หลักสูตร การจัดระบบความคิดด้วยเทคนิค Mind Map Section 1 แบบทดสอบก่อนการเรียนรู้Mind Map Question 1: หัวใจของ Mind Map คือข้อใด a. การเข้าใจและเขียนอย่างถูกต้อง b. การปักหมุดเป้าหมาย c. การสรุปและจับประเด็นเนื้อหาที่เป็นใจความส าคัญ d. การตั้งค าถามเพื่อค้นหาค าตอบ Question 2: ทศิทางการคิดมีกี่ทศิทาง a. ไม่มีก าหนด b. 4 ทิศทาง คิดไปข้างหน้า คิดไปข้างหลัง คิดรอบ และคิดกว้าง C. 3 ทิศทาง คิดกว้าง คิดไปข้างหน้า คิดไปข้างหลัง d. 2 ทิศทาง คิดกว้าง คิดลึก Question 3: การเขียน Mind Map ควรค านึงถึงหลักการใด a. 5 ส. b. SWOT c. 7s d. 6Ps Question 4: ข้อใดคือการคิดแบบ Divergent a. นายคิดมากหลาย ต้องการระดมความคิดเพื่อใช้ในการแก้ปัญหา b. นายคุณภาพ ก าลังก าหนดกฎเกณฑ์เพื่อใช้ในการพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสม c. นายปริมาณ ช่วยกันวิเคราะห์ทางเลือกเพื่อใช้ในการแก้ปัญหา d. นายช่วย ก าลังคิดเพื่อวางแผนโปรเจคส าหรับเดือนหน้า Question 5: ข้อใดคือการคิดแบน Convergent a. นายคิด มากหลายต้องการระดมความคิดเพื่อใช้ในการแก้ปัญหา
b. นายคุณภาพ ก าลังก าหนดกฎเกณฑ์เพื่อใช้ในการพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสม c. นายช่วย ก าลังรวบรวมข้อมูลเพื่อวางแผนโปรเจคส าหรับเดือนหน้า d. นายปริมาณช่วยกันวิเคราะห์ทางเลือกเพื่อใช้ในการแก้ปัญหา Question 6: โดยส่วนใหญ่การอ่าน Mind Map ต้องอ่านอย่างไร a. อ่านทีละกิ่ง โดยเริ่มจากกิ่งใดก่อนก็ได้ แต่ควรอ่านจากข้างในออกข้างนอก b. อ่านตามเข็มนาฬกา โดยเริ่มจากประเด็นหลักทั้งหมดก่อนและตามด้วยประเด็นรอง ิ c. อ่านตามตัวเลขที่เขียนก ากับไว้ หรืออ่านทีละกึ่งโดยเริ่มจากซ้ายไปขวา d. อ่านตรงใดก่อนก็ได้ตามที่คนเขียนได้จดไว้ Question 7: รูปแบบในการจับประเด็นมีกี่รูปแบบ a. 2 รูปแบบ b. 3 รูปแบบ c. 5 รูปแบบ d. กี่รูปแบบก็ได้ขึ้นอยู่กับข้อมูล Question 8: หลักการจับประเด็น 2Rs คือข้อใด a. Remembering & Repeating b. Reasoning & Remembering c. Rendering & Reasoning d. Repeating & Reflecting Question 9; เทคนิคการส่ังก๋วยเตี๋ยวเป็นเทคนิคอะไร a. เทคนิคการคิดเชิงวิเคราะห์ b. เทคนิคการจับประเด็น C. เทคนิคการบริหารเวลา d. เทคนิคการตั้งค าถาม
Question 10; การบริหารเวลา (Time Management) ควรเริ่มทา สิ่งใดก่อนเป็นอันดับแรก a. แบ่งงานออกเป็นกลุ่ม ด่วน ไม่ด่วน ส าคัญ ไม่ส าคัญ b. ท า to do list c. ปักหมุดการคิดว่าต้องการอะไร d. ก าหนดช่วงเวลาในการคิด
Section 2 แนะน าหลักสูตร Mind Map และเอกสารประกอบการอบรม การจัดระบบความคิดด้วยเทคนิค Mind Map อาจารย์ลัดดาวัลย์ ชูช่วย (ใหม่) ผู้เชี่ยวชาญในด้านของการพัฒนากระบวนการคิดและความจ า DESCRIPTION การท างาน กระบวนการคิดการวางแผนงานเป็นสิ่งที่ส าคัญ การจัดล าดับความคิด การ วางแผนอย่างเป็นระบบ จะน ามาซึ่งการถ่ายทอดความคิดเพื่อการสื่อสารที่สั้น กระชับ และตรงประเด็น น าไปสู่เป้าหมายของงานที่ตั้งไว้ให้ส าเร็จ Mind Map เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยให้การจัดระบบความคิด การสร้างแผนการท างาน ออกมาได้น่าสนใจ เป็นการถ่ายทอดความคิดหรือข้อมูลออกมาเป็นแผนภาพ ภายใต้ข้อจ ากัดของเวลา พัฒนาให้ผู้อบรมเกิดทักษะการคิด วิเคราะห์ เชื่อมโยง แยกแยะ เป็นประเด็น ต่างๆได้อย่างทรงพลังและกว้างออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ส่งเสริมให้การท างานของสมองท างานได้ อย่างเต็มศักยภาพ เป็นหลักสูตรที่จะเข้ามาช่วยจัดระบบความคิดให้เป็นระเบียบมากขึ้นและน าไปประยุกต์ใช้กับการ ท างานในมิติต่างๆ ได้แก่ 1.การแก้ปัญหา 2.การตัดสินใจ 3.การพิจารณาทางเลือก 4.ล าดับความส าคัญใน การท างาน Section 3 ทา ความเข้าใจเครื่องมือคิด Tony Buzan เป็นนักจิตวิทยาชาวอังกฤษ ศึกษา ค้นคว้า วิจัยเกี่ยวกับเรื่องของสมองว่ามนุษย์มี การเรียนรู้และรับรู้ที่ต่างกันและเครื่องมืออะไรที่ช่วยให้สามารถเรียนรู้ได้ดีมากขึ้น จนงานวิจัยออกมาเป็น Mind Mapping Mind Map คือ แผนที่ความคิด เปรียบเสมือน GPS น าทางสมองเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย เสมือน ครื่องมือที่ช่วยสะท้อนให้เห็นความคิด และจับต้องความคิดได้ และเลียนแบบการท างานของสมอง ซีกซ้าย เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ค า ตัวเลข ภาษา การคิดค านวณ วิเคราะห์ ตรรกะเหตุผล ซีกขวา เป็นเรื่องเกี่ยวกับ จังหวะ ดนตรี จินตนการ รูปภาพ สีสัน สัญลักษณ์ สรุปสั้น Mind Map คือ GPS ในการน าทางสมองเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายให้ดีมากยิ่งขึ้น โดยการใช้ สี เส้น สัญลักษณ์มาเป็นตัวช่วยในการจดจ า เปรียบเสมือนเครื่องมือที่ช่วยสะท้อนความคิดท าให้เห็น ความคิดและจับต้องความคิดได้ นั่นคือ Mind Mapping
Mine Map ดีอย่างไร 1. ช่วยท าให้ความคิดเป็นระบบมากยิ่งขึ้น 2. จับประเด็นสรุปใจความส าคัญ จากการฟัง และการอ่าน 3. สื่อสารเป็นระบบ ทั้งการถ่ายทอดข้อมูล การน าเสนอ การเล่าเรื่อง 4. แก้ปัญหาได้ดี จากการคิดวิเคราะห์ คิดเชิงวิพากษ์ รวมไปถึงการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพ 5. วางแผนในการท างาน พัฒนาและย่นเวลาในการท างานให้สั้น กระชับยิ่งขึ้น 6. จดจ าเนื้อหา ข้อมูลได้ดีและนาน 7. เห็นภาพรวม เพื่อค้นหาไอเดียหรือทางเลือกใหม่ๆ 8. พัฒนากระบวนการคิด ให้คิดอย่างเป็นระบบได้ดียิ่งขึ้น
กิจกรรม Mind Map
ค าถาม ภาพใดเป็น Mind Map ค าตอบ ไม่มี เพราะเป็นเครื่องมือที่มีมาก่อน Mind Map เช่น Web diagram / Tree diagram / Science circuit map เป็ น Visual organization chart ซึ่ง Mind Map ก็เป็ นหนึ่งใน Visual organization chart เช่นเดียวกันเพียงแต่ว่า Mind Mapping เอางานวิจัยหรือความรู้เกี่ยวกับเรื่องของสมองเข้ามาผสมด้วยเพื่อ ท าให้เวลาเขียน Mind Mapping จะช่วยให้ความคิดของเราเป็นระบบมากขึ้นทั้งซีกซ้ายและซีกขวาให้ สมดุลกัน
เวลาที่เรียนรู้หรือท างาน ช่วยให้จ าได้ดีขึ้นงานอาจจะใช้ซีกซ้ายเยอะในการวิเคราะห์ ตรรกะ แต่ ความเป็นจริงสมองควรใช้ให้สมดุลกัน ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ต้องคิด วางแผน ตัดสินใจ หรือวิเคราะห์ การใช้ เครื่องมือที่ท างานเหมือนสมอง หรือเลียนแบบการท างานแบบสมองจะช่วยให้วิเคราะห์ได้ดี ตัดสินใจได้ดี และมีประสิทธิภาพ กฏของ Mind Map ช่วยให้จา ได้ดีขึน้ Mind Map ทถี่กูต้องมีความแตกต่างกับเครื่องมือตัวอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง Mind Map กับ Non Mind Map
Section 4 การจัดล าดับความคิด (Basic Ordering Ideas) ส่วนประกอบ 1.หัวเรื่อง 2.ประเด็นหลัก 3.ประเด็นรอง หัวเรื่องจะอยู่ตรงกลางเสมอ จะใช้ภาพ สี หรือตัวอักษรก็ได้(ไม่เขียนข้อความให้อยู่ในกรอบ วงกลม หรือก้อนเมฆ) และมักใช้คีย์เวิร์ดสั้นๆมาเขียน กิ่งของ Mind Map จะรองรับใต้ค าเสมอ เมื่อมีค าอยู่ ตรงไหนจะมีเส้นลากยาวรองรับใต้ค า ลากเส้นจากกิ่งอื่นๆ จะลากจากปลายของกิ่งเดิมคือตรงปลายของ ประเด็นหลัก หรือตรงปลายของประเด็นรอง เหมือนเซลล์สมองที่มีนิวเคลียสอยู่ตรงกลาง มีเดนไดรต์ ท า หน้าที่ในการเชื่อมโยงความคิด ส่วนแอกซอนจะช่วยในการลิ้งค์ข้อมูล รับรู้ข้อมูล แต่สิ่งส าคัญคือจุด Synapse (ไซแนป) หรือจุดกระตุ้นของความคิด หากเส้นขาด จุด Synapse จะไม่เกิด เช่นเดียวกับเซลล์ ของเรา ดังนั้น Mind Map จะเชื่อมโยงติดกันเสมอไม่ขาดออกจากกัน
กฎการเขียน มี 5 ข้อ สัญลักษณ์สามารถใช้ Metaphor (เมท’ทะฟอร์= อุปมา หรือเปรียบเทียบ) มาแทนค าได้เช่น ไม่ ใช้วงกลมขีดกลาง หรือ ความรักใช้รูปหัวใจแทน สั้น ใช้ค าที่สั้น กระชับ ชัดเจน ตรงประเด็น เส้น ประเด็นหนัก ใช้เส้น “หนา” ส่วนประเด็นรอง ใช้เส้น “บาง” และตัวเส้นจะโค้งเป็นธรรมชาติ ติดกันเสมอ สีให้ความหมายของสีเช่น การท างานที่ด่วน ใช้สีแดง และประเด็นหลักจะสีเดียวกับประเด็นรอง จะไม่ใช้สีสะเปะสะปะ ให้สีมาเป็นตัวช่วยในการ Grouping ความคิด สร้างสรรค์สามารถใส่ความคิดให้ Mind Map มี Value มากขึ้น สวยงาม และอยากกลับมาอ่าน อีกครั้ง
การอ่าน Mind Map ตามล าดับความคิด การปักหมุดความคิดและกระบวนการคิด หวัเรื่องจะอยู่ตรงกลาง และอ่านตามเข็มนาฬิกา เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 13.00 น. หมายถึง อ่าน ที่กิ่งมุมบนขวามือก่อนเป็นกิ่งแรก อ่านประเด็นหลักให้ครบก่อน (เลข 1 2 3 4) เปรียบเสมือนกันคิดแบบ “มุมกว้าง” และจึงอ่านประเด็นรองไล่ตามเลข ดังนี้ ประเด็นหลัก 1 ประเด็นรอง 1.1 , 1.2 ,1.2.1 ประเด็น หลัก 2 ประเด็นรอง 2.1 , 2.2 .....................) อ่านออกด้านข้าง การปักหมุดคิด คือ หัวใจของ Mind Mapping ต้องรู้ว่าเป้าหมายคืออะไร ถ้าหมุดชัดจะช่วยให้ สามารถก าหนดทิศทางในการเดินทางได้ชัดเจน สมมติปักหมุดไปเชียงราย จะเดินทางไปถึงเมื่อไหร่ ไปกับ ใคร ไปท าไม ดังนั้นสโคป Why ให้ชัดยิ่งขึ้น เมื่อท างานคนเดียวหรือเป็นทีมต้องคุยกันให้ชัดปักเป้าหมายให้ ชัดเจน โดยบอกว่า เราไปท าไม ไปเมื่อไหร่ จะไปอย่างไร ใชงบเท่าไหร่ ขอสโคป why ให้ชัดว่าจะไปที่ศาลาว่าการวันพรุ่งนี้ 9.00 น. มีงบ 3,000 บาท จะเดินทางวิธีไหนก็ได้แต่ ขอให้งบ3,000 บาท มีอาหารและที่พักให้ ไปเพื่ออบรม Mind Map นอกสถานที่ อันนี้คือ What Where When Why How Who เราสามารถเขียน Mind Map เพื่อก าหนดทิศทาง แล้วฉันจะออกเดินทางเมื่อไหร่ดี จะจัดกระเป๋ าอย่างไรดี จะบริหารงบอย่างไร ถ้า Why ไม่ชัดจะท าให้หลงทางในความคิดได้ ซึ่งหัวใจส าคัญ คือ ต้องรู้หมุดหมายให้ชัด เพื่อประยุกต์ใช้ในการท างาน หากเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจ ว่าจะเลือกทาง A หรือ B อันนี้คือการตัดสินใจหรือ Compair (เปรียบเทียบ)ต้องรู้ว่ามีอะไรที่เป็นกังวล ข้อจ ากัด มีอะไรที่เป็น Criteria (กฎเกณฑ์) ในการที่จะประเมินเพื่อที่จะตัดสินใจ ต้องรู้ สโคปกว้างๆนี้แล้วมาเขียน Mind Mapping
เมื่อรู้เป้าหมายชัดแล้วว่าเป้าหมายคืออะไร ก็จะมากา หนด “ทิศทางการคิด “ มี 2 ทิศทาง คือ 1. ทิศทางกว้างๆ หรือ Divergent (คิดกว้าง) คือ การรวบรวมข้อมูลทั้งจากการ Brainstroming หรือ จากการที่เราไปค้นหาข้อมูลจาก Data ที่มีเพื่อให้ได้ปริมาณข้อมูลไว้ใช้ ส่วนเวลาที่คิดเสร็จเรียบร้อย จะมีฟิ ลเตอร์ช่วยกรองความคิดว่าไอเดียทั้งหมด เมื่อผ่านฟิ วเตอร์จะเหลือกี่ไอเดียที่เหมาะสมกับ สถานการณ์นั้น หรือ case study นั้น หรือเรียกว่า Convergent 2. ทิศทางแบบลึก หรือ Convergent(คิดลึก) คือการใช้ฟิ วเตอร์ในการกรองเอาไอเดียที่ดีที่สุด เหมาะสมกับช่วงเวลานั้นมากที่สุด รวมถึงการบริหารจัดการการวางแผนในการใช้แผน 1 แผน 2 หรือแผน 3 ช่วงถัดไปจะใช้แผน 4 แผน 5 แผน 6 เพื่อท าให้การคิดเป็นระบบมากขึ้น สรุป 1. ต้องปักหมุดให้ชัด ไปเมื่อไหร่กับใคร ไปอย่างไร ไปด้วยวิธีการไหน 2.กา หนดทศิทาง ว่าต้องการรวบรวมข้อมูล หรือต้องการคัดกรองข้อมูลให้เหลือ ทางเลือกเดียวหรือทางเลือกทเี่หมาะสม
Thinking Process กระบวนการคิดเริ่มต้นความคิด Mind Map ด้วย WHY หรือวัตถุประสงค์ในการเขียน Mind Mapping
Section 5 การประยุกต์ใช้ Mind Map เทคนิคการประยุกต์ Mind Map แบ่งเป็ น 1.การคิดเป็ นภาพด้วย Metaphor
2.เทคนิคการจับประเด็น รูปแบบการจับประเด็นแบบสรุปความ ตอนที่ 1 รุปแบบการจับประเด็นสรุปความ ได้แก่ 1.Main Topic หัวข้อหลัก การเขียน Mind Map ตาม Main Topic ในแต่ละบท เพราะจะง่ายส าหรับเรา หรือหากอบรม สัมมนา แล้วทราบหัวข้อ สามารถก าหนด Main Topic ได้ 2.Timeline ช่วงเวลาของเรื่อง บางครั้งไม่รู้ว่าหัวข้อสัมมนา อบรมคืออะไร แต่รู้ช่วงเวลา จึงใช้ Timeline . ให้กลายเป็น Main Topic ได้ แต่เป็นเรื่องยากเพราะไม่สามารถก าหนดประเด็นหลักได้ชัดเจน ดังนั้นเอา Key ที่เป็นตัวตั้ง คือเวลา เป็นตัวก าหนด Timeline ของเราว่าจะเริ่มกิ่งไหนก่อน 3.Grouping เรียบเรียงใหม่ บางครั้งรับข้อมูลมา อาจจะไม่ได้รับข้อมูลมาจากแหล่งเดียว อาจต้องไปฟัง อ่าน ประชุม เราสามารถเอาข้อมูลเหล่านั้นมา Gruoping ให้เป็นข้อมูลใหม่ส าหรับเรา การฟังที่ดีต้องฟังแบบ Active Listening คือ ฟังอย่างตั้งใจ ฟังโดยไม่ตัดสิน เพราะบางที่ข้อมูลที่ รับมา อาจจะขัดกับสิ่งที่เราเคยรู้ ก็อย่าเพิ่งไป just หรือตัดสินข้อมูลนั้นให้เอาข้อมูลนั้นมาใช้กับการ ประมวลผลอีกครั้งว่าสิ่งที่ส่งมาต้องการสื่อสารอะไร เนื่องจากกรอบของเราและผู้ส่งสารแตกต่างกัน ดังนั้น การที่เอาข้อมูลที่เป็น Fact มาได้และมาประมวลผลท าให้เราได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และต้องจดบันทึกด้วย เพราะจะลืม
การอ่านเร็ว (ฆpeed Reading) ช่วยให้สามารถจับประเด็นได้ดีมากยิ่งขึน้เทคนิคคือการ ใช้นิว้มือหรือดินสอเพื่อเป็นการน าสายตา หากต้องการน าข้อมูลไปถ่ายทอดต่อ ให้ไฮไลท์เฉพาะ ค า Keywords เห็นบ่อยๆ และใช้สีแยกแตละบท บทละ 1 สี ไli6สรุป สรุป ไม่ว่าจะอ่านหรือฟัง input ข้อมูลมาจากทศิทางใดใช้2 หลักการน่ันคือ 2RS เป็ นเทคนิคสรุป ความจับประเด็น ทตี่้องทา คือ 1. Repeating เก็บข้อมูลที่เป็น Fact นั่นคือ ได้ยิน A จด A ได้ยิน B จด B 2 .Reflection (ภาพสะท้อน) สรุปเนื้อหาจากที่ได้ทั้งจากการสังเกต สีหน้า ท่าทางจากข้อมูลที่ เป็น Fact หรือว่าสะท้อนมุมมองความคิด ด้วยการสรุปเป็น Mind Map อีก 1 แผ่น จะช่วยให้เก็บเนื้อหาได้ มากขึ้น
เทคนิคจับประเด็น ตอนที่2 เทคนิค “ส่ังก๋วยเตี๋ยว” มี4 ขั้นตอน คือ 1.เล็ง เปรียบเสมือนการที่เราดูภาพรวมของเนื้อหาที่เราจะสรุปจับประเด็น จากการฟัง หรืออ่าน สิ่งส าคัญ คือต้องรู้ว่าหลักๆที่ต้องพูดถึง หรือต้องรู้มีอะไรบ้าง ถ้าเป็นเรื่องของการอ่านจะใช้นิ้วมือเพื่อเล็ง เหมือนเล็ง เมนูก๋วยเตี๋ยวว่ามี Category หลักๆอะไรบ้าง เพื่อให้รู้ภาพรวมของสิ่งที่ก าลังจะจดจ าหรือจับประเด็น 2.ตั้งคา ถาม จะเป็นตัวช่วยในการ Guideline ข้อมูล โดยใช้ 5W1H (What Where When Why How Who) ให้ครบ 3.เน้นเนือ้เอาแต่ใจความส าคัญจะเป็นตัวช่วยเวลาจดบันทึกและท าให้สมองท างานน้อยลง 4.ใส่ชาม เปรียบเหมือนอุปกรณ์ทสี่ามารถกลับมาทบทวน ชามในทนี่ี้เช่น Post-It หรือ กระดาษ โน้ต
Mind Map time management ตอนที่1 การท างาน ธงจะต้อง Specific (เฉพาะเจาะจง) ให้ชัดมากยิ่งขึ้น ต้องการเขียน Mind Map เพื่อเอามาท า To do listของตัวเองว่าในช่วงสัปดาห์นี้ต้องท าอะไรบ้าง ต้องเขียนหัวเรื่องไว้ตรงกลาง จากนั้นเขียนสโคป
ให้ชัดว่า to do list เป็นช่วงระยะเวลาเท่าไหร่ถึงเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้เขียนประเด็นหลักได้ถูก เช่น To do list .ใน 7 วัน ดังนั้น to do list ต้องมี 7 กิ่ง ในทางกลับกัน ใน 7 วันนี้ต้องการท าให้ Work life balance ดังนั้น จะมี 4 เรื่องที่ต้องท าใน 7 วัน คือ ครอบครัว การท างาน ตัวเองสังคม เรามี Criteria และ filter แล้ว พอเราก าหนดเป้าได้ชัดเจนแล้วว่า ใน 7 วันเราจะท าอะไรบ้าง เราต้อง เขียน Mind Map ได้ 2 แบบ คือ แบบที่ 1 เขียนกิ่ง 7 กิ่ง ว่า 1 -7 ท าอะไรบ้าง แบบที่ 2 ครอบครัว การท างาน ตัวเองสังคม Mind Map time management ตอนที่2 ส าคัญ หมายความว่า จ าเป็นต้องท า ถ้าไม่ท าส่งผลกรทะทบร้ายแรงต่อตัวเอง เพื่อนร่วมงาน องค์กร ค าว่า เร่งด่วน จะใช้ timing มาเป็นตัวตั้ง ในเวลาที่แพลนงานในแต่ละ Quadrant จะเริ่มท ายังไง คือเราต้องท า “Q1 ให้เสร็จ ถ้าไม่เสร็จมา Q2 จะ กลายเป็นภาระ หากเวลาไม่พอให้ตัด Q4
Mind Map กับการท างาน 1.การเขียนประวัติเพื่อแนะน าตัวเอง กับกลุ่มคน
2.ประยุกต์ใช้กับการตั้งเป้าหมาย หรือ Goal Setting ว่าเป้าหมายเน้นด้านไหนบ้าง เช่น สุขภาพ การเงิน การเติบโต Mind Set ที่เกี่ยวกับบุคคล และ Career Path ต้องเติบโตอย่างไร ในการ ตั้งเป้าหมายเราต้องรู้ Status ปัจจุบันก่อนว่าเราเป็นอย่างไร จากนั้นใส่Target (อยากลดนน. 10 กก) และ How วิธีการในการลดท าอะไรบ้าง เช่น วิ่งมาราธอน (วิ่งกี่วัน วิ่งกี่กิโล) ทานอาหารที่มีประโยชน์ (ใส่ รายละเอียดเพิ่มว่าทานอะไร) 3.การตั้งเป้าในการทา งาน ต้องการก าไรปีนี้ 5 ล้าน และปัจจุบันท าอะไรบ้าง และต้องท าอะไรเพิ่มเพื่อให้ ได้ก าไร 5 ล้าน แล้วจะท า Product เป็นแบบไหน หรือต้องการ Partner อะไร สามารถน า Business model canvas มาเป็นตัวช่วยที่มีทั้งหมด 9 ช่อง อะไรคือ Where you proposition ที่ต้องส่งให้กับลุกค้า สามารถน ามาประยุกต์ในการออกแบบการท างานเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้ป่ วย
4.การวางแผนทตี่้องสื่อสาร เช่นการสอนงานพนักงานใหม่ต้องสอนเรื่องอะไร 5.การจับประเด็น ตามตัวอย่างเป็นการสรุปตาม timeline เพราะไม่รู้ว่าหัวข้อในการอบรม หรือการเรียน คืออะไร
6.สรุปจับประเด็นจากการฟังตาม Timeline ตย.หลังเกษียณ 7.แก้ปัญหา ต้องมีเป้าให้ชัดเจน สิ่งส าคัญที่สุด คือไป Clarify ตัว Issue ก่อนว่ามี 5w1h อะไรบ้าง และ เป้าของการแก้ปัญหาคืออะไร เช่น ต้องการลด หรือเพิ่มอะไร หากเป้าไม่ชัดจะไม่สามารถก าหนดทิศทางใน การแก้ปัญหาได้ เช่น 1.ต้องการแก้ปัญหาเพื่อลดความผิดผลาดในการท างานด้าน XY 2. ต้องการลดความผิดผลาดที่เกิดขึ้นจากการท างานด้าน XY ลง 30% จากเดิม (ค าว่า “ลด” จะ ลดเท่าไหร่ ลดกี่ % .ใส่ตัวเลขให้มัน Specific (เจาะจง)) 3.เมื่อก าหนด Issue เรียบร้อยแล้ว Clarify Issue แล้ว 4.ดูสาเหตุของปัญหา โดยการหา Root cause ก่อน หากไม่รู้ให้ตั้งสมมติฐาน ว่าสิ่งที่เป็นต้นตอ ของปัญหาน่าจะเกิดจากอะไร (5-7 สมมติฐาน) 5.ในแต่ละสาเหตุมีแนวทางแก้ปัญหาอะไรบ้าง 6. Consider (พิจารณา) จะท าให้รู้ว่า Solutionที่มันเกิดขึ้นในแต่ละการแก้ปัญหา มันมี Solution (วิธีแก้ปัญหา)ไหนที่สามารถปิด Gap (ช่องว่าง) ได้หลายสาเหตุบ้าง 7.implement planning วางแผนระยะสั้น-ยาว
สรุปสิ่งทเี่รียน มี4 เรื่อง คือ 1. What ; Mind Map คืออะไร คือ GPS ในการน าส่มอง ช่วยท าให้เห็นความคิดของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น จัดระบบ ความคิด สะท้อนมุมมอง หรือความคิดให้เหน็เป็นภาพมากยิ่งขึน้ 2. How ; วิธีการเขียน Mind Map Mind Map มี3 ส่วน คือ หัวเรื่อง ประเด็นหลัก และประเด็นรอง กฎการเขียน Mind Map มี5 ข้อ ได้แก่สัญลักษณ์สั้น เส้น สีและสร้างสรรค์ 3. BOIs : Basic Ordering ideas การท าแบบฝึ กหัด Start with WHY ซึ่งทา ให้เห็นว่า ก่อนคิด ต้อง Scope WHY ให้ชัด ก่อน จัดล าดับความคิด ว่าอะไรคือ หัวเรื่อง ประเด็นหลัก และประเด็นรอง รวมทั้ง จัดล าดับความส าคัญ Zoom in Zoom out สิ่งทกี่า ลังจะเขียนให้ชัด 4. หัวใจของ Mind Mapping ที่ประยุกต์ใช้ในหลายๆเรื่อง เช่น เรืองของ Time Management ดังนั้นต้องทา ให้เจาะจง (Specific) เห็นภาพได้ชัดว่า ต้องการเป้าหมาย (Goal) ต้องเดินไปไหน กับใคร มีข้อจา กัดอะไร ที่จะมาทา ให้ตัดสินใจว่าวางแผนหรือ แก้ปัญหานั้นได้ดังนั้นในส่วนที่เป็น WHY ท าอะไรไปบ้าง เราท าในส่วนของ To Do List ใน Time Management / Quality ในการท างาน ว่าจะท าอะไรก่อน รวมถึง ตัวอย่าง Mind Map ของวิทยากร เช่น การตั้งเป้าหมาย การเตรียมตัวน าเสนองาน หรือการแก้ปัญหา สิ่งส าคัญหัวใจของ Mind Map คือการก าหนด WHY ให้ชัดจะช่วย ท าให้เห็นภาพของ Mind Map ทดี่ีมากยิ่งขึน้ สรุปการอบรม โดย อังโกะ