โครงการ โครงสร้างสะพานไม้ไอศกรีม สมาชิกในกลุ่ม นายนรภัทร เดินรีบรัมย์ รหัสนักศึกษา 65301211005 นายวสันต์ จอมประโคน รหัสนักศึกษา 65301211023 โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตร วิชาชีพชั้นสูง แผนกวิชาช่างโยธา วิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ ปีการศึกษา 2566
ก ชื่อโครงการ โครงสร้างสะพานไม้ไอศกรีม วัตถุประสงค์ของโครงการ 1. เพื่อให้นักศึกษาเกิดความร่วมมือในการทำงาน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 2. เพื่อให้นักศึกษาสามารถวางแผน และออกแบบการทำสิ่งประดิษฐ์ 3. เพื่อให้นักศึกษาเกิดความสามัคคีและร่วมมือปฏิบัติงานกันเป็นทีม ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. ทำให้เกิดทักษะการนำเสนอการสื่อสารข้อมูล 2. ทำให้เกิดการพัฒนาตนเองมีความพร้อมในการรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 3. ทำให้สมาชิกในกลุ่มเกิดความสามัคคีและทำงานร่วมได้เป็นอย่างดี
ข กิตติกรรมประกาศ โครงการวิชาชีพฉบับบนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเนื่องจากได้รับความช่วยเหลืออย่างยิ่งของผู้มี ส่วนร่วมคือ อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ อาจารย์กิตติเดช ขันติยวิชัย ซึ่งได้กรุณาให้คำแนะนำที่เป็น ประโยชน์ ตลอดจนชี้แนวทางการปฏิบัติงานด้านวิชาการตลอดมา ขอบพระคุณ อาจารย์กิตติเดช ขันติยวิชัย ที่ได้เอื้ออำนวยสถานที่และอุปกรณ์ และให้ คำปรึกษาแนะนำ ในการประกอบชิ้นงานตั้งแต่เริ่มจนเสร็จสมบูรณ์ ขอกราบขอบพระคุณบิดา มารดา ผู้ซึ่งให้ความรัก ความเมตตา ความห่วงใย และเป็นกำลังใจ ให้ผู้จัดทำโครงการจนสำเร็จ ขอบคุณพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคน รวมทั้งเพื่อน ๆ ในกลุ่มและเพื่อน ๆ กลุ่ม สชธ.21-22 ที่ได้ให้คำแนะนำและเป็นกำลังใจตลอดมา คุณค่าหรือคุณประโยชน์อันเกิดจากโครงการเล่มนี้ ผู้จัดทำขอน้อมบูชาแด่พระคุณบิดา มารดา ครู อาจารย์ที่อบรมสั่งสอน แนะนำ ให้การสนับสนุนและให้กำลังใจอย่างดียิ่งเสมอมา คณะผู้จัดทำ นายนรภัทร เดินรีบรัมย์ นายวสันต์ จอมประโคน
ค หัวข้อโครงการ โครงสร้างสะพานไม้ไอศกรีม หน่วยกิต 4 หน่วยกิต นักศึกษา นายนรภัทร เดินรีบรัมย์ รหัสนักศึกษา 65301211005 นายวสันต์ จอมประโคน รหัสนักศึกษา 65301211023 อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์กิตติเดช ขันติยวิชัย อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ อาจารย์กิตติเดช ขันติยวิชัย หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง แผนกวิชา ช่างโยธา ปีการศึกษา 2566 บทคัดย่อ โครงงานสะพานไม้ไอศกรีมเป้นโครงงานประเภทสิ่งประดิษฐ์สะพานจากไม้ไอศกรีม มี จุดมุ่งหมายเพื่อใช้ในการศึกษาในวิชาโครงงาน การให้นักศึกษาได้ออกความคิดเห็น มีความคิด สร้างสรรค์ เพิ่มทักษะในการออกแบบ เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการเรียนการสอน และให้ นักศึกษามีความสามัคคีในการทำงานร่วมกันปฏิบัติงานกันเป็นทีม โครงงานสะพานไม้ไอศกรีมเป็น การออกแบบและสามารถนำไปใช้ในการเรียนกานสอน การออกแบบได้กำหนดค่าต่าง ๆ ตามทฤษฎีที่ ได้ศึกษา เลือกใช้วัสดุที่แข็งแรงเพื่อให้สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดีทนทานต่อการใช้งาน
ง สารบัญ เรื่อง หน้า ใบนำเสนอโครงการ ก กิตติกรรมประกาศ ข บทคัดย่อ ค สารบัญ ง สารบัญรูปภาพ ฉ สารบัญตาราง ญ บทที่ 1 บทนำ 1 1.1 ที่มาและความสำคัญของโครงการ 1 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงการ 1 1.3 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1 1.4 ขอบเขตของโครงการ 1 1.5 ข้อจำกัดของโครงการ 2 1.6 นิยามศัพท์ 2 2 เอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง 5 2.1 โครงสร้างสะพานไม้ไอศกรีม 5 2.2 รูปแบบสะพาน 6 2.3 แท่นทดสอบการรับน้ำหนักสะพานไม้ไอศกรีม 8 2.4 ไม้ไอศกรีม 9 2.5 ไม้เสียบลูกชิ้น 10 2.6 กาวร้อน 11 2.7 เทปหนังไก่ 12 2.8 ลวดเหล็ก 13 2.9 คีม 15 2.10 สว่าน 19 2.11 ดอกสว่าน 22
จ สารบัญ (ต่อ) เรื่อง หน้า 2.12 ใบเลื่อยตัดเหล็ก 25 2.13 ไม้บรรทัดเหล็ก 27 2.14 ไม้บรรทัดฉากสามเหลี่ยม 27 2.15 ค้อนยาง 28 2.16 มีดคัตเตอร์ 32 2.17 คลิปดำ 36 2.18 ตลับเมตร 37 2.19 ขี้เลื่อย 42 3 วิธีการดำเนินงาน 43 3.1 ขั้นตอนการดำเนินงานครั้งที่ 1 43 3.2 อุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงานครั้งที่ 1 44 3.3 ขั้นตอนการปฏิบัติงานและการรับน้ำหนักครั้งที่ 1 45 3.4 ขั้นตอนการดำเนินงานครั้งที่ 2 53 3.5 อุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงานครั้งที่ 2 54 3.6 ขั้นตอนการปฏิบัติงานและการรับน้ำหนักครั้งที่ 2 55 3.7 ขั้นตอนการดำเนินงานครั้งที่ 3 63 3.8 อุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงานครั้งที่ 3 64 3.9 ขั้นตอนการปฏิบัติงานและการรับน้ำหนักครั้งที่ 3 65 4 ผลการดำเนินงาน 76 4.1 ผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ 76 5 สรุปผล วิจารณ์ และข้อเสนอแนะ 83 5.1 สรุปผล 83 5.2 วิจารณ์ 83 5.3 ข้อเสนอแนะ 84 เอกสารอ้างอิง ภาคผนวก
ฉ สารบัญรูปภาพ เรื่อง หน้า รูปภาพที่ 2.1 แสดงโครงสะพาน 5 รูปภาพที่ 2.2 แสดงแบบคาน (Beam Bridge) 6 รูปภาพที่ 2.3 แสดงภาพรูปตัดสะพาน (Simple Span) 6 รูปภาพที่ 2.4 แสดงภาพรูปตัดสะพาน (Continuous Span) 7 รูปภาพที่ 2.5 แสดงภาพสะพานแบบโค้ง (Arch Bridge) 7 รูปภาพที่ 2.6 แสดงภาพคานแบบแขวน (Suspension Bridge) 8 รูปภาพที่ 2.7 แสดงภาพแบบโครงข้อหมุนหรือโครงดัก (Truss Bridge) 8 รูปภาพที่ 2.8 แสดงภาพแท่นทดสอบการรับน้ำหนักโครงสะพานไม้ไอศกรีม 9 รูปภาพที่ 2.9 แสดงภาพไม้ไอศกรีม (Skewer) 9 รูปภาพที่ 2.10 แสดงภาพไม้เสียบหัวธง 10 รูปภาพที่ 2.11แสดงภาพไม้เสียบแบบยาว 11 รูปภาพที่ 2.12 แสดงภาพกาวร้อน (Hot Glue) 12 รูปภาพที่ 2.13 แสดงภาพเทปกาวหนังไก่ 13 รูปภาพที่ 2.14 แสดงภาพลวดเหล็กใช้งานทั่วไป 14 รูปภาพที่ 2.15 แสดงภาพลวดสำหรับผลิตลวดเชื่อม 14 รูปภาพที่ 2.16 แสดงภาพลวดสำหรับผลิตสลักภัณฑ์ 15 รูปภาพที่ 2.17 แสดงภาพลวดสำหรับผลิตลวดเสริมยางรถยนต์ 15 รูปภาพที่ 2.18 แสดงถาภคีมปากขยาย 16 รูปภาพที่ 2.19 แสดงภาพคีมตัดข้าง (คีมปากจิ้งจก) 16 รูปภาพที่ 2.20 แสดงภาพคีมปากแหลม 17 รูปภาพที่ 2.21 แสดงภาพคีมตัด 17 รูปภาพที่ 2.22 แสดงภาพคีมล็อค 18 รูปภาพที่ 2.23 แสดงภาพคีมถอดแหวนล็อค 18 รูปภาพที่ 2.24 แสดงภาพสว่านไฟฟ้า 20
ช สารบัญรูปภาพ (ต่อ) เรื่อง หน้า รูปภาพที่ 2.25 แสดงภาพสว่านไขควงไฟฟ้า 21 รูปภาพที่ 2.25 แสดงภาพสว่านกระแทก 21 รูปภาพที่ 2.26 แสดงภาพสว่านไร้สายหรือสว่านแบตเตอรี่ 22 รูปภาพที่ 2.27 แสดงภาพดอกสว่านเจาะไม้ 23 รูปภาพที่ 2.28 แสดงภาพดอกสว่านเจาะเหล็ก 24 รูปภาพที่ 2.29 แสดงภาพดอกสว่านเจาะคอนกรีต 24 รูปภาพที่ 2.30 แสดงภาพใบเลื่อยตัดเหล็ก 26 รูปภาพที่ 2.31 แสดงภาพไม้บรรทัดเหล็ก 28 รูปภาพที่ 2.32 แสดงภาพไม้บรรทัดฉากสามเหลี่ยม 28 รูปภาพที่ 2.33 แสดงภาพค้อนยาง 29 รูปภาพที่ 2.34 แสดงภาพค้อนช่างทองหรือค้อนตีกิ๊ฟ 30 รูปภาพที่ 2.35 แสดงภาพค้อนหงอน 30 รูปภาพที่ 2.36 แสงภาพค้อนหัวกล 31 รูปภาพที่ 2.37 แสดงภาพค้อนปอนด์หรือค้อนทุบหิน 31 รูปภาพที่ 2.38 แสดงภาพมีดคัตเตอร์โรตารี 32 รูปภาพที่ 2.39 แสดงภาพมีดคัตเตอร์โรตารี 33 รูปภาพที่ 2.40 แสดงภาพมีดคัตเตอร์ช่างไฟ 34 รูปภาพที่ 2.41 แสดงภาพมีดคัตเตอร์นิรภัย 34 รูปภาพที่ 2.42 แสดงภาพมีดคัตเตอร์ตัดอคิลิค 35 รูปภาพที่ 2.43 แสดงภาพมีดคัตเตอร์ตัดกระจก 36 รูปภาพที่ 2.44 แสดงภาพคลิปดำ 37 รูปภาพที่ 2.45 แสดงภาพตลับเมตร 38 รูปภาพที่ 2.46 แสดงภาพเครื่องหมายทั่วไป 39 รูปภาพที่ 2.47 แสดงภาพเครื่องหมายบนหน่วยเมตริก และวิธีอ่าน 40
ซ สารบัญรูปภาพ (ต่อ) เรื่อง หน้า รูปภาพที่ 2.48 แสดงภาพเครื่องหมายบนหน่วยนิ้ว (Imperial scale) และวิธีอ่าน 41 รูปภาพที่ 2.49 แสดงภาพขี้เลื่อย 42 รูปภาพที่ 3.1 แสดงภาพออกแบบโครงสะพานไม้ไอศกรีม 43 รูปภาพที่ 3.2 แสดงภาพการคัดไม้ไอศกรีม 46 รูปภาพที่ 3.3 แสดงภาพการทาบไม้ไอศกรีม 46 รูปภาพที่ 3.4 แสดงภาพการหนีบจุดต่อไม้ไอศกรีม 47 รูปภาพที่ 3.5 แสดงภาพการหยอดกาวร้อนตรงรอยเชื่อมระหว่างไม่ไอศกรีม 47 รูปภาพที่ 3.6 แสดงการพันเทปไม้ไอศกรีม 48 รูปภาพที่ 3.7 แสดงภาพการเจาะรูเพื่อจะตอกหมุด 48 รูปภาพที่ 3.8 แสดงภาพการตอกหมุดโดยใช้ไม้ลูกชิ้น 49 รูปภาพที่ 3.9 แสดงภาพการเจาะรูก้านไม้ไอศกรีม 49 รูปภาพที่ 3.10 แสดงภาพการประกอบโครงสร้างไม้ไอศกรีม 50 รูปภาพที่ 3.11แสดงภาพการประกอบโครงสร้างสะพานไม้ไอศกรีม 50 รูปภาพที่ 3.12 แสดงภาพการใส่เหล็ก support 51 รูปภาพที่ 3.13 แสดงภาพโครงสร้างสะพานไม้ไอศกรีมที่เสร็จสบูรณ 51 รูปภาพที่ 3.14 แสดงภาพการชั่งน้ำหนักโครงสร้างสะพานโคงสร้างไม้ไอศกรีม 52 รูปภาพที่ 3.15 แสดงภาพการถ่วงน้ำหนักสะพานไม้ไอศกรีม 52 รูปภาพที่ 3.16 แสดงภาพออกแบบโครงสะพานไม้ไอศกรีม 53 รูปภาพที่ 3.17 แสดงภาพการคัดไม้ไอศกรีม 56 รูปภาพที่ 3.18 แสดงภาพการทาบไม้ไอศกรีม 56 รูปภาพที่ 3.19 แสดงภาพการหนีบจุดต่อไม้ไอศกรีม 57 รูปภาพที่ 3.20 แสดงภาพการหยอดกาวร้อนตรงรอยเชื่อมระหว่างไม่ไอศกรีม 57 รูปภาพที่ 3.21 แสดงการพันเทปไม้ไอศกรีม 58 รูปภาพที่ 3.22 แสดงภาพการเจาะรูเพื่อจะตอกหมุด 58 รูปภาพที่ 3.23 แสดงภาพการตอกหมุดโดยใช้ไม้ลูกชิ้น 59 รูปภาพที่ 3.24 แสดงภาพการเจาะรูก้านไม้ไอศกรีม 59 รูปภาพที่ 3.25 แสดงภาพการประกอบโครงสร้างไม้ไอศกรีม 60 รูปภาพที่ 3.26แสดงภาพการประกอบโครงสร้างสะพานไม้ไอศกรีม 60
ฌ สารบัญรูปภาพ (ต่อ) เรื่อง หน้า รูปภาพที่ 3.27 แสดงภาพการใส่เหล็ก support 61 รูปภาพที่ 3.28 แสดงภาพโครงสร้างสะพานไม้ไอศกรีมที่เสร็จสบูรณ 61 รูปภาพที่ 3.29 แสดงภาพการชั่งน้ำหนักโครงสร้างสะพานโคงสร้างไม้ไอศกรีม 62 รูปภาพที่ 3.30 แสดงภาพการถ่วงน้ำหนักสะพานไม้ไอศกรีม 62 รูปภาพที่ 3.31 แสดงภาพออกแบบโครงสะพานไม้ไอศกรีม 63 รูปภาพที่ 3.32 แสดงภาพการคัดไม้ไอศกรีม 66 รูปภาพที่ 3.33 แสดงภาพการทาบไม้ไอศกรีม 66 รูปภาพที่ 3.34 แสดงภาพการหนีบจุดต่อไม้ไอศกรีม 67 รูปภาพที่ 3.35 แสดงภาพการหยอดกาวร้อนตรงรอยเชื่อมระหว่างไม่ไอศกรีม 67 รูปภาพที่ 3.36 แสดงการพันเทปไม้ไอศกรีม 68 รูปภาพที่ 3.37 แสดงภาพการเจาะรูเพื่อจะตอกหมุด 68 รูปภาพที่ 3.38 แสดงภาพการตอกหมุดโดยใช้ไม้ลูกชิ้น 69 รูปภาพที่ 33.9 แสดงภาพการเจาะรูก้านไม้ไอศกรีม 69 รูปภาพที่ 3.40 แสดงภาพการประกอบโครงสร้างไม้ไอศกรีม 70 รูปภาพที่ 3.41แสดงภาพการประกอบโครงสร้างสะพานไม้ไอศกรีม 70 รูปภาพที่ 3.42 แสดงภาพการใส่เหล็ก support 71 รูปภาพที่ 3.43 แสดงภาพโครงสร้างสะพานไม้ไอศกรีมที่เสร็จสบูรณ 71 รูปภาพที่ 3.44 แสดงภาพการชั่งน้ำหนักโครงสร้างสะพานโคงสร้างไม้ไอศกรีม 72 รูปภาพที่ 3.45 แสดงภาพการถ่วงน้ำหนักสะพานไม้ไอศกรีม 72 รูปภาพที่ 4.1 แสดงภาพการเสนอแบบโครงการ 76 รูปภาพที่ 4.2 แสดงภาพการเสนอแบบโครงการ (ต่อ) 77 รูปภาพที่ 4.3 แสดงภาพการเสนอแบบโครงการ 78 รูปภาพที่ 4.4 แสดงภาพชั่งน้ำหนักของสะพานไม้ไอศกรีม 79 รูปภาพที่ 4.5 แสดงภาพการทดสอบสะพาน 80 รูปภาพที่ 4.6 แสดงภาพการใส่ตุ่มคอนกรีต 80 รูปภาพที่ 4.7 แสดงภาพทอสอบสะพานที่ทดสอบผ่าน 81 รูปภาพที่ 4.8 แสดงภาพการคำนวณประสิทธิภาพสะพานไม้ไอศกรีม 81 รูปภาพที่ 4.9 แสดงภากสะพานที่รับน้ำหนะกได้ 95.59 กิโลกรัม เสร็จสมบูรณ์ 82
ญ สารบัญตาราง เรื่อง หน้า ตารางที่ 3.1 วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน ครั้งที่ 1 44 ตารางที่ 3.1 วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน ครั้งที่ 2 54 ตารางที่ 3.1 วัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติงาน ครั้งที่ 3 64 ตารางที่ 3.4 งบประมาณการใช้จ่ายในการทำโครงสะพานไม้ไอศกรีมครั้งที่ 1 73 ตารางที่ 3.4 งบประมาณการใช้จ่ายในการทำโครงสะพานไม้ไอศกรีมครั้งที่ 2 73 ตารางที่ 3.4 งบประมาณการใช้จ่ายในการทำโครงสะพานไม้ไอศกรีมครั้งที่ 3 74 ตารางที่ 3.1 งบประมาณการใช้จ่ายในการทำโครงการทั้งหมด 74
บทที่ 1 บทนำ 1.1 ที่มาและความสำคัญของโครงงาน การเรียนการสอนทางด้านงานโยธา มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับการออกแบบโครงสร้างทั้ง ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ แต่นักศึกษายังไม่สามารถบูรณาการความรู้ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และ นักศึกษายังไม่มีโอกาสได้ศึกษาหาความรู้มาปฏิบัติเพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรม ทางแผนกวิชาช่างโยธาจึง ได้จัดทำโครงงานสะพานไม้ไอศกรีมขึ้น เพื่อให้นักศึกษาได้นำความรู้เกี่ยวกับการออกแบบโครงสร้าง มาประยุกต์ใช้ ช่วยให้เกิดการพัฒนาทางความคิดแก่นักศึกษา เกิดการเรียนรู้จากการทำงานจริง อีก ทั้งยังเป็นการเสริมสร้าง ปลูกลักษณะนิสัยในการวางแผน และการทำงานร่วมกันอีกด้วย การสร้างโครงสร้างด้วยไม้ไอศกรีม เป็นรูปแบบหนึ่งของโครงสร้างจำลอง ที่ผู้ทำโครงงาน จะต้องนําความรู้ทางด้านงานก่อสร้าง-โยธาเข้ามาออกแบบ และดำเนินการประกอบโครงสร้าง โดย กำหนดเป้าหมายให้โครงสร้างที่สร้างจะต้องสามารถรับน้ำหนักได้สูงสุด โดยมีระยะโก่งตัวของ โครงสร้างไม้เกินที่กำหนดไว้ ทำให้เห็นถึงสภาวะการวิบัติจริง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อผู้ทำ โครงงาน เป็นการสร้างจิตสํานึกด้านความปลอดภัยในด้านการออกแบบและก่อสร้างโครงสร้าง โดย ผู้ทำโครงงานต้องเริ่มต้นจากการศึกษา ดำเนินการวางแผนงาน วิเคราะห์โครงสร้าง ออกแบบ โครงสร้าง วางแผนการก่อสร้าง และก่อสร้างโครงสร้าง ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด มีความประหยัดวัสดุ และเวลาในการก่อสร้าง 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงการ 1.2.1 เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการทำงาน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของสมาชิกในกลุ่ม 1.2.2 เพื่อให้นักเรียนสามารถวางแผน และออกแบบการทำสิ่งประดิษฐ์ 1.2.3 เพื่อได้ผลสำเร็จที่ต้องการให้บรรลุวัตถุประสงค์ภายในระยะเวลาที่กำหนด 1.3 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.3.1 เกิดการพัฒนาตนเองและมีความพร้อมในการรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานที่ได้รับ 1.3.2 ทำให้สมาชิกในกลุ่มเกิดความสามัคคี และทำงานร่วมได้เป็นอย่างดี 1.3.3 ได้เสริมสร้างทักษะด้านการนำเสนอการสื่อสารข้อมูล 1.4 ขอบเขตของโครงการ 1.4.1 ศึกษาจากเว็บไซต์และสอบถามผู้มีความรู้เกี่ยวกับการทำโครงสะพานไอศกรีม
2 1.4.2 วัสดุต่าง ๆ ที่นำมาประกอบโครงสะพานไม้ไอศกรีม 1.5 ข้อจำกัดของโครงการ เนื่องจากวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำโครงการบางอย่างมีราคาสูง คณะผู้จัดทำจึงต้องหา วัสดุ อุปกรณ์ที่มีคุณภาพดีคงทนต่อการใช้งาน แต่ราคาไม่สูงมาก เนื่องด้วยผู้จัดทำโครงการมีงบประมาณ ในการจัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างจำกัด แต่คณะผู้จัดทำก็สามารถจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ มาใช้ในการประกอบโครงสะพานไม้ไอศกรีม 1.6 นิยามศัพท์ 1.6.1 โครงสะพานไม้ไอศกรีม คือ เป็นสิ่งประดิษฐ์จากไม้ไอศกรีมเหลือใช้เพื่อให้เกิด ประโยชน์สูงสุด และมีอุปกรณ์อื่น ๆ ร่วมด้วยในการสร้างสะพาน และดำเนินการประกอบโครงสร้าง โดยกำหนดเป้าหมายจะต้องสามารถรับน้ำหนักได้สูงสุด โดยมีระยะการโก่งตัวของโครงสร้างที่กำหนด ไว้ ทำให้เห็นถึงสภาวะการวิบัติจริงของโครงสร้าง เป็นจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการออกแบบ และก่อสร้างโครงสร้าง 1.6.2 รูปแบบสะพาน คือ โครงสร้างที่เชื่อมต่อระหว่างฝั่งสำหรับข้ามหุบเขา แม่น้ำ ถนน ทาง รถไฟ หรือพื้นน้ำต่าง ๆ การออกแบบความสูงของสะพาน จะขึ้นอยู่กับสิ่งกีดขวางด้านล่าง รวมถึง การจราจรด้านล่าง (เช่น รถ เรือ สามารถผ่านได้) การก่อสร้างสะพานมีจุดประสงค์เพื่อให้การสัญจรมี การต่อเนื่องระหว่างทางที่มีการสร้างไว้แล้ว 1.6.3 แท่นทดสอบการรับน้ำหนักสะพานไม้ไอศกรีม คือ ลักษณะของเครื่องทดสอบที่ใช้ใน การทดสอบการรับน้ำหนักของโครงสร้างจุดรองรับแบบหมุน (Hinge Support) และจุดรองรับแบบ ล้อเคลื่อน(Roller Support) 1.6.4 ไม้ไอศกรีม (ice cream sticks) เล่ากันว่า "ไอติม" มีต้นกำเนิดมาจากดินแดนใน ต่างประเทศ ทั้งนี้ได้แพร่กระจายเข้ามาในประเทศไทยเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ในสมัยนั้นส่วนใหญ่จะใช้ รับประทานกันแต่ภายในวังเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากไอศกรีมเป็นอาหารหวานที่ทันสมัยหรืออาจจะ เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมให้มาก็ว่าได้ ใครได้ลองรับประทานไอศกรีมในสมัยนั้นก็ถือว่า เป็นคนที่ก้าว ล้ำนำสมัยไปโดยปริยาย 1.6.5 ไม้เสียบลูกชิ้น ทำมาจากไม้ไผ่ เป็นพืชที่อยู่คู่กับชาวผาปังมายาวนาน การเจริญเติบโต ของไผ่ มีบทบาทช่วยให้ชาวผาปังนำมาใช้ประโยชน์ด้วยการทำเป็นวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย เพื่อ สร้างรายได้ และหนึ่งในนั้นคือ การทำตะเกียบ และไม้เสียบลูกชิ้น 1.6.6 กาวร้อน (Instant Adhesive) หรือกาวกลุ่มไซยาโนอะคริเลต (Cyanoaccrylate adhesive) เป็นกาวอเนกประสงค์แห้งเร็ว ยึดติดแน่นที่อุณหภูมิห้อง สามารถยึดติดพื้นผิวได้
3 หลากหลาย เช่น โลหะ พลาสติก ยาง ยางอีพีดีเอ็ม นอกจากนี้ ยังสามารถทนต่อน้ำมัน สารเคมี ได้ดี กาวในกลุ่มนี้จะมีให้เลือกทั้งแบบ ไม่มีกลิ่นฉุน ไม่ก่อให้เกิดฝ้าขาวทนอุณหภูมิสูง 1.6.7 เทปหนังไก่ หรือ ที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า เทปกาวย่น คือ เทปกาวที่ผลิตจากกระดาษ เนื้อบางๆ เคลือบผิวด้านหนึ่งด้วยกาวที่มีค่าการยึดเกาะต่ำสามารถลอกออกได้โดยไม่ทิ้งคราบกาวไม่ ทำลายพื้นผิว สามารถทนต่อสภาพอากาศร้อนจนถึงอุณหภูมิสูง ๆ ได้ 1.6.8 ลวด (Wire) คือ เหล็กที่รูปร่างเป็นเส้นยาว มีผิวเรียบ ลักษณะหน้าตัดเป็นทรงกลม มี ขนาดและวัสดุที่หลากหลายให้เลือกใช้ ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรงทนทาน และสามารถเลือกใช้ได้ตาม ขนาดความยาวที่ต้องการ ซึ่งการจะนำลวดไปใช้งานนั้น จะต้องคำนึงถึงการใช้งานที่มีความเหมาะสม ในส่วนของความมากน้อยของงาน กับขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางลวดควรจะมีความสัมพันธ์กัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีของงานนั้น ๆ 1.6.9 คีม ใช้สำหรับการจับชิ้นงานเพื่อทำงานใดๆ คือใช้ในงานตัดวัตถุที่ไม่แข็งแรงมากนัก เช่น สายไฟฟ้า ลวด หรือสลักล้อคขนาดเล็ก คีมมีรูปร่างและขนาดต่าง ๆ กัน ตามลักษณะการใช้งาน คีมบางตัวออกแบบมาเพื่อใช้งานหลายหน้าที่ เช่นทั้งในการจับงานและตัดชิ้นงาน คีมบางแบบ มีข้อ ต่อเลื่อนที่สามารถปรับขนาดความกว้างของปากในการจับชิ้นงานได้การแบ่งประเภทของคีม และ เรียกชื่อ จะเป็นไปตามลักษณะการใช้งาน 1.6.10 สว่านเป็นเครื่องมือช่าง ชิ้นสำคัญในการทำวัสดุให้มีรูกลมเพื่อใช้ในการยึดกับวัสดุ หนึ่งเข้ากับอีกวัสดุ โดยใช้วัสดุสิ้นเปลืองคือ ดอกสว่าน เป็นตัวกระทบวัตถุทั้งนี้สว่านเองยังมีหลาย ประเภท รวมทั้งซึ่งการออกแบบนั้นก็จะขึ้นอยู่กับการใช้งาน บางรุ่นสร้างมาเพื่อขันก็ยังมี บางรุ่นทั้ง ขันทั้งตอกก็มี สว่านมีลักษณะมากมายหลายแบบและมีความแตกต่างทั้งในเรื่องของ ความเร็ว ขนาด กำลัง แต่ละแบบจะมีตัวตนและ คาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันไป 1.6.11 ดอกสว่าน เป็นอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งของเครื่องมือช่างที่ต้องมี ซึ่งใช้ทำหน้าที่กัดเจาะ เนื้อวัสดุต่างๆออกมาเป็นรู เพื่อที่เราจะได้ใช้รูในการจับยึด หรือ ตอกตะปู หรือ ใส่พุกเพื่อขันน็อตหรือ สกรู และยึดน็อตได้สะดวก และ หลักการง่ายๆในการเลือกก็คือ วัสดุที่ถูกเจาะต้องอ่อนกว่าวัสดุทำ ดอกสว่านเสมอ ดอกสว่าน มีหลายแบบให้เลือกใช้มากมายหลายขนาด พัฒนาตามวัตถุประสงค์ของ งานหรือวัสดุที่ต้องการเจาะรู ไม่ว่าจะเป็นไม้ เหล็ก ปูนหรืองานคอนกรีต ดังนั้นการเลือกซื้อดอกสว่าน มาใช้งาน 1.6.12 ใบเลื่อยตัดเหล็ก คือ เครื่องมือที่ใช้ในการตัดเหล็ก ใบเลื่อยมีลักษณะเป็นแถบยาว ปลายใบเลื่อยทั้ง 2 ข้างติดกับปลายและโคนคันเลื่อย ทำด้วยเหล็กทั่วไป เลื่อยที่ผลิตจากเหล็ก HSS Steel ถือว่าเป็นเหล็กชนิดที่แข็งกว่าเหล็กธรรมดา และ Bi-metal steel เป็นเหล็กผสม 2 ชนิดคือ เหล็กสปริง และ HSS steel เพื่อให้เลื่อยมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
4 1.6.13 ไม้บรรทัดเหล็ก เป็นเครื่องมือวัดพื้นฐานในการวัดขนาดความยาวของชิ้นงาน ซึ่งไม่ ต้องการความละเอียดมากนัก บรรทัดเหล็กถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย สามารถให้ค่าขนาดชิ้นงานได้ ทั้งระบบเมตริกและระบบอังกฤษ คือ หน่วยมิลลิเมตรและหน่วยนิ้วนั่นเอง สามารถอ่านค่าวัดขนาด ชิ้นงานได้โดยตรง จากตัวบรรทัดเหล็กส่วนใหญ่การใช้งานของบรรทัดเหล็ก 1.6.14 ไม้บรรทัดฉากสามเหลี่ยม หรือเซท เป็นเครื่องมือสำหรับเขียนเส้นตรงแนวตั้งและเส้น ทแยง โดยจะใช้ในการเขียนแบบร่วมกับไม้ทีหรือใช้ไม้บรรทัดเลื่อน ไม้ฉากสามเหลี่ยมนี้มีหลายขนาด เลือกใช้ตามแต่ขนาดของแบบที่จะเขียนและความสะดวกของผู้เขียนแบบ 1.6.15 ค้อนยาง เป็นเครื่องมือช่างที่ควรมีไว้ติดบ้าน เพราะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ในงาน ซ่อมแซมและใช้กับงานช่างส่วนต่างๆในบ้านได้หลากหลาย โดยค้อนจะมีหลายชนิดด้วยกัน และมี ลักษณะแตกต่างกันตามลักษณะของการใช้งาน การใช้งานให้ความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพใน การทำงานเป็นสิ่งที่จำเป็นดังนั้นคุณต้องเลือกประเภทค้อนให้เหมาะสมกับงาน 1.6.16 มีดคัตเตอร์ เป็นเครื่องมือตัดอเนกประสงค์แบบพกพามีไว้สำหรับใช้ในการกรีด หั่น และตัดเฉือนวัสดุต่าง ๆ ได้ตามต้องการ เช่น กระดาษ ผ้า แผ่นหนัง โฟม วัตถุดิบอาหาร ฯลฯ โดย มีดคัตเตอร์ทั่วไปจะประกอบด้วย ด้ามจับ ใบมีด ปุ่มเลื่อนใบมีด และฝาท้ายสำหรับหนีบพกพาเข้ากับ กระเป๋าเสื้อ ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย ซึ่งถูกนำไปใช้งานได้ทั่วไป 1.6.17 คลิปดำ เป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ที่จำเป็นและให้ประโยชน์อย่างมาก สำหรับการใช้งาน ด้านเอกสารในสำนักงานออฟฟิศ จนถึง งานศิลปะ นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกใน การรวบรวมกระดาษ สลิป หรือ เอกสารต่างๆ และ สามารถสร้างสรรค์ใช้งานทั่วไปกับวัสดุต่าง ๆ 1.6.18 ตลับเมตร เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับวัดระยะทางหรือความยาว โดยปกติจะ ประกอบด้วยริบบิ้นหรือแถบวัสดุที่ยืดหยุ่นได้ เช่น โลหะหรือพลาสติก ทำเครื่องหมายด้วยหน่วยวัด เป็นนิ้วหรือเซนติเมตร ตลับเมตรสามารถม้วนขึ้นหรือขดเพื่อจัดเก็บได้ และโดยทั่วไปจะมีกลไกล็อค เพื่อยึดเทปให้อยู่กับที่เมื่อมีการวัดค่าแล้ว 1.6.19 ขี้เลื่อย หรือขี้เลื่อย เป็นผลพลอยได้หรือของเสียจากงานไม้ เช่น การเลื่อย การขัด การกัด การไส และการกำหนดเส้นทาง ประกอบด้วยเศษไม้เล็กๆ การดำเนินการเหล่านี้สามารถทำได้ โดยใช้เครื่องจักรงานไม้ เครื่องมือไฟฟ้าแบบพกพา หรือโดยใช้เครื่องมือช่าง
5 บทที่ 2 เอกสารและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง การสร้างโครงสร้างสะพานไม้ไอศกรีม เป็นรูปแบบหนึ่งของโครงสร้างจำลองที่นักเรียน นักศึกษา จะต้องนำความรู้ทางด้าน วิศวกรรมโยธาเข้ามาออกแบบ และดำเนินการประกอบโครงสร้าง โดยกำหนดเป้าหมายจะต้องสามรถรับน้ำหนักได้สูงสุด โดยมีระยะการโก่งตัวของโครงสร้างที่กำหนด ไว้ ทำให้เห็นถึงสภาวะการวิบัติจริงของโครงสร้าง เป็นจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการออกแบบ และก่อสร้างโครงสร้าง โดยนักศึกษาจะต้องเริ่มต้นจากการศึกษาการดำเนินการวางแผน วิเคราะห์ โครงสร้าง ออกแบบโครงสร้าง วางแผนการก่อสร้างและก่อสร้างโครงสร้าง ตลอดจนพิจารณาด้าน ความประหยัดในการใช้วัสดุ และระยะเวลาในการก่อสร้าง เพื่อให้ได้ลักษณะรูปแบบของโครงสร้าง ประสิทธิภาพสูงสุด 2.1 โครงสร้างสะพานไม้ไอศกรีม โครงสะพานไม้ไอศกรีม คือ เป็นสิ่งประดิษฐ์จากไม้ไอศกรีมเหลือใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมีอุปกรณ์อื่นๆร่วมด้วยในการสร้างสะพานเป็นสื่อในการเรียนการสอนในสาขาวิชาช่างโยธาและ ยังเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ให้กับนักเรียนนักศึกษา เป็นกิจกรรมที่เกิดประโยชน์ต่อการเรียนการ สอนโดยเปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษา ได้แสดงความรู้ความสามารถในด้านทฤษฎีและปฏิบัติ มีการ ระดมความคิดและการวางแผนการทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะตลอดจนเป้นการเสริมสร้างควาวมคิด ความสามัคคีเป็นรูปแบบหนึ่งของโครงสร้างจำลองที่นักเรียนนักศึกษาจะต้องนำความรู้ทางด้าน วิศวกรรมโยธาเข้ามาออกแบบ และดำเนินการประกอบโครงสร้างโดยกำหนดเป้าหมายจะต้องสามรถ รับน้ำหนักได้สูงสุด โดยมีระยะการโก่งตัวของโครงสร้างที่กำหนดไว้ ทำให้เห็นถึงสภาวะการวิบัติจริง ของโครงสร้าง เป็นจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการออกแบบและก่อสร้างโครงสร้าง รูปภาพที่2.1 แสดงโครงสะพาน
6 2.2 รูปแบบสะพานสามารถแบ่งออกได้โดยทั่วไป ดังนี้ 1.แบบคาน (Beam Bridge) โครงสร้างหลักของสะพานแบบนี้ คือ ตัวคาน ซึ่งอาศัยคุณสมบัติการรับแรงดัดของวัสดุ เป็นแรงต้านทางในการรับน้ำหนักพื้นสะพานจะถ่ายแรงสู่คานก่อนแล้วจึงถ่ายลงตอม่อ รูปภาพที่2.2 แสดงแบบคาน (Beam Bridge) รูปตัดสะพานแบบคาน สะพานแบบคานนี้อาจแบ่งตามพฤติกรรมของโครงสร้างได้อีก ดังนี้ 1.1 Simple Span ช่วงเดียวหรือหลายช่วง ในกรณีสะพานที่เป็น Simple Span หลายช่วง คานรับพื้นสะพาน จะแยกขาดออกจากกัน และคานในแต่ละช่วงจะไม่ถ่ายหน่วยแรง (Stress) ผ่าน กันและกัน . รูปภาพที่2.3 แสดงภาพรูปตัดสะพาน(Simple Span)
7 1.2 Continuous Span คานในแต่ละช่วงจะยึดติดกัน และถ่ายหน่วยแรง (Stress) ผ่านกัน และกัน . รูปภาพที่2.4 แสดงภาพรูปตัดสะพาน(Continuous Span) 2. แบบโค้ง (Arch Bridge) หลักการกว้าง ๆ ของสะพานแบบ Arch คือ การอาศัยแรงอัด หรือแรงกดของวัสดุเป็นแรง ต้านทาง ในการรับน้ำหนัก โดยจะถือเสมือนว่าน้ำหนักพื้นสะพาน น้ำหนักรถและน้ำหนักอื่น ๆ ที่ เกี่ยวข้องแขวนอยู่กับโครงสร้างส่วนที่โค้ง สิ่งสำคัญของการออกแบบโครงสร้างชนิดนี้ ต้องมี ฐานรองรับ Arch ที่มั่นคง แข็งแรงไม่เลื่อนไหลไปในทางใด ๆ รูปภาพที่2.5 แสดงภาพสะพานแบบโค้ง(Arch Bridge) 3. แบบแขวน (Suspension Bridge) เป็นสะพานที่ใช้กันมาตั้งแต่โบราณ กล่าวกันว่า ชาวจีนรู้จักการทำสะพานชนิดนี้มาตั้งแต่ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยใช้เถาวัลย์หรือหนังสัตว์โยงข้ามระหว่างสองฝั่งแม่น้ำ โดยยึดปลายทั้งสอง ข้างไว้กับเสาหรือต้นไม้สะพานแขวนมีความเหมาะสมที่จะใช้กับสะพานที่มีช่วงความยาวมากเป็น พิเศษ และต้องการความสวยงาม
8 รูปภาพที่2.6 แสดงภาพคานแบบแขวน(Suspension Bridge) 4. แบบโครงข้อหมุนหรือโครงดัก (Truss Bridge) โครงสร้าง Truss ประกอบด้วยชิ้นส่วนเป็นจำนวนมาก บางชิ้นส่วนจะรับแรงอัด บางชิ้นส่วน จะรับแรงดึง บางชิ้นส่วนอาจจะต้องรับทั้งแรงอัดและแรงดึง วัสดุที่จะนำมาใช้จึงต้องสามรถรับทั้ง แรงอัด และแรงดึงได้ดี ด้วยเหตุนี้จึงมักไม่ค่อยเห็นแบบ Truss ซึ่งก่อสร้างด้วยคอนกรีต ส่วนใหญ่จะ เป็นสะพานเหล็กหรือไม้เท่านั้นปัจจุบันสะพานแบบ Truss มักใช้ในงานก่อสร้างสะพานคนเดินข้าม ถนนและสะพานโครงเหล็กสำเร็จรูปในงานก่อสร้างสะพานชั่วคราว รูปภาพที่2.7 แสดงภาพแบบโครงข้อหมุนหรือโครงดัก(Truss Bridge) 2.3 แท่นทดสอบการรับน้ำหนักสะพานไม้ไอศกรีม ลักษณะของเครื่องทดสอบ คือ ลักษณะของเครื่องทดสอบที่ใช้ในการทดสอบการรับน้ำหนัก ของโครงสร้างจุดรองรับแบบหมุ่น (Hinge Support) และจุดรองรับแบบล้อเคลื่อน(Roller Support)
9 รูปภาพที่ 2.8 แสดงภาพแท่นทดสอบการรับน้ำหนักโครงสะพานไม้ไอศกรีม 2.4 ไม้ไอศกรีม ไม้ไอศกรีม เล่ากันว่า "ไอติม" มีต้นกำเนิดมาจากดินแดนในต่างประเทศ ทั้งนี้ได้แพร่กระจาย เข้ามาในประเทศไทย เมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ในสมัยนั้นส่วนใหญ่จะใช้รับประทานกันแต่ภายในวังเป็น ส่วนใหญ่ เนื่องจากไอศกรีมเป็นอาหารหวานที่ทันสมัยหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมมาก็ว่าได้ ใครได้ลองรับประทานไอศกรีมในสมัยนั้นก็ถือว่า เป็นคนที่ก้าวล้ำนำสมัย รูปภาพที่2.9 แสดงภาพไม้ไอศกรีม (Skewer)
10 2.5 ไม้เสียบลูกชิ้น ไม้เสียบลูกชิ้น ทำมาจากไม้ไผ่ เป็นพืชที่อยู่คู่กับชาวผาปังมายาวนาน การเจริญเติบโตของไผ่ มีบทบาทช่วยให้ชาวผาปังนำมาใช้ประโยชน์ด้วยการทำเป็นวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย เพื่อสร้าง รายได้ และหนึ่งในนั้นคือ การทำตะเกียบ และไม้เสียบลูกชิ้น การนำไผ่มาใช้ประโยชน์ของกลุ่ม วิสาหกิจชุมชนผาปังยึดแนวทางด้วยหลักคิดที่ว่า ต้องใช้ให้เกิดคุณค่าทุกส่วน โดยไม่มีการทิ้งอะไร แม้แต่อย่างเดียว ฉะนั้น ไผ่ 1 ลำ เมื่อแปรรูปเป็นตะเกียบหรือไม้เสียบลูกชิ้น จะใช้ได้เพียง 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีก 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นเศษวัสดุเหลือ อย่าง ฝอยไผ่ หรือเยื่อไผ่ที่ได้จากการ ขัดออกจากไม้ไผ่แล้ว จะนำเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นฝอยแห้งเพื่อส่งขาย หรือแม้กระทั่งข้อไผ่ที่ถูก ตัดออก ก็จะนำไปเผาเป็นถ่านขายเช่นกันหลายคนคงเคยกินลูกชิ้นปิ้ง/ต้ม ไก่ย่างที่เสียบไม้ แต่หลาย คนก็คงไม่รู้ว่าขั้นตอนการทำไม้เสียบลูกชิ้น/ไม้ปิ้งไก่เค้าทำกันยังไง ว่ากว่าจะได้ไม้เสียบลูกชิ้นแต่ละ ขนาดเค้าใช้ไม้อะไรมาทำแล้วต้องกันแบบไหนใช้เวลานานมั้ย วันนี้จะพาไปดูขั้นตอนการทำในแต่ละ ขั้นตอนถึงแหล่งทำไม้ปิ้งไก่ ไม้เสียบลูกชิ้นกัน เริ่มกันด้วยต้นไผ่ เลือกไผ่ที่ขนาดพอดี ไม่อ่อนและไม่แก่ เกินไป ตัดไผ่มาเป็นลำ ๆ จัดการเลื่อยไม้ให้เป็นปล้อง ๆ ตามขนาดที่ต้องการ ที่นิยมคือตั้งแต่ 5-10 นิ้ว แล้วแต่คนสั่งต้องการแบบไหนมากแบบไหนน้อย จะเห็นได้ว่ากว่าจะได้ไม้เสียบลูกชิ้น/ไม้ปิ้งไก่ ไม่ ง่ายเลย ทุกขั้นตอนคืองานทำมือ ทีละขั้นทีละตอน จนมาเป็นไม้ปิ้งไก่ ไม้เสียบลูกชิ้นให้เราใช้กัน ข้อแนะนำเวลากินหมดแล้วถ้าเป็นไม้เสียบลูกชิ้นให้หักแล้วมัดรวมกันหลายๆอันก่อนค่อยทิ้งถังขยะ เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการจัดเก็บของคนที่มีหน้าที่ดูแลความสะอาดด้วย มี2 ชนิดคือ 1) ไม้เสียบหัวธง เป็นไม้ที่ใช้ได้เอนกประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นไม้ธง ไม้เสียบลูกชิ้น ไม้เสียบหมูปิ้ง เสียบขนม ไม้ เสียบาบีคิว ไม้เสียบอาหาร ไม้จิ้มลูกชิ้น ใช้ได้กับอาหานหลายประเภทมีขนาดต่างๆ ไม้เสียบหัวธง มี ลักษณะสวยงาม ทำให้อาหารน่ารับประทานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาหานั้น ๆ อีกด้วย รูปภาพที่2.10 แสดงภาพไม้เสียบหัวธง
11 2) ไม้เสียบแบบยาว ไม้เสียบแบบยาว เป็นไม้ที่ใช้ได้เอนกประสงค์ ทำมาจากต้นไผ่ นิยมนำมาใช้ในการจิ้มอาหาร เสียบลูกชิ้น เสียบเนื้อสัตว์ไม้เสียบแบบยาวมีลักษณะตรงยาว และมีราคาที่ถูกกว่าไม้เสียบหัวธง ตอนนี้ได้เข้ายุคใหม่ เกิดแนวคิดใหม่ที่สามารถนำไผ่มาสร้างมูลค่าได้อย่างน่าอัศจรรย์ให้แก่ชาวบ้าน เพราะไผ่เป็นพืชที่ปลูกง่าย การดูแลไม่ยุ่งยาก มีอายุยืนยาวเป็นร้อยปีถ้าปลูกจากเมล็ด สามารถปลูก ได้ทุกแห่ง จะปลูกไว้ตามหัวไร่ปลายนา ปลูกเป็นรั้วบ้าน หรือปลูกแบบเป็นสวนไผ่ก็ได้ รูปภาพที่2.11แสดงภาพไม้เสียบแบบยาว 2.6 กาวร้อน กาวร้อน หรือกาวกลุ่มไซยาโนอะคริเลต (Cyanoaccrylate adhesive) เป็นกาวเหลวเนื้อใส เมื่อมีการใช้งานจะแห้งและแข็งตัวอย่างรวดเร็ว จึงควรระมัดระวังขณะใช้งานเพราะล้างออกได้ยาก เป็นกาวอเนกประสงค์แห้งเร็ว ยึดติดแน่นที่อุณหภูมิห้อง สามารถยึดติดพื้นผิวได้หลากหลาย เช่น โลหะ พลาสติก ยางยางอีพีดีเอ็ม นอกจากนี้ ยังสามารถทนต่อน้ำมัน สารเคมีได้ดี กาวในกลุ่มนี้จะมีให้ เลือกทั้งแบบไม่มีกลิ่นฉุน ไม่ก่อให้เกิดฝ้าขาวทนอุณหภูมิสูง ใชได้กับงานไม้ งานเผวรามิกซ์ไม่เหมาะ กับการใช้งานกับพลาสติก
12 รูปภาพที่2.12 แสดงภาพกาวร้อน (Hot Glue) 2.7 เทปหนังไก่ เทปหนังไก่ หรือ ที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า เทปกาวย่น คือ เทปกาวที่ผลิตจากกระดาษเนื้อ บางๆ เคลือบผิวด้านหนึ่งด้วยกาวที่มีค่าการยึดเกาะต่ำสามารถลอกออกได้โดยไม่ทิ้งคราบกาวไม่ ทำลายพื้นผิว สามารถทนต่อสภาพอากาศร้อนจนถึงอุณหภูมิสูงๆได้เป็นนวัตกรรมที่คิดค้นโดย นักวิทยาศาสตร์ชื่อ Richard Gurley Drew ในปี 1925 ซึ่งตอนนั้นเขาได้ทำงานให้กับบริษัทที่ผลิต กระดาษทรายที่ใช้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ แห่งหนึ่งเขาได้ออกสำรวจศูนย์รถเพื่อทดลองกระดาษ ทรายและพบว่าช่างต้องทำสีรถเป็นแบบ 2 สี (Two-Toned) และมีปัญหารอยต่อสีเหลื่อมทับกันจึงได้ เห็นถึงปัญหาและได้กลับไปที่แลปใช้เวลากว่า 2 ปี เพื่อคิดค้นผลิตภัณฑ์เทปหนังไก่/เทปกาวย่นที่ช่วย ให้เราใช้ชีวิตในปัจจุบันได้ง่ายขึ้น (Masking Tape)ชื่อในภาษาอังกฤษของ “เทปหนังไก่” หรือ “เทป กาวย่น” สืบเนื่องมาจากการใช้งานของ “เทปหนังไก่” หรือ “เทปกาวย่น” ในยุคแรกๆที่ใช้งานโดย การปิดทับเพื่อไม่ให้สีที่ทาหรือพ่นโดนจุดที่ไม่ต้องการเรียกกว่าการ Mask off ตัดขอบในการทาสีทำ ให้ได้ขอบที่คมชัดจึงเรียกว่า Masking Tape ส่วนคำว่า “เทปหนังไก่” หรือ “เทปกาวย่น” ที่ใช้เรียก กันในภาษาไทยสัมพันธ์กับรูปลักษณภายนอกของเทป เนื่องจากตัวเทปนั้นมีลักษณะเป็นกระดาษที่ผิว ไม่เรียบ มีความย่น คล้ายกับหนังไก่ จึงถูกเรียกว่า “เทปหนังไก่” หรือ “เทปกาวย่น” มาจนถึง ปัจจุบันการใช้งานอเนกประสงค์ได้ตามต้องการตามสถานการณ์ของผู้ใช้งาน เช่น ม้วนเทปกาวด้าน เหนียวติดการเพื่อซับฝุ่น หรือ ใช้ในงานซ่อมด่วนเพื่อต่อด้ามไม้กวาดให้ติดกันชั่วคราวก่อนซ่อมจริง เราจึงสามารถสร้างสรรค์ชิ้นงานจากการทาสีหรือพ่นสีได้สะดวกสบายมากขึ้น สามารถประโยชน์จาก เทปกาวหนังไก่ได้หลายอย่าง เหมาะสำหรับงานตกแต่ง ทำสีในอู่ซ่อมรถยนต์ โรงงาน เฟอร์นิเจอร์ งานศิลปะ และงานตกแต่งอาคารต่าง ๆ รวมไปถึงงานแพ็กสินค้าด้วย
13 รูปภาพที่2.13 แสดงภาพเทปกาวหนังไก่ 2.8 ลวดเหล็ก ลวด (Wire) คือเหล็กที่รูปร่างเป็นเส้นยาว มีผิวเรียบ ลักษณะหน้าตัดเป็นทรงกลม มีขนาด และวัสดุที่หลากหลายให้เลือกใช้ ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรงทนทาน และสามารถเลือกใช้ได้ตามขนาด ความยาวที่ต้องการ ซึ่งการจะนำลวดไปใช้งานนั้น จะต้องคำนึงถึงการใช้งานที่มีความเหมาะสม ใน ส่วนของความมากน้อยของงาน กับขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางลวดควรจะมีความสัมพันธ์กันเพื่อให้ เกิดประสิทธิภาพที่ดีของงานนั้นๆ จึงนิยมนำไปใช้งานอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องมือเกษตรกรรม ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ อีก มากมาย ขั้นตอนกระบวนการผลิตลวดนั้น จะเป็นกระบวนการเดียวกันที่ใช้ผลิตเหล็กเส้น แต่จะ ต่างกันที่ขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางของชิ้นงาน โดยจะมีความเร็วในการรีดอยู่ที่ 100 - 120 เมตรต่อ วินาที หลังจากที่รีดได้ขนาดตามที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนถัดไปก็จะเป็นการนำลวดที่ได้นั้นไปขดเป็นวง พร้อมทั้งทำการบีบและมัดเพื่อสะดวกในการขนย้ายและจำหน่าย อีกทั้งจะต้องมีการทดสอบ ส่วนประกอบทางเคมีของชิ้นงาน ให้ได้ตามมาตรฐานของอุตสาหกรรม ประเภทของลวดเหล็ก 1) ลวดเหล็กใช้งานทั่วไป เป็นเหล็กคาร์บอนต่ำ ซึ่งจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางลวดหลังจากที่ผ่านขั้นตนการรีดอยู่ที่ 0.1 - 18 mm. ด้วยกระบวนการดึงเย็น แล้วนำไปชุบสังกะสี เพื่อป้องกันการเกิดสนิม สามารถนำไปต่อยอด เป็นผลิตภัณฑ์ ต่างๆได้ เช่น ตะปู ตะแกรงลวด หรือลวดหนาม
14 รูปภาพที่2.14 แสดงภาพลวดเหล็กใช้งานทั่วไป 2) ลวดสำหรับผลิตลวดเชื่อม เป็นเหล็กที่ผ่านกระบวนการดึงเย็น ซึ่งลักษณะของลวดที่จะนำไปผลิตลวดเชื่อม จะต้องมี ปริมาณสารมลทินต่ำ และมีส่วนองค์ประกอบทางเคมีของซัลเฟอร์ไม่เกิน 0.023% รูปภาพที่2.15 แสดงภาพลวดสำหรับผลิตลวดเชื่อม 3) ลวดสำหรับผลิตสลักภัณฑ์ เป็นการนำลวดไปขึ้นรูปที่อุณหภูมิห้องโดยจะทำให้ส่วนหัวของผลิตภัณฑ์มีขนาดใหญ่ เช่น สกรู สลัก หมุดเหล็ก เป็นต้น ถ้าหากผู้ผลิตมีความจำเป็นที่จะป้องกันการเกิดสนิมก็สามารถทำได้โดย การชุบสังกะสีด้วยเช่นกันลวดประเภทนี้จำเป็นต้องมีปริมาณสารมลทินเพื่อให้การขึ้นรูปเย็นมี ประสิทธิภาพดี
15 รูปภาพที่ 2.16 แสดงภาพลวดสำหรับผลิตสลักภัณฑ์ 4) ลวดสำหรับผลิตลวดเสริมยางรถยนต์ เป็นลวดที่ผ่านขั้นตอนการดึงเย็นจำนวนหลายครั้ง โดยนำไปผลิตต่อเป็นส่วนประกอบของ ยางรถยนต์ (Bead Wire) ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะต้องผ่านกระบวนการดึงขั้นรูปสูงทเนื่องจากเป็น ผลิตภัณฑ์ที่ต้องกรความแข็งแรงมาก รูปภาพที่2.17 แสดงภาพลวดสำหรับผลิตลวดเสริมยางรถยนต์ 2.9 คีม ใช้สำหรับการจับชิ้นงานเพื่อทำงานใดๆ คือใช้ในงานตัดวัตถุที่ไม่แข็งแรงมากนัก เช่น สายไฟฟ้า ลวด หรือสลักล้อคขนาดเล็ก คีมมีรูปร่างและขนาดต่าง ๆ กัน ตามลักษณะการใช้งาน คีม บางตัวออกแบบมาเพื่อใช้งานหลายหน้าที่ เช่นทั้งในการจับงานและตัดชิ้นงาน คีมบางแบบ มีข้อต่อ เลื่อนที่สามารถปรับขนาดความกว้างของปากในการจับชิ้นงานได้การแบ่งประเภทของคีม และ เรียกชื่อ จะเป็นไปตามลักษณะ การใช้งาน ซึ่งมีหลายรูปแบบด้วยกัน ดังนี้
16 1. คีมปากขยาย ปากคีมมีลักษณะโค้งมนและสามารถขยายออก-ลด ให้แคบลงได้เหมาะกับการใช้งานที่ เกี่ยวกับเครื่องกลและงานเครื่องยนต์ประเภทต่าง ๆ ปกติคีมจะชุบแข็ง ไม่ควรจับชิ้นงานที่ร้อน นอกจากคีมงานเชื่อม ไม่ควรใช้แทนประแจ อย่าใช้คีมตัดลวดเหล็กสปริง ห้ามใช้ขันขั้วไฟแรงสูง ห้าม ใช้ค้อนช่วยตีถ้าต้องการตัดลวดหลังใช้งานเช็ดทำความสะอาด หยอดน้ำมันจุดข้อต่อ รูปภาพที่2.18 แสดงถาภคีมปากขยาย 2. คีมตัดข้าง (คีมปากจิ้งจก) ปากคีมมีคมไว้สำหรับตัดด้านข้าง และ สามารถใช้จับชิ้นงานได้เหมาะกับการใช้งานตัด และ จับชิ้นงาน ปกติคีมจะชุบแข็ง ไม่ควรจับชิ้นงานที่ร้อน นอกจากคีมงานเชื่อม ไม่ควรใช้แทนประแจ อย่าใช้คีมตัดลวดเหล็กสปริง ห้ามใช้ขันขั้วไฟแรงสูง ห้ามใช้ค้อนช่วยตีถ้าต้องการตัดลวดหลังใช้งาน เช็ดทำความสะอาด หยอดน้ำมันจุดข้อต่อ รูปภาพที่2.19 แสดงภาพคีมตัดข้าง (คีมปากจิ้งจก)
17 3. คีมปากแหลม ปากคีมมีลักษณะเรียวแหลม และ มีขนาดเล็กเหมาะกับการใช้งานในทีแคบ และ งานไฟฟ้า ปกติคีมจะชุบแข็ง ไม่ควรจับชิ้นงานที่ร้อน นอกจากคีมงานเชื่อม ไม่ควรใช้แทนประแจ อย่าใช้คีมตัด ลวดเหล็กสปริง ห้ามใช้ขันขั้วไฟแรงสูง ห้ามใช้ค้อนช่วยตีถ้าต้องการตัดลวดหลังใช้งานเช็ดทำความ สะอาด หยอดน้ำมันจุดข้อต่อ รูปภาพที่2.20 แสดงภาพคีมปากแหลม 4. คีมตัด ปากด้านข้างมีลักษณะเป็นคมตัดและชุบแข็ง ใช้สำหรับตัดปิ๊นล็อค ลวดสายไฟ และ ใช้ปอก สายไฟแบบบางปกติคีมจะชุบแข็ง ไม่ควรจับชิ้นงานที่ร้อน นอกจากคีมงานเชื่อม ไม่ควรใช้แทนประแจ อย่าใช้คีมตัดลวดเหล็กสปริง ห้ามใช้ขันขั้วไฟแรงสูง ห้ามใช้ค้อนช่วยตีถ้าต้องการตัดลวดหลังใช้งาน เช็ดทำความสะอาด หยอดน้ำมันจุดข้อต่อ รูปภาพที่2.21 แสดงภาพคีมตัด
18 5. คีมล็อค ออกแบบเป็นพิเศษ ใช้งานเฉพาะ ปลายด้ามมีสกรูปรับ มีแบบธรรมดา แบบปากแหลม แบบ ใช้งานเชื่อม แบบชนิดแคลมป์ใช้สำหรับจับหรือบีบชิ้นงานที่แน่นมาก,บีบท่อน้ำยาแอร์ ปกติคีมจะชุบแข็ง ไม่ควรจับชิ้นงานที่ร้อน นอกจากคีมงานเชื่อม ไม่ควรใช้แทนประแจ อย่าใช้คีมตัด ลวดเหล็กสปริง ห้ามใช้ขันขั้วไฟแรงสูง ห้ามใช้ค้อนช่วยตีถ้าต้องการตัดลวดหลังใช้งานเช็ดทำความ สะอาด หยอดน้ำมันจุดข้อต่อ รูปภาพที่2.22 แสดงภาพคีมล็อค 6. คีมถอดแหวนล็อค ตรงปลายคีมจะมีปลายแหลมคล้ายกับปากกาลูกลื่น สามารถใช้บีบหรือถ่างแหวนได้ใช้ถอด แหวนล็อคลูกสูบ หรือแหวนล็อคเพลา ปกติคีมจะชุบแข็ง ไม่ควรจับชิ้นงานที่ร้อน นอกจากคีมงาน เชื่อม ไม่ควรใช้แทนประแจ อย่าใช้คีมตัดลวดเหล็กสปริง ห้ามใช้ขันขั้วไฟแรงสูง ห้ามใช้ค้อนช่วยตีถ้า ต้องการตัดลวดหลังใช้งานเช็ดทำความสะอาด หยอดน้ำมันจุดข้อต่อ รูปภาพที่ 2.23 แสดงภาพคีมถอดแหวนล็อค
19 2.10 สว่าน สว่านเป็นเครื่องมือช่าง ชิ้นสำคัญในการทำวัสดุให้มีรูกลมเพื่อใช้ในการยึดกับวัสดุหนึ่งเข้ากับ อีกวัสดุ โดยใช้วัสดุสิ้นเปลืองคือ ดอกสว่าน เป็นตัวกระทบวัตถุทั้งนี้สว่านเองยังมีหลายประเภท รวมทั้งซึ่งการออกแบบนั้นก็จะขึ้นอยู่กับการใช้งาน บางรุ่นสร้างมาเพื่อขันก็ยังมี บางรุ่นทั้งขันทั้งตอก ก็มี สว่านมีลักษณะมากมายหลายแบบและมีความแตกต่างทั้งในเรื่องของ ความเร็ว ขนาด กำลัง แต่ ละแบบจะมีตัวตนและ คาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันไป ในขณะนี้สว่านเป็นเครื่องมือช่างที่สำคัญที่สุด เครื่องมือหนึ่งโดยเฉพาะสว่านไร้สายที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน ซึ่งสวนทางกับสว่านไฟฟ้าที่ กำลังได้รับนิยมลดลงไปเรื่อย ๆนั่นเองโดยทั่วไป สว่านจะใช้ในงานไม้ งานเหล็ก งานก่อสร้าง งาน ประกอบชิ้นส่วน รวมไปถึงงานที่พิเศษเช่น งานอวกาศ และงานด้านการแพทย์ อีกด้วย ประวัติศาสตร์ของ สว่าน ประวัติศาสตร์ของสว่านเกิดขึ้นเมื่อ 35,000 ปีก่อน คริสตกาลโฮโมเซเปียนส์ มีการค้นพบ ประโยชน์ในการเจาะจากเครื่องมือที่สร้างด้วยหินรูปทรงปลายแหลมที่สามารถหมุนได้ โดยใช้มือหมุน ไปกลับเพื่อเจาะรูทะลุ วัสดุอื่นๆ นี่คือบรรพบุรุษของสว่านอย่างแท้จริง โดยต่อมาได้ประยุคในการใช้ งานจากวัฒนธรรมยุคโบราณเรื่อยมา โดยได้ทำการเปลี่ยนวัสดุต่างๆในการใช้งานเช่น กระดูกงาช้าง เขากวาง ทำให้มีการใช้เทคนิคนี้กันทั่วโลกในยุคโบราณโดยหลังจากนั้น สว่านแบบ machine drills เครื่องแรกของโลกได้ถือกำเนิดขึ้น จาก Bow drill เนื่องจากว่าเครื่องมือชนิดนี้ได้ใช้กลไกลทำให้ดอก สว่านเคลื่อนที่แบบหมุนโดยสายของเครื่องมือซึ่งเป็นกลไกลที่ทำให้การเจาะวัสดุมีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยสว่านแบบ Bow drill ได้รับการพัฒนา ให้เป็นเครื่องมือในการจุดไฟในเวลาต่อมา ในที่สุดเมื่อมาถึงยุค โรมัน สว่านก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยสิ่งประดิษฐ์นี้มีชื่อว่า Pump drill ตัวเครื่องมือนี้เอง เป็นสว่านที่หมุนในแนวตั้งโดยความแม่นยำของสว่านนั้นได้ถูกพัฒนาขึ้นจากตัวมูเล่ ที่มี ศูนย์ถ่วงกดลงมานั่นเอง Pump drillPump drill ในราวศตวรรษที่ 13 ได้มีการพัฒนารูปแบบ ของดอกสว่านให้มีลักษณะปลายแบบ กลวงเพื่อการเจาะวัสดุเฉพาะส่วนนอกของมันทำให้เหลือส่วนที่ เป็นวัสดุด้านในออกมาด้วยนี่คือต้นกำเนิดของดอกสว่าน HOLE-SAW นั่นเอง ความเปลี่ยนแปลงครั้ง สำคัญเกิดขึ้นเมื่อมีการค้นพบวิธีประดิษฐ์มอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้สว่านติดกับมอเตอร์ได้กำเนิดขึ้น เมื่อมี การคิดค้น สว่านไฟฟ้า ออกมาจาก Arthur James Arnot หลังจากนั้นสว่านไฟฟ้าก็ได้รับการพัฒนา รูปทรงเรื่อยมาจนมีการปรับรูปทรงให้คล้ายกับปืนพก โดยในช่วงศตวรรษนี่เอง สว่านได้พัฒนา รูปแบบให้สร้างขึ้นสำหรับงานเฉพาะเจาะจงในหลากหลายมิติ เป็นเครื่องมืองานช่างทั่วไป มักใช้ในงานไม้ งานปูนคอนกรีต และงานโลหะ มีหน้าที่ใช้สำหรับ เจาะรู กระแทกวัตถุใช้ไขหรือคลายสกรูในการถอดและประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกันโดยที่ไม่ ต้องออกแรงมาก สว่านมีรูปทรงลักษณะคล้ายปืน มีด้ามจับ ส่วนปลายเป็นปากสำหรับยึดดอกสว่าน ซึ่งดอกสว่านมีลักษณะเป็นแท่งเกลียวยาวปลายแหลมที่สามารถหมุนเจาะทำให้เป็นรูได้ ดอกจะสว่าน
20 มีหลายประเภทและมีหลายขนาดสามารถถอดและเปลี่ยนดอกสว่านได้ตามต้องการ มีกำลังประมาณ 300-550 วัตต์ มีน้ำหนักเบา ถูกออกแบบมาเพื่อสำหรับงานเจาะไม้, เจาะเหล็ก, เจาะพลาสติก, ขันน็อต, ขันสกรู แต่ไม่สามารถเจาะปูน อิฐ และหินได้ ข้อดีคือมีสายไฟ จึงสามารถใช้งานอย่าง ต่อเนื่อง สว่านประเภทนี้เน้นงานไม้เป็นหลัก เหมาะสำหรับมีติดบ้านไว้ใช้งานเบา ๆ เช่น เจาะชั้นไม้, หิ้งพระ, ที่แขวนรูป, ใช้เป็นไขควงไฟฟ้า, ใช้ในงานฝีมือ DIY ต่าง ๆ เพราะมีขนาดเล็กน้ำหนักเบากว่า สว่านแบบอื่น หรือไว้ใช้สำหรับเจาะเพดาน หรือเจาะเหล็กกล่องโครงหลังคาเพื่อยึดหลังคาหากแบ่ง ตามการใช้งานแล้วสว่านจะมีหลากหลายมาก รูปภาพที่2.24 แสดงภาพสว่านไฟฟ้า สามารถแบ่งรูปแบบได้ดังนี้ โดยในรูปแบบของสว่านอาจจะมีการต้องการพลังงานที่แตกต่างกันเช่น สว่านไฟฟ้า สว่านลม หรือสว่านเครื่องยนต์ที่ใช้ในงานเจาะดิน ระบบสว่านกระแทกส่วนมากจะใช้ในงานเจาะวัสดุแข็ง เช่น ปูน อิฐ รวมไปถึงสว่านที่มีลักษณะใหญ่เช่นบ่อขุดเจาะน้ำมัน โดยสว่านที่มือถือได้บางจำพวกยัง สามารถนำมาขันสกรูเพื่อวัสดุได้อีกด้วย 1. สว่านไขควงไฟฟ้า (Electric Screwdriver) มีกำลังไม่สูงมากนัก มีทั้งแบบไร้สาย ใช้แบตเตอรี่ และใช้ถ่าน หน้าที่หลักคือการไขสกรู จึงมี ระบบควบคุมแรงบิดและรอบหมุน สามารถกลับทางหมุนได้ เพื่อให้เหมาะกับทั้งการไขสกรู และการ คลายสกรู
21 รูปภาพที่2.25 แสดงภาพสว่านไขควงไฟฟ้า 2. สว่านกระแทก (Impact Driver Electric) มีลักษณะคล้ายสว่านไฟฟ้า แต่มีกำลังวัตต์สูงกว่า มีกำลังประมาณ 550-720 วัตต์ ใช้การ ทำงาน 2 ระบบ คือระบบธรรมดา และระบบกระแทกที่ทำหน้าที่เหมือนค้อน ช่วยในการเจาะปูนแบบ ก่อฉาบ งานไม้และงานเหล็ก เหมาะสำหรับงานช่างทั่วไปและช่างอาชีพ และยังเป็นสว่านยอดฮิตที่มี ติดบ้านไว้สำหรับงานช่างของพ่อบ้านอีกด้วย รูปภาพที่2.25 แสดงภาพสว่านกระแทก
22 3. สว่านไร้สาย หรือสว่านแบตเตอรี่ เนื่องจากไม่ใช้ไฟฟ้าจึงสะดวกเมื่อต้องใช้งานนอกสถานที่ หรือบนที่สูง เหมาะกับงานเจาะไม้, เหล็ก หรือขันน็อต แต่มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง เพราะต้องคอยชาร์จหรือเปลี่ยน แบตเตอรี่นั่นเอง จึงมีข้อจำกัดในเรื่องกำลังไฟ คือมีกำลังไฟน้อยกว่าสว่านทั่วไป ทำให้กำลังในการ เจาะอาจจะสู้สว่านประเภทอื่น ๆ ที่ต่อกับไฟฟ้าโดยตรงไม่ได้ รูปภาพที่2.26 แสดงภาพสว่านไร้สายหรือสว่านแบตเตอรี่ 2.11 ดอกสว่าน ดอกสว่าน เป็นอุปกรณ์อีกชิ้นหนึ่งของเครื่องมือช่างที่ต้องมี ซึ่งใช้ทำหน้าที่กัดเจาะเนื้อวัสดุ ต่างๆออกมาเป็นรู เพื่อที่เราจะได้ใช้รูในการจับยึด หรือ ตอกตะปู หรือ ใส่พุกเพื่อขันน็อตหรือสกรู และยึดน็อตได้สะดวก และ หลักการง่ายๆในการเลือกก็คือ วัสดุที่ถูกเจาะต้องอ่อนกว่าวัสดุทำดอก สว่านเสมอ ในปัจจุบัน ดอกสว่าน มีหลายแบบให้เลือกใช้มากมายหลายขนาด พัฒนาตามวัตถุประสงค์ ของงานหรือวัสดุที่ต้องการเจาะรู ไม่ว่าจะเป็นไม้ เหล็ก ปูนหรืองานคอนกรีต ดังนั้นการเลือกซื้อดอก สว่านมาใช้งาน เราจึงต้องรู้ไว้ด้วยว่าจะนำดอกสว่านไปใช้กับงานอะไร สำหรับดอกสว่านเองนั้นเองก็ ไม่สามารถเจาะวัสดุต่างๆ ได้ตัวของมันเอง แต่จะต้องใช้งานควบคู่ไปกับเครื่องสว่านเสมอ โดยเครื่อง สว่านจะทำหน้าที่ยึดจับดอกสว่านให้หมุนเจาะวัสดุ และไม่ให้สะบัดในขณะใช้งาน โดยมีให้เลือกใช้ทั้ง แบบมือ (ไม่ค่อยเห็นใช้กันแล้ว) และแบบใช้ไฟฟ้า สำหรับดอกสว่านที่มีจำหน่ายกันอยู่ โดยทั่วไปเรา สามารถแยกประเภทตามลักษณะ การนำไปใช้งานอย่างง่ายๆได้ดังต่อไปนี้
23 1. ดอกสว่านเจาะไม้ ลักษณะปลายดอกจะคล้ายหางปลา เป็นดอกว่านที่ใช้สำหรับเจาะไม้ที่มีขนาดไม่กว้างนัก โดยขนาดที่นิยมใช้กันทั่วไปก็คือ ขนาด 5,6,8หรือ 10 มิลลิเมตร อาทิ ใช้เจาะรูเพื่อใส่บานพับเหล็กบน ประตู หน้าต่าง หรือเจาะรูเพื่อร้อยสายไฟต่างๆ หรือตอกหมุนเพื่อการจับยึดไม้เข้าด้วยกัน บ้านไม้ ทรงโบราณนิยมใช้วิธีนี้กัน รูปภาพที่2.27 แสดงภาพดอกสว่านเจาะไม้ 2. ดอกสว่านเจาะเหล็ก ลักษณะของดอกสว่านเป็นร่องเกลียวตัด (flute) ปลายดอกแหลมเป็นแบบ ป้องกันการหนี ศูนย์ ในขณะเริ่มเจาะ (Split Point) ใช้สำหรับจิกนำศูนย์ เจาะได้ตรง ดังนั้นดอกสว่านทำจะเหล็กกล้า ไฮสปีด จึงสามารถนำมาใช้เจาะชิ้นงานหลากหลายที่อ่อนกว่าได้ ไม้หรือโลหะทั่วไป รวมถึงพลาสติก ได้อีกด้วย
24 รูปภาพที่ 2.28 แสดงภาพดอกสว่านเจาะเหล็ก 3. ดอกสว่านเจาะคอนกรีต ลักษณะของดอกสว่านเป็นเกลียวบิด ส่วนปลายดอกเป็นเหล็กกล้าคาร์ไบด์ ปลายดอก ออกแบบ(รูปทรงเจดีย์) เพื่อลดการหนีศูนย์ ในการเจาะกระเบื้องแผ่นเรียบที่มีความแข็งสูง ปลายคาร์ ไบด์ช่วยรองรับแรงกระแทกจากการใช้งาน เหมาะสำหรับการเจาะปูน คอนกรีต ซีเมนต์บล็อก หรือ อิฐมอญ ไม่ว่าจะเป็นพื้นหรือผนัง รูปภาพที่2.29 แสดงภาพดอกสว่านเจาะคอนกรีต
25 ประเภทของดอกสว่าน อุปกรณ์ที่หลายคนอาจมองข้าม แต่รู้หรือไม่ว่า ชนิดดอกสว่านเจาะ มีผลต่อวัสดุที่ต้องการ เจาะ และอายุการใช้งานของอุปกรณ์มากกว่าที่คิด - ดอกสว่านไฮสปีด, ดอกสว่านเจาะเหล็ก, สแตนเลส ผลิตจาก Carbon Steel ผสมธาตุที่ให้ ความแข็ง เช่น โครเมียม มีคุณสมบัติแข็ง เหนียว ทนต่อการแตกร้าว สามารถเจาะด้วยความเร็วสูง สามารถเจาะไม้, กระเบื้อง, เหล็ก, โลหะ, ทองแดง, อลูมิเนียม และพลาสติก - ดอกสว่านคาร์ไบด์ – ดอกสว่านเจาะเหล็กแข็ง ผลิตจากวัสดุที่มีความแข็งมาก จึงสามารถ เจาะวัสดุที่มีความแข็งได้แม่นยำและหลากหลาย สามารถใช้เจาะปูน คอนกรีตได้ 2.12 ใบเลื่อยตัดเหล็ก เลื่อยตัดเหล็ก คือ เครื่องมือที่ใช้ในการตัดเหล็ก ใบเลื่อยมีลักษณะเป็นแถบยาว ปลายใบ เลื่อยทั้ง 2 ข้างติดกับปลายและโคนคันเลื่อย ทำด้วยเหล็กทั่วไป เลื่อยที่ผลิตจากเหล็ก HSS Steel ถือ ว่าเป็นเหล็กชนิดที่แข็งกว่าเหล็กธรรมดา และ Bi-metal steel เป็นเหล็กผสม 2 ชนิดคือ เหล็กสปริง และ HSS steel เพื่อให้เลื่อยมีความยืดหยุ่นมากขึ้น Bi-metal saw เป็นเหล็กที่ผสมจาก spring steel และ HSS steel เพื่อให้เลื่อยมีความ ยืดหยุ่นมากขึ้น ความยืดหยุ่นของใบเลื่อยจะสูงมากแตกหักยาก เหมาะกับการใช้งานในที่แคบ ๆ หรือ โค้ง เมื่อแตกหักจะแตกเป็น 2 ชิ้นเท่านั้น ไม่แตกกระจายแบบใบเลื่อยจาก HSS จึงทำให้ปลอดภัย สำหรับผู้ใช้งาน แต่มีราคาสูงกว่าใบเลื่อย HSS ทั่วไปอาจจะ 2-3 เท่าหรือประมาณ 35-70 บาท สำหรับเลื่อยมือ ยี่ห้อที่เป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทยคือ Bahco Sanflex หรือใบเลื่อยปลาเบ็ดสีส้ม จากประเทศสวีเดน มีทั้งแบบ 18, 24, 32 ฟัน HSS Saw หรือ High-Speed Steel Saw เป็นวัสดุที่ใช้ในการผลิตเครื่องมือต่างๆมากมาย เช่น งานกลึง และใบเลื่อย ข้อดีของ HSS Saw คือ อายุการใช้งานนาน ฟันแข็งแรง ใช้งานได้ แพร่หลาย ราคาถูกประมาณ 20 – 40 บาท ยี่ห้อที่เป็นอันดับ 1 ของใบเลื่อยไฮสปีดคือ ใบเลื่อย Eclipse อยู่ในตลาดมานานกว่า 50 ปี หาซื้อง่าย ราคาไม่แพงคุณภาพดี eclipse มีผลิตสินค้ามากมาย ไม่ใช่เพียงแต่ใบเลื่อยเท่านั้น สามารถดูได้ตามร้าน hardware ทั่วไป มีลักษณะคล้ายเลื่อยฉลุ แต่คันเลื่อยโค้งไม่มาก การใช้งานส่วนใหญ่จะใช้ตัดโลหะทั่วไป อาทิ ตะปู นอต สกรู เหล็กฉาก หรือท่อพีวีซี แต่ถ้าเรานำไปเลื่อยไม้จะเลื่อยได้ช้ามาก เพราะฟันเลื่อย ค่อนข้างละเอียดและไม่ลึกมีให้เลือกทั้งแบบความยาวตามมาตรฐาน 12 นิ้วสามารถถอดเปลี่ยนใบ เลื่อยได้ ถอดใบเลื่อยตัดเหล็กที่แตกหัก บิดงอ หรือเสียหายออกจากโครงเลื่อยเดิม แล้วนำ ใบเลื่อย ที่ ต้องเปลี่ยนใหม่มาใส่แทน โดยสังเกตเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์คล้ายๆ ลูกศรบอกทาง ซึ่งพิมพ์อยู่บน ใบเลื่อยนั่นเอง ถ้ามีลูกศรกำกับอยู่ก็ให้ใส่ใบเลื่อยไปตามทิศทางนั้นๆได้เลยปกติแล้วโครง เลื่อย มือตัด
26 เหล็กหรือตัดวัสดุอื่นๆที่ใช้กันทั่วไปนั้น จะมีขนาดความยาวมาตรฐานอยู่ที่ 12 นิ้ว ส่วนหน้ากว้างใบ เลื่อยที่ใช้คือ 1/2 นิ้ว โดยสามารถแบ่งตามชนิดของวัสดุที่นำมาใช้ทำใบเลื่อยได้ดังนี้ 1. ใบเลื่อยคาร์บอนสตีล (Carbon Steel) ใบเลื่อยคาร์บอนสตีล (Carbon Steel) มีราคาถูก ผลิตจากเหล็กมาตรฐาน นำมาชุบแข็งเพื่อ เพิ่มความทนทาน แต่มีความยืดหยุ่นน้อย จึงเปราะและแตกหักง่าย รวมถึงฟันเลื่อยก็สึกง่าย เหมาะ สำหรับมือใหม่ที่ใช้ตัดชิ้นงานเป็นครั้งคราว เช่น ท่อพีวีซี หรือพวกโลหะต่างๆ 2. ใบเลื่อยไฮสปีดสตีล (High Speed Steel) ใบเลื่อยคาร์บอนสตีล (Carbon Steel) มีราคาปานกลาง ผลิตจากเหล็กคุณภาพสูง (เกรด A) นำมาชุบแข็ง ทนต่อแรงบิดงอได้ระดับหนึ่ง ฟันเลื่อยมีความคม จึงตัดชิ้นงานได้อย่างรวดเร็ว เหมาะ สำหรับมือสมัครเล่น ผู้รักงาน DIY และช่างมืออาชีพที่ต้องการความรวดเร็วในการตัดชิ้นงานและใช้ งานได้อย่างต่อเนื่อง 3. ใบเลื่อยตัดเหล็กไบเมทัล (BI-METAL) ใบเลื่อยตัดเหล็กไบเมทัล (BI-METAL) มีราคาสูง สามารถบิดงอได้โดยไม่แตกหัก เพราะตัวใบ เลื่อยมีส่วนผสมของโลหะ 2 ชนิด อาทิ ไฮสปีดสตีลและอัดลอย เชื่อมติดกันด้วยกระแสไฟฟ้าแรงสูง ใบเลื่อยมีความคมสูง แต่ก็มีความยืดหยุ่นในเวลาเดียวกัน จึงปลอดภัยกับผู้ใช้งาน เหมาะกับช่างมือ อาชีพหรือผู้ที่ต้องการความรวดเร็วในการตัดชิ้นงาน ไม่ต้องเสียเวลามาเปลี่ยนใบเลื่อยบ่อย ๆ รูปภาพที่2.30 แสดงภาพใบเลื่อยตัดเหล็ก
27 2.13 ไม้บรรทัดเหล็ก บรรทัดเหล็กเป็นเครื่องมือวัดพื้นฐานในการวัดขนาดความยาวของชิ้นงาน ซึ่งไม่ต้องการ ความละเอียดมากนัก บรรทัดเหล็กถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย สามารถให้ค่าขนาดชิ้นงานได้ทั้งระบบ เมตริกและระบบอังกฤษ คือ หน่วยมิลลิเมตรและหน่วยนิ้วนั่นเอง สามารถอ่านค่าวัดขนาดชิ้นงานได้ โดยตรงจากตัวบรรทัดเหล็กส่วนใหญ่การใช้งานของบรรทัดเหล็ก คือ ใช้เป็นเครื่องมือวัดขนาดชิ้นงาน และใช้เป็นเครื่องมือในการขีดร่างแบบลงชิ้นงานบรรทัดเหล็ก เป็นเครื่องมือวัดความยาวพื้นฐานที่ใช้ งานกันอย่างแพร่หลาย ในการวัดและตรวจสอบขนาดเนื่องจากการใช้งานได้สะดวกรวดเร็ว สามารถ อ่านค่าวัดได้ทันทีจากขีดมาตราวัดบนบรรทัดเหล็กซึ่งมีความคล้ายคลึงกับไม้บรรทัดพลาสติกที่ผู้เรียน มีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี อาจมีความแตกต่างกันที่ความละเอียดของขีดมาตราที่ละเอียดขึ้น และวัสดุ ที่ใช้ทำบรรทัดเหล็ก รูปภาพที่ 2.31 แสดงภาพไม้บรรทัดเหล็ก 2.14 ไม้บรรทัดฉากสามเหลี่ยม บรรทัดฉากสามเหลี่ยม หรือเซท เป็นเครื่องมือสำหรับเขียนเส้นตรงแนวตั้งและเส้นทแยง โดยจะใช้ในการเขียนแบบร่วมกับไม้ที หรือใช้ไม้บรรทัดเลื่อน ไม้ฉากสามเหลี่ยมนี้มีหลายขนาด เลือกใช้ตามแต่ขนาดของแบบที่จะเขียนและความสะดวกของผู้เขียนแบบ บรรทัดฉากสาม เหลี่ยมมี ชนิดมุมบังคับอยู่ 3 ชนิด คือ
28 1. ชนิดมุม 45 องศา หมายถึง มุมตรงข้ามด้านสั้นของสามเหลี่ยมทั้งสองมุม กางมุมละ 45 องศา ส่วนมุมตรงข้ามด้านยาวเป็นมุมกาง 90 องศาหรือมุมฉากขนาดที่เหมาะในการใช้คือขนาด 8 นิ้ว 2. ชนิดมุม 30 และ 60 องศา เป็นรูป 3 เหลี่ยมด้านไม่เท่ามีมุม 90 องศา มุม 60 องศาและ มุม 30 องศา ขนาดที่เหมาะในกาใช้คือ ขนาด 10 นิ้ว 3. ไม้ฉากสามเหลี่ยมชนิดปรับมุม ไม้สามเหลี่ยมชนิดนี้ มีด้านที่กำหนดมุมตายตัวมามุมเดียว คือมุม 90 องศาส่วนมุมอื่นๆ เมื่อยังไม่กางออกใช้งานตามมุมที่ต้องการก็จะเป็นมุมประ-กอบมุมฉาก ของสามเหลี่ยมคือมุม 45 องศา ไม้สามเหลี่ยมชนิดนี้มีแขนที่สามารถปรับมุมได้ตามกำหนดที่ต้องการ เมื่อกางออกตามมุมที่กำหนดจะได้มุมฉาก 1 มุม มุมตามองศาที่ต้องการ 1 มุม และมุมตรงข้ามของ มุมที่กำหนดอีก 1 มุม การเลือกกำหนดมุมที่ต้องการนั้นจะมีตัวเลขและระยะองศาของมุมปรากฏอยู่ บนไม้ฉากสามเหลี่ยมนั้น รูปภาพที่2.32 แสดงภาพไม้บรรทัดฉากสามเหลี่ยม 2.15 ค้อนยาง เครื่องมือช่างที่ควรมีไว้ติดบ้าน เพราะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ในงานซ่อมแซมและใช้กับงาน ช่างส่วนต่างๆในบ้านได้หลากหลาย โดยค้อนจะมีหลายชนิดด้วยกัน และมีลักษณะแตกต่างกันตาม ลักษณะของการใช้งาน การใช้งานให้ความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเป็นสิ่งที่ จำเป็นดังนั้นคุณต้องเลือกประเภทค้อนให้เหมาะสมกับงาน หัวค้อนทำมาจากยางทำให้มีความเหนียว นุ่ม และมีความยืดหยุ่นมากกว่าค้อนไม้ ค้อนยางเหมาะสำหรับการใช้สำหรับขึ้นรูปชิ้นงานที่มีเนื้ออ่อน
29 ทนแรงกระแทกได้น้อย หรือใช้ตอกเพื่อรักษาสภาพผิวงาน ข้อดีของค้อนยางคือด้วยคุณสมบัติที่มี ความยืดหยุ่นเมื่อนำไปใช้งานกับวัสดุที่มีผิวอ่อนบางจะช่วยทำให้เกิดร่องรอยหรือความเสียหายได้น้อย มาก เรามาดูกันค่ะว่าค้อนทีกี่แบบ และใช้งานต่างกันอย่างไรบ้าง 1.ค้อนยาง หัวค้อนทำมาจากยางทำให้มีความเหนียวนุ่ม และมีความยืดหยุ่นมากกว่าค้อนไม้ ค้อนยาง เหมาะสำหรับการใช้สำหรับขึ้นรูปชิ้นงานที่มีเนื้ออ่อนทนแรงกระแทกได้น้อย หรือใช้ตอกเพื่อรักษา สภาพผิวงาน ข้อดีของค้อนยางคือด้วยคุณสมบัติที่มีความยืดหยุ่นเมื่อนำไปใช้งานกับวัสดุที่มีผิวอ่อน บางจะช่วยทำให้เกิดร่องรอยหรือความเสียหายได้น้อยมาก รูปภาพที่2.33 แสดงภาพค้อนยาง 2. ค้อนช่างทองหรือค้อนตีกิ๊ฟ หัวค้อนหนึ่งข้างจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมแตกต่างจากอีกด้านที่มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม และมีหน้าขนาดเล็กกว่าโดยออกแบบให้ใช้ตอกงานที่มีขนาดเล็กได้ หัวค้อนทำจากเหล็ก ผิวหน้าค้อน ทั้งสองเรียบ มุมค้อนมีโค้งลดคมมุมค้อน เหมาะกับงานฝังเดินสายไฟ, เคาะ หรือ ตีกิ๊ฟ ด้วยขนาดของ หัวค้อนที่มีขนาดเล็ก จึงสามารถช่วยให้ทำงานในพื้นที่แคบได้ดี
30 รูปภาพที่2.34 แสดงภาพค้อนช่างทองหรือค้อนตีกิ๊ฟ 3.ค้อนหงอน ใช้สำหรับการตอกและถอนตะปู หัวค้อนจะมีลักษณะหน้าตัดกลม ผิวหน้าเรียบหรือโค้ง เล็กน้อย ส่วนหางหรือหงอนค้อนมีลักษณะเป็นง่าม ใช้สำหรับถอนตะปู ด้ามค้อนอาจทำด้วยไม้ หรือ หุ้มด้วยพลาสติกแข็งก็ได้ โดยค้อนหงอนเหมาะกับงานไม้ หรืองานที่ต้องการความประณีต รูปภาพที่2.35 แสดงภาพค้อนหงอน
31 4. ค้อนหัวกลม เป็นค้อนที่มีหน้าค้อนกลมแบนและลบมุมที่ขอบ ส่วนที่ปลายหัวมีลักษณะเป็นทรงกลม เหมาะสำหรับงานหนัก เช่นการตีชิ้นส่วนโลหะเหล็ก หรือการขึ้นรูปโลหะด้วยปลายหัวค้อนกลม สามารถใช้ลบคมของหมุดย้ำโลหะได้ รูปภาพที่2.36 แสงภาพค้อนหัวกลม 5. ค้อนปอนด์หรือค้อนทุบหิน ค้อนที่ใช้สำหรับงานหนักและใช้แรงกระแทกสูง หัวค้อนมีรูปร่างเป็นรูปแปดเหลี่ยม ผิวหน้า จะมนและลาดเอียงไปทางขอบ มีตั้งแต่ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับงานใช้แรง เช่น การ ทุบกำแพง ทุบหิน สามารถใช้ตีเหล็ก งานดัดงอทั่วไป รูปภาพที่2.37 แสดงภาพค้อนปอนด์หรือค้อนทุบหิน
32 2.16 มีดคัตเตอร์ เป็นเครื่องมือตัดอเนกประสงค์แบบพกพามีไว้สำหรับใช้ในการกรีด หั่น และตัดเฉือนวัสดุ ต่างๆ ได้ตามต้องการ เช่น กระดาษ ผ้า แผ่นหนัง โฟม วัตถุดิบอาหาร ฯลฯ โดยมีดคัตเตอร์ทั่วไปจะ ประกอบด้วย ด้ามจับ ใบมีด ปุ่มเลื่อนใบมีด และฝาท้ายสำหรับหนีบพกพาเข้ากับกระเป๋าเสื้อ ขนาด กะทัดรัด น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย ซึ่งถูกนำไปใช้งานได้ทั่วไป เช่น ภายในบ้าน สำนักงาน การแคมปิ้ง งานช่างไปจนถึงงานสายผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม มีดคัตเตอร์จัดอยู่ในกลุ่มอุปกรณ์เครื่องเขียนและ เครื่องมือช่าง ทำให้ใบมีดคัตเตอร์มีหลายเกรด เพื่อรองรับงานตัดที่หลากหลาย ดังนั้น การเลือกใช้ มีดคัตเตอร์จำเป็นต้องสอดคล้องกับลักษณะการใช้งาน เพื่อใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความ ปลอดภัยต่อผู้ใช้งานอีกด้วย ตัวอย่างชนิดของมีดคัตเตอร์ และการใช้งาน 1. มีดคัตเตอร์โรตารี่ หรือมีดคัตเตอร์ใบมีดกลม โดยใบมีดคัตเตอร์มีลักษณะเป็นแผ่นวงกลม ทำจากสแตนเลส และประกอบเข้ากับด้ามจับแบบโค้งรับกับมือ ซึ่งสามารถใช้กลิ้งตัดบนผิววัสดุได้ อย่างต่อเนื่อง สะดวก รวดเร็ว และช่วยประหยัดเวลาตัดชิ้นงานได้ดี คัตเตอร์โรตารี่เหมาะสำหรับการ ตัดชิ้นงานแบบต่อเนื่อง นิยมใช้ในงานตัดผ้า แผ่นหนัง หญ้าเทียม งานติดตั้งพรม เสื่อน้ำมัน ฯลฯ รูปภาพที่ 2.38 แสดงภาพมีดคัตเตอร์โรตารี่ 2. มีดคัตเตอร์ด้ามปากกา เป็นคัดเตอร์ที่มีใบมีดปลายแหลมเฉียงประมาณ 30 องศาและมี ด้ามจับรูปทรงเดียวกับด้ามปากกา สามารถจับใช้งานได้อย่างคล่องมือ สำหรับการตัดชิ้นงานที่ต้องใช้
33 ความประณีตเป็นพิเศษ นิยมใช้ในงานตัดลอกลาย งานละเอียด งานแกะสลัก งานตัดฟิล์มและตัดสติ๊ก เตอร์ และงานฝีมือต่างๆ นอกจากนี้ในบางแบรนด์ยังมีจำหน่ายเป็นชุดที่ประกอบไปด้วยใบมีดคัตเต อร์หลากหลายรูปทรง เช่น ใบมีดโค้ง ใบมีดเฉียง 45 องศา ใบมีดหัวตัดตรง เป็นต้น รูปภาพที่2.39 แสดงภาพมีดคัตเตอร์โรตารี่ 3. มีดคัตเตอร์ช่างไฟ โดยมีดคัตเตอร์จะถูกออกแบบมาใช้ตัดวัสดุในงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันอันตรายหรือได้รับบาดเจ็บจากไฟฟ้าดูดได้ โดยตัวด้ามจับจะผลิตจากพลาสติก ABS พร้อม กับหุ้มฉนวนกันไฟฟ้าทั้งชิ้น ช่วยให้การจับมีความกระชับมากขึ้น เหมาะสำหรับงานปอกสายไฟและ งานตัดสายไฟ ทั้งนี้คัตเตอร์ช่างไฟยังมีให้เลือกหลายแบบและหลายขนาดอีกด้วย
34 รูปภาพที่2.40 แสดงภาพมีดคัตเตอร์ช่างไฟ 4. มีดคัตเตอร์นิรภัย ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะ มีหลากหลายรูปแบบ เช่น คัตเตอร์นิรภัยใบมีดสี่เหลี่ยมคางหมู มีคมตัด 2 ด้าน สามารถกลับด้านใบมีดเพื่อใช้งานได้ พร้อมกับมี กลไกดึงใบมีดกลับอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานได้มากยิ่งขึ้น หรือคัตเตอร์นิรภัย แบบตะขอ มีด้ามจับโค้งรับกับมือ พร้อมกับใบมีดติดตั้งไว้ด้านในอย่างมิดชิด เหมาะสำหรับตัดฟิล์ม พันพาเลท และสายรัดกล่อง รูปภาพที่2.41 แสดงภาพมีดคัตเตอร์นิรภัย
35 5. มีดคัตเตอร์ตัดอะคริลิค โดยใบมีดคัตเตอร์มีลักษณะคล้ายตะขอหรือปากนกแก้ว และ ปลายมีดทำมุมเฉียง 45 องศา ใบมีดมีทั้งผลิตจากเหล็กทังสเตน และสแตนเลส ทำให้มีความคมสูง คมตัดแข็งแรง ทนทาน ไม่แตกหักง่าย สามารถกรีดตัดบนแผ่นอะคริลิค แผ่นลามิเนต และแผ่น พลาสติกได้สะดวก รอยตัดมีความเรียบเนียบ ใช้งายง่าย และสามารถใช้เจียรขอบได้อีกด้วย รูปภาพที่2.42 แสดงภาพมีดคัตเตอร์ตัดอคิลิค 6. มีดคัตเตอร์ตัดกระจก มีลักษณะเป็นด้ามจับแบบปากกาและมาพร้อมกับเม็ดมีดทีมี ลักษณะเป็นหัวตัดแบบล้อ โดยหัวตัดมีทั้งหัวตัดทังสเตนคาร์ไบด์ และหัวตัดเพชร ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความ คงทน ทนทาน และแข็งกว่าโลหะชนิดอื่น ทำให้สามารถทำการกรีดตัดแผ่นกระจก หรือกระเบื้องปูน พื้นให้ขาดออกได้ง่าย รอยตัดมีความเรียบเนียน สวยงาม เพิ่มความสะดวกสบายในการตัดชิ้นงาน กระจกได้เป็นอย่างดี และยังมีแบบใช้น้ำมันมีไว้สำหรับหล่อลื่นระหว่างทำการตัดกระจก ซึ่งมี คุณสมบัติในการช่วยลดแรงเสียดทาน และทำการตัดกระจกง่ายยิ่งขึ้น
36 รูปภาพที่2.43 แสดงภาพมีดคัตเตอร์ตัดกระจก การดูแลรักษาใบมีดคัตเตอร์(Cutter Knives) เมื่อใช้งานเสร็จทุกครั้งควรทำความสะอาดด้วยการนำผ้าสะอาดไปชุบน้ำมัน และทำการเช็ด คราบสกปรกต่างๆ เช่น คราบกาว ที่ติดบนใบมีดคัตเตอร์ออกจนหมดเพื่อป้องกันการเกิดสนิม และ ช่วยยืดอายุการใช้งานใบมีดยาวนานขึ้นได้ดี หลังจากนั้นเลื่อนใบมีดเก็บเข้าด้ามจับให้มิดชิด เพื่อ ป้องกันการโดนบาดนิ้วมือและปลายมีดหักเสียหาย และนำมีดคัตเตอร์จัดเก็บไว้ในพื้นที่แห้งสนิท พ้น จากความร้อน ความเปียกชื้น และต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากมือเด็ก เช่น เก็บใส่กล่องเครื่องมือ เป็น ต้น 2.17 คลิปดำ อุปกรณ์เครื่องใช้ที่จำเป็นและให้ประโยชน์อย่างมาก สำหรับการใช้งานด้านเอกสารใน สำนักงานออฟฟิต จนถึง งานศิลปะ นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการรวบรวม กระดาษ สลิป หรือ เอกสารต่างๆ และ สามารถสร้างสรรค์ใช้งานทั่วไปกับวัสดุต่าง ๆ อย่างเช่น ผ้า, แผ่นเพลท ได้อีกด้วย คลิปหนีบมีหลายประเภท เช่น คลิปหนีบชนิดแม่เหล็ก, คลิปโฮลเดอร์, คลิป หนีบ 2 ขา, คลิปพลาสติก, คลิปขาวปากแบน, คลิปหนีบโลหะมีรู และรวมถึง คลิปหนีบกระดาษ หรือ ลวดเสียบกระดาษ เป็นต้น ซึ่งคลิปหนีบแต่ละประเภท ให้ความแข็งแรง แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการ ใช้งาน
37 รูปภาพที่ 2.44 แสดงภาพคลิปดำ 2.18 ตลับเมตร ตลับเมตรเป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับวัดระยะทางหรือความยาว โดยปกติจะประกอบด้วย ริบบิ้นหรือแถบวัสดุที่ยืดหยุ่นได้ เช่น โลหะหรือพลาสติก ทำเครื่องหมายด้วยหน่วยวัดเป็นนิ้วหรือ เซนติเมตร ตลับเมตรสามารถม้วนขึ้นหรือขดเพื่อจัดเก็บได้ และโดยทั่วไปจะมีกลไกล็อคเพื่อยึดเทปให้ อยู่กับที่เมื่อมีการวัดค่าแล้ว ประเภทของตลับเมตรที่พบมากที่สุดคือแบบยืดหดได้ ซึ่งหมายความว่า สามารถดึงเทปออกและหดกลับเข้าไปในปลอกได้ ตลับเมตรมีความยาว ความกว้าง และวัสดุต่างๆ กัน และสามารถนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ มากมาย รวมถึงงานช่างไม้ งานเย็บผ้า และงาน หัตถกรรม เครื่องหมายบนตลับเมตร ก่อนอื่นต้องรู้จักเครื่องหมายต่างๆ ที่อยู่บนแถบวัดก่อน พวกมันไม่ได้มีไว้เพื่อการค้าหรือ เหตุผลอื่นๆ แต่มีเพื่อหลักการอ่านที่ถูกต้อง ถ้ารู้จักพวกมันก็จะช่วยให้อ่านค่าได้ง่าย สะดวก คล่องแคล่ว โดย ตลับเมตร จะมีหน่วยหรือมาตรวัดในการอ่าน 2 แบบด้วยกัน คือ เมตริก (Metric scale) และนิ้ว (Imperial scale) ในแต่ละประเทศจะใช้หน่วยวัดไม่เหมือนกัน เช่น อังกฤษ หรือ สหราชอาณาจักรและยุโรปส่วนมาก จะใช้ระบบการวัดแบบเมตริก ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่น อเมริกา หรือ อิตาลี จะใช้หน่วยวัดเป็นนิ้ว แต่ก็มีอีกหลายประเทศที่ใช้ทั้งสองหน่วย ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน นั้น ดังนั้น การที่บน ตลับเมตร มีมาตรวัด 2 แบบจึงสะดวกต่อการใช้งานอย่างมาก
38 รูปภาพที่ 2.45 แสดงภาพตลับเมตร 1. เครื่องหมายทั่วไป - ถัดไปจากอักษรบอกมาตรวัด จะเป็นตัวเลขที่ระบุความยาวทั้งหมดที่สามารถวัดได้ เช่น 6ft/2m โดยจะระบุไว้ทั้งหน่วยเมตริกและหน่วยนิ้ว - เลขโรมัน (I,II,III) จะบอกความแม่นยำในการวัดของ ตลับเมตร นั้นๆ จากมากที่สุด (I) ไป น้อยที่สุด (III) โดยที่ ตลับเมตร ทั่วไปจะมีความแม่นยำระดับ II - CE หรือเครื่องหมายรับรองคุณภาพมาตรฐานยุโรป แสดงว่าผ่านการทดสอบด้านความ ปลอดภัยและอื่นๆ สามารถจำหน่ายในเขตเศรษฐกิจยุโรป และนำเข้าหรือส่งออกได้อย่างถูกกฎหมาย มาจากภาษาฝรั่งเศษ “Conformite Europeene” - UKCA เป็นมาตรฐานที่ต้องมีหากจะจำหน่ายสินค้าบางประเภทในสหราชอาณาจักร มีผล บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป เครื่องหมาย CE ยังใช้ได้ในทวีปยุโรปประเทศอื่นๆ แต่ไม่เป็นที่ ยอมรับในสหราชอาณาจักรแล้ว ดังนั้นสินค้าจึงควรมีทั้งเครื่องหมาย CE และ UKCA - ตัวเลขระบุองศาที่ตลับเมตรนั้นๆ สามารถทนทานได้
39 รูปภาพที่ 2.46 แสดงภาพเครื่องหมายทั่วไป 2. เครื่องหมายบนหน่วยเมตริก (Metric scale) และวิธีอ่าน 2.1) หน่วยเมตริก คือ สเกลบน ตลับเมตร ด้านที่มีหน่วยหลักเป็นเซนติเมตร โดยจะมี ตัวอักษร ‘cm’ กำกับไว้ใกล้ๆ กับตะขอเกี่ยว หรือระหว่างหน่วยที่ 3-4 เซนติเมตร เพื่อให้สังเกตได้ ทันทีตั้งแต่เริ่มใช้งาน 2.2) ในแต่ละเซนติเมตรจะมีขีดเล็กๆ ใช้บอกหน่วยมิลลิเมตร เช่น ขีดเล็กๆ หลังจุดที่ 4 เซนติเมตร หมายถึงความยาว 41 มิลลิเมตร หรือ 4.1 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังอ่านได้ว่า 0.041 เมตร ได้ด้วย แล้วแต่ว่าในการวัดนั้นเราใช้หน่วยแบบไหนเป็นหลัก ซึ่งควรจะใช้หน่วยเดียวกันในการวัดแต่ ละงาน 2.3) ทุกๆ 10 เซนติเมตร จะแสดงตัวเลขพิเศษกว่าปกติ เช่น อาจใช้สีแดงเพื่อให้มองเห็นง่าย ในขณะที่ตัวเลขอื่นๆ จะมีสีดำ หรือทำแถบสีพิเศษ 2.4) ทุกๆ 100 เซนติเมตร จะมีหมายเลขกำกับไว้อย่างชัดเจน ตลับเมตร บางอันอาจกำกับ ไว้ว่า '1m' แทน เพื่อบอกว่าความยาว ณ จุดนั้นเท่ากับ 1 เมตร แต่ส่วนใหญ่จะแสดง '100cm' มากกว่า เพื่อกันสับสน เพราะปกติคนจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า 100 เซนติเมตร = 1 เมตร