนมี าไทย พระอทุ ัยราชา มีหนงั สือมาขอ
ตัวพระยาเดโช แต่ทางไทยไม่ยอมส่งตัวไปให้ พระอทุ ัยราชาจงึ ไม่พอพระทยั
- พระอุทยั ราชา แสดงอาการเปน็ กบฎ ไทยจึงยกทัพเขา้ เขมร พระอุทยั ราชาหนีไปพ่ึงญวน ไทยจงึ เผา
เมืองพนมเปญ เมืองบันทายเพชร พระเจ้าญาลองมหี นงั สือมาถึงไทย ขอให้พระอุทยั ราชากลับครองบา้ นเมือง
ตามเดิม ทางไทยไม่ปรารถนาที่จะทาสงครามกบั ญวน ดงั นั้นพระอทุ ยั ราชาจึงไดก้ ลบั มาครองกัมพูชาตามเดมิ
แตข่ ออยู่ท่ีพนมเปญ และส่งเคร่อื งราชบรรณาการ ตามเดิมสว่ นการบังคับบญั ชาชั้นเดด็ ขาดตกอย่แู กฝ่ ่ายญวน
โดยญวนได้สง่ ข้าหลวงมาดูแลกากับด้วย ในสมัย ร.2 ไทยต้องเสียเขมรให้กบั ญวน

5. ความสมั พันธ์กบั ประเทศจนี จนี การตดิ ต่อค้าขายกับจนี หลายชาติต้องส่งเครื่องราชบรรณาการไป
ถวายพระเจ้ากรุงจีน เพ่ืออาศัยเป็น “ใบเบิกทาง” ในการอานวยความสะดวกในการค้าขาย ทางจีน
เรียกว่า “จ้ิมก้อง” โดยที่จีนถือว่าประเทศท่ีนาเคร่ืองราชบรรณาการ มาถวาย เป็นประเทศราช ทางไทยหลง
เข้าใจผดิ เพ่ิงจะทราบความจริงในสมัยรัชกาลที่ 4 ซึ่งทางประเทศจีนคิดว่า ไทยเป็นประเทศราชของจีนจนถึง
สมัยรัชกาลที่ 5 จนกระทั่งสงครามโลกครัง้ ที่ 2 สิ้นสดุ สง ประเทศไทยกับจนี จึงไดม้ ีสัมพันธไมตรีกันใหม่ ต้ังแต่
ปี พ .ศ.2489 เป็นต้นมา

ธงชาตไิ ทย

พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั รชั กาลท่ี 2 ไดโ้ ปรดใหส้ ร้างสาเภาหลวงขึ้นเพ่ือทาการค้ากับ
ต่างประเทศ ขณะนนั้ ชาวองั กฤษได้ต้งั สถานีการขนึ้ ทสี่ ิงคโปร์ ได้แจง้ วา่ เรือสินคา้ ท่ีเข้ามาค้าขายต่างก็ชักธงแดง
ทั้งหมดยากแก่การต้อนรับ ขอให้ทางไทยเปลี่ยนการใช้ธงเสีย จะได้จัดการรับรองเรือหลวงของไทยให้สมพระ
เกียรติ ขณะนน้ั พระองคไ์ ดช้ า้ งเผือกเขา้ มาสพู่ ระบารมีถึง 3 ช้าง จึงมีพระราชดาริให้แก้ไขธงชาติไทยจากท่ีเคย
ใชธ้ งแดงมาต้ังแตร่ ัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มาเป็นรปู ช้างเผือกอยู่ในวงจกั รติดในธงพน้ื แดง เป็นธง
ประจาเรือในการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ ซ่ึงหมายความว่าเป็นเรือของ พระเจ้าช้างเผือกส่วนเรือของ
ราษฎรยังคงใช้พืน้ ธงสีแดงและใช้เปน็ ธงชาตสิ บื ตอ่ กันมาจนถึงรชั กาลที่ 6

ลา้ ดับเหตุการณส์ า้ คญั ในรชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้านภาลยั

พ.ศ. 2310 24 กุมภาพนั ธ์ พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั พระราชสมภพ ณ ตาบล
อมั พวา เมืองสมุทรสงคราม พระนามเดิม ฉมิ

พ.ศ. 2325 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงปราบดาภิเษกข้ึนเป็นปฐมกษัตริย์
แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์

ทรงได้รบั การสถาปนาพระยศเปน็ สมเด็จพระเจา้ ลกู ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอศิ รสนุ ทร
พ.ศ. 2352
- พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราชเสดจ็ สวรรคต
- พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนางกราบบังคมทูลอัญเชิญพระองค์ข้ึนครองราชย์สมบัติเป็นรัชกาลท่ี 2

แหง่ พระราชวงศจ์ ักรี เฉลิมพระนามว่า พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หลา้ นภาลัย
- เจ้าฟ้ากรมขนุ กษตั รานชุ ิตกับพวก คดิ กบฏ โปรดเกลา้ ฯ ใหก้ รมหมื่นเจษฎาบดินทรช์ าระความ
- สงครามกับพมา่ ท่ีเมืองถลาง

พ.ศ. 2353

- โปรดเกล้าฯ ให้ส่งคณะทูตอญั เชิญพระราชสาส์นไปถวายจกั รพรรดิเกยี เขง้ แห่งอาณาจักรจนี
- ราชทตู ญวนเขา้ มาถวายราชสาสน์ และเครื่องราชบรรณาการ พรอ้ มทง้ั ทูลขอเมืองบนั ทายมาศคืน

ซงึ่ พระองคก์ ็พระราชทานคนื ให้

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

พ.ศ. 2354

- โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ จา้ นายไปกากบั ราชการตามกระทรวงต่างๆ
- โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานออก "เดนิ สวนเดินนา"
- ออกพระราชกาหนดหา้ มสูบและซอื้ ขายฝน่ิ
- จัดพระราชพธิ ีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
- เกิดอหวิ าตกโรคคร้งั ใหญ่
- โปรดเกลา้ ฯ ใหม้ พี ระราชพิธี "อาพาธพินาศ"
- โปรดเกลา้ ฯ ให้กองทัพไทย ไประงบั ความวนุ่ วายในกัมพูชา
- อนิ -จัน แฝดสยามคู่แรกของโลกถือกาเนิดข้นึ

พ.ศ. 2355

- โปรดเกล้าฯ ให้อญั เชญิ พระแก้วผลึก (พระพทุ ธบุษยรัตน์) จากเมืองจาปาศักดม์ิ ายังกรุงเทพฯ

พ.ศ. 2356

- พมา่ ให้ชาวกรงุ เก่านาสาส์นจากเจา้ เมืองเมาะตะมะมาขอทาไมตรีกบั สยาม
- พระองคเ์ จา้ ชายทบั (พระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกล้าเจา้ อยูห่ ัว) ไดร้ บั การสถาปนาเป็นกรมหม่นื

เจษฎาบดนิ ทร์

พ.ศ. 2357

- โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ ง่ คณะสมณทูตเดินทางไปศรีลังกา
- โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ ง นครเขอื่ นขันธ์ ข้ึนท่ีบรเิ วณพระประแดง เพื่อสาหรบั รับข้าศึกทมี่ าทางทะเล

พ.ศ. 2359
- โปรดเกล้าฯ ให้จัดการปรบั ปรุงการสอบปริยตั ิธรรมใหม่ กาหนดขึน้ เปน็ 9 ประโยค
พ.ศ. 2360
- ทรงฟนื้ ฟปู ระเพณี วันวิสาขบูชา

พระบรมมหาราชวงั
พ.ศ. 2361
- ขยายเขตพระบรมมหาราชวังจนจรดวดั พระเชตพุ น โดยสร้างถนนทา้ ยวงั ค่ัน
- โปรดเกล้าฯ ใหข้ า้ ราชการออกแบบและสร้างสวนขวาขน้ึ ในพระบรมมหาราชวงั
- คณะสมณทตู ทพ่ี ระองคท์ รงสง่ ไปฟ้นื ฟูพระพทุ ธศาสนาท่ี ประเทศลงั กาเดนิ ทางกลับ
- เจา้ เมืองมาเกา๊ ส่งทตู เขา้ มาถวายพระราชสาส์นและเคร่ืองราชบรรณาการเพ่ือเจรญิ ทางพระราช

ไมตรี
พ.ศ. 2362
- หมอจัสลิส มชิ ชันนารีประจายา่ งกุ้ง หล่อตวั พมิ พ์อักษรไทยเป็นครงั้ แรก
พ.ศ. 2363
- ฉลองวดั อรุณราชวราราม
- สงั คายนาบทสวดมนต์ภาษาไทยครง้ั แรก ในประเทศไทย
- โปรตเุ กสตง้ั สถานกงสุลในกรงุ เทพฯ นบั เปน็ สถานกงสลุ ตา่ งชาตแิ ห่งแรกของสยาม

พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลัยเสด็จสวรรคต

พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลัย ครองราชยส์ มบัตถิ งึ ปี พ.ศ. 2367 รวมอยู่ในสริ ิราช
สมบตั ินาน 15 ปี ก็ทรงพระประชวรดว้ ยพิษไข้ มิได้รสู้ กึ พระองค์ จงึ ไม่ไดพ้ ระราชทานราชสมบตั ใิ ห้แก่ผใู้ ด
และทรงพระประชวรด้วยพิษไขอ้ ยู่ 3 วันก็เสด็จสวรรคตในแผน่ ดินพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั
การเสดจ็ สวรรคตของพระองคม์ ีเอกสารกล่าวถึงขอ้ มลู รายละเอียดดงั นี้

เอกสารฉบบั แรกเป็นพรกเป็นพระราชพงศาวดาร ฉบบั พิมพ์ ร.ศ. 120 (พ.ศ. 2444) เล่ม 3 กรม
ศึกษาธิการ กระทรวงธรรมการ ท่ีจัดพมิ พ์ขึน้ ใหมโ่ ดยสานกั พิมพม์ ติชน เม่ือพ.ศ. 2550 ได้กลา่ วถงึ อาการพระ
ประชวรของพระองค์ ดังน้ี

“ครน้ั ณ วนั ๔ แรม ๔ ค่ำ เดอื น 8 ค่ำ ปีวอก ฉศก ศกั รำช 1186 เป็นปที ี 16 ในรชั กำลทรงพระ
ประชวร มีพระอำกำรมึนพระองคซ์ ึมเซือมไป มใิ คร่จะมีพระรำชดำ่ รัส ถึง ณ วัน 4 แรม 11 คำ่ เดอื น 8 คำ่
พระองค์กเ็ สดจ็ สวรรคต สถิตย์ในอิศริยยศรำชสมบตั ิ 16 พรรษำ พระชนมำยพุ รรษกำล 58 พรรษำ นบั โดย
อำยโุ หรำได้ 56 พรรษำ 7 เดือน 19 วนั ”

หนงั สอื วนั สวรรคต 66 กษัตริย์ไทย ซง่ึ เขยี นโดยคณุ พมิ าน แจ่มจรัส ฉบบั พมิ พ์ครงั้ ที่ 2 เมือ่
พ.ศ. 2508 ได้บรรยายกรณีสวรรคต โดยบอกว่าเปน็ ข้อความทป่ี รากฏในพระราชพงศาวดาร แต่ไม่ได้แจง้ วา่
เป็นฉบับใด

“มีพระอำกำรให้มึนและเมือยพระองค์ จึงเรยี กพระโอสถขำ้ งทีชอื จรไนเพชร ซงึ เคยเสวยมำแตก่ ่อน
น้ันมำเสวย ครน้ั เสวยแลว้ ก็เกดิ พระอำกำรให้รอ้ นเปน็ กำ่ ลัง จึงรับสังเรยี กพระโอสถชือวำ่ ทิพโอสถมำเสวยอีก
ขนำนหนึง พระอำกำรก็ไม่คลำยกลับเซือมซมึ ไป มิไดต้ รสั สงิ ใด แพทยห์ ลวงประกอบพระโอสถถวำยก็เสวย
ไม่ได้ ประชวรได้ 8 วันกเ็ สด็จสสู่ วรรคต”

หนังสือเฉลมิ พระเกียรติพระบาทสมเดจ็ พระนงั่ เกล้าฯ (คณุ พิมาน แจม่ จรัส ไม่ได้ให้รายละเอียดท่ีมา
ของหนังสือเลม่ น้ี- ผู้เขยี น) ท่ีกล่าวว่า

“ทรงพระประชวรไข้พิษอันแรงกล้ำ มิได้รู้สึกพระองค์ ได้แต่เรียกพระโอสถชือว่ำ จำระไนเพ็ชร์ข้ำง
พระทีทีเคยเสวยน้ันมำเสวย คร้ันเสวยแล้วก็ให้ร้อนเป็นก่ำลัง เรียกทิพยโอสถมำเสวยอีก พระอำกำรก็ไม่ถอย
ให้เซืองซมึ ไป แพทย์ประกอบพระโอสถถวำยกเ็ สวยไมไ่ ด้ มไิ ด้ตรัสสิงใด จนครั้นวัน 4 เดือน 8 แรม ๑ ค่ำ เวลำ
ย่ำคำ่ แล้ว 5 บำท พุธ 21 กรกฎำคม พ.ศ. 2367 พระบำทบรมนำถบรมบพิตร สมเด็จพระพุทธเจ้ำอยู่หัว ทรง
พระประชวรพระโรคก่ำเริบกล้ำเหลือก่ำลังทีแพทย์จะประกอบพระโอสถฉลองพระเดชพระคุณสืบไปก็เสด็จสู่
สวรรคตท่ำมกลำงพระประยูรวงศำพร้อมทั้งฝ่ำยหน้ำฝ่ำยในมีสมเด็จพระบรมโอรสำธิรำชเจ้ำเป็นประธำน
ก่ำหนด แต่สมเด็จพระพุทธเจ้ำอยู่หัวเสด็จได้มหำปรำบดำภิเษกเป็นเอกรำชำธิปไตยในศิริรำชสมบัติได้ 16 ปี
พระชนมำยไุ ด้ 58 พรรษำ เสดจ็ สวรรคำลยั ในพระทนี ังมหำมณเฑียรองค์บุรพทิศ…”

หนงั สือ “เจา้ ชีวติ : พงศาวดาร 9 รัชกาล แห่งราชวงศจ์ ักรี” ซึ่งทรงพระนิพนธ์โดย พระเจา้ วรวงศ์
เธอพระองคเ์ จา้ จุลจักรพงษ์ พ.ศ. 2554 ความดงั ต่อไปน้ี

“ภำยในไม่กวี นั ภำยหลังทสี มเด็จเจ้ำฟ้ำมงกฎุ ทรงผนวช พระเจำ้ อยหู่ ัวก็ทรงประชวรหนัก มีพระ
อำกำรมึนและเมือยพระองค์ ไมโ่ ปรดเรยี กแพทย์และในช้ันต้นรักษำพระองค์เอง ทรงเรียกยำไทยแบบโบรำณ
ซงึ เคยแกไ้ ด้ แต่ก็มิไดผ้ ลกลบั ท่ำใหท้ รงหนำวสะท้ำน จึงทรงเรียกยำทจี ะทำ่ ใหร้ ้อน เมือยำนท้ี ่ำใหท้ รงร้อน
เกินไปก็ทรงเรียกยำเยน็ กำรรักษำพระองคเ์ องไมเ่ ปน็ กำรแก้ไขพระโรคได้ กลับทรงเซืองซมึ ไป ตรสั อะไรไม่ได้
แพทยห์ ลวงประกอบพระโอสถถวำยก็เสวยไม่ได้ ประชวรอยู่ได้ 8 วัน คร้นั ถงึ วันที 21 กรกฎำคม พ.ศ. 2367
(ค.ศ.1824) กเ็ สด็จสวรรคตพระชนมำยุ 56 ปี กบั 5 เดอื น (หนังสือภำษำไทยมักจะวำ่ สวรรคตเมอื พระ
ชนมพรรษำ 58)”

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ถือว่าเป็นแผ่นดินทองแห่งวรรณกรรม ด้วย
พระองค์มีพระปรีชาสามารถอย่างยิ่งในด้านศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสถาปัตยกรรม วรรณกรรม รวมถึง
นาฏกรรม เห็นได้จากมรดกทางวัฒนธรรมที่พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างไว้ให้กับอนุชนรุ่นหลัง อุทยานพระบรม
ราชานุสรณ์รัชกาลที่ 2 ท่ี อาเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ถือเป็นสถานท่ีท่ีแสดง ให้เห็นถึงพระปรีชา
สามารถในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้อย่าง ชัดเจนที่สุดและในอุทยานแห่งนี้ก็ได้ประดิษฐาน
พระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์เพ่ือให้ประชาชนได้เคารพสักการะ น้อมระลึกถึงพระปรีชาสามารถ พระ
มหากรุณาธิคุณก่อเกิดประโยชน์ ต่อประเทศชาติและประชาชน ให้อยู่เย็นเป็นสุขเจริญวัฒนาสถาพรมาจนถึง
ปัจจุบนั

ดว้ ยทรงพระปรีชาสามารถในศิลปกรรมหลายดา้ น สถาปตั ยกรรม ประติมากรรม กวีนพิ นธ์ และดนตรี
ทป่ี รากฏขน้ึ ในรัชสมัยของพระองค์ จนได้รบั การขนานนามวา่ เปน็ “ยคุ ทอง” ทั้งสะท้อนให้เห็นถึงความสงบสุข
ของบ้านเมืองตลอดระยะเวลา 15 ปีแห่งการครองราชย์แล้ว ยังบ่งบอกถึงความม่ังค่ังทางเศรษฐกิจ ที่นับว่ามี
แต่เพ่มิ พูนขนึ้ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เมือ่ ลว่ งสรู่ ัชกาลต่อมา วันที่ 24 กุมภาพันธ์ของทุกปี ยังได้กาหนดให้เป็น “วัน
ศิลปินแห่งชาติ” ผู้ทรงเปน็ พระปฐมบรมศลิ ปินแห่งกรงุ รตั นโกสนิ ทร์

............................................................................

ขอ้ มูลแหล่งอ้างอิง

จดหมายเหตุความทรงจา กรมหลวงนรนิ ทรเทวี.พรนคร: องคก์ ารค้าครุ สุ ภา,2516.
ทิพยากรณ.์ เจ้าพระยา.พระราชพงศาวดารกรงุ รัตนโกสินทร์.พระนคร: หอสมดุ แหง่ ชาติ,2506.
พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา, กรุงเทพฯ : สานักวรรณกรรมและประวตั ิศาสตร์ กรมศลิ ปากร,

2548.
พระราชพิธีสมโภชกรงุ รตั นโ์ กสนิ ทรค์ รบ 200 ปี และพระราชพธิ ีสมโภชหลักเมอื ง, สานกั งานส่งเสริมสร้าง

เอกลักษณ์ของชาติ, 2554.
พระราชลญั จกรประจารชั กาลที่ 2, หอมรดกไทย, 2554.
พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้านภาลัย และพระราชสกุล ข้อความและความเหน็ จากเว็บบอรด์ พนั ทิป
เสทอ้ื น ศภุ โศภณ. ประวตั ศิ าสตร์ไทย ฉบับพฒั นาการ. พระนคร: อกั ษรเจริญทัศน์,2506.
วกิ พิ ิเดีย สารานุกรมเสรี

www.google.com
www.youtube.com
catholichaab.com
pluemroy. google .site
kingrama2found.or.th
site.google.com
th.wikipedia.org

ขอขอบคุณภาพและเนื้อหาจากเวบ็ ไซต์ต่างๆ


Click to View FlipBook Version