ณ วัดประเดิม อำ เภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ระลึก งานบำ เพ็ญกุศลศพ และฌาปนกิจ คุณครูสิทธิพร ขวัญละไม ๖-๑๐ พฤษภาคม 2566
ผม นายสิทธิพร ขวัญวัละไม เกิดเมื่อวันวัที่ ๑ เดือน เมมายน พ.ศ. ๒๔๘๐ ตรงกับวันวัพฤหัสบดี ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีฉปีลู ณ บ้านเลขที่ ๑๖ หมู่ที่ ๓ ต.มะเร็ด อ.เกาะสมุย มีพี่ ๕ คน มี่น้อง ๑ คน คือ ๑.พี่หลวงสำ เริงริขวัญวัละไม สมรสกับนางหนูบุตร พูลผล อยู่บ้านพังกา ๒.คุณพี่สำ รวม ขวัญวัละไม สมรสกับนายดำ เจริญริสุข ๓.พี่หลวงแป้งป้(ปรีชรีา) ขวัญวัละไม สมรสกับนางเยื้อ เจริญริสุข ๔.พี่หลวงบำ รุง ขวัญวัละไม สมรสกับนางหนู พูลสวัสวัดิ์ มีบุตรธิดา ๕ คน ๕.พี่ภักดี ขวัญวัละไม สมรสกับนางสารี เมืองพรหม มีบุตรธิดา ๓ คน ๖.ตัวผมเอง (สิทธิพร ขวัญวัละไม) ๗.น้องดำ (วินัวินัย) ขวัญวัละไม สมรสกับนางกิ้ม มีบุตรธิดา ๓ คน อัตชีวประวัติ คุณครูสิทธิพร ขวัญละไม ชาติกำ เนิด ผมมีบุตรกับนางวรัญญา เจษฎานนท์ ๑ คน คือ นายพิพัฒน์ เจษฎานนท์ สมรสกับนางศิริพริร จำ นงพันธ์ มีธิดา ๒ คนคือ ๑. น.ส.พิชาพร เจษฎานนท์ ๒. น.ส.พรรณพัชร เจษฎานนท์ ต่อมาผมได้สมรสกับนางมะลิ บุญสิน (ธิดานายวงศ์ บุญสิน นางพิน ทองเรือรืง อยู่บ้านทะเล ต.หน้าเมือง) มีบุตรธิดา ๒ คน คือ ๑.นางในน์ขวัญวัขวัญวัละไม สมรสกับนายพงศ์ธร พูลสวัสวัดิ์(บุตรนายโกศล พูลสวัสวัดิ์ นางจารี พูนผล อยู่บ้านลิปะใหญ่) มีบุตรธิดา ๒ คน ๑.๑ น.ส.พจนิชากรณ์ พูลสวัสวัดิ์ ๑.๒ นายนัธทวัฒวัน์ พูลสวัสวัดิ์ ๒.นายบัญชา ขวัญวัละไม สมรสกับนางวิชุวิชุนันท์ คงจันทร์ มีธิดา ๒ คน ๒.๑ ด.ญ.พิชญาณ์ ขวัญวัละไม ๒.๒ ด.ญ.ณัฐวศา ขวัญวัละไม 1
ไม่ใช่เทพเจ้า… ไม่ใช่เทพธิดา มันคือละครฉากหนึ่งนึ่ของผมน่ะครับ
นามสกุล"ขวัญ วั ละไม" อันนามสกุล"ขวัญวัละไม" ทราบจากน้องท่านโพธิ์ ขวัญวัละไม (พระภาวณาโภธิคุณ เจ้าอาวาสวัดวัสวนโมกขพลาราม อ.ไชยา) ว่าว่ ได้มา จากชื่อทวดของ ๒ ท่าน ซึ่งเป็น ป็ คุณพ่อ ทวดชายชื่อขวัญวัทวดหญิงชื่อ ละไม ครั้นถึงรัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมี พระราชกำ หนดให้ราษฎรต้องมีนามสกุล ทวดทั้งสองจึงนำ เอาชื่อมารวม กัน ตั้งเป็น ป็ นามสกุล"ขวัญวัละไม" 2
ประวัติ วั ติการศึกษา เข้าเรียรีนระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียรีนวัดวัละไม จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ปี ที่ ๔ ขณะเรียรีนอยู่ในชั้นประถมที่โรงเรียรีนวัดวัละไมนั้น ผู้มีอุปการะคุณที่ต้อง ระลึกไปจนวันตาย คือ คุณย่ามี ขวัญละไม ซึ่งตอนนั้นบวชเป็น ป็ ชีอยู่ที่วัดวั ละไม มีกุฏิอยู่ริมริวัดด้านทิศเหนือ บริเริวณรอบๆ กุฏิท่านปลูกพืชผักสวน ครัวไว้หลายอย่าง เช่น ถั่วค้าง มันเทศ เป็น ป็ ต้น อาหารมื้อเที่ยง ผมไปกินที่ กุฏิของท่าน ซึ่งท่านจะเตรียรีมอาหารคาวหวานที่ท่านทำ เองไว้ใว้ห้ โดยเฉพาะ มันต้มนั้น ได้กินเกือบทุกวัน นอกจากผมแล้วยังมีหลานๆคนอื่นๆ ไปร่วม กินด้วยกันหลายคน ขอกราบระลึกถึงพระคุณของคุณย่าด้วยความเคารพ ยิ่ง อีกท่านหนึ่งที่ผมระลึกถึงความเมตตาโอบอ้อมอารีมรีาโดยตลอด คือคุณ พี่โพยม คล้ายอุดม ขณะที่ผมเรียรีนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ปี ที่๑ ท่านเรียรีนอยู่ ชั้นประถมศึกษาปีที่ปี ที่๓ ท่านจะแบ่งเงินให้ผมทุกวัน วันวัละ ๕ สตางค์ ๑๐ สตางค์ ในวัยเด็ก ครอบครัวของเรามีความลำ บากอยู่พอสมควร คุณพ่อ คุณแม่ และคุณพี่สำ รวม ต้องทำ งานด้วยความเหนื่อยยาก เพราะพี่ชาย ๓ คน คือ พี่หลวงแป้งป้พี่หลวงบำ รุง และพี่ภักดี เรียรีนต่อระดับมัธยม ที่โรงเรียรีนศรี เรือรืงวิบูวิบู ลย์วิทวิย์ ตำ บลอ่างทอง ไปอาศัยอยู่ที่วัดวัแจ้ง กับพ่อหลวงพริ้งริ้ (พระครูอรุณกิจโกศล) ส่วนผมกับน้องดำ อายุห่างกันเพียง ๑ ปี เข้าเรียรีนที่ โรงเรียรีนวัดละไม นับเป็น ป็ ภาระหนักอึ้ง ของคุณพ่อคุณแม่และคุณพี่สำ รวม ขอให้ทั้ง ๓ ท่าน ไปปฏิสนธิในภพภูมิที่มีความสุข ยิ่งๆขึ้นไป ด้วยเทอญ ผม จะทำ บุญอุทิศให้ท่านสม่ำ เสมอตลอดชีวิตวิ 3 *ข้อมูลได้ขาดหายไปบางส่วน
ปี ๒๕๑๖ ผมบอกพี่ธูปว่าว่ ให้หาครูมาแทนผมเพราะผมจะไปสอบบรรจุ เป็น ป็ ครูในราชการ เพื่อเอาเวลาราชการขอรับบำ เหน็จบำ นาญได้ ปีนั้ปี นั้เอง พี่ธูปก็เสียชีวิตวิกะทันหัน และไม่สามารถหาครูมาแทนได้ ทำ ให้ผมต้องคิด หนัก จะตัดสินใจเอาตัวรอดก็ได้ แต่จะทิ้งเด็กไปได้อย่างไร ประกอบกับ นักเรียรีนโดยเฉพาะชั้นมัธยม ๕-๖ ต่างเสียอกเสียใจกันเป็น ป็ อย่างมาก เมื่อ ทราบข่าวว่าว่ผมจะลาออก เมื่อผมตัดสินใจอยู่ต่อ พวกเขาดีใจกันเป็น ป็ อัน มาก ครั้งนั้นผมตัดโอกาส การมีเวลาราชการ ในการคำ นวณบำ เหน็จ บำ นาญของตน เพื่ออนาคตของลูกศิษย์และเพื่อส่วนรวม เมื่อต้องอยู่ต่อ จึงปรึกรึษากับน้องธีระ กระสินธ์ บุตรชายของพี่ธูป และ เป็น ป็ ผู้ได้รับมรดกเป็น ป็ เจ้าของ ผู้จัดการโรงเรียรีนวิชวิาธรแทนพี่ธูปตั้งเรื่อรื่ง โรงเรียรีนวิชวิาธร ๒ ที่บ้านดอนทราย ตำ บลแม่น้ำ เพราะตอนนั้นเด็กๆ ใน ตำ บลแม่น้ำ บ่อผุด หาที่เรียรีนยาก เพราะโรงเรียรีนเกาะสมุย รับนักเรียรีนปี ละ ๔๐ คน จะไปเรียรีนที่โรงเรียรีนศรีเรีรือรืงวิบูวิบู ลย์วิทวิย์ หรือรืโรงเรียรีนวิชวิาธรก็ ไกลมาก บ้านเมืองยังไม่เจริญริอย่างปัจปัจุบัน การคมนาคมไม่สะดวก จาก ความอนุเคราะห์ของน้าหลวงผ่อง เจ้าอาวาสวัดวัภูเขาทอง ตำ บลแม่น้ำ และชาวบ้านแม่น้ำ โดยเฉพาะชาวบ้านดอนทราย และความเห็นชอบของ น้องธีระ กระสินธุ์ โรงเรียรีนวิชวิาธร ๒ จึงเกิดขึ้น ชาวบ้านให้ต้นยางหลาย ต้น เพียงพอสำ หรับการสร้างอาคาร มีนายอำ พล วิชัวิชัยดิษฐ์ เป็น ป็ ผู้ก่อสร้าง จนเสร็จ เปิดปิสอนเมื่อวันวัที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๑๗ รับนักเรียรีนเข้าเรียรีนใน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ปี ที่๑ (ตอนนั้นโรงเรียรีนประถมศึกษาสอนตั้งแต่ชั้น ประถมศึกษาปีที่ปี ที่๑ ถึง ๗) ตอนนั้นภาระหนักมาตกที่ผมคนเดียว เพราะ ต้องวิ่งวิ่รอกสอนทั้ง ๒ แห่ง คือวิชวิาธรหัวเลี้ยว กับวิชวิาธร 2 บ้านดอน ทราย 4
ปลายปี ๒๕๑๘ รัฐมนตรีว่รีาว่การกระทรวงศึกษาธิการ เรียรีกประชุมผู้ บริหริารโรงเรียรีนราษฎร์ทั่วประเทศ เฉพาะภาคใต้ ประชุมที่วิทวิยาลัยครู สงขลา ผมเข้าร่วมประชุมด้วย นายสุกิจ นิมมานเหมินทร์ รัฐมนตรี ประกาศว่าว่ ให้โรงเรียรีนราษฎร์เตรียรีมตัวปิดปิ ได้เลย เพราะอีก ๒ ปี โรงเรียรีนมัธยมของรัฐบาล จะเปิดปิรับนักเรียรีนได้เกือบทั้งหมด ผมเดินทาง กลับด้วยใจหดหู่ โรงเรียรีนราษฎร์อยู่ไม่ได้แน่ ปี ๒๕๒๐ โรงเรียรีนราษฎร์ทั่วประเทศ เกือบทั้งหมดต้องหยุดกิจการ วิชวิาธร ๒ ขาดทุนย่อยยับ แต่จะทำ อย่างไรได้ น้องธีระ กระสินธ์ กับน้อง เสริมริศิริ กระสินธ์ ดำ เนินการต่อ ผมได้รับการบรรจุให้ไปต่อที่โรงเรียรีนบ้านมะเลาะ อำ เภอคีรีรัรีรัฐนิคม จาก การช่วยเหลือของน้องสมจิต สำ เภา ซึ่งตอนนั้นทำ งานอยู่ที่สำ นักงาน ศึกษาจังหวัดวัสุราษฎร์ธานี ได้รับความสะดวกสบายพอสมควร เพราะ โรงเรียรีนอยู่ติดกับถนนใหญ่ ( สายสุราษฎร์- ภูเก็ต เก่า) แต่เวลาไปประชุม ค่อนข้างลำ บาก เพราะต้องไปด้วยรถจักรยานยนต์ แล้วลงเรือรือีกทอด หนึ่ง โรงเรียรีนบ้านมะเลาะกันดารน้ำ ดื่ม น้ำ ใช้ เพราะตั้งอยู่บนที่ราบสูง นักเรียรีนต้องนำ น้ำ ดื่มมาจากบ้าน ผมได้จัดหาเงินสร้างถันซีเม็นต์เก็บน้ำ ฝน ทำ บัตรเชิญทั้งครูทั้งชาวบ้าน มากินเลี้ยง รับหนังศรีพัรีพัฒน์ เกื้อกูล ไป แสดง ๑ คืน ทุกฝ่าฝ่ยให้การสนับสนุนเกินคาด ได้เงินหลายหมื่นบาท จำ ไม่ ได้ว่าว่เท่า ไร แต่เพียงพอสำ หรับการสร้างถังน้ำ เด็กๆไม่ต้องลำ บากเรื่อรื่ง น้ำ ตั้งแต่นั้นมา 5
ปี ๒๕๒๓ ย้ายมาสอนที่โรงเรียรีนวัดวักลาง ตำ บลหน้าเมือง อำ เภอ เกาะสมุย ด้วยความช่วยเหลือของพี่อินทร์ ชูจันทร์ โดยท่านขอย้ายไป เกาะแตน เพื่อให้ผมมาแทน หากไม่ทำ เช่นนั้น ผมก็ย้ายมาไม่ได้ ผมต้อง กราบขอบพระคุณอย่างสูงสุด วันวัที่ท่านเกษียณอายุราชการผมจึงจัดการ เลี้ยงส่งท่านอย่างสมเกียรติ นิมนต์พระเถระ ๙ รูปมาให้พร ถวาย ภัตตาหาร รดน้ำ กลางคืนมีหนังศรีพัรีพัฒน์แสดงให้ชม ตอนที่ผมย้ายมา โรงเรียรีนวัดวักลาง อำ เภอเกาะสมุย กำ ลังเห่อเรื่อรื่งกีฬาบาสเกตบอล แต่ โรงเรียรีนไม่มีสนาม จัดว่าว่ล้าหลังกว่าว่ โรงเรียรีนอื่น ตอนนั้นมีการแข่งขัน กีฬาบาสเกตบอล ระหว่าว่งกลุ่มกันบ่อยครั้ง เรียรีกว่าว่มีงานอะไรก็ต้องจัด แข่งบาสเกตบอล โรงเรียรีนวัดวักลางต้องทำ สนามชั่วคราว หรือรืต้องไป อาศัยสนามของโรงเรียรีนอื่น ในที่สุดคณะครูได้ประชุม มีมติร่วมกันว่าว่จะ ต้องสร้างสนามบาสเกตบอลให้จงได้ แต่ปัญปัหาคือไม่มีเงิน จึงคิดหาเงิน สนับสนุนจากศิษย์เก่าทีมีฐานะมั่นคงอยู่ต่างจังหวัดวัที่ประชม มีมติให้ ส่งตัวแทนครู ไป ประชุมร่วมกับคณะศิษย์เก่าที่กรุงเทพฯ ครูเสงียม อินทร์พรหม และผมได้รับมอบหมายให้ไปประชุมในครั้งนั้น โดยมีนาย ทวีปวี โอชารส เป็น ป็ หัวเรือรืใหญ่พร้อมด้วยคณะ ๒๐ กว่าว่คน ได้ประชุมกันที่ ร้านอาหารใกล้ๆสนามหลวง ที่ประชุมตกลงให้มีการทอดผ้าป่าป่ โรงเรียรีน ตามข้อเสนอของผม ซึ่งจริงริๆแล้วไม่มีใครทำ มาก่อน ในที่สุด ที่ประชุม มติให้คุณทวีปวี โอชารส เป็น ป็ ประธานดำ เนินการ 6
การทอดผ้าป่าป่ โรงเรียรีนเกิดที่ โรงเรียรีนวัดวักลางเป็น ป็ แห่งแรก ในอำ เภอ เกาะสมุย แต่การทอดผ้าป่าป่ต้องมีพระสงฆ์เกี่ยวข้อง เพราะต้องกล่าว ถวายผ้าป่าป่และพระสงฆ์ต้องรับอนุโมทนา เมื่อถวายแล้วทั้งเงินและเครื่อรื่ง บริวริารต้องเป็น ป็ ของพระ ของวัดวัแต่เราต้องการเงินมาพัฒนาโรงเรียรีน ผม รับหน้าที่นิมนต์พระ ทีแรกคิดว่าว่เป็น ป็ เรื่อรื่งง่าย เอาเข้าจริงริ ไม่มีพระรูปใด กล้ารับนิมนต์ เพราะไม่เคยมีตัวอย่างมาก่อน เรียรีกว่าว่ ไม่มีประเพณีเช่นนี้ ผมตัดสินใจ ไปกราบนมัสการน้าหลวงอินทร์ กราบเรียรีนให้ท่านทราบราย ละเอียดทั้งหมด ท่านก็มีเมตตารับผ้าป่าป่ ให้ที่โรงเรียรีน พิธีการต่างๆ ดำ เนินไปด้วยความ เรียรีบร้อย ครั้งนั้นได้เงิน ๔ แสนกว่าว่บาท ซึ่งนับว่าว่เป็น ป็ เงินที่มาก เมื่อเทียบ กับยุคสมัย ในที่สุด โรงเรียรีนวัดวักลางก็ได้สร้างสนามบาสเกตบอลแบบ มาตรฐาน แต่น่าเสียดาย หลังจากนั้นไม่กี่ปี ความเห่อบาสเกตบอลก็ ซบเซาลง เสียดายที่ทุกคน ช่วยกันลงทุนลงแรง ไม่คุ้มค่าจริงริๆ อนิจจา! พี่เฟื้อฟื้น นาคมณี ครูใหญ่ เกษียณอายุราชการ ผมรักษาการตำ แหน่งครู ใหญ่อยู่ ๒ ปี ต่อมาจึงวิ่งวิ่เต้นให้น้องเอี่ยมศักดิ์ นุ่นรักษา มาเป็น ป็ ครูใหญ่ 7
ผมเกษียณอายุราชการปี ๒๕๔๐ คณะศิษย์เก่าสมัยโรงเรียรีนวิชวิาธร จัด งาน เกษียณให้อย่างยิ่งใหญ่ที่หอประชุมกาญจนาภิเษก หน้าทอน ศิษย์เก่า มากันมากมาย ร่วมกับแขกผู้มีเกียรติเต็มห้องประชุม เป็น ป็ ภาพที่ประทับ ใจของทั้งผู้ให้และผู้รับไปจนวันวัตาย 8
เมื่อครั้งเป็น ป็ ครูได้ปฏิบัติหน้าที่เต็มความสามารถแต่ไม่ได้ทิ้งงานสังคม ได้ทำ หน้าที่เพื่อสังคมหลายอย่างเช่น เป็น ป็ ผู้ก่อตั้งกลุ่มเกษตรกรทำ สวนตำ บลหน้าเมือง เป็น ป็ ประธานมูลนิธิหลวงพ่อแดง ติสฺโส เป็น ป็ กรรมการวัดวั ประเดิม เป็น ป็ ผู้ดำ เนินการร่วมกับผู้ใหญ่ฉลาด ขวัญวัละไม ก่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรม ณ ที่พำ นักสงฆ์เขาเล่ ซึ่งนับว่าว่เป็น ป็ งานที่หนักเอาการเพราะต้องใช้เงินมาก ต้องใช้เวลาประมาณ ๓ ปีกปีว่าว่จึงจะสำ เร็จ และเป็น ป็ ผู้รวบรวมเงิน ตั้งเป็น ป็ ก องทุน"ภิกษุอาพาธ"เขาเล่ อีกด้วย ร่วมในการก่อสร้าง"พระพุทธเจดีย์" ที่วัดวัพระเจดีย์แหลมสอ กับหลวงพ่อ แดง ติสฺโส อันเป็น ป็ ที่มาของคำ ว่าว่ "เงินมาเอง" เพราะตอนนั้นเริ่มริ่สร้างท่าน ไม่มีเงิน คือมีเพียงน้อยนิด ไม่สมกับการใหญ่ แต่แล้วก็ได้ตั้งต่อไปเรื่อรื่ยๆ จนสำ เร็จอย่างสวยงาม คุณจำ ลอง สมวงศ์ เป็น ป็ ผู้ออกแบบแปลนให้ สิ่งก่อสร้างที่ประทับใจที่สุด คือการสร้างอาคารเด็กอนุบาลให้โรงเรียรีน วัดวักลาง ในฐานะที่เป็น ป็ ประธานดำ เนินการจัดสร้าง สิ่งแรกที่ต้องคิดคือการ หาทุน ผู้คิดคนสำ คัญ คือคุณจำ นง ศรีฟ้รีาฟ้คุณครูรัตน์ บัวอินทร์ ผอ. เทพ บรรจง พูลสวัสวัดิ์ และคณะครูโรงเรียรีนวัดวักลาง งานสังคม 9
เหตุมาจากเด็กไม่มีที่เรียรีน ผอ.เทพบรรจง พูลสวัสวัดิ์ ปรารภให้ผมฟังฟัว่าว่ ไม่รู้จะทำ อย่างไร ผมก็บอกว่าว่ " สร้างอาคารใหม่สิ" แยกเป็น ป็ เอกเทศ สำ หรับอนุบาล ๑ และ ๒ ตอนนั้น พยายามตริตริรองว่าว่จะหาเงินอย่างไร ก็ เกิดความคิดขึ้นมาว่าว่หาเงินเริ่มริ่ต้นสัก ๒ แสน เมื่อ ก่อสร้าง ตามคำ พูด ของหลวงพ่อแดง ผมคิดสั้นๆ แค่นั้นแล้วเงิน ๒ แสนที่เอามาวางเสาเอก จะเอามาจากไหน และแล้วเหมือนเทวดาเปิดปิทาง เกิดความคิดว่าว่พึ่งพระดี กว่าว่จึงบอกความคิดนี้แต่คุณจำ นงค์และหลานเทพบรรจง ทั้งสองเห็น ด้วย จึงชวนกันไปกราบนมัสการพระมหานุกูล ญาณคุโณ เจ้าอาวาสวัดวั ประเดิม และเจ้าคณะอำ เภอเกาะสมุย กราบเรียรีนให้ท่านทราบถึง วัตวัถุประสงค์ที่มาหาโดยละเอียด ท่านตอบรับด้วยความเมตตา ท่านบอก ว่าว่จะให้ทุนเริ่มริ่ต้น ๑ แสนบาท แล้วท่านไปหยิบเอามาให้ทันที อีกแสนนึงล่ะจะเอามาจากไหน จริงริๆมีเป้าป้หมายอยู่แล้ว ผม คุณจำ นงค์ และหลานเทพบรรจง ต้องไปกราบนมัสการน้องท่านสถิตย์(พระครูถิรบุญฺ ญากร) รักษาการเจ้าอาวาสวัดวัพระเจดีย์แหลมสอและเจ้าอาวาสวัดวัสันติว ราราม ได้ผลตามคาด ท่านควักวัมาให้อีก 1 แสน ผมกำ หนดวันวัวางศิลา ฤกษ์ทันที เมื่อถึงวันวัที่กำ หนด ได้อาราธนาพระคุณท่านทั้งสองพร้อมด้วย พระลูกวัดวัมาฉันภัตตาหารเช้าที่โรงเรียรีน แล้วประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เสร็จจากการฉันภัตตาหารแล้วนิมนต์พระมหานุกูลให้พูดเรื่อรื่งการสร้าง อาคารเด็กอนุบาล ตอนหนึ่งท่านพูดว่าว่ ให้จัดทอดผ้าป่าป่ โดยท่านรับเป็น ป็ ประธานฝ่าฝ่ยสงฆ์ และให้ผมเป็น ป็ ประธานฝ่าฝ่ยฆราวาส ซึ่งตรงกับความคิด ของผมอยู่แล้ว 10
ผมรับปากแล้วรีบรีดำ เนินการทันที มันเป็น ป็ งานที่หนักมาก ผมขอให้จัด ประชุมครู ผู้ปกครอง นักเรียรีนในเขตรับผิดชอบของโรงเรียรีน ล่วงหน้าก่อน ทอดผ้าป่าป่ ประมาณ ๓ เดือน แผนที่วางไว้คืว้ คือ สร้างอาคารเรียรีน ๒ ห้อง ขนาดกว้าว้งห้องละ ๗ เมตร ยาว ๙ เมตร ตามเป็น ป็ ที่ผู้ใหญ่วีรวีพล วัชวัรสินธ์ (ผู้ ใหญ่เล็ก) ให้ช่างออกแบบมาให้ งบประมาณตั้งไว้ ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท ตลอด ๓ เดือนก่อนทอดผ้าป่าป่มีการประชุมคณะทำ งานวางแผนทอดผ้าป่าป่ เกือบทุกวันวัคณะครูโรงเรียรีนวัดวักลาง มีอาจารย์เทพบรรจง พูลสวัสวัดิ์ ครู อาภรณ์ ใจสว่าว่ง ครูมาลี ครูชมพู ครูสมบูรณ์ บัวอินทร์ พี่สวัสวัดิ์ นาคขำ เป็น ป็ สำ คัญ เป้าป้หมายคือศิษย์เก่าโรงเรียรีนวัดวักลาง ศิษย์เก่าโรงเรียรีนวิชวิาธรเป็น ป็ หลัก วันวัทอดผ้าป่าป่ ได้นิมนต์พระจากวัดวั ประเดิม และวัดวัพระเจดีย์แหลมสอ ทั้งหมดมาฉันภัตตาหารเช้าที่โรงเรียรีน ประชาชนที่มีจิตกุศลศรัทธา ในการ ร่วมทุนสร้างอาคารอนุบาล หลั่งไหลกันมาตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยง หนาแน่นไป หมด มีเลี้ยงขนมจีนน้ำ ยา แกงเขียวหวาน ส้มตำ ขนมหวาน เริ่มริ่พิธีทอด ผ้าป่าป่เมื่อเวลา ๑๐:๐๐ น พระรับผ้าป่าป่พระมหานุกูล ญาณคุโณ ได้เงินมา เกือบ 2 ล้านบาท ทั้งๆที่ตั้งเป้าป้หมายไว้แว้ค่ ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท จะเห็นได้ว่าว่ ประชาชนสนใจและให้การสนับสนุนเรื่อรื่งการศึกษามาก สาธุ 11
ผมมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะรวบรวมตระกูลพูลสวัสวัดิ์เป็น ป็ หนังสือ ให้เป็น ป็ รูปเป็น ป็ ร่าง เพื่อนลูกหลานจะได้ศึกษาสืบสานสายตระกูลให้ผูกพัน แนบแน่นเกินไป สิ่งใดขาดตกบกพร่องจะได้ช่วยกันค้นคว้าว้ต่อเติมให้ สมบูรณ์ หากไม่ทำ เสียตอนนี้ นานไปข้างหน้าคงหาคนทำ ยาก ทราบว่าว่ หลานสุเทพ(ตุ้ม) ขวัญวัละไม คิดทำ เรื่อรื่งนี้อยู่เหมือนกัน ไม่ทราบว่าว่ทำ เป็น ป็ ไปถึงไหนแล้ว เมื่อผมลงมือทำ เข้าจริงริๆ พบว่าว่เป็น ป็ เรื่อรื่งยากพอดู ได้เพียง ครึ่งรึ่ๆกลางๆ เพราะลูกหลานบางคนไม่ให้ความร่วมมือ สำ หรับคนให้ ความร่วมมืออย่างดีเช่น กาญจนา อาขารักษ์ หรือรืน้องเล็ก พูลสวัสวัดิ์ ลูกพี่ หลวงอบ และหลานคนอื่นๆ ที่ขอร้องไปแล้วส่งเรื่อรื่งกลับมาทันทีพร้อม รายละเอียด ก็ขอบใจเป็น ป็ อย่างมากไว้ณว้ที่นี้ วิบวิากกรรม ต่อไปจะเล่าเรื่อรื่งวิบวิากกรรมซึ่งต้องผจญมาจนทุกวันวันี้ หรือรืจนถึงวันวั ตาย อนิจจา วัตวัต สังขารา สังขารนี้ไม่เที่ยงหนอ มีอันต้องเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา มนุษย์ถูกสร้างมาไม่เหมือนกัน ผมหมายถึงความแข็งแรงหรือรื อ่อนแอ ไม่ได้หมายถึงส่วนประกอบ เช่น สร้างบ้านต้องมีส่วนประกอบที่ เหมือนกัน คือมีเสา มี พื้น หลังคา ประตู หน้าต่าง แต่ไม้ที่เอามาสร้างอาจ ต่างกัน บางหลังสร้างด้วยไม้เคี่ยม ไม้หลุมพอ บางหลัง สร้างด้วยไม้เนื้อ อ่อน หลังไหนจะทนทานกว่าว่หลังไหนจะผุพัง ถูกมอด ปลวกชอนไชก่อน ย่อมรู้กันดี ร่างกายมนุษย์ก็เช่นกัน บางคนอายุ ๘๐-๙๐ ปีแปีล้วยังแข็งแรง ไม่หลงไม่ลืม เดินเหินคล่องแคล่ว หลังไม่คด ไม่งอ เป็น ป็ เพราะโครงสร้างดี นั่นเอง 12
คนที่โครงสร้างไม่ดีอายุ ๖๐ ปีจปีะรู้ทันทีว่าว่ร่างกายของตนเปลี่ยนแปลง เริ่มริ่มีอาการเจ็บปวดหรือรืผิดปกติตามส่วนต่าง ๆ ถ้าเป็น ป็ บ้านช่องเรามอง เห็นจะได้ซ่อมแซมหรือรืเปลี่ยนใหม่ แต่ร่างกายภายในเรามองไม่เห็น มัน ก็ชํารุดทรุดโทรมไปเรื่อรื่ย ๆ ถึงวันวัหนึ่งทนไม่ไหวต้องไปหาหมอ บางที ก็ สายไปเสียแล้ว เช่นหมอบอกว่าว่เป็น ป็ มะเร็งระยะที่ ๓ หรือรืระยะสุดท้าย จบ ด้วยความเจ็บปวดทรมาน และ เสียชีวิตวิในที่สุด ร่างกายมนุษย์เป็น ป็ เช่นนี้ เอง ถึงตอนนี้อย่าเพิ่งเอาเรื่อรื่ง “กรรม” มาแย้ง เพราะเรื่อรื่งกรรมเป็น ป็ เรื่อรื่ง ของการกระทํา ค่อยว่าว่กันอีกที สําหรับผมนั้นจัดอยู่ในประเภทโครงสร้างไม่แข็งแรง จําได้ว่าว่เมื่ออายุ ๖๕ เป็น ป็ ลมถูกหามส่ง โรงพยาบาล ซึ่งเป็น ป็ การเตือนว่าว่เริ่มริ่แล้วนะ ร่างกายเริ่มริ่อ่อนแอแล้วนะ จะพูดเรื่อรื่งคําว่าว่ “กรรม” สักนิด เพื่อให้เห็นว่าว่ร่างกายที่อ่อนแอไม่ใช่เรื่อรื่ง ของกรรม แต่เป็น ป็ เรื่อรื่ง ของโครงสร้างที่ประกอบขึ้นเป็น ป็ ร่างกาย วันวัหนึ่งผมสอยมะพร้าวสูงสองชั่วไม้สอย ขณะที่ผมก้มมองผลที่สอยว่าว่ ตกลงตรงไหน อีกผลหนึ่ง หล่นลงมากลางกบาลพอดี ผมล้มฟุบ ฟุ ทันทีและหมดสติไปเลย มารู้สึกตัว อีกทีตอนที่น้องมะลิภรรยาของผม เข้าประคองพากลับบ้าน ทราบภาย หลังว่าว่สลบไปประมาณ ๒ นาที นับว่าว่เคราะห์ดีที่น้องมะลิเก็บมะพร้าวอยู่ ใกล้ๆ 13
ไม่อย่างนั้นไม่รู้จะฟื้นฟื้เมื่อไร หรือรืไม่ฟื้นฟื้เลย แล้วมันจะเกี่ยวกับกรรมได้ อย่างไร คืออย่างนี้ครับ เคยตีเพื่อนอย่างแรงจนเขาล้มลุกคลุกคลานพอ ลุกขึ้นได้ก็วิ่งวิ่หนีอย่างเร็ว สาเหตุเกิดทั้งจากมูลเก่าและมูลใหม่ ขณะเกิดเรื่อรื่ง คุณพ่อของผมหว่าว่นเมล็ดยาสูบ (การปลูกยาสูบนั้นต้อง เพาะเมล็ดก่อน เมื่อมันงอกขึ้นมาประมาณ ๒ - ๓ เซนติเมตร ก็จะย้ายไป ลงร่องเพื่อบํารุง ให้ต้นงามสมบูรณ์ขึ้น ภาษาเกาะสมุยเรียรีกว่าว่เอาไป “ฉุน” เมื่อโตได้ขนาดจึงจะย้ายไปลงแปลงปลูกต่อไป) วันวันั้นคุณพ่อจะไป ถอนต้นยาสูบที่ฉุนไว้เว้พื่อเอาไปลงแปลงปลูก ปรากฏว่าว่เหลือต้นยาสูบ เหลืออยู่ไม่กี่ต้น สืบไปสืบมาคุณพ่อก็รู้ว่าว่นายคนนี้แหละที่ขโมย คุณพ่อจะ โกรธหรือรืไม่ผมไม่ทราบเพราะเห็นท่านเฉย ๆ ประกอบกับท่านเป็น ป็ ผู้ใหญ่ บ้านทั้งยังเป็น ป็ มรรคทายกที่วัดวัท่านจึงทนได้ นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว คุณพ่อไม่ โกรธแต่ มันสะสมความโกรธอยู่ในใจวัยวัรุ่นอย่างผม วันวัหนึ่งเขาไปนั่งที่ร้านเหล้าขาประจํา ผมนั่งอยู่ในร้านนั้นด้วย โดยถอด รองเท้าแตะไว้หว้น้าร้าน พอผมจะกลับบ้านปรากฏว่าว่รองเท้าแตะ อันตรธานไปแล้ว หันไปมอง เห็นครับ รองเท้าของผมย้ายไปอยู่ที่เท้าเขา แล้ว ผมโกรธสุดขีด เพราะสะสมมานาน ฉวยได้ไม้กั้นรั้วบ้านขนาด เท่า ข้อมือ ยาวประมาณวาหนึ่งแล้วกวักวัมือเรียรีกเขาออกมา พอเขาออกมาผม ก็ถามว่าว่ “ที่ใส่อยู่เกือกใคร” เขาตอบว่าว่ของเขาและคงสังเกตเห็นว่าว่ ท่าทางของผมไม่เป็น ป็ มิตรแน่ ๆ ก็หันหลังทําท่าจะเดินกลับเข้าไปใน บ้าน ทันใดนั้นไม้ในมือผมก็ฟาดเปรี้ยรี้งลงบนหัวของเขา 14
เขาล้มลงบนพื้นแล้วลุกขึ้นโกยอ้าวกลับบ้าน ทิ้งรองเท้าของผมไว้ตว้รงนั้น กรรม...กรรม นี่แหละครับกรรมที่ตามมาทันทําให้มะพร้าวหล่นใส่หัวผม เข้าใจ หรือรืยังว่าว่กรรมคือสิ่งที่เราก่อไว้ แล้วให้ผลทีหลัง คน ๆ นั้นตายไป นานแล้ว ตอนนี้ผมก็แก่แล้ว อโหสิกรรม กันเถอะ อย่าได้มีเวรต่อกันและ กันอีกเลย อเวรา โหนฺตุ ขอให้ปฏิสนธิวิญวิญาณของเขาไปอยู่ในภพภูมิที่มี ความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไปเถิด ประมาณวันวัที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๑ หมอที่โรงพยาบาลเกาะสมุยตรวจ พบว่าว่เป็น ป็ ไส้เลื่อน พรุ่งนี้หมอว่าว่งจะผ่าตัดเลยไหม ผมบอกว่าว่ตกลง ลูก เมียก็ตกลง คืนนั้นหมอจึงให้นอนโรงพยาบาล นําเข้าห้องผ่าตัด ทําความ สะอาดส่วนที่จะต้องผ่าตัด หมอบอกว่าว่อีกข้างหนึ่งก็เป็น ป็ ไส้เลื่อนด้วยจะให้ ทํา พร้อมกันไหม ผมก็บอกตกลงอีก หมอวิสัวิสัญญีเริ่มริ่ให้ยาสลบซึ่งเป็น ป็ ยาดม หมอชวนคุยไปเรื่อรื่ย ๆ ไม่ทราบ ว่าว่หมดสติไปตอนไหน ฟื้นฟื้ขึ้นมาอีกทีประมาณบ่ายสองโมง อยู่ในห้อง ผ่าตัดประมาณ ๓ ชั่วโมงกว่าว่ๆ จากนั้น จึงถูกนําตัวไปพักที่ห้องพิเศษ ความรู้สึกเริ่มริ่อ่อนเพลียลงเรื่อรื่ย ๆ ๒๐ กว่าว่วันวัอาการไม่ดีขึ้น สุดท้าย อาเจียน ออกมาเป็น ป็ สีกาแฟ หมอสันนิษฐานว่าว่ ไม่กระเพราะอาหารก็ต้องลําไส้อย่างใดอย่างหนึ่งเป็น ป็ แผล แต่รับรอง ว่าว่จะรักษาให้หายได้ หลังจากนั้นอาการมีแต่ทรุดลงเรื่อรื่ย ๆ จนรู้สึกเบลอ ๆ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ฝู ลูกศิษย์ไปเยี่ยมก็ไม่ทราบว่าว่ ใคร เป็น ป็ ใครตาก็พร่ามัว 15
จากคําบอกเล่าของน้องมะลิและลูกในขวัญวับอกว่าว่ ประมาณ ครึ่งรึ่หนึ่ง ของผู้ไปเยี่ยมแนะนําให้ไปรักษาที่อื่น โดยเฉพาะน้องอภัย กับน้องบุญ ทิพย์ บอกให้ย้ายไป โรงพยาบาลทักษิณด่วน เพราะดูท่าไม่ไหวแล้ว เหตุที่ เจาะจงไปโรงพยาบาลทักษิณ เพราะหมอบรรพต คล้ายอุดม ลูกของพี่อํา นวย พี่สมศรี เป็น ป็ ทั้งหลานทั้งศิษย์ หลานทั้งศิษย์มีส่วนเป็น ป็ เจ้าของโรง พยาบาลอยู่ด้วย ต่อมารถของโรงพยาบาลเกาะสมุยก็ได้นําผมไปส่งที่โรงพยาบาลทักษิณ โดยลงเรือรืเที่ยวสุดท้ายไป ระหว่าว่งทางมืดสนิท น้องบุญทิพย์ซึ่งไปส่งด้วย กันกับน้องมะลิบอกตอนผมหายป่วป่ยว่าว่ตอนนั้นคิดว่าว่ต้องตายก่อนถึง หมอแน่ เพราะผมไม่รู้สึกตัวเลย เรียรีกเท่าไรก็ไม่มีอาการตอบสนอง เมื่อ ถึงโรงพยาบาลทักษิณมี ลูกหลานไปรออยู่แล้วเป็น ป็ จํานวนมากเพราะตุ้ม ทราบล่วงหน้า จึงประสานไปยังลูกหลานคนอื่น ๆ ให้มา พร้อมกันที่โรง พยาบาล ตอนนั้นที่โรงพยาบาลมีหมอเวรคนเดียว คนอื่นไปพักผ่อนบ้าง หยุดวันวั สงกรานต์บ้าง หมอเวรช่วยอย่างเต็มที่ และบอกว่าว่ถ้าตกลงรักษาที่นี่จะนํา เข้าห้อง ไอซียู เพื่อรอหมอกลับจากการ พักผ่อน ซึ่งเป็น ป็ วันวั ไหนไม่รู้แน่ ทางที่ดีควรไปโรงพยาบาลสุราษฎร์ ทุกคนตกลงตามนั้น หมอจึงทําเรื่อรื่ง ส่งไปยังโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ตอนนนั้นจะชุลมุนขนาดไหนไม่ทราบ แต่คงวุ่นวุ่ วายน่าดู 16
ผมฟื้นฟื้ขึ้นมาประมาณ ๒๓.๐๐ น. เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นหมอ พยาบาล ประมาณ ๑๐ คน แต่เห็นคนแน่นไปหมด ผมนอนอยู่บนเตียงซึ่งต่อกัน เป็น ป็ แพ ปรากฏว่าว่เป็น ป็ ห้องรวม ซึ่งส่วนใหญ่เป็น ป็ ผู้ป่วป่ยหนัก ที่จําติดหู ติดตาคือภาพและเสียงของบรรดาลูกหลานร้องไห้เซ็งแซ่ โดยเฉพาะตุ้ มกับวิศวิาล แต่ผมยังคง สะลึมสะลือ ได้ยินเสียงพยาบาลให้หาคนมาให้ เลือดมาก ๆ เพราะพรุ่งนี้จะผ่าตัด ลูกหลานจึงวุ่นวุ่ วายกันอีก รอบ ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปหาพรรคพวกเพื่อนฝูง ฝู ที่พอจะตามหาได้ พงษ์ศักดิ์ ลูกของพี่ภักดี พี่สารี นําคน จากนิคมสร้างตนเองขุนทะเลมา เต็มรถกระบะ คิดดูเถิดว่าว่ลําบากขนาดไหน ดึกดื่นขนาดนั้น ต้องไปปลุก เพื่อน ๆ ที่กําลังหลับ บางคนมาถึงกรุ๊ปเลือดไม่ตรงกัน บางคนตรงแต่ดื่ม เหล้ามาก่อนใช้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าว่ ได้เลือดจํานวนมากเพียงพอ กับที่หมอต้องการ จะไม่ลืมทุกท่านที่ให้ความช่วยเหลือตลอดไป ตอนเช้าหมอเรียรีกประชุมกันอีกครั้งก่อนเข้าห้องผ่าตัด หมอบรรพตมา ถึงพอดี ได้พบกับหมอจรูญ เจ้าของไข้ เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อ หมอบรรพตเข้ามาบอกผม(ซึ่งตอนนั้นได้นอนในห้องพิเศษแล้ว) ว่าว่ อาการของผมไม่ได้หนักหนาสาหัสต้องผ่าตัดด่วนแต่ประการใด ไม่ต้อง ผ่าตัด แต่จะใช้วิธีวิธีส่องกล้อง เมื่อไม่ต้องผ่าตัดบรรดาผู้ที่มาคอยเฝ้าฝ้ก็ คลายวิตวิกกังวล ทุกคนมีสีหน้าดีขึ้นเห็นได้ชัด 17
ถัดจากวันวัเข้าโรงพยาบาลสุราษฎร์หนึ่งวันวั ในขวัญวัพร้อมด้วยหลาน กัปตันและบัญชาพี่เลี้ยงของหลานตามไปสมทบ เหตุที่ไม่ได้ไปพร้อมกัน เพราะติดเรื่อรื่งงานและลูกอ่อน หลานคนเล็กคือกัปตันก็กําลังซนพี่เลี้ยงก็ ต้องตามไปช่วยดูแล ผมนอนพักฟื้นฟื้อยู่สิบกว่าว่วันวัหมอจึงอนุญาตให้กลับ บ้านได้ อาการดีขึ้นทุกวันวัหมอนัดตรวจ ติดตามผลครั้งแรกเดือนละครั้ง ต่อมาเป็น ป็ สามเดือน หกเดือนครั้งจนสั่งหยุด ตอนที่หมอนัดตรวจติดตาม ผล พิพัฒน์ลูกชายรับผิดชอบ ดูแล พาไปพักที่บ้าน พาไปหาหมอ ซึ้งใจทุก ๆ คน ขอให้อยู่เย็นเป็น ป็ สุข ตลอดไป เป็น ป็ อันว่าว่การเจ็บป่วป่ยครั้งนั้นผ่านพ้นไปแบบเกือบเอาชีวิตวิไม่รอด แต่ บุญยังมีจึงรอดพ้นมาได้ พอถึงเดือนเมษายน ๒๕๕๘ มีอาการผิดปกติ เกิดขึ้นอีก คือเบื่ออาหารและนอนไม่ค่อยหลับ จึงไปหาหมอวิวัวิฒวัน์ซึ่งเปิดปิ คลินิกอยู่หน้าธนาคารกสิกรไทย ตลาดหน้าทอน หมอวิวัวิฒวัน์ได้ตรวจ วินิวินิจฉัยโดยละเอียดแล้ว ทําหนังสือส่งตัวไปโรงพยาบาลเกาะสมุยเพราะที่ คลินิกไม่มีเครื่อรื่งมือ ในขวัญวันําส่งโรงพยาบาล ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉิน หมอ ที่โรงพยาบาลตรวจโดยละเอียดอีกครั้งแล้วสั่งให้น้ําเกลือ ตอนบ่ายได้ย้าย เข้าห้องพิเศษ นับตั้งแต่วันวันั้นอาการเริ่มริ่ทรุดลง รู้สึกอ่อนระโหยโรยแรงอาการของ โรคแทรกซ้อนรุนแรงขึ้นเรื่อรื่ยๆ โดยเฉพาะโรคเก๊าต์กับโรคกระดูกทับเส้น ประสาท โรคทั้งสองนี้เป็น ป็ มานานแล้วรักษาเท่าไรก็ไม่หาย รู้สึก เจ็บปวด รวดร้าวไปทั้งตัว แทบกระดิกไม่ได้ พลิกตัวก็ไม่ได้ ต้องปัสปัสาวะทางสาย อุจจาระโดยใช้แพมเพิส อาการปวดข้อรุนแรงขึ้นเรื่อรื่ย ๆ ผมบอกหมอ เจ้าของไข้ว่าว่ ปวดเก๊าต์ หมอไม่เชื่อ หมอว่าว่ ปวดเพราะนอนท่าเดียวไม่ได้ พลิกตัวเลยไม่ให้ยาแก้ปวดเก๊าต์ 18
รู้สึกทรมานมากจนทนไม่ไหว ตอนนี้ผมรู้ดีกว่าว่หมอจึงให้น้องมะลิกลับ ไปเอายาแก้ปวดเก๊าต์ที่บ้าน เอามาแล้วน้องมะลิไม่กล้าให้กินเพราะกลัว ความผิด ไปปรึกรึษาพยาบาล พยาบาลก็ไม่กล้าอนุญาตจึงได้ติดต่อไปหา หมอเจ้าของไข้ หมอคงคิดว่าว่ต้านไม่อยู่แน่จึงยอมให้กินได้แต่ต้องเป็น ป็ ยาที่ หมอสั่งให้ใหม่ พอกินเม็ดแรกเข้าไปอาการปวดก็เริ่มริ่ทุเลาลง เม็ดที่สองที่ สามพอพลิกตัว ได้เอง ยานี้ต้องกินหลังอาหารทันที ฉะนั้นจะกินยาได้ต้อง กินข้าวเสียก่อน และกินวันวัละสองครั้งเช้า เย็น เรื่อรื่งนี้ให้ข้อคิดว่าว่บางครั้ง หมอก็ต้องเชื่อคนไข้เหมือนกัน โรคแทรกซ้อนอีกอย่างที่ยังคงอยู่และส่งผลรุนแรงก็คือกระดูกทับเส้น ประสาทซึ่งทําให้ปวดไม่แพ้กัน คิดดูเถอะเมื่อมันปวดขึ้นมาพร้อมกันทั้ง สองโรคจะเจ็บปวดสักขนาดไหน ผมเคยให้หมอตรวจกระดูกที่ทับเส้นเมื่อ ปี ๒๕๕๘ ผลการเอ็กซเรย์คือพบกระดูกสะโพกข้างซ้ายฉีกออกห่างกัน ประมาณ ๑ เซนติเมตร กระดูกที่หักไปทับเส้นประสาท หมอบอกว่าว่ต้อง ผ่าตัดจึงจะหาย ตอนนี้ผมกลัวการผ่าตัดมาก เพราะมี ประสบการณ์การ ผ่าไส้เลื่อนมาแล้ว ผมจึงบ่ายเบี่ยงไปเรื่อรื่ย ๆ จนการผ่าตัดไม่เกิดขึ้น และ ออกจาก โรงพยาบาลทั้ง ๆ ที่ยังปวดอยู่ กลับมาถึงบ้านก็นอนอยู่กับที่ เคลื่อนไหวแทบไม่ได้เลย จะกินข้าวน้องมะลิ ต้องป้อป้น ถ่ายหนัก ถ่ายเบา เขาก็ต้องคอยประคับประคองลําบากแสนเข็ญ 19
ในขวัญวั ไปซื้อลูกประคบมาสองลูกเอามาใส่หม้อนึ่งชนิดใช้ไฟฟ้าฟ้พอ น้ำ เดือดสัก ๕ นาทีก็ถอดปลั๊ก นําเอาลูกประคบมาประคบตรงที่ปวด ใน ขวัญวัจะมาช่วยประคบวันวัละสองเวลา เที่ยงกับเย็น นอกนั้นน้อง มะลิเป็น ป็ ผู้ ประคบ ทําเช่นนี้อยู่ประมาณ ๒ เดือน อาการก็ดีขึ้น ย่างเข้าเดือนที่สาม ผมก็สามารถประคบเอง ได้ ลุกขึ้นนั่งได้ กินเองได้ สองเดือนต่อมาก็ สามารถลุกเดินได้โดยใช้เครื่อรื่งช่วยสี่ขาประคอง อีกหนึ่งเดือน ต่อมาก็ สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องอาศัยเครื่อรื่งพยุง รวมเวลานอนติดเตียง ประมาณ ๖ เดือน ตอนนี้นึกในใจว่าว่ชนะหมอ คือไม่ต้องผ่าตัดก็หายได้ แต่ก็คิดว่าว่เมื่อพัก ฟื้นฟื้ร่างกายจนแข็งแรงดีแล้ว จะต้องไปผ่าที่โรงพยาบาลแห่งใดแห่งหนึ่ง พอต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๘ พิพัฒน์ (ลูกเปี้ยปี้ว) ได้มาเยี่ยมที่บ้านและ บอกว่าว่ ได้ติดต่อโรงพยาบาลไว้แว้ล้ว ที่ศูนย์รวมแพทย์พัฒนา กทม. เมื่อ ปรึกรึษากันว่าว่จะไปเมื่อไร 20
ก็สรุปว่าว่ ให้พิพัฒน์จองตั๋วเครื่อรื่งบิน ได้เมื่อไรก็ไปเมื่อนั้น ในที่สุดก็ได้เดิน ทางเมื่อวันวัที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๘ เที่ยวเวลา ๑๕.๐๐ น. โดยจองไว้สว้ามที่ นั่งเพื่อลูกไก่สามีของในขวัญวัด้วย เพราะต้องประคองไปจากเกาะสมุยวันวั เดินทางในขวัญวัมารับพร้อมกับลูกไก่ไปลงเรือรืซีทราน เมื่อถึงท่ารถที่บ้าน ดอน พิพัฒน์มารับไปกินอาหารเที่ยง เสร็จแล้วก็เดินทางไปยังสนามบินหัว เตย ขึ้นเครื่อรื่งไปนั่งแถวหน้าสุดซึ่งไม่ต้องเดินไกล และสั่นสะเทือนน้อย พิพัฒน์เล่าว่าว่ตอนจองตัวได้บอกว่าว่จะพาคนแก่ซึ่งป่วป่ยไปหาหมอ เขาก็เลย จัดให้นั่งตรงนั้น เครื่อรื่งไปถึงสนามบินดอนเมืองเวลา ๑๗.๐๐ น. ลงจากเครื่อรื่งเดินไปขึ้น แท็กซี่ พิพัฒน์บอกให้ไปส่งที่หน้าการไฟฟ้าฟ้บางกรวย แท็กซี่วิ่งวิ่ ไปได้สักพัก ฝนก็ตกลงมายังกะฟ้าฟ้รั่ว มันเทลงมามืดฟ้าฟ้มัวดินรถติดเป็น ป็ พืด ค่อย ๆ กระ ดึบไปได้ทีละนิด ๆ ต้องนั่งทําใจจนรถไปถึงที่พักซึ่งเป็น ป็ โรงแรมขนาดกลาง ใช้เวลาเดินทางร่วม ๆ ๓ ชั่วโมง ทั้ง ๆ ที่ควรใช้เวลาไม่เกินครึ่งรึ่ชั่วโมง เมื่อเช็คอิน เอากระเป๋าป๋ไปไว้ใว้นห้องแล้วก็เดินไปกินอาหารที่สี่แยกใกล้ ๆ แล้วกลับมานอน ตื่นตอนตีสี่ อาบน้ําแต่งตัว ชวนกันไปเรียรีกแท็กซี่ให้ไปส่ง ที่ศูนย์รวมแพทย์พัฒนา ศูนย์นี้ไม่ใช่โรงพยาบาล มีลักษณะเป็น ป็ คลินิก จัด สร้างตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ พระองค์ พระราชทานเงินเบื้องต้น ๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็น ป็ คลินิกที่รวม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกสาขามาไว้ ถึงศูนย์ ฯ เวลา ๐๕.๐๐ น. ปรากฏว่าว่เขา เปิดปิทํางานแล้ว ไม่เหมือนกับโรงพยาบาลทั่วไปที่อนุญาตให้คนไข้เข้าได้ราว ๐๖.๐๐ น. เป็น ป็ อย่างเร็ว เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของที่นี่ต้อนรับเป็น ป็ อย่าง ดี และให้คําแนะนําต่าง ๆ ใน ฐานะคนป่วป่ยหน้าใหม่ ปรากฏว่าว่ ได้คิวที่หนึ่ง จะได้พบหมอเป็น ป็ คนแรก 21
ระหว่าว่งที่รอพบหมอ เจ้าหน้าที่ฝ่าฝ่ย การเงินเข้ามาถามว่าว่เบิกค่ารักษา พยาบาลได้หรือรืเปล่า บอกว่าว่เบิกได้ เจ้าหน้าที่จึงให้ไปทําบัตรจ่ายตรง เพราะมาครั้งต่อไปไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ว่าว่ครั้งนี้ต้องจ่ายไปก่อนแล้วค่อยไป เบิกที่ต้นสังกัด ผมเข้าใจดีจึงเดินไป ติดต่อเพียงห้านาทีก็เสร็จ เมื่อถึงเวลาเข้าไปพบหมอซึ่งเป็น ป็ หมอเชี่ยวชาญเรื่อรื่งกระดูก ผมเล่า อาการให้ฟังฟัโดยละเอียดและเน้นว่าว่ต้องการให้ผ่าตัดเพื่อจะได้หายปวด ทรมานเสียที หมอจึงส่งเข้าห้องเอ็กซเรย์ จากฟิล์ฟิ ล์ มเอ็กซเรย์ หมอชี้ให้ ผม พร้อมกับลูกไก่ลูกเปี้ยปี้วดู ปรากฏว่าว่ตรงข้อสุดท้ายของกระดูกสันหลัง ส่วนที่ชนกับกระดูกก้นกบเคลื่อน ออกจากจุดเดิม โดยทรุดลงไปประมาณ ๓ เซนติเมตรแล้วไปกดทับเส้นประสาทเส้นหนึ่ง หมอชี้ให้ดู เราทั้ง สาม คนมองด้วยความแปลกใจว่าว่มันทรุดลงไปได้อย่างไร ผมนึกในใจว่าว่คง เกิดขึ้นตอนแบกหรือรืหาบของหนักแน่ ๆ พอดูภาพเอกซเรย์จนเข้าใจแล้ว หมอบอกว่าว่ผมยังไม่ผ่าตัดให้คุณหรอก คุณปวดร้าวและชาถึง ปลายเท้า ไหม ผมบอกว่าว่ ไม่ หมอว่าว่เมื่อใดที่คุณเดินลากขามาหาหมอ หมอจะผ่าให้ ผมก็บอกกับหมอว่าว่เวลาปวดมันปวดเหลือเกิน คุณหมอกรุณาผ่าทีเถิด หมอบอกว่าว่เดี๋ยวจะให้ยาไปกินสัก ๑ เดือน แล้วมาพบหมอใหม่ 22
หมอบอกเพิ่มเติมว่าว่ ในฟิล์ฟิ ล์ มเมีเม็ดนิ่วในท่อน้ําดีหนึ่งเม็ดและไตเริ่มริ่เสื่อม อย่างแรง จากความยาว ๑๐ เซนติเมตรหดเหลือ ๗ เซนติเมตร ถ้าไม่ รักษาโดยด่วนอาจจะต้องฟอกไต ผมนึกถึงวิศวิาล มีแสง หลานเขยซึ่งต้อง ฟอกไตจนตายก็นึกหวาดหวั่นวั่หมอจึงส่งตัวไปให้หมออีกท่านหนึ่งชื่อสม พร เป็น ป็ หมอเชี่ยวชาญเรื่อรื่งไต หมอเน้นเรื่อรื่งความเสื่อมของไตแล้วให้มา ใหม่ในวันวัรุ่งขึ้น ให้ไปทำ ใบนัดกับเจ้าหน้าที่ห้องเอ็กซเรย์และห้องอัลตรา ซาวด์ วันวัรุ่งขึ้นเราสามคนตื่นตั้งแต่ตีสี่ อาบน้ํา แต่งตัวนั่งแท็กซี่ไปถึงศูนย์รวม แพทย์ประมาณตีห้าครึ่งรึ่ตอนนั้นเขาเปิดปิทํางานแล้ว มีคนไข้รออยู่มากพอ สมควร ลูกเปี้ยปี้วไปติดต่อห้องเอ็กซเรย์ ก็ได้เข้าทันที ออกจากห้อง เอ็กซเรย์ต่อไปยังห้องอุลตร้าซาวด์ ห้องนี้ตรวจละเอียดมาก ลูบไล้ไปทั่ว ทั้งหน้าอกและช่องท้อง ต้องถอดเสื้อผ้าเหลือแต่กางเกงในตัวเดียว เสร็จ จากอุลตร้าซาวด์ก็ออกไปนั่งรอหมอสมพร เจ้าหน้าที่บอกให้ไปหาอาหาร กินเสียก่อนเพราะหมอยังมาไม่ถึง เราขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสอง แล้วขึ้น ลิฟต์ไปชั้นสาม เดิน ต่อไปยังห้องอาหารซึ่งเป็น ป็ ห้องโถงกว้าว้งขวาง มีทั้งอา หารปรุงสําเร็จและอาหารตามสั่งมากมาย ลูกไก่ไปเอาข้าวต้มปลามาให้ ผมกินอย่างเอร็ดอร่อยจนหมดแถมด้วยถั่วดําต้มกะทิใส่ข้าวเหนียวเล็ก น้อย อร่อยอีกเหมือนกัน อิ่มแล้วลงไปคอยหมอ 23
ไม่นานเจ้าหน้าที่หน้าห้องหมอก็มาเรียรีกเราเข้าไปห้าคน นอกจากลูกทั้ง สองแล้ว หลานสาวกับหลานเขย คือรุ่งลาวัลวัย์กับต่อ (จําชื่อจริงริไม่ได้) เข้าไปสมทบด้วย หมอสมพรยังคง พูดเรื่อรื่งการเสื่อมของไต วิธีวิธีการรักษา และบอกว่าว่ ไม่ต้องตกใจ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่เรื่อรื่งนิ่วต้องไปพบ หมอ อีกท่านหนึ่งชื่อแพทย์หญิงลักขณา อยู่ชั้น ๓ มีเจ้าหน้าที่พาไปเดี๋ยวนั้นเลย ไปนั่งรอหมอสักครู่เขาก็ เรียรีกเข้าพบ หมอบอกว่าว่จากฟิล์ฟิ ล์ มเอ็กซเรย์และ ผลจากอุลตร้าซาวด์ยังเห็นไม่ชัดเรื่อรื่งก้อนนิ่ว ต้องไปทํา MRI อีกทีเพื่อ ความแน่นอน MRI ย่อมาจากคําว่าว่ Magnetic resonance imaging เป็น ป็ เครื่อรื่งตรวจด้วยเครื่อรื่งสร้าง ภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าฟ้จะได้ภาพ ชัดเจนบอกได้ว่าว่ ในกายเรามีอะไรบกพร่องต้องรักษาโดยด่วนบ้าง ผมไม่เคยได้ยินคํานี้ ก็นึกในใจว่าว่ ไปกันใหญ่แล้ว หมอปลอบว่าว่ ไม่ต้อง กลัว เครื่อรื่งทํา MRI เป็น ป็ เครื่อรื่งที่ ทันสมัยที่สุด และมีเครื่อรื่งเดียวใน เอเชียตะวันวัออกเฉียงใต้ ค่าทําเพียงหนึ่งหมื่นห้าพันบาทเท่านั้น และไม่ ต้องห่วงเพราะเบิกได้ทั้งหมด ตอนนั้นในสมองของผมปั่นปั่ ป่วป่นไปหมด หัน ไปปรึกรึษาลูก ๆ ทั้งสองคนก็ บอกว่าว่ ให้ทําตามหมอบอก เอ้า ! ทําก็ทํา หมอนัดเดือนถัดไป ให้มาพบหมอก่อน หมอจะทําใบสั่งไปหาที่ที่ มีเครื่อรื่ง MRI ซึ่งอยู่ในอีกท้องที่หนึ่ง ผมเองก็ไม่รู้ว่าว่อยู่ที่ไหน ครั้งนั้นผมไปพบที เดียวสามหมอ หมอคน แรกที่ชํานาญเรื่อรื่งกระดูกชื่อหมอบุญวัฒวัน์ หมอ สมพร และหมอลักขณา ในการนัดครั้งต่อไป จะต้องนัดวันวั ให้ตรงกัน 24
ครบกําหนดวันวันัด ลูกไก่มารับไปลงเรือรืเฟอร์รี่ที่รี่ที่หน้าทอน ถึงท่ารถ ตลาดบ้านดอน ลูกเปี้ยปี้วมารอรับ อยู่พร้อมด้วยลูกพีภรรยา และลูกทราย (หลาน-ลูกของเปี้ยปี้ว) ลูกเปี้ยปี้วพาขึ้นรถไปกินอาหารเที่ยงแล้วพาต่อไปยัง สนามบินหัวเตย โดยสารเครื่อรื่งบินของสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวเวลา ๑๕.๐๐ น. ถึงสนามบินดอนเมือง ๑๖.๑๕ น. ขึ้นแท็กซี่เข้าที่พัก รุ่งเช้ารีบรีไปพบหมอลักขณา หมอให้เอาใบนําตัวไปที่ทําการของบริษัริษัท MRI เจ้าหน้าที่ออกมา ต้อนรับอย่างดี พาไปลงทะเบียน ทําประวัติวั ติเปลี่ยน เสื้อผ้าเป็น ป็ ชุดของบริษัริษัท สถานที่แห่งนี้คล้าย ๆ กับ โรงพยาบาลขนาด ย่อม หรือรืคลินิกขนาดใหญ่ เมื่อพร้อมแล้วก็ให้ผมขึ้นไปนอนบนเตียงที่มี ล้อ แล้วรุนเข้าเครื่อรื่ง MRI หรือรืที่เรียรีกว่าว่อุโมงค์ มีเครื่อรื่งครอบศีรษะถึงหู ได้ยินคําสั่งซึ่งผ่านมา ทางสายมาว่าว่ “หยุดหายใจ” ก่อนนั้นผมพยายามทําใจให้สงบโดยใช้วิชวิา สมาธิกัมมัฏฐาน พอได้รับคําสั่งว่าว่ “หยุดหายใจ” ผมก็เริ่มริ่นับหนึ่ง สอง สาม นับได้แค่สิบห้า ก็ได้รับคําสั่งว่าว่ “หายใจตามปกติ” ก็นับ หนึ่ง สอง สาม ได้แค่สิบห้าเหมือนกัน คำ สั่งสลับอย่างนี้อยู่หลายครั้ง 25
ขณะที่นอนอยู่ในอุโมงค์เพื่อทํา MRI ผมมีความรู้สึกเหมือนนอนอยู่ใน โลงศพแล้วมีคนเกาะอยู่ข้างโลงข้างละคนแล้วช่วยกันทําให้โลงโคลงเคลง อย่างแรง เสียงดังโครม ๆ ซ้ายที ขวาที เป็น ป็ อย่างนี้จนได้ยิน “หยุดหายใจ” และ “หายใจตามปกติ” ทําอยู่เช่นนี้ประมาณหนึ่งชั่วโมง แล้วดึงผมออก มา ให้ดื่ม น้ําส้มหนึ่งแก้ว แล้วรุนเข้าไปใหม่ ครั้งหลังนี้ใช้เวลาประมาณ ๑๕ นาที เขาดึงออกมาเป็น ป็ อันเสร็จสิ้นการทํา MRI แต่งตัวแล้วนั่งแท็กซี่ กลับไปพบหมอลักขณาที่ศูนย์รวมแพทย์ฯ เมื่อไปถึงปรากฏว่าว่ ฟิล์ฟิ ล์ มจา กการทํา MRI อยู่ในมือหมอลักขณาแล้ว เรียรีกว่าว่เร็วทันใจจริงริๆ หมอ อ่านฟิล์ฟิ ล์ มแล้วบอกว่าว่ ไม่มีอะไร แต่เพื่อความ แน่ใจให้ไปพบหมออีกครั้งใน วันวัที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ ย้อนกลับไปหาหมอสมพรอีกครั้ง จากฟิล์ฟิ ล์ มเอ็กซเรย์ในการพบครั้งแรก ที่หมอบอกว่าว่มีก้อนนิ่วเล็ก เชี่ยวชาญเรื่อรื่งนิ่วและท่อน้ําดี หมอสมพรบอกว่าว่อาจจะใช้ ๆ อยู่ในท่อน้ําดี แล้วส่งต่อไปยังหมอลักขณาซึ่งเชี่ยวช ตามที่เล่ามาแล้ว เครื่อรื่งมือหยิบออก หรือรืสลายด้วยเลเซอร์ แต่แม้ไม่พบก้อนนิ่วตามที่หมอ สมพรบอกก็ต้องค้นหากันต่อไป เมื่อกลับถึงบ้านผมขอร้องให้นายจําเนียร คนบ้านใกล้ซึ่งสนิทกันให้ช่วย ไปเอารากเล็บเหยี่ยวให้สักรากหนึ่ง ผมรวบรวมสมุนไพรได้สามอย่าง คือ รากเล็บเหยี่ยว หญ้าหนวดแมวและอ้อยแดง แล้วนําราก เล็บเหยี่ยวมาหั่น สับเป็น ป็ ชิ้นเล็ก ๆ ให้ได้หนึ่งกํามือ หญ้าหนวดแมวหนึ่งกํามือ อ้อยแดงสาม ปล้องทุบให้ แตก เอาทั้งหมดใส่กา ใส่น้ําลงไปห้าแก้ว ตั้งไฟต้มให้เดือดจน งวดลงเหลือน้ําประมาณสามแก้ว รินริใส่แก้วแล้วดื่มให้หมดหนึ่งแก้ว แล้ว ดื่มต่อไปอีกหนึ่งแก้ว จะดื่มติดต่อกันหรือรืเว้นว้ระยะ เป็น ป็ ยาขับก้อนนิ่วได้ ชงัด ท่านว่าว่เป็น ป็ ยาดีนักแล ผมได้สูตรยานี้มาจากหลวงคิด (นายประดิษฐ์ ประเสริฐริศรี)รีบ้านอยู่หน้าวัดวัคุณาราม ขอกราบขอบพระคุณอย่างที่สุด 26
ยาขับนิ่วสูตรนี้ผมเคยต้มกินครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๕๓ ผมปวดท้อง แผ่นหลังและบั้นเอวอย่างแรง ไป หาหมอที่โรงพยาบาลเกาะสมุย หมอก็ ส่งเข้าห้องเอ็กซเรย์ ปรากฏว่าว่มีก้อนนิ่วบริเริวณถุงน้ําดีแวววาวไปหมด หมอให้กินยาขับนิ่วหรือรืยาสลายนิ่วผมก็ไม่ทราบ แต่อาการไม่ทุเลา ผม ขอกลับบ้าน จัดการต้มยาสูตรของ หลวงดิษฐ์ทันที เวลาไม่นานก้อนนิ่ว ซึ่งมีลักษณะเหมือนก้อนกรวดเล็ก ๆ ค่อย ๆ ทยอยออกมาทางท่อปัสปัสาวะ ทีละหนึ่งเม็ด ผมเอาล้างน้ําเก็บไว้ใว้นขวดยานัตถุ์หมอชิต ได้เต็มขวดพอดี เรียรีกว่าว่เยอะมาก อาการปวดค่อย ๆ ทุเลาลง จนหายเป็น ป็ ปกติในที่สุด จา การดื่มยาสูตรนี้ เมื่อกลับไปพบหมอลักขณาอีกครั้งจึงไม่พบก้อนนิ่ว ทํา ให้หมอต้องค้นหาเป็น ป็ การใหญ่ ถึงขั้นต้องเข้าเครื่อรื่งเพื่อทํา MRI ผมไม่ กล้าบอกหมอว่าว่กินยา 27
ต้มขับก้อนนิ่วออกมาหมดแล้ว เพราะกลัวหมอไม่เชื่อเหมือนกับยาเบา หวานที่เป็น ป็ ยาสมุนไพรซึ่งผมนต้มกินจนระดับน้ำ ตาลในเลือดลดลงเหลือ ในระดับปกติ ตัวยานี้ประกอบด้วย ๑. ต้นตะไคร้ส่วนที่เป็น ป็ เหง้า ที่โคนต้น นำ มาหั่นบางๆ ตากแดดให้แห้ง แล้วคั่วจนสุกหอม ๒. รากเตยหอมสด ๓. ใบรางแดง (หลานวันวัทนี ลูกสาวครูรัตน์ พี่สุ ซึ่งทํางานอยู่ที่เทศบาล บางใหญ่ จ.นนทบุรี เป็น ป็ ผู้ส่งมาให้ ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี่) ๔. ดอกคําฝอย ๕.ขลู่ (สมัยเรียรีกขลู้ เป็น ป็ ไม้พุ่มชนิดหนึ่งอยู่ตามชายทะเลหรือรืป่าป่ชายเลน ใบรูปไข่ขอบจักห่าง ๆ หาได้ที่เกาะสมุย) นําตัวยาอย่างละพอสมควรมาห่อด้วยผ้าขาวแล้วใส่หม้อหรือรืกา ใส่น้ํามาก ๆ ตั้งไฟเคี่ยวนาน ๆ จน ตัวยาออกมา เอาน้ํายาที่ต้มนั้นมาดื่ม ติดต่อกันไปจนหมด แล้วเติมน้ําใหม่ ดื่มต่อไปเรื่อรื่ย ๆ จนจืด แล้ว เปลี่ยน ตัวยาใหม่อีก ถ้าจะให้หอม ก็ใส่ใบเตยหอมสักสองสามใบ ใบเตยหอมนี้ยัง ช่วยบํารุงหัวใจอีกด้วย ต้มกินไปเรื่อรื่ย ๆ จนหาย ผมกินยานี้อยู่หกเดือน ก่อนไปพบหมอที่กรุงเทพ ฯ หมอสมพรแปลกใจว่าว่ทําไม ค่าของน้ําตาลใน เลือดจึงลดลงสู่ระดับปกติ 28
ผมมักกินยาสมุนไพรควบคู่กับยาที่หมอโรงพยาบาลเกาะสมุยจ่ายให้มา ตลอด เมื่อถึงฤดูที่ต้นมะม่วงหาวมะนาวโห่ออกลูก ผมก็เก็บลูกสุกมากิน วันวัละ ๗ ลูก เรียรีกว่าว่กินสมุนไพรทุกอย่างที่ผู้รู้บอกว่าว่แก้โรคเบาหวาน สุดท้ายหมอก็หยุดให้ยาแก้เบาหวาน ทั้ง ๆ ที่หมอมักบอกว่าว่ ใครเป็น ป็ โรค เบาหวานต้องกินยาไปจนตาย หมอสมพรที่คลินิกรวมแพทย์พัฒนาบอก ว่าว่ โรคสงบลงแล้วไม่ต้องกินยาอีก นี่คือคุณของยาสมุนไพรไทย เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ ผมขึ้นไปพบหมอทั้งสามท่านตามใบนัด หมอ บุญวัฒวัน์บอกว่าว่ ในส่วน ของกระดูกทับเส้นประสาทที่ท่านรับผิดชอบไม่มี ปัญปัหาแล้วแต่ต้องกินยาติดต่อไปเรื่อรื่ย ๆ ไม่ต้องไปพบ ท่านอีกก็ได้ ถ้ายา หมดก็ให้ใครก็ได้ไปรับยา ซึ่งลูกเปี้ยปี้วเป็น ป็ ผู้รับหน้าที่นี้ จากนั้นไปพบหมอสมพร ท่านตรวจละเอียดมาก สั่งให้ทําอุลตร้าซาวด์ อีก พบว่าว่มีปัญปัหาเรื่อรื่งต่อมลูกหมาก จึงส่งไปหาหมอบันเทิง (พล.อ.ตบรร เทิง) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หมอสั่งให้นอนคว่ำ บนเตียง ถอด กางเกงลงครึ่งรึ่ หนึ่งแล้วใช้นิ้วกดบริเริวณทวารหนัก ท่านบอกว่าว่ต่อมลูกหมากโต อาจต้อง ตัดเนื้อไปตรวจ ค้นหาเชื้อมะเร็ง แต่วันวันี้ให้เอายาแก้ปัสปัสาวะขัดไปกิน ก่อนและให้ไปพบท่านอีกครั้ง พร้อมกับย้ำ ว่าว่ถ้าค่าเลือดยังเข้มข้นต้องตัด เนื้อไปพิสูจน์ แล้วให้ไปรอรับยาหน้าห้อง 29
ขณะนั่งรอรับยามีชายคนหนึ่งอยู่ในวัยวัเดียวกับผมเดินเข้ามาหาเอา กระดาษให้ผมสองแผ่น แล้วบอกว่าว่เขามาหาหมอบันเทิงเหมือนกัน แต่ไม่ ต้องตัดเนื้อไปพิสูจน์เพราะกระดาษสองแผ่นนี้ ให้ผมไปอ่านแล้วลอง ทํา ตามอาจจะไม่ต้องตัดเนื้อพิสูจน์ก็ได้ ผมรับฟังฟัเพื่อนหน้าใหม่ด้วยความ แปลกใจ แล้วนั่งอ่านขณะนั่งรอยาเพื่อฆ่าเวลา พบยาตัวหนึ่งที่บอกว่าว่สา มารถทําให้ต่อมลูกหมากโตหายได้ คือให้เอามะเขือเทศมาต้มให้สุกแล้ว กินวันวัละหนึ่งลูก กินไปเรื่อรื่ย ๆ จนหาย อ่านจบเหลียวหาเพื่อนใหม่ไปทั่ว บริเริวณ คิดว่าว่ถ้าพบจะขอบคุณเขาสุด ๆ อีกครั้ง เพราะยาหาง่าย ทําง่าย อาจกินยากสักหน่อย แต่มองหาไม่พบได้แต่ขอบคุณเขาในใจ เสร็จจากหมอบันเทิงต่อไปห้องหมอลักขณา หมอบอกว่าว่จากการทํา MRI ไม่พบก้อนนิ่ว อาจต้องส่องกล้องอีกที เพื่อตรวจภายในโดยเฉ พาะลําไส้ใหญ่ ในใจผมอยากจะบอกท่านว่าว่มันคงออกไปแล้วด้วย สรรพคุณของยาต้ม แต่ก็ได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ แล้วยกมือไหว้ลว้าท่าน อีกสามเดือนต่อมา คือวันวัที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ เราทั้งสามคนก็บิน เข้ากรุงเทพ ฯ อีกครั้ง คราวนี้อาการหนักแน่ เพราะหมอบันเทิงจะตัดเนื้อ พิสูจน์ หมอลักขณาก็จะส่องกล้อง แต่คิดในใจว่าว่จะปฏิเสธทั้ง สองรายการ 30
หมอบรรเทิงบอกว่าว่ผลเลือดยังเข้มข้น ฉะนั้นต้องตัดเนื้อพิสูจน์ ผมบอก ทันทีว่าว่คุณหมอครับ ไม่ต้องทําอะไรทั้งหมด เกิดพบเชื้อมะเร็งจะทําให้ ผมไม่สบายใจ ผมไม่กลัวตาย แต่กลัวการรักษาด้วยวิธีวิธีต่าง ๆ ไปจนกว่าว่ จะตาย ปีหปีน้าผมจะอายุ ๘๐ แล้ว อะไรจะเกิดก็เกิดผมยอมรับได้ ผมขอยา ไปกินก็แล้วกัน หากมีอะไรผิดปกติค่อยกลับมาหาหมอ หมอก็บอกว่าว่ถึง ตอนนั้นผมก็คงทําอะไรไม่ทัน ผมก็เรียรีนท่านว่มว่ ไม่เป็น ป็ ไรครับขอยาไปกิน ก็แล้วกัน ผมยกยกมือไหว้หว้มอกล่าวขอลาออกจากห้อง ส่วนการส่องกล้องของหมอลักขณาผมยังไม่ปฏิเสธ ทําเรื่อรื่งยอมให้หมอ ส่องกล้องในวันวัที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ค่าใช้จ่าย ๘,๐๐๐ กว่าว่บาท เซ็น ชื่อในแบบฟอร์มแล้วแต่เงินค่อยมาจ่ายวันวัที่หมอทําการ กลับถึงบ้านไปซื้อ มะเขือเทศจากตลาด เลือกเอาแต่ลูกที่มีขนาดกํารอบและมีขนาดเท่า ๆ กันมาครึ่งรึ่กิโลกรัมน้ําจนสะอาดแล้วเก็บไว้ใว้นตู้เย็น ตอนเย็นเอาออกมา ๑ ลูก ผ่าซีกแล้วต้มให้สุก ตั้งทิ้งไว้ รุ่งเช้า ก่อนไปออกกําลังกายก็เอามากิน พร้อมทั้งน้ําที่ต้ม ตามด้วยกล้วยน้ําว้าว้๑ ลูก แล้วตามด้วยน้ําร้อนใส่หญ้า หวาน ๓ ใบ ใบรางแดง ๑ ใบ (ถ้าเป็น ป็ ใบเล็ก ๒ - ๓ ใบ) น้ําจะออกสีเหลือง ๆ เล็กน้อย ดื่มให้หมด ๑ แก้ว (ขนาดกลาง) กินและดื่มอย่างนี้ทุกวันวัจนถึง วันวั ไปหาหมอครั้งต่อไปวันวัที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ ขึ้นเครื่อรื่งไปพบหมอ เป็น ป็ เที่ยวที่ ๖ คราวนี้ตั้งใจจะขอหมอว่าว่สัก ๖ เดือนจึงจะนัดครั้งใหม่ เพราะรู้สึกเบื่อเหลือเกิน จะได้หรือรืเปล่าไม่รู้ เดี๋ยวนี้ถึงที่พักไม่มืด เพราะ รถติดน้อย 31
เมื่อไปถึงหมอก็บอกท่านตามที่ตั้งใจไว้ หมอทั้ง ๓ ท่านบอกตรงกันว่าว่ คุณจะมาหรือรืไม่มาตามหมอนัดก็ได้ แต่จะให้ยาไปกินเพียง ๓ เดือน หมอ จะออกใบนัดให้ ผมขอว่าว่เมื่อยาหมดหรือรืครบ ๓ เดือน จะให้ลูกมารับ ยา แทนได้หรือรืไม่ หมอบุญวัฒวัน์บอกว่าว่ของท่านไม่มีปัญปัหา อีก ๒ ท่านได้แต่ ยิ้ม ๆ หมอสั่งยา รับยาแล้วก็กลับที่พัก หมอบุญวัฒวัน์สั่งทําเอ็กซเรย์อีกครั้ง หมอบอกว่าว่ผลเอ็กซเรย์ไม่ชัดเจน ต้องทํา MRI อีกครั้งเพื่อดู กระดูกสันหลังโดยละเอียด เราทั้งสามจับแท็ก ซี่ไปสํานักงานทํา MRI คราวนี้รอไม่นาน ใช้เวลาประมาณ ๓๐ นาที เท่านั้น เร็วกว่าว่ครั้งก่อนมากเพราะครั้งก่อนดูข้างหน้าบริเริวณช่องท้อง ทั้งหมด ครั้งนี้ดูเฉพาะกระดูก หลังตั้งแต่คอถึงบั้นเอว ก่อนเข้าอุโมงค์ ต้องจ่ายเงิน ๑๒,๐๐๐ บาทถูกกว่าว่ครั้งก่อน ๓,๐๐๐ บาท เจ้าหน้าที่ บอก ว่าว่ครั้งนี้ไม่ต้องฉีดสีจึงลดเหลือ ๑๒,๐๐๐ บาท เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมา นั่งรอฟิล์ฟิ ล์ มประมาณ ๑๐ นาที รับฟิล์ฟิ ล์ มจากเจ้าหน้าที่แล้วนั่งแท็กซี่กลับ ที่พัก รุ่งขึ้น วันวัที่ ๒๗ มิถุนายน เอาฟิล์ฟิ ล์ มไปให้หมอบุญวัฒวัน์ หมอ ดูฟิล์ฟิ ล์ ม แล้วบอกว่าว่ ไม่พบเส้นประสาทถูกกดทับ หมอว่าว่ยังไม่ต้องทําอะไร กระดูก เสื่อมไปตามวัยวัเมื่อไร มือชา ขาชาค่อยกลับมาให้หมอผ่าตัด โดยนัดครั้ง ต่อไปวันวัที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๙ 32
กลับมาที่พัก รุ่งเช้าตื่นตั้งแต่ตีห้า ไปขึ้นเครื่อรื่งที่ดอนเมือง นั่งเครื่อรื่ง ของแอร์ เอเชียเที่ยวเวลา ๐๘.๐๐ น. ถึงสุราษฎร์เก้าโมงกว่าว่ลูกพี่กับ หลานทรายมารออยู่แล้ว ขึ้นรถไปกินข้าวที่ร้านริมริทางกลางทุ่งนา แล้วไป ท่ารถซีทราน ถึงท่ารถเวลา ๑๑.๓๐ น. แยกจากลูกและหลานขึ้นรถ ลง เรือรืกลับถึงบ้านโดยสวัสวัดิภาพเวลา ๓ เดือนก่อนไปพบหมอเที่ยวนี้มีสิ่งที่ ควรบอกให้ทราบคือ ๑.กินมะเขือเทศต้มทุกวันวัวันวัละครึ่งรึ่ลูก ๒. พบว่าว่ดื่มน้ําหญ้าหวานทุกวันวัทําให้โรคเก๊าต์กําเริบริ ๓. ยาแก้ปวดเนื่องจากถูกตะขาบกัดเข้าไปทําลายยาแก้ปวดเก๊าต์ กินร่วม กันไม่ได้ ๔. เลือดที่เกี่ยวกับต่อมลูกหมากลดลง จนมีความรู้สึกว่าว่หายเป็น ป็ ปกติ ทั้งนี้เป็น ป็ เพราะยาแก้ปัสปัสาวะขัดของหมอบรรเทิงด้วย คืนวันวัที่ ๑๓ สิงหาคม เกิดอาการปวดลําไส้ส่วนที่เป็น ป็ ไส้เลื่อน ในขวัญวั พาไปหาหมอที่โรงพยาบาลเกาะสมุย หมอตรวจพบว่าว่ลําไส้อักเสบ สั่งยา แล้วให้กลับบ้านได้ นัดให้มาพบหมอเฉพาะทางวันวัที่ ๒๐ สิงหาคม วันวัที่ ๑๖ สิงหา ในขวัญวัติดต่อหมอเฉพาะทางให้ไปตรวจอีกครั้ง หมอนัดผ่าตัด ไส้เลื่อนวันวัที่ ๓๐ สิงหาคม ผมตอบตกลง 33
วันวัที่ ๓๐ สิงหาคม เวลา ๑๙.๔๕ เจ้าหน้าที่เป็น ป็ เข้าห้องผ่าตัด หมอสุข เกษมสั่งให้ลงจากเตียง ให้ เปลื้องเสื้อผ้าออก ห้อมล้อมด้วยบุรุษและ พยาบาลประมาณ ๑๐ คน หมอถ่ายรูปด้วยตนเอง บอกว่าว่เป็น ป็ หลักฐาน ก่อนผ่าตัดแล้วให้ขึ้นเตียง ให้ยาสลบด้วยการดม วูบ วู ไปมือไรไม่ทราบ ตื่น ขึ้นมาอีกทีตีหนึ่งกว่าว่ๆ เจ้าหน้าที่เป็น ป็ กลับมาที่ห้องพิเศษเดิม คือตึกใหม่ ห้อง ๑๐ นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ จนสว่าว่ง นอนที่โรงพยาบาลต่ออีก ๕ คืน หมอให้กลับบ้านได้ ให้กลับไปตัดไหมวันวัที่ ๑๓ กันยายน ถึงเวลาไปตัด ไหมตามนัด แผล เรียรีบร้อยดีกลับบ้านได้ วันวัที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๙ เดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ ตามหมอนัด เที่ยวนี้ ไปกลับด้วย ไทย ไลออน แอร์ การพบหมอครั้งนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ ดูผล เลือด ฟิล์ฟิ ล์ มเอ็กซเรย์ แล้วสั่งจ่ายยา มีที่แทรกซ้อนมาคือ แผล ที่หมอสุข เกษมผ่าตัดไส้เลื่อนมีอาการอักแสบ หมอสมพรมีเมตตาสั่งยาแก้อักเสบ ให้ ๒๐ เม็ด ให้กินวันวัละ ๔ เม็ดหลังอาหารเช้า เที่ยง เย็น และก่อนนอน ถึงวันวัที่เขียนบันทึกนี้ (๒๔ กันยายน ๒๕๕๙) กินไปแล้ว ๑๖ เม็ด อาการ ยังคงเดิม จึงกลับไปหาหมอสุขเกษมที่โรงพยาบาลเกาะสมุยอีกครั้ง 34
วันวัที่ ๓๐ สิงหาคม เวลา ๑๙.๔๕ เจ้าหน้าที่เป็น ป็ เข้าห้องผ่าตัด หมอสุขเกษม สั่งให้ลงจากเตียง ให้ เปลื้องเสื้อผ้าออก ห้อมล้อมด้วยบุรุษและพยาบาล ประมาณ ๑๐ คน หมอถ่ายรูปด้วยตนเอง บอกว่าว่เป็น ป็ หลักฐานก่อนผ่าตัดแล้ว ให้ขึ้นเตียง ให้ยาสลบด้วยการดม วูบวูไปมือไรไม่ทราบ ตื่นขึ้นมาอีกทีตีหนึ่ง กว่าว่ๆ เจ้าหน้าที่เป็น ป็ กลับมาที่ห้องพิเศษเดิม คือตึกใหม่ห้อง ๑๐ นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ จนสว่าว่ง นอนที่โรงพยาบาลต่อ อีก ๕ คืน หมอให้กลับบ้านได้ ให้กลับไปตัดไหมวันวัที่ ๑๓ กันยายน ถึงเวลาไป ตัดไหมตามนัด แผล เรียรีบร้อยดีกลับบ้านได้ วันวัที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๙ เดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ ตามหมอนัด เที่ยวนี้ไป กลับด้วย ไทย ไลออน แอร์ การพบหมอครั้งนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ ดูผลเลือด ฟิล์ฟิ ล์ มเอ็กซเรย์ แล้วสั่งจ่ายยา มีที่แทรกซ้อนมาคือ แผล ที่หมอสุขเกษมผ่าตัด ไส้เลื่อนมีอาการอักแสบ หมอสมพรมีเมตตาสั่งยาแก้อักเสบให้ ๒๐ เม็ด ให้กิน วันวัละ ๔ เม็ดหลังอาหารเช้า เที่ยง เย็น และก่อนนอน ถึงวันวัที่เขียนบันทึกนี้ (๒๔ กันยายน ๒๕๕๙) กินไปแล้ว ๑๖ เม็ด อาการยังคงเดิม จึงกลับไปหาหมอ สุขเกษมที่โรงพยาบาลเกาะสมุยอีกครั้ง วันวัที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ เดินทางไปกรุงเทพฯ อีก ตามที่หมอศูนย์รวม แพทย์นัด เที่ยวนี้ลูกเปี้ยปี้ว มารอรับที่ท่าเรือรืดอนสักเพราะเดินไม่สะดวก เนื่องจากยังปวดแผลผ่าตัดอยู่มาก กลัวจะเดินขึ้นรถไม่ทัน คราวนี้ขึ้น ไทย แอร์ เวย์ การตรวจและสั่งยาของคุณหมอทั้งสามยังคงเหมือนเดิม คือ หมอ ต้องตรวจทั้งสามท่านจึงต้องไปศูนย์สองวันวัหมอนัดเดือนพฤศจิกายนให้ไปอีก เดินทางกลับวันวัที่ ๒๐ สิงหาคม ผมบอกลูกเปี้ยปี้วว่าว่ถึงวันวันัดไปเอายาให้ผม ด้วย เที่ยวนี้พ่อจะไม่ไป ลูกเปี้ยปี้วรับคําว่าว่จะจัดการให้ คงไม่ลําบากเพราะผม บอกหมอไว้แว้ล้ว 35
หลังจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระปรเมนทรมหาภูมิพลอดุลย เดช เสด็จสู่สวรรคาลัย เมื่อวันวัที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ที่โรงพยาบาล ศิริรริาช และได้อัญเชิญพระบรมศพ ไปบำ เพ็ญพระราชกุศล ณ พระที่นั่ง ดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังวัและเปิดปิ โอกาสให้พสกนิกร ทุก หมู่เหล่าเข้ากราบถวายบังคม เพื่อสำ นึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุด มิได้ ทุกคนที่เป็น ป็ ข้าแผ่นดินของพระองค์ต่างก็หวังวัไว้ว่ว้าว่สักวันวัหนึ่งจะต้อง ไปกราบพระบรมศพให้ได้ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ น้องท่านสถิต(พระครูถิรบุญฺญากร) เจ้า อาวาสวัดวัสันติวราราม(ท้องกรูด) และรักษาการเจ้าอาวาสวัดวัพระเจดีย์ แหลมสอ ได้ปรารภกับชาวบ้านที่ไปทำ บุญใน วันวัพระต้นเดือนว่าว่จะไป กราบพระบรมศพ ร. ๙ ในวันวัที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ และเชิญชวนชาว บ้านให้ร่วมเดินทางไปด้วยเป็น ป็ คณะ วันวันั้นมีผู้แสดงความจำ นงหลายคน รวมทั้งผมและน้องมะลิด้วย เมื่อใกล้กำ หนดนัด จากการรวบรวมของ หลานเอียด บุญสิน มีผู้สมัครร่วมเดินทางทั้งหมด ๓๑ คน พร้อมสละเงิน เหมารถคนละ ๑,๕๐๐ บาท ถวายบังคมพระบรมศพ ร.๙ 36
ครูสมบูรณ์ บัวหลวง เป็น ป็ ผู้ติดต่อรถเช่าปรากฏว่าว่ ได้รถของบริษัริษัทพัน ทิพย์ที่บ้านดอน เป็น ป็ รถบัสขนาด ๔๐ ที่นั่ง ค่าเช่าวันวัละ ๑๓,๐๐๐ บาท เมื่อการเตรียรีมการพร้อมสรรพ ก็เดินทางไปลงเรือรืราชาเฟอร์รี่ เที่ยว ๗:๐๐ น. รถบัสมารออยู่ที่ท่าเรือรื ฝั่งฝั่ดอนสัก เมื่อรถเคลื่อนไปได้สักพัก ก็ ชวนกันสวดมนต์ เพื่อเป็น ป็ สิริมริงคลแก่ตนเองและคณะ นำ โดยพระครูถิร บุญญากร กะว่าว่จะแวะรับประทานอาหารที่ปั๊มปั๊ ปตท.บ้านใน แต่ไม่ได้แวะ เพราะญาติโยมหลายคนคดเข้าห่อไปด้วย จึงเปลี่ยนไปกินกันที่บางใหญ่ บ้านดอน เจ้ากรรมนายเวรแท้ๆ รถเสียกลางทางก่อนเข้าบ้านดอน เสียง ดังแก๊กๆ คนขับบอกว่าว่ ไม่รู้เป็น ป็ เสียงอะไร ฝืนฝืขับต่อไปจะเป็น ป็ อันตราย ต้องรอรถคันอื่นมารับ แต่ไม่มีรถว่าว่งเลย ต้องอยู่กับที่ แต่เมื่อคนขับ ทน เสียงรบเร้าของผู้โดยสารว่าว่พระจะฉันเพลไม่ทัน ชื่อฝนขับช้าๆ จนถึงปั๊มปั๊ ปตทใกล้ๆตลาดบางกุ้ง คณะลงจากรถหาอาหารกินตามมีตามเกิด นิมนต์ พระคุณท่านฉันเพลที่ร้านนั้นด้วย เสร็จแล้วนั่งรอรถจะมาเปลี่ยน ในที่สุด คนขับก็เรียรีกขนรถ บอกว่าว่รถที่จะเปลี่ยนรออยู่ที่วังวักุ้ง ทุกคนดีใจ หลัง จากที่รอคอยอยราว ๓ ชั่วโมง ไปถึงวังวักุ้งก็ได้เปลี่ยนรถถ้าไม่มีเหตุขัดข้องคงไปถึงชุมพรแล้ว รถที่มาเปลี่ยนชื่อ" พูนพนันทัวร์สุราษฎร์ธานี" เป็น ป็ รถปรับอากาศ ๒ ชั้น ๔๑ ที่นั่ง เราไปกัน ๓๑ คน เลยมีที่นอนสบาย คนขับรถ กับเด็กรถเป็น ป็ ผัว เมียกัน ผัวชื่อเมศ เมียชื่ออุ๊ เป็น ป็ เจ้าของรถร่วมกัน พญาใสดีทั้งคู่ ให้ อาจารย์ต้อนรับและบริกริารอย่างดี ทุกคนดีใจที่ได้มาเจอทั้งคนทั้งรถที่ดี อย่างนี้ การเดินทางจึงราบรื่นรื่สบายทั้งไปและกลับ ก่อนเข้าเพชรบุรีก็รีก็ มืด สนิทแล้ว ไปถึงที่พัก วัดวั ไร่ขิง อำ เภอสามพราน ทุ่มกว่าว่ต่างคนต่างนำ สัมภาระของตนเข้าที่พัก ซึ่งมีความสะดวกสบายพอสมควร ห้องนอนเป็น ป็ ห้องใหญ่นอนได้หลายคน จึงจัดให้นอนห้องละ ๕ คนบ้าง ๖ คนบ้าง สำ หรับผู้ชาย ให้นอนห้องเดียวกับพระครู มีครูรัตน์ บัวอินทร์ ผู้ใหญ่ สากล ชูจันทร์ น้องประเสริฐริแคล่วคล่อง และผมเอง รวมฆราวาส ๔ พระ ๑ 37
ตอนที่นั่งคุยสัพเพเหระ น้องท่านได้บอกว่าว่ท่านได้เตรียรีมเงินมา ๑ หมื่น บาท เพื่อนำ ไปถวายเป็น ป็ พระราชกุศลในวันวัพรุ่งนี้ ทุกคนต่างอนุโมทนา สาธุในกุศลจิตของท่าน ผมกับครูรัตน์อนุโมทนาสมทบคนละ ๑ พันบาท นอกนั้นต่างร่วมกันสมทบได้เงินทั้งหมด ๕,๕๐๐ บาท ใส่รวมซอง เดียวกันกับของท่าน ได้เงินทั้งหมด ๑๕,๕๐๐ บาท ให้น้องอุดม ซึ่งเป็น ป็ ศิษย์เก่าของท่านตอนบวชปัจปัจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ เขียนวัตวัถุประสงค์ที่หน้าซอง แล้วให้ผู้ใหญ่สากลเป็น ป็ ผู้เก็บรักษา ให้เสีย สละอีกคนละ ๑๐๐ บาท เป็น ป็ ค่าที่พัก (เรียรีกว่าว่จ่ายหนี้สงฆ์) ไม่ต้องเป็น ป็ บาปเป็น ป็ กรรมเพราะนอนฟรี ประมาณตี ๓ ตี ๔ ทุกคนตื่นขึ้นอาบน้ำ แต่งตัวในชุดสีดำ กันทุกคน ท่านก็ ครองจีวรใหม่เอี่ยม ตี ๕ ลงไปขึ้นรถ เมื่อถึงจุดนัดหมายหน้าโรงแรม รัตนโกสินทร์ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบริเริวณที่พักคน คนขับต้องขับไปหาที่จอด ใหม่เพราะจอดตรงนั้นไม่ได้ ทุกคนลงเดินจากรถเข้าไปต่อแถวเข้าวังวัเป็น ป็ ขบวนยาวเหยียด 38
คณะเข้าไปนั่งในเต็นท์รับรอง ส่วนท่านพระครูเจ้าหน้าที่ทหารนิมนต์แยก ออกไปต่างหาก ทราบว่าว่ต้องรอพระครูท่านจากวัดวัอื่นๆ ให้ได้จำ นวนหนึ่ง จึง จะนิมนต์เข้าวังวัได้เลยไม่ได้เจอกันขณะนั่งรอ เจ้าหน้าที่ซึ่งมีทั้งทหารตำ รวจ และอาสาสมัครคอยบริกริารอาหาร น้ำ ดื่มตลอดเวลา นั่งรอประมาณชั่วโมงก ว่าว่ๆ เจ้าหน้าที่ ก็มาบอกให้ยืนขึ้นเตรียรีมตัวเดินเข้าวังวัคำ สั่งต่อมาคือให้เดินต่อ แถวกันไปเรื่อรื่ยๆจนถึงประตูวังวัเจ้าหน้าที่มาจัดระเบียบใหม่ให้เดินเรียรีง ๔ และ เรียรีง ๒ เมื่อขึ้นบันได เมื่อเข้าไปอยู่หน้าพระบรมโกศ ได้รับคำ สั่งให้นั่งลง และ กราบตามลำ ดับ สำ หรับผมนั่งพับเพียบได้ไม่นานจึงนั่งคุกเข่า ได้รองเท้าที่เจ้า หน้าที่ให้ถอดใส่ถุงสีดำ ถือติดมือไปก่อนถึงบันได รองเข่าแก้ปวด ก็ไม่นานพอ ทนได้ กราบครั้งเดียวแล้วยืนขึ้นเดินลงบันได รู้สึกว่าว่บริเริวณที่ตั้งพระบรมศพ มีขนาดเล็กไม่เหมือนที่เห็นในโทรทัศน์ เพราะเห็นมีที่พระสวด มีที่นั่งข้าราชบร พาร ข้าราชการมากมาย แต่เมื่อหันไปเห็นของจริงริรู้สึกเอาเองว่าว่แคบ เมื่อลงบันไดก็สั่งกันว่าว่ ให้ไปรอกันที่ประตูทางออกด้านนอกวังวัเพราะมีพละ อีก ๒ อย่าง คือนัดกับพลตรีเรีธียรพงศ์ เมืองพรหมและที่สำ คัญคือมอบเงิน ๑๕,๕๐๐ บาท ให้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งตอนนี้ผู้ใหญ่สากลเอามาให้ผมเก็บไว้ ให้ผม เป็น ป็ ผู้มอบ ผมหาตู้บริจริาคไม่เจอ เขาไม่ตั้งโต๊ะรับเงิน ถามทหารซึ่งยืนอยู่เต็ม ไปหมด เขาบอกว่าว่ต้องใส่ตู้รับบริจริาคเพียงที่เดียว ผมจึงตัดสินใจยังไม่ใส่ คิด ว่าว่รอพลตรีเรีธียรพงศ์ก่อน เมื่อพบกับ พลตรีเรีธียรพงศ์ ผมจึงเอาซองให้ ท่าน จึงพาไปพบกับเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ เพื่อจะมอบ ซองเงินให้แต่ถูกปฏิเสธและให้ คำ แนะนำ ว่าว่ ให้เอาไปใส่ในตู้รับบริจริาค ที่ทางออก จากการกราบพระบรมศพ จุดเดียวเท่านั้น เรา ๓ คนจึงนำ ไปใส่ในตู้ที่อยู่ใกล้ๆ นั่นเอง ท่านพลตรีเรีรียรีกลูก น้องมาถ่ายภาพขณะหย่อนซองลงหีบ แต่ถูกเจ้าหน้าที่สั่งห้าม บอกว่าว่บริเริวณนี้ ห้ามถ่ายรูปเด็ดขาด ก็ขอบอกให้ทราบโดยทั่วถึงกันว่าว่การทำ บญบริจริาคเงิน ถวายเป็น ป็ พระราชกุศลนั้น ทำ ได้ทีเดียวคือตู้รับบริจริาค และห้ามถ่ายรูป 39
เมื่อเสร็จภาระตรงนั้นแล้วก็ออกไปพบคณะที่รออยู่หน้าประตูทางออก นายพล บอกให้ผู้ใหญ่สากลพาคณะไปขึ้นรถที่จุดนัดหมาย นั่นคือรถมารออยู่ที่จุดซึ่ง ปล่อยให้เราลงนั่นเอง รายละเอียดอื่นค่อยคุย ส่วนผมพลตรีเรีธียรพงศ์ ให้ขึ้นรถไป กับท่านจากนั้นโทรหาผู้ใหญ่สากลว่าว่ ให้รวมคนให้เรียรีบร้อยรวมทั้งท่านพระครูด้วย ให้สำ รวจให้ละเอียดอย่าให้พลัดหลงกันได้ แล้วบอกเส้นทางให้คนขับรถบัสตาม ท่านไปจุดหมายปลายทาง คือ "ร้านอาหารเกรท" อยู่ที่พุทธมณฑลสาย ๔ เพื่อให้ พระคุณท่านรับภัตตาหารเพลที่นั่น รวมทั้งพวกเราได้ทานอาหารเที่ยงที่นั่นอีก ด้วย เมื่อถึงร้านอาหารเกรท พลตรีเรีธียรพงศ์ ได้โทรประสานเรื่อรื่งเส้นทางกับคนขับ รถบัสอีกครั้งหนึ่ง แล้วเข้าร้านสั่งอาหาร ให้ทำ โดยจัดโต๊ะ ๖ โต๊ะ รอไม่นานอาหาร ก็พร้อมเสิร์ฟ พอคณะไปถึงก็เข้าห้องน้ำ ห้องส้วม ผัดหน้าทาแป้งป้กันใหม่เสร็จแล้ว ออกมานั่งโต๊ะ ทางร้านก็นำ อาหารมาวางที่โต๊ะ มีแกงส้มปลากระพง ผัดเผ็ดหมู แกงจืด ผัดไข่กับใบมันปู ซี่โครงหมูทอด ผัก น้ำ พริกริรสชาติอาหารเป็น ป็ ปักปัษ์ใต้ แท้ๆ เพราะเจ้าของเป็น ป็ คนนครศรีธรีรรมราช อิ่มอาหารคาวแล้วตามด้วยอาหาร หวาน มีลอดช่องสิงคโปร์ ลูกชิดวุ้นวุ้ ดำ ให้เลือกทานตามต้องการ หรือรืจะทั้งสอง อย่างก็ไม่ว่าว่กัน พลตรีเรีธียรพงศ์ เป็น ป็ เจ้ามือจ่าย ทุกคนขอบคุณอย่างที่สุด พอได้ เวลาก็อำ ลาไปขึ้นรถ ท่านนายพลไปส่งถึงรถ โอบกอดอำ ลาอย่างคุ้นเคย ขอแนะนำ ให้รู้จักพลตรีเรีธียรพงศ์สักหน่อย ท่านเป็น ป็ ลูกชายนายเพียร นางล้วน เมืองพรหม บ้านแหลมสอ หมู่ที่ ๔ ตำ บลหน้าเมือง จบโรงเรียรีนนายร้อย รับ ราชการได้เลื่อนขั้นตามลำ ดับ จนถึงปัจปัจุบันมียศพลตรี เป็น ป็ นายทหารในราช สำ นัก และยังเป็น ป็ ประธานในการก่อสร้างอุโบสถวัดวัพระเจดีย์แหลมสอด้วย ท่าน เป็น ป็ ผู้หาแบบแปลนมาให้คณะกรรมการวัดวั โดยมีพระครูถิรบุญญากรเป็น ป็ ผู้เลือก เมื่อได้รูปแบบที่พอใจแล้ว ก็เริ่มริ่ตั้งทันที โดยพลตรีเรีธียรพงศ์ เป็น ป็ ผู้ติดต่อช่าง ชำ นาญมาเป็น ป็ ผู้รับเหมาวางรากฐานเป็น ป็ คณะแรก แล้วเปลี่ยนช่างไปเรื่อรื่ยๆตาม ลักษณะงาน ตอนนี้(ขณะที่เขียนบันทึก) เป็น ป็ คณะที่จัดทำ ส่วนบนคือช่อฟ้าฟ้ใบระกา 40
งบประมาณในส่วนนี้ ๒,๒๐๐,๐๐๐ บาท ยังเหลืองานอีกมาก เป็น ป็ ต้นว่าว่พื้น เพดาน งานวาดภาพและงานแกะสลัก เป็น ป็ ต้น คงจะยังอีก ๒-๓ ปี หรือรืถึง ๕ ปี กว่าว่จะเสร็จเรียรีบร้อยตอนผมเขียนบันทึกเล่มนี้ ผมและน้องท่านสถิตย์ อายุ ๘๐ ปีทั้ปี ทั้งคู่ เพราะเกิดในปีพปี .ศ ๒๔๘๐ เหมือนกัน ผมก็ได้แต่สวดมนต์ภาวนา ขอให้ผมและท่านมีอายุจนถึงวันวั ฝังฝัลูกนิมิต ยกช่อฟ้าฟ้ ใบระกา และได้ฉลอง ความสำ เร็จอย่างยิ่งใหญ่ สมกับที่ได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ เงินทองและ เวลา"อายุวัฒวั โก" มาว่าว่เรื่อรื่งการเดินทางกันต่อ เมื่อออกจากร้านอาหารเกรท พุทธมณฑลสาย ๔ ก็มุ่งหน้าลงใต้ หยุดที่เขาวังวัจังหวัดวัเพชรบุรี น้องท่านสถิตย์ดำ คณะขึ้นเข้า วังวั โดยรถรางที่ใช้ลวดสลิงดึงขึ้นและลง ผมกับครูรัตน์ไม่ขึ้นเพราะเห็นมา หลายครั้งแล้ว จึงชวนกันเดินชมตลาดตีนเขาวังวัซื้อหมวกกันคนละใบ ผมซื้อ กางเกงฝากหลานคนเล็ก ลูกของบัญชา ๓ ชุด แล้วไปนั่งดื่มน้ำ เย็นๆรอคณะ ไม่นานคณะก็กลับลงมา ผมขึ้นรถต่อไปแวะที่วังวัปืนปืตามคำ แนะนำ ของพลตรี เธียรพงศ์ เป็น ป็ วังวัที่ประทับของรัชกาลที่ 5 เช่นกัน มีหลายสิ่งหลายอย่างน่าดู น่าชมมาก แต่ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยวที่วังวันี้ทั้งๆที่อยู่ใกล้กัน จากวังวัปืนปืมุ่งหน้าสู่จังหวัดวั ประจวบคีรีขัรีขันธ์ ตามกำ หนดการจะแวะชม โครงการชั่งหัวมัน แต่ถ้าทราบจากพลตรีเรีธียรพงศ์ว่าว่ถ้าไม่ได้ติดต่อไว้ก่ว้ ก่อนจะ ไม่ได้รับบริกริาร คือพานั่งรถเที่ยวทั่วบริเริวณ เมื่อไม่ได้เที่ยวชมก็ไม่รู้จะแวะ ทำ ไม ประกอบกับเจ้าของรถบอกว่าว่จากเพชรบุรีถึรีถึงที่พัก คือพำ นักสงฆ์เขา สันติ จังหวัดวั ประจวบคีรีขัรีขันธ์ จะมืดพอดี ทางหยุดอยู่ที่โครงการชั่งหัวมัน ก็ คงจะมืดอยู่ตรงนั้น จึงต้องผ่านไปอย่างน่าเสียดาย 41
เมื่อถึงทางเข้าเขาสันติก็เลี้ยวรถเข้าไป สักพักหนึ่ง เป็น ป็ ทางโค้งหักศอก รถ บัสคันยาวเข้าไปไม่ได้เพราะหักไม่พ้นโค้ง ถึงตัดสินใจหอบหิ้วสัมภาระลงเดิน ทางประมาณ 500 เมตร ถึงรถกระเป๋าป๋หนักทำ ให้ทรมานเหมือนกัน ครู่หนึ่งก็ ถึงที่พัก เจ้าสำ นักต้อนรับขับสู้อย่างดี ท่านออกมารับถึงรถด้วยซ้ำ ไป เพราะ ทราบว่าว่เป็น ป็ เพื่อนกันกับน้องท่านสถิตย์สมัยอยู่สวนโมกข์ด้วยกัน เมื่อต่างฝ่าฝ่ย ต่างต้องแยกย้ายออกจากสวนโมกข์ ท่านสถิตย์กลับมาเกาะสมุยตามคำ บัญชา ของท่านอาจารย์พุทธทาส เพื่อดูแลวัดวัพระเจดีย์แหลมสอ ซึ่งตอนนั้นเป็น ป็ ที่ พำ นักสงฆ์แทนน้องท่านโพธิ์ ซึ่งต้องไปอยู่ที่วัดวัสวนโมกตามที่ท่านพุทธทาส ขอร้อง ส่วนท่านดาวเรือรืง ผู้ปกครองที่พำ นักสงฆ์เขาสันติ ก็ได้ไปก่อสร้างที่ ปฏิบัติธรรมที่เขาสันติและมีความมั่นคงมาจนถึงปัจปัจุบัน หากน้องท่านสถิตย์ผ่านไปทางนั้นไม่ว่าว่กี่ครั้งต้องแวะพักกับท่านดาวเรือรืงทุก ครั้งไป ผมเคยร่วมเดินทางกับน้องท่านสถิตย์และพักนอนที่นี่หลายครั้งจึงมี ความคุ้นเคยกันพอสมควร ครั้งนี้ท่านดาวเรือรืงได้เตรียรีมการต้อนรับไว้ล่ว้ ล่วง หน้าแล้ว จึงไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย ผู้หญิงจัดให้พักอาคารใหญ่หลังหนึ่งมีห้องน้ำ พร้อมสรรพ ส่วนผู้ชายให้นอน บนกุฏิของท่านซึ่งเป็น ป็ อาคารใหญ่พอสมควร เป็น ป็ ตึก ๒ ชั้น ชั้นบนมี ๒ ห้อง นอน ๒ ห้องน้ำ เราแบ่งกันนอนทั้ง ๒ ห้องส่วนท่านกับน้องท่านสถิตย์อยู่ชั้น ล่าง ซึ่งเป็น ป็ ห้องส่วนตัวของท่านดาวเรือรืง ทีแรกพวกผมไม่กล้านอนเหมือนกัน เพราะอยู่สงกว่าว่พระ จึงมาปรารภกบท่าน ท่านบอกว่าว่นอนเถอะ อาตมาอนุ ญาติแล้ว นึกถึงที่พกโรงแรมก็แล้วกัน เราก็ขึ้นไปจัดที่นอน ตัวใครตัวมัน คืน นั้นหลับสบายตลอดคืน แต่ต้องตื่นตอนตี ๓ ตี ๔ ด้วยเหตุผล เหมือนกันทุก ครั้งคือ เพราะเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังมาจากทางอาคารของพวกผู้หญิง 42
เมื่อแต่งตัวเสร็จก็มาพร้อมกันที่โรงเลี้ยง ท่านดาวเรือรืงสั่งอาหารไว้แว้ต่เมื่อใด ก็ไม่รู้ แต่พ่อสว่าว่งข้าวต้มปลาหมึกก็มาถึงทุกคนช่วยตัวเองจนอิ่มเป็น ป็ อาหาร มื้อเช้าก่อนออกเดินทาง หลาน เอียดเอาเงินจากความร่วมมือร่วมใจของทุกคน มาส่งให้น้องท่านสถิตจำ นวน ๒ พันกว่าว่บาท สมทบกับเงินของท่านอีกได้ ๕ พันบาท ถวายให้ท่านดาวเรือรืงก่อนอำ ลาขึ้นรถ ท่านดาวเรือรืงพูดเรื่อรื่งธรรมะให้ ฟังฟัเป็น ป็ เวลากว่าว่๑๐ นาที จากนั้นเดินไปขึ้นรถ ท่านดาวเรือรืงก็เดินไปส่งถึงรถ เรากราบลาท่านอีกครั้งแล้วขึ้นรถ รถมุ่งหน้าลงใต้ หยุดแวะซื้อของเป็น ป็ จุดๆ แล้วแวะเข้าชมอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งเป็น ป็ อุทยานประวัติวั ติศาสตร์ ตั้งอยู่บนตำ บลหนองแก อำ เภอหัวหิน จังหวัดวั ประจวบคีรีขัรีขันธ์ เป็น ป็ ที่ตั้งพระบรมราชานุสาวรีย์รีย์ ของพระมหากษัตริย์ริย์ไทยใน อดีต ๗ พระองค์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานชื่อว่าว่ "อุทยานราชภักดิ์" ซึ่งสร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีและ เพื่อเป็น ป็ การเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณพระมหากษัตริย์ริย์ แห่งสยาม เราเดิน ชมกันจนอิ่ม และเดินทางต่อ จุดหมายคือหว้าว้กอ จุดชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ว์ น้ำซึ่ง จัดไว้สว้วยงามมาก ต้องขอบคุณอาจารย์สมบูรณ์ บัวหลวงที่แนะนำ ว่าว่ควรแวะ แล้วรู้สึกว่าว่คุ้มค่าจริงริ จากนั้นมุ่งหน้าสู่ท่าเรือรืดอนสัก แวะกินข้าวเที่ยงที่ร้านคุณสาหร่าย จังหวัดวั ชุมพร แล้วเดินทางต่อถึงท่าเรือรืดอนสัก ๓ โมงกว่าว่ๆ ทันลงเรือรืเที่ยว ๔ โมง พวกของที่มากๆ ดูท่าทางจะหอบหิ้วลงเรือรืไม่ทันแน่ แต่บุญกุศลมาช่วย ขณะที่ กำ ลังชุลมุนอยู่นั้น ลูกเขยของอาจารย์สมบูรณ์ บัวหลวง ขับรถผ่านมาพอดี อา จารย์วรรณาเรียรีกขอของฝากของติดรถไปด้วย ตั้งเฮโรขนของเป็น ป็ การใหญ่ ของเต็มกระบะรถ ที่เรียรีกว่าว่ลูกเขยอาจารย์สมบูรณ์ อาจารย์วรรณาต้อง ขอโทษเพราะจำ ชื่อไม่ได้จริงริๆ เป็น ป็ อันว่าว่ทุกคนซื้อตั๋วแล้วเดินทางแล้วเดินตัว ปลิวลงเรือรือย่างสบายใจโดยไม่ต้องหิ้วของ ขอบคุณแทนทุกคนไว้ ณ ที่นี้ 43
วันวัที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๐ หมอที่ศูนย์รวมแพทย์ฯพัฒนา นัดครบรอบ ๓ เดือนออกเดินทางวันวัที่ ๑๒ ในขวัญวัมารับไปลงเรือรืเที่ยว ๘:๐๐ น. ไปถึงทันเรือรื ออกพอดี ไปถึงสุราษฎร์ธานีแวะเยี่ยมจีรวรรณ เจริญริสุข ซึ่งนอนรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลทักษิณ ประมาณ ๑๑:๐๐ น ลูกเปี้ยปี้วมาถึง เข้าเยี่ยมจีรวรรณแบบ ลวกๆ เพราะหมอห้ามเยี่ยม ประกอบกับทีญาติพี่น้องรอเยี่ยมอยู่มาก ซึ่งมีลูก พี ภรรยาของลูกเปี้ยปี้ว และหลานทราย หลานลูกน้ำ ไปส่งที่สนามบินด้วย ลูก เปี้ยปี้วจองเครื่อรื่งบินของบริษัริษัท Thai Lion Air เที่ยว ๑๕:๒๐ น แต่เครื่อรื่ง ออกจากลานจอด ๑๖.๐๐ น ถึงสนามบินดอนเมือง ๑๗:๐๐ น นั่งแท็กซี่เข้า ที่พัก ซึ่งเป็น ป็ โรงแรมของแขกอินเดีย จองห้องใหญ่ไว้ ๓ คืน คืนละ ๑,๑๐๐ บาท วันวัรุ่งขึ้นตื่นตั้งแต่ตี ๔ ลุกขึ้นอาบน้ำ แต่งตัวเวลา ๕:๓๐ น ขึ้นแท็กซี่ไปที่ ศูนย์รวมแพทย์ฯ ถึง ๖ โมงกว่าว่ๆ ลูกเปี้ยปี้ว ลูกไก่ จัดการเรื่อรื่งธุรการเสร็จ ไป เจาะเลือด แล้วขึ้นไปกินอาหารเช้าที่ชั้น ๒ ลงมาเอาบัตรคิว ได้ลำ ดับที่ ๓ นั่ง อ่านหนังสือพิมพ์รอหมออยู่หน้าห้อง หมอที่ได้พบเป็น ป็ คนแรกคือหมอบุญย วัฒวัน์ ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่อรื่งกระดูก ตรวจแล้ว หมอบอกว่าว่ทุกอย่างดีขึ้น เมื่อดูผล เลือดหมอก็ว่าว่ผลเลือดดีขึ้น นั่งคุยกันไม่นานเพราะคนไข้อื่นรออยู่ จึงลาออก มาไปรอหน้าห้องหมอสมพร ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่อรื่งไต หมอคนนี้นี่แหละที่บอกผม เมื่อพบกันครั้งแรกว่าว่หากช้าอีกหน่อยต้องฟอกไต เพราะตอนนั้นไตเหลือ ๓ ใน ๑๐ ส่วน หายไป ๗ ส่วน ต้องฟื้นฟื้ ฟูเฟูป็น ป็ การใหญ่ ทำ ให้ผมและลูกทั้งสองที่ ยืนฟังฟัอยู่ ใจหายวาบ เพราะถ้าถึงขั้นฟอกไต คงอยู่ได้อีกไม่นานครั้งนี้ท่าน ตรวจด้วยเครื่อรื่งโดยละเอียด แล้วบอกว่าว่อีก ๓ เดือนมาใหม่ พวกผมจึงลา หมอ ออกมาขึ้นไปกินอาหารเที่ยงบนชั้น ๒ 44
แล้วก็หลงไปนั่งรอหมอคนที่ ๓ คือหมอบันเทิง ผู้เชี่ยวชาญเรื่อรื่งต่อมลูกหมาก ท่านให้ขึ้นนอนบนเตียง ให้ร่นกางเกงในกางเกงนอกลงไป หมอสวมถุงมือ แล้ว เอานิ้วกดที่ปากทวารหนัก ท่านหยอกล้อว่าว่ ไม่ยอมผ่าตัดแน่นะ ผมตอบว่าว่ ไม่ ต้องรับ แน่ใจนั้นมีเหตุผลอยู่ ๒ ประการ คือ ๑ ผมไม่เชื่อว่าว่ ไม่เป็น ป็ มะเร็งแน่ เพราะไม่มีอาการให้ต้องสงสัย ๒ ค่าตัดเนื้อพิสูจน์ ๘,๕๐๐ บาท หากไม่พบ อะไรก็เสียเงินเปล่า ผมจึงตัดสินใจ เด็ดขาดว่าว่อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ไม่ต้อง ผ่าตัด ถ้าเป็น ป็ มะเร็งก็ถือว่าว่เป็น ป็ กรรม นี่ย่างเข้าปีที่ปี ที่๒ แล้วยังไม่มีอะไร ผมคิด ว่าว่จะไม่ไปหาหมอท่านนี้อีกแล้ว กราบพระบรมศพ ครั้งที่ ๒ วันวัที่ 11 มีนาคม 2560 ขณะที่กำ ลังเตรียรีมเสื้อผ้าใส่กระเป๋าป๋เพื่อเดินทางใน วันวัรุ่งขึ้น ผมเกิดสุขใจขึ้นว่าว่เอาเสื้อสีดำ ไปตัดตัวดีกว่าว่เผื่อพวกลูกหลานจะพา เขาวังวั โดยเฉพาะลูกไก่ซึ่งไม่เคยเข้ากราบพระบรมศพ ส่วนลูกเปี้ยปี้ว ทราบว่าว่ เคยพาครอบครัว เข้าไปกราบมาแล้ว แต่ถ้าลูกไก่เสนอคงไม่ขัดข้อง เป็น ป็ จริงริ อย่างคาด พอวันวัที่ 14 มีนาคม พบหมอเสร็จตั้งแต่เช้า จึงมีเวลาเหลือเฟือฟื ชวนกันขึ้นแท็กซี่มุ่งสู่สนามหลวงทันที ทีแรกแท็กซี่ไม่รู้ว่าว่จะจอดรถตรงไหน ผมซึ่งเคยไปก็บอกให้จอดหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ลงเดินจากรถ ข้ามถนน ไปยังที่พักเตรียรีมเดินต่อเข้าวังวั ขณะนั่งรออยู่ในเต็นท์ ก็ได้รับแจกน้ำ และอาหารเหมือนครั้งก่อน ขั้นตอนการ เข้ากราบพระบรมศพ เหมือนเดิมทุกประการ เสร็จจากการเข้ากราบพระบรม ศพ ก็กลับสู่ที่พัก เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ นอนพักผ่อนประมาณ ๑ ชั่วโมง แล้ว แต่งตัวไปหาอาหารมื้อเย็น ลูกเปี้ยปี้ว เป็น ป็ ผู้นำ ทางเช่นเคยวันวันี้ไปกินอาหาร "ลองแล" อยู่ที่เชิงสะพานพระราม ๗ แล้วกลับมาเตรียรีมเสื้อผ้าเพื่อเดินทาง กลับในวันวัรุ่งขึ้น เที่ยวกลับนี้ ลูกเปี้ยปี้ว ไม่ได้กลับด้วย เพราะภารกิจไม่เสร็จ 45