วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี
เรียนรู้ดิจิทัล: หน่วยที่ 1
อินเทอร์เน็ตทุก
สรรพสิ่ง
ความหมายของ
Internet Of Things
และ
วิวัฒนาก
ารของ
Internet Of Things
เริ่มการเรยนรู้
2
หน่วยที่ 1
ความหมายของ Internet Of Things
และ วิวัฒนาการของ Internet Of Things
ความหมายของ Internet Of Things
Internet of Things (IoT) คือ
"อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง" หมายถึง การที่อุปกรณ์ต่างๆ สิ่งต่างๆ ได้ถูกเชื่อม
โยงทุกสิ่งทุกอย่างสู่โลกอินเตอร์เน็ต ทำให้มนุษย์สามารถสั่งการควบคุมการใช้งาน
อุปกรณ์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เช่น การเปิด-ปิด อุปกรณ์เครื่องใช้
ไฟฟ้า (การสั่งการเปิดไฟฟ้าภายในบ้านด้วยการเชื่อมต่ออุปกรณ์ควบคุม เช่น มือถือ
ผ่านทางอินเตอร์เน็ต) รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องมือสื่อสาร เครื่องมือทางการ
เกษตร อาคาร บ้านเรือน เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
เป็นต้น
3
IoT มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า M2M ย่อมาจาก Machine to Machine คือเทคโนโลยี
อินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่ออุปกรณ์กับเครื่องมือต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน
เทคโนโลยี IoT มีความจำเป็นต้องทำงานร่วมกับอุปกรณ์ประเภท RFID และ
Sensors ซึ่งเปรียบเสมือนการเติมสมองให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ขาดไม่คือการเชื่อม
ต่ออินเตอร์เน็ต เพื่อให้อุปกรณ์สามารถรับส่งข้อมูลถึงกันได้ เทคโนโลยี IoT มี
ประโยชน์ในหลายด้าน แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยง เพราะหากระบบรักษาความ
ปลอดภัยของอุปกรณ์ และเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไม่ดีพอ ก็อาจทำให้มีผู้ไม่ประสงค์
ดีเข้ามาขโมยข้อมูลหรือละเมิดความเป็นส่วนตัวของเราได้ ดังนั้นการพัฒนา IoT จึง
จำเป็นต้องพัฒนามาตรการ และระบบรักษาความปลอดภัยไอทีควบคู่กันไปด้วย
Google Glass เป็นแว่นตาที่คอมพิวเตอร์และหน้าจอติดตั้งอยู่กับตัวแว่น และ
มีกล้องติดอยู่ ขาแว่นรองรับการใช้งานระบบสัมผัส และรองรับการสั่งงานด้วย
เสียง ปั ญหาคือด้วยพื้นที่การแสดงผลที่มีจำกัด มันจะทำอะไรได้บ้าง คงเป็นเรื่อง
ที่หลายคนสงสัย เพราะราคาของมันในตอนนี้วางจำหน่ายอยู่ที่ $1,500 คิดเป็นเงิน
ไทยก็ประมาณ 49,000 บาท เราคงไม่เสียเงินครึ่งแสนกับแว่นตาที่ทำได้แค่ถ่าย
รูปแน่ๆ ใช่ไหมล่ะครับ
คำตอบก็คือ Google Glass ถ้าพูดไปมันก็ทำให้เราเหมือนมี Google ติดตัว
เราตลอดเวลา มันสามารถแสดงข้อมูลจากสมาร์ท โฟนหรือ Google accounts
บนหน้าจอของ Google Glass, รับสายที่โทรเข้ามา, ส่งข้อความ, ถ่ายรูปและ
วิดีโอ, แสดงแผนที่, แสดงผลการค้นหา และทีเด็ดที่สุด คือ รองรับ Google Now
ด้วย
4
ความหมายของ Internet Of Things
จากเทคโนโลยี RFID สู่โลกของ Internet of Things
ย้อนไปเมื่อปี 1999 นาย Kevin Ashton ที่ทำงานวิจัยอยู่ที่มหาวิทยาลัย
Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT เขาได้ถูกเชิญให้ไป
บรรยายเรื่องนี้ให้กับบริษัท Procter & Gamble หรือ P&G ที่เราคุ้นเคย ซึ่งการ
บรรยายในครั้งนั้นเขาได้นำเสนอโครงการที่ชื่อว่า Auto-ID Center ซึ่งต่อยอด
มาจากเทคโนโลยี RFID ที่ในขณะนั้นถือเป็นมาตรฐานโลกสำหรับการจับ
สัญญาณเซ็นเซอร์ต่างๆ( RFID Sensors) ว่าตัวเซ็นเซอร์เหล่านั้นสามารถทำให้
มันพูดคุยเชื่อมต่อกันได้ผ่านระบบ Auto-ID ของเขา โดยการบรรยายให้กับ P&G
ในครั้งนั้นนาย Kevin Ashton ก็ได้ใช้คำว่า Internet of Things ในสไลด์การ
บรรยายของเขาเป็นครั้งแรก โดย Kevin นิยามเอาไว้ตอนนั้นว่าอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ใดก็ตามที่สามารถสื่อสารกันได้ได้ก็ถือเป็น “internet-like” หรือ
พูดง่ายๆก็คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สื่อสารแบบเดียวกับกับระบบอินเตอร์เน็ต
นั้นเอง โดยคำว่า “Things” ก็คือคำใช้แทนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆเหล่านั้น
5
ตู้ ATM ถือเป็นอุปกรณ์ Internet of Things ชิ้นแรก
จากคำนิยามที่นาย Kevin Ashton ได้บรรยายไว้ ก็ได้มีการยกตัวอย่างเจ้าอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ที่เข้าข่ายถือเป็น Internet of Things ได้นั้นก็พบว่าเจ้าตู้ ATM ที่เรา
ใช้กดเงินกันอยู่ทุกวันนี้นี่แหละถือเป็น Internet of Things ชิ้นแรกของโลก เพราะ
มันสามารถเชื่อมต่อสื่อสารหากันได้ผ่านเครือข่ายของธนาคารและสาขาต่างๆ ซึ่งเจ้า
ATM นั้นถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1974 ก่อนที่จะมีการนิยามคำว่า Internet of
Things เสียด้วยซ้ำ
ต่อมาหลังปี 2000 โลกมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกมาเป็นจำนวนมากและมีการใช้
คำว่า Smart ซึ่งในที่นี้คือ smart device, smart grid,smart home, smart
network, smart intelligent transportation ต่างๆเหล่านี้ล้วนมีโครงสร้างพื้น
ฐานที่สามารถเชื่อมต่อกับโลกอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งการเชื่อมต่อเหล่านั้นเองก็เลยมา
เป็นแนวคิดที่ว่าอุปกรณ์เหล่านั้นก็ย่อมสามารถสื่อสารกันได้ด้วยเช่นกันโดยอาศัยตัว
Sensor ในการสื่อสารถึงกัน นั่นแปลว่านอกจาก Smart devices ต่างๆจะเชื่อมต่อ
อินเตอร์เน็ตได้แล้วมันยังสามารถเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ตัวอื่นได้ด้วย
6
ในปี 2020 จะมีรถยนต์ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตถึง 250,000 คันและเมื่ออุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นเล็กๆที่เป็น Internet of Things สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้
แล้ว ทำไม Things อย่างรถยนต์ทั้งหลายจะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตกับเขาบ้างไม่ได้
ตัวอย่างรถยนต์ที่ว่านั้นก็คือรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ที่เชื่อมต่อข้อมูลของตัวรถเข้า
กับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตและศูนย์ข้อมูลของ Tesla motor ในการอัพเดทข้อมูล
สำคัญๆต่างๆให้กับตัวรถยนต์และผู้ขับขี่หรืออย่างโครงการ Google’s Self-
DrivingCar รถยนต์ไร้คนขับของกูเกิลที่นำระบบอินเตอร์เน็ตเข้ามาร่วมประมวลผล
ในการคำนวนเส้นทางต่าง (คล้ายกับที่เราเปิด Google Mapsเพื่อค้นหาเส้นทาง)
โดยกูเกิลได้นำข้อมูลของรถยนต์กว่า 10,000คันไปประมวลผลในแต่ละสัปดาห์เพื่อ
หาวิธีการขับขี่ที่ปลอดภัยที่สุดให้กับรถยนต์ไร้คนขับของกูเกิลและในปั จจุบันก็มี
หลายค่ายรถยนต์ก็เริ่มพัฒนารถยนต์ให้มีความสามารถในลักษณะนี้เพิ่มขึ้นและอาจ
จะมีการต่อยอดแนวคิดนี้ขึ้นไปอีกโดยอาจจะไปถึงขั้นที่ในอนาคตเราจะได้เห็น
รถยนต์แต่ละคันตามท้องถนนสามารถสื่อสารกันแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้เพื่อ
นำไปประมวลผลการเรื่องขับขี่ที่ปลอดภัยเพื่อลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นนั่นเอง
ที่มาของรูปภาพ https://sites.google.com/site/eportorra/home/tdformanagework/unit2
7
วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี
เรียนรู้ดิจิทัล: หน่วยที่ 2
อินเทอร์เน็ตทุก
สรรพสิ่ง
ประเภทของ Internet Of Things
และ
ประโยชน์ Internet Of Things
เริ่มการเรยนรู้
หน่วยที่ 2
ประเภทของ Internet Of Things
และ ประโยชน์ Internet Of Things
ประเภทของ Internet Of Things
ปั จจุบัน IoT แบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
Industrial IoTs: แบ่งจาก Local Network มีหลายเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน
ในโครงข่าย Sensor Nodes โดยตัวอุปกรณ์ IoT Device ในกลุ่มนี้ จะเชื่อม
ต่อแบบ IP Network เพื่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ต
Commercial IoTs: แบ่งจาก Local Communication ที่เป็น Bluetooth
หรือ Ethernet (Wired Or Wireless) โดยตัวอุปกรณ์ IoT Device ในกลุ่มนี้
จะสื่อสารภายในกลุ่ม Sensor Nodes เดียวกันเท่านั้นหรือเป็นแบบ Local
devices เพียงอย่างเดียวอาจไม่ได้เชื่อมสู่อินเตอร์เน็ต
3
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยี IoTs
ตู้เย็น
มีระบบที่สามารถตรวจจับจำนวนสิ่งของต่างๆ ได้ และเมื่ออาหารในตู้เย็นใกล้จะ
หมดอายุระบบจะมีข้อความแจ้งเตือนไปยังสมาร์ทโฟนให้เราวางแผนการซื้อาหาร
ภายในตู้ได้ตลอดเวลา
เครื่องซักผ้าและราวตากผ้า
สามารถสั่งให้เครื่องซักผ้าเริ่มซักและปั่ นผ้าล่วงหน้าผ่านสมาร์ทโฟน เมื่อซักผ้า
เสร็จเรียบร้อยแล้ว ระบบก็จะส่งข้อมูลรายงานอัตโนมัติ พร้อมกับส่งข้อมูลไปยัง
ราวตากผ้าให้เคลื่อนตัวออกมากลางแดด เมื่อกลับมาถึงบ้านก็นำผ้าไปตากได้เลย
ทำให้ประหยัดเวลาในการทำงานบ้านได้มากขึ้น รวมถึงเมื่อราวตากผ้าได้รับ
พยากรณ์อากาศว่าจะมีฝนตก ราวตากผ้าก็จะเคลื่อนตัวกลับเข้าสู่ที่ร่มอัตโนมัติ ไม่
ต้องกังวลว่าผ้าที่ซักแล้วจะเปียกฝน
กล้อง Cloud CCTV
กล้องสามารถจับความผิดปกติและส่งข้อมูลไปยังสมาร์ทโฟนของเราได้ โดยผ่าน
การเชื่อมต่อกับซิมโทรศัพท์ ที่ส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็น
กล้องนิรภัยสำหรับติดตามจุดเสี่ยงต่างๆ ในเมือง เมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ
ระบบจะส่งข้อมูลภาพไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งให้ทราบถึงความไม่
ปลอดภัย
4
ประโยชน์ของ IoTs ที่ทำให้ทุกสิ่งรอบตัวง่ายขึ้น!
IoT หรือ Internet of Thing เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นกับธุรกิจ
และโรงงาน อย่างเช่น Smart Factory ที่ได้นำ IoT มาใช้ในการเชื่อมต่อ
อินเทอร์เน็ตกับเครื่องจักรและเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลถึงกัน รูป
แบบการประยุกต์ใช้งานขึ้นอยู่กับลักษณะธุรกิจความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม
ของผู้พัฒนาในบทความนี้เราจะมาพูดถึง ประโยชน์ 5 ข้อ ของการใช้งาน IoT ว่า
จะส่งผลดีต่อธุรกิจอย่างไรบ้าง
1.ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
IoT จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจาก
ความสามารถในการทำงานและการส่งผ่านข้อมูลของ IoT นั้นสูงกว่าการใช้มนุษย์
ทำงาน การทำงานของมนุษย์อาจจะทำให้เกิด Human Error และเกิดข้อจำกัด
ด้านพลังงาน, เวลา และสถานที่ได้ แต่ IoT มีความสามารถในการเก็บข้อมูล
ประมวลผล ส่งผ่าน และแสดงผลได้อย่างรวดเร็วและสามารถรองรับข้อมูลได้
เป็นจำนวนมหาศาล
5
2.ไร้ข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่
IoT สามารถทำงานได้แบบไร้พรมแดน เพราะขับเคลื่อนด้วยอินเทอร์เน็ต อย่างที่
เราทราบกันดีว่าอินเทอร์เน็ตสามารถเชื่อมสิ่งที่อยู่ห่างไกล ให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างเช่นสามารถติดตามผลการดำเนินงานและเช็คสถานะการผลิตได้
แม้ว่าโรงงานจะอยู่คนละจังหวัดหรือประเทศก็ตาม และ IoT ยังสามารถทำงานได้
ตลอดเวลา ต่างจากมนุษย์ที่มีพลังงานจำกัด ต้องการการพักผ่อน สิ่งนี้ทำให้เห็น
ว่าการใช้ IoT ช่วยทำลายกำแพงด้านเวลาและสถานที่ได้
3.ช่วยลดต้นทุนในหลาย ๆ ด้าน
เนื่องจาก IoT มีความแม่นยำและไรข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ ทำให้ช่วยลด
ต้นทุนได้หลาย ๆ ด้าน อย่างเช่นต้นทุนการจ้างงาน ต้นทุนค่าเสียโอกาส หรือ
ต้นทุนการผลิตตัวอย่างต้นทุนการผลิตที่ลดลง อธิบายได้ง่าย ๆ เช่นถ้าหากว่าเรา
ทราบข้อมูลความต้องการสินค้าอย่างละเอียดและเฉพาะเจาะจง เราะจะสามารถ
ผลิตได้ตามความต้องการของลูกค้าในทันท่วงที ตามจำนวนการสั่ง หรือที่เรียกว่า
Just In Time (JIT) การผลิตแบบนี้จะช่วยลดต้นทุนจมในการผลิตที่เกินมาได้
อย่างมีนัยสำคัญ
4.อำนวยความสะดวก มีเวลาเหลือในการสรรค์สร้างนวัตกรรม
สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ทำได้ดีกว่าเทคโนโลยีคือ “ความคิดสร้างสรรค์” การให้เทคโนโลยี
ทำงานด้าน Routine แทนเรา จะทำให้เรามีเวลาในการทำงานสร้างสรรค์ งาน
นวัตกรรม ทำสิ่งที่ควรทำมากยิ่งขึ้น เพราะแท้ที่จริงแล้วมนุษย์มีศักยภาพที่ซ่อนอยู่
มากกว่าจะทำเพียงแค่งาน Routine เท่านั้น การให้เทคโนโลยีทำงานแทนและโยก
แรงงานที่ทำงาน Routine มาฝึกฝนเพื่อทำงานที่ซับซ้อนและใช้ไอเดียมากขึ้นจะ
ทำให้กิจการเกิดความก้าวหน้ามากขึ้น
5.ยกระดับกิจการให้ Smart ในสายตานักลงทุน
IoT เป็นอีกหนึ่งปั จจัยในการเกิดเป็น Smart Factory หรือ Smart Business
และช่วยเสริมให้เกิดข้อดีหลาย ๆ อย่าง เช่นสร้างกำไร, ลดต้นทุน, เพิ่มรายได้และ
ขยายกิจการ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ผลประกอบการดีขึ้น มีหน้างบการเงินที่สวย (โดย
ไม่ต้องตกแต่งตัวเลข) เป็นที่น่าจับตามองของนักลงทุนหรือ Partner ต่าง ๆ ที่จะ
เข้ามาสนับสนุนธุรกิจของคุณ
6
วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี
เรียนรู้ดิจิทัล: หน่วยที่ 3
อินเทอร์เน็ตทุก
สรรพสิ่ง
ข้อดี ข้อเสียของ Internet Of
Things และ
ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
เริ่มการเรยนรู้
หน่วยที่ 3
ข้อดี ข้อเสียของ Internet Of Things
และ ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
ข้อดี ข้อเสียของ Internet Of Things
Internet Of Things หรือ IoT คือ การที่อุปกรณ์ทุกอย่าง
ถูกเชื่อมโยงและเชื่อมต่อกันบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
จะมี ข้อดี ข้อ เสีย คือ
3
ข้อดี Internet Of Things
- เพิ่มความสะดวกสบายในการทำงานและการดำเนินชีวิต เช่น หลอดไฟที่
เปิดหรือปิดเองได้เตามเวลาที่ตั้งไว้ผ่านมือถือ เป็นต้น
- เพิม่ ความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้สามารถทำงานได้
อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำขึ้นได้
- ช่วยลดต้นทุนในด้านต่าง ๆ ลงได้จากการใช้ IoT เช่น แผงเกษตรกรรมที่มี
การใช้ IoT ให้รดน้ำตามเวลาและระดับความชื้นที่กำหนด เป็นต้น
ข้อดี Internet Of Things
- เพิ่งพาระบบอินเทอร์เน็ต หากไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อาจเกิด
ปั ญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น ไม่สามารถสั่งงานอุปกรณ์ได้ เป็นต้น
- ความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากอุปกรณ์ถูกเชื่อมโยงกันด้วยเครือข่าย
เดียวกัน ทำให้ต้องการบำรุงและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลกับซอฟต์แวร์
ของอุปกรณ์อยู่เสมอ
- ความผิดพลาดที่เกิดจากการประมวลผลผิดพลาด อุปกรณ์ IoT อาจเกิด
ปั ญหาประมวลผลผิดพลาดได้ เนื่องจากการเขียนโปรแกรมที่ไม่รัดกุม และ
พอมีอุปกณ์ตัวไหนตัวหนึ่งประมวลผลผิดพลาดจะส่งผลทำให้อุปกรณ์อื่น ๆ
ที่เชื่อมต่ออยู่ด้วยประมวลผลผิดพลาดไปตาม
4
ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
The Internet of Things (IoT) หรือ The Internet of everythings (IoE) มี
ผลต่อผู้บริโภคอย่างไร
จาก IoT หรือ IoE ที่เกิดขึ้นนั้น จะทำให้เรื่องของ Digital นั้นไม่ใช่สิ่งที่ใหม่อีกต่อ
ไป แต่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ผู้บริโภคนั้นมีความคาดหวังในการทำงานที่
ร้อยต่อกันอย่างสนิทระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ แบบไม่มีอาการติดขัดหรือสะดุด เช่น
ถ้าฟังเพลงผ่านมือถือ หรือวิทยุในรถ ก็คาดหวังว่ากลับมาที่บ้านก็สามารถฟังเพลง
นั้นต่อได้จากอุปกรณ์ในบ้านได้เลย
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือผู้บริโภคนั้นคาดหวังว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ทำงานนั้นจะ
ต้องรู้จักตัวตนของผู้ใช้ และเข้าใจว่าผู้ใช้นั้นต้องการอะไร รวมทั้งสามารถสื่อสาร
กับอุปกรณ์อื่น ๆ รอบตัวเพื่อส่งผ่านข้อมูลนั้นไปได้ สิ่งที่เป็นนี้ผู้เชี่ยวชาญด้าน
Digital Marketing ในบริษัท Adobe ระบุว่าจะเป็นเรื่องของ Internet of Me
หรือการ Personalise ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปตามความชอบของแต่ละคน
5
The Internet of Things (IoT) หรือ The Internet of everythings (IoE) มี
ผลต่อนักการตลาดในอนาคตอย่างไร
ผลที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้บริโภคมีความคาดหวังในการทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้นั้น
ทำให้นักการตลาดต้องสร้างสิ่งที่เรียกว่าประสบการณ์ของผู้ใช้และความเป็นตัว
ตนของผู้ใช้นั้นให้ดีที่สุด เช่นการที่สามารถรับรู้ได้ว่าผู้บริโภคเป็นใคร หรือรับรู้ว่าผู้
บริโภคคนนี้มีความชอบอะไร แล้วจัดสินค้าหรือโปรโมชั่น ข่าวต่าง ๆ ให้เหมาะสม
กับผู้บริโภคนั้น ๆ
นอกจากนี้ด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ จะทำให้มีข้อมูลมากมายที่เกิดขึ้นมาดังที่กล่าวไปใน
ข้างต้นแล้ว ข้อมูลนั้นจะเป็นข้อมูลที่ผู้ใช้ปฏิสัมพันธ์และยินยอมที่จะให้ข้อมูลไว้
นักการตลาดต้องเรียนรู้และจัดระบบข้อมูลเหล่านี้ ว่าข้อมูลไหนที่ควรใช้และไม่
ควรใช้ หรือจับกระแสความต้องการของคน วิเคราะห์ออกมา และตอบสนองความ
ต้องของคนใช้ให้เกิดความพึงพอใจมากที่สุด ดังเช่นการใช้เว็บไซต์อย่าง Amazon
จะเห็นได้ว่า Amazon นั้นมีการติดตามผู้ใช้ว่าซื้อสินค้าอะไรบ้าง และสามารถจะ
แนะนำสินค้าที่เราอาจจะชื่นชอบผ่าน Email ต่อไป กระบวนการเช่นนี้จะเกิดขึ้น
แบบเดียวกับ แต่เป็นกับอุปกรณ์อื่น ๆ รอบตัวเช่น ปุ่มสั่งซื้อของจาก Amazon ที่
เพิ่งมีการเปิดตัวไป หรือการที่ห้างสามารถรับรู้ได้ว่าคนที่มาซื้อของเป็นใครและจัด
โปรโมชั่นที่เหมาะสมให้
การจัดการต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้ใช้หรือผู้บริโภคนั้นมีประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด
นั้นจะมีส่วนสำคัญ และการรับรู้ความต้องการ ความชอบของผู้บริโภคจะทำได้ง่าย
มากขึ้นด้วยข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้มาจากการใช้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเหล่านี้ เช่นที่โรงแรม
กลุ่มในเครือ SPG นั้น ที่ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้แล้วโดยเมื่อคุณเข้าโรงแรม ระบบการ
จองห้องจะติดต่อกับอุปกรณ์ของคุณ เช็คข้อมูลกับคุณและคอนเฟิร์มการเข้าพัก
เมื่อคุณถึงห้อง อุปกรณ์ของคุณจะทำการเปิดประตูห้องอัตโนมัติ และเมื่อคุณ
เข้าไปในห้อง ไฟจะเปิดทันทีที่อุปกรณ์เปิดประตูห้อง รวมทั้งเพลงหรือรายการทีวี
จะเล่นทันที ตามระบบข้อมูลความสนใจของคุณที่แชร์ไว้ นี้คือตัวอย่างข้อมูลจาก
IoE ที่แชร์ไว้กับระบบต่าง ๆ
6
ในอนาคตคนนั้นคาดหวังประสบการณ์ที่ต่อเนื่องระหว่างโลกออนไลน์และโลกจริง
เข้าด้วยกัน และคาดหวังว่าแบรนด์ หรือสินค้าต้องรับรู้ความต้องการตรงนี้ของคน
แต่ละคน ทำให้คนใช้หรือคนซื้อมีประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน และไม่รู้สึกถึงการ
ติดขัดหรือความยากในการใช้งาน พร้อมกับการตอบสนองความต้องการที่ต้องการ
เดี๋ยวนี้ ตรงนี้จะทำให้นักการตลาดนั้นต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องและสร้างประสบการณ์
ของการใช้งานและการได้รับสื่อการตลาดได้มากขึ้น ทำให้ลูกค้าแต่ละคนจะมี
ประสบการณ์ที่ดีกับแบรนด์อย่างไร ซึ่งนักการตลาดนั้นต้องเตรียมพร้อมที่จะ
รับมือความต้องการส่วนที่เชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
แนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงด้าน IoT (Internet of Thing)
ในอดีต Internet of Thing (IoT) เปิดตัวในฐานะเทคโนโลยีแห่งอนาคต แต่ ณ
ปั จจุบัน IoT ได้กลายเป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ดูได้จากแนวโน้มของ
IoT ที่สามารถยืนยันได้ถึงความจริงในข้อนี้ IoT นั้นได้ถูกนำมาใช้งานทางด้าน
Data analytics software และ Artificial Intelligence (AI)โดยการประยุกต์ใช้
ทั้งสองด้านเหล่านี้เข้ามาช่วยให้ในส่วนของภาคธุรกิจซึ่งสามารถปรับปรุง
กระบวนการในส่วนของการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายลงได้อย่างมหาศาล
IoT นั้นได้ปูทางสำหรับเทคโนโลยีอัจฉริยะในทุกๆที่ อุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆที่เราได้
เห็นและใช้กันอยู่ โทรศัพท์ รถยนต์ หรือ AI ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดามากในปั จจุบัน
จากข้อมูลของแนวโน้มที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับ IoT ที่มีอยูรผู้เขียนตั้งใจจะทำให้ผู้อ่านได้
รับการความรู้ความเข้าใจ IoT ในปั จจุบัน หากผู้อ่านได้นำความรู้ด้าน IoT ที่ได้อ่าน
เข้าสู่ธุรกิจหรือในการทำงาน อาจจะแค่หนึ่งหรือสองอย่างเกี่ยวกับวิธีใช้ประโยชน์
จากแนวโน้มของเทรน IoT เหล่านี้เพื่อนำมาใช้กับ บริษัท ธุรกิจ รวมถึงอาชีพของ
คุณให้ได้ประโยชน์ในอนาคต
7
1.ความปลอดภัยบน IoT นั้นสำคัญ
ตลาดเทคโนโลยี IoT จะเห็นความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น
เนื่องจากความอันตรายด้านความปลอดภัยที่มีความซับซ้อนเกิดขึ้น ความซับซ้อน
เหล่านี้เกิดจากธรรมชาติที่หลากหลายและกระจายตัวของเทคโนโลยีที่มีอยู่มากมาย
ในปั จจุบัน เครือข่ายของอุปกรณ์ต่างๆที่เชื่อมต่ออยู่บนโลก internet มีความเสี่ยง
ต่อการถูกโจมตี จากข้อมูลอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตในปี 2019 จำนวน
อุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ถูกโจมตีมีจำนวนมากกว่า 26 พันล้านเครื่อง การ
แฮ็คเครือข่ายอุปกรณ์และ IoT นั้นกลายเป็นเรื่องธรรมดามากในปั จจุบัน ขึ้นอยู่กับ
ผู้ให้บริการเครือข่ายที่จะสามารถป้องกันผู้บุกรุกจากการทำธุรกิจของพวกเขาได้รึ
เปล่า
ด้วยเหตุผลด้านบน ข้อกังวลด้านความปลอดภัยที่ที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางจะช่วย
ให้ผู้ให้บริการ IoT ปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถในการขาย โดยการนี่
จะเน้นถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่พวกเขามี โดยใช้วิธีการ IoT แบบ end-
to-end โดยการแจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงปั ญหาด้านความปลอดภัยนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ
ที่สุด ผู้ขายและผู้ให้บริการควรเปิดเผยสิ่งที่กำลังทำเกี่ยวกับปั ญหาเหล่านี้เพื่อให้ผู้
ใช้ตระหนักถึงความสำคัญทางด้านความปลอดภัย
สรุปจุดที่น่าสนใจ
— ตลาดสำหรับเทคโนโลยี IoT จะมุ่งเน้นไปที่การรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้น
— ความหลากหลายและการกระจายของ IoT นั้นถูกมองว่าก่อให้เกิดปั ญหาด้าน
ความปลอดภัย
— ผู้ให้บริการโซลูชัน IoT แบบครบวงจรจะได้รับประโยชน์จากความหลากหลาย
ทางด้านความปลอดภัยของ IoT
8
2. IoT กับ ระบบการผลิต
IoT มีการใช้ sensor แบบต่างๆ เช่น การวัดความร้อนในมอเตอร์ในส่วนของ
เครื่องจักร ซึ่งสามารถช่วยจัดการในการระบุปั ญหาที่เกิดขึ้นเครื่องจักรก่อนที่จะส่ง
ช่างเทคนิคไปทำงานในปั ญหาต่างๆได้อย่างแม่นย่ำและตรงจุด ตัว Sensor นั้นมี
ประโยชน์มากสำหรับการดูแลจัดการบำรุงรักษาเชิงป้องกันซึ่งก่อนที่จะเกิด ปั ญหา
จะเกิดและส่งผลเสียในส่วนของสายงานการผลิตต่างๆ โดย IoTในปั จจุบันมีการ
สร้าง แอปพลิเคชั่นต่างๆมากมายเพื่อใช้ในการจัดการสิ่งต่างๆภายในโรงงานเพื่อ
ปรับเปลี่ยนโรงงานธรรมดาให้เป็น Smart Factories โดยการใช้อุปกรณ์ เช่น
โทรศัพท์มือถือเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลทางด้าน IoT ช่วยให้พนักงานได้เห็นความผิด
ปกติของสภาพโรงงานและความปลอดภัยพนักงานแบบเรียลไทม์
สรุปจุดที่น่าสนใจ
— IoT สามารถช่วยจัดการคาดการณ์ปั ญหาเครื่องจักรในการผลิต
— IoT ค้นพบวิธีในการสร้าวโรงงานอัจฉริยะ
9
3.Big Data, Analytics, and Machine Learning
Big Data, Analytics ใช้ความสามรถ IoT เป็นผู้มีส่วนช่วยสำคัญในการรวบรวม
ข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วและมีความหลากหลายของธุรกิจข้อมูลที่มี
โครงสร้างและไม่มีโครงสร้างที่รวบรวมได้ตลอดเวลา การใช้ Big Data จะทำให้
มองเห็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมไปถึงช่วยกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ได้
อย่างเหมาะสมทำให้เราสามารถดำเนินกิจการไปในทิศทางที่ถูกต้องมีประสิทธิภาพ
ประหยัดเวลา และทรัพยากรได้ นอกจากนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลยังช่วยขจัดปั ญหาที่
เคยเกิดขึ้นได้ เพราะข้อมูลมีความแม่นยำสูง สามารถระบุปั ญหาที่เกิดขึ้นใน
กระบวนการทำงานได้อย่างตรงจุด ลดความสูญเสียทางธุรกิจลงอีกด้วย องค์กร
ส่วนใหญ่ใช้การผสมผสานเทคนิคเหล่านี้เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจาก IoT
(Machine learning) เป็นวิธีการหนึ่งที่จะทำให้เกิความก้าวหน้าจนทำให้อุปกรณ์
ต่างๆ ทำงานคล้ายมนุษย์ ซึ่ง AI จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการพัฒนาและขยายตัวอย่าง
มากของ IoT ทั้งนี้ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลของ AI ผ่านการเรียนรู้ของ
เครื่องจักร จะทำให้มนุษย์เข้ามาแทรกแซงการทำงานน้อยลงอย่างมาก (มนุษย์ถูก
แทนที่) และช่วยให้มนุษย์สามารถทำการตัดสินใจได้ดีที่สุดและเร็วที่สุดอีกด้วย ซึ่ง
ข้อมูล IoT จะมีค่าที่สุดก็ต่อเมื่อมันสามารถตอบสนองได้ทันทีแบบ Realtime นั่น
หมายความว่าข้อมูลจะต้องมีการวิเคราะห์โดยทันที และมีความถูกต้องแม่นยำสูง
มาก
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานที่มีให้เห็นแล้ว เช่น เครื่องควบคุมความร้อนอัตโนมัติ
ของ Nest ที่ใช้ AI ในการเรียนรู้อุณหภูมิและปรับการใช้พลังงานตามที่ผู้ใช้งาน
ชอบ นอกจากนี้รถทุกคันที่ขายโดย Tesla จะทำงานเป็นเครือข่าย เมื่อรถยนต์คัน
หนึ่งมีการเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างอย่าง รถยนต์ทั้งหมดในเครือข่ายจะมีการเรียนรู้
ตามไปด้วย
สรุปจุดที่น่าสนใจ
— การวิเคราะห์ IoT กำลังถูกใช้มากขึ้นในเครือข่าย IoT
— ข้อมูลกำลังถูกรวมเข้ากับการเรียนรู้ของระบบ Machine Learning
— การวิเคราะห์แบบผสานรวมช่วยให้ผู้ขายคิดวิธีการ IoT เพื่อเพิ่มความเร็วในการ
วิเคราะห์ข้อมูล
10
4. อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพกับ IoT
อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพได้รับการแก้ไขด้วยเทคโนโลยี IoT มานานหลายปี
แล้ว. การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากปั ญหาประชากรสูงอายุที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น
ต้องการการดูแลเอาใจใส่เรื่องสุขภาพมากขึ้น โรคภัยต่างๆ มีความหลากหลายมาก
ขึ้น รวมไปถึงการนำ IoT เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใช้งานในทางการแพทย์ เป็น
ปั จจัยสำคัญที่ท้าทายในการเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ระบบ
IoT เชื่อมโยงกับวิธีการแก้ใขปั ญหาต่างๆ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มปริมาณคนไข้ที่ดูแล
ได้มากขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้ป่วย รวมไปถึงเสริมสร้าง
ความพึงพอใจให้กับแพทย์และผู้ป่วยเป็นโอกาสสำคัญของตลาดIoT HealthCare
สรุปจุดที่น่าสนใจ
— การดูแลสุขภาพได้รับการทดลองกับ IoT มานานหลายปี
— สิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านสุขภาพสามารถใช้ IoT เพื่อมาช่วยควบคุมส่วน
งานต่างๆได้
— IoT สามารถช่วยองค์กรด้านการดูแลสุขภาพเพื่อเพิ่มรายได้และประหยัดค่าใช้
จ่ายในองค์กรลงได้
11
5. Better Workforce Management
การใช้เทคโนโลยี Beacons (บีคอนส์) เป็นเทคโนโลยีในยุค IOT หรือ Internet of
Things ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2013โดยเฉพาะวงการค้าปลีก
และพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมี Apple เป็นคนประกาศใช้เทคโนโลยีตั้งแต่ IOS7 ในนาม
iBeacon เพื่อแสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์ของ Apple เมื่อคุณเดินสำรวจใน Apple
Store คาดว่าจะมีการใช้งาน Becons มากขึ้นในส่วนของการจัดการแรงงานเพื่อ
ลดต้นทุน โดย Becons สามารถใช้เพื่อตรวจสอบพนักงานและกำหนดเวลาการ
เข้า-ออก หรือ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของพนักงานในกรณีที่ควรสวมใส่
อุปกรณ์ความปลอดภัยที่เหมาะสมงาน ข้อมูลทั้งหมดจากระบบเหล่านี้สามารถใช้
เพื่อช่วยในการจัดการประสิทธิภาพของการทำงานได้ดียิ่งขึ้น IoT กับ Becons จึง
ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตของข้างสูง
สรุปจุดที่น่าสนใจ
— Beacons อาจจะถูกใช้ในการดูแลพนักงานในอนาคต
— การลดต้นทุนจากการใช้ Becons จะเพิ่มการใช้ในส่วน IoT ในการจัดการ
แรงงาน
— Beacons สามารถตรวจสอบความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในการทำงานได้
12
6. การเกิดขึ้นของสมาร์ทซิตี้
การยอมรับของเทคโนโลยี IoT จะส่งผลให้เกิดการจัดตั้ง Smart City บางเมือง
ในสหรัฐอเมริกากำลังใช้ IoT เพื่อเชื่อมต่อระบบต่างๆ ตั้งแต่ไฟจราจร ระบบไฟฟ้า
ระบบประปา สาธารณูปโภคต่างๆโครงการ Smart City อยู่ในระหว่างการพัฒนา
ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปทั่วโลกได้ในไม่ช้า ณ ตอนนี้ประเทศไทย เป้าหมายใน
การขับเคลื่อน Smart city แนวทางการพัฒนาเมืองเพื่อการอยู่อาศัยในอนาคต
ยังคงเป็นแค่จุดเริ่มต้น แต่ก็ยังถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี เพราะภายใต้การขับ
เคลื่อนของนโยบาย ‘Thailand 4.0’ การพัฒนาเมืองไปสู่การเป็น Smart City
นั้นแม้ส่วนมากจะอยู่ในกรุงเทพแต่ก็นับเป็นต้นแบบให้จังหวัดอื่นๆ สามารถนำมา
ปรับใช้ได้ ก็คงต้องเฝ้ากันต่อไปดูว่าประเทศไทยจะนำ IoT มาเปลี่ยนเปลี่ยนกับ
ประเทศได้อย่างไร
สรุปจุดที่น่าสนใจ
-การยอมรับ IoT จะจะเป็นการเปิดทางให้กับการสร้าง Smart City
-Smart City จะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาความยั่งยืนและคุณภาพชีวิตของผู้
อยู่อาศัย
13
7. ผู้ให้บริการบน Clound มุ่งไปที่ IoT
ผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์บนคลาวด์จะมุ่งไปสนใจกับผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม IoT พวกเขา
จะมุ่งเน้นไปที่การค้นหาแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ สำหรับเทคโนโลยีและการใช้ประโยชน์
จากความสามารถในการรวมระบบซอฟต์แวร์บนคลาวด์กับ IoT ของพวกเขา ความ
ร่วมมือระหว่างผู้ให้บริการ Clound และ IoT จะเพิ่มจำนวนขึ้นเพื่อขยายรูปแบบ
การใช้งานและปรับปรุงรูปแบบที่มีอยู่ จากที่เราได้เห็น Google ได้ประกาศเปิดตัว
Cloud IoT Device SDK เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้นักพัฒนาใช้ในการเชื่อมต่อ
อุปกรณ์ IoT กับ Google Cloud IoT Core ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น ซึ่งภายใน
SDK นั้นประกอบไปด้วย Libraries ที่พัฒนาด้วย Embedded C ที่ถูกปรับแต่งให้
สามารถทำงานกับ Microcontroller เพื่องาน IoT ได้เป็นอย่างดี สามารถทำงาน
บน Real-time OS ได้หลากหลาย เช่น Zephyr, ARM Mbed OS และ
FreeRTOS kernel นอกจากนี้ยังทำงานบน Linux ได้อีกด้วย
สรุปจุดที่น่าสนใจ
— ผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์บนคลาวด์จะมุ่งเป้าไปที่ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม IoT
— การมุ่งเน้นจะเป็นการรวมระบบ Clound กับ IoT และสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่
บน IoT
— ความร่วมมือของผู้ให้บริการระบบ Clound และ IoT จะเพิ่มขึ้น
14
8. IoT ในการบริการลูกค้า
IoT สามารถที่จะปรับปรุงการบริการลูกค้าได้อย่างมากโดยการให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่
ทางลูกค้า เทคโนโลยี IoT นั้นสามารถพัฒนาในส่วนของระบบ CRM (Customer
Relationship Management : CRM) ในส่วนการตรวจสอบปั ญหาของลูกค้าและ
แจ้งมาทางบริษัท เกี่ยวกับปั ญหาของพวกผู้ใช้บริการของพวกเขา แอพพลิเคชั่น
ต่างๆที่มีจะถูกมุ่งเน้นไปที่อุปกรณ์ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สมาร์ท
ทีวี โดยอุปกรณ์ IoT นั้นสามารถที่จะรายงานปั ญหาพบเจอไปยังผู้ให้บริการได้เลย
ทันที
ข้อมูล IoT สามารถส่งไปยังระบบ CRM ของ บริษัทของผู้ให้บริการได้ สิ่งนี้จะ
ทำให้บริษัทนั้นสามารถสนทนาปั ญหากับลูกค้าได้อย่างตรงจุด ในทางกลับกัน
สามารถปรับปรุงการปั ญหาที่มีซึ่งนำไปสู่การรักษาลูกค้า โดยการปรับปรุงการ
บริการลูกค้าเป็นหนึ่งในแนวโน้มของ IoT ในยุคปั จจุบัน วันนี้ CRM เป็นที่รู้จัก
สำหรับความสามารถในการทำงานร่วมกันกับระบบอื่น ๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะมา
พร้อมกับ API การทำงานร่วมกันเหล่านี้จะช่วยเชื่อมต่อเทคโนโลยี IoT กับระบบ
ธุรกิจที่มีอยู่ในปั จจุบันได้
สรุปจุดที่น่าสนใจ
— การจัดหาข้อมูลของ IoT ปรับปรุงการบริการลูกค้า
— IoT สามารถตรวจสอบปั ญหาของลูกค้าและแจ้งองค์กรเกี่ยวกับปั ญหาที่พบเจอ
— IoT สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ CRM ได้
15
9. นักพัฒนาที่จะเกิดขึ้นกับยุค IoT
ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราหลายคนเห็นไม่ใช่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่จะนำ IoT ไปสู่อีกระดับ
กลุ่มผู้มีส่วนร่วมทางเทคโนโลยีส่วนมากจะเป็นกลุ่มเล็ก ๆ จะส่งเสริมนวัตกรรม
ของ IoT ในระยะยาว กลุ่มเหล่านี้จะรวมถึงช่างเทคนิคผู้พัฒนาและบุคคลอื่นที่มี
ความสนใจเดียวกันในด้าน IoT คนเหล่านี้จะให้คุณค่ากับเทคโนโลยีมากขึ้น
ผู้คนจะให้ความสนเทคโนโลยี IoT เช่น เดียวกับตอนที่ ตลาดสมาร์ทโฟน ยุคแรกๆ
ที่มีการแพร่หลายอย่างรวดร็ว เหมือนกันกับการพัฒนาแพลตฟอร์ม IoT จะเกิดขึ้น
โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นคนเหล่านี้ที่จะเป็นตัวนำในความพยายามเกิดสิ่งต่างๆ
นักพัฒนาซอฟต์แวร์จะใช้ข้อมูล IoT เพื่อสร้างสรรค์เครื่องมือรูปแบบใหม่ๆขึ้นมา
ใช้งาน
16
10. ร้านค้าอัจฉริยะ บน IoT
การใช้เทคโนโลยี RFID มาช่วยให้การจัดการสินค้าง่ายขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้ระบบ
การเก็บข้อมูลแบบเดิม IoT RFID (การระบุความถี่คลื่นวิทยุ) นั้นไม่ใช่สิ่งที่แปลก
ใหม่แต่ได้รับการใช้อย่างแพร่หลายมาหลายปีในแบรนด์ต่างๆมากมายเช่น Macy’s,
ZARA,DecathlonSportsซึ่งรวมถึงผู้ค้าปลีกในสหรัฐจำนวนมากกำลังใช้
เทคโนโลยีนี้ หลักการทำงานคือแต่ละผลิตภัณฑ์มีป้ายรหัสความถี่แท็กมีลายรหัส
แม่เหล็กเฉพาะของตัวเอง ข้อมูลนี้ถูกดึงไปเก็บโดยผู้รับหรือเครื่องอ่าน RFID โดย
การเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าการใช้ข้อมูลที่รวบรวมโดยระบบดังกล่าเจ้าของ
ร้านค้าสามารถทำการปรับปรุงที่จำเป็นในสินค้าในสต็อคของพวกเขาและแม้แต่วิธี
การแสดงผลิตภัณฑ์บนชั้นวางของพวกเขาเพื่อวางแผนในทางธุรกิจในอนาคต
สรุปจุดที่น่าสนใจ
— Smart Store ใช้เทคโนโลยี RFID เข้ามาช่วย
— RFID ปรับปรุงการจัดการสินค้าที่มีอยู่ในคลัง
— IoT สามารถเก็บบันทึกพฤติกรรมของลูกค้าภายในร้านได้
17
แนวโน้มเหล่านี้จะช่วยธุรกิจของคุณได้อย่างไร
IoTเริ่มเติบโตและจะกลายเป็นเทคโนโลยีทางธุรกิจเต็มรูปแบบในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ต้นปีนี้ผู้อ่านควรเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบของ IoT โดยหาวิธีที่ดีที่สุดในการนำ
เทคโนโลยีมาปรับใช้จากแนวโน้มที่ทางด้านบนที่ทางผู้เขียนนำเสนออาจสามารถ
ช่วยคุณทำให้เกิดประโยชน์ได้ หากคุณเป็นผู้ผลิตสินค้าคุณควรปรับเปลี่ยนวิธีการ
ผลิตของคุณสามารถทำให้พร้อมใช้งานกับระบบ AI ร้านค้าปลีกคุณสามารถเตรียม
ร้านค้าของคุณให้พร้อมใช้งานกับข้อมูล IoT ในส่วนของภาคการผลิตและการดูแล
สุขภาพจะใช้ IoT เข้ามาช่วยปรับปรุงการดำเนินงานในรูปแบบต่างๆ หลายปีที่ผ่าน
มานี้ IoT ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย คุณควรเตรียมพร้อมสำหรับการมา
ของเทรน IoT ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นบริษัทใหญ่ บริษัท
เล็ก หรือพนักงาน IoT จะหาทางเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในองค์กรของคุณ ดังนั้น
การเตรียมตัวให้พร้อมดีกว่าการถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
18