ชีวิตมัธยม
ชีวิตมัธยม ชีวิ ชี ต วิ มัธมัยมของคนเราไม่เม่หมือ มื นกันกับางคนอาจจะเป็นวัยวัที่ สนุกนุบางคนอาจจะไม่สม่นุกนุในบางคนอาจจะใช้ชีช้ วิ ชี ต วิ มัธมัยม เต็ม ต็ ที่ เรีย รี นและเล่นล่สนุกนุกับกัเพื่อ พื่ นในวัยวัเด็ก ด็ มักมัจะไม่มีม่เ มี รื่อ รื่ ง ให้เ ห้ ครีย รี ดเยอะมากแต่ใต่นวัยวัมอปลายเป็นวัยวัที่เที่ครีย รี ดเรื่อ รื่ ง เรีย รี นต่อต่ดังดันั้นนั้เราควรใช้ชีช้ วิ ชี ต วิ มัธมัยมอย่าย่งไรให้ถู ห้ กถูต้อ ต้ งและ สนุกนุไปกับกัมันมั ในช่วช่งชีวิ ชี ต วิ มัธมัยมปลายเป็นช่วช่งเวลาที่มีที่มี ความสุขสุที่สุที่ดสุแล้ว ล้ได้ใด้ช้ชีช้ วิ ชี ต วิ อยู่ร่ยู่ วร่มกับกัเพื่อ พื่ นทั้งทั้วันวั ได้ ทำ งานร่วร่มกันกั ได้เ ด้ รีย รี นด้ว ด้ ยกันกัมันมั ได้ทำ ด้ ทำอะไรหลายอย่าย่ง ด้ว ด้ ยกันกัภาณุอุณุปอุสรรคมากมายในการทำ งานต่าต่งๆ ชีวิ ชี ต วิ ใน วัยวัมัธมัยมนับเป็นช่วช่งชีวิ ชี ต วิ ที่สที่นุกนุสนาน ในช่วช่งหนึ่งของชีวิ ชี ต วิ เลยก็ว่ ก็ าว่ ได้ ได้เ ด้ รีย รี นรู้สิ่รู้ งสิ่ต่าต่งๆและเกิด กิ สิ่งสิ่ ใหม่ใม่หม่ใม่ห้ไห้ ด้พ ด้ บ เจอได้เ ด้ รีย รี นรู้ ได้ล ด้ องผิด ผิ ลองถูกถูได้ค้ ด้ น ค้ หาตัวตัเอง ได้เ ด้ จอผู้คผู้ น มากมายได้เ ด้ จอสังสัคมใหม่ใม่หม่ ได้พ ด้ บเพื่อ พื่ นทั้งทั้เพื่อ พื่ นที่ดีที่แ ดี ละ เพื่อ พื่ นที่ไที่ม่ดีม่ ดี ได้ร ด้ อยยิ้ม ยิ้ ได้น้ำ ด้ น้ำตา ได้ค ด้ วามสุขสุได้ค ด้ วามสนุกนุ ได้ค ด้ วามทุกทุข์ ได้ค ด้ วามเศร้า ร้ ได้รู้ ด้ จัรู้ กจักับกัรสชาติข ติ องชีวิ ชี ต วิ และ ที่สำที่สำคัญคักว่าว่นั้นนั้คือ คื ?????????? ((((( (ได้บ ด้ ทเรีย รี น) ))))) เมื่อเราเข้ามาอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่าโรงเรียน สิ่งหนึ่งที่เรา จะนึกถึงคงจะเป็นเพื่อนเพื่อนบางคนพูดคุยด้วยกันไม่กี่คำ ก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ แต่เราไม่รู้หรอกว่าในใจเค้าคิด อะไรอยู่บางคนอาจจะสนิทตั้งตั้แต่ประถมถึงมัธยม แต่พอ สังคมจากวัยเด็กสู่วัยรุ่นทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป ตามกาลเวลาจากที่เคยคุยกันทุกวันก็เปลี่ยนเป็นแค่คน รู้จักอยากจะเข้าไปทักแต่ก็ไม่กล้า ได้แต่ยืนมองเพื่อนที่ เคยสนิทอยู่ห่างห่างความรู้สึกก็……………… จุกอกเลยเพื่อน บางคนจากที่เราไม่เคยชอบเขาก็ไม่ทำ อะไรกับตาไปหมด แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับกลายเป็นว่าเรากับเขาต่างก็ต้อง ช่วยเหลือกันพอมองย้อนกลับไปก็ขำ ตัวเอง
สิ่งที่เราอยากจะบอกคือ พอเราโตขึ้นขึ้เราจะเข้ากับคนที่อยู่ด้วย แล้วสบายใจเข้ากับและสไตล์ของเราได้บางคนเป็นเพื่อนกันมา 10 กว่าปีอบอุ่นเนอะ บางคนพอโตก็แยกย้ายไปเรียนที่อื่นมี กลุ่มเพื่อนใหม่ใหม่เราควรยอมรับและปรับตัวให้เข้ากับการ เปลี่ยนแปลงทำ สิ่งที่เราสบายใจไม่เดือดร้อนคนอื่นสู้สู้นะอย่า ยอมแพ้ อาจมีบางครั้งรั้ที่เศร้าหรือร้องไห้ออกมาได้นะร้องให้ เต็มที่เลยอย่าเก็บไว้มันอึดอัดแล้วเริ่มวันใหม่จะมืดจนเราหา ทางออกไม่เจอแต่เมื่อเราลองลืมตาแล้วเงยหน้าขึ้นขึ้มาอีกครั้งรั้ เราจะรู้ว่ายังมีแสงสว่างของวันใหม่ให้ได้แก้ไขอีกต่อไป ช่วง ชีวิตมัธยมปลายมี 10 เรื่องที่ควรรู้ถ้าจะเรียนอยู่ชั้นชั้มัธยม ปลาย นึกถึงช่วงที่ยังเรียนอยู่มัธยมปลายจนตอนนี้เนี้ข้าเรียน มหาลัย หนึ่งช่วงชีวิตมัธยมปลายอาจเป็นช่วงที่ดีที่สุดแล้ว หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าชีวิตมัธยมนี่สนุกที่สุดแล้ว และเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากกว่าการเป็นนักศึกษาหรือจบ มาทำ งานดังนั้นเราต้องใช้ช่วงชีวิตนี้ในี้ห้คุ้มค่านะ สองเหนื่อยแค่ ช่วงสอบเข้าเข้าได้ก็สบายแล้วนี่ไม่จริง คำ พูดที่น้องน้องมัธยม ปลายเจอบ่อยคือลำ บากอ่านหนังสือแค่ตอนสอบเข้าเพราะข้าว ก็จะได้สบายแล้วเรียนไม่เยอะอันนี้ไนี้ม่จริงหลายหลายคณะนี้ แบบเรียนหนักมาก สามเรามักจะสนิทกับเพื่อนโรงเรียน มากกว่าเพื่อนมหาลัย โดยส่วนมากแล้วเพื่อนที่โรงเรียนมัธยม ที่โตมาด้วยกันจะสนิทกันมากกว่าเพื่อนใหม่ที่มาเจอในมหาลัย เพราะประสบการณ์ร่วมกันที่โรงเรียนสำ คัญมากๆแต่บางคนก็ มาเจอเพื่อนสนิทมากๆในมหาลัยก็มีนะ สี่หลายหลายวิชาที่ไม่ ได้ใช้เลยในมหาวิทยาลัย ถ้าเลือกเข้าคณะที่ไม่ตรงสาย เช่น เรียนต่อนิเทศก็แทบจะบอกลาวิทย์ไปเลยหรือถ้าเรียนต่อวิศวะ ก็จะไม่ได้ใช้ไทยหรือสังคมเลย ถ้าทำ กิจกรรมเยอะได้แต่ระวัง กระทบกันเตรียมตัวสอบด้วย ทำ กิจกรรมได้เป็นสิ่งที่ดีด้วยแต่ ก็ต้องพอดีกับการอ่านหนังสือด้วยนะเพราะยังไงก็สำ คัญที่สุด ทำ ให้ได้เข้าเรียนต่อในคณะหรือว่าวิไลที่ต้องการก็คือคะแนน สอบ หกมัธยมชั่วโมงเรียนเยอะกว่าแต่มหาลัยก็เรียนเหนื่อย กว่า ส่วนมากเลยโดยเฉพาะคณะสายวิทย์หรือสายสังคมถึง หนึ่งอาทิตย์จะเรียนไม่เยอะแต่ก็คิดว่าจะได้ว่างนอนเล่นเกมยิ่ง ปีสูงสูงนี่เหนื่อยเยอะมาก
เจ็ดอย่าเลือกเรียนตามเพื่อน การมีเพื่อนสนิทสนิทไปเรียน ด้วยเป็นสิ่งที่ดีแต่การที่ทิ้งทิ้ตัวเองหรือสิ่งที่ตัวเองอยากเรียน เพราะอยากไปเรียนกับเพื่อนนี่ไม่แนะนำ อันตรายมากเพราะ การฝืนสิ่งที่เรียนหรือสิ่งที่ไม่ชอบยังไงก็จะมีปัญหาในอนาคต แน่นอน แปดมีแฟนก็ดีแต่ไม่มีก็ได้ สำ หรับน้องที่มีแฟนอยู่แล้ว ก็ช่วยช่วยกันไปก่อนส่วนใครที่ยังไม่มี ก็ไม่ต้องดิ้นดิ้รนชีวิตมหา ลัยมีอีกตั้งตั้สี่ถึงหกปีมันจะไม่เจอเลยก็ให้มันรู้ไป เก้าเราอาจจะ ไม่ได้เจอเพื่อนบางคนอีกเลย เมื่อแยกย้ายกันไปเรียนมหาลัย แล้วโอกาสที่จะเจอกับเพื่อนบางคนก็อาจจะไม่มีเลยยิ่งการกลับ มารวมตัวกันทั้งทั้ห้องพร้อมหน้าพร้อมตานี่เป็นอะไรที่ยากที่สุด ดังนั้นรักษาช่วงเวลานี้เนี้อาไว้ให้ดีดีนะ สิบใช้ชีวิตให้สนุก สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ต้องมีความพอดีคืออ่านหนังสือได้ เตรียมสอบได้ทำ กิจกรรมได้ เที่ยวเล่นกับเพื่อนบ้างไม่ใช่ว่า ต้องเคร่งเครียดเรื่องการเรียนตลอดเวลา ยังไงก็ใช้ชีวิตให้สนุก นะคะ เมื่อเข้ามหาลัยไปเกรดมัธยมก็จะกลายเป็นแค่ตัวเลข ได้เกรดเยอะเป็นเรื่องที่ดีแต่อย่าจมอย่าด่าตัวเองว่าโง่เลยได้ เกรดน้อยเพราะสุดท้ายเมื่อไหร่ที่ใช้ยื่นเพื่อเข้าเรียนได้แล้วมัน ก็จะแทบไม่มีผลต่อชีวิตเราอีกเลยไม่ว่าจะเรียนต่อที่ไหน ใช้ ชีวิตในมัธยมเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุด เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ เราได้เรียนและเล่นทำ อะไรต่างๆมากมายโดยที่ไม่ต้องคิดอะไร มาก เรียนบ้างไม่เรียนบ้างจะเน้นเล่นหรือทำ อะไรแปลกแปลก มากกว่ามีกิจกรรมก็ร่วมตลอดบางครั้งรั้ก็เผลอทำ กิจกรรมมาก ไปจนลืมเรื่องเรียน ซึ่งก็ทำ ให้การเรียนแย่โดนพ่อแม่บ่นแต่ก็ ไม่รู้ว่าทำ ไมอาจารย์ถึงได้สูงเราชิงตำ แหน่งเช่นคณะกรรมการ นักเรียนหัวหน้าห้องหัวหน้าชมรม ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ใหญ่มากงาน หนักเวลาส่วนตัวเราน้อยลงบางครั้งรั้ก็สงสัยว่าทำ ไมอาจารย์ถึง ได้วางใจและส่งเราคัดเลือกให้ทำ หน้าที่เพราะเรานั้นก็ไม่ใช่เด็ก ดี หรือเด็กเรียนดีอะไรเลย
เรียนก็ไม่เก่งแต่งตัวก็ผิดกฎระเบียบของโรงเรียนแต่ทำ ไมทั้งทั้ อาจารย์และเพื่อนเพื่อนต่างๆก็ไว้ใจและวางใจคัดเลือกให้เรา ทำ หน้าที่ เราก็เลยเกิดแรงสู้ที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นขึ้ ทำ ตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่รุ่นน้องปฏิบัติตามกฎตั้งตั้ไจเรียน แบ่งเวลาให้ถูกและผลที่ได้ตามมาคือเกรดเฉลี่ยที่ดีขึ้นขึ้ของฉัน และสุดท้ายที่ภูมิใจมากที่สุดก็คือการที่ฉันได้เรียนมหาลัยใน คณะที่ฉันต้องต้องการหรือคณะที่ในฝันของฉันก็คือคณะ นิติศาสตร์ ถึงแม้มันจะเป็นช่วงเวลาสั้นสั้สั้นสั้มันอาจจะเป็น ประสบการณ์ชีวิตที่ค่อยสอนและเตือนเราอย่างดีแต่ก็ยังมีอีก หลายหลายอย่างที่เราต้องเรียนรู้เพิ่มเติมและปรับปรุงมากมาย ในอนาคต ที่จริงแล้วเราทุกคนควรโฟกัสกับชีวิตมัธยมให้มาก มาก เพราะนั่นคือตัวที่จะวัดเราในอนาคตเมื่อขึ้นขึ้มหาลัย เรา ยังต้องเผชิญโลกภายนอกรอบรอบตัวอีกเยอะ ทั้งทั้ผู้คนสถานที่ ต่างๆ ดังนั้นตั้งตั้ไจเรียนเพื่อได้ไปเจอสังคมดีดี ได้มีงานทำ สบายสบาย นำ ความรู้ที่เรียนมาอย่างหนักใช้คุ้มค่า ช่วงที่น่า จดจำ และเป็นช่วงที่แน่นอนว่ากิจกรรมนี้ในี้ครๆหลายหลายคนก็ คงจะต้องเคยแน่นอนก็คือการลอกข้อสอบการและการทำ ข้อสอบการทำ ข้อสอบหรือลอกข้อสอบเป็นเรื่องปกติในการ สอบอยู่แล้วไม่ว่าจะเตรียมตัวมาดีขนาดไหนก็แน่นอนเราจะ ต้องมีการพึ่งเพื่อนที่เก่งกว่าอยู่ดี สุดท้ายก็ต้องมีข้อที่ไม่รู้แล้วก็ ต้องไม่พ้นจากการเดาแต่เราจะทำ ยังไงให้ใกล้คำ ตอบมากที่สุด และวิธีที่เราเลือกใช้มากที่สุดก็คือการขอลอกเพื่อนที่เก่งในวิชา นั้นนั้น และที่สำ คัญเช้าวันไปโรงเรียนก่อนเข้าห้องก็เข้าแถว หน้าเสาธงนี่แหละหลายคนชอบมากแต่เราไม่ชอบเลยแดด ร้อนก็ไม่หวั่นขอแค่เรื่องนอนเพื่อต่างห้องที่แอบชอบมานานก็ หัวใจพองโตแล้ว หลายคนก่อวีรกรรมแบบสุดแซ่บไหนจะ แกล้งเพื่อนนายจะโดนเพื่อนแกล้งเอาซะน่ากลัวแล้วที่สำ คัญ ตอนเข้าแถวคือการเอาสัตว์น้อยหรือหนอนมาวางบนกระเป๋า เพื่อน เพื่อนเหลือบไปเห็นแล้วก็วิ่งไม่รู้ตัวว่าเพื่อนและหัวเราะ กันน้ำ ตาแตกบางวันก็กลายเป็นมนุษย์ทั้งทั้ตัวแอบนอกกันมาก กันในแถวเนียนเนียนสามัคคีกันยาวออกใครเลยล่ะ
แม้ว่าเรียนมหาลัยจะไม่มีเข้าแถวเหมือนตอนมัธยมแต่เชื่อเลยว่าน้อง น้องยังจำ เรื่องราวเหล่านั้นได้ดีและยิ้มยิ้ ไม่หุบเลยว่าไหม เพราะเป็นช่วง เวลาที่ได้อยู่กับเพื่อนเพื่อนมากหน้าหลายตาพูดคุยสนุกสนุกสนุกเม้าส์ มอยส์ละครที่เพิ่งจบไปเมื่อคืนอัพเดทข้อสอบที่อีกห้องสอบไปก่อนซะ หน่อยว่ายากไหมและหาคำ ตอบหรือขอคำ ตอบจากเพื่อนต่างห้องว่าจะ ยากสมคำ ร่ำ รือหรือเปล่าหรือแม้แต่เวลาและสถานที่ที่จะเปลี่ยนไปแต่ เนื้ออื่นใดคือมิตรภาพและความทรงจำ ดีดีที่ยังเหนียวแน่นเชื่อได้เลย ชีวิตมัธยมของฉันนับได้ว่าเป็นชีวิตที่ได้รู้จักกับรสชาติของชีวิตครบทุก รสชาติ ก่อนอื่นเลยก็คือในช่วงวัยมัธยมจะเป็นช่วงที่เด็กกำ ลังจะเจริญ เติบโตหรือเรียกเรียกง่ายง่ายว่าชีวิตก้าวสู่คำ ว่า“วัยรุ่น“ ช่วงวัยรุ่นเป็น ช่วงวัยแห่งความสนุกที่สุดและมีความเป็นส่วนตัวสูง แต่วัยรุ่นไม่ได้พบ เจอแต่ความสนุกสนานเพียงอย่างเดียวหลายหลายคนก็มีเรื่องทุกข์อก ทุกข์ใจซ่อนอยู่ในชีวิตไม่น้อยเลยแต่ละคนก็มีเรื่องราวแตกต่างกันไป ตามสิ่งที่พบเจอและการกระทำ ของตัวเอง และถือได้ว่าเป็นช่วงชีวิตที่ ลองผิดลองถูกกับหลายหลายเรื่องอย่างมากมาย โดยเฉพาะการใช้ชีวิตที่ ต้องมีสังคมความสนุกสนานมีเพื่อนอยู่ตลอดเวลา และที่สำ คัญกว่านั้น คือจะต้องเอาตัวเองให้รอดกับการเรียนหนังสือรวมถึงการสอบและเทอม อีกด้วย แน่นอนค่ะมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเพราะหลายหลายคนติด สนุก ติดเที่ยว ติดเพื่อน จนลืมการเรียน ทำ ให้ผลการเรียนไม่เป็นตาม เป้าหมาย และด้วย เหตุผลที่ว่าวัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่ต้องค้นหาตัวเองค้นหา การเดินทางเพื่อทำ ตามความฝันและความหวังของครอบครัว ในเรื่อง ของอาชีพในอนาคต และการมีชีวิตในครอบครัวและสังคมที่มีความ อบอุ่นก็เป็นปัญหาหนึ่งที่เราต้องพบเจอ สิ่งเหล่านี้อนี้าจจะดูเป็นสิ่งเล็กๆ แต่สิ่งเหล่านี้เนี้ป็นการสร้างความสับสนให้กับชีวิต สร้างความกดดัน สร้าง ความทรมานใจความว่างเปล่า ความหวั่นไหว ความเปลี่ยวเหงาโดดเดี่ยว ในชีวิตของวัยรุ่นได้ หลายหลายคนอาจจะคิดว่าชีวิตวัยรุ่นมีความแตกต่างจากผู้ใหญ่ไปบ้าง แต่คงเป็นชีวิตที่สนุกที่สุด ไม่ต้องเหนื่อยและเครียดกับอะไรเลย แต่ จริงๆแล้วไม่ใช่เลย ชีวิตวัยรุ่นมีความเหนื่อยความทรมานใจและภาระ หน้าที่ ที่แตกต่างจากวัยผู้ใหญ่ไปบ้างแต่มีปัญหามาให้ปวดหัวมากมาย เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วชีวิตในวัยวัยรุ่นมักจะเหนื่อยกับเรื่องเพื่อน เพราะเพื่อนถือว่าจะเป็นปัจจัยหลักของชีวิตวัยรุ่นเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่า ทุกคนจะต้องมีเพื่อนไม่มีใครที่ไม่มีเพื่อน เรื่องเพื่อนเลยถือว่าวัยรุ่นจะให้ ความสำ คัญมากเป็นพิเศษ เรื่องบางเรื่องอาจจะยากมากเกินกว่าที่จะให้ คำ ตอบ ส่วนใหญ่แล้วจะมีให้เห็น เช่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขึ้กับชีวิตเราสิ่ง แรกที่เราจะนึกถึงและพูดคุยด้วยก็คือ…… เพื่อน
ด้วยความร้อนใจของคนวัยนี้แนี้ละเป็นวัยที่คึกคะนอง ไม่ยอมใคร คิดว่าตัว เองเก่ง คิดว่าตัวเองแน่ คิดว่าตัวเองถูกเสมอ เป็นวัยที่ไม่มีใครยอมใคร มักจะเกิดความบาดหมางกันได้ง่ายและทะเลาะกันได้ง่าย เรื่องบางเรื่อง เป็นเรื่องเล็กๆแต่ก็ทำ ให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ง่ายง่ายเช่นกัน เป็นวัยที่เลือกที่ จะใช้คำ พูดรุนแรงใส่กัน ทั้งทั้ต่อหน้าและการลงโซเชียลในด้านลบที่กระทบ ให้อีกฝ่ายเห็น และเกิดการทะเลาะเบาะแว้งสู่การทำ ร้ายร่างกายในที่สุด และสุดท้ายจะทำ ให้มองหน้ากันไม่ติดกลายเป็นศัตรูต่อกันสร้างปัญหา คอยแขวะคอยหาเรื่องฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่จบไม่สิ้นสิ้ ส่วนในเรื่องของการเรียนนั้นขึ้นขึ้อยู่กับตัวบุคคลล้วนล้วน ใครที่ตั้งตั้ไจเรียน ก็มักจะได้ผลตอบแทนที่ดีก็คือเกรดที่สวยและสูงน่าชื่นชม ส่วนหลาย หลายคนที่ติดสนุกติดเพื่อนอาจจะได้เกรดที่ไม่สวยหรูมากนัก เด็กเรียนก็ จะเครียดแต่กับคะแนนกับเรื่องเรียนกับผลสอบ ส่วนเด็กเกเรมักจะเครียด กับเรื่องเพื่อนเรื่องสิ่งรอบข้าง เรื่องเล็กๆน้อยๆ เรื่องไร้สาระ เรื่องเรียน ส่วนใหญ่แล้วก็จะเหมือนเหมือนกันทั้งทั้หมดต่างกันแค่ว่าใครให้ความ สำ คัญมากน้อยกว่าก็แค่นั้น ชีวิตมอปลายที่ผ่านมาตลอดสามปีในรั้วรั้เทา-แดง เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นขึ้ มันมีมากมายทั้งทั้สุขทั้งทั้ทุกข์ปะปนกันไป ตอนนี้ฉันี้ฉันอายุ 18 ปีฉันได้ทำ การ บันทึกข้อความนี้เนี้วลา 21.30 น. ของวันที่ 2 มีนาคม 2567 ฉันจบการ ศึกษาระดับ ระดับมัธยมต้นปีที่สามด้วยเกรดเฉลี่ย 3.94 และต่อมาฉัน ก็ได้มาลงสมัครเรียนต่อระดับชั้นชั้มอปลาย ในสายศิลป์คำ นวณ ฉันเป็นคน ไม่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ไม่ชอบการคิดคำ นวณ แต่ทำ ไมฉันจึงเลือกสาย ศิลป์คำ นวณล่ะทั้งทั้ทั้งทั้ที่ไม่ชอบคณิตศาสตร์และภาษา เพราะตอนนั้นมันมี ทางเลือกไม่มากนักโรงเรียนฉันเป็นโรงเรียนขนาดกลางซึ่งในมัธยมปลาย เปิดรับแค่ สี่สาย มีสายทั่วไปสายศิลป์คำ นวณสายวิทย์คณิตและสายภาษา และอีกอย่างวิชาหนึ่งที่ฉันไม่ชอบคือวิชาภาษาอังกฤษเกลียดวิชานี้มนี้าก ถึง ขั้นขั้ ไม่อยากเรียนเลยก็ว่าได้ถ้าต้องเลือกระหว่างคณิตกับอังกฤษคงต้อง เลือกคณิตไว้ก่อน ถึงแม้จะไม่ชอบแต่ก็พอบวกลบคูณหารได้เหมือนภาษา อังกฤษซึ่งฉันไม่รู้เรื่องเลยว่าอะไร ไม่รู้เรื่องอะไรเลยถึงจะพออ่านได้แต่ก็ แปลไม่ออกอยู่ดีอยู่ดี ตอนแรกฉันก็มีความคิดเช่นนั้นที่จะไปเรียน โรงเรียนอื่น แต่พอคิดให้ดีแล้วโรงเรียนใกล้บ้านดีกว่าเพราะจะได้ช่วยลด ภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวที่บ้าน และฉันก็คิดว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน ฉันแค่ต้องขยันอดทนและตั้งตั้ใจเรียนให้ดีที่สุดเพราะเป็นทางเดียวที่จะช่วย เขาครอบครัวฉันดีขึ้นขึ้และไม่ต้องลำ บาก เมื่อฉันเรียนจบฉันจะได้มีงานทำ ดีดีบางครั้งรั้เราก็ต้องทำ สิ่งที่ตัวเองไม่ชอบบ้างเป็นธรรมดาฉันจึงคิดเช่นนั้น และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของมอปลาย กับการที่แบกความฝันและความหวัง ของครอบครัว แล้วจะต้องผ่านมันไปให้ได้แม้จะมีอุปสรรคมากมายเข้ามา
และนี่ก็คือชีวิตเราได้เริ่มขึ้นขึ้แล้ว ในวันเปิดเทอมเปิดเทอมแรกของปีการ ศึกษา 2561 ชุดนักเรียนตัวใหม่รองเท้าคู่ใหม่ ที่ใส่แล้วดูแปลกตา กับ สถานที่ใหม่ และฉันเปิดและเปิดเทอมวันแรกฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ พบเพื่อนใหม่ใหม่ครูใหม่ที่ใหม่และสังคมใหม่ใหม่ ได้เรียนวิชาใหม่ใหม่ที่ ฉันไม่เคยได้เรียนมาก่อน และรู้สึกว่าทุกอย่างมันจะใหม่หมดสำ หรับฉัน และฉันก็ต้องต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งรั้นี้ในี้ห้ได้ ตอนนั้น ฉันยังไม่มีเพื่อนสนิทและไม่รู้จะเริ่มพูดคุยกับเพื่อนอย่างไรฉันทำ ตัวไม่ถูก ตอนนั้นฉันเลือกที่จะนั่งแถวหน้าสุดติดกับริมหน้าต่างเพื่อลดความตื่นเต้น ถ้านั่งหน้าสุดแถวกลางจะเป็นการเผชิญหน้ากับครูโดยตรง มันจะทำ ให้ฉัน รู้สึกกดดันเกินไปฉันเลือกที่จะนั่งแถวล่าสุดมันจะทำ ให้ฉันมีสมาธิได้ยิน เสียงของคุณชัดเจนและยังมองเห็นอย่างชัดเจนอีกด้วย หลังจากนั้นที่นั่งที่ พอใจแล้วครูก็จะเดินเข้ามาแล้วบอกว่าหมดคาบผมรูมให้นักเรียนลุกขึ้นขึ้ เก็บโต๊ะเก้าอี้ใอี้ห้เรียบร้อยแล้วไปเรียนวิชาต่อไปได้ค่ะ พอหมดคาบก็ต้อง ย้ายห้องไปเรียนวิชาอื่นแต่ไม่ว่าจะเรียนห้องไหนฉันก็จะมีวิธีการเลือกที่นั่ง ประมาณนี้แนี้ต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างฉันคิดเสมอไป บางครั้งรั้ที่ที่เราเลือก เพื่อนที่มามาก่อนเขาว่านั่งไปแล้วฉันก็จะต้องนั่งที่อื่นบางคาบก็นั่งหลังห้อง บ้างกลางห้องบ้างหน้าห้องว่าง แต่ก็ไม่เป็นไรแค่ตั้งตั้ใจต้องใช้สมาธิเพิ่มขึ้นขึ้ มาบ้างบางครั้งรั้หัวเพื่อนที่นั่งข้างหน้าก็บังกระดานจนเราต้องเอียงตัวไปข้าง หน้าหรือด้านข้างเพื่อให้มองเห็น บางครั้งรั้เพื่อนก็พูดคุยกันเสียงดังจนฉัน ไม่ได้ยินที่กูพูดฉันเลยต้องไปตั้งตั้ใจฟังเพื่อนพูดกันแทน ส่วนใหญ่ก็พูดคุย กันเรื่องดาราเกาหลีเรื่องหนังเรื่องละครปาปาปา มีเรื่องพูดคุยกันเยอะแยะ ไปหมดจนหมดคาบเรื่องราวในห้องเรียนไปโรงเรียนเข้าเรียนตามตาราง เรียนที่โรงเรียนจัดไว้ เลิกเรียนกลับบ้านทำ การบ้าน กินข้าว อาบน้ำ นอน ก็ ทำ อยู่แค่นี้แนี้หละทุกๆวันแต่ก็ยังมีอีกอย่างที่เกิดขึ้นขึ้มาโดยที่เราอาจจะไม่รู้ ตัวนั่นคือมิตรภาพและความรักจากเพื่อน ส่วนประเด็นหลักอีกอย่างก็คือ เรื่องความรัก แน่นอนค่ะรักในวัยเรียน สามารถเกิดขึ้นขึ้ ได้ง่ายมาก เป็นที่ที่รักสนุก อยากรู้อยากลอง ความรักทำ ให้ สดใสหากเจอคนไม่ดี ก็จะทำ ให้ชีวิตเศร้ามองได้มากเช่นกัน ในช่วงวัยรุ่น มาหลายคู่มักจะคบกันไม่นานเพราะมีเรื่องให้ทะเลาะกันอยู่บ่อยบ่อย ส่วน ใหญ่จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆไร้สาระ เพราะต่างคนต่างยังไม่มีวุฒิภาวะมาก พอ ทำ ให้ไม่เข้าใจคำ ว่ารักอย่างแท้จริง บางคนเลือกแฟนจากหน้าตา บาง คนเลือกแฟนจากฐานะ แต่ส่วนใหญ่วัยรุ่นจะเลือกคบแฟนที่หน้าตา ไม่ได้ มองเข้าไปถึงจิตใจและอนาคต มันเลยทำ ให้คบกันได้ไม่นานและต่างคน ต่างต้องการเอาชนะ ไม่รู้จักยอมเลยทำ ให้ความรัก หรือหนังสือเล่มนั้น ต้องถูกปิดลงโดยเร็ว
และยังมีเรื่องครอบครัวที่จะต้องแบกรับอีกด้วย นั่นก็คือความหวัง ความ หวังของครอบครัวเป็นอะไรที่หนักที่สุด เพราะเรากลัวทำ ไม่ได้ ขอบคุณ ที่รักเสียใจ และมองในแง่ดี มันคือแรงผลักดันที่จะทำ ให้เราก้าวสู่เส้นชัย เพราะเรามีเป้าหมาย และมีกำ ลังใจ รู้ว่าทำ เพื่อใคร ในเรื่องบางเรื่องอาจจะ ไม่สามารถพูดคุยกับครอบครัวได้ เพราะบางครอบครัวยังมีการปิดกั้นกั้ กลายเป็นต้องแอบหลบหลบซ่อนซ่อน แน่นอนว่าทุกคนจะต้องเคยเจอ ปัญหาแบบนี้ มันเป็นความกดดัน และมองอีกอย่างก็คือความหวังดี ความ หวังดีที่ควรให้ครอบครัวเราไปไม่ถึงฝั่ง เลยอาจจะมีการคิดกรอบขีดเส้นให้ เราเดิน ทำ ให้เราอึดอัดไปบ้าง แต่ทุกอย่างล้วนมาจากความหวังดีที่จะ ต้องการให้เราได้ดี ได้มีชีวิตที่ดีได้มีอนาคตที่ดี นั่นคือความหวังของ ครอบครัว และที่กว่านั้นคือการเห็นเราเรียนจบ นี่ก็คือสามารถเห็นได้ว่าชีวิตวัยรุ่นเป็นชีวิตที่ไม่ง่ายเลย เพราะเป็นวัยที่ถูก คาดหวังไว้สูงและมักถูกกดดันให้เก่งในหลายหลายเรื่อง ว่าจะต้องเรียนให้ จบมีงานดีดีทำ มีอาชีพที่มั่นคงเงินเดือนสูงสูง และสิ่งเหล่านี้ก็นี้ ก็ สร้าง บาดแผลในใจให้กับวัยรุ่นอยู่ไม่น้อยเลย จากความหวังสู่การเปรียบเทียบ ฉันต้องดี ฉันต้องเก่ง ให้กับคนนั้น การเปรียบเทียบนี้ทำนี้ทำให้สร้างความเจ็บ ปวดและส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของวัยรุ่น ถูกเปรียบเทียบจนทำ ให้ไม่ เห็นค่าของของตัวเอง รู้สึกไร้ค่าเพราะไม่สามารถทำ เหมือนคนอื่นได้ กลัว ว่าจะไม่ประสบความสำ เร็จและกลัวว่าจะถูกต่อว่า หรือตำ หนิ หรือในทาง ตรงกันข้ามวัยรุ่นบางคนเริ่มทำ ตัวก้าวร้าว มีความอิจฉาริษยาเกิดขึ้นขึ้เกิด ความคิดที่ไม่ดีมีการต่อต้านและมีพฤติกรรมที่ประชดประชัน เพราะคนทุก คนมีความอดทนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ควรนำ ใครมาเปรียบเทียบ กับใคร เพราะสิ่งเหล่านี้คืนี้คื อการเอาความสุขของช่วงชีวิตวัยรุ่นไป ชีวิตวัย รุ่นควรโฟกัสความสุขและการเรียน พาไปสู่เส้นทางที่งดงามของชีวิต การ ใช้ชีวิตในมัธยมเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุดเพราะมันเป็นช่วงเวลาที่เราได้ เรียนได้เล่นทำ ต่างๆมากมายโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เป็นช่วงที่ชีวิตมีทั้งทั้ ความผูกพันกับครูอาจารย์เพื่อนเพื่อนและโรงเรียน มีทั้งทั้ความเศร้าที่จะ ต้องจากกันไปตามหาความฝันของตัวเองและยังมีความกดดันความเครียด กับการแข่งขันที่จะสอบเข้ามหาลัยต่างๆเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับ อุดมศึกษาอีกด้วย เป็นเรื่องที่ดีและเป็นเรื่องที่ดีที่น่าจดจำ ของชีวิตเด็กมอ ปลาย เชื่อเลยว่าหลายสิ่งที่เริ่มต้นจากเวลานี้ณนี้ที่นี้แนี้หละไม่ว่าจะ ประสบการณ์ชีวิตหรือแม้แต่มิตรภาพระหว่างเพื่อนเพื่อนก็น่าอิจฉามากๆ เลย ก็เล่นรักและผูกพันกันเสมือนเหมือนกันตามกันมาติดติด ไม่มีปิดเลย ไม่ให้รักได้ไงร่วมทุกข์ร่วมสุขก่อวีรกรรมสุดติ่งกันมาซะอดขำ ไม่ได้สักที
แต่เวลาก็ผ่านไปเร็วจริงๆนะขนาดนี้เนี้ดี๋ยวนี้ก็นี้ ก็ ต้องแยกย้ายไปเรียนกันต่อมหา ลัยแล้วคงคิดถึงเพื่อนเพื่อนคิดถึงโรงเรียนแย่เลยแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเลยขอบ อกแล้วน้องน้องรู้มั้ยมั้คะว่าทำ ไมมันมาหาคำ ตอบกันเด็กมอปลายกับชีวิตมหา ลัย ช่วงวัยที่เครียดมากที่สุดนั่นก็คือช่วงก่อนที่จะเรียนจบ เพราะจะต้องมีการ วางแผนหลายหลายอย่าง และที่สำ คัญกว่านั้น คุณต้องค้นหาตัวเองให้เจอ ก่อนที่จะเรียนจบเพื่อที่จะตั้งตั้เป้าหมายและเดินไปให้ถึง การค้นหาตัวเองว่า ต้องการอะไรและเหมาะกับอะไรมันไม่ง่ายเลย บางคนถึงกับเครียดกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะกลัวเลือกผิด การเลือกที่จะเรียนต่อในสายที่ตัวเองชอบ แน่นอนว่าหลายคนคงจะคิดแล้วคิดอีก เพราะกลัวจะทำ ไม่ได้หรืออาจจะไป ไม่ถึงฝั่ง แต่ที่สำ คัญกว่านั้นก็คือปัญหาเรื่องเงิน บางคนอาจจะต้องเลือกมหา ลัยใกล้บ้านเพราะต้องการซัพพอร์ตเงินให้กับครอบครัว บางคนเลือกมหาลัย ชื่อดังหรือว่าอะไรดีดีที่มีค่าเทอมแพงตามกำ ลังทรัพย์ของตัวเอง สิ่งที่สำ คัญ กว่านั้นคือการสอบเข้ามาอะไรยังไงให้ติด และช่วงนี้แนี้หละค่ะ มันคือการ แข่งขัน และความกดดันที่สูงที่สุด เพราะเราจะต้องรีบหาที่เรียนให้ได้พร้อม เพื่อน นับเป็นช่วงเวลาที่กดดันและเคร่งเครียดมากสำ หรับวัยมัธยมปลาย ที่ เชื่อว่าหลายหลายคนจะต้องพบเจออย่างแน่นอน แต่เมื่อเราได้หาที่เรียน แล้ว และความเครียดต่อมาคือการสอบสัมภาษณ์ และการปรับตัวเข้าสู่วัย มหาลัย หลายหลายคนอาจจะสอบผ่านและสมหวังในรอบเดียว และหลาย หลายคนอาจจะต้องสอบหลายหลายที่หลายหลายรอบ มีหลายคนที่สมหวัง และมีอีกหลายคนเช่นกันที่ไม่สมหวัง ช่วงที่ต้องไปสอบเพื่อเข้ามหาลัยเป็น ช่วงที่กดดันมากเพราะคู่แข่งเยอะการแข่งขันที่สูง และกว่าจะรอประกาศบาง คนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะตื่นเต้น และกลัวที่จะผิดหวังกลัวทำ ไม่ ได้ กลัวครอบครัวเสียใจกลัวคนอื่นดูถูก กลัวโดนคนรอบข้างตำ หนิ กลัวโดน เพื่อนล้อ แล้วก็มีหลายคนที่ไม่ได้เรียนต่อตรงนี้แนี้หละมันคือการกดดัน กลัว อะไรหรอ…………………………………………………………. กลัวโดนดูถูก เพราะสมัยนี้กนี้ารเรียนจบอย่างต่ำ ก็คือการเรียนเรียนจบ ปริญญาตรี ทำ ให้คนที่ไม่ได้เรียนต่อหลายหลายคนเกิดความเครียดความ กดดัน เพราะกลัวสังคมไม่ยอมรับ กลัวด้อยกว่าคนอื่น รู้สึกตัวเองแย่ รู้สึก ไม่เท่าคนอื่นและอีกหลายหลายอย่างหลายความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ สิ่งที่สำ คัญกว่านั้นคือจะเรียนจบยังไงให้พร้อมเพื่อ บางคนติดศูนย์ ติดรอ ทำ ให้มีอุปสรรคต่อการเรียนเรียนจบอย่างมาก ส่วนหลายหลายคนก็ไม่ได้ ติดอะไรเลยตั้งตั้หน้าตั้งตั้ตารอวันรับไปจบอย่างเดียว ทุกเจ้าที่กล่าวมาทั้งทั้หมด แสดงให้เห็นได้เลยว่าชีวิตวัยรุ่นมันไม่ง่าย มันมีหลายหลายอย่างที่ต้องเรียน รู้อีกเยอะ มันมีหลายอย่างที่ต้องพบเจอต้องเลือก ต้องกดดัน และชีวิตวัยรุ่น นี่แหละคือจุดเสี่ยงชีวิต หากเลือกผิดก็คือผิด หากเลือกถูกก็จะทำ ให้เจอชีวิต ที่ดี
เพราะฉะนั้นชีวิตในช่วงวัยรุ่นมันเป็นชีวิตที่ต้องเลือกให้ถูก ต้องเลือกสิ่งดี ดีเพื่อจะได้พบกับอนาคตที่ดี หกปีสุดท้ายแล้วที่จะได้อยู่ร่วมกับเพื่อนที่ เรียนมาตั้งตั้แต่มัธยมต้นที่อยู่ด้วยกันมาหกปีมันทำ ให้ฉันไม่อยากจากเพื่อน ไปไหนไม่อยากหาเพื่อนที่ดีใหม่ใหม่ เพราะเราได้ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ มากมายหลายหลายอย่างทำ ให้เกิดความผูกพันในช่วงชีวิตมัธยมปลาย เรา โตขึ้นขึ้เราก็ต้องดูแลรุ่นน้องคุณครูมอบหมายหน้าที่มากขึ้นขึ้เพราะต้องเป็นพี่ โตสุดในโรงเรียนเราต้องทำ อะไรที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้องและในชีวิต มัธยมปลายนั้นเป็นช่วงที่อะไรหลายหลายอย่างนำ เข้ามามากมายไม่ว่าจะ เป็นเรื่องการสอบมหาลัยไม่ว่าจะเป็นการสอบโอเน็ตทีแกต่างๆมากมาย เป็นเรื่องที่ปวดหัวมากและจัดกิจกรรมต่างๆภายในโรงเรียนเด็กมัธยม ปลายเป็นช่วงที่สุดสุดจริงๆแต่มันก็ทำ ให้เราได้ประสบการณ์ต่างๆความ สนุกต่างๆที่ได้ทำ กับรุ่นน้องหรือเพื่อนเรามันทำ ให้เราผูกพันยิ่งขึ้นขึ้ทั้งทั้นี้ในี้น ชีวิตมัธยมปลายของฉันฉันชอบมากที่สุดและมีความสุขสุดสุดที่ได้อยู่กับ เพื่อนและเราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้อง วันปัจฉิมเป็นวันสุดท้ายที่ เรากับเพื่อนได้ทำ กิจกรรมร่วมกันมันเป็นเรื่องปกติที่เข้าเรียนใหม่ก็ ก็ต้อง ประถมนิเทศพอจะจบออกไปก็ถึงคิวปัจฉิมนิเทศกันต่อฉันคิดว่าปัจฉิม นิเทศเป็นกิจกรรมหนึ่งของเด็กโมทุกคนที่สำ คัญมากๆเลยเพราะฉันกับ เพื่อนจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันก่อนจะแยกย้ายไปทำ หน้าที่ของตัว เองกันต่อในจัโอวาทคำ อวยพรดีดีจากครูอาจารย์ไหนจะได้ถ่ายภาพเก็บ เป็นที่ระลึกกับเพื่อนเพื่อนและแก๊งค์ให้หนำ กันไปเลย เพราะเหตุนี้ฉันี้ฉันจึง คิดว่ากิจกรรมปัจฉิมนิเทศสำ คัญไม่น้อยเลยล่ะอย่างน้อยก็ทำ ให้ฉันและ น้องน้องหรือเพื่อนเพื่อนได้ใกล้ชิดกันในวันเรียนจบเป็นความทรงจำ ที่น่า อิจฉาไม่น้อยเลย ชีวิตมอปลายเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆได้เริ่มต้นทำ อะไร หลายหลายอย่างได้เรียนรู้การใช้ชีวิตกับคนอื่นโดยเฉพาะเพื่อนซึ่งแน่นอน ว่าสามารถนำ ไปปรับใช้ในชีวิตมหาลัยได้แม้ว่าสุดท้าย เราก็จะต้องแยก ย้ายกันตามทางที่ตัวเองเลือกแต่เชื่อว่ามิตรภาพและเรื่องราวดีดียัง สวยงามเสมอไม่ว่าจะตอนนี้หนี้รืออีกกี่ 10 ปีข้างหน้าฉะนั้นตอนนี้อนี้ย่าลืม ใช้ชีวิตมอปลายให้คุ้มค่าเพราะบางสิ่งก็หาไม่ได้จากมหาลัย
สมาชิก นางสาวกัญญารัตน์ ผานะวงค์ เลขที่19 นางสาวณัฐพรพร ดำ เรือง เลขที่23 6/4