The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

จะเห็นได้ว่าการดูแลผู้ป่วยทั้งก่อนและหลังการผ่าตัดมีขั้นตอนและรายละเอียดในการดูแลหลายขั้นตอนและยังต้องอาศัยความชำนาญ การเอาใจใส่ และเวลาในการดูแล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Rattanawadee Wongsuriya, 2023-07-18 04:02:05

หลักการและการดูแลผู้ป่วยก่อนและหลังผ่าตัด

จะเห็นได้ว่าการดูแลผู้ป่วยทั้งก่อนและหลังการผ่าตัดมีขั้นตอนและรายละเอียดในการดูแลหลายขั้นตอนและยังต้องอาศัยความชำนาญ การเอาใจใส่ และเวลาในการดูแล

Pre Postoperative nursing care หลักการและเทคนิคการ ดูแล ผู้ป่วยก่อนและหลัง ผ่าตัด นำ เสนอ อาจารย์วิยะดา เปาวนา


1. จงอธิบธิายการประเมินมิผู้ป่วยก่อนผ่าตัดตัและวางแผนการพยาบาล ดูแลผู้ป่วยรายนี้ในระยะก่อนผ่าตัดตั 2. จงวางแผนการพยาบาลดูแลผู้ป่วยรายนี้ในระยะหลังลัผ่าตัดตั (24 ชม. แรก, ระยะ 48-72 ชม. และระยะกลับลับ้าน) 3. ผู้ป่วยรายนี้ได้รับรัยาระงับงัความรู้สึกสึตัวตัด้วย Spinal block จงวางแผนผู้ป่วยรายนี้หลังลัผ่าตัดตัว่าจะดูแลอย่างไร ผู้ป่วยหญิงอายุ 23 ปี มารพ.ด้วยอาการปวดท้องด้านขวา คลื่นลื่ ไส้ อาเจียจีน 2 ครั้งรั้ก่อนมารพ. ไม่มีไมีข้ 2 วันวัก่อนมารพ. ปฏิเฏิสธโรคประจำ ตัวตัแพ้ยา และการ ผ่าตัดตัแพทย์ตรวจร่างกายและวินิวิ นิจฉัยฉัโรคเป็นไส้ติ่งอักอัเสบ ให้ การรักรัษาโดย การผ่าตัดตั Appendectomy พยาบาลจึงจึเตรียรีมให้การ พยาบาลผู้ป่วยเพื่อเข้ารับรั การผ่าตัดตั ในวันวันี้


จงอธิบธิายการประเมินมิผู้ป่วยก่อนผ่าตัดตัและวางแผน การพยาบาลดูแลผู้ป่วยรายนี้ในระยะก่อนผ่าตัดตั 1. ไส้ติ่งอักอัเสบ (Appendicitis) พบได้ในทุกวัยวัส่วนมากพบในผู้ ป่วยอายุ 20-30 ปี เป็นการติดเช้อื ของ ระบบทางเดินอาหารสวน cecum โดยเริ่มจากการอุดตันตัของสิ่งแปลกปลอม เช่น เมล็ดผลไม้ เศษอุจจาระที่ แข็ง ข็ ตัวตั (fecalith) ไปอุดตันตั ในไส้ติ่ง เริ่มเกิด กระบวนการอักอัเสบและมีกมีารสร้างของเหลวภายในเพิ่มเรื่อรื่ย ๆ ของเหลวไม่สามารถระบายออกได้ ทําให้แรงดันดั ในไส้ติ่งเพิ่มขึ้นขึ้ขัดขั ขวางการไหลเวียวีนเลือลืดมาเลี้ยลี้งไส้ติ่ง ทําให้ เกิดการตายของเยื่อยื่บุ ภายใน ถ้ากระบวนการนี้ดําเนินต่อไปเรื่อรื่ย ๆ จะทําให้ไส้ติ่งมีกมีารตาย และแตกทะลุของ ไสติ่ง (rupture appendicitis) เป็นผลทําใหเยื่อยื่บุ ช่องทองอักอัเสบตามมา (peritonitis) (Hinkle & Cheever, 2018) ไส้ติ่งอักอัเสบเป็นภาวะเร่งด่วนทางศัลศัยกรรม พยาบาลมีบมีทบาทสําคัญคั ตั้งตั้แต่ในระยะก่อนผ่าตัดตั ในการ ประเมินมิสภาพผู้ป่วย การบรรเทา ความไม่สุขสบายจากอาการปวดท้อง เตรียรีมผู้ป่วยเพื่อเข้ารับรัการผ่าตัดตั ด่วน และให้การรพยาบาลภายหลังลัการผ่าตัดตัเพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นหายและ ปลอดภัยภัจากภาวะแทรกซ้อนตามมา การรักรัษาผู้ป่วยต้องได้รับรัการผ่าตัดตั ไส้ติ่งออก (Appendectomy) โดยเร็ว ร็ ภายใน 24 ชั่วชั่ โมง เพื่อลด การแตกของไส้ติ่งและการให้ยา ปฏิชีฏิ ชีวนะ ชนิดของการผาตัดตัมี 2 แบบคือคืการผาตัดตั ไส้ติ่งออกแบบเปิด หน้า ท้อง (open appendectomy) และการผ่าตัดตั ไส้ติ่งแบบส่องกล้อง (Laparoscopic appendectomy) ใน ผู้ป่วยที่มีที่ ไมีส้ติ่งแตกทะลุกระจาย ทั่วทั่ท้อง แทพย์จะทําการผ่าตัดตัเปิด ล้างช่องท้อง และใส่ สายระบายออก มา โดยอาจยังยัไม่เย็บ ย็ ปิดแผลและเมื่อมื่แน่ใจว่าไม่มีกมีารติดเชื้อที่แที่ผลผ่า ตัดตัก็นําไปเย็บ ย็ แผล ( delayed primary suture) หลังลัจากนั้นนั้ 4-5 ร่วม กับกัการให้ยาปฏิชีฏิ ชีวนะ


การประเมินมิสภาพ (assessment) การซักประวัติวัติผู้ป่วยจะมีอมีาการปวดท้องทางด้านขวาบอกตําแหน่ งได้ชัดชัเจน ร่วมกับกัอาการคลื่นลื่ ไส้ อาเจียจีน 2 ครั้งรั้ก่อนที่จที่ะมาโรง พยาบาล ไม่มไี ข้ 2 วันวัก่อนมาโรงพยาบาล ผู้ป่วยปฏิเฏิสธโรคประจําจํ ตัวตั แพ้ยา และการผ่าตัดตั การตรวจร่างกาย พบว่าผู้ป่วยปวดมากเมื่อมื่เคลื่อลื่นไหว ฟังเสียสีง ลําไส้ได้ลดลง กดเจ็บ จ็ (tenderness) อาการเกร็ง ร็ แข็ง ข็ ของหน้าท้อง (guarding) เป็นการหดเกร็ง ร็ ของกล้ามเนื้อหน้าท้องเมื่อมื่สัมสัผัสผับริเวณ แมคเบอเนย์ (Mc. Burney's point) โดยอยู่บนเส้นที่ลที่ากจากสะดือ กับกัanterior superior iliac crestด้านขวา แบ่งเส้นนี้ เป็นสามส่วน จุดที่แที่บ่งเส้นนี้เป็น 1/3 ด้านนอกก็คือคื McBurney's point และเมื่อมื่กด ลงไปแล้วปล่อยมือมืออก โดยเร็ว ร็ ผู้ป่วยจะเจ็บ จ็ มาก (Rebound Tenderness) หากคลําก้อนได้อาจเป็นไส้ติ่ง (appendicle abscess) และอาจมีกมีารตรวจอื่นอื่ๆ ที่บ่ที่ บ่ งชี้ว่าไส้ติ่งอักอัเสบแต่ไม่ได้ตรวจพบใน ผู้ป่วยทุกราย ได้แก่ 1) Roving's sign โดยใช้มือมืกดที่หที่น้าท้องด้านซ้าย แล้วผู้ป่วยมีอมีาการ ปวดท้องด้านขวา ซึ่งมีกมีาร อักอัเสบของไส้ติ่งทําให้เยื่อยื่บุช่องท้อง บางส่วนบริเวณนั้นนั้เกิดการเจ็บ จ็ เมื่อมื่สั่นสั่สะเทือน 2) Obturator's sign เป็นการตรวจในผู้ป่วยที่สที่งสัยสัไส้ติ่งอักอัเสบ ปลายของไส้ติ่งอาจม้วนไปอยู่ ด้านหลังลัติดอยู่กับกักล้ามเนื้อ obturator ถ้ามีกมีารเคลื่อลื่นไหวจึงจึทําให้มีอมีาการปวดเกิดขึ้นขึ้วิธีวิตธีรวจ โดยให้ผู้ป่วย นอนหงาย งอต้นขาขวาขึ้นขึ้มาด้านหน้า เข่างอ 90 องศา แล้วหมุนขาเข้าด้านในแบu internalrotation หาก ผู้ป่วยมีอมีาการเจ็บ จ็ ท้องแสดงว่า การทดสอบให้ผลบวก 3) Itiopsoas's sign ให้ผู้ป่วยนอนหงายและงอขาขวาขึ้นขึ้ ดันดัต้นขา ของผู้ป่วยลงและให้ผู้ป่วยเกร็ง ร็ ต้านแรงผู้ตรวจ หรือรื ให้ผู้ป่วยนอน ตะแคงเอาขาซ้ายลงแพทย์ใช้มือมืขวายืดยืที่สที่ะโพก ทั้งทั้ 2 วิธีวิหธีากผู้ป่วยมี อาการ เจ็บ จ็ ท้องแสดงว่าการทดสอบให้ผลบวก


การตรวจทางห้องปฏิบัฏิติบัติการ พบว่าเม็ด ม็ เลือลืดขาวสูง WBC > 10,000 cell/cummและ Neutrophil มากกวา 75% , Urine Analysis เพื่อการวินิวิ นิจฉัยฉัโรคแยกโรคระบบทางเดินปัสสาวะ การตรวจพิเศษ การตรวจพิเศษ ultrasound หรือรื CT scan เป็นเครื่อรื่งมือมืที่ดีที่ ดีที่สุที่สุดในการวินิวิ นิจฉัยฉัโรค แต่ CT scan จะใช้ในกรณี วินิวิ นิจฉัยฉัผู้ป่วยได้ไม่แน่ชัดชัการประเมินมิภาวะสุขภาพตามแบบประเมินมิ ภาวะสุขภาพ โดยใช้แนวคิดคิของ NANDA- ในแบบแผนที่เกี่ยกี่วข้อง ได้แก่ แบบแผนที่ 2 ภาวะโภชนาการ (nutition) ในด้าน สารน้ําและ เกลือลืแร่ แบบแผนที่ 5 การรับรัรู้และความเข้าใจ (perception and cognitive) ในด้านการรับรัรู้ ประสาทสัมสัผัสผัทั้งทั้ 5 แบบแผนที่ 9 ความ ทนและการปรับรัตัวตัต่อความเครียรีด (coping/stress tolerance) แบบ แผนที่ 11 ความปลอดภัยภั/การป้องกันกั (safety/protection) ในเรื่อรื่ง การติดเชื้อ การบาดเจ็บ จ็ ทางร่างกาย การ ควบคุมอุณหภูมิ และ แบบแผนที่ 12 ความสุขสบาย (comfort) ในด้านความสุขสบายทาง ร่างกาย


การวินิวิ นิจฉัยฉัการพยาบาล (nursing diagnosis) และการวางแผนการพยาบาล (planning) นําข้อมูลที่ไที่ด้จากการการประเมินมิสภาพมาวินิวิ นิจฉัยฉัปัญหา การพยาบาล วางแผนการพยาบาล การตั้งตั้เกณฑ์ผลลัพลัธ์ (nursing outcome) การปฏิบัฏิติบัติการพยาบาล (nursing intervention) และการประเมินมิผล ดังดันี้ ข้อวินิวิ นิจฉัยฉัทางการพยาบาลระยะก่อนผ่าตัดตัที่พที่บบ่อย 1) ข้อวินิวิ นิจฉัยฉัทางการพยาบาล ปวดเฉียฉีบพลันลัเนื่องจากกการอักอัเสบ ของไส้ติ่ง ข้อมูลสนับนัสนุน ผู้ป่วยบอกปวดท้องมาก นอนงอตัวตัสัญสัญาณชีพ เปลี่ยลี่นแปลง มีคมีวามดันดั โลหิตหิ สูงขึ้นขึ้ หายใจเร็ว ร็ ชีพจรเต้นเร็ว ร็ สีหสีน้า ไม่สุขสบาย pain score 8 คะแนน ผลลัพลัธ์ทธ์างการพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยสุขสบาย บรรเทาอาการปวดท้อง เกณฑ์การประเมินมิผล ผู้ป่วยสีหสีน้าสดชื่น ไม่บอกปวดท้อง pain score น้อยกว่า 3 คะแนน สัญสัญาณชีพอยู่ในเกณฑ์ปกติ พักพัผ่อนได้ การปฏิบัฏิติบัติการพยาบาล 1. ประเมินมิลักลัษณะการปวด ตําแหน่ง ระดับดัความรุนแรงของการปวด อาการไม่สุขสบายอื่นอื่ๆ และความ ต้องการการช่วยเหลือลืเพื่อบรรเทา ความไม่สุขสบาย 2. บันบัทึกสัญสัญาณชีพทุกชั่วชั่ โมง 3. สังสัเกตอาการและอาการแสดงของภาวะติดเชื้อของเยื่อยื่บุช่องท้อง ได้แก่ อาการปวดท้อง อย่างรุนแรง เมอื่ เคลื่อลื่นไหวร่างกายจะรู้สึกสึเจ็บ จ็ ตรวจท้องพบ rebound tenderness 4. ดูแลให้ผู้ป่วยพักพัผ่อนบนเตียตีงและนอนท่า fowler’s position (ศีรศีษะสูง 45-60 องศา) บริเวณเข่าสูง 15-20 องศา เพื่อลดแรงดันดั ของกระบังบัลมต่อบรเิ วณที่อัที่กอัเสบและช่วยให้ลดอาการปวด หรือรืท่าตะแคงงอตัวตัเขาชิดอก (knee chest position) ให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนตัวตัลดอาการ ปวดท้อง งดใช้ความร้อนความเย็น ย็ ประคบ บริเวณที่ปที่วด


5. งดการสวนลําไส้เพราะจะกระตุ้นให้ไส้ติ่งที่อัที่กอัเสบแตกได้ 6. งดให้ยาแก้ปวด ยาปฏิชีฏิ ชีวนะเพราะจะบดบังบัอาการทําให้วินิวิ นิจฉัยฉัโรค ผิดพลาดได้ 7. จัดจั สิ่งแวดล้อมให้เงียงีบสงบ เพื่อลดการกระตุ้นควาเจ็บ จ็ ปวดส่งเสริม ให้ผู้ป่วยมีคมีวามสุขสบาย 8. ใช้เทคนิคการควบคุมความปวดด้วยวิธีวิอื่ธีนอื่ๆ ร่วมกับกัการให้ยาเพื่อ ให้ผู้ป่วยเลือลืกใช้ตามความพอใจ ได้แก่ เช่น การหายใจช้าและลึกลึเพื่อ ลดการหดเกร็ง ร็ ของกล้ามเนื้อและลดความเจ็บ จ็ ปวด การจินจิตนาการ เป็นภาพ (visual imagery and distraction) เพื่อเบี่ยบี่งเบนความสนใจ จากความเจ็บ จ็ ปวด การดูทีวีทีหวีรือรืหนังนัเรื่อรื่งที่ชที่อบ การอ่าน หนังนัสือสื ฟังดนตรีหรีรือรืการคุยกับกัคนในครอบครัวรัการสะกดจิตจิตนเองเพื่อระงับงั อาการปวดเทคนิคการผ่อนคลาย การทําสมาธิ การเบี่ยบี่งเบนความ สนใจ การสัมสัผัสผัการนวดหลังลัเพื่อส่งเสริมให้พักพัผ่อน 9. ดูแลให้ได้รับรัยาปฏิชีฏิ ชีวนะตามแผนการรักรัษา 10. ดูแลให้งดน้ําและอาหารตามแผนการรักรัษา เพื่อเตรียรีมผ่าตัดตัด่วน


ดูแลทําความสะอาดร่างกาย ได้แก่ ลบสีทสีาเล็บเพื่อใช้ประเมินมิ การงดอาหารและน้ําทางปากเพื่อเตรียรีมผ่าตัดตัด่วนเพื่อให้ 2) ข้อวินิวิ นิจฉัยฉัทางการพยาบาล ผู้ป่วยวิตวิกกังกัวลเนื่องจากการพร่อง ความรู้ก่อนและหลังลัผ่าตัดตัข้อมูลสนับนัสนุน ผู้ป่วยบอกว่า “ไม่ทราบว่า ต้องดูแลตนเองอย่างไรในการผ่าตัดตัและหลังลัผ่าตัดตัมาจะเป็นอย่างไร” มีสีมีหสีน้าวิตวิกกังกัวล เกณฑ์การประเมินมิผล 1) ผู้ป่วยสามารถตอบคําคํถามและสาธิตธิย้อนกลับลั ในเรื่อรื่ง การหายใจและ การไออย่างมีปมีระสิทธิภธิาพ การเคลื่อลื่นไหวโดยเร็ว ร็ การควบคุมความปวด 2) ผู้ป่วยมีคมีวามพร้อมในการเข้ารับรัการผ่าตัดตั 3) ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังลัผ่าตัดตั ได้แก่ ปอดแฟบ ปอด อักอัเสบ หลอดเลือลืดดําส่วนลึกลึอุดตันตัท้องอืดอืท้องผูก เป็นต้น การปฏิบัฏิติบัติการพยาบาล 1. ให้ความรู้เกี่ยกี่วกับกั โรคและวิธีวิกธีาร ผลการผ่าตัดตัวิธีวิกธีารและผลของการ ได้ยาระงับงัความรู้สึกสึอย่างคร่าวๆ สภาพผู้ป่วยและอุปกรณ์ที่จที่ะติดตัวตั มาหลังลัผ่าตัดตั 2. อธิบธิายวิธีวิกธีารเตรียรีมตัวตัของผู้ป่วยก่อนผ่าตัดตัร่วมกับกัแผนการรักรัษา ของแพทย์ ประกอบด้วย สีเสีล็บดูการไหลเวียวีนเลือลืด ที่ไที่ ปเลี้ยลี้ง อวัยวัวะส่วนปลาย (capillary filling time) เป็นต้น ทางเดินอาหารว่าง ป้องกันกัการสําลักลัอาหาร เขา้ ระบบทางเดินหายใจ ผลลัพลัธ์ทธ์างการพยาบาล ผู้ป่วยมีคมีวามรู้ในการดูแลตนเองก่อนและหลังลั ผ่าตัดตั


ดูแลให้สารน้ําทางหลอดเลือลืดดําตามแผนการรักรัษา การเตรียรีมส่งตรวจและการเจาะเลือลืดเพื่อเตรียรีมเลือลืดก่อนผ่าตัดตั ตามแผนการรักรัษา และหากผลการตรวจเลือลืดผิดปกติต้องรายงาน แพทย์เพื่อพิจารณาแก้ไขกอ่ นผู้ป่วยเข้ารับรัการผ่าตัดตั การเตรียรีมยาและอุปกรณ์ที่จํที่าจํ เป็นในการผ่าตัดตัตามแผนการรักรัษา การเซ็นใบยินยิยอมการผ่าตัดตั โดย โดยต้องให้ข้อมูลการผ่าตัดตั ผลดี ภาวะแทรกซ้อนที่อที่าจจะเกิดขึ้นขึ้ก่อนเซ็นใบยินยิยอมการ ผ่าตัดตั ให้ผู้ป่วยฝากของมีค่มี ค่ า และถอดเครื่อรื่งประดับดัอุปกรณ์ต่างๆ เช่น คอนแทคเลนส์ ฟันปลอม ที่ดัที่ดดั ฟัน เครื่อรื่งกระตุ้นหัวหัใจ หากมี อุปกรณ์ที่ถที่อดออกไม่ได้ให้รายงานแพทย์หรือรืวิสัวิญสัญีแพทย์ และบันบัทึกใน แผ่นรายการตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนเข้าห้องผ่าตัดตั ให้ชัดชัเจน เนื่องจากการใส่เครื่อรื่งประดับดัและอุปกรณ์ ต่างๆอาจทํา ให้เกิดความไม่ปลอดภัยภั ในการผ่าตัดตัเช่น ไฟดูด ไฟไหม้ขณะใช้ เครื่อรื่งจี้ ทางเดินหายใจอุดกั้นกั้จากฟันปลอมหลุด เป็นต้น และมีญมีาติสายตรงเซ็นเป็นพยาน เพ่ือป้องกันกั ปัญหาทางกฎหมาย


2. จงวางแผนการพยาบาลดูแลผู้ป่วยรายนี้ในระยะหลังลัผ่าตัดตั (24 ชม. แรก, ระยะ 48-72 ชม. และระยะกลับลับ้าน) ระยะ 24 ชั่วชั่ โมงแรก 1.รวบรวมข้อมูลการผ่าตัดตัจากแผนการรักรัษาของแพทย์แย์ละรับรัข้อมูล จากพยาบาลห้องพักพั ฟื้น/ห้องผ่าตัดตั Operative note 2. เตรียรีมเตียตีงและอุปกรณ์เครื่อรื่งใช้ที่เหมาะสมสำ หรับรัการดูแลผู้ป่วย 3. ล้างมือมืก่อนช่วยย้ายผู้ป่วยขึ้นขึ้เตียตีง 4. รับรัผู้ป่วย โดยสอบถามชื่อสกุล วันวัเดือนปี อายุในผู้ป่วยที่รู้ที่รู้สึกสึตัวตั และดูจากป้ายชื่อ รวมทั้งทั้การสอบถามจากเจ้าหน้าที่ผู้ที่ผู้นำ ส่ง 5. แจ้งให้ผู้ป่วยทราบถึงถึการย้ายเตียตีงและสถานที่ 6. ประเมินมิผู้ป่วยเมื่อมื่แรกรับรั 6.1 ประเมินมิระดับดัความรู้สึกสึตัวตัของผู้ป่วยเมื่อมื่แรกรับรั 6.2 ตรวจวัดวัสัญสัญาณชีพโดย อุณหภูมิกมิายวัดวัเมื่อมื่แรกรับรัและทุก 4 ชั่วโมง ใน 24 ชั่วโมงแรก ความดันดั โลหิตหิ ชีพจร การหายใจวัดวัเมื่อมื่แรกรับรัและวัดวัอย่างต่อเนื่อง ดังดันี้ วัดวัทุก 15 นาที X 4 ครั้งรั้เมื่อมื่ไม่มีกมีารเปลี่ยลี่นแปลงให้วัดวัทุก30นาที วัดวัทุก 30 นาที X 4 ครั้งรั้เมื่อมื่ไม่มีกมีารเปลี่ยลี่นแปลงให้วัดวัทุก 1 ชั่วโมง วัดวัทุก 1 ชั่วโมง X 4 ครั้งรั้จนกว่าจะคงที่ ตามแผนการรักรัษา หลังลัจากนั้นนั้สังสัเกตอาการทุก 4 ชั่วโมงในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังลัการผ่าตัดตั หรือรืจนกว่าสัญสัญาณชีพคงที่ รายงานแพทย์ เมื่อมื่พบความผิดปกติ


7. ดูแลอุณหภูมิร่มิ ร่ างกายให้อยู่ในระดับดั ปกติ ไม่ให้ต่ำ จนเกินไป 8. การจัดจัท่าหลังลัผ่าตัดตัตามความเหมาะสมเฉพาะโรค 9. ดูแลระบบทางเดินหายใจ 9.1 ถ้าผู้ป่วยที่รู้ที่รู้สึกสึตัวตัและไม่มีข้มี ข้ อห้าม จัดจัท่านอนศีรศีษะสูงเล็กล็น้อย (semi fowler's position) ในกรณีที่ยัที่งยั ไม่รู้สึกสึตัวตัดี ให้นอนราบตะแคง หน้าไปด้านใดด้านหนึ่ง 9.2 ประเมินมิค่าความอิ่มอิ่ตัวตัของออกซิเจนโดยใช้เครื่อรื่งวัดวัที่ปที่ลายนิ้ว ในกรณีที่เป็นผู้ป่วยทั่วไปควรมีค่มี ค่ าไม่ต่ำ กว่า 95 % 9.3 ดูแลให้ได้รับรัออกซิเจนตามแผนการรักรัษา 9.4 เมื่อมื่ผู้ป่วยตื่นตื่ดีควรกระตุ้นให้หายใจอย่างมีปมีระสิทสิธิภธิาพไอขับขัเสมหะ หรือรืกรณีจำ เป็นช่วยดูดเสมหะให้ 10. ดูแลระบบไหลเวียวีน - ประเมินมิภาวะเลือลืดออกหลังลัผ่าตัดตั โดยประเมินมิแผลผ่าตัดตัว่ามีเมีลือลืดซึม ออกมาหรือรื ไม่ สังสัเกตบันบัทึกทึ ปริมริาณของเลือลืดที่ ออกมาตามสายระบายต่างๆ เฝ้าระวังวัดูแล และรายงานแพทย์ 11. ประเมินมิความสมดุลของสารน้ำ และเกลือลืแร่ -ประเมินมิความตึงตึตัวตัของกระเพาะปัสปัสาวะ และความสามารถของผู้ป่วยในการ ถ่ายปัสปัสาวะภายใน 6-8 ชั่วโมงหลังลัผ่าตัดตัเมื่อมื่ครบ 8 ชั่วโมงแล้ว และถ้าผู้ป่วยยังยั ไม่ถ่ายปัสปัสาวะ กระตุ้นให้ผู้ป่วยถ่ายปัสปัสาวะ ถ้าผู้ป่วยยังยั ไม่ถ่ายปัสปัสาวะรายงานแพทย์เย์พื่อ พิจารณาแผนการรักรัษา - ติดติตามผลการตรวจเกลือลืแร่ในร่างกายตามแผนการรักรัษารายงานแพทย์เย์มื่อมื่มี ค่าผิดปกติ วางแผนการพยาบาลดูแลผู้ป่วยรายนี้ในระยะหลังลัผ่าตัดตั


วางแผนการพยาบาลดูแลผู้ป่วยรายนี้ในระยะหลังลัผ่าตัดตั 12. ป้องกันกัการติดติเชื้อ 12.1 ดูแลให้ได้รับรัยาปฏิชีฏิ ชีวนะตามแผนการรักรัษา 12.2 ดูแลแผลผ่าตัดตั 13. ดูแลเพื่อบรรเทาอาการปวด 14. การป้องกันกัภาวะแทรกซ้อนและความไม่สุขสบายอื่นอื่ๆ 15. ประเมินมิอาการคลื่นไส้ อาเจียจีน ซึ่งมักมัเกิดจากผลของยาระงับงัความรู้สึกสึ หากมีอมีาการควรให้การช่วยเหลือลื โดยจัดจั ให้นอนตะแคงและสอดชามรูปไตไว้ ใกล้ปากเพื่อรองรับรัอาเจียจีนดูแลให้บ้วนปากจนสะอาดหากยังยัมีอมีาการต่อเนื่อง ควรรายงานแพทย์ เพื่อพิจารณาแผนการรักรัษา ระยะ 48-72 ชั่วชั่ โมง 1. หลังลั 24 ชั่วโมงแรก วัดวัสัญสัญาณชีพ และระดับดัความรุนแรงของความปวด ทุก 4-8 ชั่วโมง ตามความจำ เป็น 2. ช่วยในการพลิกตะแคงตัวตัทุก 2 ชั่วโมง กระตุ้นให้ลุกนั่งลงจากเตียตีง หลังลัผ่าตัดตั 24 ชั่วโมง หากประเมินมิแล้วว่าไม่มีคมีวามเสียสีงหรือรื ไม่มีข้มี ข้ อห้าม ช่วยเหลือลื ให้ผู้ป่วยลงจากเตียตีงกระตุ้นการออกกำ ลังลั ปอดทุก 2 ชั่วโมง ประเมินมิ เสี่ยสี่งการเคลื่อนไหวของ ลำ าไส้ และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ 3. ดูแลแผลผ่าตัดตัตามคู่มือมื ปฏิบัฏิติบักติารพยาบาลฯ


ระยะกลับลับ้าน วางแผนการให้ข้อมูลเพื่อปฏิบัฏิติบัตัติวตัเมื่อมื่กลับลั ไปอยู่บ้าน ตามหลักลั D-METHOD D = Disease คําคํแนะนําเกี่ยกี่วกับกั โรค การรักรัษา การผ่าตัดตัที่ไที่ด้รับรัการจัดจัการความ ปวด การสังสัเกตอาการผิดปกติที่ติ ที่คที่วรมาพบ แพทย์ก่ย์ ก่ อนวันวันัดนั M = Medication คำ แนะนำ เกี่ยกี่วกับกัยาที่ต้ที่ต้ องรับรั ประทานต่อที่บ้ที่บ้ านทั้งทั้วิธีวิ ใธีช้ วิธีวิเธีก็บก็ รักรัษา การเฝ้าระวังวัอาการไม่พึงพึประสงค์จาก ยา การแก้ไขเบื้อบื้งต้น E = Environment การเตรียรีมสภาพแวดล้อมที่บ้ที่บ้ านให้เหมาะสมกับกั สภาพของผู้ ป่วยหลังลัผ่าตัดตั T = Treatment ให้คําคํแนะนําการรักรัษาพยาบาลที่ต้ที่ต้ องทําเมื่อมื่กลับลับ้าน อย่างต่อ เนื่อง เช่น การทําแผลผ่าตัดตัการตัดตั ไหมการ H = Health ให้คำ แนะนำ การดูแลสุขภาพทั่วไป ได้แก่ การทำ ความสะอาดร่างกาย การทำ กิจกรรม การออกกำ ลังลักาย การ พักพัผ่อนอย่างเพียพีงพอ หลีกลีเลี่ยลี่งการยกของ หนักนัเป็นต้น 0 = Out patient referral แนะนำ แหล่งให้ความช่วยเหลือลื ใกล้บ้าน การมาตรวจตามนัดนัการสังสัเกตอาการผิดปกติซึ่ติ ซึ่ง จำ เป็นต้องมาพบแพทย์ก่ย์ ก่ อนนัดนั เช่น ไข้สูง แผลผ่าตัดตัติดติเชื้อ เป็นต้น D = Diet แนะนำ การรับรั ประทานอาหารที่เหมาะสมและส่งเสริมริการหายของแผล วางแผนการพยาบาลดูแลผู้ป่วยรายนี้ในระยะหลังลัผ่าตัดตั


3.ผู้ป่วยรายนี้ได้รับรัยาระงับงัความรู้สึกสึตัวตัด้วย Spinal block จงวางแผนผู้ป่วย รายนี้หลังลัผ่าตัดตัว่าจะดูแลอย่างไร ? 1. ประเมินมิสัญสัญาณชีพวัดวัความดันดั โลหิตหิจับจั ชีพจร สังสัเกตการหายใจอย่างน้อย 30 นาทีจทีนปลอดภัยภั 2. แนะนำ ให้ผู้ป่วยนอนราบประมาณ 6-8 ชั่วโมง พลิกตะแคงตัวตัแบบท่อนซุงได้ เป็นครั้งรั้คราวเพื่อ หลีกลีเลี่ยลี่งภาวะความดันดั โลหิตหิต่ำ จากระบบประสาทอัตอั โนมัติมั ติ ไม่ทำ งาน 3. ประเมินมิอาการชา โดยการสอบถามและให้ผู้ป่วยขยับยัขา ยกขา อาการชาต้อง ทุเลาลงและเริ่มริ่ขยับยัขาได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง 4. สังสัเกตภาวะแทรกซ้อนเช่น หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียจีน ปวดหลังลั 5. คลำ บริเริวณท้องน้อยเพื่อประเมินมิภาวะปัสปัสาวะคั่งคั่ 6.ไม่นำ ของร้อนวางบริเริวณที่รที่ะบบประสาทรับรัความรู้สึกสึยังยั ไม่ปกติเติพราะอาจ ทำ ให้เกิดการ บาดเจ็บจ็จากความร้อนได้ 7. สังสัเกตแผลผ่าตัดตัและดูแลแผลไม่ให้เปียกน้ำ ทำ แผลยึดยึหลักลั ปราศจากเชื้อ 8. ประเมินมิความปวดและให้ยาแก้ปวดเมื่อมื่คะแนนความปวดมากกว่า 5 คะแนน 9. กระตุ้นให้ผู้ป่วยพลิกตะแคงตัวตัเพื่อให้ลำ ไส้เคลื่อนไหวลดอาการท้องอืดอื


ธารินีริ นีเพชรรัตรัน์ วนิดา พมิ ทา พัสพัดา ภักภัดีกําจร และคณะ. (2560). การดูแลผู้ป่วยหลังลัผ่าตัดตั (Postoperative care). สืบสืค้นวันวัที่ 13 กรกฎาคม 2566 จาก https://www.finearts.cmu.ac.th/wpcontent/uploads/2019/07/ นาตยา เปลี่ยลี่นเพ็ง พ็. (2551). การพยาบาลผู้ป่วยหลังลัผ่าตัดตั ไส้ติ่งอักอัเสบ. สืบสืค้นเมื่อมื่14 กรกฎาคม 2566. จาก www.msdbangkok.go.th วิยวิะดา เปาวนา. (2566). หลักลัการและเทคนิคการดูแลผู้ป่วยก่อนและ หลังลัผ่าตัดตั [เอกสารที่ไที่ม่มีกมีารตีพิตี พิมพ์]. วิทวิยาลัยลัพยาบาล บรมราชชนนี อุดรธานี วุฒิชัฒิยชัธนาพงศธร และปริญริญา อัคอัรนุรักรัษ์กุล (บรรณาธิกธิาร). (2554). ตําราพื้นฐานศัลศัยศาสตร์และโรคทาง ศัลศัยกรรม สําหรับรัแพทย์ เวชปฏิบัฏิติบัติท่ัวท่ัไป. สมุทรปราการ: สินสิทวีกิวี กิจพริ้นริ้ติ้งติ้. อุษาวดี อัศอัดรวิเวิศษ. (2555). สาระหลักลัทางการพยาบาลศัลศัยศาตร์ 2 (พิมพ์ครั้งรั้ที่ 2). กรุงเทพฯ: เอนพีเพีพลส จําจํกัดกั. Black, J. M. & Hawks, J.H. (2010). Medical-Surgical nursing (8th edition). Saunders Elsevier. Hinkle, J. L., Cheever, K. H. (2018). Brunner and Suddarth's Textbook of Medical- surgical Nursing. Lippincott Williams & Wilkins. เอกสารอ้างอิงอิ


กรณีศึกศึษา เรื่อรื่ง หลักลัการและเทคนิคการดูแลผู้ป่วยก่อนและหลังลัผ่าตัดตั เสนอ อาจารย์วิยวิะดา เปาวนา จัดจัทำ โดย นายเมธาวัฒวัน์ เพริศแก้ว เลขที่ 49 รหัสหัประจำ ตัวตั 65118301103 นางสาวเมรี ชายคง เลขที่ 50 รหัสหัประจำ ตัวตั 65118301104 นางสาวรัตรันาวดี วงศ์สุริยา เลขที่ 51 รหัสหัประจำ ตัวตั 65118301109 นางสาวรัศรัมิมมิาน พิมพ์หล่อน เลขที่ 52 รหัสหัประจำ ตัวตั 65118301110 นางสาวราตรี เข็ม ข็ แก้วมาลี เลขที่ 53 รหัสหัประจำ ตัวตั 65118301111 นางสาวรุ่งนภา ขอเหนี่ยวกลาง เลขที่ 54 รหัสหัประจำ ตัวตั 65118301112 นางสาวลักลัษณา มาตรชัยชัเคน เลขที่ 55 รหัสหัประจำ ตัวตั 65118301113 นางสาววนัชนัพร โสรินทร์ เลขที่ 56 รหัสหัประจำ ตัวตั 65118301115 นักนัศึกศึษาพยาบาลศาสตร์ชั้นชั้ ปีที่ 2 ห้อง A รายวิชวิาการพยาบาลขั้นขั้พื้นฐาน (0118300209) ภาคเรียรีนที่ 1 ปีการศึกศึษา 2566 วิทวิยาลัยลัพยาบาลบรมราชชนนี อุดรธานี


Click to View FlipBook Version