The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รัชกาลที่ 8 พระราชประวัติ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tharaphan.prasan, 2023-06-07 09:42:31

รัชกาลที่ 8 พระราชประวัติ

รัชกาลที่ 8 พระราชประวัติ

คลุมพระองค์มาซับบริเวณปากแผล และปืนกระบอกที่คาดว่าเป็นเหตุท้าให้ใน หลวงสวรรคตไปให้บุศย์เก็บพระแสงปืนไว้ที่ลิ้นชักพระภูษา เหตุการณ์ช่วงนี้ได้ ก่อปัญหาในการพิสูจน์หลักฐานในเวลาต่อมาเมื่อมีการจัดตั้ง “ศาลกลาง เมือง” เพื่อสอบสวนกรณีสวรรคต เวลาประมาณ 10.00 น. หลวงนิตย์เวชชวิศิษฏ์ได้มาถึงสถานที่เกิดเหตุ และตรวจพระอาการของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พบว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ เสด็จสวรรคตแล้ว โดยบริเวณปากแผลมีผ้าพันแผลพันอยู่ เมื่อแกะผ้าพันแผล ออกไม่พบรอยเขม่าดินปืน นอกจากนี้พระบรมศพยังได้ถูกช้าระในขั้นต้นไป แล้วตามค้าสั่งของสมเด็จพระราชชนนี โดยสมเด็จพระราชชนนีได้ให้เหตุผลว่า จะได้ไม่เป็นการล้าบากในการเตรียมงานถวายน้้าสรงพระบรมศพในช่วงบ่าย ในช่วงเวลาเดียวกัน พระยาเทวาธิราช (หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป. มาลากุล) สมุหพระราชพิธีได้เดินทางไปที่ท้าเนียบท่าช้าง ที่พักของปรีดี พนม ยงค์ นายกรัฐมนตรี เพื่อแจ้งข่าวการสวรรคต (ขณะนั้นปรีดีประชุมกับหลวง เชวงศักดิ์สงคราม (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) พลต้ารวจ เอก พระรามอินทรา (ดวง จุลัยยานนท์) (อธิบดีกรมต้ารวจ) และหลวงสัมฤทธิ์ สุขุมวาท (สัมฤทธิ์ สุขุมวาท) (ผู้บังคับการต้ารวจสันติบาล) เรื่องกรรมกรที่ มักกะสันหยุดงานประท้วง) ประมาณ 11.00 น. ปรีดีมาถึงพระที่นั่งบรมพิมาน และสั่งให้พระยาชาติ เดชอุดม (หม่อมราชวงศ์โป๊ะ มาลากุล) อัญเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ และเชิญคณะรัฐมนตรี มาประชุมเกี่ยวกับเรื่องการเสด็จสวรรคตของสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ที่ประชุมสรุปว่าให้ออกแถลงการณ์แจ้งให้ประชาชนทราบว่า


การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเป็นอุบัติเหตุ แถลงการณ์ของกรมต้ารวจที่ออกมาในวันนั้นก็มีเนื้อหาในลักษณะเดียวกัน เวลา 21.00 น. รัฐบาลเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการด่วน เพื่อแจ้งให้สภา ทราบเรื่องการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และ สรรหาผู้สืบราชสมบัติ ที่ประชุมได้ลงมติถวายราชสมบัติให้แก่สมเด็จพระเจ้า น้องยาเธอฯ ผลการชันสูตรพระบรมศพ การชันสูตรพระบรมศพเริ่มในวันที่ 26 มิถุนายน 2489 โดยมี นพ.สุด แสงวิเชียร และ นพ.สงกรานต์ นิยมเสน เป็นผู้ลงมือผ่าตัดพระบรมศพด้วยกัน และมี นพ.สงัด เปล่งวานิช เป็นผู้คอยจดบันทึกผล - ผลตรวจสอบสารพิษ ไม่พบว่า ร.8 ได้รับสารพิษแต่อย่างใด - วิถีกระสุนเข้าทางพระนลาฎ (หน้าผาก) บริเวณกลางหน้าผากเหนือพระ ขนง (คิ้ว) ซ้ายเล็กน้อย และ ทะลุออกทางพระปฤษฎางค์ (ท้ายทอย) โดย มีวิถีเฉียงจากบนลงล่าง และมีทิศทางเอียงจากซ้ายไปขวา - บาดแผลที่พระนลาฎ เป็นรูปกากบาท หนังฉีกแยกเป็น 4 แฉก ทั้ง 4 แฉกจดกัน ศูนย์กลางของแผลกากบาทอยู่ที่บริเวณกลางหน้าผากเหนือ คิ้วซ้ายประมาณ 1 เซนติเมตรปากกระบอกปืนต้องกดชิดติดบริเวณ บาดแผลเมื่อลั่นไก ไม่เช่นนั้นก็ห่างไม่เกิน 5 เซนติเมตร - ไม่พบการหดเกร็งของศพ (Cadaveric Spasm) ในพระบรมศพ กล่าวคือเป็นอาการเกร็งค้างของกล้ามเนื้ออันเกิดจากสมองตาย


เฉียบพลัน (ในกรณีนี้คือถูกกระสุนปืน) เนื่องจากส่วนสมองของพระบรม ศพถูกกระสุนท้าลายฉับพลันซึ่งอาจแสดงให้เห็นชัดเจนจากบริเวณ แขน ขา มือ นิ้วมือ เป็นต้น ความเห็นแพทย์ หลังชันสูตรพระบรมศพ คณะแพทย์ได้ลงความเห็นว่า ลอบปลงพระชนม์ 16 เสียง ปลงพระชนม์เอง 4 เสียง อุบัติเหตุ 2 เสียง ทั้งนี้ คณะแพทย์ 20 คน เป็นแพทย์ไทย 16 คน แพทย์ต่างชาติ 4 คน (อเมริกัน 1 คน, แพทย์จาก กองทัพบริติชและบริติชอินเดีย 3 คน) และใน 16 คนแรกที่เพิ่งกล่าวถึง 8 คน บอกตัด “อุบัติเหตุ” ออกไปเลยว่าเป็นไปไม่ได้ (หนึ่งในนั้น นพ.ชุบ โชติก เสถียร ตัดการยิงพระองค์เองออกหมดคือ ตัด “ปลงพระชนม์เอง” ด้วย) ที่ เหลือเกือบทุกคนใส่ “อุบัติเหตุ” ไว้หลังสุด (คือเรียงล้าดับความเป็นไปได้ว่า “ถูกปลงพระชนม์, ปลงพระชนม์เอง หรือ อุบัติเหตุ”) นอกจากนี้แพทย์บาง คนที่ไม่เจาะจงตัดอุบัติเหตุทิ้ง ยังให้เหตุผลว่าแม้จะมีความเป็นไปได้ แต่ก็น้อย มากไม่ถึง 1 ในล้าน เช่น นพ.หลวงพิณพากย์พิทยาเพท และ นพ.ใช้ ยูนิพันธ์ โดยการนับของแพทย์ นับจากใครเห็นว่าเหตุใดมีน้้าหนักมากสุด ให้นับอย่าง นั้นเป็น 1 อย่างอื่น


การสอบสวนใหม่และการด้าเนินคดี ภายหลังรัฐประหารเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 รัฐบาลใหม่ซึ่งมี ควง อภัยวงศ์เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการสอบสวนชุดใหม่โดยมีพลต้ารวจ ตรี พระพินิจชนคดี (พินิจ อินทรทูต) เป็นประธาน ซึ่งเขาเป็นพี่เขยของหม่อม ราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช และหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช สมาชิกพรรค ประชาธิปัตย์ มีการจับกุมเฉลียว ปทุมรส, ชิต สิงหเสนี และบุศย์ ปัทมศริน ใน วันที่ 20 พฤศจิกายน 2490 หรือ 12 วันหลังรัฐประหาร ทั้งนี้ พระยาพินิจคดี ไม่สามารถหาพยานหลักฐานได้ทันระยะเวลา 90 วันตามที่กฎหมายก้าหนด รัฐบาลก็เสนอกฎหมายให้ขยายระยะเวลาสอบสวนผู้ต้องหาคดีสวรรคตได้ กรณีพิเศษในเดือนมกราคม 2491 รวมไม่เกิน 180 วัน


นอกจากนี้ ประเด็นเรื่อง การสวรรคตเพราะอุบัติเหตุโดยการกระท้าของ ผู้อื่น ในข้อสรุปรายงานของคณะกรรมการสอบสวนพฤติการณ์สวรรคต ในช่วง ปลายเดือนตุลาคม 2489 ก็ได้สรุปไปในท้านองเดียวกับศาล คือ "อุบัติเหตุเกิด จากการกระท้าของผู้อื่นนั้นไม่มีเค้ามูลอันจ้าต้องพิจารณาถึง" นายปรีดี พนมยงค์ได้รับผลกระทบจากคดีนี้มากที่สุด เพราะถูกคน กล่าวหาว่า "ปรีดีฆ่าในหลวง" เนื่องจากชี้แจงสาเหตุการสวรรคตแก่ประชาชน ได้ไม่ชัดเจนและคลี่คลายคดีนี้ไม่ส้าเร็จ และกลายเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ท้าให้ นายปรีดีไม่เดินทางกลับมาประเทศไทยอีกเลยจนสิ้นชีวิต หลังจากการลี้ภัยทางการเมืองเพราะเหตุการณ์กบฏวังหลวง พ.ศ. 2492 อย่างไรก็ตาม ในขณะที่มีชีวิตอยู่ก็ได้ให้ลูกชาย (ปาล พนมยงค์) และคนรู้จักที่ อยู่เมืองไทยคอยช่วยต่อสู้คดีหมิ่นประมาทจากกรณีสวรรคตอยู่ตลอด เพื่อ พิสูจน์ความบริสุทธิ์ว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนก่อคดีกรณีสวรรคตนี้แต่อย่างใด ซึ่ง ผลปรากฏว่าชนะทุกคดี


หลวงธ้ารงนาวาสวัสดิ์ คดีนี้ได้กลายเป็นข้ออ้างส้าคัญประการหนึ่งในการท้ารัฐประหาร พ.ศ. 2490 เนื่องจากรัฐบาลของหลวงธ้ารงนาวาสวัสดิ์ (รับช่วงต่อจากนายปรีดี) ไม่ สามารถสะสางกรณีสวรรคตได้ อนึ่ง กรณีสวรรคตยังส่งผลให้กลุ่มการเมือง ฝ่ายนายปรีดีต้องพลอยหมดบทบาทจากเวทีการเมืองไทยภายหลังการ รัฐประหารครั้งนี้ด้วย ปัจจุบันกรณีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 ยังคงเป็นเหตุการณ์ที่มีการถกเถียง กันอยู่ และได้รับความสนใจในหมู่ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทย


ลางบอกเหตุ! ก่อนพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 8 "สวรรคต" พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงเฉิดโฉม คืนหนึ่งในเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2489 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีเจ้า หญิงสูงวัยอยู่หนึ่งพระองค์มีพระนามว่า “พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า หญิงเฉิดโฉม” ผู้เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ซึ่งขณะนั้น พระองค์ก้าลังประทับรักษาอาการประชวรพระโรคชราด้วยพระชนม์ 90 ชันษา


พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ในคืนนั้นเองพระองค์ทรงมีเรื่องแปลกเล่าให้ คุณนิภา ตะละภัฎ ผู้เป็น พยาบาลส่วนพระองค์ฟังว่าทรงฝันเห็น “พระปิ่นเกล้าฯเสด็จมาแจ้งเหตุร้ายให้ พระองค์ทราบว่า “พระเจ้าอยู่หัวอนันฯจะถูกปองร้าย” พระปิ่นเกล้าฯจึง พระราชทานคาถาให้แก่พระองค์เพื่อน้าไปทูลเกล้าถวายพระเจ้าอยู่หัวอนันฯ เมื่อเล่าให้คุณนิภาฟังเสร็จ พระองค์ก็ทรงขอร้องคุณนิภาให้น้าความเรื่องนี้ไป กราบทูลสมเด็จพระบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ให้ทรงทราบ แต่คุณนิภาก็ ปฏิเสธเพราะคิดว่าพระองค์หญิงเฉิดโฉมอาจจะทรงฟั่นเฟือนเพราะทรงพระ ชรามากแล้ว


พระองค์หญิงเฉิดโฉม ต่อมาในปลายเดือนพฤษภาคม พระองค์หญิงเฉิดโฉมทรงฝันอีกเป็นครั้ง ที่ 2 คราวนี้ฝันว่าพระปิ่นเกล้าฯเสด็จมาทรงเขกพระเศียร(เขกหัว) แล้วกริ้วให้ พระองค์หญิงเฉิดโฉมว่า “ของแค่นี้ก็ท้าไม่ได้” เมื่อบรรทมตื่นขึ้นมา พระองค์ จึงเล่าให้คุณนิภาฟังพร้อมกับขอร้องอีกครั้งหนึ่งว่า เธอท้าอย่างไรก็ได้ให้ความ เรื่องนี้ทราบถึงพระกรรณในหลวงอนันฯ แต่คุณนิภาก็ยังปฏิเสธเช่นเดิม จนถึงวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ก่อนพระเจ้าอยู่หัวสวรรคตเพียงหนึ่งวัน พระองค์หญิงเฉิดโฉมก็ทรงรบ เร้าให้คุณนิภาไปเชิญพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียรมาเฝ้า คราวนี้คุณนิภาจึง ปฏิบัติตามโดยดี และเมื่อพระยาอนุรักษ์ฯมาเฝ้า พระองค์จึงรีบมอบคาถา ดังกล่าวให้ไปเพื่อฝากทูลเกล้าฯถวายโดยเน้นว่า “คาถานี้ใช้ได้แต่กับในหลวง พระองค์เดียวเท่านั้นหากผู้อื่นน้าไปใช้ก็จะไม่เกิดประโยชน์อันใด” แต่แล้ว


พระยาอนุรักษ์ฯก็มิได้ทูลเกล้าฯถวายคาถาแต่อย่างใดและแล้วในเวลาเช้าตรู่ ของวันเกิดเหตุ ซึ่งตรงกับวันที่ 9 มิถุนายน 2489 พระองค์หญิงเฉิดโฉมได้ทรง หมดพระสติไปชั่วครู่ แต่เมื่อทรงฟื้นขึ้นมาก็ทรงร้องเอะอะโวยวายเป็นการ ใหญ่ บอกคุณนิภาว่าให้ช่วยด้วย เพราะเกิดเหตุร้ายขึ้นในพระบรมมหาราชวัง แล้ว พระองค์ตรัสว่าทรงเห็นแมลงวันบินว่อนอยู่เต็มวังหลวงจนน่ากลัว... จากนั้นไม่นานในช่วงสายของวันเดียวกันนั้นเอง โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ก็ ได้รับแจ้งว่า พระเจ้าอยู่หัวอนันฯทรงเสด็จสวรรคตเสียแล้ว พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ไม่มีผู้ใดกล้าเล่าเรื่องพระเจ้าอยู่หัวสวรรคตให้พระองค์หญิงเฉิดโฉมฟัง เพราะกลัวจะมีผลต่อพระหทัย...สองวันต่อมาพระองค์หญิงเฉิดโฉมก็ สิ้นพระชนม์ตามพระเจ้าอยู่หัวไป พระศพของพระองค์ถูกอัญเชิญจาก


โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์กลับเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง โดยพระศพถูกตั้งไว้ที่ ต้าหนักเล็กๆหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทอันเป็น สถานที่ประดิษฐานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พิธีอัญเชิญพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล


หลังจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จสวรรคต ได้อัญเชิญพระ บรมศพมาประดิษฐาน ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง และจัดให้มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในระหว่างวันที่ 28-29 มีนาคม พ.ศ. 2493 ณ พระเมรุมาศ ท้องสนามหลวง วันรุ่งขึ้นพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชด้าเนินเก็บพระบรมอัฐิ และ อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิประดิษฐานที่บุษบงเหนือพระแท่นแว่นฟ้าทอง ภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มุขตะวันตก และจัดให้มีการพระราชกุศล พระบรมอัฐิขึ้น หลังจากนั้น ได้อัญเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐาน ณ พระวิมานชั้นบน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท


วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2493 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จ พระราชด้าเนินอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ไปยังวัดสุทัศน์เทพวราราม และอัญเชิญพระบรม ราชสริรางคารบรรจุลงในหีบ พร้อมทั้งเคลื่อนหีบพระบรมราชสรีรางคารเข้าสู่ พระพุทธบัลลังก์ พระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารหลวง วัดสุทัศน์ เทพวราราม ระยะครองราชย์ 12 ปี 99 วัน .........................................................................


แหล่งข้อมูลอ้างอิง จดหมายเหตุความทรงจ้า กรมหลวงนรินทรเทวี.พรนคร: องค์การค้าคุรุสภา 2516. ชาลี เอี่ยมกระสินธุ์,ในหลวงอานันท์กับคดีลอบปลงพระชนม์, ส้านักพิมพ์ประพันธ์สาส์น,2520. ทิพยากรณ์.เจ้าพระยา.พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์.พระนคร: หอสมุดแห่งชาติ,2506. วิโรจน์ ไตรเพียร, 9 รัชกาลแห่งราชวงศ์จักรี, ส้านักพิมพ์คลังศึกษา,2543, หน้า 108-116 วุฒิชัย มูลศิลป์ และคณะ, พระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์, อัลฟ่า มิเล็นเนียม พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร จากเว็บไซต์ มูลนิธิอานันทมหิดล พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 8 จาก เว็บไซต์วัดสุทัศนเทพวราราม พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา, กรุงเทพฯ : ส้านักวรรณกรรม และประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร 2548. สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา, เจ้านายเล็กๆ - ยุวกษัตริย์, ซิลค์เวอร์ม บุคส์, พิมพ์ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2549, 450 หน้า, เสทื้อน ศุภโศภณ. ประวัติศาสตร์ไทย ฉบับพัฒนาการ. พระนคร: อักษรเจริญทัศน์,2506.


www.baanjomyut.com WWW.GOOGLE.COM www.trueplookpanya.com https://www.museumsiam.org https://themomentum.co https://hilight.kapook.com https://www.prachachat.net https://th.wikipedia.org http://wiki.kpi.ac.th/index. sites.google.com cmi.nfe.go.th ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ ……………………………………………………


Click to View FlipBook Version