The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 18

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tharaphan.prasan, 2023-08-07 08:41:12

พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 18

พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 18

พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 18 (ฉบับปรับปรุง) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถระ) ผู้เรียบเรียง ประสาร ธาราพรรค์ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถระ) สมเด็จพระสังฆราช พระประวัติสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถระ) สมเด็จ พระสังฆราชพระองค์ที่ 18 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์แล้ว พระองค์ท่านด าเนิน ชีวิตเป็นไปตามจักร 4 กล่าวคือ ปฏิรูปเทสวาสะ อยู่ในสถานที่เหมาะสม สัปปุริสูปสังเสวะ คบคนดี อัตตสัมมาปณิธิ ตั้งตนไว้ชอบ และปุพเพกตปุญ ตา สะสมบุญและความดี พระองค์ท่านเป็นลูกชาวนา ชีวิตเปลี่ยนไปเมื่อ เข้ามาเป็นศิษย์วัดราชบพิธฯ พระอารามประจ ารัชกาลที่ 5 อันเป็นปฏิรูปรูป เทส ได้ที่อยู่ที่เหมาะสม มีสังคมดี รับใช้ใกล้ชิดพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวง


ชินวรสิริวัฒน์ สอดรับกับจักรที่ 2 สัปปุริสูปสังเสวะ ในทางส่วนตัวเป็นผู้ ประพฤติปฏิบัติดี ตรงกับจักรข้อที่ 3 คือ อัตตสัมมาปณิธิ และสะสมคุณ ความดี จึงมีปุพเพกตปุญญตา ส่งผลให้ขึ้นสู่ต าแหน่งประมุขสงฆ์เมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2517 พระประวัติ ท่านผาด นิลประภา(มารดา) ท่านบาง นิลประภา(บิดา) ท่านประสูติวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2440 เวลา 19.33 น.ตรงกับวันพุธ ขึ้น 11 ค่ า เดือน 4 ปีระกา สมัยรัชกาลที่ 5 เดิมมีชื่อว่า มัทรี นามสกุล นิลประภา เป็นบุตรคนโตของพระชนกผาดและพระชนนีบาง นิลประภา เปลี่ยนชื่อเป็นวาสน์( เมื่อบรรพชาเป็นสามเณร)


บิดามารดาเป็นชาวนาแห่ง ต าบลบ่อโพง อ าเภอ นครหลวง จังหวัด พระนครศรีอยุธยา เรียนหนังสือที่วัดโพธิ์ทอง ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน เข้าเรียนที่ โรงเรียนตัวอย่างมณฑลกรุงเก่า (โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยในปัจจุบัน) สอบไล่ ได้เทียบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มาอยู่กับพระอมรโมลี (พระมหาทวี ป.ธ.9) วัด ราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ซึ่งเป็นญาติ บรรพชาและอุปสมบท เมื่อครั้งยังทรงเป็นสามเณรวาสน์ นิลประภา


สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ เมื่ออายุ 16 ปี บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2455 โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า (องค์ที่ 11) ครั้งทรงกรมหมื่น เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยมุนี(แปลก วุฑฺฒิญาโณ)เป็นพระศีลาจารย์ การเรียนธรรมวินัย สมัยนั้น เป็นการเรียน สามเณรสิกขาธรรมวิภาค ต้องขอเรียนตามกุฏิของท่านผู้มีใจสอนด้วย ตนเอง ซึ่งพระองค์ได้อาศัยพระครูวินัยธรรม (มหาเอี่ยม) รับอาสาช่วยสอน ให้ การเรียนของพระองค์จะใช้วิธีการท่องจ าแบบอย่างเป็นหลักมากกว่าการ เข้าใจ แลพยายามสันนิษฐานปัญหาข้อสอบที่ออกสอบซึ่งมี 21 ข้อ


ขณะที่เป็นสามเณรเรียนหนังสือสอบได้สามเณรรู้ธรรม ได้คะแนนเป็น ที่ 1 ได้รับรางวัลเป็นนาฬิกาพก 1 เรือน และประกาศนียบัตร ทั้งได้รับ ยกเว้นการเกณฑ์ทหาร อุปสมบท เมื่อครั้งยังทรงเป็นพระมหาวาสน์ วาสโน สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถระ) สมเด็จพระสังฆราช ทรงอุปสมบทในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อ วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรม หลวงชินวรสิริวัฒน์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยมุนี(แปลก วุฑฺฒิญาโณ) เป็น พระกรรมวาจาจารย์ พระญาณดิลก (รอด วราสโย) วัดเสนาสนาราม


พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "วาสโน" หลังจาก อุปสมบทสอบได้เป็นเปรียญธรรม 4 ประโยค ท่านถวายงานรับใช้พระเจ้า วรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าในด้านต่างๆ จน เป็นที่โปรดปรานเป็นพิเศษกว่าภิกษุสามเณรอื่นๆ ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะเป็นผู้ เรียบร้อยละเมียดละไม จึงทรงเมตตาและทรงไว้วางพระทัย สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์) เมื่อครั้งทรงด ารงสมณศักดิ์ที่ พระครูวิจิตรธรรมคุณ (พระครูฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์) การที่ได้ถวายงานและอุปัฏฐากใกล้ชิด สมเด็จพระสังฆราชเจ้า มาแต่ พรรษายุกาลยังน้อยนั้น เป็นโอกาสให้ได้เรียนรู้การคณะสงฆ์ การพระ ศาสนา และการปกครองมาเป็นเวลายาวนานเกือบ 20 ปี เจ้าพระคุณ


สมเด็จฯ เป็นที่ทรงโปรดปรานของเสด็จพระอุปัชฌาย์ เป็นพิเศษกว่าภิกษุ สามเณรที่ถวายงานรับใช้อื่นๆ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะโดยพื้นพระอัธยาศัยทรง เป็นผู้เรียบร้อยละเมียดละไม ฉะนั้น เมื่อทรงมีโอกาสถวายการรับใช้และ ถวายปัฏฐาก สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์จึง ทรงพระเมตตา โดยง่าย และทรงไว้วางพระทัยในเรื่องต่างๆ เป็นอันมาก จะเห็นได้จากการที่ ทรงปลงสมณบริขารแก่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ตั้งแต่ก่อนจะสิ้นพระชนม์ถึง 8 ปี เมื่อ พ.ศ. 2465 อุปสมบทได้ 5 พรรษา พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวง ชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าทรงแต่งตั้งให้เป็นพระครูโฆสิตสุทธสร พระครูคู่สวด เป็นต าแหน่งฐานานุกรมผู้ใหญ่ การศึกษา สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน)


เมื่ออุปสมบทแล้วได้ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้ตามล าดับดังนี้ พ.ศ. 2458 นักธรรมชั้นตรี พ.ศ. 2459 สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค (ได้รับพระราชทานพัด ใบตาลพื้นแพรเขียวประดับเลื่อม เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2460 ณ พระ ที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยฯ) พ.ศ. 2461 สอบได้นักธรรมชั้นโท พ.ศ. 2470 สอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค ล าดับสมณศักดิ์ พ.ศ. 2465 เป็นพระครูฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรม หลวงชินวรสิริวัตน์ ที่ พระครูโฆสิตสุทธสร


พ.ศ. 2466 เป็นพระครูฐานานุกรมในสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรม หลวงชินวรสิริวัตน์ ที่ พระครูธรรมธร และพระครูวิจิตรธรรมคุณ ตามล าดับ พ.ศ. 2477 เป็นพระราชาคณะปลัดซ้ายฐานานุกรมในสมเด็จ พระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ ที่ พระจุลคณิศร สัทธรรมนิติธร มหาเถราธิการ คณกิจบรรหารธุรการี สมุหบดีศรีธรรมภาณกาจารย์ พ.ศ. 2489 เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชกวี นรสีหพจน ปิลันธน์ คันถรจนาบัณฑิต ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี พ.ศ. 2490 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพโมลี ตรีปิฎกธาดา มหากถิกสุนทร ยติคณิศร บวรสังฆาราม คามวาสี พ.ศ. 2492 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมปาโมกข์ ยุตตโยค ญาณดิลก ไตรปิฎกธารี ธรรมวาที ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี พ.ศ. 2500 เป็นรองสมเด็จพระราชาคณะที่ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ญาณวิสุทธิจริยาปริณายก ตรีปิฎกคุณาลังการ นานานสถานราชคมนีย์ สาธุ การีธรรมากร สุนทรศีลาทิขันธ์ พ.ศ. 2506 เป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ญาณอดุล สุนทรนายก ตรีปิฎกวิทยาคุณ วิบุลคัมภีรญาณสุนทร ธรรมิก คณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัณยวาสี


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถวายพระสุพรรณบัฏแด่สมเด็จฯ ในงานพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 18 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2517 พ.ศ. 2517 เป็นสมเด็จพระสังฆราชที่ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สุขุมธรรมวิธานธ ารง สกลมหาสงฆปริณายก ตรีปิฎกคัมภีรญาณ วา สนภิธานสังฆวิสุต ปาวจนุตตมโสภณ ภัทรผลสาธารณูปกร ชินวรวงศวิวัฒ พุทธบริษัทคารวสถาน วิจิตรปฏิภาณพัฒนคุณ วิบุลศีลสมาจารวัตรสุนทร บวรธรรมบพิตร สมเด็จพระสังฆราช


พระรูปภาพและเจดีย์พระอัฐิของสมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) ประดิษฐาน ณ พระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ทรงได้รับการสถาปนาพระอัฐิเป็น สมเด็จ พระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ ธรรมาภรณคุณวิจิตรปฏิภาณ สุขุมธรรมวิธานธ ารง อริยวงศาคตญาณวิมล สกลมหาสงฆปริณายก ตรีปิฎก คัมภีรญาณบัณฑิต วชิราลงกรณนริศหิโตปัธยาจารย์ วาสนภิธานสังฆวิสุต ปาวจนุตตมพิศาล นิทัศนนิทานนิพนธปรีชา ปาวจนุตตมโสภณ ภัทรผล สาธารณูปการ วิมลศีลสมาจารวัตรสุนทร สรรพคณิศรมหาสังฆาธิบดี ศรี สมณุดมบรมบพิตร


พระกรณียกิจ งานพระศาสนา พระองค์ได้บริหารงานพระศาสนา ในการคณะสงฆ์มาโดยตลอดเป็น อันมาก พอประมวลได้ดังนี้ พ.ศ. 2481 เป็นกรรมการคณะธรรมยุต พ.ศ. 2485 เป็นกรรมการมหามงกุฎราชวิทยาลัย เป็นคณาจารย์เอก ทางรจนาพระคัมภีร์ และเป็นสมาชิกสภาสังฆสภา พ.ศ. 2486 เป็นผู้ช่วยเจ้าคณะตรวจการภาคกลาง และภาค 2 เป็นเจ้า คณะอ าเภอพระนคร และเป็นกรรมการการสังคายนาพระธรรมวินัย พ.ศ. 2491 เป็นเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และเป็นเจ้า คณะตรวจการณ์ภาค 1


พ.ศ. 2493 เป็นสังฆมนตรีช่วยว่าองค์การสาธารณูปการ ซึ่งมีสมเด็จ พระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) เป็นสังฆนายก สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) พ.ศ. 2494 เป็นเจ้าคณะธรรมยุต ผู้ช่วยภาค 1-2-6 และเป็นเจ้าคณะ จังหวัด พระนคร-สมุทรปราการ และนครสวรรค์ พ.ศ. 2494 เป็นสังฆมนตรีช่วยว่าองค์การสาธารณูปการ ซึ่งมีพระศา สนโศภน (จวน อุฏฺฐายี) เป็นสังฆนายก พ.ศ. 2498 เป็นสังฆมนตรีช่วยว่าองค์การสาธารณูปการ ซึ่งมีสมเด็จ พระวันรัต (ปลด กิตฺติโสภโณ) เป็นสังฆนายก


พ.ศ. 2503 เป็นสังฆมนตรีว่าองค์การสาธารณูปการ ซึ่งมีสมเด็จพระ มหาวีรวงศ์ (จวน อุฏฺฐายี) เป็นสังฆนายกพ.ศ. 2504 เป็นผู้รักษาการณ์ใน ต าแหน่งเจ้าคณะธรรมยุต ภาค 1-2-6 และเป็นอุป น า ย ก ก ร ร ม ก า ร มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยฯ นายกกรรมการและนายกสภาการศึกษา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราช วิทยาลัย เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ประธานการศึกษาของคณะสงฆ์ ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ประธารกรรมการมูลนิธิส่งเสริมกิจการศาสนา และมนุษยธรรม


เป็นองค์อุปถัมภ์ในกิจการด้านการพระศาสนา และการสงเคราะห์ใน ด้านต่าง ๆ เป็นจ านวนมาก อาทิ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธ ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ประธานสภาการศึกษาของคณะสงฆ์ เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต นายกสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย นายกกรรมการมหามกุฏราชวิทยาลัย ประธานคณะกรรมการมูลนิธิส่งเสริมกิจการศาสนาและมนุษยธรรม องค์อุปถัมภ์มูลนิธิสังฆประชานุเคราะห์ องค์อุปถัมภ์สัมมาชีวศิลปมูลนิธิ องค์อุปถัมภ์ศูนย์และชมรมพุทธศาสน์ ในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัย ต่างๆ อีก 9 แห่ง องค์อุปถัมภ์ศูนย์ธรรมศึกษาพิเศษโรงเรียนวิสุทธิกษัตรี-อาษาวิทยา องค์อุปถัมภ์โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) องค์อุปถัมภ์สถานสงเคราะห์คนชรา “วาสนะเวศม์” องค์อุปถัมภ์มูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) องค์อุปถัมภ์มูลนิธิ “วาสนะเวศม์” งานเผยแผ่ศาสนธรรม เทศนาประจ าวันพระในพระอุโบสถ บรรยายสวดมนต์มีค าน าแบบมคธ ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศ ไทย ประจ าวันพระ แรม 8 ค่ า ตั้งแต่ พ.ศ. 2498 ถึง มิถุนายน 2517


การบูรณะวัด วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เนื่องด้วย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็น วัดประจ ารัชกาล เมื่อ พ.ศ. 2412 เป็นวัดแรกในรัชกาลนั้น ถึงบัดนี้มีอายุ 100 ปีเศษแล้ว วัตถุก่อสร้างภายในพระอารามจึงช ารุดทรุดโทรมอยู่ทั่วไป ในยุคที่ทรงเป็นเจ้าอาวาสได้ท าการบูรณะเขตพุทธาวาสให้คงสภาพดี เรียบร้อยไปแล้ว ที่ปรากฏในปัจจุบัน เช่น องค์พระเจดีย์ใหญ่ พระอุโบสถ พระวิหาร พระวิหารทิศ 2 หลัง พระวิหารคด ศาลาราย ลานพระเจดีย์ และ พื้นไพฑีโดยรอบ ในเขตสังฆาวาส มีศาลาการเปรียญคณะนอก (ศาลาร้อยปี ในปัจจุบัน) พระที่นั่งสีตลาภิรมย์ กุฎีสงฆ์คณะนอก 3 แถว 3 ชั้น กุฎีสงฆ์ คณะในแถวใน ต าหนักอรุณ ศาลาการเปรียญคณะใน เป็นต้นโดยล าดับ


ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514-2530 ได้จัดการบูรณะซ่อมแซมพระอารามไปแล้ว รวม 29 รายการ เป็นเงินประมาณ 64,000,000 บาทเศษ อุปถัมภ์ในการสร้างวัด ได้ให้ความอุปถัมภ์ในการสร้างวัดแสงธรรมสุทธาราม อ าเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ วัดโพธิ์ทอง อ าเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และองค์อุปถัมภ์ในการบูรณะซ่อมแซมวัดชินวราราม อ าเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี สร้างอาคารเรียนโรงเรียนวัดราชบพิธ เมื่อ พ.ศ. 2485 ได้ร่วมกับคณะกรรมการจัดหาทุนสร้างอาคารเรียน โรงเรียนวัดราชบพิธ คือ ตึกภุชงค์ประทานวิทยาสิทธิ์ 1-2-3 และตึกชินวร ศรีธรรมวิทยาคาร (รวม 4 หลัง)


สร้างอาคารเรียนโรงเรียนประชาบาลที่วัดสระกะเทียม อ าเภอเมือง นครปฐม จังหวัดนครปฐม มีชื่อว่า “สถาพรทักษิณาคาร” และให้อุปถัมภ์ใน การสร้างอาคาร “วโรฬารวาสนะเวศม์” ที่วัดโพธิ์ทอง อ าเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีชื่อว่า “วาสนานุกูล” สร้างศาลาบ าเพ็ญบุญ วัดเสนาสนาราม ได้โปรดให้สร้างศาลาบ าเพ็ญบุญจตุรมุขอุทิศบุรพชน 1 หลัง และ บูรณะปรับปรุงกุฎีเจ้าคุณอาจารย์ (พระญาณดิลก รอด วราสโย) 1 หลัง ณ วัดเสนาสนาราม อ าเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


สร้างหอนาฬิกา ได้โปรดให้สร้างหอนาฬิกา 1 หอ ชนิด 3 หน้าปัด ที่บ้านต าบลบ่อโพง อ าเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อันเป็นชาติภูมิสถานที่ประสูติ ของพระองค์ สร้างศาลาพักริมทางหลวง ได้โปรดให้ไวยาวัจกรจ่ายกัปปิยภัณฑ์จัดสร้างศาลาพักริมทางหลวงไว้ ตามทางหลวงต่างๆ เพื่อสาธารณประโยชน์แก่ผู้สัญจรไปมาทั่วไป รวมถึง ปัจจุบันสร้างไปแล้ว 8 หลัง และที่หน้าพระวิหารพระมงคลบพิตร จังหวัด พระนครศรีอยุธยา อีก 2 หลัง สร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ)


ในมหามงคลดิถีที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน มหาเถระ) สมเด็จพระสังฆราช เจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา ในวันที่ 2 มีนาคม 2525 คณะศิษยานุศิษย์ทั้งบรรพชิต และฆราวาส มี พล.ต.อ. ชุมพล โลหะชาละ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ได้ร่วมกันด าเนินงานและเลือกสถาน ที่ตั้ง คือต าบลบ่อโพง อ าเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สถานที่แห่งนี้มีความหมาย คือเป็นต าบล และอ าเภอประสูติของพระองค์ เป็นโรงพยาบาลระดับอ าเภอขนาด 30 เตียง บนเนื้อที่ 34 ไร่เศษ สังกัด กระทรวงสาธารณสุข ได้วางผังไว้ส าหรับขยายเป็น 60 เตียงในโอกาสต่อไป ใช้ทุนการก่อสร้างด าเนินงานไปประมาณ 20,000,000 บาท ได้เปิด ด าเนินการตั้งแต่ 19 กรกฎาคม 2525 เป็นต้นมา โดยสมเด็จพระบรม โอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร เสด็จพระราชด าเนินแทนพระองค์ ทรง ประกอบพิธีเปิด ตั้งทุนนิธิต่างๆ บ ารุงพระอาราม ทุน พระจุลจอมเกล้า และทุนปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธ ได้โปรดให้ตั้งนิธิ ปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธ และนิธิ “พระจุลจอมเกล้าฯ” มีจุดประสงค์ส าหรับ หาผลประโยชน์บูรณะปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธ โดยไม่มีถอนต้นทุนมาใช้ มี ยอดจ านวนทุนที่ได้รับบ ริจาคถึง พ.ศ. 2531 มีจ านวน ป ระม าณ 24,000,000 บาทเศษ


มูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) อนึ่ง มีทุนที่เหลือจากการสร้างโรงพยาบาลนี้ และมีผู้บริจาคสมทบโดย ล าดับ มีทุนปัจจุบันประมาณ 11,000,000 บาทเศษ ได้โปรดให้จัดตั้งเป็น มูลนิธิสมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) จะได้ตั้งเป็นมูลนิธิส าหรับจัดหา ผลประโยชน์บ ารุงโรงพยาบาล เป็นทุนส่งเสริมการศึกษาและสาธารณกุศล อื่นๆ ต่อไป สร้างสถานสงเคราะห์คนชรา (วาสนะเวศม์) ในมงคลสมัยที่ทรงหายจากประชวร เมื่อปี 2529 คณะศิษยานุศิษย์ มี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นประธาน ถือเป็นศุภนิมิตมงคลเป็นอย่างยิ่ง จึง


ได้มีสมานฉันท์ด าเนินการสร้างสถานสงเคราะห์คนชรา ขึ้น 1 แห่ง บริเวณ ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) โปรด ประทานนามว่า “วาสนะเวศม์” แปลว่า ที่อยู่ของผู้มีบุญ สามารถรับคนชรา เข้าอยู่อาศัยได้ 200 คน บนเนื้อที่ 31 ไร่เศษ สังกัดกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย สิ้นค่าก่อสร้างและด าเนินการไปประมาณ 30,000,000 บาทเศษ ได้เปิดด าเนินการแล้วตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2530 โดยสมเด็จ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จพระราชด าเนินทรงประกอบพิธีเปิด เสด็จเยี่ยมพุทธศาสนิกชนในและต่างประเทศ นอกจากเสด็จเยี่ยมภิกษุสามเณร ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ใน ประเทศทั้ง 73 จังหวัดแล้ว ยังได้เสด็จเยี่ยมพุทธศาสนิกชนในต่างประเทศ เช่น พม่า สิงคโปร์ ฮ่องกง ศรีลังกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินเดีย 2 ครั้ง อังกฤษ 2 ครั้ง และสหรัฐอเมริกา 4 ครั้ง


ทรงเจริญพระชนมายุ 90 พรรษา เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2531 เจ้าพระคุณ สมเด็จอริยวงศาคตญาณ (วาสนมหาเถระ) สมเด็จพระสังฆราช เจริญพระชนมายุ 90 พรรษา รัฐบาล เห็นสมควรจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นให้สมพระเกียรติ และเมื่อความทราบฝ่า ละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับงานนี้ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงเป็นงานบ าเพ็ญพระราชกุศลฉลอง พระชนมายุ 90 พรรษา และได้เสด็จพระราชด าเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระ นางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มายังพระอุโบสถวัดราชบพิธ ถวายน้ าสรง สมเด็จพระสังฆราช ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพ ถวายพัดยศพิเศษ คือ พัดแฉก งาประดับพลอยที่เคยพระราชทานเฉพาะเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายธรรมยุตที่เป็น พระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ พร้อมกันนั้นได้ถวายพัดรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร. ชั้น 1 ซึ่ง


เป็นพัดประจ ารัชกาลที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นส าหรับ พระราชทานแก่พระสงฆ์ที่ทรงเคารพนับถือและคุ้นเคยเป็นส่วนพระองค์ อันมีจ านวนน้อยรูป และเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ได้รับถวายพัด รัตนาภรณ์ ภ.ป.ร. นี้ เป็นรูปที่ 5 เท่านั้น ในงานบ าเพ็ญพระราชกุศลฉลอง พระชนมายุครั้งนี้ ปรากฏว่าพุทธศาสนิกชนทั้งบรรชิตและฆราวาสมีความ ปลื้มปีติยิ่ง ได้เดินทางมาถวายสักการะถวายพระพรกันอย่างล้นหลามยิ่งกว่า ที่เคยปรากฏในกาลก่อน อุปนายกกรรมการฯ มหามกุฏราชวิทยาลัยฯ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสโน) เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสโน) สมเด็จ พระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ขณะเมื่อยังทรงด ารงพระชนม์อยู่ ได้


ทรงเกี่ยวข้องกับกิจการมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาเป็น เวลาช้านาน กล่าวคือ ได้ทรงเป็นกรรมการมหามกุฏราชวิทยาลัยฯ มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2485 ครั้น พ.ศ. 2504 ก็ได้ทรงด ารงต าแหน่งอุปนายกกรรมการฯ ถึง พ.ศ. 2515 ก็ได้ทรงด ารงต าแหน่งนายกกรรมการฯ บริหารรับผิดชอบ กิจการของมหามกุฏราชวิทยาลัยฯ และได้ทรงด ารงต าแหน่งนี้ตลอดมา จนถึงวาระที่สุดแห่งพระชนมชีพ นับแต่ได้ทรงมีหน้าที่รับผิดชอบในมหา มกุฏราชวิทยาลัยฯ ก็ได้ทรงเสริมสร้างการเก่า ด าริการใหม่ เป็นเหตุให้ กิจการต่างๆ ของมหามกุฏราชวิทยาลัยฯ ด าเนินก้าวหน้าไปด้วยดี ตลอด สมัยแห่งกาลที่พระองค์ทรงบริหารรับผิดชอบ กล่าวได้ว่า เจ้าพระคุณสมเด็จ พระสังฆราชพระองค์นั้น ได้ทรงมีส่วนอย่างส าคัญพระองค์หนึ่งในการ จรรโลงส่งเสริมกิจการของมหามกุฏราชวิทยาลัยฯ ให้เจริญมั่นคง อ านวย เกื้อกูลเป็นประโยชน์แก่การพระศาสนาและชาติบ้านเมืองเป็นส่วนรวม สม แก่วัตถุประสงค์แห่งมหามกุฏราชวิทยาลัยฯ ทุกประการ นับแต่ต้นมาจนถึง ที่สุดเป็นเวลากว่า 40


พระกรณียกิจด้านศาสนสัมพันธ์ การรับเสด็จสมเด็จพระสันตปาปา จอห์น ปอลที่ 2 พ.ศ. 2527 เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 แห่งคริสตจักร เสด็จฯ เยือนประเทศไทย วันที่ 10-11 พฤษภาคม พ.ศ. 2527 ได้เสด็จเยี่ยมสมเด็จ พระสังฆราช ในฐานะประมุขแห่งพุทธจักรไทยและสงฆ์ไทย ซึ่งสมเด็จ พระสังฆราชถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ นอกจากนี้ ยังได้เสด็จไป ทรงปฏิบัติพระศาสนกิจ ฉลองศรัทธาของพุทธศาสนิกชนในต่างประเทศอีก หลายครั้ง กล่าวคือ เสด็จไปเยี่ยมพุทธศาสนิกชนในประเทศพม่า สิงคโปร์ ฮ่องกง ศรีลังกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย และอังกฤษ เสด็จเยือนประเทศอินเดีย 2 ครั้ง และเสด็จเยือนประเทศสหรัฐอเมริกา 3 ครั้ง


พระเกียรติคุณทางการศึกษา โดยที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ทรงปฏิบัติพระภารกิจ และศาสนกิจเป็น คุณประโยชน์ต่อการศึกษา และการเผยแพร่พระพุทธศาสนา เพื่อสันติสุข ของประชาชนและบ้านเมืองมาเป็นเวลานาน สถาบันการศึกษาต่างๆ จึงได้ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เพื่อเป็นการเชิดชูพระเกียรติคุณให้ เป็นที่ปรากฏ ดังนี้ ในการเสด็จเยือนประเทศอินเดียระหว่างวันที่ 5 – 16 มีนาคม พ.ศ. 2522 ทรงรับถวายปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยพาราณสี พ.ศ. 2522 วันที่ 11 มีนาคม พุทธศักราช 2522 รัฐบาลอินเดียได้ อนุมัติปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาอักษรศาสตร์ ถวาย เจ้าพระคุณ สมเด็จฯ โดยให้มหาวิทยาลัยพาราณสี ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐบาล กลาง และเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เป็นผู้ด าเนินการจัดพิธีถวาย และ


รัฐบาลอินเดียได้มอบให้เอกอัครราชฑูตอินเดียประจ าประเทศไทย กราบทูล อาราธนาเจ้าพระคุณสมเด็จฯ เสด็จประเทศอินเดียเป็นทางการ และทูล ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ดังกล่าว เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงโปรด รับอาราธนา และได้เสด็จประเทศอินเดียพร้อมทั้งคณะ ในระหว่างวันที่ 5- 16 มีนาคม พุทธศักราช 2522 พ.ศ. 2522 เสด็จเยือนเมืองลอสแองเจลิส รัฐค าลิฟอ ร์เนีย สหรัฐอเมริกา เพื่อทรงปฏิบัติศาสนกิจตามค าทูลอาราธนาของพุทธศาสนิก ในเมืองนั้น ในโอกาสนี้ มหาวิทยาลัยโอเรียนทอล สตัดดี้ ได้ทูลถวายปริญญา ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แด่ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ และในศกเดียวกัน (พ.ศ. 2522) มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ได้ทูลถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิต กิตติมศักดิ์ แด่ เจ้าคุณสมเด็จฯ เป็นสถาบันที่สาม พระกรณียกิจพิเศษ รับการปลงพระบริขารจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าเป็นผู้อ านวยการปฏิบัติการพระศพ สมเด็จ พระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ ทรงเป็นประธานกรรมการสังคีติการกสงฆ์ สังคายนาพระธรรมวินัย ตรวจช าระพระไตรปิฎก ในพระบรมราชูปถัมภ์ ฉบับมหามงคลเฉลิมพระ ชนมพรรษา 5 รอ บ แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช 2530 ทรงพระกรุณาโปรดแต่งตั้งเป็นพระคณาจารย์เอก ในทางรจนาพระคัมภีร์ แต่ พ.ศ. 2485


ทรงพระกรุณาโปรดแต่งตั้งเป็นพระคณาจารย์เอก ในทางรจนาพระ คัมภีร์ แต่ พ.ศ. 2485 สมเด็จพระสังฆราช (พระราชอุปัธยาจารย์) และพระภิกษุสมเด็จ พระบรมโอรสธิราชฯ ฉาย ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2521 ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ในการทรงผนวช สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฏราชกุฏมาร


งานพระนิพนธ์ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงมีพระอัธยาศัยทางการประพันธ์ ทั้งในเชิง ร้อยแก้วและร้อยกรอง ได้ทรงเริ่มสนพระทัยในทางการประพันธ์มาแต่เมื่อ เป็นสามเณร แต่มาสนพระทัยอย่างจริงจังหลังจากทรงอุปสมบทแล้ว งาน พระนิพนธ์ ทรงนิพนธ์หนังสือและบทความ ทั้ง ร้อยแก้ว และร้อยกรองไว้ เป็นจ านวนมาก ความสามารถในการนิพนธ์หนังสือนั้น ได้รับพระราชทาน รางวัลที่ 1 ในการประกวดหนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่เด็กในสมัยรัชกาล ที่ 7 นิพนธ์เรื่องนี้คือเรื่องทิศ 6 และเรื่องสังคหวัตถุ 4 พระบาทสมเด็จ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 มีพระราชด ารัสชมเชยว่า “แต่งดีมากทั้ง ใจความและส านวน อ่านเข้าแล้วรู้สึกจับใจ”การประกวดแต่งหนังสือ


ดังกล่าวได้เป็นแบบอย่างการประกวดแต่งหนังสือสอนพระพุทธศาสนาแก่ เด็ก และมอบรางวัลชนะเลิศในวันวิสาขบูชาทุกปี มาถึงรัชกาลปัจจุบัน เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ทรงนิพนธ์เรื่องต่างๆ ไว้มาก ทั้งในด้านร้อย แก้วและร้อยกรอง พระนิพนธ์ร้อยแก้ว มีรายการเท่าที่รวบรวมได้ขณะนี้ ดังนี้ 1. ค าสวดมนต์แบบมคธ เป็นค าบรรยายประวัติความเป็นมาพร้อมทั้ง เนื้อหาธรรมที่ปรากฏในพระสูตรนั้น ทรงบรรยายไว้กว่า 50 เรื่อง 2. บันทึกของศุภาสินี เป็นพระนิพนธ์แสดงค าสอนทาง พระพุทธศาสนาอย่างง่ายๆ ส าหรับให้คนทั่วไปอ่านเพลิดเพลินพร้อมทั้งได้ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในแง่มุมต่างๆ ตลอดถึงได้รู้เรื่อง


ขนบประเพณีไทยที่เนื่องด้วยพระพุทธศาสนา และกริยามารยาทใน สังคมไทยที่น่ารู้ทรงนิพนธ์ไว้เป็นตอนๆ รวม 65 เรื่อง 3. รวมพระนิพนธ์ร้อยแก้ว ซึ่งเป็นศาสนคดีที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ พระพุทธศาสนา และธรรมในด้านต่างๆ ทั้งส าหรับภิกษุสามเณรและส าหรับ ชาวบ้านทั่วไปรวม 41 เรื่อง เช่น เรื่อง ความดีของพระวินัย การเข้า วัตร เทศกาลเข้าพรรษา การท าหน้าที่พระอุปัชฌายะ การสาธารณูปการ การเข้าถึงพระรัตนตรัย การฝึกตน ความสามัคคี พระคุณของแม่ พระนิพนธ์ร้อยกรอง ซึ่งเป็นรูปแบบการประพันธ์ที่เจ้าพระคุณ สมเด็จฯ ทรงโปรดมากเช่นกัน ได้ทรงนิพนธ์ร้อยกรองแบบต่างๆ ไว้เป็น จ านวนมาก เท่าที่รวบรวมได้และจัดเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้


1. ค ากลอนคาถาแห่งปราภวสูตร คาถาที่ 8 ทรงนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2496 2. สวนดอกสร้อย ทรงนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2502 รวม 39 บท 3. ดอกสร้อยปฏิทิน ทรงนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2504 รวม 61 บท 4. สักวาปฏิทิน ทรงนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2505 รวม 93 บท 5. ภาษิตค ากลอน ทรงนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2507 รวม 32 บท 6. มงคลดอกสร้อย ไม่ปรากฏปีที่ทรงนิพนธ์ รวม 11 บท 7. บทสักวา “วันท าบุญ” ทรงนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2508 รวม 92 บท 8. โคลงกระทู้ปฏิทิน ทรงนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2508 จ านวน 58 บท 9. โคลงกระทู้ ทรงนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2514 จ านวน 137 บท 10. โคลงกระทู้ ทรงนิพนธ์เมื่อ พ.ศ. 2521 จ านวน 112 บท 11. สวนดอกสร้อย ไม่ปรากฏปีที่ทรงนิพนธ์ รวม 54 บท 12. ค าโคลงเรื่องทิศ 6 ไม่ปรากฏปีที่ทรงนิพนธ์ รวม 104 บท 13. กวีนิพนธ์เบ็ดเตล็ด ซึ่งเป็นบทกวีธรรมและบทสอนใจในลักษณะ ต่างๆ อีกมาก


พระอวสานกาล


พระโกศกุดั่นใหญ่ทรงพระศพ ประดิษฐาน ณ พระวิหารวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม


สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสนมหา เถร)ทรงพระประชวรด้วยพระปับผาสะอักเสบ ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2531 ได้เข้าประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลศิริราช ต่อมาทรงมีภาวะ พระหทัยวายจากเส้นพระโลหิตตีบและกล้ามเนื้อพระหทัยบางส่วนไม่ท างาน คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ แต่ในที่สุดก็ได้ สิ้นพระชนม์ด้วยพระอาการสงบเมื่อวันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2531 เวลา 16.50 น. สิริพระชันษาได้ 91 ปี 5 เดือน 25 วัน ทรงด ารงต าแหน่งสมเด็จ พระสังฆราชเป็นเวลา 14 ปี 2 เดือน 5 กระบวนอัญเชิญพระโกศจากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สู่เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ ณ สุสานหลวง วัดเทพศิรินทราวาส


ส านักนายกรัฐมนตรีได้ประกาศถวายความอาลัยโดยให้สถานราชการ ทุกแห่งลดธงลงครึ่งเสาเป็นเวลา 3 วัน และข้าราชการไว้ทุกข์เป็นเวลา 15 วัน ได้รับพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม 2532 ณ พระเมรุ วัดเทพศิรินทราวาสในปี พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสถาปนาพระอัฐิของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จ พระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (วาสน์ วาสโน) ในฐานะพระราชอุปัธยา จารย์เมื่อครั้งทรงผนวช ขึ้นเป็น "สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรา ลงกรณ" ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เจ้าพนักงาน จัดฉัตรตาดเหลือง 5 ชั้น ถวายกางกั้นพระรูปบรรจุพระสรีรางคาร ณ วัด ราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ แบ่งพระอัฐิบรรจุลงพระโกศทองค า เชิญมาประดิษฐานในหอพระนาก วัด พระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อเป็นที่ทรงสักการบูชาและทรงบ าเพ็ญพระราช กุศลอุทิศถวายในพระฐานะพระบุพการีทางธรรมสืบไป ……………………………………………………….


แหล่งข้อมูลอ้างอิง หนังสือชุดพระเกียรติคุณ สมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ : สมเด็จพระอริยวง ศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (วาสน์ วาสน มหาเถร) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สุเชาวน์ พลอยชุม เรียบเรียง, มหามกุฏราชวิทยาลัย,2541. หนังสือ 19 สมเด็จพระสังฆราชกรุงรัตนโกสินทร์, โกวิท ตั้งตรงจิตร เรียบเรียง,สวีริยาศาสน์ จัดพิมพ์, 2549. www.dhammajak.net https://sosupatsorn.wordpress.com https://th.wikipedia.org https://www.dailynews.co.th http://www.dharma-gateway.com https://www.khaosod.co.th https://www.posttoday.com https://thainews.prd.go.th https://www.web-pra.com .............................................................................


Click to View FlipBook Version