มัทนะพาธา
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖
“มัทนะพาธา” เป็นพระราชนิพนธ์บทละครพูดคำฉันท์ของพระบาท
สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชนิพนธ์จากจินตนาการ
ของพระองค์เมื่อ พ.ศ. 2466 บทละครพูดคำฉันท์ เรื่องนี้มักรู้จักกันใน
นาม “ตำนานแห่งดอกกุหลาบ” ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.
2467 และได้รับการตีพิมพ์อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนได้รับการ
สร้างสรรค์ในรูปแบบละคร
มีเทพบุตรผู้ยิ่งใหญ่มีนามว่าสุเทษณ์
เเอบหลงรักพระธิดาองค์หนึ่งชื่อว่า
นางมัทนา
เเต่นางมัทนาไม่ได้รักสุเทษณ์ เลย
เเม้เเต่น้อย
สุเทษณ์ เลยสั่งให้มายาวินใช้เวทมนต์พอนางมา
ถึงสุเทษณ์ ถามอะไรนางก็ตอบเหมือนดั่งหุ่นยนต์
เพราะตกอยู่ ในฤทธิ์มนตรา
สุเทษณ์ เลยสั่งให้มายาวินคลายมนต์สะกดพอ
นางมัทนาได้สติก็ตกใจตนเองมาอยู่ที่นี่ได้
อย่างไร?
เเละสุเทษณ์ ได้สารภาพรักกับนางมัทนาเเต่นาง
มัทนาก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้รักสุเทษณ์
สุเทษณ์ เลยโกธรมากคิดจะสาปนาง
มัทนาไปยังโลกมนุษย์เเต่ก็ยังเมตตาให้
นางเลือกเกิดเป็นอะไรก็ได้
นางจึงเลือกเกิดเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม
สุเทษณ์ เลยสาปให้นางมัทนาเป็นดอก
กุหลาบ
สุเทษณ์ เลยสาปนางมัทนาให้มาเกิดยังโลก
มนุษย์โดยมีข้อยกเว้นว่าเมื่อถึงคืนวันเพ็ญนาง
จะกลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์ได้หนึ่งวันหากนาง
พบรักเเท้จะสามารถกลับไปเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง
หากนางมีความทุกข์จากความรักขอให้นาง
อ้อนวอน
เเล้วสุเทษณ์ จะมารับกลับสวรรค์ทันที
เมื่อนางมัทนาได้ลงมายัง ป่าหิมพานต์ ด้วย
ลักษณะของดอกกุหลาบ ฤาษี ก็ได้มาเจอเข้า
เเละรู้ได้ว่านี่คือเทพธิดาจุติลงมา
จึงนำมาปลูกไว้ใกล้อาศรม วันหนึ่ง
ท้าวชัยเสนกษัตริย์แห่งหัสตินาปุระได้
เสด็จล่าสัตว์ในป่ าประจวบเหมาะกับ
เป็นวันเพ็ญ
เเละเเล้วนางมัทนาก็ได้กลายร่างออก
มาจากดอกกุหลาบเเละได้เจอกับท้าว
ชัยเสนกษัตริย์แห่งหัสตินาปุระ
เเละทั้งสองก็ได้ตกหลุมรักกันเรื่องจากเป็นคู่
ครองกันมาเเต่ชาติปางก่อน
ทั้งสองได้ขอให้ ฤาษีเเต่งงานให้
แต่ฤาษีเห็นถึงปัญหาในอนาคตหลังเเต่งงานท่าน
เลยเคือนด้วยความหวังดีว่าการครองคู่กันนั้ นต้องใช้
สติในการดำเนินชีวิตเเละต้องไว้ใจซึ่งกันเเละกัน
เเละฤาษีก็ได้พูดขึ้นมาว่า
ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล อุปสรรคใดใด
ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดจากโคกไป บ ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหากจะผูกไว้ ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง บ หวนคิดถึงเจ็บกาย
เเต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้สนใจพากันกลับ
เมื่อ หัสตินาปุระท้าวชัยเสน
ตกหลุมรักนางเป็นอย่างมากเเต่
ความจริงเเล้วมีพระมเหสีอยู่
ก่อนเเล้ว
นางจันฑีคือ พระมเหสีของท้าวชัยเสนนาง
จันฑีเลยสงสัยว่าทำไมท้าวชัยเสนถึงไม่มา
หานางเลย
นางคล่อมหญิงรับใช้เลยบอกว่าท้าว
ชัยเสนพานางมัทนามาด้วยหลังจาก
เสด็จออกล่าสัตว์
นางจันฑีโกธรมากนางเลยออกอุบาย
ให้พระบิดาของนางยกทัพมาตีเมือง
หัสตินาปุระเเล้วท้ายชัยเสนก็ต้อง
ออกไปทำการรบ
นางจันฑีได้ส่งคนไปบอกท้าวชัยเสนว่า
นางมัทนาเเละทหารคนสนิทของเท้า
ชัยเสนแอบพลอดรักกัน
ด้วยความโกรธท้าวชัยเสนจึงสั่งประหารทั้งคู่
เเต่เมื่อเวลาผ่านไปคนที่นำความเท็จไป
ทูลให้เเก่พระองค์ก็มาสารภาพความจริง
พอท้าวชัยเสนรู้ความจริงก็เสียใจ
มากจึงได้เรียก เพชฌฆาตเเต่
เพชฌฆาตก็บอกว่าตนสงสารเลย
ปล่อยทั้งคู่ไป
เเละนาง มัทนาก็ได้กลับมายังป่า
หิมพานต์นางเสียใจมากที่คนรักไม่เชื่อใจ
จึงอ้อนวอนให้สุเทษณ์ มารับตนเองกลับ
ไปยังสวรรค์
สุเทษณ์ จึงยื่นข้อเสนอว่าให้นางมัทนารับรักตนเถิด
เเต่ด้วยมัทนารักท้าวชัยเสนอย่างสุดหัวใจจึงไม่
สามารถรักใครได้อีกด้วยความโกรธสุดทษณ์ จึงสาป
ให้มัทนาเป็นดอกกุหลาบไปตลอดกาล
พอท้าวชัยเสนมาถึงมัทนาก็ได้กลาย
เป็นดอกกุหลาบไปเสียเเล้วท้าวชัย
เสนได้เเต่เศร้าเเละพากุหลาบดอก
นั้ นกลับไปปลูกไว้ที่สวนในวังของ
พระองค์
นอกจากจะให้ความเพลิดเพลินเเล้ว วรรณคดีเรื่องนี้ยังมี
คุณค่าในด้านต่างๆ
1.คุณค่าด้านเนื้อหา
2. คุณค่าด้านวรรณศิลป์
3. คุณค่าด้านสังคม
มัทนะพาทาเป็นบทละครที่พูดเกี่ยวกับความรัก เมื่อมีรักอย่าง
ไม่มีสติ จะทำให้ จะทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมามากมาย ดัง
นั้ นหากทุกคนมีความรัก ก็ขอให้มีความรักอย่างมีสติด้วยนะ
ค่ะ
จัดทำโดย
นางสาว ศิริรัตนา รามขาว
นางสาว ชบาไพร กาเลี่ยง
นางสาว รังสิมา ชูทอง
นางสาว ปนัดดา ช่วยสกุล
นางสาว บุษกร พหรมศร
นางสาว กมลลักษณ์ มาเเจ๊ด
เสนอ
คุณครู มาริสา วิเชียรโชติ