๑. สาเหตุดา้ นหลักสตู รและการเรียนการสอน
หลักสตู รเป็นเอกสารรวบรวมมวลประสบการณต์ ่างๆแผนงานโครงการเน้ือหาสาระและกิจกรรมตลอดจน
วิธีการจัดการเรยี นการสอนและการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ทีจะเป็นแนวทางในการจดั การเรียนการสอนเพือ่
พัฒนาผู้เรยี นให้มีความรูค้ วามสามารถเจตคตแิ ละพฤติกรรมทีพึงประสงค์ให้สอดคลอ้ งกับจุดมุ่งหมายท่ีกําหนด
มบี ุคคลและนักวิชาการทีใหค้ วามหมายของหลกั สตู รไวด้ ังน้ีใจทิพย์ เชอ้ื รัตนพงษ์ (๒๕๓๙, หนา้ ๑๑-๑๒)
กล่าวว่าหลักสูตรหมายถงึ เครืองชีนําทางในการจดั ความรู้และประสบการณ์แกผ่ ้เู รยี นซงึ ครจู ะต้องปฏิบัตติ าม
เพ่อื ให้ผเู้ รียนได้รับการศกึ ษาทมี ุ่งสู่จดุ หมายเดียวกันหลักสูตรจึงเปน็ หวั ใจสาํ คัญของการศกึ ษาและเปน็ เครอื ง
มอื ชถี งึ ความเจริญของชาตถิ ้าประเทศใดมีหลกั สตู รทีเหมาะสมและมีประสิทธิภาพคนในประเทศนนั กย็ ่อมมี
ความร้แู ละศกั ยภาพในการพัฒนาประเทศได้อยา่ งเต็มทเี มธี ปลิ นั ธนานนท์ (๒๕๔๓, หนา้ ๖๐) กลา่ วว่า
หลักสตู รหมายถงึ ผลรวมของสถานศึกษาทีไดว้ างแนวและจัดขึน้ ไวอ้ ยา่ งมรี ะบบเพื่อชว่ ยให้เกดิ มปี ฏสิ มั พันธ์ขน้ึ
ในระหวา่ งผูเ้ รยี นกับระบบการสอนทีจะนาํ ไปสูก่ ารเรียนรู้เพราะแกนกลางของหลักสูตรน้นั อยูท่ กี ารเรยี นรแู้ ละ
การเรียนรนู้ ันจาํ เปน็ จะต้องประกอบด้วยเนอื้ หาวชิ าและกระบวนการต่าง ๆ ร่วมกันอัมรา เลก็ เริงสนิ ธ์ุ
(๒๕๔๗, หนา้ ๘-๙) อธิบายวา่ หลกั สตู รหมายถงึ เอกสารทีบรรจุแผนงานหรอื โครงการและเนอ้ื หากจิ กรรมต่าง
ๆ ท่จี ัดใหแ้ กผ่ เู้ รยี นเพื่อพัฒนาผ้เู รยี นทังในดา้ นความรทู้ ศั นคติและพฤติกรรมต่าง ๆ อนั พึงปรารถนาของสงั คม
นั้น ๆ อันจะทําให้ผเู้ รียนสามารถดาํ รงชวี ิตอย่ใู นสงั คมได้อย่างมีความสุขโดยท่แี ผนงานหรือโครงการนนั้ ๆ
จะต้องมอี งคป์ ระกอบที่สมบรู ณ์ คอื มีจดุ มุง่ หมายท่ชี ดั เจนมีการกําหนดเน้ือหาสาระประสบการณ์ท่ีมีคณุ ค่าต่อ
ผเู้ รียนมแี นวทางการดําเนนิ งานท่ีเปน็ ระบบระเบยี บมีการทําแผนงานและโครงการนั้นปฏิบตั ิใน
สถาบันการศึกษาจนทําให้ผเู้ รียนเกิดการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมจนสามารถวดั ผลประเมินผลการเปลีย่ นแปลง
พฤติกรรมของผู้เรยี นได้Carroll (1963 อ้างถงึ ใน สรุ างค์ โค้วตระกลู , ๒๕๕๒, หนา้ ๑๓) กลา่ ววา่ การสอนที่มี
ประสทิ ธิภาพไม่ได้ขึน้ กับการสอนของครูเทา่ นน้ั แต่ขึ้นกับผู้เรยี นดว้ ยคุณลกั ษณะของผเู้ รียนมสี ว่ นใหเ้ รียนรูใ้ น
อัตราความเร็วแตกตา่ งกันดว้ ยคือ
๑. ความถนัด (Aptitude) ความสามารถของผู้เรยี นทีจ่ ะเรยี นรู้
๒. ความสามารถทจ่ี ะเขา้ ใจสิ่งท่ีครูสอน (Ability to understandInstruction)
๓. ความพยายาม (Perseverance) สาํ หรบั การเรียนร้ซู งึ มาจากแรงจูงใจที่จะเรยี นรู้
๔. การมโี อกาสครใู หเ้ วลาในการเรยี นร้สู งิ่ ท่ีครสู อนโดยคํานึงถงึ ความสามารถและความถนดั ของผ้เู รยี น
Brophy (๑๙๙๒ อ้างถึงใน อุทัยลอื สกุล, ๒๕๕๓, หน้า ๑๔) นกั จิตวทิ ยาการศกึ ษาท่ีได้ทําการวจิ ยั เก่ยี วกบั การ
สอนและการเรยี นรู้ได้ใหค้ วามหมายของการเป็นครทู ่ีดีและมปี ระสิทธภิ าพวา่ เป็นครทู ่ีสามารถสอนให้ผเู้ รยี นมี
สัมฤทธผิ ลในการเรียนร้แู ละสามารถนําความรู้ทเี่ รียนไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจําวันไดด้ ังนน้ั ครูทีสามารถสอน
อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพหมายถงึ การสอนของครูสามารถให้ผู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ตามความถนดั และความสามารถ
ของทกุ คน
๙๗
สรุปได้วา่ หลกั สูตรการเรียนการสอนมีความสําคัญยงิ ในการจัดการเรียนการสอนของผ้เู รียนเพราะหลักสตู รได้
รวมจดุ มงุ่ หมายของการศึกษาในแตล่ ะระดับเน้ือหาสาระและประสบการณ์ท้ังหลายของผเู้ รยี นเขา้ ไว้ด้วยกนั
หลักสตู รจึงเปน็ รากฐานของการจดั การเรยี นการสอน ซ่งึ จะมีผลใหน้ กั ศกึ ษาได้รับความสําเร็จในการศึกษาเลา่
เรยี นเปน็ อยา่ งดี
๒. สาเหตุดา้ นสว่ นตัวของนักเรยี น นักศกึ ษา
สาเหตุดา้ นสว่ นตัวของนกั ศกึ ษาเป็นเรอ่ื งเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวกบั รา่ งกายจิตใจอารมณ์สังคมสติปญั ญา
ค่านยิ มเจตคตพิ ฤตกิ รรมความสัมพันธท์ างสังคมพน้ื ฐานความรู้ครอบครวั บคุ ลกิ ภาพเป็นต้น ซ่ึงสิง่ ตา่ ง ๆ
เหล่านี จะแสดงออกในชว่ งวยั รุ่นหรอื ช่วงของนักศึกษาเปน็ ส่วนใหญ่เนือ่ งจากเปน็ ชว่ งของการเปลย่ี นแปลง
หรอื เปน็ กระบวนการในการพัฒนาจากความเปน็ เด็กไปสู่ความเปน็ ผู้ใหญ่ (ชยั มงคลจํารูญ, ๒๕๔๘, หนา้ ๓๔)
ไมต่ ้องการใหม้ ีการบงั คับควบคุมแต่ต้องการอิสรภาพ ดังนันในการจัดการศกึ ษาจึงต้องคํานึงถึงปัจจัยสาํ คญั นี้
เพราะนักศึกษาเปน็ องค์ประกอบสําคญั ของระบบการศึกษาเพราะถ้าขาดนกั ศึกษาการเรียนการสอนก็จะไม่
เกดิ ขนึ้ การศึกษาข้อมลู ของผู้เรียนเปน็ ส่ิงสาํ คญั ในการจัดการเรยี นการสอนใหม้ ีประสทิ ธิภาพและเกิด
ประสิทธผิ ลสถานศกึ ษาและครผู สู้ อนจึงควรศกึ ษาข้อมูลสว่ นตัวในด้านตา่ ง ๆ ของผู้เรียนเชน่ สภาพแวดลอ้ ม
เศรษฐกจิ สงั คมความต้องการความสนใจและความม่งุ หวังต่อสาขาวชิ าที่เรียนปญั หาเกี่ยวกบั ตัวผู้เรียนความ
พรอ้ มในการเรยี นรู้ปัญหายาเสพตดิ สภาพแวดล้อมเน้ือหาวิชายากเกินไปการปรับตวั เข้ากับสภาพการเรยี นใหม่
ไมไ่ ด้แบ่งเวลาเรียนไมเ่ หมาะสมขาดความพยายามขาดความตงั ใจในการเรียนเข้ารว่ มกิจกรรมมากเกินไป
ปรับตวั เขา้ กบั เพื่อน ๆ ไม่ได้และความแตกต่างระหว่างบุคคลอาจเปน็ องค์ประกอบทีส่ ําคัญของการวางแผน
จดั การเรยี นการสอนเพราะสงิ่ ตา่ ง ๆ เหล่าน้อี าจสง่ ผลให้นักศกึ ษามผี ลการเรยี นท่ีไมด่ ีจะเป็นปัญหาทาํ ให้การ
เรยี นการสอนไม่สัมฤทธิผลและสง่ ผลใหเ้ ป็นสาเหตุการออกกลางคนั ได้อย่างไรกต็ ามการทีน่ กั ศึกษาออก
กลางคนั อาจจะไม่ได้มาจากสาเหตใุ ดสาเหตหุ นึ่งแต่อาจมีองคป์ ระกอบอืน่ เข้ามาเก่ยี วข้องไดแ้ ก่
๓. ความรับผิดชอบตอ่ ตนเอง
ความรบั ผิดชอบหมายถงึ การยอมรับผลการกระทําของตนเองและการสามารถควบคุมตนเองได้โดยไม่กระทาํ
ในส่งิ ทีจ่ ะเกดิ ความเดอื ดร้อนแกผ่ ู้อน่ื รวมท้ังมีการเลง็ เห็นหรอื สามารถคาดคะเนสงิ่ ที่จะเกิดขึน้ จากการกระทํา
ของตนท่ีจะมีตอ่ ตนเองและผู้อื่นด้วยถา้ นกั ศึกษา ผู้ซง่ึ มีความประพฤตดิ ีพยายามศึกษาเล่าเรยี นเพอื่ ใหส้ าํ เรจ็
การศึกษาตามที่ได้ต้งั ใจไว้ประพฤตติ นอยู่ในระเบยี บวนิ ัยไมก่ อ่ ความเดือดรอ้ นใหแ้ ก่ตนเองและผู้อน่ื ยอมรับผล
จากการกระทําของตนเองทงั ท่ดี หี รือท่ีได้ทําผิดพลาดไปและรู้สึกนกึ คิดไดว้ ่าการกระทําใดผิดหรือถกู หากรูว้ ่า
การกระทาํ ใดผิดก็ไมป่ ระพฤติปฏิบัตอิ กี และประพฤติปฏบิ ตั แิ ต่ในสิ่งที่ถูกต้องอยู่เสมอจงึ จัดไดว้ ่าเป็นบุคคลที่มี
ความรบั ผิดชอบ
กระทรวงศึกษาธิการได้ศกึ ษาปจั จัยท่สี ่งผลต่อการออกกลางคนั ทเ่ี กี่ยวข้องกับด้านส่วนตัวของนักเรียนนักศึกษา
ไว้ดังนี้ (กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๔๐, )
๙๘
๑. การยา้ ยสถานศกึ ษาประเด็นการย้ายมคี วามสมั พนั ธ์กับการออกกลางคนั ของนักเรยี นนกั ศกึ ษาเพราะการ
ยา้ ยสถานศึกษาทําให้ขาดประสบการณ์ในสถานศึกษาใหม่ขาดกลุ่มเพื่อนทีจ่ ะคอยชว่ ยเหลอื ทั้งในเร่ืองการ
เรยี นการใหก้ าํ ลังใจการปรับตัวใหเ้ ขา้ กบั สังคมใหม่กย็ อ่ มสง่ ผลต่อการเรียนและการท่ผี ลการเรยี นถูก
กระทบกระเทอื นกจ็ ะส่งผลต่อความเบ่ือหนา่ ยต่อการเรยี นและเปน็ สาเหตุของการออกกลางคันได้นอกจากน้ี
การยา้ ยสถานศึกษาท่วี า่ มคี วามเกี่ยวข้องกับผลการเรียนที่ตําลงของนักเรียนนกั ศึกษาเนอื งจากตอ้ งอยู่หา่ งไกล
พ่อแมผ่ ้ปู กครองทําให้ไม่สามารถควบคมุ ดูแลได้อยา่ งใกลช้ ิด
๒. เพศมผี ลตอ่ การออกกลางคนั ของนกั เรยี นนักศึกษาเพศหญิงที่ออกกลางคันมากกวา่ เพศชายในสถานศึกษา
เนื่องจากการตงั้ ครรภแ์ ละเพื่อการแตง่ งานมีครอบครวั
๓. การถกู ลงโทษมักจะเกี่ยวข้องกับตัวแปรอน่ื เชน่ ไม่ทาํ งาน ไมท่ ําการบ้าน การทําผิดระเบียบวินัยของ
สถานศึกษาการขาดเรียนการทะเลาะวิวาทการติดยาเสพติดชู้สาว การถกู ทาํ โทษมีผลตอ่ จิตใจนักเรยี น
นักศึกษาและสง่ ผลตอ่ การออกกลางคนั ในท่ีสดุ
๔. สติปัญญามีผลโดยตรงต่อผลการเรยี นการท่บี ุคคลมีความแตกต่างกันสตปิ ญั ญาเปน็ องค์ประกอบหน่งึ ท่ี
สาํ คญั โดยเฉพาะการเรียนรขู้ องแตล่ ะบุคคลนักเรยี นนกั ศึกษาทม่ี ีสติปญั ญาดสี ามารถเล่าเรียนได้ดีกว่านักเรยี น
นักศึกษาท่ีมีสตปิ ญั ญาไม่ค่อยดี ดงั นัน้ สติปัญญาจึงสง่ ผลต่อการออกกลางคัน
๕. การเบ่อื หน่ายต่อการเรยี นนักเรียนนักศึกษาที่เบื่อหน่ายตอ่ การเรยี นจะมีอตั ราเสยี งในการออกกลางคนั
เพราะการเบื่อหน่ายต่อการเรียนเป็นอปุ สรรคโดยตรงต่อการประสบผลสําเรจ็ ในการเรียนและนําไปสู่การออก
กลางคนั
๖. สาเหตุด้านสถานศกึ ษามกั จะมงุ่ ไปที่พฤติกรรมของนักเรียนนักศกึ ษาเป็นความประพฤตคิ วามตังใจความ
สนใจทศั นคติต่อการเรียนผลการเรียนตําและการตกซํ้าชน้ั จะมีความสัมพันธ์กบั การออกกลางคนั
๗. การสนบั สนุนทางบ้านนักเรยี นนกั ศึกษาที่ไดร้ ับการสนบั สนุนจากทางบา้ นจะออกกลางคันน้อยกวา่ นักเรียน
นักศกึ ษาที่ไม่ไดร้ บั การสนับสนนุ ทางบา้ นและการสนับสนนุ ทางบา้ นมผี ลต่อการเรยี นของนักเรยี นนักศึกษาด้วย
๘. การขาดเรียนมีสาเหตุมาจากหลายสาเหตนุ ักเรียนนักศกึ ษามาเรียนมากทําใหก้ ารออกกลางคันน้อยและถ้า
นักเรียนนกั ศึกษามาเรียนน้อยมคี วามเสยี งในการออกกลางคนั มากพฤติกรรมขาดเรียนมีสาเหตุจาก
สภาพแวดลอ้ มในสถานศึกษาและความน่าสนใจของกจิ กรรม
ในชั้นเรียนการหนีเรียนถือเป็นสาเหตกุ ารออกกลางคันดว้ ยเชน่ กนั เพราะทาํ ใหเ้ วลาเรียนไม่เพียงพอ
๙. พฤตกิ รรมเบ่ยี งเบนนักเรียนนักศึกษาท่ีมีพฤตกิ รรมใชส้ ารเสพตดิ พฤตกิ รรมเส่ยี งเสื่อมเสียในเรอ่ื งตา่ ง ๆ มี
ความสัมพันธก์ ับการออกกลางคนั ของนักเรียนนักศึกษาจากทก่ี ลา่ วมาข้างตน้ เกย่ี วกับสาเหตุด้านสว่ นตัวของ
นกั เรยี น นกั ศึกษาพอสรปุ ไดว้ ่านกั เรียน นักศึกษาเปน็ ส่วนสําคัญของระบบการเรียนการสอนถา้ ไมม่ ีนักเรียน
๙๙
นักศกึ ษาการเรยี นการสอนกจ็ ะไมส่ ามารถเกดิ ขึ้นได้นกั เรียน นกั ศึกษาจะต้องมีความพร้อมทีจะรับการเรยี นรู้
และประสบการณใ์ หม่ๆทจ่ี ะเกิดข้นึ ในสถานศึกษาอยา่ งไรก็ตามจากการศึกษาพบวา่ การออกกลางคนั มสี าเหตุ
มาจากเรื่องส่วนตัวของนักเรยี นนกั ศึกษาเป็นสําคัญอนั เป็นผลมาจากปญั หาด้านการศึกษาเล่าเรยี นด้านร่างกาย
จิตใจอารมณ์สังคมสติปัญญาสภาพแวดล้อมทั่วไปพฤติกรรมเบย่ี งเบนการคบเพือ่ นการย้ายสถานศกึ ษาการถูก
ทําโทษการเสพสารเสพติดสภาพครอบครัวทีสง่ ผลตอ่ ตัวนกั เรยี นนกั ศกึ ษาและพ้ืนฐานความรู้เดมิ ทีมนี อ้ ยทําให้
เกดิ ความเบื่อหน่ายต่อการเรียนส่งผลให้ขาดเรยี นบอ่ ยและผลสดุ ท้ายตอ้ งออกจากสถานศกึ ษากอ่ นทจี่ ะเรยี น
จบครบตามที่หลักสูตรกาํ หนด
๑๐๐
๒.๓.๓ หลกั สตู รปรญิ ญาตรสี ายเทคโนโลยีหรอื สายปฏบิ ตั กิ าร
๑๐๑
๑. ปัจจยั ภายใน
๑.๑ ดา้ นการบริหารจัดการ
จดุ แข็ง
๑. อยูใ่ นพ้ืนท่ีเปน็ สว่ นรวมของทรพั ยากรธรรมชาติ แหลง่ เรียนรู้ของท้องถน่ิ และศลิ ปวฒั นธรรมท่เี ปน็
เอกลักษณร์ วมถงึ สถานประกอบการท่สี ามารถรองรับการฝึกประสบการณว์ ชิ าชพี และการวจิ ยั ทางการศึกษา
๒. มโี ครงสร้างองค์กรและระบบบริหารจัดการทีช่ ดั เจน
๓. มีการกระจายอํานาจทางการบริหารทเี่ หมาะสมกบั ประเภทของงานอย่างมขี ั้นตอน
๔. ผบู้ รหิ ารและบคุ ลากรของคณะมีศักยภาพสามารถรว่ มกันพฒั นาและผลักดนั องค์กรให้บรรลุเป้าหมายอย่าง
มปี ระสิทธภิ าพ
๕. มงี บประมาณสนับสนนุ การบรหิ ารจดั การพฒั นาองค์กรและพัฒนาศักยภาพบุคลากรจากแหล่งทช่ี ดั เจน
จุดออ่ น
๑. การให้ความสําคญั ต่อการบริหารอยา่ งมสี ่วนรว่ มยงั ไมม่ ากเท่าท่ีควร
๒. ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ (MIS) เพ่ือการจัดการยงั ไม่มปี ระสิทธิภาพเท่าทีค่ วร รวมถึงเทคโนโลยีวสั ดุ
อุปกรณ์ท่ที นั สมยั ยังไมเ่ พยี งพอ
๓. ขาดกระบวนการจัดการความรู้ (KM) และการบรหิ ารความเสยี่ ง
๔. สัดส่วนอาจารยต์ อ่ นักศึกษาไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์มาตรฐานของ สกอ. สมศ.
๕. จํานวนบคุ ลากรมไี ม่เพยี งพอต่อปรมิ าณงาน
๑.๒ ด้านการจัดการเรยี นการสอน
จดุ แขง็
๑. มีสาขาวิชาและหลักสูตรท่ีหลากหลายให้เลอื กเรยี น ที่ตอบสนองความต้องการของท้องถนิ่ และชุมชน
๒. สามารถเปดิ สอนได้ท้ังระบบปรญิ ญาตรี โท เอก
๓. มีการพฒั นา/ปรบั ปรงุ คณุ ภาพของหลกั สตู รอยา่ งต่อเน่ือง
๔. มโี ครงการความร่วมมือทางดา้ นวชิ าการกบั ต่างประเทศ โดยมกี ารแลกเปลยี่ นนักศกึ ษาและอาจารย์ผูส้ อน
กบั มหาวทิ ยาลยั และหนว่ ยงานตา่ งประเทศอยา่ งต่อเนือ่ ง
๕. มกี ารจดั การเรยี นการสอนทบี่ รู ณาการกระบวนการวิจัย การบริการวิชาการแก่สงั คมและการทํานุบํารุง
ศลิ ปวัฒนธรรมทุกหลักสตู ร
๑๐๒
จุดอ่อน
๑. มบี คุ ลากรที่ปฏบิ ัติการสอนไม่เพียงพอกบั สัดสว่ นของนักศึกษา
๒. อาจารยม์ ภี าระงานดา้ นอ่ืนนอกเหนือจากภาระงานสอน ทาํ ใหไ้ ม่มีเวลาในการพฒั นาดา้ นการจดั การเรียน
การสอนเทา่ ทค่ี วร
๓. ไม่มกี ารคัดเลือกนักศึกษาที่รับเขา้ มาศึกษาอย่างเปน็ ระบบทาํ ใหเ้ ปน็ อปุ สรรคในการจัดการเรยี นการสอน
๔. ขาดครภุ ณั ฑ์ที่ใชใ้ นการเรียนการสอนที่เพยี งพอและเหมาะสม
๑.๓ ดา้ นการวิจัย
จดุ แข็ง
๑. มีระบบกลไกในการสนบั สนนุ งานวิจัยและงานสร้างสรรค์
๒. บุคลากรมีศักยภาพในการทาํ วจิ ยั และงานสรา้ งสรรค์ได้หลากหลายสาขาวชิ า
๓. มแี หลง่ ทนุ ท่ีหลากหลายท้ังภายในและภายนอก
จุดออ่ น
๑. ขาดการติดตามงานวจิ ยั และสรา้ งสรรค์ในเชงิ การวิเคราะห์และสรา้ งสรรค์
๒. ขาดการบูรณาการงานวิจัยกบั การเรียนการสอน
๓. ขา่ วประสบการณ์ในการเสนอ เผยแพร่ ตีพมิ พ์งานวิจัยและงานสรา้ งสรรคใ์ นระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ
๔. บุคลากรมีภาระงานมากทําให้ไม่มเี วลาในการสรา้ งสรรค์งานวิจัย
๑.๔ ดา้ นการบริการวิชาการ
จดุ แขง็
๑. มีสาขาวชิ าท่หี ลากหลายเป็นกาํ ลงั เขม้ แข็งในการจดั บริการวชิ าการอยา่ งดี
๒. มีสาขาวิชาที่ตรงกบั ความต้องการของชมุ ชน สงั คม ท้องถ่ิน
๓. มกี ารบรู ณาการองค์ความรูก้ ับการบรกิ ารวิชาการรวมกันได้ดี
๔. ได้รับงบประมาณเพยี งพอกับการบริการวชิ าการ กาํ ลงั คน บคุ ลากร และอุปกรณต์ ่างๆ
จุดอ่อน
๑. การจะบรกิ ารวิชาการ แต่ไม่ไดด้ ําเนินงานตามวงจร PDCA ทุกโครงการ
๒. ขาดการติดตาม ประเมนิ ผล อยา่ งตอ่ เน่ืองและจริงจงั
๓. ขาดการจัดการความรรู้ ะหวา่ งสาขาวชิ าหลงั ให้การบรกิ ารวิชาการเสร็จแล้ว เพื่อปรับปรงุ แก้ไขทง้ั ระดบั
สาขาและเชอื่ มโยงระดบั คณะ
๔. อาจารยผ์ ูส้ อนมีภาระงานอ่ืนบา้ ง ทาํ ใหไ้ ม่มเี วลาเตรยี มการให้บริการวิชาการท่ีมปี ระสทิ ธิภาพ
๕. ขาดการทาํ วจิ ยั ที่เช่อื มโยงกับการบริการวชิ าการการเรียนการสอน งานวจิ ยั
๑๐๓
๑.๕ ดา้ นการทํานุบาํ รงุ ศิลปะวฒั นธรรม
จุดแขง็
๑. คณะมคี วามหลากหลายในสาขาวชิ าท่ีสง่ เสริมศลิ ปวัฒนธรรม
๒. มหี นว่ ยงานภายนอกทาํ ภาครัฐและชุมชนเป็นส่วนหน่งึ ในการผลักดนั และใหก้ ารสนบั สนุนทานดา้ น
ศิลปะวัฒนธรรม
๓. ทุกสาขาวิชาในคณะมีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนและกิจกรรมนักศึกษาที่ส่งเสริมทางด้าน
ศิลปวัฒนธรรม
๔. บุคลากรมีความรแู้ ละความสามารถดา้ นศิลปวัฒนธรรม
๕. แตล่ ะสาขามแี หล่งการเรียนรู้เพอื่ ท้องถ่นิ ทางศึกษาศลิ ปวฒั นธรรม
จดุ อ่อน
๑. แผนการทํางานยงั ขาดการวางแผนทช่ี ัดเจนและยังไม่เป็นระบบ
๒. การทํานบุ ํารุงศิลปะวัฒนธรรมมกั ตีความเป็นงานบริการวชิ าการ
๓. ขาดความเข้าใจในระบบวงจร PDCA
๔. ขาดการบรู ณาการท่ีชัดเจน
๕. ขาดตารางแผนงานระยะยาวและการสร้างคุณคา่ ท่ีเป็นรูปธรรม
๒. ปจั จยั ภายนอก
๒.๑ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
โอกาส
๑. มีระบบเครือขา่ ยสนับสนนุ ตอ่ การพัฒนาระบบสารสนเทศเพ่ือการบรหิ าร
๒. มีแหล่งเงนิ ทนุ หลากหลาย
อปุ สรรค
๑. รัฐบาลมีนโยบายยบุ อัตรากําลังขา้ ราชการทาํ ใหบ้ ุคลากรขาดความมัน่ คง
๒. ขาดวัสดอุ ุปกรณ์ เทคโนโลยที ีท่ ันสมยั
๒.๒ ดา้ นการเมอื ง
โอกาส
๑. นโยบายการเปลีย่ นแปลงระบบการบรหิ ารประเทศส่งเสรมิ ใหม้ หาวิทยาลัยมีอิสระในการบรหิ ารจัดการมาก
ข้ึน
๒. การเปดิ กวา้ งทางการศึกษาทําให้เกิดการแข่งขนั ในการพฒั นาคณุ ภาพการจดั การศึกษาของมหาวทิ ยาลัย
๑๐๔
อปุ สรรค
๑. การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทําให้นโยบายดา้ นการศกึ ษามีการเปลย่ี นแปลงไมต่ อ่ เน่ือง
๒.๓ ดา้ นเศรษฐกจิ
โอกาส
๑. ได้รับสนับสนุนงบประมาณดา้ นการวจิ ัยจากหน่วยงานและภาครฐั
๒. ไดร้ ับการสนบั สนุนทนุ กู้ยืมเพ่ือการศึกษาจากหนว่ ยงานและ
อุปสรรค
๑. สภาวะเศรษฐกิจถดถอยทําใหไ้ ดร้ ับงบประมาณสนับสนุนลดน้อยลง
๒.๔ ดา้ นสงั คม/สภาพแวดล้อม
โอกาส
๑. ประชาชนสนับสนนุ ให้ลกู หลานเรยี นต่อระดบั ปริญญาตรี
๒. มีแนวคิดใหล้ กู หลานศึกษาในถ่ินท่ีอย่อู าศยั
๓. สาขาทเ่ี ปดิ สอนเปน็ ทีน่ ยิ มจงึ ส่งลูกหลานมาเรยี น
๔. หนว่ ยงานราชการเอกชนภายนอกมหาวทิ ยาลยั ยังมีความตอ้ งการรบั ความชว่ ยเหลือ
อุปสรรค
๑. ขาดแรงฝกึ งานท่ีมีประสิทธภิ าพ
๒. ชมุ ชนอยหู่ า่ งไกลยากต่อการเข้าถงึ
๓. กระบวนการผลติ บณั ฑติ ขาดการทําวิจัยในชนั้ เรยี น
๔. ชุมชนใหค้ วามสาํ คัญกับระบบอปุ ถัมภ์มากกว่าการเน้นการมคี วามรูอ้ ย่างแท้จริง
๒.๕ ดา้ นการแข่งขนั
โอกาส
๑. หน่วยงานและชุมชนใหค้ วามร่วมมอื ในการจัดกิจกรรมต่างๆทางภาครฐั และเอกชน
อุปสรรค
๑. คณุ ภาพการศึกษาทีไ่ มค่ งที่
๒. การคมนาคมสะดวกขน้ึ ทําให้มีทางเลือกในการศึกษาในกรงุ เทพมหานครเพิ่มขึ้น
๓. มีมหาวิทยาลยั ในพืน้ ทเ่ี พม่ิ ขนึ้
๔. ลกั ษณะการจดั การศกึ ษานอกระบบมีเพิม่ มากขึน้
๑๐๕
๒.๔ หลกั สูตรอดุ มศึกษา (ภายใตก้ รอบมาตรฐานคุณวุฒิอุดมศึกษา)
๑๐๖
คุณภาพอดุ มศกึ ษาไทยในปัจจุบนั ได้มีการพฒั นาอย่างต่อเน่ือง โดยมจี ดุ มงุ่ หมายเพ่ือสง่ เสรมิ และพฒั นา
ผ้เู รียนใหม้ กี ารพัฒนาความรูร้ ะดับสูงเพื่อนําไปใชป้ ระโยชน์ตอ่ สงั คมในอนาคต การศกึ ษาในระดับอดุ มศึกษา
นน้ั ยังรวมถึงการให้ผู้เรียนค้นควา้ หาความรู้ดว้ ยตนเอง เพ่ือใหผ้ ลผลติ ของอุดมศึกษาซ่ึงเป็นบณั ฑติ ท่ีสําเร็จ
การศึกษาออกไปนัน้ มีความสมบรู ณ์ทงั้ ด้านรา่ งกาย จติ ใจ และสตปิ ัญญาควบคไู่ ปกับความรู้ทางวิชาการ
แมว้ า่ การพฒั นาคุณภาพของการอดุ มศกึ ษาไทยมีการดําเนินการมาอย่างต่อเน่ือง แตใ่ นปัจจบุ นั กย็ ังพบวา่
คณุ ภาพอดุ มศกึ ษายังไม่มีคุณภาพเทา่ ที่ควรในหลายประเด็น สาเหตหุ ลกั มหี ลายประการ ประกอบด้วย
๑. สถาบันอดุ มศึกษาปรับตัวไมท่ ันตอ่ การเปล่ียนแปลง โดยเฉพาะในเรื่องการสรา้ งและพัฒนาคณุ ภาพ
มาตรฐานการเรียนการสอนและการวิจัย เปดิ หลกั สูตรตามความพอใจ โดยไม่คาํ นงึ ถึงคุณภาพและมาตรฐาน
การศึกษา ขาดการวางแผนพัฒนาสถาบันในระยะยาว รวมถงึ คณะกรรมการบริหารสถาบัน/สภา
สถาบันอุดมศกึ ษาท้งั ของรัฐและเอกชนหลายแหง่ ไม่มีการบรหิ ารจัดการทดี่ ี
๒. มหาวทิ ยาลยั ไทยโดยภาพรวมยังมจี ดุ อ่อนเร่ืองการบรหิ ารจัดการเชงิ คุณภาพ โดยเฉพาะการเปน็
มหาวิทยาลยั วจิ ัย ซึง่ จะสงั เกตไดว้ ่ามหาวิทยาลัยทตี่ ิดอันดับมหาวทิ ยาลยั ชัน้ นาํ ของโลกลว้ นเปน็ มหาวิทยาลัย
วจิ ัยทั้งสิ้น
๓. ทิศทางการพฒั นาสถาบนั อดุ มศึกษาในภาพรวมไมช่ ัดเจน เกิดความซา้ํ ซอ้ นในเรื่องการให้บริการ บคุ ลากรท่ี
จะเข้ามาในมหาวิทยาลัย เช่น ผบู้ รหิ าร สว่ นหนึง่ ไม่มคี วามรู้ทางด้านการบริหาร แตจ่ ะมีความรูเ้ ฉพาะดา้ นงาน
วชิ าการเท่านน้ั รฐั บาลควรมีการจดั อบรมการเปน็ ผ้บู รหิ ารขึ้นมาเหมือนกบั ข้าราชการสายอ่นื
๔. บัณฑติ ทีจ่ บการศกึ ษาออกมาบางส่วนไม่ไดค้ ุณภาพ และมีปญั หาในด้านภาษาองั กฤษ สถาบนั การศึกษา
ควรดงึ ผ้ปู ระกอบการเข้าไปร่วมพัฒนาหลกั สูตรและพัฒนาบุคลากร และเปดิ โอกาสให้นักศกึ ษาเขา้ ไปฝึกงาน
ในสถานประกอบการตั้งแต่ยังเรยี นอยู่ รวมถึงวิกฤติอุดมศึกษาไทยช่วง ๗ ปที ่ีผา่ นมา ท้ังมหาวทิ ยาลยั รัฐและ
มหาวิทยาลยั ราชภฏั 300 แห่ง และเปิดหลักระดับปรญิ ญาตรแี ละโท บางแหง่ ใชก้ ลยทุ ธ์ "จบงา่ ย" ในการดึงดูด
ผู้เรยี น ขณะท่ีผูเ้ รียนเข้ามาเรียนเพือ่ หวังใบปริญญาตามสโลแกนจ่ายครบจบแน่ ซ่ึงเปน็ การทําลายคุณภาพ
อุดมศึกษาไทย และทาํ ให้บณั ฑติ ที่สําเร็จการศกึ ษาออกมาไม่มีคุณภาพตามทีส่ งั คมคาดหวังไว้
๕. การจัดต้งั สถาบันอุดมศึกษาส่วนใหญ่เปน็ การจัดตง้ั ดว้ ยเหตผุ ลทางการเมือง ไมไ่ ด้คํานึงถึงคุณภาพและ
ความพร้อมของการเป็นสถาบันอุดมศึกษา รวมถึงไม่มีการจัดระบบความหลากหลายของสถาบันอดุ มศกึ ษา ทาํ
ใหท้ ศิ ทางการสง่ เสรมิ พฒั นาและกํากับมาตรฐานไมช่ ดั เจนและไม่ต่อเนื่อง อีกท้งั สถาบนั อุดมศกึ ษาไทยใน
ปจั จุบัน สว่ นมากมงุ่ เขา้ สธู่ รุ กิจอดุ มศึกษา มีการขายปริญญาบัตร เปิด
หลักสูตรจํานวนมาก การถา่ ยทอดความรแู้ บบสําเร็จรูปตามแบบตะวันตก เนื่องจากมหาวิทยาลยั ไทยก้าวเขา้ สู่
กบั ดกั ทางธุรกิจการศึกษา
๑๐๗
๖. รฐั บาลไมม่ กี ารควบคุมการเปดิ สาขาวิชาของแตล่ ะมหาวิทยาลัยใหต้ รงตามความต้องการของประเทศและ
ตลาดแรงงาน ดังนั้น ควรสง่ เสรมิ ให้นสิ ิตนกั ศึกษากูเ้ งินเพ่ือศกึ ษาในสาขาวิชาทีต่ ลาดแรงงานต้องการ เพ่ือให้
บัณฑิตที่จบออกมามงี านทํา
๗. จาก พรบ. การศกึ ษา ๑๕ ปรี ะหวา่ งปี พ.ศ. ๒๕๓๓-๒๕๔๗ ทผี่ ่านมาได้มีการกาํ หนดสัดส่วนผ้เู รยี นสาย
วิทยาศาสตร์และสายสงั คมที่ ๕๐ : ๕๐ และกาํ หนดให้แต่ละมหาวิทยาลยั มสี ัดสว่ นอาจารยท์ ี่จบปรญิ ญาเอก
ปรญิ ญาโท และปริญญาตรี อยูท่ ่ี ๓:๖:๑ ทีส่ ําคัญตอ้ งการใหผ้ เู้ รียนรับภาระค่าเรยี นเพิ่มข้ึนเมอ่ื ส้ินแผนฯ
สามารถดาํ เนินการตามเป้าหมายไดห้ ลายเรื่อง แตท่ ย่ี ังทําไมไ่ ดค้ ือ สดั สว่ นผู้เรียนสายวทิ ยแ์ ละสายสังคม ๕๐:
๕๐ นน้ั ทําไดเ้ ฉพาะในมหาวิทยาลัยปดิ สดั ส่วนอาจารยท์ จ่ี บปรญิ ญาเอก ปริญญาโท และปรญิ ญาตรี นั้น ทาํ ได้
เฉพาะในมหาวทิ ยาลยั รัฐเพียง ๒๔ แห่งเทา่ นัน้
แนวทางในการพฒั นาการอุดมศึกษาของไทยในอนาคต
ผลการวิจัยของสาํ นกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา (สกศ.) เร่อื ง ผลกระทบโลกาภวิ ตั น์ตอ่ การจัดการศึกษาไทย
ในอกี ๕ ปีข้างหนา้ ( เกรียงศักด์ิ เจรญิ วงศ์ศักดิ์ , ๒๕๕๐ ) ซึง่ เปน็ ที่ปรกึ ษาโครงการวิจยั ได้คาดการณ์แนวโนม้
สําคัญของสถาบันอดุ มศกึ ษาไทยไว้หลายประการ
สถาบันอุดมศึกษาแสวงหาเอกลกั ษณ์ดา้ นคุณภาพและความแตกตา่ ง ผเู้ รียนมีความต้องการการศึกษาทม่ี ี
คณุ ภาพและสอดคลอ้ งกับความต้องการของตลาดแรงงาน และผเู้ รียนมโี อกาสเลอื กสถาบันอดุ มศึกษาได้มาก
ขึ้น สง่ ผลให้สถาบันอุดมศึกษาต่างพยายามพฒั นาตนเองให้แขง่ ขันได้ ด้วยเหตนุ ้ีสถาบันอุดมศึกษาจงึ ต้อง
ค้นหาเอกลักษณเ์ ฉพาะท่ถี นดั ทาํ ไดด้ ี มีความเชย่ี วชาญ และมปี ระสทิ ธิภาพทส่ี ดุ เพือ่ ทุ่มทรัพยากรในการ
พฒั นาหลักสูตร การจดั การเรียนการสอน การวจิ ัย
สถาบนั อุดมศกึ ษาจะเชือ่ มโยงเปน็ เครือขา่ ย สภาพของความจํากดั ทางทรัพยากร สง่ ผลใหส้ ถาบนั อุดมศกึ ษา
ต่างมงุ่ สรา้ งเครอื ขา่ ยความรว่ มมอื กับหนว่ ยงานภายหรือสถาบันอุดมศึกษาอน่ื ๆ มากขน้ึ เพ่ือเสริมจุดอ่อนจุด
แขง็ กนั และกัน หรือแลกเปลีย่ นองค์ความรู้
สถาบันอดุ มศึกษาม่งุ จัดการศึกษาเฉพาะทาง มีแนวโนม้ ว่าจะมบี างมหาวิทยาลยั มุง่ จัดการศกึ ษาเฉพาะทเ่ี ป็น
การลงลึกระดับเชี่ยวชาญ อันเปน็ การพัฒนาการจดั การศกึ ษาทม่ี ีคณุ ภาพระดับสูง และเป็นการเพ่ิม
ความสามารถแข่งขนั ให้มหาวิทยาลยั
สถาบนั อุดมศึกษามุ่งผลติ ผลงานวิจยั จากสภาพการแข่งขันของสถาบนั อุดมศึกษาทรี่ นุ แรงขน้ึ สง่ ผลให้
มหาวิทยาลัยบางแหง่ อาจปรับยทุ ธศาสตร์ไปสทู่ ิศการมุ่งผลติ ผลงานวจิ ยั ทมี่ คี ุณภาพ โดยสร้างองค์ความรูแ้ ละ
นวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงการบุกเบกิ การใชเ้ ทคโนโลยีสมัยใหม่ จนเปน็ ทรี่ ู้จักและยอมรับจากนกั ศึกษาทั่วโลก
สถาบนั อุดมศกึ ษาบนเครือข่ายอินเทอร์เนต็ มีการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการสรา้ ง
ความสามารถในการแขง่ ขัน การพัฒนาคณุ ภาพการเรียนการสอน และการผลิตผ้เู รียนให้เป็นที่ต้องการของ
๑๐๘
ตลาดแรงงาน อย่างไรกต็ าม ข้อพึงระวงั ในการจัดการศึกษารูปแบบนี้ คือ คณุ ภาพการจัดการศึกษา
สถาบันอดุ มศกึ ษาท่ีใช้หลักสตู รต้นแบบจากตา่ งประเทศ การขยายตวั ดา้ นการลงทนุ ทางการศึกษาทแ่ี ข่งขัน
มากขนึ้ สถาบันอดุ มศึกษาท่ีมีช่อื เสยี งระดับโลกพยายามทาํ ตลาดการศึกษาไปยังประเทศต่าง ๆ รวมถึง
ประเทศไทย ในขณะที่คนในสังคมไทยตา่ งต้องการหลกั สูตรการศึกษาที่มคี ุณภาพท่ีมีความน่าเชอื่ ถือระดับ
สากล หรอื อาจเป็นการเปดิ หลักสตู รร่วมกนั ระหวา่ งมหาวิทยาลัยในประเทศไทยกับมหาวทิ ยาลัยทีม่ ีชือ่ เสยี งใน
ต่างประเทศ เป็นตน้
สถาบนั อุดมศึกษาไทยยังไมส่ ามารถขยายตลาดการศกึ ษาไปยงั ต่างประเทศ การเปิดเสรีทางการศึกษาของไทย
ยงั ไม่มีความพรอ้ มเพียงพอ ความสามารถในการแข่งขนั กับสถาบนั อุดมศกึ ษาจากต่างประเทศทม่ี คี ุณภาพ
มากกวา่ สถาบันอดุ มศกึ ษาที่มงุ่ เชงิ พาณิชยม์ ากข้ึน การเปลี่ยนแปลงสถาบันอุดมศึกษาเป็นมหาวทิ ยาลยั ใน
กาํ กบั ส่งผลให้สถาบันอุดมศึกษาไทยต้องพึง่ ตัวเองมากข้นึ โดยพฒั นาไปสู่การดาํ เนินกจิ การเชงิ พาณิชย์มากขึน้
โดยเฉพาะในกล่มุ สถาบนั อุดมศึกษาเอกชน ท่ตี ้องหารายไดเ้ ล้ียงตัวเองมากกวา่ สถาบนั อดุ มศกึ ษาของรัฐ ดงั จะ
เห็นไดจ้ ากมหาวิทยาลัยในประเทศไทยหลายแห่งในปัจจบุ ัน ตา่ งหาช่องทางที่จะนํารายไดเ้ ขา้ สมู่ หาวทิ ยาลยั ใน
รูปแบบตา่ ง ๆ เชน่ การจัดทําโฆษณา การเปิดหลกั สูตรปริญญาโท ปริญญาเอก
๑๐๙
๓. แนวโน้มการพฒั นาหลกั สตู รในศตวรรษท่ี ๒๑
คณุ ลกั ษณะท่ีสาํ คัญของผู้เรียนในศตวรรษที่ ๒๑
จากแนวคิดขององคก์ ร ผูท้ ี่เกยี่ วขอ้ ง และนักการศึกษาข้างต้นแสดงให้เห็นถงึ คุณลักษณะของผ้เู รยี นใน
ศตวรรษท่ี ๒๑ ท่คี วรจะได้รบั การพฒั นามี ๓ องค์ประกอบหลักดังน้ี
๑. ด้านความรู้ ความรทู้ ่คี วรไดร้ ับการส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนในศตวรรษที่ ๒๑ ประกอบด้วย จิตสํานึกต่อโลก
การเงิน เศรษฐกิจ ธุรกจิ และการเป็นผ้ปู ระกอบการ ความเป็นพลเมือง วฒั นธรรมมนษุ ย์และโลกทางกายภาพ
และโลกธรรมชาติ สขุ ภาพและสวัสดิภาพ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ความรพู้ น้ื ฐาน
เชิงทัศนาการ” (visual literacy) ความรู้พนื้ ฐานทางข้อมลู ขา่ วสาร ความรพู้ ื้นฐานทางพหวุ ฒั นธรรม
(multicultural literacy) และความรู้พื้นฐานในเร่ืองปรมิ าณ
๒. ด้านทกั ษะการเรียนรแู้ ละการคดิ ทักษะการเรียนรู้และการคิดที่ควรได้รับการส่งเสริมใหผ้ ู้เรียนในศตวรรษท่ี
๒๑ ประกอบด้วย ความอยากร้/ู จติ แห่งวทิ ยาการ (Disciplined Mind) การคิดระดบั สงู การคิดเชงิ วิพากษ์
ทักษะการแกป้ ญั หา จดั การและแก้ไขความขดั แย้ง ทกั ษะการสังเคราะห์ (Synthesizing Mind) ทักษะการคิด
เชงิ สร้างสรรค์และผลิตนวตั กรรม ทกั ษะการทํางานเปน็ ทีม/การทํางานรว่ มกนั /การสรา้ งเครอื ข่าย ทักษะ
ปฏสิ ัมพันธร์ ะหว่างบคุ คล/การเรยี นรู้แบบมีสว่ นรว่ ม ทักษะการเรยี นร้ตู ามบริบท ทักษะด้านไอซีที ทกั ษะการ
ใช้วธิ กี ารเรียนรู้ ทักษะการใช้ข้อมูลข่าวสารและการส่ือสาร ทักษะการผลิตนวัตกรรม ทกั ษะการจดั ลาํ ดับ
ความสาํ คัญ ทักษะการวางแผนและการจัดการเพือ่ มุ่งผลลพั ธ์ ทกั ษะการใช้เคร่ืองมือจรงิ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
ทักษะการสร้างผลผลติ ท่มี ีคุณภาพและเหมาะสม ทักษะการตง้ั คําถามและการวิเคราะห์ ทักษะการหาแนวโน้ม
และคาดการณ์ความเป็นไปได้ และทักษะการร้คู ิด
๓. ด้านทกั ษะชวี ติ ทักษะชีวิตทส่ี ําคัญท่ีควรสง่ เสรมิ ใหผ้ ูเ้ รยี นในศตวรรษท่ี ๒๑ ประกอบดว้ ย ความเป็นผูน้ าํ
ความสามารถในการปรบั ตัว การใช้เหตุผลท่ดี ี ความรับผดิ ชอบต่อตนเอง สังคม และในฐานะพลเมือง การ
เขา้ ถึงคน/การเจรจา การสร้างความสมั พนั ธ์อนั ดกี ับผู้อื่น ความสามารถในการช้ีนาํ ตนเอง ความกลา้ เส่ียง การ
จัดการความซับซ้อน การรูจ้ ักเพ่มิ พนู ประสิทธผิ ลของตนเอง ความสามารถในการสื่อสารแบบโตต้ อบ/การ
โต้ตอบโดยอสิ ระ การมสี ว่ นร่วมในฐานะพลเมือง ในระดับท้องถ่นิ และโลก ความเป็นพลเมืองดิจติ อล (digital
citizenship) จิตแห่งความเคารพ(Respectful Mind)และจิตแหง่ จริยธรรม (Ethical Mind)
๑๑๐
แนวโนม้ ด้านบวก
๑. หลักสตู รใหม่เกดิ ข้ึนจาํ นวนมาก จากการเปล่ียนแปลงและการแข่งขันในดา้ นเศรษฐกิจและ อตุ สาหกรรม
ทาํ ให้คนในสงั คมต้องการเพิ่มความรู้ความสามารถใหท้ นั ต่อการเปล่ยี นแปลง จึงหนั มาสนใจศึกษาต่อใน
หลักสตู รที่ตอบสนองต่อการเปลีย่ นแปลงของเศรษฐกิจ ดังนั้น เพอ่ื ตอบสนองตอ่ ความต้องการของคนในสงั คม
สถาบนั การศึกษาจึงม่งุ พัฒนาหลกั สูตรใหม่ ๆ อาทิ หลักสูตรท่ีบูรณาการระหวา่ งสองศาสตรข์ ึ้นไป เช่น ระดับ
อาชีวศึกษาหลักสูตรเดียวจะมีหลายสาขาวิชา เรียนช่างยนตจ์ ะผนวกการตลาดและการบัญชเี ขา้ ไปดว้ ย เปน็
ตน้ หลักสูตรที่ให้ปรญิ ญาบัตร ๒ ใบ และมกี ารพฒั นาหลักสูตรให้ทันสมยั ตลอดเวลา
๒. หลกั สตู รนานาชาตมิ แี นวโนม้ มากขึ้น เน่ืองจากสภาพยุคโลกาภิวัตนท์ ี่มกี ารเชอ่ื มโยงด้านการคา้ และการ
ลงทนุ ทําใหต้ ลาดแรงงานในอนาคตต้องการคนทม่ี คี วามสามารถด้านภาษาต่างประเทศ ส่งผลใหค้ วามตอ้ งการ
การศกึ ษาทเี่ ป็นภาษาสากลมีมากขนึ้ ทสี่ าํ คัญการเปดิ เสรีทางการศึกษา ยงั เป็นโอกาสให้สถาบันการศึกษาจาก
ต่างประเทศเข้ามาจัดการศกึ ษาในประเทศไทย และเปดิ หลักสตู รภาษาตา่ งประเทศ เช่น ภาษาองั กฤษ
ภาษาจีน ภาษาญปี่ ุน่ ฯลฯ ย่งิ มีสว่ นกระตนุ้ ให้หลกั สตู รการศึกษานานาชาติมแี นวโนม้ ไดร้ บั ความนิยมมากขึ้น
แต่เนอ่ื งจากหลักสตู รนานาชาตมิ ีคา่ ใชจ้ ่ายสูง ดงั น้นั การเรียนในหลกั สูตรนีย้ งั คงจํากัดอยใู่ นกลุม่ ผเู้ รยี นท่ีมี
ฐานะดี
๓. การจดั การศึกษามีความเป็นสากลมากขน้ึ สภาพโลกาภิวัตนท์ ี่มีการเชื่อมโยงในทุกด้านรว่ มกนั ทวั่ โลก สง่ ผล
ใหเ้ กิดการเคลอ่ื นยา้ ยองคค์ วามรู้ กฎกติกา การดําเนนิ การด้านต่าง ๆ ทง้ั การค้า การลงทุน การศกึ ษา
เศรษฐกจิ สงั คม และวัฒนธรรม เช่ือมตอ่ ถึงกัน ประกอบการเปิดเสรีทางการศกึ ษา ส่งผลให้เกดิ การหล่ังไหล
หลักสูตรการเรยี นการสอน บุคลากรด้านการสอน หลักสตู ร จากสถาบันการศึกษาตา่ งประเทศเข้าส่ไู ทย อันมี
ผลทาํ ให้เกิดการเปรยี บเทยี บและผลกั ดนั ใหส้ ถาบนั การศึกษาไทยตอ้ งพัฒนาการจัดการศึกษาทีม่ ีความเปน็
สากลท่เี ปน็ ท่ยี อมรบั อีกทง้ั การเปิดเสรที างการค้าและการลงทุนกับนานาประเทศของไทย ไดส้ ง่ ผลใหเ้ กดิ
ความต้องการการศกึ ษาท่ีมีคุณภาพทดั เทยี มในระดบั สากล
๔.ความเหล่อื มลํ้าดา้ นโอกาสทางการศกึ ษาลดลง เนื่องจากสภาพการเรียกร้องสทิ ธิมนุษยชนทีเ่ ปน็ กระแส
ระดบั โลกเกดิ ขนึ้ ควบคู่กับคล่ืนประชาธิปไตยแผ่ขยายวงกว้างถงึ ไทย รัฐธรรมนญู ฉบบั ใหม่ทสี่ ง่ เสรมิ การเพม่ิ
สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชน อีกทงั้ สภาพการใชเ้ ทคโนโลยสี ่งเสรมิ การเรยี นการสอน ทาํ ให้ช่องทางการเผยแพร่
ข้อมลู ข่าวสารเข้าถงึ คนได้อย่างกว้างขวาง อยา่ งไรก็ตาม อาจเปน็ ได้ว่าความเหล่ือมลํา้ ด้านโอกาสทาง
การศึกษาจะลดลงในกลุม่ สถาบันการศึกษาของรฐั สว่ นการจดั การศกึ ษาโดยสถาบันการศึกษาเอกชน ผเู้ รยี นท่ี
ครอบครวั มีรายได้น้อยอาจเข้ารับบริการทางการศึกษาได้ลดลง เนอื่ งจากคา่ เลา่ เรยี นแพง
๑๑๑
๕.โอกาสรบั บรกิ ารทางการศึกษาท่ีมีคุณภาพเพ่มิ ขน้ึ เมือ่ เปดิ เสรีทางการศกึ ษา จะก่อเกิดการแข่งขนั ในการจัด
การศกึ ษาทงั้ จากสถาบนั การศึกษาทง้ั ในและตา่ งประเทศมากขน้ึ หากพิจารณาในแงบ่ วก การเปิดเสรีทางการ
ศึกษา เปน็ การสรา้ งโอกาสให้คนไทยไดร้ บั การศกึ ษาท่ีมีคุณภาพ เนอ่ื งด้วยสถาบันแตล่ ะแห่งจะแข่งดา้ น
คณุ ภาพมากขึน้ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ สถาบันอดุ มศึกษา คุณภาพการศึกษาจะเพิ่มข้นึ ค่อนข้างมาก เนื่องจากการ
เปิดเสรีทางการศึกษา ท่ีเปิดโอกาสให้สถาบนั อุดมศึกษาต่างชาติเข้ามาเปิดการเรียนการสอน จึงเปน็ แรงกดดัน
ใหส้ ถาบันอุดมศึกษาไทยต้องพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาให้สูงขึ้น
แนวโน้มดา้ นลบ
๑.การเพ่มิ ช่องว่างด้านคุณภาพในการจัดการศึกษา แมว้ า่ สภาพการแขง่ ขันทางการศึกษาจะเปน็ แรงผลกั ให้
สถาบันการศึกษาตา่ ง ๆ เร่งพัฒนาคุณภาพการจัดการเรยี นการสอนมากข้ึน แตเ่ นอ่ื งจากทรพั ยากรต้ังต้นของ
แตล่ ะสถาบนั การศึกษามคี วามแตกตา่ งกัน ไม่ว่าจะเป็นความรูค้ วามสามารถและปริมาณของบคุ ลากร
การศกึ ษา งบประมาณ เงนิ ทุน เทคโนโลยี สถานท่ี ความมีชอื่ เสยี ง ฯลฯ สง่ ผลใหโ้ อกาสพัฒนาคณุ ภาพ
การศึกษาย่อมแตกต่างกนั ด้วย โดยเฉพาะสถาบนั การศึกษาขนาดเลก็ หรอื สถาบันการศึกษาทย่ี ังไม่มีความ
พร้อม/มที รัพยากรต้ังต้นไมม่ าก ย่อมไม่มศี กั ยภาพเพียงพอในการพัฒนาคุณภาพมากนัก
๒.การผลิตบัณฑิตเกนิ ความต้องการของตลาด เนอื่ งจากความต้องการศึกษาตอ่ ในระดบั อุดมศึกษามีสูงข้ึน
และการพัฒนาไปสกู่ ารเป็นมหาวทิ ยาลยั ในกํากับของรัฐที่ตอ้ งหาเลยี้ งตนเอง มีอสิ ระในการบริหารและเปิด
หลักสตู รเพื่อหาผู้เรียนเขา้ เรยี นใหไ้ ดจ้ ํานวนมาก สิ่งเหล่าน้ีจะสง่ ผลกระทบระยะยาวคือ มีบณั ฑติ จบเปน็
จาํ นวนมากเข้าส่ตู ลาดแรงงานไม่สามารถรองรับได้หมด โดยกลุ่มแรงงานระดบั อดุ มศกึ ษาที่ไม่มคี ุณภาพหรอื ไม่
จบจากสาขาท่ีตลาดแรงงานต้องการ จะถูกผลกั สูแ่ รงงานนอกระบบ หรอื หาทางออกโดยเรยี นต่อระดับสูงขนึ้
ซึง่ อาจกอ่ เกิดภาวะแรงงานระดบั ปริญญาโทและเอกไม่มคี ุณภาพและลน้ ตลาดตามมาเชน่ กนั
๓.การสอนทกั ษะการคิดและทักษะทางอารมณย์ ังไมม่ ีคณุ ภาพ สภาพเศรษฐกจิ ท่มี ุง่ แขง่ ขัน ทาํ ให้การจัด
การศกึ ษามงุ่ พัฒนาทางวชิ าการเป็นสําคัญ ในขณะท่รี ะบบการศึกษาไทยยงั ไมส่ ามารถพัฒนาทักษะการคดิ ของ
ผเู้ รยี นได้เท่าท่ีควร เนอ่ื งจากการเรียนการสอนยังมุ่งสอนให้ผเู้ รียนคิดตามสิ่งทีผ่ ูส้ อนปอ้ นความรมู้ ากกวา่ การ
คิดสง่ิ ใหม่ ๆ ประกอบกบั ครูผสู้ อนมภี าระงานมาก จนส่งผลตอ่ การพฒั นาบคุ คลในดา้ นอื่น เช่น การพฒั นาเชงิ
สังคม รวมถงึ การพัฒนาทกั ษะทางอารมณ์ นอกจากน้ี การใช้เทคโนโลยใี นกจิ วตั รประจาํ วันหรือใชใ้ นการเรยี น
การสอนทําให้การปฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งครกู ับศิษยล์ ดลง ส่งผลให้ช่องทางการพฒั นาทักษะทางอารมณ์และ
ทักษะทางสังคมของผู้เรยี นลดลงด้วย
๑๑๒
๔.การสอนคณุ ธรรมจริยธรรมยงั ไม่มีคุณภาพ แนวคดิ ของทุนนิยมทีม่ งุ่ แขง่ ขันไดแ้ พรก่ ระจายไปท่วั โลก สง่ ผล
ให้ผูค้ นต่างมุ่งแขง่ ขนั และพัฒนาความรู้ความสามารถ เพ่ือความกา้ วหน้าในหน้าท่ีการงานและมีชีวิตความ
เปน็ อย่ทู ดี่ ีข้ึน ประกอบกับสถาบนั การศึกษาจํานวนมากม่งุ พัฒนาความรทู้ างวชิ าการ และประเมนิ ผลการเรยี น
ทีค่ วามสามารถทางวิชาการ จนอาจละเลยการพฒั นาผเู้ รยี นใหม้ คี ุณธรรมจริยธรรม นอกจากนี้ การไม่ได้มี
ผ้สู อนทีร่ ู้เชีย่ วชาญด้านการสอนคณุ ธรรมจรยิ ธรรมโดยตรงหรอื มีคุณภาพ ยอ่ มสง่ ผลตอ่ คุณภาพการสอนของ
วิชาคุณธรรมจริยธรรมได้
๕.การสอนภาษาตา่ งประเทศยงั ไมม่ ีคณุ ภาพ ยงิ่ กา้ วส่โู ลกไร้พรมแดนมากข้ึนเท่าใด ผู้มีความรู้ด้าน
ภาษาต่างประเทศ เชน่ ภาษาอังกฤษ หรอื ภาษาจนี ที่ผู้คนส่วนใหญใ่ นโลกใช้ติดต่อส่ือสาร เจรจาตอ่ รอง การค้า
การศกึ ษา ฯลฯ ย่อมมีความได้เปรยี บ ทั้งในเรื่องการติดต่อสอ่ื สารและความกา้ วหนา้ ในหนา้ ที่การงาน อยา่ งไร
ก็ตาม ปญั หาที่พบคอื การสอนภาษาองั กฤษ และภาษาต่างประเทศของไทยยงั ไม่มคี ุณภาพเท่าที่ควร
เนื่องจากครผู สู้ อนมีความสามารถด้านภาษาต่างประเทศค่อนข้างตาํ่ โดยเฉพาะครผู ้สู อนในระดบั การศกึ ษาขั้น
พนื้ ฐาน ครจู าํ นวนมากไม่ได้จบเอกภาษาองั กฤษโดยตรง และมีแนวโนม้ ว่าในอีก 5 ปขี ้างหน้า การพฒั นาการ
สอนทักษะภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษแม้ปัจจบุ นั จะตนื่ ตัวมากขน้ึ แตย่ งั ไม่กา้ วหนา้ ไปมาก
เทา่ ทีค่ วร เพราะทรัพยากรด้านบคุ ลากรสอนภาษาตา่ งประเทศนข้ี าดแคลนมาก
เพอ่ื ให้สอดคล้องกบั การเล่ยี นแปลงที่จะเกิดขนึ้ ในอนาคต ดังนัน้ หลักสูตรและการสอนจึงจาํ เปน็ ต้องมีการ
พัฒนาและเปลย่ี นแปลง เพ่ือตอบสนองการเรยี นรูใ้ หม่ ๆ ของผเู้ รียนทีจ่ ะเกดิ ขึน้ โดยมีกระบวนการในการ
เปลีย่ นแปลง ดังนี้
การกําหนดความมุ่งหมายของหลักสตู ร
การให้การศึกษาแก่เยาวชนทั้งประเทศจําต้องใช้หลักสตู รหลาย ๆ หลกั สูตร เช่น หลกั สูตรในระดบั ประถม
หลักสูตรในระดับมัธยม และหลักสูตรในระดับอดุ มศึกษา เป็นตน้ หลกั สตู รแต่ละระดบั นี้สนองความต้องการ
ของกลุ่มเยาวชนท่ีมสี ภาพทางจิตใจ รา่ งกาย มีความสามารถในการเรยี นรู้ และมคี วามต้องการทางการศึกษา
แตกตา่ งกนั ออกไป ดงั น้ันหลักสูตรแต่ละหลักสตู รจงึ ต้องมีความมงุ่ หมายที่แสดงถึงเอกลักษณ์และวัตถุประสงค์
ท่แี ตกต่างกันออกไปด้วย อยา่ งไรก็ตาม ความมุ่งหมายของหลักสตู รแต่ละระดบั ควรสอดคลอ้ งและเสริมความ
มุ่งหมายทางการศึกษาในระดับชาติ กิจกรรมแรกนีเ้ ป็นความพยายามทีจ่ ะหาคําตอบต่อคําถามท่ีวา่ “จะให้
การศกึ ษาไปเพ่ืออะไร” ผูพ้ ฒั นาหลักสูตรจะตอบคาํ ถามน้ีได้อยา่ งถูกต้องก็ต่อเมือ่ ไดท้ าํ การสํารวจและวจิ ยั
ขอ้ มลู ด้านต่าง ๆ เกยี่ วกบั ปัญหาหรือความต้องการอยา่ งแท้จรงิ ของสังคมเสียก่อน
๑๑๓
การเลอื ก การจดั เนื้อหาวชิ าและประสบการณ์
เมื่อได้กาํ หนดแล้ววา่ ความมุ่งหมายของหลกั สูตรมีอะไรบา้ ง กจิ กรรมขัน้ ทส่ี องในการพฒั นาหลกั สตู รคือ การ
เลือกสรรวชิ าความร้แู ละประสบการณต์ ่าง ๆ ที่คาดว่าจะช่วยให้ผเู้ รยี นพฒั นาไปสู่จุดมุง่ หมายที่กาํ หนดไว้ เมอ่ื
เลอื กเนื้อหาวชิ าและประสบการณ์มาแลว้ ผ้พู ฒั นาหลกั สตู รยงั ตอ้ งพจิ ารณาต่อไปอีกว่า เนื้อหาสาระอะไรควร
ไปสอนก่อนหรือสอนหลงั เพื่อให้ผู้เรยี นสามารถเรยี นรู้และพัฒนาไปได้อยา่ งสัมฤทธิผลสงู สดุ
การนําเอาหลกั สตู รไปใช้
การนําเอาหลักสูตรไปใช้ หมายถึง การทีผ่ บู้ รหิ ารโรงเรยี นและครู นําเอาโครงการของหลกั สูตรทีเ่ ป็นรปู เล่ม
เหลา่ นั้นไปปฏิบตั ใิ ห้เกดิ ผล ขั้นตอนท่สี ามนร้ี วมถงึ การบริหารงานทางดา้ นวชิ าการของโรงเรียน เพอ่ื อํานวยให้
ครูและนักเรยี นสามารถสอนและเรียนได้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสดุ
การประเมินผลหลักสตู ร
การประเมนิ ผลหลักสตู รคือ การหาคําตอบวา่ หลักสตู รสมั ฤทธิผลตามที่กําหนดไว้ในความม่งุ หมายหรือไม่
มากน้อยเพียงไร และอะไรเป็นสาเหตุ การประเมินหลักสูตรเป็นงานทล่ี ะเอยี ด ต้องการผู้ทมี่ ีความรู้ทั้งในเรื่อง
ของหลกั สูตรและการประเมินผล
การปรบั ปรุงหลกั สตู ร
กระบวนพัฒนาหลักสูตรมีลักษณะเปน็ วฏั จกั ร เรมิ่ ตน้ ด้วยการกาํ หนดความมุ่งหมาย เลือกและจัด
เนือ้ หาวิชาและประสบการณ์ใหส้ อดคล้องกับความมงุ่ หมาย นําหลักสูตรไปปฏิบตั ใิ หเ้ กิดผลตามทมี่ งุ่ หมายไว้
ประเมินผลหาข้อบกพร่องของกระบวนการนี้ และนําเอาผลทไ่ี ดไ้ ปปรับปรงุ หลักสตู ร การปรบั ปรุงหลักสูตรจงึ
เริม่ ตน้ ดว้ ยกระบวนการและขั้นตอนเดิมอกี คอื ปรบั ปรงุ ความมุง่ หมาย เมื่อความมุ่งหมายซ่งึ เป็นแม่บท
เปลย่ี นไป กระบวนการทีเ่ หลือก็ต้องถูกเปล่ียนแปลงให้สอดคลอ้ งรบั กนั จนมาถึงการประเมินผลหลักสตู ร และ
นําเอาข้อมลู ท่ีไดจ้ ากการประเมินผลไปปรับปรุงหลักสูตรอกี เป็นวัฏจกั รวนเวียนต่อเนอ่ื งกันนอกจากหลักสูตร
การศึกษาท่เี ปลย่ี นแปลงไปตามยุคสมยั แลว้ สิ่งทส่ี ําคัญอีกอย่างหนึง่ ในการจัดการเรียนการสอนน้ัน คงหลีกไม่
พ้นนวตั กรรมหรือส่ือการสอน ทีค่ รูผสู้ อนควรคาํ นงึ ถึง และเลือกให้เหมาะสมกบั การศกึ ษาในยคุ ศตวรรษที่ ๒๑
ซึ่งการเลือกใชน้ วตั กรรมการศึกษา มีปัจจยั สาํ คัญ (Factors affecting the implementation of
innovations) ดงั น้ี
๑๑๔
๑.ประสิทธิภาพ (Efficiency) ต้องคาํ นงึ ว่า นวตั กรรมท่ีนํามานั้นมปี ระสิทธภิ าพต่อการที่จะนํามาใช้ในการ
จดั การเรียนการสอนหรือไม่ นวตั กรรมจะสามารถช้วยให้ผู้เรยี นเรยี นรตู้ รงตามวัตถปุ ระสงค์ตามทเี่ ราวางไวไ้ ด้
มากน้อยเพยี งใด
๒.ประสิทธิผล (Productivity) การเลอื กนวัตกรรม มาใช้ในการจดั การเรียนการสอนใหบ้ รรลจุ ดุ ประสงค์
ครูผสู้ อนจาํ เปน็ ต้องคาํ นึงดว้ ยวา่ นวตั กรรมที่นํามาน้นั จะเกิดผลต่อผู้เรียนในดา้ นใด
๓.ประหยดั (Economy) ในการเลือกใชน้ วัตกรรมและเทคโนโลยีเขา้ มาชว่ ยในการจัดการเรียนการสอน ต้อง
คํานงึ ถึงสภาพความเหมาะสมตามฐานะแลว้ จะต้องประหยัด น่ันคือ ประหยัดทั้งเงินประหยัดเวลา และ
ประหยัดแรงงาน
๑๑๕
๓.๑ หลักสตู รปฐมวัย พทุ ธศักราช ๒๕๖๐
๑๑๖
ปรัชญาการศกึ ษาปฐมวยั
การศึกษาปฐมวัย เปน็ การพัฒนาเดก็ ตัง้ แต่แรกเกดิ ถึง 6 ปีบริบูรณ์ อยา่ํ งเปน็ องคร์ วม บนพนื้ ฐานกํารอ
บรมเลย้ี งดูและการสง่ เสริม กระบวนการเรียน รทู้ ีส่ นองต่อธรรมชาติ และพฒั นาการตาม วัยของเดก็ แตล่ ะคน
ใหเ้ ตม็ ตาํ มศักยภาพ ภายใต้บริบทสงั คมและ วฒั นธรรมทเี่ ด็กอาศัยอยู่ ดว้ ยความรัก ความเอ้ืออาทร และความ
เข้าใจของทุกคน เพอ่ื สรา้ งรากฐานคณุ ภาพชวี ิตใหเ้ ดก็ พฒั นา ไปสูค่ วามเปน็ มนุษยท์ ีส่ มบรู ณ์ เกดิ คุณคา่ ต่อ
ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม และ ประเทศชาตเิ ด็กทกุ คนมีสทิ ธทิ จี่ ะไดร้ บั กํารอบรมเล้ียงดูและการส่งเสริม
พฒั นาการ ตํามอนุสัญญาวา่ ด้วยสิทธิเดก็ ตลอดจนไดร้ บั การจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้อย่าง เหมาะสม ดว้ ย
ปฏสิ มั พันธ์ท่ดี รี ะหวา่ งเด็กกบั พ่อแม่ เด็กกับผู้สอน เด็กกบั ผู้เลย้ี งดู หรอื ผู้ทเ่ี กี่ยวข้องกบั กํารอบรมเล้ยี งดู
การพฒั นา และให้กํารศึกษาแกเ่ ด็กปฐมวยั เพ่ือใหเ้ ด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตํามลาํ ดบั ขั้นของพฒั นาการทกุ
ด้านอย่างเป็นองค์รวม มีคุณภาพ และเต็มตํามศกั ยภาพ โดยกําหนดหลักกําร ดังนี้
๑. ส่งเสริมกระบวนกาํ รเรยี นรูแ้ ละพัฒนาการท่ีรอบคลมุ เด็กปฐมวยั ทุกคน
๒. ยึดหลกั การอบรมเลย้ี งดูและให้การศกึ ษาที่เน้นเด็กเป็นสําคญั โดยคํานึงถึง ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล
และวถิ ีชีวติ ของเด็ก ตามบริบทของชุมชน สงั คม และ วัฒนธรรมไทย
๓. ยดึ พฒั นาการ และการพฒั นาเด็กโดยองค์รวม ผา่ นการเล่นอย่างมีความหมาย และมีกิจกรรมท่หี ลากหลาย
ได้ลงมือกระทาํ ในสภาพแวดลอ้ มท่เี อ้ือต่อการเรยี นรู้ เหมาะสมกบั วยั และมีการพักผอ่ นเพยี งพอ
๔. จัดประสบการณก์ ารเรยี นร้ใู หเ้ ด็กมที ักษะชีวิต และสามารถปฏบิ ตั ติ น ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง เป็นคนดี มวี นิ ยั และมีความสุข
๕. สร้างความรู้ ความเข้าใจ และประสํานความร่วมมอื ในกํารพัฒนาเด็ก ระหว่างสถานศึกษากบั พอ่ แม่
ครอบครัว ชุมชน และทุกฝา่ ยท่เี ก่ยี วข้องกบั กํารพฒั นาเด็กปฐมวัย
การอบรมเล้ยี งดูและการพฒั นาเด็ก หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั สาํ หรบั เดก็ อายตุ าํ่ กว่า ๓ ปี แบ่งการอบรม
เล้ยี งดูและการพฒั นาเด็ก ออกเปน็ ชว่ งอายุ ประกอบด้วย ช่วงอายแุ รกเกิด - ๒ ปี เปน็ แนวปฏิบตั ิการอบรม
เลย้ี งดูตามวิถชี วี ิตประจาํ วัน โดยพ่อแมแ่ ละผ้เู ลี้ยงดู และชว่ งอายุ ๒ - ๓ ปี เปน็ แนวปฏิบตั กิ ารอบรมเลยี้ งดู
และสง่ เสริมพัฒนาการและ การเรยี นรู้โดยพอ่ แมแ่ ละผูเ้ ลย้ี งดู แต่ละช่วงอายมุ ีรายละเอยี ด ดังน้ี ช่วงอายุแรก
เกิด - ๒ ปี แนวปฏบิ ัติกํารอบรมเลย้ี งดตู ามวถิ ีชีวติ ประจาํ วันโดยพอ่ แมแ่ ละผูเ้ ลยี้ งดู สาํ หรบั เดก็ ช่วงอายุแรก
เกดิ - ๒ ปี เน้นการอบรมเล้ยี งดตู าํ มวิถีชีวติ ประจําวัน และส่งเสริมพฒั นาการทุกด้าน ได้แก่ ด้านร่างกาํ ย
ส่งเสรมิ ให้เด็กได้ใช้ร่างกายตามความสามารถ ดา้ นอารมณ์ จติ ใจ ส่งเสริมการตอบสนองความตอ้ งการของเด็ก
อย่างเหมาะสม ภายใต้สภาพแวดล้อมที่อบอนุ่ และปลอดภยั ด้านสงั คม สง่ เสริมให้เด็กมีปฏสิ มั พันธ์ กับบคุ คล
ใกลช้ ิด และดา้ นสติปญั ญา ส่งเสรมิ ใหเ้ ดก็ ได้สังเกตส่ิงตา่ งๆ รอบตัว เพอื่ สร้างความเข้าใจ และใช้ภาษาเพื่อการ
สอ่ื สาร สง่ เสรมิ การคดิ และการแกป้ ญั หาท่ีเหมาะสมกับวัย การอบรมเลีย้ งดูตามวถิ ีชวี ติ ประจาํ วนั สําหรบั เดก็
๑๑๗
ชว่ งอายแุ รกเกิด - ๒ ปี มีความสําคัญอย่างย่งิ ต่อ การวางรากฐานชีวิตของเด็ก ทง้ั ทํางรา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ
สังคม และสตปิ ญั ญา การจัดกจิ กรรมในแตล่ ะวัน ควรจัดให้สอดคล้องกบั ความต้องการ ความสนใจ และ
ความสามารถตามวัยของเด็ก โดยผ่านการอบรมเล้ียงดู ตามวิถชี ีวติ ประจําวนั และการเล่นตามธรรมชาติของ
เด็ก โดยมีแนวปฏบิ ัติการอบรมเล้ยี งดตู ามวิถชี ีวติ ประจําวัน ดังนี้
๑. การฝากสุขนสิ ยั และลกั ษณะนสิ ยั ทด่ี ีเปน็ การสร้างเสริมสุขนสิ ัยทด่ี ีในการรบั ประทานอาหาร การนอน การ
ทาํ ความสะอาดรา่ งกาย การขับถ่าย ตลอดจนปลกู ฝังลักษณะนิสยั ที่ดใี นการดแู ลสุขภาพอนามัย ความ
ปลอดภัย และการแสดงมารยาทท่ีสภุ าพ นมุ่ นวลแบบไทย
๒. การเคลือ่ นไหวและการทรงตัว เปน็ การส่งเสรมิ การใช้กลา้ มเนอื้ แขนกบั ขามือกับนว้ิ มือ และสว่ นตา่ งๆ ของ
ร่างกายในการเคลื่อนไหวหรือออกกําลังกายทุกส่วน โดยการจดั ใหเ้ ด็กไดเ้ คล่อื นไหว ทง้ั กล้ามเนือ้ ใหญ่
กลา้ มเนอ้ื เล็ก และตามความสามารถของวยั เช่น ควํ่า คลาน ยืน เดนิ เล่นนิว้ มือ เคลอ่ื นไหว ส่วนต่างๆ ของ
รา่ งกายตามเสียงดนตรี ปีนป่ายเคร่อื งเล่นสนามเดก็ เล็ก เล่นม้าโยก ลากจูงของเล่นมลี ้อ ขี่จกั รยานทรงตวั ของ
เดก็ เล็ก โดยใช้เทา้ ช่วยไถ
๓. การฝากการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือ - ตา เปน็ กํารฝากความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมือ นว้ิ มือ ให้พร้อมท่ี
จะหยิบจับ ฝากการทาํ งานอย่างสมั พนั ธ์กนั ระหว่างมือ - ตา รวมทง้ั ฝากใหเ้ ด็กร้จู ักคาดคะเน หรือ กะระยะ
ทํางของสิง่ ตา่ งๆ ท่อี ยู่รอบตวั เทยี บกบั ตนเองในลักษณะใกลก้ ับไกล เช่น มองตามเครื่องแขวน หรือโมบายทีม่ ี
เสยี งและสี (สาํ หรบั ขวบปแี รก ควรเปน็ โมบายสขี าวดาํ ) ร้อยลูกปดั ขนาดใหญ่ เลน่ หยอดบล็อก รปู ทรงลงกล่อง
ตอกหมุด โยนรบั ลกู บอล เลน่ นํ้า เลน่ ป้นั แป้ง ใชส้ เี ทยี นแท่งใหญ่วาดเขยี นขีดเขย่ี
๔. การส่งเสรมิ ดา้ นอารมณ์ จิตใจ เปน็ การส่งเสรมิ การเลี้ยงดูในการตอบสนองความต้องการ ของเด็กด้านจิตใจ
โดยการจัดสภาพแวดล้อมทีส่ ่งเสรมิ ให้เดก็ เกิดความรู้สึกอบอุ่นและมีความสขุ เชน่ สบตา อ้มุ โอบกอด สมั ผสั
การเป็นแบบอย่างที่ดใี นดา้ นการแสดงออกทางอารมณ์ ตอบสนองต่อความรสู้ กึ ทเี่ ด็ก แสดงออกอยา่ งนุ่มนวล
อ่อนโยน ปลกู ฝงั การชนื่ ชมธรรมชาตริ อบตวั
๕. การสง่ เสรมิ ทักษะทางสังคม เปน็ การสง่ เสริมการสร้างความสัมพนั ธก์ บั พ่อแม่ ผเู้ ลีย้ งดู และ บุคคลใกลช้ ดิ
โดยการพดู คุยหยอกล้อหรอื เลน่ กับเดก็ เช่น เล่นจะเอ เลน่ จํ้าจี้ เล่นโยกเยก เลน่ ประกอบคาํ รอ้ ง เชน่ จันทร์
เจา้ เอย แมงมุม ตัง้ ไข่ลม้ หรือพาเด็กไปเดนิ เลน่ นอกบา้ น พบปะเดก็ อน่ื หรอื ผู้ใหญ่ ภายใต้การดูแล อยา่ ง
ใกลช้ ดิ เชน่ พาไปบา้ นญาติ พาไปร่วมกจิ กรรมท่ีศาสนสถาน
๖. การใช้ประสาทสมั ผสั ทง้ั ห้า เป็นการกระตนุ้ การรับรู้ผา่ นประสาทสมั ผสั ทัง้ ห้า ในการมองเหน็ การไดย้ ิน
เสยี ง การลมิ้ รส การได้กลน่ิ และการสัมผัสจับต้องสิง่ ตา่ งๆ ที่แตกต่างกันในด้านขนาด รูปรา่ ง สี น้าํ หนัก และ
ผวิ สมั ผสั เชน่ การเล่นมองตนเองกบั กระจกเงา การเลน่ ของเลน่ ที่มีพืน้ ผิวแตกตา่ งกนั
๑๑๘
๗. การส่งเสรมิ การสํารวจสิง่ ตา่ งๆ รอบตัว เป็นการฝากให้เดก็ เรียนรสู้ ง่ิ รอบตัวผา่ นเหตุการณ์ และส่อื ที่
หลากหลายในโอกาสต่างๆ รู้จักสาํ รวจและทดลองสิง่ ท่ีไม่คุ้นเคย เชน่ มองตามสิ่งของ หันหาทม่ี า ของเสยี ง
คน้ หาส่งิ ของทปี่ ิดซ่อนจากสายตา กจิ กรรมการทดลองง่ายๆ
๘. การสง่ เสรมิ ทักษะทางภาษา เปน็ การฝากให้เด็กได้เปล่งเสียง เลียนเสียงพูดของผู้คน เสียงสตั ว์ ต่างๆ รจู้ กั
ชอื่ เรยี กของตนเอง ชอ่ื อวยั วะสว่ นต่างๆ ของร่างกาย ชือ่ พอ่ แม่หรือผคู้ นใกลช้ ดิ และชื่อสิ่งต่างๆ รอบตัว
ตลอดจนฝากใหเ้ ด็กร้จู กั สื่อความหมายดว้ ยคาํ พูดและทา่ ทาง ชี้ชวนและสอนใหร้ จู้ กั ชือ่ เรียกส่งิ ต่างๆ จากของ
จรงิ อา่ นหนงั สือนิทานภาพ หรอื รอ้ งเพลงง่ายๆ ให้เด็กฟัง
๙. การส่งเสริมจินตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ เป็นการฝากใหเ้ ด็กไดแ้ สดงออกทางความคิด ตาม
จินตนาการของตนเอง เช่น ขีดเขียนวาดรปู อยา่ งอิสระ เล่นบลอ็ ก เล่นของเลน่ สร้างสรรค์ พูดเลา่ เรอื่ งตาม
จนิ ตนาการ เลน่ สมมตุ ิ
๑๑๙
๓.๒ ลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน ปพี ทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศักราช
๒๕๖๐)
๑๒๐
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน มุ่งพัฒนาผเู้ รยี นทุกคน ซ่งึ เป็นกาํ ลัง ของชาตใิ ห้เป็นมนุษย์ท่ีมี
ความสมดลุ ทัง้ ดา้ นร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มจี ิตสาํ นกึ ใน ความเปน็ พลเมืองไทยและเป็นพลโลก ยดึ ม่ันใน
การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอนั มี พระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ มีความรแู้ ละทกั ษะพ้นื ฐาน
รวมท้งั เจตคติ ทจี่ ําเป็นต่อ การศกึ ษาตอ่ การประกอบอาชีพและการศึกษาตลอดชวี ติ โดยมุ่งเนน้ ผู้เรียนเปน็
สําคัญ บนพืน้ ฐานความเชอ่ื ว่า ทุกคนสามารถเรยี นรู้และพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ
หลักการ
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน มหี ลักการท่สี าํ คัญ ดังนี้
๑. เปน็ หลักสูตรการศึกษาเพื่อความเปน็ เอกภาพของชาติ มจี ดุ หมายและมาตรฐาน การเรียนรเู้ ป็นเปา้ หมาย
สาํ หรับพฒั นาเด็กและเยาวชนใหม้ คี วามรู้ ทักษะ เจตคติ และ คณุ ธรรมบนพ้นื ฐานของความเปน็ ไทยควบคกู่ บั
ความเป็นสากล
๒. เป็นหลกั สตู รการศึกษาเพ่ือปวงชน ทป่ี ระชาชนทกุ คนมีโอกาสไดร้ ับการศึกษา อย่างเสมอภาคและมี
คุณภาพ
๓. เป็นหลกั สูตรการศกึ ษาทส่ี นองการกระจายอํานาจ ให้สังคมมสี ว่ นรว่ มในการ จดั การศึกษาให้สอดคล้องกับ
สภาพและความตอ้ งการของท้องถ่ิน
๔. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีมีโครงสร้างยึดหย่นุ ทง้ั ดา้ นสาระการเรียนรู้ เวลาและ การจดั การเรยี นรู้
๕. เป็นหลกั สูตรการศกึ ษาทีเ่ น้นผู้เรียนเปน็ สาํ คัญ
๖. เปน็ หลกั สูตรการศึกษา สําหรับ การศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศยั ครอบคลุมทกุ
กลุม่ เป้าหมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์
จุดมุ่งหมาย
หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน มุ่งพัฒนาผูเ้ รียนใหเ้ ป็นคนดี มีปญั ญา มี ความสุข มีศักยภาพใน
การศึกษาต่อ และประกอบอาชพี จงึ กาํ หนดเป็นจดุ หมายเพอื่ ให้เกดิ กับผเู้ รยี น เมื่อจบการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน
ดังน้ี
๑. มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมท่ีพงึ ประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มวี นิ ัย และปฏิบัตติ นตามหลักธรรม
ของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาทต่ี นนบั ถือ ยดึ หลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียง
๒. มีความรู้ ความสามารถในการส่อื สาร การคดิ การแกป้ ัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทกั ษะชวี ิต
๓. มีสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิตทด่ี ี มีสุขนิสัย และรักการออกกาํ ลังกาย
๔. มีความรักชาติ มจี ติ สาํ นกึ ในความเปน็ พลเมอื งไทยและพลโลก ยึดม่นั ในวิถีชีวิต และการปกครองตาม
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ
๑๒๑
๕. มจี ติ สํานึกในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมและภูมิปญั ญาไทย การอนรุ ักษแ์ ละพฒั นา สงิ่ แวดลอ้ ม มีจิตสาธารณะที่
มงุ่ ทาํ ประโยชนแ์ ละสรา้ งส่งิ ที่ดีงามในสงั คม และอยู่รว่ มกันใน สงั คมอย่างมีความสขุ
สมรรถนะสาํ คัญของผู้เรียน
ในการพฒั นาผเู้ รียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน มุ่งพัฒนาผ้เู รียน ให้มสี มรรถนะสําคัญ ๕
ประการ ดังน้ี
๑. ความสามารถในการส่ือสาร เปน็ ความสามารถในการรับและสง่ สาร มวี ฒั นธรรม ในการใชภ้ าษาถา่ ยทอด
ความคดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเอง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมลู ขา่ วสารและประสบการณ์
อนั จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา ตนเองและสงั คม รวมท้ังการเจรจาตอ่ รองเพ่ือขจัดและลดปญั หาความ
ขัดแยง้ ตา่ งๆ การเลือกรบั หรือไมร่ ับข้อมูลขา่ วสารด้วยหลักเหตผุ ลและความถูกต้องตลอดจนการเลอื กใช้
วธิ กี ารสือ่ สาร ที่มปี ระสิทธภิ าพโดยคาํ นึงถึงผลกระทบท่มี ีต่อตนเองและสังคม
๒. ความสามารถในการคดิ เปน็ ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์ การคดิ สังเคราะห์ การคดิ อย่างสรา้ งสรรค์
การคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ และการคดิ เป็นระบบ เพ่อื นําไปสู่ การสร้างองค์ความรู้หรอื สารสนเทศเพ่ือการ
ตัดสินใจเก่ียวกบั ตนเองและสังคมได้อย่าง เหมาะสม
๓. ความสามารถในการแกป้ ัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอปุ สรรค ต่างๆ ทเี่ ผชิญไดอ้ ยา่ ง
ถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลกั เหตผุ ล คุณธรรมและขอ้ มูล สารสนเทศ เข้าใจความสัมพนั ธแ์ ละการ
เปล่ียนแปลงของเหตกุ ารณ์ต่างๆ ในสงั คม แสวงหาความรู้ ประยกุ ต์ความรูม้ าใช้ในการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหา
และมกี ารตดั สนิ ใจท่ีมี ประสิทธภิ าพ โดยคํานึงถึงผลกระทบ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ต่อตนเอง สังคมและส่ิงแวดล้อม
๔. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ เปน็ ความสามารถในการนาํ กระบวนการ ตา่ งๆ ไปใช้ในการดาํ เนิน
ชีวิตประจําวัน การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทํางาน และการอยูร่ ่วมกนั ในสังคมด้วยการ
สรา้ งเสริมความสมั พนั ธ์อันดรี ะหว่าง บคุ คล การจัดการปัญหาและความขัดแยง้ ต่างๆ อย่างเหมาะสม การ
ปรบั ตัวให้ทนั กับ การเปล่ยี นแปลงของสงั คมและสภาพแวดลอ้ ม และการร้จู กั หลกี เลีย่ งพฤตกิ รรมไม่ พึง
ประสงค์ท่ีสง่ ผลกระทบตอ่ ตนเองและผอู้ ื่น
๕. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านตา่ งๆ และมที กั ษะ
กระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพฒั นาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การส่อื สาร การทาํ งาน การ
แก้ปัญหา อย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสมและมีคณุ ธรรม
๑๒๒
คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
ในการพฒั นาผเู้ รยี นตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน ม่งุ พัฒนาผเู้ รียน ให้มคี ุณลกั ษณะอนั พึง
ประสงค์ เพื่อใหส้ ามารถอยูร่ ่วมกบั ผอู้ น่ื ในสังคมได้อย่างมีความสขุ ทั้งในฐานะพลเมอื งไทยและพลโลก ดงั น้ี
๑. รกั ชาติ ศาสนา กษัตรยิ ์
๒. ซอื่ สัตยส์ จุ รติ
๓. มีวินัย
๔. ใฝ่เรยี นรู้
๕. อยอู่ ย่างพอเพียง
๖. มงุ่ มัน่ ในการทาํ งาน
๗. รักความเปน็ ไทย
๘. มจี ิตสาธารณะ
นอกจากนี้ สถานศึกษาสามารถกําหนดคณุ ลักษณะอันพึงประสงคเ์ พ่ิมเตมิ ให้ สอดคล้องตามบริบทและ
จดุ เน้นของตนเองโดยโรงเรียนเตรียมอดุ มศึกษา เพ่ิมเตมิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คอื
- รู้จกั ปรบั ตวั
- เป็นผู้นํา
มาตรฐานการเรยี นรู้
การพฒั นาผูเ้ รยี นใหเ้ กดิ ความสมดุล ตอ้ งคาํ นึงถงึ หลกั พฒั นาการทางสมองและ พหุปัญญา หลกั สตู รแกนกลาง
การศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน จึงกําหนดใหผ้ ู้เรียนเรียนรู้ ๘ กล่มุ สาระการเรียนรู้ ดังน้ี
๑. ภาษาไทย
๒. คณิตศาสตร์
๓. วทิ ยาศาสตร์
๔. สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
๕. สุขศกึ ษาและพลศึกษา
๖. ศิลปะ
๗. การงานอาชีพและเทคโนโลยี ๘. ภาษาตา่ งประเทศ
๑๒๓
ในแตล่ ะกลุ่มสาระการเรยี นรู้ได้กําหนดมาตรฐานการเรียนรู้เปน็ เป้าหมายสาํ คัญ ของการพัฒนาคณุ ภาพ
ผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรรู้ ะบุส่ิงท่ีผเู้ รียนพึงรูแ้ ละปฏบิ ัติได้ และ มีคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์อย่างไร เมอ่ื จบ
การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน นอกจากน้ันมาตรฐานการเรียนรู้ยงั เปน็ กลไกสําคัญในการขับเคลอื่ นพัฒนาการศึกษาทั้ง
ระบบ เพราะมาตรฐานการเรียนรจู้ ะสะท้อนใหท้ ราบว่าตอ้ งการอะไร จะสอนอย่างไร และประเมนิ อยา่ งไร
รวมท้ังเปน็ เคร่ืองมือในการตรวจสอบเพื่อการประกันคุณภาพการศึกษาโดยใช้ระบบการประเมิน คุณภาพ
ภายในและการประเมินคณุ ภาพภายนอก ซึ่งรวมถึงการทดสอบระดบั เขตพน้ื ที่ การศกึ ษา และการทดสอบ
ระดบั ชาติ ระบบการตรวจสอบเพ่อื ประกนั คณุ ภาพดังกล่าว เป็นส่ิงสาํ คญั ที่ช่วยสะท้อนภาพการจดั การศึกษา
วา่ สามารถพฒั นาผูเ้ รยี นให้มีคุณภาพ ตามที่มาตรฐานการเรียนรู้กาํ หนดเพยี งใด
๑๒๔
3.3 หลกั สูตรการอาชีวศึกษา
๑๒๕
๓.๓.๑ ประกาศนียบตั รวิชาชพี (ปวช.) พทุ ธศักราช ๒๕๖๒
๑๒๖
จุดหมายของหลกั สูตร
๑. เพื่อให้มคี วามร้ทู กั ษะและประสบการณ์ในงานอาชพี สอดคล้องกับมาตรฐานวชิ าชีพสามารถนําไป
ประยุกต์ใช้ในการปฏิบตั งิ านอาชีพได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพเลือกวถิ ีการดาํ รงชีวติ และการประกอบอาชีพได้
อยา่ งเหมาะสม
กับตน สร้างสรรค์ความเจรญิ ต่อชุมชน ท้องถนิ่ และประเทศชาติ
๒. เพ่ือใหเ้ ป็นผมู้ ปี ญั ญา มคี วามคิดรเิ ริม่ สร้างสรรค์ใฝ่ เรยี นร้เู พ่อื พัฒนาคุณภาพชีวิตและการประกอบอาชพี
มีทกั ษะการสื่อสารและเทคโนโลยสี ารสนเทศ ทักษะการเรยี นรตู้ ลอดชีวิต ทกั ษะการคิด วิเคราะห์และ
การแกป้ ัญหา ทักษะด้านสขุ ภาวะและความปลอดภยั ตลอดจนทกั ษะการจดั การ สามารถสร้างอาชีพและ
พฒั นาอาชีพใหก้ ้าวหนา้ อยู่เสมอ
๓. เพอ่ื ให้มเี จตคติท่ีดีต่ออาชพี มคี วามมนั่ ใจและภาคภมู ใิ จในวชิ าชพี ท่ีเรียนรกั งานรักหน่วยงานสามารถทํางาน
เปน็ หม่คู ณะได้ดีโดยมคี วามเคารพในสทิ ธิและหน้าท่ขี องตนเองและผู้อน่ื
๔. เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ผมู้ ีพฤติกรรมทางสังคมที่ดงี าม ทั้งในการทํางานการอย่รู ่วมกัน
การตอ่ ต้านความรุนแรงและ
สารเสพตดิ มีความรับผดิ ชอบต่อครอบครัว หน่วยงาน ทอ้ งถ่ินและประเทศชาติดาํ รงตนตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง เข้าใจและเหน็ คุณค่าของการอนรุ ักษ์ศลิ ปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาทอ้ งถิน่
มีจติ สาธารณะและจิตสาํ นึกในการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสรา้ งสิ่งแวดลอ้ มทด่ี ี
๕. เพ่ือให้มีบุคลิกภาพที่ดีมมี นษุ ยสัมพนั ธ์มีคณุ ธรรม จริ ยธรรม และวินยั ในตนเอง มสี ุขภาพอนามยั
ที่สมบรู ณ์ท้ังรา่ งกายและจิตใจเหมาะสมกับงานอาชีพ
๖. เพื่อใหต้ ระหนักและมีสว่ นรว่ มในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกจิ สงั คม การเมืองของประเทศและโลก
มีความรกั ชาติสาํ นึกในความเป็นไทยเสยี สละเพ่ือส่วนรวม ดํารงรกั ษาไว้ซึ่งความม่ันคงของชาตศิ าสนา
พระมหากษัตริยแ์ ละการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตริยท์ รงเปน็ ประมขุ
เชิงนามธรรม
บทคดั ยอ่ ท่ีจะมีการประชุมคร้ังน้ีเป็นประจา
๑. เพอื่ วิเคราะหน์ โยบายและใหก้ าลงั คนสายสาหรับประเภทวิชาพาณิชยกรรมท่ีจาเป็นสาหรับการดูแล
(ปวช.) ภาคเหนือตอนลา่ งดา้ นล่างจะเร่ิมตน้ การถอดรหสั ใหท้ ุกคนทราบ
๒. เพ่อื บอกใหผ้ อู้ ่ืนพฒั นา กาลงั เป็นคนท่ีสายการเรียนประเภทวิชาพาณิชยกรรมในระดบั ยกเวน้ วชิ าชีพ
(ปวช.) ตอนเหนือตอนล่างดา้ นล่างของการทบทวนความจารองลงมา คณุ วุฒิวิชาชีพ (ปวช.(การวิจยั เชิง
คณุ ภาพ)
๑๒๗
วตั ถปุ ระสงคข์ อ้ ท่ี ๑ การวิเคราะหน์ โยบายต่างๆ โดยปล่อยใหก้ าลงั คนสายรวบรวมขอ้ มลู
วตั ถุประสงคข์ องขอ้ ท่ี ๒ สมั ภาษณ์เชิงลึก (สัมภาษณ์เชิงลึก ) จากกลมุ่ ตวั อยา่ งแฮมเมอร์รายงานคือตวั แทน
กาลงั คนสายต่อจานวน ๓ กลุ่มคือหอการคา้ จงั หวดั สภาอุตสาหกรรมจงั หวดั กลุ่มตวั แทนทอ่ งเที่ยวในเขต
ภาคเหนือตอนลา่ งท้งั ๙ คนจานวนท้งั หมด ๒๗ คนและในฐานขอ้ มลู ขอ้ ท่ี ๓ ท่ีใช้ อธิบายกลุ่ม (Focus
Group Discussion) จานวน ๒ กลมุ่ คอื ๑) กลุ่มผทู้ ่ีใชก้ าลงั คนสายเป็นประวตั ิการณ์ ๒) กล่มุ ผทู้ ่ี
ผลิตกาลงั คนสายเนื่องมาจากวิทยาลยั มวลชนทอ้ งถิ่นตอนลา่ งตอนล่างโดยมีคาถามในการใหข้ อ้ มูล จากกลมุ่
ตวั อยา่ ง (Focus Group) ผลการวจิ ยั เพ่ือคน้ หาความพร้อมของกาลงั คนสายอื่นๆ ท่ีจะมีความจาเป็น
ในเบ้ืองตน้ ใน ๓. ประเดน็ (๑.๑) ดา้ นความรู้ (Knowledge) (๑.๒) ดา้ นทศั นคติ (Attitude)
และ (๑.๓) ดา้ นทกั ษะ (Skill) ส่วนน้ีจะมีคาถามวา่ กาลงั คนสายอ่ืน ๆ ไหม (๒.๑) นโยบายของสิ่งที่ควร
เป็นการจดั การดา้ นหลกั สูตรโดยเนน้ การ จดั การเรียนการสอนแบบระบบทวิภาค (๒.๒) ปฏิทินส่งคนื
วิธีการประเมินคุณภาพการศึกษาใหส้ ามารถตอบสนองท้งั มนั ได้ (๒.๓) ปฏิทินการผลิตเพ่มิ กาลงั คนสายตรง
เพือ่ พบกบั ธุรกิจที่ตอ้ งการให้ขอ้ มลู ดา้ นการท่องเท่ียวเพราะดา้ นธุรกิจ วนั น้ี (๒.๔) นโยบายดา้ นการพฒั นา
หลกั สูตรท่ีจะเป็นเฉพาะทางมากข้นึ และ (๒.๕) นโยบายในการร้องขอกาลงั คนสายธารแห่งเหตผุ ลที่จะช่วย
ใหเ้ ขาสามารถเรียนภาษาต่างประเทศได้ รัฐขอใหท้ ุกคนจดั เตรียมท้งั รัฐและเอกลกั ษณที่จาเป็นและมีคุณภาพ
(๓.๒) กฎใหก้ าลงั คนสายสัมพนั ธ์สามารถเป็นไปไดใ้ นเหตกุ ารณ์ที่เป็นไปไดจ้ ริง (๓.๓) กข็ อใหไ้ ดเ้ ขา้ มา
อีกสักคร้ัง ศึกษาไวซ้ ่ึงศกั ยภาพของทวภิ าคี (๓.๔) บงั คบั ใหค้ นสายมีเหตผุ ลที่จะตอ้ งมีความรับผดิ ชอบต่อ
ความมีระเบียบวนิ ยั และมาตรฐาน (๓.๕) ทาใหค้ นสายมีเหตุผลซ่ึงเป็นส่ิงที่ดีงามต่อผูด้ ูแลตนเอง (๓.๖)
ผปู้ กครองส่งเสริม ไม่ไดร้ ับการกระตุน้ ใหเ้ ป็นสถานที่ประกอบ การและผเู้ ขา้ ร่วมจะไดเ้ ขา้ ร่วมกล่มุ เรียนรู้
เพื่อช่วยกนั ร่วมดว้ ยเพ่ือใหก้ าลงั คนสายปาร์ต้ี และ (๓.๗) เสริมสร้างทกั ษะการสื่อสารสาหรับสอดแทรก
เทคโนโลยี
๑๒๘
๓.๓.๒ หลักสตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชน้ั สงู (ปวส.) พุทธศกั ราช ๒๕๖๓
๑๒๙
แนวโน้มการพฒั นากาํ ลังคนอาชีวศกึ ษาสาขาการบัญชีในพ้ืนทภ่ี าคเหนือตอนลา่ งเพื่อรองรับ AEC
นามธรรม
การศึกษาน้มี วี ัตถุประสงค์เพือ่ ศึกษาและวเิ คราะห์ ๓ ส่วนหลกั ในแผนกวชิ าพาณชิ ยศาสตร์ ปวส. ภาคใต้
หรือภาคเหนือเพ่ือรองรับประชาคมอาเซียน นโยบาย : ด้านการพัฒนากาํ ลงั คนอาชีวศกึ ษาเพอ่ื รองรับ
ประชาคมอาเซียน ; แนวโน้มการพัฒนากาํ ลังคนอาชีวศกึ ษา ; คําแนะนาํ ในการพัฒนากาํ ลังคนอาชวี ศึกษาจะมี
วิธกี ารท่หี ลากหลายมากข้นึ ประการแรก การวิจยั เชงิ คุณภาพ (Qualitative Research) จะใชว้ เิ คราะห์
นโยบายทีเ่ กี่ยวข้องกบั กําลงั คนอาชีวศกึ ษา รองลงมา (กลมุ่ หลักสัมภาษณเ์ ชงิ ลึกจากกล่มุ ตวั อย่าง ไดแ้ ก่
หอการค้าจังหวัด กลุม่ สภาอตุ สาหกรรมจังหวดั : และตวั แทนทอ่ งเที่ยวในภาคใต้หรือภาคเหนอื ทงั้ 9 แห่ง รวม
27 ราย จะดําเนินการ ท้ายท่ีสดุ จะใช้การอภิปรายกลมุ่ เฉพาะกลุ่มทีใ่ ช้กาํ ลงั คนอาชวี ะและผลิตกําลังคนอาชวี ะ
ในภาคใตห้ รือภาคเหนอื ผลการวิจยั พบว่ามคี ณุ ลักษณะพน้ื ฐาน 3 ประการ คือ ความรู้ เจตคติ และทักษะใน
การจดั ทาํ อตั รากําลงั ในดา้ นการพฒั นาน้ันเกยี่ วขอ้ งกบั กําลงั คนด้านอาชวี ศึกษา นโยบายของ อาชวี ะ ควรจัด
หลักสูตรโดยเนน้ การสอนระบบทวภิ าคซี ่ึงนโยบายในการปรับคณุ ภาพการศึกษาให้เปน็ ทยี่ อมรับนโยบายการ
เพมิ่ กําลงั คนในสายงานของ การท่องเทย่ี ว นโยบาย พัฒนาหลกั สูตรเฉพาะทาง นโยบาย พัฒนาศักยภาพ
กาํ ลงั คน อาชีวศกึ ษา ภาษาต่างประเทศ ตามความเป็นจรงิ จากการวจิ ัย มีข้อเสนอแนะในการพัฒนากาํ ลงั คน
อาชวี ศกึ ษา เพ่ือรองรบั ภูมภิ าคเอเชีย ๗ ข้อ ประการแรก
จดุ หมายของหลักสูตร
.๑ เพ่ือให้มีความรทู้ างทฤษฎแี ละเทคนิคเชงิ ลึกภายใตข้ อบเขตของงานอาชพี มีทกั ษะดา้ น
เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารเพื่อใช้ในการดํารงชวี ติ และงานอาชีพ สามารถศกึ ษาค้น คว้า
เพิ่มเติมหรอื ศกึ ษาตอ่ ในระดบั ทส่ี งู ขึ้น
๒ เพอ่ื ให้มีทักษะและสมรรถนะในงานอาชพี ตามมาตรฐานวิชาชีพ สามารถบรู ณาการความรู้
ทกั ษะจากศาสตร์ตา่ ง ๆ ประยกุ ตใช้ในงานอาชีพ สอดคลอ้งกบกั ารเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
๓ เพ่อื ใหม้ ปี ัญญา มีความคดิ สรา้ งสรรค์มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ วางแผน บรหิ าร
จัดการ ตัดสนิ ใจ แกป้ ญั หา ประสานงานและประเมินผลการปฏิบตั ิงานอาชพี มที กั ษะการเรียนรู้
แสวงหาความรูแ้ ละแนวทางใหม่ ๆ มาพฒั นาตนเองและประยกุตใ์ ช้ในการสรา้ งงานใหสอ้ ดคลอ้ง
กบั วิชิาชีพและการพฒันางานอาชีพอย่างตอ่ เนื่อง
๑๓๐
๔ เพอื่ ใหม้ ีเจตคตทิ ่ดี ีต่ออาชีพ มคี วามมนั่ ใจและภาคภมู ใิ จในงานอาชพี รกั งาน รกั หน่วยงาน
สามารถทํางานเป็นหมูค่ ณะไดด้ ีมคี วามภาคภูมิใจในตนเองตอ่ การเรียนวชาิ ชีพ
๒.๕ เพอ่ื ใหม้ ีบคุ ลกิ ภาพทด่ี ีมีคุณธรรม จริยธรรม ซอ่ื สตั ย์ มีวนิ ยั มีสขุ ภาพสมบูรณ์แข็งแรงทง้ รั ่าง
กายและจติ ใจเหมาะสมกบกั ารปฏบิ ตั ิงานในอาชพี น้ันๆ
๒.๖ เพื่อให้เปน็ นผู้มพี ฤติกรรมทางสงั คมที่ดีงาม ต่อต้านความรุนแรงและสารเสพติด ท้งั ในการ
ทาํ งาน การอยรู่ ว่ มกันมคี วามรับผดิ ชอบต่อครอบครัวองค์กร ท้องถ่ินและประเทศชาตอิ ุทิศตนเพ่อื
สงั คม เข้าใจและเห็นคณุ ค่าของศิลปวฒั นธรรมไทย ภูมิปญั ญาทอ้งถ่ิน ตระหนกั ในปญั หาและ
ความสาํ คัญของสิ่งแวดล้อม
๒.๗ เพอ่ื ใหต้ ระหนักและมีส่วนรว่ มในการพฒั นาและแกไ้ ขปญั หาเศรษฐกจิ ของประเทศโดยเปน็
กําลงั สําคัญในด้านการผลิตและให้บริการ
๒.๘ เพอื่ ให้เหน็ คณุ ค่าและดํารงไว้ซ่ึงสถาบัญชาตศิ าสนาและพระมหากษัตริย์ ปฏบิ ตั ิตนในฐานะ
พลเมอื งดี ตามระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมุข
๑๓๑
เป้าหมายการอาชีวศึกษา
เพ่อื ผลติ และพฒั นากาลงั คนในด้านวิชาชพี ระดบั ฝีมือระดับเทคนคิ และระดบั เทคโนโลยรี วมทงั้ เปน็ การ
ยกระดับการศึกษาวิชาชพี ให้สูงขึน้ เพ่ือให้สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของตลาดแรงงาน โดยน าความรใู้ นทาง
ทฤษฏีอันเป็นสากลและภูมิปัญญาไทยมาพฒั นาผูร้ บั การศึกษาให้มีความรคู้ วามสามารถในทางปฏบิ ตั ิและมี
สมรรถนะ จนสามารถนาไปประกอบอาชีพในลักษณะผ้ปู ฏิบัติหรือผู้ประกอบอาชีพโดยอิสระได้
การจัดอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวชิ าชพี
ใหจ้ ัดตามหลกั สูตรทค่ี ณะกรรมการการอาชีวศกึ ษากําหนด ดงั ต่อไปน้ี
• หลกั สูตรประกาศนียบัตรวชิ าชพี
• หลักสูตรประกาศนียบัตรวชิ าชพี ชนั้ สูง
• หลกั สตู รปรญิ ญาตรีสายเทคโนโลยี/ปฏบิ ัติการ
• หลักสตู รเพ่อื อาชพี /ศึกษาต่อ/กลุม่ เฉพาะ
การพัฒนาหลักสูตรอาชีวศึกษา
• แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ
• แผนการศกึ ษาแห่งชาติ
• พ.ร.บ. การศึกษาแหง่ ชาติพ.ศ. ๒๕๔๒
• พ.ร.บ. การอาชีวศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๑
• ประกาศ ศธ. เรอ่ื ง กรอบมาตรฐานคุณวฒุ ิอาชีวศึกษาแหง่ ชาติพ.ศ. ๒๕๕๔
• ยทุ ธศาสตร์ นโยบายทเี่ กี่ยวข้อง
๑๓๒
• มาตรฐานอาชีพ/มาตรฐานสมรรถนะ
• ประกาศ ศธ. เรือ่ ง มาตรฐานคุณวฒุ ิอาชวี ศึกษาระดบั ปริญญาตรีสายเทคโนโลยหี รอื สาย
ปฏิบตั กิ าร
• ระเบียบ ประกาศ คู่มือ แนวปฏิบตั ิ ฯลฯ
โครงสรา้ งหลกั สูตร
โครงสร้าง ปวส.
๑.หมวดวชิ าทักษะชวี ิต ไม่น้อยกวา่ ๑๘ หน่วยกิต
๒.หมวดวิชาทกั ษะวิชาชีพ ไมน่ ้อยกว่า ๕๔ หน่วยกติ
๒.๑ วชิ าชีพพน้ื ฐาน ไมน่ อ้ ยกว่า ๑๕ หน่วยกิต
๒.๒ วชิ าชพี เฉพาะ ไมน่ ้อยกวา่ ๒๑ หน่วยกิต
๒.๓ วิชาชีพเลอื ก ไมน่ ้อยกวา่ ๑๐ หน่วยกติ
๒.๔ ฝึกประสบการณ์ทักษะวชิ าชีพ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๔ หนว่ ยกติ
๒.๕ โครงการพฒั นาทักษะวิชาชีพ ไม่นอ้ ยกวา่ ๔ หน่วยกิต
๓.หมวดวิชาเลือกเสรี ไมน่ ้อยกว่า ๖ หน่วยกติ
๔.กจิ กรรมเสริมหลกั สตู ร ไม่นอ้ ยกว่า ๗๘ - ๙๐
โครงสรา้ งหลักสตู รปริญญาตรี
๑.หมวดวิชาทักษะชีวติ ไม่น้อยกวา่ ๑๕ หนว่ ยกติ
๒.หมวดวชิ าทักษะวิชาชีพ ไม่น้อยกวา่ ๕๑ หน่วยกติ
๒.๑กล่มุ ทกั ษะวิชาชพี เฉพาะ
๑๓๓
๒.๒ กลุ่มทักษะวชิ าชีพเลอื ก
๒.๓ ฝกึ ประสบการณ์ทักษะวิชาชพี
๒.๔ โครงการพฒั นาทักษะวิชาชพี
๓.หมวดวิชาเลอื กเสรี ไมน่ ้อยกว่า ๖ หน่วยกิต
๔.กจิ กรรมเสรมิ หลักสตู ร ไมน่ อ้ ยกว่า ๑๐๐ ชั่วโมง ๗๒ – ๘๗
๑๓๔
๓.๔ หลกั สูตรอดุ มศึกษา (ภายใตก้ รอบมาตรฐานคุณวุฒิอุดมศึกษา)
๑๓๕
แนวทางในการพัฒนาการอุดมศกึ ษาของไทยในอนาคต
ผลการวจิ ยั ของสํานกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เร่อื ง ผลกระทบโลกาภิวัตน์ตอ่ การจัดการศึกษา
ไทยในอกี ๕ ปีข้างหน้า ( เกรียงศกั ด์ิ เจรญิ วงศ์ศกั ด์ิ , ๒๕๕๐ ) ซง่ึ เปน็ ท่ปี รกึ ษาโครงการวิจยั ได้คาดการณ์
แนวโนม้ สาํ คัญของสถาบันอุดมศึกษาไทยไว้หลายประการ
สถาบันอดุ มศึกษาแสวงหาเอกลกั ษณด์ า้ นคุณภาพและความแตกต่าง ผู้เรียนมีความต้องการการศึกษาทีม่ ี
คณุ ภาพและสอดคล้องกบั ความต้องการของตลาดแรงงาน และผู้เรียนมโี อกาสเลือกสถาบนั อดุ มศึกษาได้มาก
ขน้ึ ส่งผลให้สถาบันอุดมศกึ ษาตา่ งพยายามพัฒนาตนเองให้แขง่ ขนั ได้ ดว้ ยเหตนุ ีส้ ถาบันอุดมศกึ ษาจงึ ต้อง
ค้นหาเอกลกั ษณ์เฉพาะทถ่ี นดั ทาํ ไดด้ ี มีความเชย่ี วชาญ และมปี ระสิทธิภาพท่ีสดุ เพือ่ ทุ่มทรัพยากรในการ
พฒั นาหลกั สูตร การจัดการเรียนการสอน การวจิ ัย
สถาบันอดุ มศึกษาจะเชอื่ มโยงเป็นเครอื ข่าย สภาพของความจํากัดทางทรัพยากร ส่งผลให้
สถาบันอดุ มศึกษาตา่ งมุง่ สรา้ งเครอื ข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภายหรอื สถาบนั อุดมศกึ ษาอืน่ ๆ มากข้นึ
เพือ่ เสริมจุดอ่อนจดุ แข็งกันและกัน หรือแลกเปลยี่ นองค์ความรู้
สถาบันอดุ มศึกษามุ่งจดั การศึกษาเฉพาะทาง มแี นวโน้มวา่ จะมบี างมหาวิทยาลยั มงุ่ จดั การศกึ ษาเฉพาะที่
เป็นการลงลกึ ระดบั เชี่ยวชาญ อนั เปน็ การพฒั นาการจดั การศึกษาท่มี คี ุณภาพระดบั สูง และเปน็ การเพิม่
ความสามารถแขง่ ขันให้มหาวิทยาลยั
สถาบนั อดุ มศึกษามุ่งผลติ ผลงานวิจยั จากสภาพการแข่งขนั ของสถาบนั อดุ มศกึ ษาทร่ี ุนแรงขึ้น สง่ ผลให้
มหาวิทยาลัยบางแห่งอาจปรับยทุ ธศาสตร์ไปสูท่ ิศการมุ่งผลิตผลงานวิจยั ทีม่ คี ุณภาพ โดยสร้างองค์ความรู้และ
นวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถงึ การบุกเบกิ การใช้เทคโนโลยสี มยั ใหม่ จนเป็นทีร่ จู้ ักและยอมรับจากนักศึกษาทั่วโลก
สถาบันอดุ มศึกษาบนเครือข่ายอินเทอร์เนต็ มีการใชป้ ระโยชนจ์ ากเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการสรา้ ง
ความสามารถในการแขง่ ขัน การพฒั นาคณุ ภาพการเรยี นการสอน และการผลิตผู้เรียนใหเ้ ป็นทตี่ ้องการของ
ตลาดแรงงาน อย่างไรกต็ าม ขอ้ พึงระวังในการจัดการศึกษารปู แบบนี้ คอื คุณภาพการจัดการศึกษา
สถาบันอดุ มศึกษาท่ีใช้หลกั สตู รต้นแบบจากตา่ งประเทศ การขยายตวั ด้านการลงทนุ ทางการศึกษาทแี่ ขง่ ขนั
มากขน้ึ สถาบนั อดุ มศึกษาท่ีมีชื่อเสยี งระดบั โลกพยายามทาํ ตลาดการศึกษาไปยังประเทศต่าง ๆ รวมถึง
ประเทศไทย ในขณะท่ีคนในสังคมไทยตา่ งต้องการหลักสูตรการศึกษาท่ีมีคุณภาพที่มคี วามนา่ เชอ่ื ถือระดับ
สากล หรืออาจเป็นการเปิดหลักสูตรร่วมกนั ระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศไทยกบั มหาวทิ ยาลัยท่ีมีชื่อเสียงใน
ตา่ งประเทศ เป็นตน้
สถาบันอดุ มศึกษาไทยยงั ไม่สามารถขยายตลาดการศกึ ษาไปยงั ต่างประเทศ การเปดิ เสรีทางการศึกษาของ
ไทยยังไมม่ ีความพร้อมเพยี งพอ ความสามารถในการแข่งขันกบั สถาบนั อุดมศึกษาจากต่างประเทศท่ีมีคณุ ภาพ
มากกวา่
๑๓๖
สถาบันอุดมศึกษาที่มุ่งเชิงพาณิชยม์ ากขนึ้ การเปล่ียนแปลงสถาบันอุดมศึกษาเปน็ มหาวทิ ยาลยั ในกาํ กับ
ส่งผลใหส้ ถาบันอุดมศึกษาไทยตอ้ งพง่ึ ตวั เองมากขึ้น โดยพัฒนาไปสกู่ ารดาํ เนินกิจการเชิงพาณชิ ย์มากขนึ้
โดยเฉพาะในกล่มุ สถาบันอดุ มศึกษาเอกชน ท่ีต้องหารายได้เล้ยี งตวั เองมากกว่าสถาบันอุดมศกึ ษาของรัฐ ดงั จะ
เหน็ ได้จากมหาวิทยาลัยในประเทศไทยหลายแห่งในปจั จบุ ัน ตา่ งหาชอ่ งทางทจี่ ะนํารายไดเ้ ขา้ สู่มหาวทิ ยาลัยใน
รปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ การจัดทําโฆษณา การเปิดหลกั สูตรปริญญาโท ปริญญาเอก
บทสรุปคุณภาพอุดมศึกษาของไทย
การศกึ ษาในระดบั อุดมศกึ ษาถือว่าเปน็ การศึกษาในระดับทส่ี าํ คญั เน่ืองจากเป็นการศึกษาทเี่ ตรยี มบุคคล
เขา้ สู่อาชีพ โดยเฉพาะบัณฑิตท่สี าํ เร็จการศึกษาออกมาจะต้องเปน็ บุคคลที่มีคณุ ลกั ษณะตามที่เจ้าของสถานที่
ประกอบการและสงั คมยอมรับ ทําให้สถาบันอดุ มศึกษาทกุ แหง่ จงึ พยายามทุกวิถีทางทจ่ี ะให้นิสิตนักศึกษาของ
ตนมีคุณภาพ จากการศกึ ษาท่ีผา่ นมาพบวา่ คุณภาพของอดุ มศกึ ษาไทยมีทัง้ จุดเดน่ และจุดออ่ นในหลายประการ
ดว้ ยกัน จุดเด่นทสี่ ถาบนั อดุ มศึกษาควรรักษาไว้เป็นแบบอย่าง ประกอบดว้ ย การกระจายอํานาจทมี่ ากขึน้ ใน
สถาบนั อดุ มศึกษา สิง่ น้ีสามารถมสี ่วนชว่ ยเหลือในการเสริมประสิทธิภาพต่อการพัฒนาคณุ ภาพบัณฑิตทสี่ าํ เรจ็
การศึกษาออกมา รวมถึงในปัจจุบนั น้ัน สถาบนั อดุ มศึกษาในประเทศไทยมจี าํ นวนมากขึ้น สามารถจดั
การศกึ ษาใหแ้ กป่ ระชาชนไดถ้ ึงรอ้ ยละ ๑๒.๕ ในวัยเรียน ซง่ึ ใกลเ้ คียงกับร้อยละ ๑๕ ซึ่งถือวา่ เปน็ ระดับร้อยละ
ที่อุดมศึกษาเขา้ ถึงสมู่ วลชน ( Mass Education )
แม้วา่ การพฒั นาคุณภาพของการอดุ มศึกษาไทยมีการดาํ เนินการมาอยา่ งต่อเนอื่ ง แต่ในปจั จบุ ันก็ยงั พบว่า
คณุ ภาพอดุ มศกึ ษายงั ไม่มีคณุ ภาพเทา่ ท่ีควรและพบจุดอ่อนในหลายประเด็น ประกอบด้วย ปัญหานโยบายของ
รฐั บาลและสถาบนั อุดมศึกษาบางแหง่ ยังไมม่ ีความแน่นอนและเกดิ ความซํ้าซ้อนในการดําเนนิ งาน ขาดการมี
สว่ นร่วมของชมุ ชน องค์กรเอกชนและผูป้ ระกอบการในการพฒั นาคณุ ภาพอุดมศึกษา หลกั สูตรและการเรยี น
การสอนมีความลา้ สมยั ไมเ่ ป็นสากลและไม่เกดิ บูรณาการ ไมม่ ีการปรบั เปล่ยี นหลักสูตรตามกระแสแหง่ การ
เปลี่ยนแปลงของโลก เกิดการขาดแคลนคณาจารย์ที่มีคุณภาพเนอ่ื งจากวิกฤติศรัทธาตอ่ อาชพี อาจารย์ตกต่าํ ซึ่ง
ไม่สามารถจงู ใจคนเข้ามาเปน็ อาจารย์ได้ รวมถงึ การลงทนุ ของรัฐบาลในเรื่องการวจิ ัยเพ่ือใหเ้ กิดองคค์ วามรู้ใหม่
ยงั ถือว่าอยู่ในระดบั ที่ต่าํ มาก รัฐบาลจาํ เป็นตอ้ งทุ่มเทการลงทนุ ทางดา้ นการวจิ ยั และพฒั นาให้แก่
สถาบนั อดุ มศกึ ษาอย่างจริงจัง
ดงั นน้ั แนวทางในการพฒั นาคุณภาพของการอุดมศกึ ษาทส่ี ําคัญ สถาบนั อดุ มศกึ ษาจําเป็นต้องเปดิ หลักสตู ร
ใหต้ รงกบั สภาพความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบันและอนาคต สร้างเครือข่ายความร่วมมอื กบั
หนว่ ยงานภายในและสถาบนั อุดมศึกษาอน่ื ๆมากขนึ้ เพ่ือเสรมิ สร้างจุดแขง็ และแลกเปลยี่ นองค์ความร้ใู หม่ๆซ่ึง
กนั และกนั สถาบันการศึกษาต้องม่งุ จัดการศึกษาเฉพาะทางทีเ่ ปน็ การลงลกึ เพ่ือให้เกดิ ความเช่ียวชาญ อันเป็น
การพัฒนาการอุดมศึกษาท่มี ีคณุ ภาพโดยสรา้ งความรู้และนวตั กรรมใหม่ๆให้สามารถแข่งขันกบั
๑๓๗
สถาบันอดุ มศกึ ษาช้นั นําอนื่ ๆทวั่ โลกได้ ควรใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสร้างความสามารถใน
การแข่งขนั และสรา้ งรายได้เข้าสสู่ ถาบันด้วยตนเอง พฒั นาคณุ ภาพการเรียนการสอนอย่างต่อเน่ือง รวมถงึ ต้อง
ปรับตัวให้ทันตอ่ การเปลย่ี นแปลงทเี่ กิดขึน้ ตลอดเวลา เชน่ การสร้างความรว่ มมือกบั สถาบันอดุ มศกึ ษาที่มี
ชอื่ เสียงระดบั โลกโดยอาจเป็นการเปดิ หลักสตู รท่ีทาํ การเรยี นการสอนรว่ มกันเพื่อนําความรู้เก่ยี วกบั หลกั สูตร
ตน้ แบบท่ีมีคุณภาพจากมหาวิทยาลัยชัน้ นาํ จากต่างประเทศและไดร้ ับองคค์ วามรู้ใหม่ๆมากข้นึ สาํ หรับในเรอ่ื ง
ของการบริหารจดั การแลว้ สถาบันอดุ มศึกษาควรลดความซา้ํ ซ้อนในการบริหารจัดการ ควรเปดิ โอกาสให้คนดี
มีฝมี อื เข้ามามสี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารสถาบนั อดุ มศกึ ษา ควรเน้นการกระจายอํานาจในการดําเนินงาน ซ่ึงวธิ นี ้ี
จะทําใหส้ ถาบนั อดุ มศึกษามีความคลอ่ งตวั สูงและมโี อกาสเจริญเติบโตไดร้ วดเรว็ กวา่ สถาบันอดุ มศึกษาอืน่ ๆที่
ยดึ อาํ นาจไวท้ ี่ศูนย์กลางเทา่ น้ัน นอกจากนี้ หน่วยงาน ต่างๆที่เกย่ี วข้องทง้ั ภาครฐั และเอกชนควรรว่ มมอื กัน
ปรบั ปรุงเปล่ียนแปลงแก้ไขปัญหาตา่ งๆท่เี กดิ ข้นึ และมีสว่ นรว่ มในการส่งเสรมิ การพัฒนาคณุ ภาพของ
อุดมศึกษาไทยอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ
๑. หลักสูตรใหมแ่ บบบูรณาการ ๒ ศาสตรข์ น้ึ ไป จากการเปลย่ี นแปลงของสังคม และการแขง่ ขันใน
ดา้ นเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ทาํ ให้คนในสังคม ต้องการเพ่มิ ความรู้ความสามารถในหลายสาขา เพ่ือให้
ตนเองรเู้ ทา่ ทันและอยรู่ อดท่ามกลางการเปลย่ี นแปลง ของสังคมในทุกดา้ น จงึ หันมาสนใจหลักสูตรการศกึ ษาท่ี
ให้ความรู้ตง้ั แต่สองศาสตร์ข้นึ ไป เช่น บัญชคี วบคกู่ บั เศรษฐศาสตร์ รฐั ศาสตร์ควบคกู่ บั เศรษฐศาสตร์
นติ ศิ าสตร์ควบคู่กบั สงั คมสงเคราะห์ เป็นตน้ ( เกรยี งศักด์ิ เจริญวงศศ์ กั ด์ิ, ๒๕๕๐) ๒๑
๒. หลักสูตรนานาชาตมิ แี นวโนม้ มากข้นึ เนื่องจากสภาพโลกาภวิ ัตนม์ กี ารเชื่อมโยงด้านการคา้ และ
การลงทนุ ทําใหต้ ลาดแรงงานในอนาคต ตอ้ งการคนทีม่ ีความสามารถด้านภาษาต่างประเทศ ส่งผลใหค้ วาม
ตอ้ งการหลักสูตรนานาชาติมีมากขนึ้ และ จากการเปดิ เสรีทางการศึกษา ยงั เป็นโอกาสให้สถาบนั อุดมศึกษา
จากต่างประเทศเขา้ ในไทย และเปดิ หลกั สูตร ภาษาต่างประเทศ เชน่ ภาษาองั กฤษ ภาษาจนี ภาษาญป่ี ุ่น ฯลฯ
ยง่ิ กระตุ้นใหห้ ลักสูตรการศึกษานานาชาติ ไดร้ ับความนิยมมากขึน้ แต่เนอ่ื งจากหลักสูตรนานาชาติมีคา่ ใชจ้ า่ ย
สูง ดงั นัน้ การเรยี นในหลกั สูตรนีย้ ังคงจาํ กดั ในกลุ่มผู้เรยี นฐานะดี
๓. หลกั สตู รสาํ หรบั กลุม่ คนทํางาน หลักสูตรสาํ หรับกลุ่มคนทาํ งานจะมีเพิ่มขน้ึ อยา่ งต่อเน่อื ง เพ่ือ
ยกระดับฝีมือแรงงานของบุคลากรใน องคก์ ร สถาบนั อุดมศึกษาอาจเปิดหลักสตู รระยะสั้น หลักสูตรภาคคํา่
นอกเวลาทาํ งาน หลกั สตู รทางไกลท่เี รียน ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยเนือ้ หาหลกั สตู รควรมีความหลากหลาย มี
ความ น่าสนใจ และตอบสนองความตอ้ งการของ ผูเ้ รยี นในวัยทาํ งาน อาทิ หลกั สตู รเฉพาะทม่ี ีความจําเปน็ ต่อ
การ พฒั นาคนในวัยแรงงาน เป็นไดท้ ้งั หลักสตู ร ระยะสั้นหรือหลักสูตรหลกั ในสถาบนั การศกึ ษาก็ได้ เช่น
หลกั สตู รที่เกี่ยวกับ Global literacy ได้แก่ ภาษา คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสารสนเทศ
๑๓๘
กฎหมายระหวา่ งประเทศ สังคมและวฒั นธรรมในโลก หลักสูตรการ คิด ไดแ้ ก่ การคิดเชงิ สรา้ งสรรค์ การคิด
เชงิ กลยุทธ์ การคดิ เชงิ อนาคต การคิดเชิงวพิ ากษ์ การคิดเชิงสงั เคราะห์ ฯลฯ หลกั สตู รเพิ่มความสามารถสรา้ ง
เครือข่ายเชือ่ มโยงไปทวั่ โลก ได้แก่ หลกั สูตรในการสรา้ งห้นุ ส่วน การ เจรจาต่อรอง การประสานประโยชน์เปน็
ต้น หลกั สตู รปริญญา ๒ ใบ ควบกัน เหมาะสาํ หรบั คนวยั ทํางานท่ี ตอ้ งการลงทนุ ด้านการศกึ ษาครัง้ เดยี วแต่ได้
คุม้ คา่
๑๓๙
สรปุ
สภาพปัจจบุ นั ของหลกั สูตรไทย
หลักสูตรการศึกษาของชาตทิ ใ่ี ช้ในปัจจุบัน คือ หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
เปน็ หลกั สูตรท่กี าํ หนดมาตรฐานการเรียนรู้เปน็ ผลลัพธ์ทต่ี ้องการให้เกิดกับผเู้ รียน และมตี ัวช้วี ดั ชัน้ ปไี ว้ชว่ ยให้
ผสู้ อนรู้ว่าจะสอนให้ผเู้ รียนร้อู ะไรและทําอะไรได้ รวมทั้งเพื่อการตรวจสอบความรู้ความสามารถของ
ผูเ้ รยี นเปน็ ระยะจนจบการศึกษาภาคบงั คบั และการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ประกอบดว้ ย ๘ กลุ่มสาระการเรยี นรู้
ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ศลิ ปะ
การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ หลักสูตรฉบับน้พี ัฒนามาจากหลกั สูตรการศกึ ษาขน้ั
พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ซ่ึงคงหลักการและกรอบโครงสรา้ งหลกั สูตรไว้ ตอ่ มาในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้
ปรับปรงุ มาตรฐานการเรยี นรู้กล่มุ สาระการเรยี นร้คู ณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และ
สาระภมู ศิ าสตร์ในกลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กลา่ วไดว้ า่ หลกั สตู รทกี่ ําหนด
มาตรฐานการเรียนรเู้ ป็นผลลพั ธก์ ารพฒั นานี้มกี ารใชม้ าแล้วถงึ ๒๐ ปหี ลักสูตรไทยในปจั จบุ นั ยังคงรูปแบบที่
เนน้ ความสําคัญของการศึกษาที่เน้นเนอ้ื หาในเชิงปริมาณและครอบคลมุ โดยทน่ี ักเรยี นต้องศึกษาเล่าเรยี น
ตามทห่ี ลกั สูตรตา่ งๆ กาํ หนดเอาไว้ ซ่งึ จะสามารถทาํ ใหน้ ักเรียนมีความรู้ทจี่ าํ เป็นและมากพอทีจ่ ะไปใช้
ประกอบอาชีพในอนาคตทง้ั ที่นกั เรียนสนใจเอง และเปน็ ท่ีต้องการของตลาดหรือสังคมไทยและสงั คมโลกได้
โดยท่ีหลักสูตรต่างๆจะตอบสนองให้กับผู้เรยี นในรปู แบบท่ีต่างกนั ไปตามความสนใจ ตอ้ งอาศยั ครูและบุคลากร
เป็นผู้นาํ หลกั สตู รไปใช้ ขบั เคลอื่ นกระบวนการและประสบการณ์ตา่ งๆใหก้ บั ผเู้ รียน
สภาพปัญหาหลักสูตรในประเทศไทย
เนือ่ งจากหลักสูตรในไทยยังเป็นหลกั สตู รทีเ่ ปลยี่ นแปลงและพัฒนามายังไม่สามารถตอบโจทยไ์ ด้อยา่ ง
แท้จรงิ ทั้งในเรื่องของผเู้ รียน ซึ่งตอ้ งแบกรับความรูใ้ นปริมาณ ทม่ี ากจนเกนิ ความจาํ เปน็ หรอื เกินกว่าท่ชี ว่ งวยั
หนงึ่ ๆจะสามารถรบั ได้ และในส่วนของเวลาเรยี นซ่งึ เกินคา่ มาตรฐานทีเ่ ยาวชนจะยงั คงมีสมาธิ และสนใจ
เนื้อหา
ที่ต้องศกึ ษาได้ ซึ่งในสภาพปจั จุบัน เปา้ หมายและศนู ย์กลางของการพฒั นาท่ีแท้จริง ไม่ได้เฉพาะเจาะจงมาที่
ผเู้ รียน แต่ยงั คงมเี ปา้ หมายอยู่ท่คี รูหรอื ผสู้ อน ทาํ ให้หลักสตู รในปัจจุบัน ไมต่ อบสนองต่อผเู้ รียน รวมทง้ั ความ
ต้องการของสังคมไทย และสังคมโลก ซ่ึงมีความเปล่ยี นแปลงไปโดยท่ีเป็นยุคท่เี ทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ
ได้รบั ความนยิ มและมคี วามรงุ่ เรอื งมาก ทาํ ให้หลักสตู รต้องได้รับการพฒั นาตอ่ ไป
๑๔๐
แนวโน้มการพัฒนาหลกั สตู รในศตวรรษท่ี ๒๑
ในปัจจุบนั สงั คมไทยและสงั คมโลกมีการเปลีย่ นแปลงและพฒั นาอยตู่ ลอดเวลา โดยท่ีมีเทคโนโลยีหรือ
นวัตกรรมตา่ งๆมากมายช่วงอํานวยความสะดวก ทาํ ใหเ้ ป้าหมายหรือความตอ้ งการของตลาดหรอื สังคม
ตอ้ งการผ้ใู หญท่ ี่มีความรู้ ความสามารถด้านน้ีมาคอยขบั เคลือ่ นและพัฒนาต่อไป รวมทั้งผ้ทู ่จี ะสามารถเตบิ โต
มาเปน็ นวตั กร คอยแก้ไขและพฒั นา หรอื สรา้ งสรรค์สง่ิ ต่างๆที่มปี ระโยชน์ หลกั สูตรในอนาคตจึงควรทีจ่ ะเปน็
หลักสูตรในรูปแบบทเ่ี น้นผู้เรียนเป็นหลัก และปรับเปล่ยี นบทบาทของผู้สอน ให้คอยสนับสนนุ หรือใน
คาํ แนะนําคําปรึกษาแกผ่ ู้เรยี น ใหผ้ เู้ รยี นได้คิด ได้ทาํ ได้เลือกเรียนในสงิ่ ท่ีตนสนใจ เพ่ือการพัฒนาอย่างมี
ประสิทธภิ าพ อันเป็นผลมาจาก การได้เลือกในส่งิ ทต่ี รงกบั ศกั ยภาพของผูเ้ รยี น รวมท้ังต้องมีการตกผลึก องค์
ความรูแ้ ละประสบการณต์ า่ ง ๆ หลงั จากทไี่ ด้ศกึ ษา ให้ออกมาเป็นรปู ของ โครงงาน ( Project ) เพื่อเป็นการ
นาํ ความรทู้ ี่ได้ใหอ้ อกมาในรปู ของผลงานเชงิ ประจกั ษ์ และทส่ี าํ คัญทีส่ ุด คือต้องมีการจจัดสรรและ บริหาร
งบประมาณให้ มีประสทิ ธภิ าพและมีความทว่ั ถงึ เพื่อให้ทุกภาคสว่ นไดร้ ับการสนับสนุนอยา่ งที่ควรจะเปน็
อนาคต สามารถแก้ปญั หา ปรับตวั สอ่ื สารและทาํ งานร่วมกับผู้อื่นได้อยา่ งมีประสิทธผิ ล มีวนิ ัย มีนสิ ัยใฝเ่ รียนรู้
อยา่ งต่อเนือ่ งตลอดชีวติ รวมทัง้ เปน็ พลเมืองท่รี ้สู ทิ ธิและหน้าท่ี มคี วามรับผิดชอบและมีจติ สาธารณะ เปน็ กาํ ลัง
ของประเทศในการขบั เคลื่อนประเทศให้บรรลุเปา้ หมายยทุ ธศาสตร์ชาติหลกั สูตรจะช่วยให้ผู้สอนปรับแนวคิด
และมุมมองในการออกแบบและจดั การเรยี นรจู้ าก การเนน้ ท่เี นอื้ หา
สาระมาเน้นสมรรถนะ ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นการพฒั นาศักยภาพผ้เู รยี นเปน็ รายบคุ คลอยา่ งเป็นองคร์ วม ลดที่
จะมุ่งการสอนเนื้อหาความรู้จํานวนมาก ลดภาระและเวลาในการสอบตามตวั ช้วี ัดจาํ นวนมาก ทาํ ให้
สถานศึกษามีพ้ืนทใี่ นการจดั การเรยี นรทู้ ี่สําคัญจาํ เปน็ ของบริบทไดม้ ากข้นึ ในการออกแบบหลักสตู รฐาน
สมรรถนะได้ยดึ หลักความเป็นเอกภาพของชาติในประชาคมโลก บนความแตกต่างบริบทเชงิ พน้ื ท่ี เนน้ การ
พฒั นาผ้เู รียนเฉพาะบุคคลอย่างเปน็ องค์รวมที่พรอ้ มรับการเปลี่ยนแปลงและสามารถฟน้ื คนื สภาวะสมดุลได้
ด้วยหลักการสําคัญของหลักสูตรฐานสมรรถนะ ดงั ต่อไปน้ี
๑. เป็นหลกั สูตรทม่ี เี ปา้ หมายในการพัฒนาสมรรถนะของผเู้ รยี นทีเ่ หมาะสมตามช่วงวัย เน้นการพัฒนา
ผู้เรยี นรายบุคคล (Personalization) อย่างเปน็ องค์รวม (Holistic Development) เพอ่ื การเป็น
เจ้าของ การเรยี นรแู้ ละพฒั นาตนเองอยา่ งต่อเนอ่ื ง (Life-Long Learning)
๒. เปน็ หลักสตู รทีเ่ ชอ่ื มโยงระหวา่ งสมรรถนะหลักและสมรรถนะเฉพาะในการกําหนดผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้
(Learning Outcome) เพื่อการพัฒนาผเู้ รยี นให้สามารถนําไปใช้ประโยชน์ในชีวติ และการทํางาน
๓. เปน็ หลักสตู รที่จัดสภาพแวดล้อมและเส้นทางการเรยี นรู้ (Learning Pathway) ทห่ี ลากหลาย และ
ระบบสนบั สนุนการเรยี นรทู้ ่ีสอดคล้องกบั พหุปัญญาและธรรมชาติของผู้เรยี น
๑๔๑
๔. เป็นหลกั สตู รทม่ี ีกระบวนการจัดการเรียนรู้เชงิ รุก (Active Learning) การใชส้ ่ือและสถานการณ์การ
เรยี นรรู้ ว่ มสมัย มีความหลากหลาย และยดื หยุน่ ตามความสนใจ ความถนดั ของผู้เรยี น
(Differentiated Instruction) บรบิ ท จุดเนน้ ของสถานศึกษา และชมุ ชนแวดล้อม
๕. เปน็ หลกั สตู รทม่ี งุ่ ใชก้ ารประเมินเพอื่ การพฒั นาและสะทอ้ นสมรรถนะของผู้เรยี นตามเกณฑ์การปฏบิ ัติ
(Performance) ท่เี ป็นธรรม เชอ่ื ถือได้ เอื้อต่อการถ่ายโยงการเรยี นรแู้ ละพัฒนาในระดบั ทส่ี งู ข้ึนตาม
ระดับความสามารถ
ปัญหาและแนวโนม้ การพัฒนาหลักสูตรพิจารณาไดจ้ ากขอ้ มลู พน้ื ฐานในการพัฒนาหลกั สตู รที่ถกู รวบรวม
วิเคราะหเ์ ช่อื มโยงเปน็ ชดุ ของจุดประสงค์การเรยี นร้ทู ใี่ ชใ้ นการวางแผนพฒั นาหลักสูตรและนาํ ไปออกแบบ
หลกั สตู ร โดยการอธิบายเหตุผลการไดม้ าของสาระความร้ใู นหลักสูตร ท่มี ีเหตผุ ลประอบหลกั วชิ าโดยอาศยั
ทฤษฎีการเรียนรตู้ ่างๆและนกั พฒั นาหลักสูตรนาํ มากาํ หนดเป้าหมายการพฒั นาผู้เรยี น กาํ หนดสาระเนื้อหา
และผลการเรยี นรู้ ข้อมูลตา่ งๆเหลา่ นสี้ ามารถเป็นแนวทางชว่ ยให้อธบิ ายแนวโนม้ ของหลักสตู รได้
๑๔๒
บรรณานุกรม
https://reg.triamudom.ac.th/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B
8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3/%E0%B8%AB%
E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%
95%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B
8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E
0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%8
2%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9
%89%E0%B8%99%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%20%E0%B8%9E.
%E0%B8%A8.%202551
เกณฑมาตรฐาน หลักสูตรระดบั อุดมศึกษา พ.ศ. 2558 และเกณฑมาตรฐานที่เกยี่ วข้อง สํานกั มาตรฐานและ
ประเมินผลอุดมศึกษา สํานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร กรกฎาคม 2560
แหลงอางองิ
http://journal.feu.ac.th/pdf/v6i2t4a12.pdf {._. วจิ ารณ พานชิ . (2555). วถิ กี ารสรางการเรยี นรู
เพ่ือศษิ ย. (พิมพคร้ังติ์ 3).
วิจารณ พานิช. วถิ สี รางการเรยี นรูเพอื่ ศิษยในศตวรรษท่ี ๒๑.-- กรงุ เทพฯ : มลู นธิ สิ ดศรี-สฤษดว์ิ งศ,
๒๕๕๕. ๔๑๖ หนา. ๑. การเรียนรู. I. ชอ่ื เร่อื ง.
http://teacherweekly.wordpress.com/2013/09/25/21st-century-support-systems/
http://www.ipesp.ac.th/learning/websatiti/chapter6/unit6_1_4.html
http://www.krutermsak.in.th/index.php/2013-02-14-03-15-32/2-uncategorised/15-2013-
02-22-05-58-53
http://www.afaps.ac.th/~edbsci/pdf/km/pys3_pbl.pdf
http://www.suplopburi.net/bussiness-M.S.5/project3.html
๑๔๓
หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย
พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
หลักสูตรประกาศนยี บัตรวิชาชีพ
พุทธศกั ราช
2562
ประเภทวชิ าอตุ สาหกรรม
สาขาวชิ าช่างยนต์สํานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา
กระทรวงศึกษาธกิ าร
https://so01.tci-thaijo.org/index.php/AJMBU/article/download/197302/137274/597043
http://academic.obec.go.th/web/news/view/75
สํานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สพฐ.(Bureau of Academic Affairs and Educational Standards)
สาํ นกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา สพฐ. กระทรวงศึกษาธกิ าร
https://bsq.vec.go.th/th-
th/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%
95%E0%B8%A3/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%
A8%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A
3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E
(%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%8A)/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%8
1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A82562.aspx
https://bsq.vec.go.th/th-
th/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%
95%E0%B8%A3/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%
A8%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A
3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%9E
%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87(
%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%AA)/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%8
1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A82563.aspx
https://sites.google.com/site/viewnaiyana/naew-nom-khxng-kar-phathna-hlaksutr
๑๔๔
๑๔๕