The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Waranya Santhoi, 2023-03-09 22:55:33

สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล

สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล

สิ่สิ่ สิ่สิ่ งมีมี มีมี ชีชี ชีชี วิวิ วิวิ ตใต้ต้ ต้ต้ ท้ท้ ท้ท้ องทะเล by เด็กชายศรัณยู เสนา นางสาวรัญญา สารถ้อย นางสาวเจนจิรา จันนะ


สิ่งมีชิวิตใต้ท้องทะเล สามารถแบ่งแหล่งที่อยู่ได้เป็น 7 หัวข้อใหญ่ ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งมีชิวตใต้ท้องทะเล 1.1 สัตว์ที่อาศัยอยู่ในเขตนํ้าขึ้นนํ้าลง ตามปกติแล้วระดับนํ้าของทะเลจะ มีการเปลี่ยนแปลงเป็นประจำ ทุกวัน คือ วันละ ครั้งหรือสองครั้ง เนื่องจาก อิทธิพลของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ โดยเราทราบได้จากการสังเกตในเวลา ที่มี นํ้าขึ้น-นํ้าลง ตามชายฝั่งหรือตามเกาะต่าง ๆ โดยทั่ว ๆ ไปบริเวณเขตนํ้า ขึ้น-นํ้าลง จะมีสิ่งมีชีวิตนานาชนิดอาศัยอยู่มากมาย ซึ่งจะแตกต่างกันไปตาม ลักษณะของบริเวณเขตนํ้าขึ้น-นํ้าลง และสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีความ ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา บริเวณชายฝั่ง ทะเลที่เป็นบริเวณเขตนํ้าขึ้น-นํ้าลงนั้น จะมีลักษณะแตกต่างกันไป ซึ่งเรา สังเกตเห็นได้อย่างเด่นชัด เช่น หาดทราย หาดหิน และหาดโคลน เป็นต้น ตาม ธรรมชาติตามแอ่งนํ้าขึ้น-นํ้าลงเช่นนี้จะพบ กุ้ง ลูกปลาบางชนิด หอยนางรม ปู เสฉวน เม่นทะเล ดอกไม้ทะเล ดาวทะเล ฯลฯ


1.2 ปลาในแนวปะการัง บริเวณแนวปะการังนับเป็นแหล่งที่มีความ อุดม สมบูรณ์แห่งหนึ่งของทะเล เพราะสัตว์ทะเลหลาย ชนิดอาศัยบริเวณนี้เป็นที่อยู่ อาศัย เป็นที่หลบ ซ่อนภัยและเป็นแหล่งอาหาร นอกจากนี้แล้ว ยังใช้เป็นที่ สำ หรับผสมพันธุ์ วางไข่ และเจริญเติบ โตของสัตว์ตัวอ่อนอีกด้วย สำ หรับปลา ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ส่วนใหญ่ จะเป็นปลาที่มีขนาดและมีสีสันสวย งาม เช่น ปลาสลิด ปลาการ์ตูน ปลาเขียวพระอินทร์ ปลาผีเสื้อ และปลาโนรี เป็นต้น


1.3 การอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตในทะเลเหมือนกับสิ่งมีชีวิตบน บกคือ มีการอยู่ร่วมกัน และพึ่งพาอาศัยกัน ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การอยู่ร่วม กันแบบที่ เรียกว่า “ซิมไบโอซิส” (Symbiosis) ซึ่งหมายถึงการที่สิ่ง มีชีวิตสอง ชนิดอาศัยอยู่รวมกัน หรืออยู่ ปนกันโดยต่างฝ่ายต่างได้รับประโยชน์ซึ่ง กันและ กัน เช่น ปลาการ์ตูน หรือ ปลาอินเดียแดงสามารถอยู่ร่วมกับ ดอกไม้ทะเล (sea anemone) ได้ โดยที่ปลา เหล่านี้จะอาศัยดอกไม้ทะเลเป็นที่หลบ ภัยและ สืบพันธุ์ ส่วนดอกไม้ทะเลจะได้รับ ประโยชน์จากปลาโดยการล่อเหยื่อหรือชัก นำ เหยื่อให้เข้ามาใกล้พอที่ดอกไม้ทะเล จะจับเป็นอาหารได้ ดอกไม้ทะเลมีหนวด อยู่เป็นจำ นวนมากและ ที่บริเวณปลายหนวดของมันจะมีเข็มพิษหรือ ที่เรียกว่า “นีมาโตซีส” (Nematocyst) อยู่เป็นจำ นวน มาก นอกจากเข็มพิษนี้แล้ว บริเวณหนวดของดอกไม้ ทะเลอาจ มีเมือกเหนียว ๆ อยู่ด้วย เวลาที่ปลาว่าย เข้า มาใกล้ตัวมันจะใช้หนวดพันปลาไว้ แล้ว จะปล่อยเข็มพิษ ทำ ให้ปลาสลบ หรือช็อคตายแล้ว กินปลานั้นเป็นอาหารสำ หรับเข็มพิษของดอกไม้ทะเลเหล่านี้ ไม่ เป็นอันตรายต่อปลาการ์ตูน ปลาอินเดียแดงหรือปลาที่ อยู่ร่วมกับดอกไม้ ทะเลเหล่านี้ เพราะปลาดัง กล่าวมีสารเคมีที่มีลักษณะเป็นเมือกหุ้ม ตัวอยู่โดย รอบ ซึ่งเป็นลักษณะที่ธรรมชาติสรรค์ สร้างให้มันอาศัยอยู่ร่วมกัน โดยทั่ว ๆ ไปดอกไม้ ทะเลอาจไม่มีพิษกับคน ยกเว้นในกรณีของ บางคนอาจมีอาการแพ้ เกิดขึ้นถ้าไป สัมผัสเข้า โดยจะเกิดผื่นแดง และมีอาการคันหรือ บวมได้


1.4 สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังนํ้าเค็มเป็นสัตว์โครงร่างแข็งที่ไม่ใช่กระดูก อยู่ภายในลำ ตัว และ บางชนิดมีเปลือกแข็งหุ้มอยู่ภายนอก เพื่อป้องกัน อันตราย และใช้ยึดของกล้ามเนื้อ เช่น หอย หมึก กุ้ง หนอนทะเล และ ฟองน้ำ ว่าเป็น สัตว์กลุ่มใหญ่ในทะเลและมหาสมุทร สัตว์จำ พวกนี้ มีลักษณะแตกต่าง กันออกไปทั้งขนาด รูปร่าง ที่ อยู่อาศัและอุปนิสัยในการกินอาหารบางชนิดมี อันตรายแต่หลายชนิดก็มีประโยชน์และมีความสำ คัญทางเศรษฐกิจ สัตว์เหล่า นี้ได้แก่ สัตว์ในไฟลั่มโพริเฟอร์รา(Phylum Porifera) ไฟลั่มซีเลนเท อราต้า (Phylum Coelenterata) ไฟลั่มมอลลัสกา (Phylum Mollusca) ไฟลั่มอาร์ โทรโปดา (Phylum Arthropoda) และ ไฟลั่มเอคไคโนเดิร์มมาต้า (Phylum Echinodermata) เป็นต้น


1.5 ปลาเศรษฐกิจ ในทะเลและมหาสมุทรเขตร้อนเป็นบริเวณที่ค่อนข้างมี ปลาชุกชุม และปลาหลายชนิดเป็นปลาที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ เกี่ยวกับ ประเภทของปลาที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 2 พวก คือ 1.5.1 พวกที่นำ มาเป็นอาหาร ส่วนมากเป็นปลาที่พบเห็นโดยทั่วไป และ ชาวประมงจับขึ้นมาเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากปลาเศรษฐกิจที่นำ มาเป็นอาหาร นั้นมีจำ นวนมาก ฉะนั้นเราจึงขอแนะนำ ให้รู้จักเพียงบางชนิด เช่น ปลากะรัง หรือที่เรียกกันว่า “ปลาเก๋า” นอกจากนี้ก็มีปลากะพง ชนิดต่าง ๆ ปลาอีคุด ปลา สีขน ปลาสร้อยนกเขา และ ปลาหูช้าง เป็นต้น 1.5.2 พวกที่นำ มาเลี้ยงเพื่อความสวยงาม ส่วนมากเป็นที่อาศัยอยู่ใน บริเวณปะการัง ได้แก่ ปลาสลิดทะเล ปลานกแก้ว ปลานกขุนทอง ปลาสิน สมุทร ปลาผีเสื้อ ปลาข้าวเม่านํ้าลึก ปลาเหล่านี้นอกจากจะนำ มาเป็นอาหารได้ แล้ว ปัจจุบันยังนิยมนำ มาเลี้ยงเป็นปลาตู้สวยงามด้วย ทำ ให้มีราคาค่อนข้าง แพง เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ฉะนั้นเราจึงจัดปลา สวยงามเหล่านี้ไว้ในกลุ่มปลาเศรษฐกิจด้วย ปลาในกลุ่มนี้มีลักษณะหลายแบบ แตกต่างกันออกไป บางชนิดมีลวดลายและสีสันที่เป็นการปรับตัวให้เข้ากับ สภาพแวดล้อมและเพื่ออำ พรางศัตรู


1.6 ปลารูปร่างแปลกและปลามีพิษ ปลาบางชนิดมีรูปร่างแปลก โดยมีรูป ร่างหรือสีกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม เพื่อหลบหลีกศัตรูหรือพรางตาเหยื่อ ปลาบางจำ พวกนอกจากมีรูปร่างแปลกแล้ว ยังมีสีสันสวยงามและมีพิษด้วย ปลาประเภทนี้มีประมาณ 500 ชนิด รวมถึงปลาบางชนิดที่รับประทานแล้วเป็น พิษต่อมนุษย์ โดยทั่วไปปลาทะเลต่าง ๆ นั้นมีรูปร่างผิดแปลกแตกต่างกันไป ตามอุปนิสัยการกินอาหารการหลบซ่อนตัว หรือการอยู่อาศัย บางชนิดมีรูปร่าง แบนลง เพื่อให้เหมาะสมกับการหากินบริเวณหน้าดิน เช่น ปลากระเบน ปลาลิ้น หมา ปลาวัว ปลาไหลทะเล ปลาปักเป้า ปลาสิงโต ปลาเหาฉลาม ปลาฉลามกบ ปลากระเบน ปลาลิ้นหมา ปลาปักเป้า ปลาไหลทะเล ปลาฉลามกบ


1.7 ปลาที่อาศัยในมหาสมุทร ในทะเลและมหาสมุทรมีปลาขนาดใหญ่ หลายชนิดอาศัยอยู่ มีขนาดตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ปลาที่มีขนาดเล็ก รวมทั้งพวกที่มีสีสันสวยงามหลายพวก มักจะอาศัยอยู่ใกล้ฝั่งหรืออยู่ในที่มี อาหารอุดมสมบูรณ์ มีที่กำ บังและหลบภัย อาศัยอยู่มากในช่วงความลึกไม่เกิน 1,000 เมตร จากผิวนํ้า ได้แก่ ปลาที่เรารู้จักดี เช่น ปลาโอ ปลากะพงขาว ปลา หมอทะเล ปลาอินทรีย์ ปลากระเบน ปลาหมอทะเล ปลาฉลาม เป็นต้น ปลาอีก หลายชนิดอาศัยอยู่ลึกลงไปเกือบถึงพื้นสมุทร ซึ่งลึกประมาณ 2,000 เมตร เช่น ปลาคอด เป็นต้น


สิ่งมีชีวิตใต้ทะเล 2.1 ปะการังไฟปะการังไฟเป็นไฮโครซัวชนิดหนึ่งพวกเดียวกับขนนกทะเล และสร้างฐานรองรับเป็นหินปูนแข็งและสร้างฐานรองรับโพลิปเป็นหินปูนแข็ง ตัวโพลิปปะการังไฟมีรูปร่างสองแบบแบบหนึ่งหนึ่งทำ หน้าที่จับเหยื่อกินอาหาร และมีหนวดเรียกว่าแดดทิลโลซูออยด์ และอีกแบบที่ไม่มีหนวด มีหน้าที่รับ ความรู้สึกสัมผัสและสร้างเข็มพิษ ใช้สำ หรับฆ่าเหยื่อหรือป้องกันตัว โพลิปแบบ นี้เรียกว่าแดดซิลโซลูออยด์ เมื่อเราไปสัมผัสปะการังไฟน้ำ พิษจากเข็มพิษจึง ทำ ให้เกิดอาการคันได้รูปร่างของปะการังนั้นส่วนใหญ่จะคล้ายกับปะการังก้อน ปะการังผักกาดหรือปะการังเขากวางปะการังไฟทุกชนิดอาศัยอยู่รวมกันเป็น โคโลนี กินแพลงตอนและอินทรียวัตถุในน้ำ เป็นอาหาร สืบพันธุ์ได้ทั้งแบบ อาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ (สุรินทร์ มัจฉาชีพ,2518)


2.2 กัลปังหา กัลปังหาเป็นสัตว์ทะเลพวกเดียวกับปะการังทุกชนิดอาศัย อยู่รวมกันเป็นโคโลนีแตโพลิปมีหนวดแปดเส้นรอบปาก หนวดแต่ละเส้นมี แขนงแตกออกคล้ายใบปรงหรือเฟริ์น กัลปังหากินแปลงตอนเป็นอาหาร โดย ใช้หนวดรวบใส่ปากตรงกลาง การย่อยเกิดในกระเพาะที่มีลักษณะเป็นถุง หลัง จากย่อยแล้งกากอาหารจะถูกคายออกทางปากกัลปังหานั้นจะอาศัยอยู่ตาม แนวปะการังหรือกองหินใต้น้ำ เท่านั้นเพราะต้องการยึดเกาะกับพื้นแข็งแต่จะ ไม่สามารถงอกอยู่ที่พื้นทรายหรือโคนได้ และการที่กัลปังหามีการแตกกิ่งก้าน ออกไปสัตว์หลายชนิดจึงมักมาอาศัยพึงพาอยู่กับกัลปังหา เช่นปลาสลิดหิน ขนาดเล็ก ใช้เป็นที่หลบกำ บังศัตรู หอยสองกาบใช้กัลปังหาเป็นที่ยึดเกาะ ดาว ตาข่ายดาวขนนก กุ้งขนาดเล็ก ใช้กัลปังหาเป็นที่เกาะสำ หรับคอยดักจับอาหาร ที่ลอยมากับน้ำ (สุรินทร์ มัจฉาชีพ,2518)


2.3 ลิ่นทะเล ลิ่นทะเลเรียกอีกอย่างว่า “หอยแปดเกล็ด” จัดเป็นสัตว์ที่มี ลำ ตัวอ่อนนิ่มหรือมอลลัสเช่นเดียวกับหอยและหมึกทั่วไป รูปร่างคล้ายกับทาก ดินไม่มีส่วนหัวและห่างที่ชัดเจนลำ ตัวเป็นรูปไข่ ด้านบนโค้งนู้น และมีเปลือก คล้ายเกล็ดจำ นวน 8 แผ่นเรียงซ้อนกันจากด้านหน้าไปยังด้านท้ายคล้าย กระเบื้องมุงหลังคายกเว้นบางชนิดเกล็ดอาจเรียงต่อกันเป็นแถวๆรอบๆเกล็ด เป็นแมนเทิลที่ปกคลุมด้วยหนามสั้นๆ ด้านล่างตรงกลางมีกล้ามเนื้อเท้ารูปไข่ เป็นพื้นแบนเรียบช่วยในการเคลื่อนที่ ปากของลิ่นทะเลอยู่ด้านหน้า ภายในปาก มีแผ่นลิ้นใช้ในการขูดสาหร่าย ไลเคนซ์กินอาหารที่อยู่ของลิ่นทะเลสามารถพบ ได้ตามโขดหินริมชายฝั่งทะเลและรอบเกาะ (สุรินทร์ มัจฉาชีพ,2518)


2.4 หอยฟองน้ำ หอยฟองน้ำ หรือที่เรียกทั่วไปว่าหอยม่วง จัดอยู่ในกลุ่ม หอยกาบเดี่ยว รูปร่างคล้ายหอยโข่ง มีเปลืองม่วงขนาดประมาณ 2-3 เซนติเมตรเป็นหอยที่สร้างฟองอากาศเป็นทุ่นลอยตัวไปตามผิวทะเลและจัด เป็นแพลงตอนชนิดหนึ่ง เมื่อถูกคลื่นลมพัดเข้าสู่ชายฝั่ง จึงถูกซัดขึ้นมาเกย แห้งอยู่บริเวณริมหาด พบอยู่ทั่วไปตามทะเลเขตร้อน หอยฟองน้ำ เป็นสั่ตว์กิน เนื้อขณะที่ล่องลอยไปตามผิวทะเลจะจับแพลงตอนสัตว์อื่นๆกินเป็นอาหาร เช่นแมงกระพรุนเหรียญ (สุรินทร์ มัจฉาชีพ,2518)


2.5 หอยแต่งตัว หอยแต่งตัวเป็นหอยกาบเดียวรูปฝาชี มียอดเป็นมุม ป้าน รูปร่างคล้ายหมวกเวียดนาม จัดอยู่ในวงเดียวกับหอยหมวก เปลือกมักมี สีครีมและสีเหลืองอ่อนและมีเปลือกหอยชนิดอื่นติดไว้ตามเปลือกของตัวเอง พฤติกรรมนี้เป็นการกระทำ เพื่อปรับตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่หอย ชนิดนี้อาศัยอยู่ตามแนวปะการังที่มีเศษวัสดุจำ พวกเปลือกหอยหรือซาก ปะการังกองทับถมกันอยู่ หอยแต่งตัวพบใกล้ชายฝั่งบริเวณแนวปะการังมีอยู่ ไม่มากนัก (สุรินทร์ มัจฉาชีพ,2518)


ระบบนิเวศวิทยาทางทะเล ระบบนิเวศทางทะเล (อังกฤษ: Marine ecosystem) เป็นระบบนิเวศที่มี ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ของระบบนิเวศในแหล่งน้ำ ทุกชนิด ซึ่งรู้จักกันดีในพื้นที่ มหาสมุทร, กลุ่มดินเค็ม และ เขตน้ำ ขึ้น-น้ำ ลง, ปากแม่น้ำ และ ทะเลสาบน้ำ เค็ม, ป่าโกงกาง และ แนวปะการัง, ทะเลน้ำ ลึก และ สัตว์ทะเลหน้าดิน สามารถ เทียบได้กับแหล่งน้ำ จืด ซึ่งมีปริมาณเกลือเข้มข้นกว่า ระบบนิเวศทางทะเล ครอบคลุมพื้นที่ 3 ใน 4 ส่วนของโลก ซึ่งถือได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่เป็นพืชได้สนับสนุน กันและกันกับสัตว์ ในทางกลับกันเราอาจจะมองเห็นห่วงโซ่อาหารได้หลาก หลายอย่างระบบนิเวศทางทะเล มีความสำ คัญมากต่อสมดุลโดยรวมของนิเวศ บนบก และในน้ำ , ตามที่ศูนย์วิจัยทรัยากรณ์โลก ได้ระะบุว่า เพียงบริเวณ ชายฝั่งทะเลเพียงอย่างเดียว มีปริมาณความหลากหลายทางชีวภาพสูงถึง 1 ใน 3 ส่วนของโลก (เช่น บึงเกลือ หญ้าทะเล ป่าชายเลน) จัดอยู่ในประเภทผู้ ผลิตที่มีปริมาณมากที่สุดในภูมิภาค, ในระบบนิเวศทางทะเลอื่นๆ เช่น แนว ปะการัง ก็ยังเป็นแหล่งที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตอีกมากมาย


สิ่งมีชีวิตที่หายากในท้องทะเล 4.1 ปลาไวเปอร์ (Viperfish) ส่วนมากสีของมันจะดำ สนิทมันมีฟันเหมือน เข็มยาวและคมมากมีขากรรไกรเหมือนบานพับปลาไวเปอร์นั้นถือเป็นนักล่า ขนาดเล็กเนื่องจากมันมีขนาดยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตรเท่านั้น แต่มัน ก็อาศัยอยู่ในความลึกถึง 80 - 4,400 เมตรซึ่งในความมืดมิดนั้น มันจะมีการ เรืองแสงเป็นจุดๆ ที่เรียกว่าphotophores เป็นลายไปตามท้องของมัน มี ทั้งหมด 9 ชนิด ส่วนมากอายุโดยเฉลี่ย 15-30 ปีในตอนกลางวันพวกมันจะอยู่ บริเวณน้ำ ลึกในเวลากลางคืนส่วนใหญ่อยู่ในเขตน่านน้ำ เขตร้อน พวกมันมีอายุ ขัยได้ถึง 40-30 ปี แต่อาจอยู่ไม่ถึงเนื่องจากจะตกเป็นเหยื่อของฉลามและ โลมา พวกมันสามารถว่ายน้ำ ได้ไม่เร็วมากนัก ตัวของมันนั้นถึงดูเหมือนปกคุม ด้วยเกล็ดแต่ไม่ใช่เพราะพวกมันมีสารอื่นปกคลุม


4.2 แตงกวาทะเล (sea cucumber) แตงกวาทะเล มักคลานไปทั่วพื้น ทะเลอย่างช้าๆ ซึ่งแตงกวาทะเลมีสิ่งที่น่ากลัวก็ก็คือการปล่อยสารเคมีพิษชื่อ โฮโลธูริน ออกมาเมื่อโดนรบกวนหรือทำ ร้าย ซึ่งสารเคมีนี้สามารถฆ่าหรือ ทำ ให้สัตว์ แถวนั้นขยับร่างกายไม่ได้ 4.3 ปลาซีโรบินปลาซีโรบิน สามารถพบได้ในน่านน้ำ เขตร้อนลึกๆ ทั่วโลก พวกมันมีเกล็ดแข็งๆ และหนวดตรงคางเพื่อเอาไว้หลอกเหยื่อ


4.4 หมึกแวมไพร์ (Vampire squid) หมึกแวมไพร์ เป็นสัตว์ที่มีอายุอยู่ มานานกว่า 200 ล้านปีแล้ว โดยจัดอยู่ในวงศ์ Vampyroteuthidaeและสกุล Vampyroteuthis ซึ่งมีเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่ยังดำ รงเผ่าพันธุ์มาจนถึง ปัจจุบัน นับเป็นสายที่เชื่อมต่อระหว่างหมึกสายกับหมึกกล้วย หมึกแวมไพร์ ได้ ชื่อนี้มาจากรูปร่างหน้าตาที่แลดูน่ากลัว โดยมีพังผืดเชื่อมต่อกันระหว่างหนวด แต่ละเส้นทั้งหมด 8 เส้น เสมือนร่มหรือครีบ แลดูคล้ายเสื้อคลุมตัวใหญ่ ใช้ สำ หรับว่ายไปมาเหมือนการบินของนกหรือค้างคาว แต่หมึกแวมไพร์กลับเป็น สัตว์ที่ไม่มีอันตรายใดๆ มีความยาวเต็มที่ประมาณ 28 เซนติเมตรเท่านั้น มีสี ผิวน้ำ ตาลแดงปนดำ ด้านในของลำ ตัวเป็นสีดำ สนิทและมีหนามแหลมๆ เรียง ตัวตามแนวของหนวด มีดวงตากลมโตสีแดงก่ำ หรือสีน้ำ เงินหมึกแวมไพร์ เป็นหมึกที่อาศัยอยู่ในทะเลลึกที่มีความลึกตั้งแต่ 300-3,000 เมตร เป็นสถาน ที่ ไม่มีแสงและมีปริมาณออกซิเจนน้อย แต่หมึกแวมไพร์ก็อาศัยอยู่ได้เป็น อย่างดีและมักตกเป็นอาหารของสัตว์ทะเลที่มีขนาดใหญ่กว่าได้ จึงมีกลไกใน การป้องกันตนเองด้วยการเรืองแสงลำ ตัวตัวเองได้ ซึ่งเกิดจากแบคทีเรีย ที่ ส่องแสงเรืองๆ เป็นสีฟ้าหรือสีน้ำ เงิน ซึ่งทำ ให้ตาของผู้ที่มาคุกคามพร่ามัว


4.5 ปลาน้ำ แข็งจระเข้ (Crocodile Icefish) ปลาน้ำ แข็งจระเข้หรือปลา เลือดขาว เป็นปลาที่อาศัยอยู่ในน้ำ เย็น บริเวณแอนตาร์คติกาและทางใต้ของ อเมริกาใต้ พวกมันมีร่างกายใสและมีเลือดที่ใสเหมือนน้ำ เนื่องจากเลือดของ มันไม่มีฮีโมโกลบินหรือไม่มีเม็ดเลือดแดง เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังเพียงชนิด เดียวในโลกที่ไม่มีฮีโมโกลบิน ปลาน้ำ แข็งจระเข้กินเคย โคพีพอดส์ แพลงก์ ตอนและปลาเป็นอาหาร พวกมันมีระบบเผาผลาญที่อาศัยเพียงออกซิเจนที่ ละลายในเลือดใสๆ ของพวกมัน ที่มีความเชื่อว่า ออกซิเจน จากน้ำ ถูกดูดซึม เข้าทางผิวหนังของปลาโดยตรง (ทั่วไปปลาจะดูดซึมออกซิเจนผ่านเหงือก)


สิ่งมีชีวิตที่อันตรายในท้องทะเล 5.1 แมงกินลิ้น (Tongue-eating Louse)แมงกินลิ้น เป็นปรสิตจำ พวก กุ้ง กั้ง ปู มีความยาวตั้งแต่ 3-4 เซนติเมตร แมงกินลิ้นจะเข้าไปในปากของ ปลาทางเหงือกและเกาะที่ลิ้นของปลา แมงกินลิ้นจะใช้ก้ามที่ขาสามคู่หน้าหนีบ ลิ้นของปลาไว้ทำ ให้เลือดออก ยิ่งแมงกินลิ้นตัวโตขึ้น ลิ้นของปลาก็จะมีเลือด ไหลเวียนได้น้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งลิ้นนั่นฝ่อเนื่องจากขาดเลือด จากนั้นแมง กินลิ้นจะเอาตัวเองติดกับกล้ามเนื้อลิ้น ซึ่งปลาจะใช้แมงกินลิ้นได้เหมือนลิ้น ปกติ แมงกินลิ้นจะดูดเลือดหรือไม่ก็กินเนื้อเยื่อของของปลาเป็นอาหาร โดยไม่ ได้กินเศษอาหารของปลาแต่อย่าง


5.2 ปลาฉลามก็อบลิน (Goblin Shark)ฉลามก็อบลิน เป็นปลาฉลามน้ำ ลึกที่พบเห็นตัวได้ยาก เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวในวงศ์และสกุลเดียวกันนี้ก็ ยังดำ รงเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน ถือได้ว่าเป็น "ซากดึกดำ บรรพ์มีชีวิต" มี ความยาวเต็มที่ 3 - 4 เมตร ปลาฉลามก็อบลินมีลักษณะเด่น คือ บริเวณส่วน หัวด้านบนที่มีส่วนกระดูกที่ยื่นแหลมออกไปข้างหน้าเหนือกรามบน ในปากเต็ม ไปด้วยฟันที่แหลมคม ซึ่งส่วนหัวที่ยื่นยาวออกไปนั้น ด้านล่างประกอบไปด้วย อวัยวะเล็กๆ หลายร้อยอันที่ทำ หน้าที่เหมือนเซนเซอร์ตรวจจับคลื่นไฟฟ้าของ สิ่งมีชีวิตต่างๆ เพื่ออาหารซึ่งได้แก่ ปู หรือสัตว์น้ำ ชนิดต่างๆ ที่หลบซ่อนตัวลง ในพื้นโคลนใต้ทะเล ซึ่งเป็นสถานที่หาอาหารได้ยากยิ่ง อีกทั้งกรามยังสามารถ ขยายออกมาเพื่อพุ่งงับเหยื่อมิให้หลุดไปได้ ฉลามก็อบลินอาศัยอยู่ในเขตน้ำ ลึก ได้มากกว่า 100 เมตร ซึ่งอาศัยอยู่ในทะเลน้ำ ลึกแถบมหาสมุทร แปซิฟิคตอน ใต้ไล่ไปจนถึงมหาสมุทรแอตแลนติคและมหาสมุทรอินเดียตอนใต้


5.3 .แมงกะพรุนสีแดงเลือด แมงกะพรุนสีแดงเลือดหรือ Atolla wyvillei เป็นสัตว์น้ำ ลึกที่สามารถปล่อยแสงสีฟ้าน่าสะพรึงกลัวออกมาได้เมื่อ โดนรบกวน แสงที่ปล่อยออกมาจากตัวแมงกะพรุนสีแดงเลือดเป็นเหมือน วงล้อมรอบร่างกาย


Click to View FlipBook Version