๔๓
ท้าวทุมพร
ภูมหิ ลัง
ท้าวทุมพร เป็นนายช่างปราณตีฝีมือดีแต่ทำงานช้า ครั้งหนึ่งได้รับงานซ่อมแซมปราสาทไว้ แล้วนาย
ช่างทุมพรทำเสร็จไม่ทนั ตามเวลากลัวความผิดจงึ หนีเข้าปา่ แลว้ ไปพบกับกินรีตนหน่งึ หวังจะจับทำเมีย แต่นาง
ขอไว้เพราะมีลูกมีผัวแล้ว นายช่างทุมพรจึงให้นางสอนทำปีกหาง เมื่อทำเสร็จก็บินมาหยุดที่ ศาลา ณ เมือง
ไกรลาส และไดถ้ กู อญั เชิญใหข้ ้ึนครองราช ณ เมอื งไกรลาส พร้อมทงั้ เขา้ พิธีอภเิ ษกกับนางเทพกินรี
ลักษณะทางกายภาย
- ทา้ วทมุ พรเป็นนายชา่ งฝมี ือดแี ต่ทำงานช้า
- ท้าวทุมพรเป็นผู้มีบุญบารมสี ูง เพราะหลังจากทำปีกหางเสร็จแล้ว พระอินทร์ ได้ดลบันดาลให้บิน
มาตกยังเมอื งไกรลาส จนได้ขนึ้ ครองเมอื ง
- ท้าวทุมพรเป็นคนเจ้าชู้ เพราะมีเมียมีลูกอยูแล้วยังจะจับกินรีตนที่สอนทำปีกหางทำเมีย และ
สดุ ทา้ ยกย็ งั ไดเ้ ข้าพธิ ีอภิเษกกบั นางเทพกินรี
- ท้าวทุมพรเป็นคนเจ้าเครียดเจ้าแค้น เพราะคิดหาวิธีแก้แค้นพระสุธนด้วยวิธีต่าง ๆ สารพัด
เนือ่ งจากแคน้ ทีท่ า้ วอาทติ ย์ จะจับนางมโนหร์ าเผาไฟบชู ายญั
ลักษณะทางจติ ใจ
- ทา้ วทมุ พรเป็นผูม้ ีจิตใจอ่อนโยน เพราะยอมปล่อยนางกินรีทสี่ อนทำปีกหางไป ด้วยเหตุผลที่นางมี
ลกู มีผวั แลว้
- ท้าวทมุ พรเป็นผ้เู ศร้าหมอง เนือ่ งจากตอ้ งแยกจากลูกเมียในตอนทีเ่ ปน็ นายชา่ งธรรมดา จนกระทั่ง
ได้เป็นเจ้าเมืองไกรลาสก็ยังหนักใจ เพราะนางมโนห์ราพระธิดาองค์เล็กได้ถูกนายพรานบุณทฤสา
จบั ตัวไป ถวายแก่พระสุธน
- ท้าวทุมพรรักและห่วงลูกมาก เพราะเฝ้ารอ และหาทางแก้แค้นพระสุธนด้วยวิธีต่าง ๆ ให้นาง
มโนห์รา ทเ่ี อาตัวรอดกลับมาจากเมอื งมนุษย์ได้
๔๔
นางเทพกินรี
ภูมหิ ลัง
นางเทพกินรี เปน็ มเหสีของเจ้าเมืองไกรลาส และมธี ิดา ๖ นาง ต่อมาเจ้าเมืองไกรลาสสน้ิ พระชนม์ จึง
ทำให้ขาดผู้ครองเมือง เสนาจึงทำพิธีเสี่ยงทายแล้วราชรถได้ไปเกย ณ ศาลาที่นายทุมพรนอนอยู่ นางจึงได้
เข้าพิธอภิเษกกบั ท้าวทมุ พร แล้วไดต้ ้งั ครรภ์นางมโนห์รา เปน็ พระธดิ าองคท์ ี่ ๗
ลกั ษณะทางกายภาย
- นางเทพกนิ รีเป็นมเหสเี จา้ เมอื งไกรลาส
- นางเทพกินรเี ปน็ คนโงเ่ ขลา เพราะเอาปกี กับหางนางมโนหร์ าไปซ่อน แตก่ ลับซ่อนไมด่ ีจึงทำให้นาง
มโนห์ราแอบหนีไปได้
- นางเทพกินรีเป็นคนเจ้าชู้ เพราะมสี ามี ๒ คน เนื่องจากสามีเดิมส้ินพระชนม์ นางเทพกินรีกับธิดา
ทงั้ ๖ ต่างกไ็ ม่มพี ระโอรส จงึ ขาดผคู้ รองเมืองต่อไป จนได้ทำพิธีเสี่ยงทายโดยใชร้ าชรถ และได้เข้า
พธิ ีอภเิ ษกกับทา้ วทุมพร
- นางเทพกินรเี ปน็ คนเจ้าเครยี ดเจ้าแคน้ เพราะแคน้ นางมโนหร์ าที่ไม่ฟังคำเตือนแถมแอบหนีไปเล่น
น้ำในสระ จนกระทัง่ ถูกนายพรานบุณทฤสาจบั ตัวไปถวายแก่พระสธุ น
ลกั ษณะทางจิตใจ
- นางเทพกินรีเปน็ ผมู้ จี ิตใจออ่ นโยน เพราะยอมใหอ้ ภยั แก่นางมโนห์รา ท่ีหนีออกไปเล่นน้ำจนถูกจับ
ตัวไปถวายแกพ่ ระสธุ น จนกระทั่งนางหนีตายกลบั มายงั เมืองไกรลาสได้
- นางเทพกินรีเป็นผู้เศร้าหมอง เนื่องจากถูกพรากลูกในอกท้ังเป็น เพราะนางมโนห์ราพระธิดาองค์
เล็กได้ถกู นายพรานบณุ ทฤสาจับตัวไป ถวายแกพ่ ระสธุ น
- นางเทพกินรีรักและห่วงลูกมาก เพราะด้วยความเป็นแม่ ลูกจะทำผิดขนาดไหนก็ย่อมโกรธลูกไม่
ลง ทุกอย่าที่นางเทพกินรีทำไป ทั้งห้ามไมใ่ ห้ไปเล่นน้ำ ท้ังเอาปกี หางไปซ่อน ก็เพราะนางเป็นห่วง
ลูก กลวั เกดิ เหตอุ าเพศกบั นางมโนห์รา ด่ังคำทำนายของโหร ท่ที ำนายฝันของนางเทพกนิ รีท่ีฝันว่า
กำแพงหัก กรามสุดหลดุ ลงบนแทน่ ทอง
๔๕
พรานบุณทฤสา หรือ พรานบณุ
ภมู ิหลงั
พรานบุณทฤสา หรือ พรานบุณ เป็นบุตรของพรานเนสาทกับนางคำศรี ต่อมาเนสารทได้นำพรานบณุ
ไปถวายตวั รบั ใชแ้ ก่พระสธุ น พระสุธนจงึ ได้แต่งตง้ั ใหเ้ ปน็ กะโหมนพรานป่า และพรานบณุ มภี รรยาชื่อนาปิฑิตา
ณ คร้งั ท่พี รานบุณเข้าป่าเพื่อออกล่าสัตว์หวังจะนำมาถวายแก่พระสธุ น แต่วันน้ันกลบั ไม่มีสัตว์สักตัว แถมหลง
ปา่ จนไปเจอพญาครฑุ จับพญานาคหวงั กินเป็นอาหาร พรานจึงหยบิ ธนยู ิงพญาครฑุ จนพญานาคปลอดภัยแล้ว
ตกลงเป็นเพื่อนกัน หลังจากนัน้ พรานบุณไดเ้ ดินไปถึงสระนำ้ ใหญ่ แล้วเห็นเหล่ากินรีเล่นนำ้ อยู่จึงจับนางมโนห์
ราไปถวายแด่ พระสธุ น ตอ่ มาพระสุธนไปออกศึกทำใหโ้ หราใส่ร้ายนางมโนห์ราว่าเปน็ ลกู ผปี ่า ให้จบั นางไปบูชา
ยญั นางมโนห์ราหนีมาไดแ้ ละกลับไปยังเมืองไกรลาส พรานบุณกบั พระสธุ นตามไปแต่ไปเจอบ่อ จรเข้พระสุธน
ไล่พรานบุณให้กลบั ไปแจ้งแกท่ ้าวอาทติ ย์ว่าจะไม่กลับไปยังเมอื งอุดรบินจา ทา้ วอาทติ ย์โกรธทพ่ี รานบุณทิ้งพระ
สุธนไว้ จงึ สงั่ ขังคกุ
ลักษณะทางกายภาย
- พรานบณุ ทฤสาเป็นกะโหมนพรานป่า
- พรานบุณทฤสาเป็นคนเก่ง เพราะสามารถช่วยพญานาค ให้ปลอดภัยจากการเป็นเหยื่อของพญา
ครฑุ ได้
- พรานบุณทฤสาเป็นคนเจ้าจงรักภักดี เพราะนางมโนห์ราเป็นหญิงงาม พรานบุณจับได้ก็เอาไป
ถวายใหแ้ ดพ่ ระสุธน ไมย่ อมจบั นางมโนห์ราทำเมยี
- พรานบณุ ทฤสาเป็นคนรักเดยี วใจเดียว เพราะมนี างปฑิ ิตาเป็นศรีภรรยาคนเดยี ว
- พรานบุณทฤสาเปน็ คนรปู ชัว่ ตัวดำ แตไ่ ด้เมียงาม
ลักษณะทางจติ ใจ
- พรานบุณทฤสาผมู้ จี ติ ใจดี เพราะช่วยพญานาคใหร้ อดจากการเป็นอาหารพญาครุฑ
- พรานบณุ ทฤสาเป็นผู้เศรา้ หมอง เปน็ หว่ งพระสธุ น ในขณะท่ีตนถกู ต้องโทษติดคุกอยู่
- พรานบุณทฤสารักและห่วงนางมโนห์รา เพราะทันใดที่พรานบุณได้ข่าวว่า โหราเฒ่าจะจับนาง
มโนหร์ าบชู ายญั พรานบณุ ก็เตรยี มเครื่องอุปกรณ์หวงั จะมาชว่ ย ถ้าหากช่วยไม่ทนั จะปิดชีวิตโหรา
เฒา่ ทิง้
๔๖
การสรา้ งสรรคผ์ ลงานจากวรรณกรรมเรื่อง พระสุธน-มโนหร์ า ฉบับวัดโพธปิ ฐมาวาส
ช่ือผลงานสร้างสรรค์ : การสรา้ งสรรค์นาฏศิลปไ์ ทย ชุด นางเทพกินรีแต่งตวั
ผ้สู รา้ งสรรคผ์ ลงาน
นายสรวชิ ญ์ หางสลัด รหสั นักศึกษา ๖๑๘๑๑๖๓๐๔๒
สาขาวชิ านาฏยศิลป์ศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบา้ นสมเดจ็ เจ้าพระยา
๑. ที่มาและความสำคญั
วรรณกรรมท้องถ่นิ เรื่อง พระสุธน-มโนหร์ า ฉบับวดั โพธิปฐมาวาส นน้ั เป็นวรรณกรรมท่ีเผยแพร่มากใน
ภาคใต้ ทงั้ ทเ่ี ปน็ วรรณกรรมลายลักษณ์และวรรณกรรมมุขปาฐะ วรรณกรรมฉบบั นปี้ ระชาชนในท้องถ่ินเช่ือกัน
ว่าเป็นเรื่องพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้าที่สืบเนื่องมาจากพระรถ-เมรี ที่พระรถหนีกลับเมือง แล้วไม่หวน
กลับคนื มาหานาง นางเมรจี งึ ยอมกลั้นใจตาย แต่ก่อนตายนางเมรไี ดอ้ ฐิษฐานไวว้ ่าชาตินีน้ างต้องตดิ ตามหาพระ
รถชาติต่อไปขอให้พระรถติดตามหานาง เพื่อชดใช้กรรมในชาติหน้า ที่ได้ก่อไว้ในชาตินี้ วรรณกรรมฉบับท่ี
นำมาปริวรรตคร้งั นี้เปน็ ของ นายวจิ ติ ร สุรัตน์สัญญา และได้มอบให้แก่สถาบันทักษิณคดีศึกษา ต้นฉบับ
เดิมมีทั้งหมด ๙ เล่ม ขาดเล่ม ๘ วรรณกรรมฉบับนี้ มีเนื้อหาทำนองเดียวกันกับพระสุธน-มโนห์ราฉบับทั่วไป
แต่จะแตกต่างจากฉบับอื่น ๆ คือ เนื้อเรื่องโดยทั่วไป นางมโนห์รากับพี่ทั้งหก มีบิดามารดาร่วมโลหิตคน
เดยี วกัน คือท้าวทุมพร กบั นางเทพกนิ รี แต่ฉบบั นน้ี างมโนหร์ า มีมารดาร่วมโลหิต กบั พส่ี าวทั้งหก แต่ต่างบิดา
บิดาของนางมโนหร์ า คอื ท้าวทุมพร ส่วนพี่สาวทั้งหก เป็นธิดาของเจา้ เมืองไกรลาส กบั นางเทพกนิ รี
(สรุป) จากทีม่ าและความสำคัญข้างต้นทำให้ผสู้ ร้างสรรค์ได้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรมเร่ืองพระสุธน-
มโนห์รา ฉบับวัดโพธิปฐมาวาส และได้เล็งเห็นถึงบทบาทของ นางเทพกินรี ที่มีบทบาทเป็นนางกษัตริย์ที่ต้อง
เข้าพธิ อี ภเิ ษกกับท้าวทุมพร เพราะเจา้ เมืองไกรลาสสิ้นพระชน นางเทพกินรีกบั ธิดากนิ รีทัง้ หกองค์ไม่มีโอรสสืบ
สกลุ เสนาอำมาตย์จึงทำพิธีเส่ียงทายตามธรรมเนียมโบราณ และราชรถเสย่ี งทายไปเกยศาลาทน่ี ายทุมพรนอน
อยู่ เสนาจึงกราบทูลให้นายทุมพรขึ้นครองเมืองและอภิเษกกับนางเทพกินรี ในเวลาต่อมานางเทพกินรีจึงให้
กำเนิดนางมโนหร์ าธดิ าองคท์ ่ี ๗ ทำใหผ้ สู้ ร้างสรรคเ์ กดิ แนวคิดทจ่ี ะนำขอ้ มลู ดังกลา่ วมาวเิ คราะห์สร้างสรรค์เป็น
ผลงานศลิ ปะการแสดงนาฏศิลป์ไทย ในรูปแบบรำเดี่ยว ชุด “นางเทพกินรีแตง่ ตวั ”
๒. วัตถปุ ระสงค์
๑. เพ่อื ศึกษาบทบาทตวั ละครนางเทพกนิ รี จากวรรณกรรมเรื่อง พระสธุ น-นางมโนหร์ า ฉบับวดั
โพธปิ ฐมาวาส นำมาสร้างสรรค์เปน็ การแสดงนาฏศลิ ป์ไทย ในรูปแบบรำเดี่ยว ชุด “นางเทพกนิ รีแตง่ ตวั ”
๒. เพ่อื ศกึ ษาวิเคราะห์แบบแผนและกระบวนรำแตง่ ตัวของนางเทพกินรีทม่ี ี บทบาทอยใู่ นการแสดง
ละครชาตรี
๔๗
๓. เพือ่ สร้างสรรค์การแสดงรำเด่ียว ชุด “นางเทพกินรีแต่งตัว” จากบทแต่งตัวกินรใี นบทประพันธ์ เรื่อง
พระสธุ น-มโนหร์ า ฉบบั วัดโพธิปฐมาวาส
๓. ขน้ั ตอนการสร้างสรรคผ์ ลงาน
๑. กระบวนการสร้างแนวความคิด
๒. กระบวนการผลิตผลงาน
กระบวนการสร้างแนวความคดิ
กระบวนการสร้างแนวความคิดเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรก ในการสร้างสรรค์ผลงานทางด้านนาฏศิลป์
โดยในเบื้องต้น ต้องพิจารณาจากวัตถุประสงค์และข้อมูลที่ได้รับเป็นพื้นฐาน ต่อมาผู้สร้างสรรค์ได้ศึกษา
วรรณกรรมเรือ่ ง พระสุธน-มโนหร์ า ฉบับวัดโพธิปฐมาวาส จากบทประพันธผ์ ู้สรา้ งสรรค์ ไดเ้ จอตัวละครตัวหน่ึง
มีชอ่ื วา่ “นางเทพกินรี” ซ่ึงกำลังแต่งองค์ทรงเครื่องเพ่ือลงไปเขา้ พธิ ีอภเิ ษกกับท้าวทุมพร และได้ให้กำเนิดนาง
มโนห์รา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสรรค์ผลงานทางด้านนาฏศิลป์ไทย ในรูปแบบรำเดี่ยว ชุด “นางเทพกินรี
แตง่ ตัว” และเผยแพร่ให้การแสดงรูปแบบนีเ้ ปน็ ท่นี ิยมและแพร่หลายในวงการนาฏศิลป์และยังเป็นแนวทางให้
เกิดงานช้นิ ใหมข่ น้ึ อกี ด้วย
กระบวนการผลติ ผลงาน
เม่อื ผ่านกระบวนการในการสร้างแนวคิดและจินตนาการภาพของผลงานในระดับท่มี ีความเปน็ ไปได้แล้ว
จึงเข้าสู่กระบวนการผลิตผลงานด้วยวิธีการประมวลข้อมูลที่ได้และ กำหนดรูปแบบ กำหนดขอบเขต กำหนด
องคป์ ระกอบของการแสดงจากน้นั จึงออกแบบทา่ ทางและการเคลือ่ นไหวทางด้านนาฏยศลิ ป์ ดงั นี้
๑. การศกึ ษาประมวลข้อมูล
การศกึ ษาประมวลข้อมูลนี้ผูส้ ร้างสรรคผ์ ลงานได้เลือกใชว้ ธิ ีการอ่านวรรณกรรม เรอ่ื ง พระสุธน-มโนห์รา
ฉบับวัดโพธิปฐมาวาส จากการสังเกต การสอบถามและการศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม มาประมวลเข้าด้วยกัน
จากนั้นจึงทำการตรวจสอบความเพียงพอและความถูกต้องของข้อมูลทั้งหมดและต้องมีความสอดคล้องกับ
แนวคิดของผลงานท่ตี อ้ งการสร้างสรรค์ โดยขอ้ มลู ดังกลา่ วสามารถสรุปไดด้ ังน้ี
๑.ขอบเขตเนอื้ หา
ผู้สร้างสรรค์มุ่งเน้นที่จะศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับวรรณกรรม เรื่อง พระสุธน-มโนห์รา ฉบับวัด
โพธิปฐมาวาส เท่านนั้
๒. ขอบเขตการแสดง
ผู้สรา้ งสรรค์ผลงานตอ้ งการนำเสนอผลงานการแสดงในรปู แบบของนาฏศิลป์ไทยในรูปแบบรำเดี่ยว
ชุด “นางเทพกนิ รีแต่งตวั ” โดยใช้นักแสดงหญิง จำนวน ๑ คน ใช้ระยะเวลาในการแสดงประมาณ ๑๕ นาที
๔๘
๒. รปู แบบการแสดง
ผสู้ ร้างสรรคผ์ ลงานได้กำหนดรูปแบบของการแสดงชุด “นางเทพกนิ รีแต่งตวั ” โดยกำหนดใหอ้ ย่ใู ห้อยใู่ น
รปู แบบนาฏศลิ ป์ไทยประเภทรำเดยี่ ว ใชก้ ระบวนท่ารำท่ผี สมผสานระหวา่ งรำไทยแต่ยงั มีความเปน็ ชาตรี
หลงเหลืออยู่ โดยใชน้ กั แสดงหญิงนกั แสดง ๑ คน ใชร้ ะยะเวลาในการแสดงประมาณ ๑๕ นาที
จากการประมวลข้อมูลดงั กลา่ ว ผสู้ ร้างสรรคผ์ ลงานจึงไดก้ ำหนดรูปแบบการแสดงออกเป็น ๓ ชว่ ง ดังนี้
ชว่ งที่ ๑ ผแู้ สดงร่ายรำเพอ่ื สอื่ ความหมายถึงการเดินทางออกมาอาบนำ้
ชว่ งท่ี ๒ ผูแ้ สดงร่ายรำเพ่ือสื่อความหมายถึงการแตง่ กายอย่างกษตั ริย์
ชว่ งที่ ๓ ผู้แสดงรา่ ยรำกลับเข้าฉาก
๓.โครงสรา้ งท่ารำ
เป็นรูปแบบนาฏศลิ ป์ไทย ประเภทรำเดย่ี ว ใช้กระบวนท่ารำทีผ่ สมผสานกนั ระหวา่ งรำไทยแตย่ ังมีความ
เป็นชาตรี โดยที่ทา่ บางท่า อาจมกี ารใช้วงท่เี ป็นเหลยี่ ม ทำใหเ้ กิดมุม และมีองศาการใช้วงเข้ามาผสมด้วย
ดังตวั อย่างดังนี้ (ออกแบบทา่ รำที่ใชอ้ ย่างน้ี ๕ ท่า )
๑.ชอื่ ทา่ ทา่ สอดสงู
สอื่ ถึง ความยง่ิ ใหญ่
ความหมาย นางเทพกินรผี สู้ ูงศักด์ิ
๔๙
๒.ช่อื ทา่ นางเทพกินรีศรีใส
ส่อื ถงึ ตวั เรา
ความหมาย บอกว่าตวั เราคือนางเทพกินรี
๓.ชือ่ ท่า หม่ สไบมว่ งรว้ิ ทอง
ส่อื ถึง การห่มอาภรณ์
ความหมาย นางเทพกนิ รกี ำลังห่มอาภรณ์ สีเหลอื งทองขลิบมว่ ง
๕๐
๔.ชอ่ื ทา่ สวมรัดเกล้าดาวกระจาย
ส่อื ถึง การสวมใส่ศริ าภรณ์
ความหมาย นางเทพกนิ รีกำลังสวมใสศ่ ริ าภรณ์ รดั เกลา้ ดาวกระจาย
๕.ชอ่ื ท่า ดอกมาลา
สอื่ ถงึ ดอกไม้
ความหมาย นางเทพกนิ รีหยิบดอกมาลาเตรยี มไปเขา้ พิธีอภเิ ษกกับท้าวทมุ พร
๕๑
๔.โครงสร้างเคร่อื งแตง่ กาย
เคร่อื งแตง่ กาย สรา้ งสรรค์ข้ึนจากแนวคดิ หลกั ๓ ประการ ดงั นี้ การกำหนดรปู แบบเครื่องแตง่ กาย
กำหนดสรา้ งสรรคเ์ ครื่องแต่งกาย แต่ละส่วนตรงตามที่ได้กลา่ วบรรยายไวใ้ นบทแตง่ ตวั กินรี พระสธุ น-มโนห์รา
ฉบบั วัดโพธปิ ฐมาวาส โดยนำรปู แบบเคร่อื งแตง่ กายกนิ รีในการแสดง นาฏศิลปไ์ ทยดงั ท่ีไดศ้ กึ ษาข้อมลู ไว้ใน
เบอื้ งต้นมาผสมผสานกบั รูปแบบเครือ่ งแต่งกาย กินรที ี่พบในภาพจิตรกรรมและประตมิ ากรรม โดยมีการ
ประดษิ ฐ์ดัดแปลงรูปแบบของ เครอ่ื งแต่งกายบางส่วนเพอ่ื ใหม้ คี วามเหมาะสมกับการแสดง การกำหนดสีเครือ่ ง
แต่งกาย กำหนดสีเคร่ืองแต่งกายตามรูปแบบ ละครรำ โดยเลอื กใชส้ จี ากแมส่ ีเป็นหลกั สำหรับกำหนดสผี า้ นุ่ง
และใช้หลักคสู่ ีของ เคร่อื งแต่งกายแบบยนื เครื่องนางกำหนดสีของกรองคอและสะอิ้ง ดงั นี้
๑. ศีรษะตั้งรัดเกลา้ ยอดประดับดาวกระจาย
๒. ใส่กรรเจียกจร
๓. ชอ้ งผมปล่อยหางมา้
๔. ตดิ ดอกไม้ทดั ข้างซา้ ย
๕. มีอุบะชายดอกจำปี
๖. ในนางสีเหลืองทอง
๗. หม่ นางสีเหลืองขลบิ มว่ ง
๘. กรองคอแบบนางซัดสีมว่ ง
๙. ใสจ่ นี้ าง
๑๐.ผา้ นงุ่ จับจีบคลชี่ ายพกออกเป็นพัดสองฝ่งั ดังนางซัดใชส้ ีมว่ งทองลายพมุ่ ข้าวบนิ
๑๑.สะองิ้
๑๒.เข็มขัดทอง
๑๓.กำไลทอง
๑๔.ธำมรงค์ประดับนพรัตน์
๑๕.สวมรองเทา้ แกว้
๕๒
ตัวอย่างดังภาพ
๕๓
๕.โครงสร้างดนตรี
ดนตรีประกอบทำนองเพลง ป่ีพาทยท์ ำเพลงกนิ นรรำ ร้องเพลงกินนรรำ ร้องเพลงพระทอง ปพี่ าทยท์ ำ
เพลงเชดิ ฉิ่ง และใช้วงปี่พาทย์เคร่อื งหา้ ประกอบด้วย ปี่ใน ระนาดเอก ฆ้องวงใหญ่ กลองทัด ตะโพน และฉง่ิ มี
เน้อื รอ้ ง ดังนี้
- ป่ีพาทย์ทำเพลงกนิ นรรำ -
ร้องเพลงกนิ นรรำ
เมื่อนัน้ นางเทพกินรศี รใี ส
ได้เลาไปสงคงคาลยั ทรามวัยแต่งองค์ฉับพลนั
ร้องเพลงพระทอง
จวนจันทน์เครอ่ื งหอมอบตลบฟงุ้ แล้วทรงผ้านงุ่ ลายพุ่มคล่ีชายหน้า
หยิบสไบม่วงร้ิวทองห่มกายา เยอ่ื งย่างหงส์ลนิ ลาสวมเกศี
รดั เกล้าดาวกระจายลายแก้วมรกต ธำมรงค์สดแวววบั จบั ศรี
กำไลทองกรองคอเชิงถ้วนถ่ี เกอื กทองสง่ ศรดี วงมาลา
- ปี่พาทยท์ ำเพลงเชดิ ฉ่ิง -
๖.โอกาสในการแสดง
ใช้แสดงไดท้ ุกโอกาส ไมว่ ่าจะแสดงในงานมงคล หรือแสดงในงานอวมงคล งานในพธิ ี งานอวยพร งานรำ
โชว์ รำสลับสวด และงานรำบวงสรวงในพิธกี รรมตา่ ง ๆ
๗. ประโยชน์ทีไ่ ด้รบั
๑. ได้ผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นนาฏศลิ ป์ไทย ในรูปแบบรำเด่ียว ชดุ “นางเทพกินรีแต่งตวั ” จาก
วรรณกรรมเร่ือง พระสุธน-มโนหร์ า ฉบบั วดั โพธปิ ฐมาวาส
๒. ไดป้ ระสบการณต์ รงในการทำงานสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ
๓. ไดศ้ ึกษาวรรณกรรมเร่ือง พระสธุ น-มโนหร์ า ฉบบั วดั โพธิปฐมาวาส อย่างละเอียด และไดเ้ ห็น
ถงึ ความแตกตา่ ง ระหวา่ งฉบับวัดโพธิปฐมาวาส กับฉบบั ทั่วไป
๔. ได้ศึกษาบทประพันธ์ และถอดคำประพันธจ์ ากบทประพนั ธ์เดมิ ทย่ี ังไมผ่ ่านการปรุงแต่ง
๕๔
เอกสารอ้างองิ
(วิจติ สุรตั นส์ ัญญา.(๒๕๔๕).การปริวรรตวรรณกรรมท้องถิน่ ภาคใต้ประเภทหนังสือบุด.สงขลา:สถาบนั
ทกั ษิณคดีศกึ ษา หมาวทิ ยาลัยทกั ษิณ)
วิจติ สุรัตน์สัญญา.(๒๕๔๕).การปรวิ รรตวรรณกรรมท้องถิ่นภาคใต้ประเภทหนังสอื บดุ .สงขลา:
สถาบนั ทกั ษณิ คดศี กึ ษา หมาวิทยาลยั ทกั ษิณ.
เปรมชยั เพ็งสขุ .(๒๕๖๒).ศลิ ปกรรมสาร.หนา้ ๗๑ ; เปรมชยั เพง็ สุข.บทร้อง.หน้า ๗๗.
๕๕
ภาคผนวก
๕๖
๕๗
๕๘
๕๙
๖๐
๖๑
๖๒
๖๓
๖๔
๖๕
๖๖
๖๗
๖๘
๖๙
๗๐
๗๑
๗๒
๗๓
๗๔
ประวัตยิ อ่ นกั ศึกษา
ข้อมูลสว่ นตัว
ช่อื นายสรวิชญ์ หางสลดั ชือ่ เลน่ โน่
รหสั ประจำตัวนักศึกษา ๖๑๘๑๑๖๓๐๔๒ นักศึกษาชั้นปีที่ ๓
เกิด วันพฤหัสบดี ท่ี ๒๙ เดือน กรกฎาคม พทุ ธศักราช ๒๕๔๒ ปี เถาะ
ภูมลิ ำเนา อาศัยอยู่บา้ บเลขท่ี ๒๙๘ หมู่ ๙ บา้ นหลังสนั ตำบลวงั ตะเฆ่ อำเภอหนองบัวระเหว
จงั หวดั ชยั ภูมิ รหสั ไปรษณีย์ ๓๖๒๕๐
งานอดเิ รก ทำเคร่ืองประดบั (ศิราภรณ์) ออกแบบกราฟฟิก ศึกษากระบวนการรำเพิ่มเติม
ขอ้ มูลทางดา้ นการศกึ ษา
ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรยี นบ้านท่าโปง่ จงั หวดั ชยั ภูมิ ปี พ.ศ.๒๕๖๑
ระดบั ปริญญาตรี หลักสตู รครุศาสตร์บณั ฑติ สาขาวชิ า นาฏยศลิ ป์ศึกษา (ค.บ. ๕ ปี)
คณะมนุษยศาสตร์ และสงั คมศาสตร์
มหาวิทยาลยั ราชภัฏบา้ นสมเด็จเจา้ พระยา
ที่อยู่ทส่ี ามารถตดิ ต่อได้
๙๐๙/๕๑ วังรงุ่ โรจนอ์ พารท์ เมนท์ ซอยอสิ รภาพ ๑๓ แขวงหริ ัญรูจี เขตธนบรุ ี จังหวัดกรุงเทพมหานคร
๑๐๖๐๐ โทร ๐๙๓-๔๘๕๗-๔๗๖
๗๕