1 หน้าที่ความรับผิดชอบของงานห้องเก็บสำนวน 1. รับคำคู่ความต่าง ๆ รวมทั้งรับคำคู่ความในระบบ CIOS และ e-Filing และนำเสนอศาลพร้อม สำนวนเพื่อมีคำสั่ง 2. จัดเก็บและค้นหาสำนวน รวมทั้งเอกสารแยกเก็บ โดยแยกประเภทคดี เช่น คดีแพ่ง คดีอาญา คดี ผู้บริโภค ฯลฯ และเรียงเลขคดีจากเลขน้อยไปหามาก เพื่อสะดวกในการจัดเก็บและค้นหา 3. ให้บริการตรวจสำนวนและคัดถ่ายสำนวน รวมทั้งขอคัดถ่ายเอกสารในสำนวนทางระบบ CIOS และ e-Filing ด้วย 4. รับสำนวนเสนอตรวจความพิจารณาประจำวันจากกลุ่มงานช่วยพิจารณาคดีหรือคดีที่พิจารณาคดี แล้วเสร็จ และคดีฟ้องใหม่จากงานรับฟ้อง 5. รับสำนวนจากงานอื่น ๆ ที่ส่งเข้ามาเพื่อจัดเก็บ 6. รับสำนวนบังคับคดีแทนจากศาลอื่นที่ส่งมาจากกลุ่มงานช่วยอำนวยการ 7. รับรายงานผลการส่งหมาย และหนังสือจากหน่วยงานภายนอกที่ส่งมาจากกลุ่มงานช่วย อำนวยการ รายงานหมายที่ส่งได้ให้รวมสำนวน ในส่วนรายงานหมายไม่ได้ให้เสนอศาลพร้อมสำนวนเพื่อมี คำสั่ง 8. ส่งสำนวนไปให้งานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งศาล 9. จ่ายสำนวนให้ศูนย์หน้าบัลลังก์ และศูนย์นัดความล่วงหน้าอย่างน้อย 2 อาทิตย์ 10. สำรวจและจัดทำบัญชีคุมสำนวนที่จะต้องทำการปลดทำลายสำนวน 11. ตรวจดูคำสั่งศาล แล้วจัดส่งสำนวนให้งานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล 12. ค้นหาสำนวนให้งานแผนกงานอื่น ๆ และในกรณีที่สำนวนมีอุทธรณ์ – ฎีกา ค้นหาและจัดส่ง สำนวนไปยังงานอุทธรณ์-ฎีกา พร้อมทั้งทำการบันทึกการเคลื่อนไหวของสำนวนทุกครั้ง เมื่อส่งสำนวนไปยัง แผนกอื่น 13. ดูแลจัดเก็บสำนวน พยานเอกสารและพยานวัตถุ ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและระวังไม่ให้ชำรุด เสียหาย 14. ปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับมอบหมาย 15. ทำการลงทะเบียนในระบบ บันทึกความเกี่ยวข้องในสำนวนคดี รับคำขอหนังสือคดีถึงที่สุด ใน ระบบ CIOS ให้กับคู่ความที่มาร้องขอ &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
2 งานห้องเก็บสำนวน การเก็บรักษาสำนวนแยกออกเป็น 2 ส่วน ก. การเก็บสำนวนระหว่างพิจารณา หรือก่อนมีคำพิพากษา สำนวนระหว่างพิจารณา หมายถึง สำนวนที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลหรือยังเป็นสำนวนคดี หมายเลขดำอยู่ งานเก็บสำนวนระหว่างการพิจารณา อาจแยกขั้นตอนได้ดังนี้คือ 1. ตรวจรับสำนวนคดีฟ้องใหม่จากงานรับฟ้อง - เมื่อได้รับสำนวนคดีฟ้องใหม่จากงานรับฟ้อง เจ้าหน้าที่ห้องสำนวนต้องตรวจรับสำนวน และ บันทึกการรับลงในคอมพิวเตอร์ - ตรวจสอบว่าปฏิบัติตามรายงานกระบวนพิจารณา หรือคำสั่งศาลครบถ้วนหรือไม่ กรณีปฏิบัติครบถ้วน สำนวนคดีอาญาที่อัยการเป็นโจทก์จัดส่งให้กลุ่มงานช่วยพิจารณา ดำเนินการให้โจทก์ลงชื่อ กรณีปฏิบัติไม่ครบถ้วน ส่งสำนวนไปให้งานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติต่อไปให้ถูกต้อง - จ่ายสำนวนให้งานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลในรายงานกระบวนพิจารณา โดยลงใน สมุดจ่ายงานให้เจ้าหน้าที่งานนั้น ๆ ลงลายมือชื่อรับและบันทึกการส่งสำนวนทางคอมพิวเตอร์ - ตรวจสำนวนความทุกสำนวน เมื่อปฏิบัติตามรายงานกระบวนพิจารณา หรือคำสั่งศาลครบถ้วน ก่อนนำสำนวนเก็บเข้าตู้ตามระบบจัดเก็บสำนวน 2. กรณีรับสำนวนความนัดประจำวันจากงานศูนย์หน้าบัลลังก์ - เมื่อได้รับสำนวนความที่เสร็จการพิจารณาประจำวันจากงานศูนย์หน้าบัลลังก์ เจ้าหน้าที่ห้อง สำนวนต้องตรวจรับสำนวนให้ถูกต้อง บันทึกการรับลงในคอมพิวเตอร์ - ตรวจดูความเรียบร้อยของสำนวนว่าปฏิบัติตามคำสั่งศาลครบถ้วนหรือไม่ หากยังไม่ได้ปฏิบัติหรือ ปฏิบัติไม่ครบถ้วน ให้ส่งสำนวนไปยังงานที่เกี่ยวข้อง โดยลงในสมุดจ่ายงาน ให้เจ้าหน้าที่แต่ละงานลงลายมือ ชื่อรับและบันทึกลงคอมพิวเตอร์ หากปฏิบัติครบถ้วนถูกต้องแล้วนำไปจัดเก็บเข้าตู้ตามระบบการจัดเก็บ สำนวน 3. กรณีรับสำนวนจากงานประชาสัมพันธ์ กรณีมีการยื่นขอปล่อยชั่วคราว - เมื่อได้รับสำนวนจากงานประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ห้องสำนวนต้องตรวจสำนวนให้ถูกต้อง และ บันทึกการรับในคอมพิวเตอร์ - ตรวจสำนวนว่าได้ปฏิบัติครบถ้วนแล้วหรือไม่ เช่น กรณีอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ ต้องทำการ ออกหมายปล่อยและแจ้งอายัด 4. รับสำนวนจากงานสารบรรณที่มีหนังสือไปถึงบุคคลภายนอกตามคำสั่งศาล 5. รับสำนวนจากงานการเงิน ในกรณีที่เบิกจ่ายค่ารับสินบนนำจับ รางวัลทนายและเบิกจ่าย ค่าธรรมเนียมศาลคืน
3 การจัดเก็บ - เมื่อตรวจรับสำนวนถูกต้องแล้ว แยกสำนวนเป็นรายปี โดยแยกประเภทคดี เป็นคดีแพ่ง คดีอาญา คดีประเด็น กากสำนวน และจัดเก็บตามช่องที่กำหนด - ก่อนนำสำนวนเข้าตู้เก็บให้ตรวจความเรียบร้อยของสำนวน ถ้าสำนวนใดชำรุดให้ซ่อมแซมให้ เรียบร้อย - การจัดเก็บให้เก็บตามหมายเลขคดีและปีพ.ศ. โดยเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม การค้นหา 1. ค้นหาสำนวนเพื่อนำเสนอศาลเมื่อมีคำร้อง คำขอ คำแถลง หนังสือหรือเอกสารต่าง ๆ - รับคำร้อง คำแถลงจากคู่ความหรืองานรับฟ้อง รับหนังสือ เอกสาร รายงานหมาย การเดินหมาย จากงานสารบรรณ - ค้นหาสำนวนแล้วลงคอมพิวเตอร์ส่งสำนวนนำเสนอศาลเพื่อพิจารณามีคำสั่งต่อไป 2. ค้นหาสำนวนเพื่อนำรายงานการเดินหมาย, ประกาศ เก็บเข้าสำนวน เก็บสารบัญ และสแกนเอกสารเข้า ระบบ ecms - รับรายงานการเดินหมาย, รายงานผลการส่งหมายทั้งในเขต และข้ามเขต, ประกาศ จากงานสาร บรรณ หรืองานหมาย แยกประเภทว่าเป็นคดีอาญา, คดีแพ่ง หรือคดีผู้บริโภค และแยกเป็นการส่งหมายได้ หรือส่งไม่ได้ เพื่อสะดวกในการค้นหาสำนวน - ค้นหาสำนวน แล้วนำรายงานการส่งหมายที่ส่งได้กลัดเข้าสำนวน เก็บสารบัญ และสแกนเอกสาร ส่วนรายงานผลการส่งหมายที่ส่งไม่ได้จะต้องนำเสนอผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน พร้อมสำนวน เพื่อมีคำสั่ง ให้ดำเนินการต่อไป 3. ค้นหาสำนวนเมื่อคู่ความหรือผู้มีส่วนได้เสียขอตรวจสำนวน - ให้ผู้ขอตรวจสำนวนแจ้งหมายเลขคดี ชื่อโจทก์ จำเลย และแสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือ บัตรอื่น ๆ ของผู้ขอตรวจสำนวนก่อน - ค้นหาสำนวนให้ผู้ขอตรวจ โดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุมอย่างใกล้ชิด - เมื่อผู้ขอตรวจสำนวนเสร็จแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูความเรียบร้อยของสำนวนก่อนจัดเก็บ 4. ค้นหาสำนวนเพื่อให้งานอื่นนำไปปฏิบัติตามคำสั่งศาล - ให้งานคลัง กรณีขอรับเงินรางวัลทนาย ปรับนายประกัน ขอรับเงินสินบน ขอรับเงิน ค่าธรรมเนียมคืน - ให้งานหมายสีกรณีจะต้องมีการออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด - ให้งานหมายขาว กรณีออกหมายบังคับคดี - ให้งานประชาสัมพันธ์ กรณียื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว บังคับคดีนายประกันถอนหลักทรัพย์ - ค้นหาสำนวนให้ผู้พิพากษา พนักงานคุมประพฤติ เจ้าพนักงานบังคับคดี - บันทึกในสมุดส่งสำนวนงานต่าง ๆ ให้เจ้าหน้าที่งานนั้น ๆ ลงลายมือชื่อรับสำนวน และบันทึกส่ง สำนวนในคอมพิวเตอร์
4 การเตรียมสำนวนเสนอศาลก่อนวันนัด 1. พิมพ์บัญชีส่งสำนวน 2 ชุด 1 ชุดเพื่อการตรวจสอบ อีก 1 ชุดให้มีผู้ลงชื่อรับสำนวนและจัดเก็บ เข้าแฟ้มส่งสำนวนไว้เป็นหลักฐาน ก่อนวันนัด 10 วันทำการ 2. รวบรวมสำนวนส่งให้งานศูนย์หน้าบัลลังก์เพื่อตรวจสอบและดำเนินการต่อไป ข. การเก็บสำนวนที่พิจารณาเสร็จแล้ว หรือหลังมีคำพิพากษา สำนวนที่พิจารณาเสร็จแล้ว หมายถึง สำนวนที่พิจารณาเสร็จและมีการออกเป็นคดีหมายเลขแดง แล้ว อาจแยกขั้นตอนได้ดังนี้คือ การตรวจรับสำนวน และการจัดเก็บ - ตรวจรับสำนวนคดีทุกประเภท ที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งแล้ว จากงานรับฟ้อง และงาน พิมพ์คำพิพากษา จัดเก็บทะเบียนรับสำนวนในแฟ้มคุมใบรับสำนวนในแฟ้ม - จัดเตรียมสำนวนคดีอาญารออัยการโจทก์ลงชื่อ กรณีอัยการโจทก์ยังไม่ลงชื่อในรายงานกระบวน พิจารณาและหน้าปกสำนวนให้กลุ่มงานช่วยพิจารณาคดีดำเนินการ บันทึกการส่งสำนวนในคอมพิวเตอร์ และลงสมุดส่งสำนวนให้งานนั้นลงชื่อรับ - กรณีที่งานอื่น ๆ ยังปฏิบัติไม่เรียบร้อยให้ส่งคืนงานนั้น ๆ - ตรวจรับคำคู่ความ คำร้อง คำขอ คำแถลงและนำใบเสร็จรับเงินจากงานการเงิน นำเสนอศาล พร้อมสำนวนเพื่อมีคำสั่ง - ตรวจรับผลการส่งหมายจากเจ้าหน้าที่ศาลและผลการส่งหมายข้ามเขตจากงานสารบรรณ - ค้นหาสำนวนให้งานแผนกอื่น ๆ และคู่ความที่มาขอตรวจสำนวน - ดูแลสำนวนให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย และระวังมิให้เกิดการชำรุดเสียหาย - จัดเก็บและรับผิดชอบสำนวนคดีนับแต่ออกหมายเลขคดีแดงแล้วจนกระทั่งปลดทำลายสำนวน ตามระเบียบ - ในกรณีที่สำนวนคดีแดง มีอุทธรณ์ – ฎีกา ให้จัดส่งสำนวนไปยังงานอุทธรณ์ – ฎีกา - รับหนังสือราชการที่เกี่ยวข้องกับงานคดีแดงจากงานสารบรรณ ค้นหาสำนวน ประทานเสนอ หนังสือ แล้วนำเสนอศาลเพื่อมีคำสั่ง - จัดเก็บสำนวนโดยแยกสำนวนคดีที่อยู่ระหว่างพิจารณา กับสำนวนคดีที่พิจารณาเสร็จแล้ว แต่ จะต้องมีการปฏิบัติงานอื่นต่อ เช่น สำนวนอยู่ระหว่างบังคับคดี ปรับนายประกัน หมายจับ ชำระเงินเป็น งวด อยู่ระหว่างผ่อนชำระ - ปฏิบัติงานอื่นที่เกี่ยวกับสำนวนคดีแดงตามที่ได้รับมอบหมาย ขั้นตอนการปฏิบัติงานเก็บสำนวนที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งแล้ว 1. การตรวจรับ ก. ตรวจรับสำนวน ในกรณีที่ - ตรวจรับสำนวนจากงานสารบบคำพิพากษา - ตรวจรับสำนวนจากงานสารบรรณ เมื่อปฏิบัติตามคำสั่งศาลเสร็จแล้ว
5 - ตรวจรับสำนวนจากงานบัญชีและการเงิน ในกรณีมีการถอนประกัน และงาน ประชาสัมพันธ์กรณีปรับนายประกัน - ตรวจรับสำนวนจากงานอื่น เช่น งานหมาย งานพิมพ์คำพิพากษา ข. ตรวจรับคำร้อง เอกสาร และหนังสือต่าง ๆ - ตรวจรับคำร้อง คำแถลงจากคู่ความ - ตรวจรับหนังสือจากสำนักงานคุมประพฤติ - ตรวจรับหนังสือหรือเอกสารต่าง ๆ จากงานสารบรรณ - ตรวจรับคำร้องขอลดค่าปรับ คำร้องขอรับเงิน ฯลฯ จากงานการเงิน - ตรวจรับคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ - ฎีกา ของคู่ความ 2. การจัดเก็บ การจัดเก็บสำนวน - เมื่อตรวจรับสำนวนถูกต้องแล้ว นำสำนวนมาแยกประเภทของคดี เช่น คดีแพ่ง คดีอาญา และคดีผู้บริโภค - นำสำนวนมาเรียงหมายเลขคดี ตามหมายเลขคดีแดง และตามประเภทของคดีแล้วนำ สำนวนทำการแยกเก็บสำนวนแต่ละประเภท ให้เรียงซ้อนไว้เป็นตั้งในชั้นที่จัดเก็บเป็นช่อง ๆ เรียง ตามลำดับหมายเลขคดี 3. การค้นหา 1. การค้นหาสำนวนเพื่อเสนอศาล - รับคำร้อง คำแถลงจากคู่ความหรืองานอื่น รับหนังสือต่าง ๆ จากงานสารบรรณแล้วนำ คำร้องมาแยกประเภทคดี - ค้นหาสำนวน ลงคอมพิวเตอร์ นำเสนอศาลสั่ง 2. ค้นหาสำนวนเมื่อคู่ความหรือผู้มีส่วนได้เสียขอคัดหรือตรวจดูสำนวน - ให้ผู้ขอเขียนหมายเลขคดี หรือชื่อโจทก์ จำเลย ลงในแบบฟอร์มขอดูสำนวน ที่จัดเตรียมไว้ หรือกระดาษโน๊ตที่คู่ความจัดทำไว้ - เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบหมายเลขคดีแล้ว ให้ค้นหาสำนวนตามช่องที่จัดเก็บแล้วนำสำนวน มาให้ผู้ขอคัดหรือขอตรวจดู ในกรณีขอคัดถ่ายสำนวนให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูและส่งให้เจ้าหน้าที่ถ่ายเอกสาร ดำเนินการถ่ายเมื่อตรวจดูหรือคัดถ่ายเสร็จแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ตรวจความเรียบร้อยของสำนวนก่อนนำเข้า เก็บตามช่องเดิม 3. ค้นหาสำนวนให้งานอื่นรับไปปฏิบัติ - ค้นหาสำนวนให้งานอุทธรณ์ – ฎีกา เพื่อนำเสนอคำฟ้องอุทธรณ์หรือฎีกา - ค้นหาสำนวนให้งานบัญชีและการเงิน เพื่อเสนอขอรับเงินค่ารางวัลทนายหรือขอรับเงิน อื่น ๆ - ค้นหาสำนวนกรณีคู่ความขอรับเอกสารคืน - ค้นหาสำนวนให้งานอื่น เช่น งานสารบรรณ งานพิมพ์คำพิพากษา
6 การนำเสนอสำนวนต่อศาล การเสนอคำร้อง คำแถลง หรือหนังสือ - เมื่อค้นหาสำนวนได้แล้ว นำมาบันทึกลงคอมพิวเตอร์ พร้อมทั้งดำเนินการสแกนเอกสาร - นำสำนวนพร้อมคำร้อง คำแถลง หรือหนังสือเสนอศาลเพื่อมีคำสั่ง การติดตามผล และปฏิบัติตามคำสั่งศาล - เจ้าหน้าที่ติดตามเก็บรวบรวมสำนวนที่ศาลมีคำสั่งแล้วมาตรวจดูคำสั่ง ลงรับสำนวนและคำสั่งใน คอมพิวเตอร์ แล้วแยกส่งไปให้งานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ - ก่อนส่งสำนวนไปให้งานที่เกี่ยวข้อง ให้ลงสมุดคุมและบันทึกการส่งสำนวน ในคอมพิวเตอร์พร้อม ทั้งให้งานที่เกี่ยวข้องลงชื่อผู้รับสำนวนด้วย - สำนวนความที่ศาลมีคำสั่ง แต่ไม่ต้องปฏิบัติอย่างใดแล้วให้จัดเก็บในช่องจัดเก็บเหมือนเดิม งานเอกสารแยกเก็บ - ตรวจเอกสารและวัตถุพยานที่ศาลสั่งแยกเก็บ ให้ครบถ้วน - ลงเลขเอกสารแยกเก็บและวัตถุพยานใหม่หรือลงรายการเอกสารแยกเก็บและวัตถุพยานเพิ่ม (ที่มี เลขแยกเก็บแล้ว) ในสมุดคุม พร้อมลงสารบาญเอกสารและจัดเก็บใส่ซอง - จัดเก็บเอกสารแยกเก็บใส่ซอง เรียงเข้าชั้นหรือตู้ ในแต่ละปี - จัดทำการลงสมุดควบคุม การรับและเบิกเอกสาร ตามเอกสารแนบท้าย 3 ขั้นตอนการลงทะเบียนคุมการรับสำนวนในเครื่องคอมพิวเตอร์ การรับสำนวน 1. เปิดโปรแกรมห้องเก็บสำนวน จะปรากฏหน้าจอต่าง ๆ เลือกใช้แต่ละเมนูที่เกี่ยวข้อง
7 2. ในช่องเลือกงาน ให้เลือกรับสำนวน เพื่อจัดเก็บในรูปแบบต่างๆ ทำให้งานต่อการหาสำนวนโดย การใส่รายละเอียดแหล่งข้อมูลที่จัดเก็บ เช่น จัดเก็บ (ทั่วไป แดงนิ่ง) จัดเก็บความนัด (คดีมีนัด) เป็นต้น 3. กรณีการรับสำนวนที่ส่งมาห้องเก็บสำนวนในระบบ ตรวจดูสำนวนกับหมายเลขคดีที่ปรากฏขึ้นใน ระบบว่าตรงกันหรือไม่ หากถูกต้องให้เลือกรับสำนวน
8 4. การรับสำนวนด้วยบาร์โค๊ด เพื่อเพิ่มความรวดเร็ว ในกรณีที่มีสำนวนจำนวนมาก ให้เปลี่ยน แป้นพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษก่อน เมื่อยิงเครื่องบาร์โค๊ดแล้ว จะปรากฏเลขคดีและรายละเอียดข้อมูลคดีตาม ภาพที่ 2 เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง
9 การส่งสำนวน 1.เปิดโปรแกรมห้องสำนวน ในช่องเลือกงาน ส่งสำนวนไปที่แผนกอื่น 2. ช่องส่งสำนวนไปที่แผนกอื่น กรอกคดีหมายเลขดำ กด Enter โปรแกรมจะเปิด หน้าต่างสำนวนออกจากห้องสำนวน ให้ระบุชื่อผู้รับสำนวน กรอกการส่งสำนวนไปเพื่ออะไร จากนั้นกดปุ่ม ส่ง ระบบจะแจ้งว่า ออกแล้ว หากมีสำนวนอื่นที่ต้องการส่งสำนวนออกอีกสามารถค้นหาสำนวนต่อไป หากไม่มีให้กดที่ปุ่มปิด
10
11 การค้นหาสำนวนกรณีต้องการทราบรายละเอียดของข้อมูลบางอย่าง 1. การค้นหาสำนวนเมื่อมีคู่ความหรือผู้มีส่วนได้เสียในคดีขอตรวจดูสำนวน โดยต้องการทราบ รายละเอียดบางอย่าง ต้องค้นหาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้ 1. เปิดโปรแกรมระบบบริการข้อมูลคดี เลือก ค้นหาข้อมูลคดี 2. สามารถระบุหมายเลขคดีดำ หรือหมายเลขคดีแดง หรือชื่อคู่ความได้เท่าที่ทราบ แล้ว กดค้นหา จะปรากฏข้อมูลคดีที่เกี่ยวข้อง ดังภาพที่สอง
12 2. หากต้องการทราบว่าสำนวนอยู่ที่ใด ให้กดปุ่มเลือกช่องเมนูประวัติการรับ-ส่งสำนวน
13 4. ในกรณีที่ทราบแต่ชื่อจำเลย แต่ต้องการทราบหมายเลขคดี ให้กรอกข้อมูลในช่อง “ชื่อหรือนามสกุลจำเลย” หรือ ถ้าทราบชื่อโจทก์ให้กรอกข้อมูลในช่อง “ชื่อหรือนามสกุลโจทก์” โดยใส่แต่ ชื่ออย่างเดียว หรือใส่ทั้งชื่อและนามสกุลก็ได้ (หากทราบรายละเอียดมากก็จะทำให้ค้นหาได้รวดเร็วขึ้น) จะปรากฏหน้าจอ
14 5. หากต้องการทราบว่าสำนวนอยู่ที่ใด ให้กดปุ่มเลือกหน้าหมายเลขคดี และกดปุ่มระบบ ติดตามสำนวน จะปรากฏหน้าจอ ดังนี้ จะปรากฏหน้าจอ
15 การลงคำสั่งศาล - เปิดโปรแกรมห้องสำนวน เลือกเมนูระบบคำคู่ความ (ลงคำสั่ง) เลือกบันทึกคำคู่ความ 1. ชื่อประเภทคำคู่ความ 2. ผู้ยื่น 3. รายละเอียดคำสั่ง
16 4. คำสั่งเพิ่มเติม 5. ชื่อท่านผู้พิพากษา 6. วันที่ยื่น วันที่ออกคำสั่ง วันที่รับคำร้อง 7. กดบันทึก การตรวจสอบความเคลื่อนไหวของสำนวน เมื่อต้องการทราบว่าสำนวนแต่ละสำนวนขณะนี้อยู่ที่งานใด ให้เข้าเมนูระบบเก็ยสำนวนคดี เลือก ประวัติการรับ-ส่ง จะปรากฏหน้าจอ ดังนี้
17 ขั้นตอนการจ่ายสำนวนให้ศูนย์หน้าบัลลังก์ล่วงหน้า 1. จัดทำบัญชีลอยโดยเข้าไปที่โปรแกรมระบบเก็บสำนวนคดีและไปที่บัญชีนัดบัญชีนัดพิจารณาคดี บัญชีเสนอจ่ายสำนวนเช้า/บ่าย เลือกวันนัด เลือกช่วงเวลา เช่น วันที่ 22 มกราคม 2567 ให้พิมพ์ จะปรากฏหน้าจอดังนี้
18
19 การปลดทำลายสำนวน การดำเนินการปลดทำลายสำนวนความและเอกสาร การปลดทำลายสำนวนความและเอกสารให้ถือปฏิบัติเป็นประจำภายในเดือนมิถุนายนของทุกปี หากปีใดไม่มีสำนวนความหรือเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องปลดทำลายให้มีหนังสือรายงานแจ้งให้สำนักงานศาล ยุติธรรมหรือสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาคทราบด้วย โดยมีขั้นตอนการดำเนินการดังต่อไปนี้ (ตาม เอกสารแนบท้ายหมายเลข 3 ถึง 11) 1. ให้ข้าราชการศาลยุติธรรมที่รับผิดชอบดำเนินการสำรวจและจัดทำบัญชีคุมสำนวนความและ เอกสารที่ครบกำหนดต้องปลดทำลายตามระเบียบฯ รายงานต่อผู้อำนวยการฯทราบ 2. ให้ผู้อำนวยการฯรายงานต่อหัวหน้าส่วนราชการศาลยุติธรรม เพื่อมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ ดำเนินการปลดทำลายสำนวนความและเอกสาร 3. ให้คณะกรรมการดำเนินการปลดทำลายสำนวนความและเอกสารดำเนินการ ดังนี้ 3.1 จัดให้มีการดำเนินการปลดทำลายสำนวนความและเอกสาร 3.2 จัดทำบัญชีการปลดทำลายสำนวนความและเอกสาร ว่าได้ดำเนินการปลดทำลายรวมกี่ สำนวน โดยให้คณะกรรมการฯ ที่ได้รับแต่งตั้งลงชื่อในบัญชีการปลดทำลายสำนวนความและเอกสาร 3.3 จัดทำรายงานเสนอหัวหน้าส่วนราชการศาลยุติธรรมผู้สั่งให้ดำเนินการปลดทำลาย สำนวนความและเอกสาร พร้อมแนบบัญชีการปลดทำลายสำนวนความและเอกสาร 3.4 จัดทำหนังสือรายงานสำนักงานศาลยุติธรรมหรือสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาคทราบ แล้วแต่กรณีภายในเดือนมิถุนายนของทุกปี 3.5 รวบรวมคำพิพากษา หรือคำสั่ง และเอกสารอื่นที่ต้องเก็บไว้ตามระเบียบ โดยเก็บเรียง ตามหมายเลขคดีแต่ละปีไว้ในที่เก็บแยกต่างหากจากสำนวนอื่น หากคดีใดยังไม่สามารถปลดทำลายสำนวน ความหรือเอกสารได้ให้ระบุเป็นหมายเหตุด้วยว่าเพราะเหตุใด เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบและค้นหา และลงชื่อผู้ปลดทำลายสำนวนความและเอกสารไว้ด้วย กรณีเอกสารใดที่เป็นต้นฉบับโฉนดที่ดิน แผนที่ พิพาท สำนวนการสอบสวน สำนวนที่ยืมมาจากหน่วยงานอื่น สมุดบัญชีเงินฝาก และเอกสารอื่น ๆ ที่เก็บไว้ ตามระเบียบให้เก็บไว้เพื่อส่งคืนเจ้าของ หรือส่งคืนหน่วยงานที่ส่งมา หรือรอผู้มารับคืน ส่วนเอกสาร นอกเหนือจากที่กล่าวมาให้ทำลายเสีย การจัดทำบัญชีการปลดทำลายสำนวนความและเอกสาร ประเภทต่าง ๆ ดังนี้ 1. บัญชีการปลดทำลายสำนวนความในคดีไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทเมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว ที่มีอายุเกินกว่า 1 ปี 1.1 ช่องรายการ 1.1.1 ให้แสดงสำนวนความทั้งหมด หมายถึง สำนวนความ คดีไกล่เกลี่ยฯ ที่เข้าสู่ ศูนย์ไกล่เกลี่ยทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา เมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว และมีอายุเกินกว่า 1 ปีให้ทำลายเสียทั้งสิ้น (ตามระเบียบฯ ข้อ 10 และ ข้อ 18) 1.1.2 สำนวนความที่ยังไม่ได้ปลดทำลาย หมายถึง สำนวนความที่ถึงกำหนด จะต้องปลดทำลาย ในครั้งนี้แต่ยังปลดทำลายไม่ได้โดยเหตุผลอื่น ให้ระบุเหตุที่ยังปลดทำลายไม่ได้ ไว้ด้วย เช่น เป็นสำนวนความที่ยังค้นหาไม่พบ หรือยังต้องใช้ประกอบการพิจารณาคดีอื่น เป็นต้น
20 1.2 ช่องหมายเลขคดี ใส่หมายเลขคดี หากเป็นคดีที่มีหมายเลขแดงแล้ว ให้ใส่หมายเลขคดี แดง 1.3 ช่องรวมจำนวนคดี ให้ระบุจำนวนของคดีแต่ละประเภท 1.4 ช่องหมายเหตุ ใส่เหตุผลต่าง ๆ ตัวอย่าง บัญชีการปลดทำลายสำนวนความในคดีไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท 1. บัญชีการปลดทำลายสำนวนความในคดีไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท เมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว ที่มีอายุเกินกว่า 1 ปี ศาล..................................ปลดทำลาย เมื่อวันที่.........เดือน .....................พ.ศ.......... รายการ หมายเลขคดี รวมจำนวนคดี หมายเหตุ 1. สำนวนความทั้งหมด 2. สำนวนความที่ยังไม่ได้ ปลดทำลาย (ระบุเหตุผล ในช่องหมายเหตุ) 2. บัญชีการปลดทำลายเอกสารเกี่ยวกับคดีประเด็นที่สืบเสร็จ ที่มีอายุเกินกว่า 5 ปี เป็นบัญชีแสดง การปลดทำลายเอกสารต่าง ๆ เช่น หนังสือนำส่งเกี่ยวกับคดีประเด็นที่ศาลอื่นส่งมาให้ สืบพยานแทน เมื่อสืบ เสร็จและมีอายุเกินกว่า 5 ปีหากไม่มีที่เก็บให้ทำลายเสียได้ (ตามระเบียบฯ ข้อ9และข้อ17) 2.1 ช่องรายการ ให้ระบุว่าเป็นคดีประเด็นประเภทใดและส่งมาจากศาลใด 2.2 ช่องหมายเลขคดีใส่หมายเลขคดีประเด็นที่ปลดทำลาย 2.3 ช่องรวมจำนวนคดีให้ระบุจำนวนของคดีประเด็นที่ปลดทำลายตามประเภท 2.4 ช่องหมายเหตุ ใส่เหตุผลต่าง ๆ หมายเหตุต้นฉบับเอกสารที่คู่ความอ้าง ให้เก็บรักษาไว้เพื่อส่งคืนแก่คู่ความ
21 ตัวอย่าง บัญชีการปลดทำลายเอกสาร เกี่ยวกับคดีประเด็นที่สืบเสร็จ ที่มีอายุเกินกว่า 5 ปี 2. บัญชีการปลดทำลายเอกสาร เกี่ยวกับคดีประเด็นที่สืบเสร็จ ที่มีอายุเกินกว่า 5 ปี ศาล.......................ปลดทำลาย เมื่อวันที่........เดือน..............พ.ศ.......... รายการ หมายเลขคดี ของศาลเดิม หมายเลขคดี ของศาลนี้ รวมจำนวนคดี หมายเหตุ 1. ประเด็นคดีแพ่ง ศาล.................. 2. คดีอาญา ศาล................. 3. บัญชีการปลดทำลายสำนวนความในคดีแพ่ง อันถึงที่สุดเกินกว่า 10 ปี 3.1 ช่องรายการ 3.1.1ให้แสดงสำนวนความทั้งหมด หมายถึง สำนวนความคดีแพ่ง หมายเลข แดงทั้งหมดของปีที่จะปลดทำลาย 3.1.2 สำนวนความคดีมโนสาเร่ หมายถึง สำนวนความคดีมโนสาเร่ อันถึง ที่สุดเกินกว่า10 ปีให้ทำลายทั้งสำนวน (ตามระเบียบฯ ข้อ 8) 3.1.3 สำนวนความที่พิพาทกันเรื่องที่ดิน ให้เก็บรักษาไว้แต่พยานเอกสาร แผนที่ คำพิพากษาหรือคำสั่ง และคำบังคับ นอกนั้นให้ทำลาย สำหรับเอกสารส่วนที่เก็บรักษาไว้นี้ต้องเก็บรักษาไว้ ตลอดไป จะทำลายไม่ได้(ตามระเบียบฯ ข้อ 7 (1)) 3.1.4 สำนวนความคดีที่มีคำขอให้ออกคำบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่งมาตรา 309 ตรีหมายถึง สำนวนคดีที่ศาลมีคำสั่งให้ออกคำบังคับตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ตรี(คดีบ.) อันถึงที่สุดเกินกว่า 10 ปีให้เก็บรักษาไว้แต่เฉพาะคำบังคับ นอกนั้น ให้ทำลายเสีย สำหรับเอกสารที่เก็บรักษาไว้นี้ต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปอีก 10 ปีแล้วจึงทำลาย เสียทั้งสิ้น (ตาม ระเบียบฯ ข้อ 7 (2)) 3.1.5 สำนวนความหรือเอกสารใดที่เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมหรือหัวหน้า ส่วนราชการศาลยุติธรรมมีคำสั่งให้เก็บรักษาไว้หมายถึง กรณีที่เลขาธิการสำนักงาน ศาลยุติธรรมหรือ หัวหน้าส่วนราชการศาลยุติธรรมมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดให้ดำเนินการเกี่ยวกับสำนวนความหรือเอกสาร เรื่องใด ก็ให้ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น (ระเบียบฯ ข้อ 22)
22 3.1.6 สำนวนความที่ยังไม่ได้ปลดทำลาย หมายถึง สำนวนความที่ถึงกำหนด จะต้องปลดทำลายในครั้งนี้แต่ยังปลดทำลายไม่ได้โดยเหตุผลอื่น ให้ระบุเหตุที่ยังปลดทำลายไม่ได้ ไว้ ด้วย เช่น เป็นสำนวนความที่ยังค้นหาไม่พบ หรือยังต้องใช้ประกอบการพิจารณาคดีอื่น เป็นต้น 3.2 ช่องหมายเลขคดี ใส่หมายเลขคดีแดงที่ปลดทำลาย 3.3 ช่องรวมจำนวนคดีให้ระบุจำนวนของคดีที่ปลดทำลายตามประเภท 3.4 ช่องหมายเหตุ ใส่เหตุผลต่าง ๆ ตัวอย่าง บัญชีการปลดทำลายสำนวนความในคดีแพ่ง อันถึงที่สุดเกินกว่า 10 ปี 3. บัญชีการปลดทำลายสำนวนความในคดีแพ่ง อันถึงที่สุดเกินกว่า 10 ปี ศาล..................................ปลดทำลาย เมื่อวันที่.........เดือน .....................พ.ศ.......... รายการ หมายเลขคดี รวมจำนวนคดี หมายเหตุ 1. สำนวนความทั้งหมด 2. สำนวนความคดีมโนสาเร่ 3. สำนวนความคดีที่พิพาทกัน เรื่องที่ดิน 4. สำนวนความคดีที่มีคำ ขอให้ออกคำบังคับ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๓๐๙ ตรี 5. สำนวนความหรือเอกสารใดที่ เลขาธิการฯ หรือหัวหน้า ส่วนราชการมีคำสั่งเป็น อย่างอื่น 6. สำนวนความที่ยังไม่ได้ ปลดทำลาย (ระบุเหตุผล ในช่องหมายเหตุ) 4. บัญชีการปลดทำลายสำนวนความในคดีอาญา อันถึงที่สุดเกินกว่า 10 ปี 4.1 ช่องรายการ 4.1.1 ให้แสดงสำนวนความทั้งหมด หมายถึง สำนวนความคดีอาญา หมายเลขแดง ทั้งหมดของปีที่จะปลดทำลาย 4.1.2 สำนวนความคดีเรื่องบุกรุกที่ดิน ให้เก็บรักษาไว้แต่พยานเอกสาร แผนที่และคำ พิพากษาหรือคำสั่ง ในกรณีที่มีการถอนฟ้อง ให้เก็บรักษาคำสั่งศาลที่อนุญาตให้ ถอนฟ้องไว้ด้วยนอกนั้นให้ ทำลาย สำหรับเอกสารส่วนที่เก็บรักษาไว้นี้ต้องเก็บรักษาไว้ตลอดไป จะทำลายไม่ได้ (ตามระเบียบฯ ข้อ 13 (1))
23 4.1.3 สำนวนความคดีที่เก็บรักษาไว้ทั้งสำนวนจนกว่าคดีจะขาดอายุความตามกฎหมาย หมายถึง สำนวนความที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย และปรากฏตามฟ้องว่าจำเลยร่วมกระทำความผิดกับบุคคล อื่น ซึ่งคดียังอยู่ในอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 (1) และ (2) แต่ยังจับตัวผู้ร่วม กระทำความผิดไม่ได้และสำนวนความที่ศาลยังไม่ได้พิจารณาพิพากษา เพราะจำเลยหลบหนีหรือยังไม่ได้ ตัวจำเลยมาศาล ให้เก็บรักษาไว้ทั้งสำนวน ไปจนกว่าคดีจะขาดอายุความตามกฎหมาย แล้วจึงทำลายเสีย (ตามระเบียบฯ ข้อ 13 (2)) 4.1.4 สำนวนความคดีเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ พระบรมวงศานุวงศ์และคดี สำคัญที่ประชาชนสนใจ ให้ข้าราชการศาลยุติธรรมผู้มีหน้าที่รับผิดชอบหรือคณะกรรมการดำเนินการปลด ทำลายสำนวนความจัดทำบันทึกเสนอหัวหน้าส่วนราชการศาลยุติธรรม เพื่อมีคำสั่งให้เก็บรักษาไว้ต่อไปหรือ ปลดทำลายตามที่เห็นสมควร (ตามระเบียบฯ ข้อ 13 (3)) 4.1.5 สำนวนความคดีที่มีการถอนฟ้อง หมายถึง สำนวนความเรื่องใดที่มีการถอน ฟ้อง ให้เก็บรักษาคำสั่งศาลที่อนุญาตให้ถอนฟ้องไว้ด้วย สำหรับเอกสารส่วนที่เก็บรักษานี้ ต้องเก็บรักษาไว้ ตลอดไป จะทำลายไม่ได้(ตามระเบียบฯ ข้อ 13 (4)) 4.1.6 สำนวนความคดีที่จำเลยต้องโทษจำคุกหรือประหารชีวิต หมายถึง สำนวน ความเรื่องใดที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกหรือประหารชีวิตจำเลย ให้เก็บรักษา หมายแจ้งโทษไว้ ด้วย สำหรับเอกสารส่วนที่เก็บรักษานี้ต้องเก็บรักษาไว้ตลอดไป จะทำลายไม่ได้(ตามระเบียบฯ ข้อ 13 (5)) 4.1.6 สำนวนความคดีเรื่องการบังคับคดีกับนายประกัน ตามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญา มาตรา 119 ที่มีอายุเกินกว่า ๑๐ ปีนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง ปรับนายประกัน ให้เก็บ รักษาไว้แต่เฉพาะหมายบังคับคดีนอกนั้นให้ทำลายเสีย สำหรับเอกสารส่วนที่เก็บรักษาไว้นี้ให้เก็บรักษาไว้ ต่อไปอีก 10 ปีแล้วจึงทำลายเสียทั้งสิ้น (ตามระเบียบฯ ข้อ 14) 4.1.7 สำนวนความหรือเอกสารใดที่เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมหรือหัวหน้า ส่วนราชการศาลยุติธรรมมีคำสั่งให้เก็บรักษาไว้หมายถึง กรณีที่เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมหรือ หัวหน้าส่วนราชการศาลยุติธรรมมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดให้ดำเนินการเกี่ยวกับสำนวนความหรือเอกสาร เรื่องใด ก็ให้ปฏิบัติตามคำสั่งนั้น (ระเบียบฯ ข้อ 22) 4.1.8 สำนวนความที่ยังไม่ได้ปลดทำลาย หมายถึง สำนวนความที่ถึงกำหนดจะต้อง ปลดทำลายในครั้งนี้แต่ยังปลดทำลายไม่ได้โดยเหตุอื่น ให้ระบุเหตุที่ยังปลดทำลายไม่ได้ ไว้ด้วย เช่น เป็น สำนวนความที่ยังค้นหาไม่พบ หรือยังต้องใช้ประกอบการพิจารณาคดีอื่น เป็นต้น 4.2 ช่องหมายเลขคดี ใส่หมายเลขคดีแดงที่ปลดทำลาย 4.3 ช่องรวมจำนวนคดีให้ระบุจำนวนของคดีที่ปลดทำลายตามประเภท 4.4 ช่องหมายเหตุ ใส่เหตุผลต่าง ๆ
24 ตัวอย่าง บัญชีการปลดทำลายสำนวนความในคดีอาญา อันถึงที่สุดเกินกว่า 10 ปี 4. บัญชีการปลดทำลายสำนวนความในคดีอาญา อันถึงที่สุดเกินกว่า 10 ปี ศาล....................ปลดทำลาย เมื่อวันที่.........เดือน.................พ.ศ.......... รายการ หมายเลขคดี รวมจำนวนคดี หมายเหตุ 1. สำนวนความทั้งหมด 2. สำนวนความคดีเรื่องบุกรุกที่ดิน 3. สำนวนความคดีที่เก็บรักษาไว้ ทั้งสำนวนจนกว่าคดีจะขาด อายุความตามกฎหมาย 4. สำนวนความคดีเรื่องเกี่ยวกับ ความมั่นคงของรัฐ พระบรม วงศานุวงศ์และคดีสำคัญที่ ประชาชนสนใจ 5. สำนวนความคดีเรื่องเกี่ยวกับ การบังคับคดีนายประกัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 119 6. สำนวนความหรือเอกสารใด ที่เลขาธิการฯ หรือหัวหน้าส่วน ราชการมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น 7. สำนวนความที่ยังไม่ได้ ปลดทำลาย (ระบุเหตุผลในช่อง หมายเหตุ) 5. บัญชีการปลดทำลายสำนวนฝากขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวน หรือสำนวนความ เรื่องการ ขอออกหมายจับ หรือหมายค้น ที่มีอายุเกินกว่า 5 ปีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา สำนวนไต่สวน หรือมีคำสั่งหรือมีการดำเนินการตามกฎหมายอื่น ที่มีอายุเกินกว่า 5 ปีให้ทำลายทั้งสำนวน (ตามระเบียบฯ ข้อ 15 และ ข้อ 16) 5.1 ช่องรายการ 5.1.1 ให้แสดงสำนวนฝากขังหรือสำนวนออกหมายจับหรือหมายค้นทั้งหมด หมายถึง สำนวนฝากขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวน หรือสำนวนที่มีการขอให้ศาลออกหมายจับหรือหมายค้น ที่มีอายุเกินกว่า 5 ปีและถึงกำหนดปลดทำลายในครั้งนี้
25 5.1.2 สำนวนฝากขังหรือสำนวนออกหมายจับหรือหมายค้นที่ปลดทำลาย ในครั้ง นี้ 5.1.3 สำนวนฝากขังหรือสำนวนออกหมายจับหรือหมายค้นที่ยังไม่ได้ปลดทำลาย หมายถึง สำนวนฝากขังหรือสำนวนออกหมายจับหรือหมายค้นที่ถึงกำหนดจะต้อง ปลดทำลายในครั้ง นี้แต่ยังปลดทำลายไม่ได้โดยเหตุอื่น โปรดระบุเหตุที่ยังปลดทำลายไม่ได้ไว้ด้วย เช่น เป็นสำนวนฝากขัง หรือสำนวนออกหมายจับหรือหมายค้นที่ยังค้นหาไม่พบ เป็นต้น 5.2 ช่องหมายเลขคดี ให้ระบุหมายเลขคดีชั้นฝากขัง หรือเลขที่หมายจับหรือ หมายค้น ที่ปลดทำลาย แล้วแต่กรณี 5.3 ช่องรวมจำนวนคดี ให้ระบุจำนวนของคดีที่ปลดทำลายตามประเภท 5.4 ช่องหมายเหตุ ใส่เหตุผลต่าง ๆ หมายเหตุสำนวนฝากขังหรือสำนวนออกหมายจับหรือหมายค้นที่รวมอยู่ในสำนวนคดีอาญา ให้ปลด ทำลายและรายงานการปลดทำลายพร้อมกับสำนวนคดีอาญาที่รวมอยู่ด้วย โดยถือว่า เป็นส่วนหนึ่งของ สำนวนคดีอาญาที่รวมอยู่ด้วยนั้น ทั้งนี้แม้จะมีผู้ต้องหาในชั้นฝากขังหรือ มีการขอออกหมายจับ หรือหมายค้นหลายคนแต่มีการฟ้องผู้ต้องหาบางคนเป็นจำเลยเท่านั้นก็ตาม และสำนวนฝากขังหรือออก หมายจับหรือหมายค้นดังกล่าวนี้ไม่ต้องระบุไว้ในบัญชีนี้ ตัวอย่าง บัญชีการปลดทำลายสำนวนฝากขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวน หรือสำนวนความ 5. บัญชีการปลดทำลายสำนวนฝากขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวน หรือสำนวนความ เรื่องการขอหมายจับหรือหมายค้น ที่มีอายุเกินกว่า 5 ปี ศาล............................ปลดทำลาย เมื่อวันที่.........เดือน........................พ.ศ.......... รายการ หมายเลขคดี รวมจำนวนคดี หมายเหตุ 1. สำนวนฝากขังทั้งหมด 2. สำนวนฝากขังที่ปลด ทำลายในครั้งนี้ 3 . สำนวนฝากขังที่ยังไม่ได้ปลด ทำลาย (ระบุเหตุผลในช่องหมายเหตุ) 4. สำนวนความคดีเรื่องการ ขอหมายจับทั้งหมด 5. สำนวนความคดีเรื่องการ ขอหมายจับที่ปลดทำลายในครั้งนี้ 6. สำนวนความคดีเรื่องการขอ หมายจับที่ยังไม่ได้ปลดทำลาย (ระบุเหตุผลในช่องหมายเหตุ)
26 7. สำนวนความคดีเรื่องการขอ หมายค้นทั้งหมด 8. สำนวนความคดีเรื่องการขอ หมายค้นที่ปลดทำลายในครั้งนี้ 9. สำนวนความคดีเรื่องการ ขอหมายค้นที่ยังไม่ได้ปลดปลด ทำลาย (ระบุเหตุในช่องหมายเหตุ) 6. บัญชีการปลดทำลายสำนวนความที่ค้างปลดทำลาย การปลดทำลายสำนวนความที่ค้างปลด ทำลาย หมายถึง สำนวนความคดีแพ่ง สำนวนความคดีอาญา สำนวนฝากขัง สำนวน ออกหมายจับ หรือหมายค้น ที่ถึงกำหนดจะต้องปลดทำลายแล้ว แต่มิได้ปลดทำลายตามระเบียบฯ ซึ่งสำนวนดังกล่าวนี้ อาจปลดทำลายได้ทั้งสำนวนหรือบางส่วนแล้วแต่กรณี 6.1 ช่องรายการ 6.1.1 ให้ระบุประเภทคดีเช่น คดีแพ่ง คดีมโนสาเร่ คดีแพ่งที่พิพาทกัน เรื่อง ที่ดิน คดีอาญาเรื่องบุกรุกที่ดิน คดีอาญาเรื่องอื่น ๆ เป็นต้น 6.2 ช่องเหตุที่ค้างปลด ให้ระบุเหตุผลที่มิได้ปลดทำลายตามระเบียบฯ 6.3 ช่องรวมจำนวนคดี ให้ระบุจำนวนของคดีที่ปลดทำลายตามประเภท 6.4 ช่องหมายเหตุ ใส่เหตุผลต่าง ๆ หรือกรณีที่มีเรื่องพิเศษอื่นๆ ที่ต้องการจะบันทึกให้ใส่ไว้ ในช่องนี้ ตัวอย่าง บัญชีการปลดทำลายสำนวนความที่ค้างปลดทำลาย ๖. บัญชีการปลดทำลายสำนวนความที่ค้างปลดทำลาย ศาล........................ปลดทำลาย เมื่อวันที่........เดือน.........................พ.ศ.......... รายการ หมายเลขคดี เหตุที่ค้างปลด รวมจำนวนคดี หมายเหตุ
27 7. บัญชีการปลดทำลายสารบบความและเอกสารต่าง ๆ ที่มีอายุเกิน 5 ปีหรือเกิน 10 ปีแล้วแต่ กรณี(ตามระเบียบฯ ข้อ 11 ข้อ 19 และ ข้อ 20) 7.1 ช่องรายการ 7.1.1 ให้ระบุประเภทของเอกสารที่ปลดทำลาย เช่น สารบบความ บัญชี นัดพิจารณา เป็นต้น โดยให้ระบุปีของเอกสารนั้น ๆ ด้วย หมายเหตุ 1. คำว่า สารบบความ หมายถึง บัญชีรับฟ้อง (เดิม) ไม่ใช่สารบบคำพิพากษา 2. สารบบคำพิพากษา คำพิพากษาหรือคำสั่งจะต้องเก็บรักษาไว้ตลอดไป จะ ทำลายมิได้เว้นแต่มีการจัดเก็บด้วยระบบอิเล็กโทรนิกส์หรือวิธีอื่นใดตามที่สำนักงาน ศาลยุติธรรม กำหนดให้เก็บรักษาสารบบคำพิพากษา คำพิพากษาหรือคำสั่งดังกล่าวไว้เพียง 10 ปีแล้วจึงทำลายเสีย (ตามระเบียบฯ ข้อ 12 และ ข้อ 20 ) 3. คำว่า สารบบคำพิพากษา หมายถึง บัญชีสารบบ ไม่ใช่สำเนาคู่ฉบับคำพิพากษา 4. สำเนาคู่ฉบับคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค ให้เก็บ รักษาไว้ตลอดไป เว้นแต่มีการจัดเก็บด้วยระบบอีเล็กทรอนิกส์หรือวิธีอื่นใดตามที่สำนักงานศาลยุติธรรม กำหนด ให้เก็บรักษาไว้เพียง 10 ปีแล้วทำลายเสีย 5. สำเนาคู่ฉบับคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้น เมื่อมีอายุเกินกว่า 10 ปี นับ แต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ให้ทำลายเสีย 7.2 ช่องจำนวนเล่ม ให้ระบุจำนวนที่ปลดทำลาย 7.3 หมายเหตุ ให้ระบุเหตุผลต่าง ๆ ตัวอย่าง บัญชีการปลดทำลายสารบบความและเอกสารต่าง ๆ ๗. บัญชีการปลดทำลายสารบบความ และเอกสารต่างๆ ที่มีอายุเกินกว่า ๕ ปี หรือเกินกว่า ๑๐ ปีแล้วแต่กรณี ศาล...............................ปลดทำลาย เมื่อวันที่.........เดือน.......................พ.ศ........... รายการ จำนวนเล่ม หมายเหตุ คำชี้แจงประกอบบัญชีการปลดทำลายสำนวนความและเอกสาร การรายงานการปลดทำลายสำนวนความและเอกสารให้ลำดับการรายงาน ดังต่อไปนี้ 1. การปลดทำลายสำนวนความในคดีไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท เมื่อดำเนินการ เสร็จแล้ว ที่มีอายุเกินกว่า 1 ปี 2. การปลดทำลายเอกสารเกี่ยวกับคดีประเด็นที่สืบเสร็จ ที่มีอายุเกินกว่า 5 ปี 3. การปลดทำลายสำนวนความในคดีแพ่ง อันถึงที่สุดเกินกว่า 10 ปี
28 4. การปลดทำลายสำนวนความในคดีอาญา อันถึงที่สุดเกินกว่า 10 ปี 5. การปลดทำลายสำนวนฝากขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวน สำนวนหมายจับ หรือหมายค้น ที่มีอายุ เกินกว่า 5 ปี 6. การปลดทำลายสำนวนความที่ค้างปลดทำลาย 7. การปลดทำลายสารบบความ และเอกสารต่าง ๆ ที่มีอายุเกินกว่า 5 ปีหรือเกินกว่า 10 ปี แล้วแต่กรณี ทั้งนี้โดยแสดงรายละเอียดตามแบบบัญชีการปลดทำลายสำนวนความและเอกสารซึ่งอาจเพิ่มเติม หรืองดเว้นรายการตามแบบบัญชีใด ๆ ได้ตามความเหมาะสม เฉพาะบัญชีใดซึ่งไม่มีรายการต้องปลดทำลาย ขอให้หมายเหตุไว้ในบัญชีนั้นด้วย
29 ภาคผนวก ระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ว่าด้วยการปลดทำลายสำนวนความและเอกสาร พ.ศ. 2552 อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 17 (1) คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) ออกระเบียบ ว่าด้วยการปลดทำลายสำนวน ความและเอกสาร พ.ศ. 2552 ดังต่อไปนี้ ข้อ 1. ระเบียบนี้เรียกว่า “ ระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ว่าด้วยการปลดทำลาย สำนวนความและเอกสาร พ.ศ. 2552 ข้อ 2. ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป ข้อ 3. บรรดา ระเบียบ กฎ ข้อบังคับ หรือคำสั่งอื่นใดในส่วนที่ได้กำหนดไว้แล้ว ใน ระเบียบนี้หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบนี้แทน ข้อ 4. ในระเบียบนี้ “ศาล” หมายความว่า ศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค และศาลชั้นต้น “หัวหน้าส่วนราชการศาลยุติธรรม” หมายความว่า ประธานศาลฎีกา ประธาน ศาลอุทธรณ์ประธานศาลอุทธรณ์ภาค อธิบดีผู้พิพากษาศาลชั้นต้น อธิบดีผู้พิพากษาภาค และผู้ พิพากษาหัวหน้าศาล “ข้าราชการศาลยุติธรรม” หมายความว่า ข้าราชการศาลยุติธรรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม และให้หมายความรวมถึงลูกจ้าง ตลอดจนพนักงานราชการศาล ยุติธรรมด้วย “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรม “หลักฐานการรับจ่ายเงิน” หมายความว่า ต้นขั้วใบรับจ่ายเงิน สำเนาใบรับจ่ายเงินรวมถึงเอกสาร อื่นใดที่แสดงการรับจ่ายเงิน ข้อ 5. ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการตีความหรือการบังคับใช้ให้เลขาธิการสำนักงาน ศาลยุติธรรมเป็นผู้วินิจฉัย ข้อ 6. ให้เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมเป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ การปลดทำลายสำนวนความคดีแพ่ง ข้อ 7. บรรดาสำนวนความในคดีแพ่ง ที่มิใช่คดีมโนสาเร่หรือคดีไม่มีข้อยุ่งยากอันถึงที่สุด เกินกว่าสิบปีให้จัดการปลดทำลายเสียทั้งสิ้น เว้นแต่ (1) สำนวนความคดีที่พิพาทกันเรื่องที่ดิน ให้เก็บรักษาไว้แต่พยานเอกสาร แผนที่ คำพิพากษาหรือคำสั่ง และคำบังคับ (2) สำนวนความคดีที่มีคำขอให้ศาลออกคำบังคับ ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ตรีแก้ไขเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 22) พ.ศ. 2548 ให้เก็บรักษาไว้แต่คำบังคับ ข้อ 8. สำนวนความคดีมโนสาเร่หรือคดีไม่มีข้อยุ่งยากอันถึงที่สุดเกินกว่าสิบปีให้ทำลาย
30 เสียทั้งสำนวน ข้อ 9. สำนวนความคดีประเด็นที่ศาลอื่นส่งมาขอให้จัดการสืบพยานให้และได้สืบพยานเสร็จส่ง ประเด็นคืนแล้ว เมื่อมีอายุเกินกว่าห้าปีให้ทำลายเสีย ข้อ 10. สำนวนความคดีไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทของส่วนหรือกลุ่มงานไกล่เกลี่ย และประนอมข้อพิพาทประจำศาล หากไม่อาจยุติได้โดยกระบวนการไกล่เกลี่ยและประนอม ข้อพิพาทให้เก็บรักษาไว้หนึ่งปีแล้วให้ทำลายเสียทั้งสิ้น ข้อ 11. บรรดาสารบบความ บัญชีนัดพิจารณา บัญชีรับส่งสำนวน บัญชีหมายต่าง ๆ และหลักฐานการรับจ่ายเงิน เมื่อมีอายุเกินสิบปีให้ทำลายเสีย ข้อ 12. สารบบคำพิพากษา คำพิพากษา หรือคำสั่ง ให้เก็บรักษาไว้ตลอดไป เว้นแต่ การจัดเก็บรักษาไว้ตลอดไปนั้นจะสามารถกระทำได้ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีอื่นใด ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมกำหนด ก็ให้เก็บรักษาเอกสารดังกล่าวไว้เพียงสิบปีแล้วทำลายเสีย การปลดทำลายสำนวนความคดีอาญา ข้อ 13 บรรดาสำนวนความในคดีอาญาอันถึงที่สุดเกินกว่าสิบปีให้จัดการปลดทำลาย เสียทั้งสิ้น เว้นแต่ (1) สำนวนความคดีเรื่องบุกรุกที่ดินให้เก็บรักษาไว้แต่พยานเอกสาร แผนที่ และคำพิพากษาหรือคำสั่ง (2) สำนวนความคดีที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย เพราะปรากฏตามฟ้องว่าจำเลยร่วม กระทำความผิดกับบุคคลอื่น แต่ยังจับผู้ร่วมกระทำความผิดไม่ได้และสำนวนความที่จำเลยหลบหนีระหว่าง พิจารณา หรือยังไม่ได้ตัวจำเลยมาศาล ให้เก็บรักษาไว้ทั้งสำนวน จนกว่าคดีจะขาดอายุความตามกฎหมาย (3) สำนวนความคดีเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ พระบรมวงศานุวงศ์และ คดีสำคัญที่ประชาชนสนใจ ให้ข้าราชการศาลยุติธรรมรายงานหัวหน้าส่วนราชการศาลยุติธรรม เพื่อมีคำสั่งเกี่ยวกับการเก็บรักษาตามที่เห็นสมควร (4) สำนวนความคดีที่มีการถอนฟ้องให้เก็บรักษาคำสั่งศาลที่อนุญาตให้ถอนฟ้องไว้ (5) สำนวนความคดีที่จำ เลยต้องโทษจำ คุกหรือประหารชีวิต ให้เก็บรักษา หมายแจ้งโทษไว้ ข้อ 14. สำนวนความคดีเรื่องการบังคับคดีนายประกัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา ที่มีอายุเกินกว่าสิบปีนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งปรับนายประกัน ให้ทำลายเสีย เว้นแต่ หมายบังคับคดีให้เก็บรักษาไว้ต่อไปอีกสิบปีแล้วทำลายเสียทั้งสิ้น ข้อ 15. สำนวนความคดีเรื่องการขอหมายจับหรือหมายค้นตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา หรือสำนวนไต่สวน คำสั่ง หรือการดำเนินการตามกฎหมายอื่น ที่มีอายุ เกินกว่าห้าปีเมื่อได้รับรายงานผลการปฏิบัติตามหมายหรือคำสั่งศาลหรือกรณีหมายจับ ที่พ้นกำหนดอายุความแล้วให้ทำลายเสียทั้งสำนวน เว้นแต่มีคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ให้ดำเนินการตามข้อ ๑๓ ข้อ 16. สำนวนฝากขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวนที่ไม่มีการฟ้องคดีเมื่อมีอายุเกินกว่าห้าปี ให้ทำลายเสียทั้งสำนวน
31 ข้อ 17. สำนวนความคดีประเด็นที่ศาลอื่นส่งมาขอให้จัดการสืบพยานให้และได้สืบพยานเสร็จส่ง ประเด็นคืนแล้ว เมื่อมีอายุเกินกว่าห้าปี ให้ทำลายเสีย ข้อ 18. สำนวนความคดีไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทของส่วนหรือกลุ่มงานไกล่เกลี่ย และประนอมข้อพิพาทประจำศาล หากไม่อาจยุติได้โดยกระบวนการไกล่เกลี่ยและประนอม ข้อพิพาทให้เก็บรักษาไว้หนึ่งปีแล้วให้ทำลายเสียทั้งสิ้น ข้อ 19. บรรดาสารบบความ บัญชีนัดพิจารณา บัญชีสั่งขัง บัญชีรับส่งสำนวน บัญชีหมายต่าง ๆ บัญชีของกลาง และหลักฐานการรับจ่ายเงิน เมื่อมีอายุเกินกว่าสิบปีให้ทำลายเสีย ข้อ 20. สารบบคำพิพากษา คำพิพากษา คำสั่ง และหมายแจ้งโทษจำคุกหรือประหารชีวิต ให้เก็บรักษาไว้ตลอดไป เว้นแต่การจัดเก็บรักษาไว้ตลอดไปนั้น จะสามารถกระทำได้ด้วยระบบ อิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีอื่นใดตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมกำหนด ก็ให้เก็บรักษาเอกสารดังกล่าว ไว้เพียงสิบปีแล้วทำลายเสีย การดำเนินการปลดทำลายสำนวนความและเอกสาร ข้อ 21. การดำเนินการปลดทำลายสำนวนความและเอกสารต่างๆ ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้ (1) ให้ผู้อำนวยการรายงานหัวหน้าส่วนราชการศาลยุติธรรม เพื่อมีคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการดำเนินการปลดทำลายสำนวนความและเอกสารตามระเบียบนี้เป็นประจำทุกปี (2) เมื่อดำเนินการปลดทำลายสำนวนความและเอกสารแล้ว หรือไม่มีสำนวนความและ เอกสารที่ต้องปลดทำลาย ให้คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งลงชื่อในบันทึกการปลดทำลายสำนวนความและ เอกสาร (3) ให้คณะกรรมการรายงานผลการปฏิบัติงานต่อหัวหน้าส่วนราชการศาลยุติธรรมเพื่อแจ้ง สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาคหรือสำนักงานศาลยุติธรรมทราบ แล้วแต่กรณีภายใน เดือนมิถุนายนของทุกปี กรณีที่สำนวนความใดมีเงินค้างจ่ายเกินห้าปีให้ชะลอการปลดทำลายสำนวนความ และเอกสารไว้ก่อน แล้วให้ส่งสำนวนความและเอกสารนั้นไปยังงานการเงินและบัญชีเพื่อทำรายงานเสนอ ข้าราชการตุลาการผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามระเบียบ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงให้ปลดทำลายสำนวนความและเอกสาร ดังกล่าวได้ ข้อ 22. สำนวนความหรือเอกสารใดที่เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมหรือหัวหน้าส่วนราชการศาล ยุติธรรมมีคำสั่งให้เก็บรักษาเพื่อประโยชน์ในทางการศึกษาหรือประวัติศาสตร์หรือ ประโยชน์อื่นใด ให้ถือปฏิบัติตามคำสั่งนั้น บรรดาเอกสารที่เก็บรักษาไว้ตามระเบียบนี้เกินกว่าสิบปีและ หัวหน้าส่วนราชการศาลยุติธรรมพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไป ให้มีคำสั่งให้ปลด ทำลายได้
32 ข้อ 23. ให้หัวหน้าส่วนราชการศาลยุติธรรมและผู้อำนวยการ ควบคุมให้มีการดำเนินการปลด ทำลายสำนวนความและเอกสารให้เป็นไปตามระเบียบนี้ (ลงชื่อ) วิรัช ลิ้มวิชัย (นายวิรัช ลิ้มวิชัย) ประธานศาลฎีกา ประธานกรรมการบริหารศาลยุติธรรม
33 แผนผังขั้นตอนการปฏิบัติงานเก็บสำนวน รับส ำนวนคดีจำกงำนต่ำง ๆ ตรวจสอบควำมเรียบร้อยของส ำนวน คืนให้แก้ไขหรือน ำไปปฏิบัติในส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวขอ้งเสียก่อน ลงสมุดคุมส ำนวนหรือคีย์ข้อมูลลงในระบบ คอมพิวเตอร์ระบบ LAN ส่งส ำนวนเข้ำตู้เก็บส ำนวน -แยกประเภทคดี - เรียงตำมล ำดับเลขคดี -เรียงล ำดับปี / ตำมวันนัด ใช้เวลำไม่เกิน 30 นำที