--
. . 2562
บทที่ 1
บทนำ
1. ควำมเป็ นมำและควำมสำคญั ของปัญหำ
ในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบนั องค์กรต่าง ๆ ลว้ นจาเป็ นตอ้ งปรับตวั เพื่อความอยู่รอด และ
ความม่นั คงเจริญก้าวหน้าขององค์กร ตามสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
องคก์ รตอ้ งเรียนรู้ถงึ สถานการณ์ปัจจุบนั การเปล่ียนแปลงของโลก วฒั นธรรมองคก์ ร นโยบายของ
องคก์ ร และเทคโนโลยีใหม่ในการตดิ ตอ่ ส่ือสารตา่ ง ๆ ผลของการเปลย่ี นแปลงส่งผลต่อการปรับตวั
ขององค์กรใหเ้ ขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มท่เี ปล่ียนแปลงไป ปัจจยั สาคญั ท่นี าความสาเร็จสู่องคก์ ร ให้เกิด
ประสิทธิภาพของงานและประสิทธิผลของงาน ก็คือ ทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource) ถือเป็ น
ปั จจัยสาคัญเป็ นหัวใจหลักของการสร้างสรรค์ประสิ ทธิภาพ ( Efficiency) ประสิ ทธิผล
(Effectiveness) ของการทางาน เป็ นตวั ขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างมน่ั คง บุคคลท่ีมีบทบาท
หน้าท่ีสาคัญในการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษยข์ องแต่ละองค์กรให้มีประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผลน้นั ก็คอื ผนู้ าองคก์ รและผบู้ ริหารทรพั ยากรมนุษยห์ รือผูจ้ ดั การดา้ นทรพั ยากรมนุษย์
ผนู้ าองคก์ รจะมีการกาหนดวสิ ยั ทศั นแ์ ละนโยบายใหม่ ๆ ระบบใหม่ ๆ มาปรบั ใชใ้ นองคก์ ร
อยู่เสมอ ผูบ้ ริหารทรัพยากรมนุษยม์ ีหน้าที่จะต้องบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้ทันตามกับการ
เปลี่ยนแปลงตามวิสัยทศั น์หรือนโยบายของผูน้ าองคก์ รท่ีกาหนดออกมาตามระยะเวลาท่ีกาหนด
เพื่อให้องคก์ รน้ันสามารถอย่กู บั สถานการณ์แข่งขนั ท่ีสูงและสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบนั ไดอ้ ย่างมี
ประสิทธิภาพ ภาวะผนู้ า (Leadership) ของผจู้ ดั การดา้ นทรัพยากรมนุษยเ์ ป็นปัจจยั สาคญั อยา่ งยงิ่ ต่อ
การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในสภาวะการเปล่ียนแปลงในปัจจุบัน ที่จะสอดคล้องและสามารถ
รองรับวิสัยทศั น์ของผูน้ าองคก์ ารได้ ปัจจุบนั ผูบ้ ริหารดา้ นทรัพยากรมนุษยไ์ ดร้ ับการยอมรับจาก
ผนู้ าองคก์ รในดา้ นบทบาทการบริหารท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การตดั สินใจทางธุรกิจเพิม่ มากข้ึน ภาวะผูน้ า
ของผูจ้ ดั การดา้ นทรพั ยากรมนุษยเ์ ป็นปัจจยั สาคญั อย่างยิง่ ต่อการบริหารทรพั ยากรมนุษยใ์ นสภาวะ
การเปล่ียนแปลง เช่น ภายใตก้ ารบริหารองคก์ ารท่มี ีสถานการณ์ที่เปลีย่ นแปลง แนวทางท่ีจะสร้าง
ความสาเร็จให้แก่องค์การ ก็คือ ภาวะผูน้ า เนื่องจากภาวะผู้นาเป็ นจุดรวมพลงั ของพนักงานใน
องคก์ ารศกึ ษาภาวะผูน้ าส่วนนึกใหญใ่ ห้ผลการศกึ ษาไมส่ อดคลอ้ งกนั ไม่สามารถช้ีชดั ไดว้ า่ ลกั ษณะ
หรือคุณสมบตั ิใดๆ ทแี่ สดงถงึ ภาวะผนู้ าที่มีประสิทธิภาพ โดยนกั วิชาการบางท่านพบว่า เพศชายมี
ภาวะผูน้ าท่ีมีประสิทธิภาพมากกว่าผูห้ ญิง ในขณะท่ีบางท่านบอกว่า รูปร่างหนา้ ตาและการพูดจา
ของผนู้ าแสดงถึงผนู้ าทีม่ ีประสิทธิภาพได้ (ธนวรรธ ต้งั สินทรพั ย.์ 2550 : 40)
การศึกษาประสิทธิภาพของภาวะผนู้ าแบบต่างๆ พบว่ามีความแตกต่างกนั ดงั เชน่ ภาวะผูน้ า
แบบเผดจ็ การมีแนวโนม้ ที่จะมีประสิทธิภาพมากท่สี ุดในสถานการณท์ ต่ี อ้ งการความเร็วในการตดั สินใจ
แกป้ ัญหา ในขณะท่ีภาวะผูน้ าแบบปล่อยตามอิสระ (Laissez-Faire Leadership) จะมีประสิทธิภาพใน
สถานการณ์ท่ีผูใ้ ตบ้ ังคบั บญั ชามีความรับผิดชอบและมีศักยภาพสูง ต้องการอิสระทางความคิดที่
สร้างสรรค์ การศึกษาภาวะผู้นาปัจจุบันมุ่งศึกษาความเป็ นรูปธรรมมากข้ึน ไม่มุ่งเน้นอานาจ
บคุ ลิกลกั ษณะ พฤติกรรมและสถานการณ์ แต่ให้ความสาคญั แก่ การบริหารการเปล่ียนแปลง ดังเช่น
ประเสริฐ สมพงศ์ธรรม (2548 : 53) ที่กล่าวว่า ภาวะผูน้ าท่ีมีประสิทธิภาพมากท่ีสุดสาหรับองค์การที่
ดาเนินกิจการในสภาวะแวดลอ้ มที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและตลอดเวลาในปัจจุบนั คือ ภาวะผนู้ า
เชิ งปฏิรู ป (Transformational Leadership) เพราะสามารถบริ หารจัดการการเปลี่ยนแปลงได้
ทุกสถานการณ์ และถึงแมว้ ่าการทาความเขา้ ใจเร่ืองภาวะผูน้ าอาจประสบความยุ่งยาก แต่ภาวะผูน้ า
ก็ยงั เป็ นเร่ืองท่ีท้าทายให้ศึกษาคน้ ควา้ ต่อไป เนื่องจากภาวะผูน้ ามีความสัมพนั ธ์และมีอานาจต่อ
การตดั สินใจ ดา้ นนโยบายและกาหนดทิศทางขององคก์ าร (วภิ าดา คปุ ตานนท.์ 2551 : 11)
แรงจงู ใจเป็ นปัจจยั หน่ึงท่ีสาคญั ย่ิงของการบริหารเช่นเดียวกับคน เงิน วสั ดุ และการจดั การ
การจูงใจน้นั เกิดจากสมมติฐานที่ว่า โดยทว่ั ไปมนุษยม์ ิไดท้ างานเต็มความสามารถทมี่ อี ยู่ การทีม่ นุษย์
จะทางานไดเ้ ตม็ ตามความสามารถหรือไม่น้นั ข้ึนอยกู่ บั ว่าเขาเต็มใจที่จะทาแค่ไหน ถา้ มสี ิ่งล่อใจหรือ
สิ่งจูงใจท่ีดีตรงกับความพอใจของเขา ส่ิงจูงใจน้ันก็จะเป็ นแรงกระตุ้นที่จะผลักดันให้เขาสนใจ
เอาใจใส่งานท่ีทามากข้ึน ในทางตรงกันขา้ ม หากองค์การใดไม่สร้างแรงจูงใจในการทางานแลว้
อาจจะมผี ลใหผ้ ปู้ ฏบิ ตั ิงานมคี วามรูส้ ึกผูกพนั ตอ่ องคก์ ารนอ้ ยลง ผลงานยอ่ มตกตา่ เกดิ ความเบื่อหน่าย
และทางานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ การสรา้ งแรงจูงใจใหเ้ กดิ ข้ึน จึงเป็ นทกั ษะสาคญั ประการหน่ึงที่
ผูบ้ ริหารทุกระดับตอ้ งเรียนรู้ ฝึ กฝน และนาไปปฏิบัติให้เกิดประสิทธิผลแก่องค์การ การจูงใจท่ี
ถกู ตอ้ งจะตอ้ งเป็ นเคร่ืองดึงดูดความรู้สึกและจิตใจของบุคคลในองค์การ ให้เป็ นอนั หน่ึงอนั เดียวกับ
องค์การมากย่ิงข้ึน (จนั ทรานี สงวนนาม. 2553 : 251-252) นอกจากน้ีการจูงใจยงั มีความสาคญั ต่อ
ผูบ้ ริหารเพราะการจูงใจจะช่วยลดปัญหาความขดั แยง้ ระหว่างผูบ้ ริหารและพนักงาน และช่วยให้
การควบคมุ ดาเนินการทางานไปดว้ ยความราบรื่นช่วยให้ผปู้ ฏิบตั ิงานสามารรถตอบสนองวตั ถปุ ระสงค์
ขององคก์ ารและของตนเองไปพร้อมกนั ช่วยส่งเสริมและสร้างความสามคั คีในหมูค่ ณะ รวมถึงช่วยให้
พนกั งานปฏิบตั ิงานอย่างมีประสิทธิภาพมากข้นึ
บุคคลสาคญั ท่จี ะดาเนินการจดั การศกึ ษาเพ่อื พฒั นาคนคอื ครู ซ่ึงถอื วา่ เป็นหวั ใจสาคญั ใน
การผลกั ดนั ใหน้ กั เรียน และโรงเรียน มีประสิทธิภาพเป็นไปในทิศทางท่ถี ูกตอ้ งเหมาะสม สามารถ
บรรลุถึงพันธกิจและวิสัยทัศน์ของโรงเรียน ซ่ึงการที่ครูจะปฏิบัติงานอย่างขยนั ขันแข็ง ทุ่มเท
ทางานอย่างเต็มประสิทธิภาพ และดงึ ศกั ยภาพของตนเองมาใชใ้ นการปฏบิ ตั ิงานไดน้ ้นั ย่อมข้นึ อยู่
กบั แรงจูงใจในการปฏิบตั งิ านดว้ ย การทราบถึงกลไกของพฤติกรรมและวิธีจูงใจย่อมเทา่ กบั ทาให้
ผบู้ ริหารในฐานะท่ีเป็ นผนู้ า สามารถชักจูง กากบั หรือผลกั ดนั ให้พฤติกรรมในการทางานเป็ นไป
อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ครูจึงเป็นบคุ คลท่เี สียสละและทมุ่ เทในการใหก้ ารศึกษากบั เด็กอยา่ งมาก
ประกอบกบั จะตอ้ งปฏิบตั ิหนา้ ที่มากมาย โดยเฉพาะครูที่ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่สี อนจะตอ้ งมีหน้าที่เพิ่มข้ึน
นอกเหนือจากการสอนแลว้ ครูยงั ตอ้ งทางานอ่ืน ๆ ตามท่ีไดร้ ับมอบหมายจากผูบ้ ริหารโรงเรียน
ดงั น้นั หากครูขาดความเขา้ ใจบทบาทหนา้ ที่ ขาดความรู้เกย่ี วกบั หลกั สูตร ขาดการยอมรบั นับถือ
และการไดร้ ับผลตอบแทนที่ไม่เหมาะสมแลว้ ก็จะส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าท่ีและที่
สาคญั คือคุณภาพของการจดั การศกึ ษา (ศริ ิพร จนั ทศรี. 2550 : 3)
ดงั น้ัน การปฏิรูปการศึกษาจะประสบความสาเร็จตามเป้าหมายที่กาหนดไวห้ รือไม่น้ัน
ประกอบไปดว้ ยปัจจยั หลายประการ ไมว่ ่าจะเป็ นรูปแบบการบริหารจดั การที่มคี ุณภาพ รูปแบบ
กระบวนการทางาน ภาวะผูน้ าของผูบ้ ริหารและการสร้างแรงจูงใจ ส่ิงเหล่าน้ีลว้ นมีความสาคัญ
ท้งั ส้ิน บุคคลท่ีขาดแรงจูงใจในการทางาน จะเกิดความเบือ่ หน่าย ทอ้ แท้ ส้ินหวงั ขาดความริเริ่ม
สร้างสรรคแ์ ละไม่มีความอดทน ซ่ึงจะส่งผลให้งานในหน้าท่ีรับผิดชอบขาดการพฒั นาและไม่มี
ประสิทธิภาพ (กาญจนา คล่องแคล่ว. 2555 : 3) แรงจูงใจเป็ นตวั กาหนดแนวทางของพฤติกรรม
ช้ีว่าความเป็นไปในรูปแบบใด นาพฤตกิ รรมให้ตรงทางเพือ่ ท่ีจะบรรลวุ ตั ถุประสงค์ พฤตกิ รรมการ
ทางานของบุคลากรในองคก์ ารข้ึนอยู่กบั ปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างตวั บุคลากรกับสภาพแวดลอ้ มต่าง ๆ
ในองค์การ ท้ังน้ีการบริหารและการจัดการของสถานศึกษาเพื่อยกคุณภาพผู้เรียน ครูและ
สถานศึกษา ให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานการประเมินคุณภาพภายนอก จึงข้ึนอยู่กับภาวะผูน้ าทาง
วิชาการของผบู้ ริหารและแรงจูใจในการปฏิบตั งิ านของครูผูส้ อน ทจี่ ะนาพาสถานศึกษาสู่คุณภาพ
ตามเป้าหมายท่วี างไว้
จากเหตผุ ลดงั กล่าวผวู้ ิจยั สนใจทจี่ ะศึกษาภาวะผนู้ าทางวิชาการของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาท่ี
ส่งผลต่อแรงจงู ใจในการปฏิบตั ิงานของครูและบคุ ลากรทางการศึกษาวิทยาลยั อาชีวศกึ ษา จงั หวดั
นครสวรรค์ ซ่ึงผลการศึกษาคร้ังน้ีสามารถนามาประยุกตใ์ ช้เป็ นแนวทางในการพฒั นาภาวะผูน้ า
ทางวิชาการของผูบ้ ริหารสถานศึกษา เสริมสร้างและรักษาระดับแรงจูงใจของครูและบุคลากร
ทางการศึกษาอันจะส่งผลให้การจดั การศึกษาประสบผลสาเร็จ บรรลุตามวตั ถุประสงค์และ
เป้าหมายท่ีกาหนดไวต้ ่อไป
2. วัตถุประสงค์ของกำรวจิ ัย
2.1 เพ่อื ศกึ ษาภาวะผนู้ าทางวิชาการของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา
2.2 เพื่อศึกษาแรงจูงใจในการปฏบิ ตั ิงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา
2.3 เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผูน้ าทางวิชาการของผูบ้ ริหารสถานศึกษากับ
แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูและบุคลากรทางการศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา จงั หวัด
นครสวรรค์
3. กรอบแนวคดิ ในกำรวิจัย
การศกึ ษาคน้ ควา้ คร้ังน้ี ผวู้ ิจยั ไดศ้ ึกษาแนวคิดเกีย่ วกบั ภาวะผนู้ าทางวิชาการ ประกอบดว้ ย
ภาวะผูน้ าเชิงปฏิรูป ภาวะผนู้ าเชิงจดั การ ภาวะผูน้ าแบบปล่อยตามอิสระ แนวคิดเกี่ยวกบั แรงจูงใจ
ในการปฏิบตั ิงาน ประกอบดว้ ย ความสาเร็จในการทางาน การได้รับการยอมรับนับถือ ลกั ษณะ
ของงานที่ปฏิบตั ิ ความรับผิดชอบ และความกา้ วหน้าในตาแหน่งหนา้ ท่ีการงาน และงานวิจยั ท่ี
เกี่ยวขอ้ ง จงึ ไดก้ าหนดกรอบแนวคิดในการวิจยั ดงั น้ี
ภาวะผนู้ าเชิงปฏริ ูป ดา้ นความสาเร็จในการทางาน
ภาวะผนู้ าเชิงจดั การ ดา้ นการไดร้ ับการยอมรับนบั ถือ
ภาวะผนู้ าแบบปลอ่ ยตามอสิ ระ ดา้ นลกั ษณะของงานท่ีปฏบิ ตั ิ
ดา้ นความรบั ผดิ ชอบ
ดา้ นความกา้ วหนา้ ในตาแหน่งหนา้ ที่
การงาน
1.1
4. สมมติฐำนกำรวิจัย
4.1 แรงจูงใจในการปฏิบตั ิงานของครูและบุคลากรทางการศกึ ษา อยู่ในระดบั มาก
4.2 ภาวะผูน้ าทางวิชาการของผูบ้ ริหารสถานศึกษามีความสัมพันธ์กับแรงจูงใจในการ
ปฏบิ ตั งิ านของครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาวทิ ยาลยั อาชีวศึกษา จงั หวดั นครสวรรค์
5. ขอบเขตของกำรวิจัย
5.1 ขอบเขตด้ำนเนื้อหำ
การศึกษาวิจยั คร้ังน้ีมุ่งศกึ ษาภาวะผูน้ าทางวิชาการของผบู้ ริหารสถานศึกษาท่สี ่งผลต่อ
แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูและบุคลากรทางการศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา จังหวัด
นครสวรรค์
5.2 ขอบเขตด้ำนประชำกรและกล่มุ ตัวอย่ำง
ประชากรท่ีใช้ในการวิจยั ได้แก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษาวิทยาลยั อาชีวศึกษา
ภาครัฐ จงั หวดั นครสวรรค์ 7 แห่ง จานวน 725 คน
กลุ่มตวั อยา่ งท่ีใชใ้ นการวิจยั ไดแ้ ก่ ครูและบุคลากรทางการศึกษาวทิ ยาลยั อาชีวศึกษา
ภาครัฐ จงั หวดั นครสวรรค์ 7 แห่ง จานวน 272 คน กาหนดขนาดโดยอาศยั ตาราง Krejcie และ
Morgan ทร่ี ะดบั ความเช่ือมนั่ 95% ความคาดเคล่ือนรอ้ ยละ 5 โดยใชว้ ิธีสุ่มตวั อย่างแบบแบ่งช้นั ภมู ิ
5.3 ขอบเขตด้ำนตวั แปร
5.3.1 ตวั แปรตน้ ไดแ้ ก่ ภาวะผูน้ าทางวิชาการของผูบ้ ริหารสถานศึกษา 4 แบบ คือ
ภาวะผนู้ าเชิงปฏิรูป ภาวะผนู้ าเชิงจดั การ ภาวะผนู้ าแบบปลอ่ ยตามอสิ ระ
5.3.2 ตวั แปรตาม ได้แก่ แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูและบุคลากร 5 ด้าน คือ
ดา้ นความสาเร็จของงาน ดา้ นการไดร้ ับการยอมรบั นับถือ ดา้ นความกา้ วหนา้ ในงาน ดา้ นลกั ษณะ
ของงาน และดา้ นความรับผิดชอบตอ่ งาน
6. นิยำมศัพท์เฉพำะ
ภำวะผู้นำ หมายถึง การท่ีผูบ้ ริหารสถานศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา จงั หวดั นครสวรรค์
ประพฤติตวั เพ่ือให้เกดิ ความสาเร็จสูงสุด จดั สนองความตอ้ งการของพนกั งานในองคก์ ร จูงใจหรือ
ดลใจให้กระทาการอย่างใดอย่างหน่ึง ตามความประสงคข์ องตนเองและของบริษทั ดว้ ยความเตม็ ใจ
และรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างมนั่ คง ตามแนวคิดของแบส (Bass) ภาวะผูน้ า 3 ประเภท ได้แก่
ภาวะผนู้ าเชิงปฏริ ูป ภาวะผนู้ าเชิงจดั การ ภาวะผนู้ าแบบปลอ่ ยตามอิสระ
ภำวะผู้นำเชิงปฏิรูป หมายถึง การท่ีผูบ้ ริหารสถานศึกษาให้การสนับสนุนและทุ่มเทแก่
เพ่ือนร่วมงานและพนกั งาน ประพฤตใิ นแนวทางท่ีจะประสบความสาเร็จสูงสุดของบริษทั นิติบคุ คล
ประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 ดา้ น คือ การสร้างบารมี การสรา้ งแรงบนั ดาลใจ การกระตุน้ การใช้
ปัญญา และการคานึงถึงปัจเจกบุคคล
ภำวะผู้นำเชิงจัดกำร หมายถึง การที่ผูน้ าช้ีแนะหรือจูงใจให้ผูต้ ามปฏิบัติตามแนวทาง
เป้าหมายท่ีกาหนดโดยอธิบายให้ผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชาเขา้ ใจบทบาท และงานที่ผูต้ ามตอ้ งทาให้สาเร็จ
อธิบายว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะได้รับอะไรเป็ นสิ่งตอบแทน และอธิบายวิธีทางานซ่ึงทาให้
ผูใ้ ตบ้ ังคบั บญั ชาเกิดแรงจูงใจท่ีจะทางานน้นั ให้สาเร็จ เพื่อเป็ นแรงผลกั ดันให้งานบรรลุจุดหมาย
ตามทค่ี าดหวงั ไว้
ภำวะผ้นู ำแบบปล่อยตำมอิสระ หมายถึง การทีผ่ บู้ ริหารสถานศกึ ษาบริหารโดยทาหนา้ ทใ่ี ห้
ขอ้ มูลและความช่วยเหลือท่ีจาเป็ นแก่ผูใ้ ตบ้ งั คบั บญั ชา จะปล่อยให้ผูใ้ ตบ้ งั คบั บัญชาตดั สินใจเอง
ตามความเหมาะสม โดยผนู้ าจะไม่เขา้ ร่วมในกระบวนการตดั สินใจ
ครู หมายถงึ ผปู้ ฏิบตั กิ ารสอนในวทิ ยาลยั อาชีวศึกษา จงั หวดั นครสวรรค์
บุคลำกร หมายถึง ผูป้ ฏิบตั ิงานทุกระดับท่ีได้ค่าจ้างจากวิทยาลัยอาชีวศึกษา จังหวดั
นครสวรรค์
แรงจูงใจในกำรปฏิบตั ิงำน หมายถึง กระบวนการในการกระตุน้ ครูให้เกิดความพึงพอใจ
ในการปฏิบตั ิงาน เพื่อผลปฏิบตั ิงานบรรลุเป้าหมายของวิทยาลยั อาชีวศึกษา จงั หวดั นครสวรรค์
ประกอบดว้ ย 5 ดา้ น 1) ความสาเร็จในการทางาน 2) การไดร้ ับการยอมรบั นบั ถือ 3) ลกั ษณะ
ของงานท่ีปฏบิ ตั ิ 4) ความรบั ผดิ ชอบ และ 5) ความกา้ วหนา้ ในตาแหน่งหนา้ ที่การงาน
ด้ำนควำมสำเร็จในกำรทำงำน หมายถงึ การประสบความสาเร็จในการปฏิบตั งิ าน มีความ
ปลาบปล้ืมใจในความสาเร็จของงาน มีผลการปฏิบตั ิงานปรากฏอย่างเด่นชดั ความสาเร็จในการ
ปฏบิ ตั งิ านเป็นแรงกระตนุ้ ท่จี ะกอ่ ให้เกิดความเต็มใจในการทางาน
ด้ำนกำรได้รับกำรยอมรับนบั ถือ หมายถงึ การไดส้ ร้างช่ือเสียงใหก้ บั หน่วยงาน การไดร้ ับ
การยกย่องเชิดชูเม่ือปฏิบตั ิงานไดด้ ีเด่น การได้รับการยอมรับจากผูบ้ งั คับบัญชา การได้รับการ
แสดงความยินดีจากผูบ้ งั คบั บญั ชาในโอกาสต่าง ๆ การมีผลการปฏิบตั ิงานเป็ นท่ียอมรับของคน
ทว่ั ไป
ด้ำนลักษณะของงำนท่ีปฏิบัติ หมายถึง การได้ปฏิบตั ิงานตรงกบั ความสนใจ การได้
ปฏิบัติงานท่ีท้าทายความสามารถ การได้ใช้ความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่
ความมุ่งมนั่ ในการปฏิบตั งิ าน
ด้ำนควำมรับผิดชอบ หมายถึง การไดร้ ับผดิ ชอบต่อการปฏบิ ตั ิงานอย่างเตม็ ที่ การไดร้ ับ
มอบหมายปฏิบตั งิ านทเ่ี พมิ่ มากข้นึ การไดร้ ับมอบออานาจจากผูบ้ งั คบั บญั ชาเพ่มิ มากข้นึ การไดร้ บั
มอบหมายให้ปฏบิ ตั ิงานตามความเหมาะสม
ด้ำนควำมก้ำวหน้ำในตำแหน่งหน้ำท่ีกำรงำน หมายถึง การได้เลื่อนตาแหน่งความ
เหมาะสมและเป็นธรรม ไดร้ บั การส่งเสริมสนบั สนุนใหศ้ ึกษาตอ่ ในระดบั สูงข้นึ การไดป้ ฏบิ ตั ิงาน
ท่เี พ่ิมพนู ประสบการณ์จนเกดิ ความชานาญ การไดเ้ พ่มิ พนู ความรู้ ในการเขา้ ร่วมประชมุ ฝึกอบรม
อยา่ งสมา่ เสมอ
อำชีวศึกษำจังหวัดนครสวรรค์ หมายถึง สถานศึกษาอาชีวศึกษาในกากับของภาครัฐ
จงั หวดั นครสวรรค์ เทา่ น้นั
7. ประโยชน์ท่ีคำดว่ำจะได้รับ
7.1 ทาใหท้ ราบถึงภาวะผนู้ าทางวชิ าการของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา
7.2 ทาใหท้ ราบถงึ แรงจูงใจในการปฏิบตั ิงานของครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา
7.3 ทาใหท้ ราบถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างภาวะผูน้ าทางวิชาการของผบู้ ริหารสถานศึกษากบั
แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูและบุคลากรทางการศึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษา จงั หวัด
นครสวรรค์
7.4 ทาให้สามารถนาผลการศึกษาคร้ังน้ีให้เป็ นสารสนเทศ พฒั นาภาวะผูน้ าทางวิชาการ
ของผูบ้ ริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษา จงั หวดั นครสวรรค์ ที่ส่งผลต่อแรงจงู ใจในการปฏบิ ตั ิงานของ
ครูและบุคลากรทางการศึกษาวทิ ยาลยั อาชีวศึกษา จงั หวดั นครสวรรค์