วิวัฒนาการ โทรศัพท์
iPhone
คำนำ
หนังสือ Ebook เล่มนี้จัดทำเพื่อให้
นักเรียนและนักศึกษา ได้ศึกษาเกี่ยวกับ
วิวัฒนาการiPhoneรุ่น 1-13 นักเรียน
และนักศึกษาจะได้ทราบประวัติความ
เป็ นมาของiPhone
หนังสือเล่มนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์ แก่
ผู้ที่ได้เข้ามาอ่านไม่มากก็น้ อย อาจมีข้อ
ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนขออภัยไว้ณ
ที่นี้
สารบัญ
1.1 IPHONE 1
1.2 IPHONE 3G
1.3 IPHONE 3GS
1.4 IPHONE 4
1.5 IPHONE 4S
1.6 IPHONE 5
1.7 IPHONE 5S
1.8 IPHONE 5C
1.9 IPHONE 6
1.10 IPHONE 6s
1.11 IPHONE SE
1.12 IPHONE 7
1.13 IPHONE 8
1.14 IPHONE X
1.15 IPHONE XS
1.16 IPHONE XR
1.17 IPHONE 11
1.18 IPHONE SE ṣuñ2
1.19 IPHONE 12
1.20 IPHONE 13
วิวัฒนาการ iPhone 1 – iPhone 13
ถ้าพูดถึงมือถือที่ได้การยอมรับจากทั่วโลก ในความสามารถ
ในการใช้งาน ทั้งการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และมัลติมีเดีย
ต่างๆ และขึ้นชื่อว่าเป็นสมาร์ทโฟน ที่สามารถใช้งานและการ
ดีไซน์อย่างลงตัว เชื่อว่าหลายคนก็ต้องนึกถึงมือถือจาก
Apple อย่าง iPhone กันบ้างแหละ ไม่ว่าจะเป็นสาย Android
หรือ iOS อยู่แล้วก็ตาม ตั้งแต่ที่ iPhone 1 (iPhone 2007)
ที่เปิดตัวออกมารุ่นแรก จนมาถึง iPhone 13 ในปัจจุบันนี้
และกำลังจะมีรุ่นใหม่ที่เป็น iPhone 14 เราจะย้อนรอยกลับ
ไปดูกันว่า ตั้งแต่ไอโฟน 1 ที่เปิดตัวจนถึงตอนนี้ มีอะไรที่
เปลี่ยนแปลงไปแล้ว และไอโฟนทุกรุ่นนั้นมีจุดเด่นตรงไหนน่า
สนใจบ้าง
ย้อนความกันสักนิดก่อน สำหรับแบรนด์ที่ชื่อ Apple
Computer Company นั้นได้ถูกก่อตั้งขึ้นมาโดย สตีฟ จอบส์
(Steve Jobs) ตั้งแต่ปี 1976 (เกือบ 46 ปี) หลังจากนั้นก็ได้
เปลี่ยนชื่อมาเป็น Apple Inc. เนื่องจากจะได้เป็นการบ่งบอก
ถึงความเป็นตัวตนของบริษัท ที่จะเริ่มก้าวเข้าสู่ตลาด
อิเล็กทรอนิกส์เคลื่อนที่อย่างเต็มตัว แน่นอนว่ารวมไปถึงสิ่งที่
เรากำลังจะมาพูดถึงในวันนี้ด้วย นั่นก็คือมือถือสมาร์ทโฟน
เคลื่อนที่อย่างไอโฟน 1 หรือที่หลายคนอาจจะรู้จักกันในชื่อ
iPhone 1st Gen หรือ iPhone 2G และได้เริ่มพัฒนาต่อมา
เรื่อยๆ จนถึงรุ่นที่ 13 ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาเมื่อปี 2021 นี่เอง
รวมๆ แล้วก็ 15 ปีเต็มแล้ว ที่ได้เริ่มทำมือถือออกมาให้เราได้
ใช้งานกันทั้งหมด 33 รุ่น (รวมรุ่นย่อยทั้งหมดแล้ว) เดี๋ยววัน
นี้ทาง Specphone จะมาบอกกันว่ารุ่นไอโฟนทั้งหมดมีกี่รุ่น
แต่ละรุ่นมีรายละเอียดอะไรบ้าง ตั้งแต่ iPhone 1 จนถึง
iPhone 13 เลย
Generation ของ iPhone 1 ถึง iPhone 13
มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลักๆ ของไอโฟนทุกรุ่น
ตั้งแต่ไอโฟน 1 จนถึงปัจจุบันนี้ อย่างแรก
เลยก็ต้องเป็นเรื่องของการดีไซน์ ที่แต่ละ
รุ่นนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงกัน ตั้งแต่รุ่นที่
เป็นเครื่องโค้งมน เป็นเครื่องเหลี่ยม กลับ
ไปเป็นรุ่นโค้งมน และสุดท้ายก็กลับมาเป็น
เครื่องเหลี่ยมอีกรอบ นอกจากนี้ยังมีเรื่อง
ของสเปคภายใน ฟีเจอร์ กับภายนอกที่ได้
พัฒนาให้ดีขึ้นมากกว่าเดิมเรื่อยๆ อย่างเช่น
ปุ่ม Home ที่ไอโฟนรุ่นแรกๆ นั้นจะเป็น
ปุ่มปกติ และได้เปลี่ยนเป็น Touch ID
และสุดท้ายก็ได้เอาปุ่มออกไป และใช้แบบ
Face ID แทนทั้งหมด ทำให้ทั้งหน้ าจอนั้น
ไม่มีปุ่มอะไรหลงเหลืออยู่เลย รวมไปถึง
กล้อง และรายละเอียดต่างๆ อีกมากมาย
เรามาทำความรู้จัก iPhone 1 ถึง iPhone
13
1.
iPhone 1
iPhone 1 (ไอโฟน รุ่นแรก 2007, iPhone 2G) มา
เริ่มกันที่ไอโฟนรุ่นแรกกันก่อนเลย ซึ่งรุ่นนี้จริงๆ
แล้วเรียกว่า iPhone เฉยๆ แต่เมื่อมีหลายรุ่นตาม
ออกมา จึงจำเป็นต้องมีชื่อเรียกที่แตกต่างไปจากไอ
โฟนเฉยๆ โดยบางคนอาจจะเรียกว่า iPhone 2G,
iPhone รุ่นแรก หรือ iPhone 1 ก็แล้วแต่การเรียก
ของแต่ละคนเลย แต่เราขอใช้คำว่า iPhone 1 ก็
แล้วกัน จะได้ง่ายต่อการเข้าใจ โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่
เปิดตัวออกมาครั้งแรกตอนวันที่ 9 มกราคม ปี
2007 และสำหรับใครที่เคยใช้งานในช่วงเวลานั้น จะ
พบว่าเป็นมือถือที่หน้ าตาแปลกมาก และไม่เหมือน
กับใครในยุคนั้นเลย (ยุค Blackberry, Nokia) ซึ่ง
การดีไซน์ในตอนนั้นจะมีเพียงแค่หน้ าจอที่ว่างเปล่า
มีเพียงปุ่ม Home เพียงปุ่มเดียวบนหน้ าจอ และทุก
อย่างจะใช้การ Touch Screen หมด สเปคของรุ่นนี้
คือหน้ าจอที่เป็น LCD กับความละเอียดเพียง 320 x
480 pixels เท่านั้น แต่ด้วยการดีไซน์และสเปคการ
ใช้งานที่แปลกใหม่ จึงทำให้ iPhone 1 ตัวนี้เป็นนว
ตกรรมที่มาเขย่าวงการมือถือทั้งหมดเลยทีเดียว
ราคาตอนนี้ถ้าเป็นเครื่องใหม่ๆ ใน Ebay ประมูล
ขายได้สูงสุด 892,251 บาท
2.
iPhone 3G
iPhone 3G ไอโฟนรุ่นต่อมาจาก iPhone 1 รุ่นนี้
ได้ถูกพัฒนาออกมาให้มีความโค้งมน ดูมีสไตล์
และทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยรุ่นนี้ได้เปิดตัวขึ้นใน
ปีถัดมาคือปี 2008 กับสเปคที่ยังคงคล้ายคลึงกับ
ไอโฟนรุ่นแรกมาก ทั้งหน้ าจอ ขนาดความกว้าง
และสเปคภายในที่เหมือนกันแทบจะทุกอย่างเลย
จะไปมีความต่างก็ตรงที่ว่า ไอโฟนรุ่นที่ 2 นี้เพิ่ม
การเชื่อมต่อ ที่เหนือกว่าไอโฟนรุ่นแรก และไอ
โฟนรุ่นที่สามารถเชื่อมต่อ 3G ได้เครื่องแรกอีก
ด้วย นอกจากนี้ความพิเศษของไอโฟนรุ่นที่ 2 ก็
คือการเพิ่ม App Store เข้ามาอยู่ในเครื่อง เพื่อ
ให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอปฯ มาใช้งานได้
ไม่ว่าจะเป็นเกม หรือแอปฯ อื่นๆ อีกเยอะมาก ที่
สำคัญคือมีสีเคสมาให้เลือกกันแล้ว ได้แก่สีดำ
และสีขาว (Outer Casing) รุ่นนี้ตอนที่เปิดตัว
และวางขาย เท่าที่จำได้ตอนนั้นประเทศไทย จะ
ยังไม่ได้เอามาวางขาย ต้องนำเครื่องมาจากต่าง
ประเทศ และมาปลดล็อคการใช้งานอีกที แน่นอน
ว่ายังไม่ได้ดังในประเทศเราเท่าไหร่นักด้วย
3.
iPhone 3GS
iPhone 3GS ไอโฟนรุ่นแรก ที่นำเข้ามาขาย
อย่างเป็นทางการในประเทศไทย และเป็นช่วงยุค
แรกๆ ที่เราได้เริ่มรู้จักไอโฟนกัน โดยรุ่นนี้ได้เปิด
ตัวออกมาในปี 2009 ซึ่งหลังจากรุ่นนี้ได้นำมา
วางขายอย่างเป็นทางการ ก็ทำให้หลายๆ คนที่ใช้
มือถือเดิมๆ อยู่ หันมาลองใช้ไอโฟนกันบ้าง แต่
รุ่นนี้ก็ยังคงคอนเซปต์การออกแบบเหมือนเดิมอยู่
ที่ยังคงเป็นแบบโค้งมน แต่มีสีให้เลือกแล้วคือสี
ดำ และสีขาว ที่สำคัญคือการอัพเกรดให้รุ่นนี้ด้วย
ชิปตัวใหม่ ที่เร็วและแรงกว่ารุ่นก่อนหน้ าเป็น
อย่างมาก จึงได้ใช้ชื่อว่า iPhone 3GS ที่ “S”
นั้นย่อมาจากคำว่า Speed นั่นเอง นอกจากความ
แรงของสเปคที่เพิ่มเข้ามาแล้ว ยังมีการเพิ่ม
แอปฯ เข็มทิศ กล้อง ที่สามารถกดโฟกัสได้ด้วย
การแตะบนหน้ าจอ กับการถ่ายวิดีโอ และการสั่ง
งานด้วยเสียงเพิ่มเข้าไปด้วย จึงทำให้รุ่นนี้เริ่ม
เหนือกว่าคู่แข่งที่มีอยู่ก่อนหน้ า และเริ่มตีตลาด
มือถือเข้ามาเรื่อยๆ
4.
iPhone 4
iPhone 4 ไอโฟนรุ่นต่อมาที่เปิดตัวเมื่อปี 2010
รุ่นที่ 4 นี้ จะบอกว่าเป็นมือถือ รุ่นที่เข้ามาเขย่า
วงการมือถือพกพาอย่างแท้จริงเลยก็ว่าได้
เพราะรุ่นนี้ได้เปลี่ยนโฉมหน้ าตาของรุ่นเดิมออก
ไปหมดเลย จากที่เป็นแบบโค้งมน ในรุ่นนี้ได้
เปลี่ยนใหม่เป็นแบบเหลี่ยม ที่มีวัสดุเป็นสแตน
เลสแทน ทำให้ตัวเครื่องบางลงด้วย พร้อมกับ
ความละเอียดของหน้ าจอที่มากขึ้น ที่ใช้เป็น
แบบ Retina Display ให้สีสันที่สมจริง จนถือ
ได้ว่าสูงสุดแล้วในตอนนั้นก็ว่าได้ ส่วนชิปของ
ตัวนี้ ก็ได้เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด โดยใช้เป็นชิป
ของ Apple เอง ที่เร็วและแรงกว่าเดิมขึ้นไปอีก
พร้อมกับกล้องหน้ าที่สามารถ Facetime ผ่าน
Wi-Fi ใส่เข้ามาเป็นรุ่นแรกของไอโฟนเลย ส่วน
กล้องหลังก็ได้เพิ่มความละเอียดให้มากขึ้นกว่า
เดิม รุ่นนี้เป็นรุ่นที่คนใช้งานกันเยอะมากๆ ถ้า
ใครที่ใช้ทันตอนออกมาใหม่ๆ จะรู้ได้เลยว่ามัน
ฮิตจนทำให้แบรนด์อื่นๆ ดับกันมาแล้ว
5.
iPhone 4s
iPhone 4s ไอโฟนรุ่นต่อมา นับตั้งแต่ iPhone
1 จนถึงก่อน iPhone 4S รุ่นนี้ที่ Steve Jobs
ได้สร้างขึ้นมา แต่ก็ได้เสียชีวิตลงก่อนที่จะได้
เปิดตัวในปี 2011 หลายคนจึงคิดว่าชื่อ iPhone
4S นี้ได้ใส่ตัว “S” เข้าไปเพื่อเป็นการ Tribute
ให้แก่ Steve Jobs ด้วย แต่ความจริงแล้วก็น่า
จะใส่เข้าไปเพราะรุ่นนี้ ได้เปลี่ยนสเปคภายใน
ใหม่ทั้งหมด ทั้งชิปที่ทำให้เครื่องเร็วแรงขึ้น
กล้องที่มีความละเอียดมากขึ้น และถ่ายวิดีโอ
แบบ Full HD ได้แล้วด้วย และที่เด่นที่สุดก็คง
ต้องเป็น Siri ที่ได้เปิดตัวออกมาครั้งแรก และ
เป็นตัวช่วยให้เราได้ใช้งานไอโฟนง่ายขึ้น จนถึง
ปัจจุบันในรุ่นนี้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าสเปคภายใน
ของรุ่นนี้ได้เปลี่ยนไปเยอะมาก แต่ภายนอก
กลับไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนเท่าไหร่นัก ทั้งการ
ดีไซน์ และรูปแบบของตัวเครื่อง จะมีเปลี่ยนไป
ก็คือเพิ่มขีดขึ้นมาเหนือปุ่มเปิด – ปิดเสียง
เท่านั้น (จุดสังเกตของทั้งสองรุ่นเลย) นอกจาก
นี้ยังเพิ่มฟีเจอร์เข้ามาอีกเช่น iCloud,
iMessage ฯลฯ
6.
iPhone 5
iPhone 5 หลังจากที่หมดยุคของ Steve Jobs ลง
ตั้งแต่ iPhone 1 ถึง iPhone 4 หลายๆ คนก็มองว่า
ไอโฟนอาจจะทำออกมาได้ไม่ดีเท่าของเก่า ซึ่งตอน
นั้นได้กลายเป็นข้อกังขาของใครหลายๆ คนอยู่
เหมือนกัน โดยเฉพาะ iPhone 5 ที่ออกมาในปี
2012 และได้เปลี่ยนหน้ าตา และการดีไซน์ของรุ่นนี้
ใหม่ทั้งหมด โดยวัสดุส่วนใหญ่จะใช้เป็นอลูมิเนียม
ทำให้ตัวเครื่องนั้นบางลงไปอีก แต่ก็ยังคงมีความเหลี่
ยมๆ เหมือนของเดิมอยู่ หน้ าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
และมีความละเอียดเพิ่มขึ้ นระดับหนึ่ งเลยทีเดียว
พร้อมกับสเปคภายในที่เสริมแต่งความแรงด้วยชิป
ตัวใหม่ และเพิ่มฟีเจอร์ให้ใช้งานกันมากขึ้น ไม่ว่าจะ
เป็นการเชื่อมต่อที่ต่อ 4G LTE, ใช้สาย Lightning,
แอปฯ Apple Maps, หูฟัง Earpods ส่วนกล้องหลัง
ยังเหมือนเดิม แต่เพิ่มความละเอียดกล้องหน้ าขึ้นมา
อีก เพื่อให้เซลฟี่ หรือ Facetime (ผ่านเน็ตมือถือ)
ได้อย่างชัดเจนกันมากขึ้น
7.
iPhone 5s
iPhone 5S กลับมาทวงบัลลังก์คืนอีกครั้งด้วย
iPhone 5S ที่เปิดตัวมาพร้อมกับ iPhone 5C ในปี
เดียวกันคือปี 2013 ซึ่งถ้าดูเผินๆ แล้วก็ดูเหมือนไม่
ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเท่าไหร่นัก เพราะภายนอกจะ
เพิ่มมาแค่สี กับตัวแฟลชของกล้องหลังที่เปลี่ยนไป
เป็นแบบ Dual LED กับฟีเจอร์กล้องที่สามารถถ่าย
แบบ Slow Motion ได้แล้ว แต่สเปคความละเอียด
ของกล้องหน้ า และกล้องหลังยังคงเท่าเดิมเหมือน
iPhone 5 ส่วนชิปก็ได้เปลี่ยนไปเป็นตัว Apple A7
ที่เป็นแบบ 64-bit ตัวแรกของโลกในตอนนั้น
แน่นอนว่ามันเร็วขึ้นมากๆ เร็วกว่ารุ่นเดิมถึง 40
เท่าเลยทีเดียว จุดเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยเดิมจาก
iPhone 1 ก็คือปุ่ม Home ที่สามารถใช้งาน Touch
ID ได้รุ่นแรก ซึ่งไม่จำเป็นต้องใส่รหัสให้เสียเวลาอีก
ต่อไปแล้ว แค่เพียงใช้ลายนิ้วมือกดปุ่ม Home ก็
ปลดล็อคหน้ าจอได้แล้ว สะดวกต่อการใช้งานอย่าง
เต็มที่
8.
iPhone 5C
iPhone 5C รุ่นตัวเล็กที่ราคาเปิดตัวออก
มาไม่ได้เล็กเท่าไหร่เลย แต่ก็สร้างขึ้นมา
เพื่อเป็นตัวเลือก สำหรับคนที่ชอบสีสัน
สดใส เพราะรุ่นนี้ได้ทำออกมาให้ใช้งานมาก
ถึง 5 สีคือ สีขาว สีเขียว สีฟ้ า สีชมพู และสี
เหลือง และใช้วัสดุฝาหลังเป็นพลาสติก
ทั้งหมด แถมยังเอาสเปคเดิมจาก iPhone
5 มาใส่อีก จะต่างกันก็ที่ฟีเจอร์นิดหน่อย
ช่วงที่รุ่นนี้ออกมาใหม่ๆ เลยทำให้หลายคน
ไม่ค่อยอินกับรุ่นนี้ และไปซื้อ iPhone 5S
หรือ iPhone 5 แทนจะดีกว่า แต่สำหรับ
คนที่ชอบสีสัน และเบื่อกับรูปแบบเดิมๆ
ของไอโฟนที่ผ่านๆ มา ก็มีหลายคนไปลอง
ซื้อมาใช้งานอยู่เหมือนกัน โดยรวมแล้วคือ
เป็ นรุ่นที่มีสีสวยงามดี
9.
iPhone 6 & iPhone 6 Plus
iPhone 6 & iPhone 6 Plus การเปลี่ยนแปลงครั้ง
ใหญ่มาอีกครั้งในปีถัดมา นับตั้งแต่ iPhone 1 จนถึง
iPhone 5S ที่มีรูปแบบการดีไซน์ไปแล้ว 1 ครั้ง แต่ใน
ปี 2014 ได้เปลี่ยนการดีไซน์ตัวเครื่องใหม่ให้เป็นแบบ
โค้ง แต่ไม่ได้โค้งแค่ข้างหลังอย่างเดียว รุ่นนี้จะเป็น
แบบโค้งแค่ตรงขอบ และหน้ าหลังนั้นเรียบ แถมยัง
ทำให้ตัวเครื่องเบาและบางกว่าเดิมมาก แต่สิ่งที่เห็นได้
ชัดจากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ก็คือความกว้างของ
หน้ าจอ ที่ได้เพิ่มมาเป็น 4.7 นิ้วในรุ่นปกติ และเพิ่มอีก
เป็น 5.5 นิ้วในรุ่น 6 Plus แน่นอนว่าการเปลี่ยนหน้ า
จอที่ใหญ่ขึ้น ผู้ใช้งานเดิมบางส่วนก็มองว่าหน้ าจอมัน
ใหญ่เกินไป ถือเล่นยาก และที่สำคัญคือความบางของ
ตัวเครื่อง ทำให้ผู้ใช้งานพบปัญหาเครื่องงอเมื่อใส่ใน
กระเป๋ ากางเกง จนต้องเปลี่ยนวัสดุกันใหม่เลย
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ NFC เข้ามาให้ใช้งานกับ
Apple Pay ในรุ่นนี้ได้แล้วด้วย และกล้องยังความ
ละเอียดเท่าเดิมแต่รุ่น 6 Plus จะมีระบบกันสั่นแบบ
OIS เพิ่มเข้ามา
10.
iPhone 6s & iPhone
6s Plus
iPhone 6s & iPhone 6s Plus ยังคงคอนเซปต์
เดิม ที่เปิดตัวใหม่ออกมาเป็นรุ่นที่เร็วแรงกว่าเดิม
และใส่ S เข้าไปในรุ่นนั้นในปีต่อมาคือปี 2015 ที่
ยังคงมีการดีไซน์ที่เหมือนกับรุ่นก่อนหน้ านี้เลย
ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ถ้าดูจาก
ภายนอก แต่ความจริงแล้วรุ่นนี้จะมีน้ำหนักที่เพิ่ม
ขึ้นเล็กน้ อย เพราะเปลี่ยนมาใช้ Aluminum –
7000 ที่มีความแข็งแรง และไม่ทำให้งอเหมือน
กับรุ่นก่อนด้วย แถมสเปคภายในก็ได้เปลี่ยนเป็น
ชิปที่แรงขึ้น และใช้หน้ าจอแบบใหม่ ที่เป็นแบบ
3D Touch สามารถแยกน้ำหนักจากการกดใช้
งานได้ และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานด้วย
Touch ID Gen 2 ส่วนกล้องหลังนั้นได้เพิ่ม
ประสิทธิภาพให้สูงขึ้น โดยสามารถถ่ายวิดิโอได้
ถึง 4K กันเลย กล้องหน้ าก็เพิ่มมาไม่แพ้กัน และ
ยังมี Retina Flash ที่ถ่ายเซลฟี่ได้ไม่ต้องกลัวมืด
และด้วยการอัพเกรดใหญ่แบบนี้ รุ่นนี้จึงได้รับ
ความนิยมสูงพอสมควรเลยในตอนนั้น
11.
iPhone SE
iPhone SE ผ่านมาหลังจากรุ่นใหญ่ได้เปิดตัวกัน
ออกไป จู่ๆ ก็มีรุ่นน้ องเล็กย้อนยุคออกมาตอนต้น
ปี 2016 ทั้งหน้ าตาและการดีไซน์ภายนอก ที่
หลายคนเห็นก็ต้องบอกว่ามันคือ iPhone 5S
ชัดๆ แต่ที่ทาง Apple ทำรุ่นเล็กออกมานี้ ก็เป็น
ความตั้งใจที่จะให้รุ่นนี้นั้น สามารถจับต้องได้ง่าย
ด้วยราคาที่ไม่แพง และเอาใจผู้ที่ชอบใช้งานมือ
ถือเครื่องเล็กๆ ไม่ได้อยากใช้หน้ าจอใหญ่ แถม
ยังได้อิทธิพลจากรุ่นใหญ่มาแบบจัดเต็ม จึงทำให้
รุ่นนี้ดูเหมือนว่าจะเล็ก แต่ความจริงแล้วไม่เล็ก
อย่างที่คิดเลย ทั้งชิป และสเปคของกล้อง
แน่นอนว่าของดีและราคาถูกขนาดนี้ เมื่อเปิดตัว
ออกมารุ่นนี้จึงขายดีมากๆ จน Apple ต้องเพิ่ม
ยอดขาย ด้วยการปรับความจุที่มากขึ้น รองรับ
การใช้งานกับทุกคน
12.
iPhone 7 & iPhone
7 Plus
iPhone 7 & iPhone 7 Plus ในปีเดียวกันนั้น
ก็ได้เปิดตัวรุ่นใหม่มาอีกรุ่นคือ iPhone 7 และ
iPhone 7 Plus ที่การดีไซน์ภายนอกนั้น ก็ยัง
คงมีความคล้ายคลึงกับรุ่นก่อนอยู่เหมือนกัน
จะมีต่างกันถ้าดูเผินๆ ก็คือรุ่นนี้ได้มีการซ่อน
แถบเสาอากาศด้านหลังออกไป แต่ถ้าใส่เคสปิด
ไปก็แยกแทบไม่ออกเลย นอกจากจะเป็นตัว
iPhone 7 Plus ที่มีกล้องหลังแบบคู่ ซึ่งเป็นรุ่น
แรกของ iPhone ด้วยเช่นกัน ที่มีกล้อง 2 ตัว
แล้ว นอกจากนี้ยังมีสีใหม่คือสีดำเงา Jet Black
และสีแดง RED (เฉพาะรุ่นสูงๆ เท่านั้น) มีการ
ปรับปุ่ม Home แบบใหม่ และมีสีสันที่มากขึ้น
อีกสิ่งหนึ่ งที่ทำให้รุ่นนี้เป็ นที่พูดถึงเลยก็คือ
การนำช่องเสียบหูฟังออก และต้องใช้ลำโพง
แทน แต่ได้เพิ่มการกันฝุ่นกันน้ำแบบ IP 68
เข้ามาแทนเป็นรุ่นแรกของไอโฟนด้วย และ
ด้วยกระแสที่ไปในทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รุ่นนี้
จึงไม่ค่อยฮอตฮิตเท่ารุ่นก่อนหน้ านี้เลย
13.
iPhone 8 & iPhone
8 Plus
iPhone 8 & iPhone 8 Puls หลังจากที่ทาง Apple
ได้ปล่อย iPhone 7 ออกมาและผลตอบรับไม่ค่อยจะ
ดีเท่าไหร่นัก อีกปีถัดมาก็ได้เปิดตัว iPhone 8 และ
iPhone 8 Plus ขึ้นในปี 2017 และได้เปลี่ยนอะไร
หลายๆ อย่างจากรุ่นเดิม ถ้าไม่รวมการดีไซน์ที่ยังคง
เป็นเหมือนเดิมอยู่นะ สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างแรกเลยก็
คือชื่อที่ไม่มีซีรีส์ “S” อีกต่อไปแล้ว และก็ได้เปลี่ยน
วัสดุภายนอกทั้งหมดด้วย เพื่อให้ตัวเครื่องนั้น
สามารถชาร์จแบตแบบไร้สายได้รุ่นแรก ตั้งแต่
iPhone 1 ที่ต้องใช้สายเลย นอกจากนี้ก็ยังได้ชิปตัว
ใหม่ที่เร็วกว่าเดิมใส่เข้าไปด้วย และเป็นรุ่นสุดท้ายที่
มีปุ่ม Home ซึ่งรุ่นนี้ในตอนแรกที่เปิดตัวออกมา ไม่
ค่อยจะเป็นที่นิยมมากนัก เพราะว่ามีข่าวลือว่าในปี
นั้น จะมีไอโฟนเปิดตัวมาถึงสองรุ่นในปีเดียวกัน คน
ที่ใช้งานจึงรอให้ตัวใหม่ออกมาก่อน แล้วค่อยตัดสิน
ใจซื้อ แต่ในปัจจุบัน iPhone 8 Plus เป็นที่นิยม
มากๆ สำหรับคนที่แคสเกม เพราะมีหน้ าจอที่พอดี
และสเปคเครื่องที่ยังแรงอยู่นั่นเอง
14.
iPhone X
iPhone X ในปีเดียวกันคือ 2017 นั้น ไอโฟนก็ได้เปิด
ตัวมาใหม่อีกรุ่น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีก
รอบจากเดิมตั้งแต่ไอโฟน 1 ที่เคยมีปุ่ม Home มาให้
ใช้งานกันอย่างยาวนาน แต่ในรุ่นนี้ (ข้ามจากรุ่นที่ 9
มาด้วย มาเป็น 10 เลย) ไม่มีปุ่ม Home มาให้แล้ว
และเป็นหน้ าจอล้วนๆ พร้อมกับแถบดำที่เป็นแถบ
เล็กๆ ข้างบนหน้ าจอเท่านั้น เพื่อให้ได้รับหน้ าจอแบบ
เต็มที่มากขึ้น โดยไม่มีขอบอะไรมารบกวนการใช้งาน
ซึ่งการเปิดตัวเพียงรุ่นเดียวนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะว่าได้
เปิดตัวรุ่นที่ 8 ออกไปก่อนแล้ว จึงไม่มีรุ่นย่อยตาม
ออกมาเลย รุ่นนี้ได้เปลี่ยนหน้ าจอใหม่จากเดิมที่เป็น
LCD ด้วยนะ ที่สำคัญคือเมื่อเอาปุ่ม Home ออกไป
แล้ว สิ่งที่ต้องทิ้งไปด้วยก็คือการสแกนลายนิ้วมือ ที่
เปลี่ยนเป็น Facial Recognition หรือการปลดล็อค
ด้วยหน้ าเราแทน (ไม่ได้ใช้กล้องหน้ าสแกน) แน่นอน
ว่าเปิดตัวออกมาใหม่ๆ ก็ต้องโดนพูดถึงเยอะอีกเช่น
เคย ส่วนกล้องหน้ าและกล้องหลังยังคงเหมือนเดิมอยู่
15.
iPhone Xs & iPhone
Xs Max
iPhone XS & iPhone XS max ในปีต่อไปทางไอ
โฟนก็ได้ปล่อยรุ่นใหม่ออกมาในปี 2018 ซึ่งได้เอา
ชื่อซีรีส์เก่ากลับมาด้วย นั่นก็คือใช้ตัว “S” เข้ามา
ใส่ในรุ่นอีกครั้ง และก็เหมือนทุกๆ ครั้งที่ยังมีหน้ า
ตาที่ยังคงเหมือนรุ่นเดิม ก่อนที่จะมาเป็นรุ่นที่มี S
ถ้ามองจากการดีไซน์ภายนอก ก็คือแทบไม่ต่าง
อะไรจากกันเลย แต่ที่จะต่างไปก็คือในรุ่น iPhone
XS Max ที่ทำหน้ าจอออกมาได้ใหญ่มากๆ ใหญ่
ที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยด้วย นอกจากนี้สิ่งที่เปลี่ยน
ไปอีกอย่างก็คือกล้อง ที่สามารถถ่ายได้ดียิ่งขึ้น มา
พร้อมโหมด HDR อัจฉริยะ และกล้องหน้ าที่มี
ความละเอียดเท่าเดิมทั้งหมด ส่วนชิปเซ็ตของรุ่นนี้
ก็ได้เพิ่มมาใหม่ให้เร็วแรงขึ้น พร้อมกับ RAM ที่
เหนือกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมาเลยด้วย สำหรับรุ่นนี้แล้ว
ค่อนข้างได้รับความนิยมด้วย เพราะสเปคเครื่องที่
แรง และหน้ าจอที่ใหญ่จุใจคนใช้งานเป็นอย่างมาก
และกังเปิดตัวมาพร้อมกับอีกรุ่น ซึ่งเป็นรุ่นรองให้
คนได้เลือกซื้อกันคือ iPhone XR
16.
iPhone XR
iPhone XR รุ่นต่อมาเป็นรุ่นที่เปิดตัวออกมาพร้อม
กันกับรุ่นใหญ่ในปี 2018 ที่เหมือนว่าจะทำออกมา
ให้คล้ายๆ กับ iPhone 5C ที่มีสีสันสวยงาม พร้อม
กับการลดสเปคลงเล็กน้ อย เพื่อให้คนเข้าถึงได้ง่าย
ขึ้น กับราคาที่คนหวังว่าจะประหยัด แต่เปิดตัวออก
มาแล้ว ก็คล้ายกับ iPhone 5C จริงๆ เพราะราคา
ไม่ได้ประหยัดออย่างที่คิดเลย แต่ก็ยังกลายเป็นรุ่น
ที่ยังขายดี และทาง Apple ก็ยังวางขายอยู่บนหน้ า
เว็บมาจนถึงปัจจุบันนี้เลยด้วย หน้ าจอของรุ่นนี้ได้
ลดลงมาเป็นแบบ LCD และนอกจากจะลดสเปคห
น้ าจอลงแล้ว ยังลด RAM ให้กลับไปเท่ากับ
iPhone X อีกด้วย ยังดีที่ได้ชิปตัวใหม่ของ A12
มาให้ใช้งานอยู่ ส่วนกล้องหลังรุ่นนี้ได้กล้องเป็นตัว
เดียว ไม่ใช่กล้องคู่เหมือนรุ่นใหญ่ กดดูราย
ละเอียด และสั่งซื้อได้
17.
iPhone 11 & iPhone Pro &
iPhone Pro Max
iPhone 11 & iPhone 11 Pro & iPhone 11 Poe
max เดินมาถึงรุ่นยอดฮิตอีกหนึ่งรุ่น ที่เปิดตัวออกมาใน
ปี 2019 และเปิดตัวพร้อมกันทีเดียวทั้งหมด 3 รุ่นเลย
นั่นก็คือไอโฟน 11, ไอโฟน 11 โปร และไอโฟน 11 โปร
แมกซ์ ซึ่งทั้งสามรุ่นนี้ ถ้าดูจากการดีไซน์ภายนอกจะ
เห็นได้ว่าหน้ าตาของกล้องหลังนั้น ได้เปลี่ยนออกไป
อย่างสิ้นเชิง จากรูปแบบเดิมที่เคยผ่านมา โดยในรุ่น
ปกตินั้นจะมีกล้องมาให้แค่สองตัว ไม่มีเลนส์เทเลโฟโต้
ใส่มาให้ แต่เป็นเลนส์อัลตร้าไวลด์แทน และมีหน้ าจอ
เป็นแบบ LCD ต่างจากอีกสองรุ่นใหญ่ ที่มีกล้องหลังมา
ให้แบบจัดเต็มถึง 3 ตัว และหน้ าจอที่เป็น OLED ส่วน
กล้องหน้ า และกล้องหลังทุกรุ่นมีความละเอียดเท่ากัน
หมด แต่มีฟีเจอร์เป็น Night Mode ที่ถ่ายออกมาได้สวย
งามสุดๆ นอกจากนี้ยังมีกันสั่น OIS และกันน้ำกันฝุ่น
ระดับ IP68 อีกด้วย แถมชิปเซ็ตของรุ่นนี้ที่ออกมานั้น
แรงกว่าทุกรุ่นทุกชิปที่มีอยู่ในตอนนั้นด้วย สุดท้ายคือ
วัสดุในรุ่นปกติที่เป็นอลูมิเนียม แต่ถ้าในรุ่นโปร จะใช้วัส
ดุเป็นสแตนเลสสตีลที่มีความแข็งแรงกว่า ปัจจุบันนี้ไอ
โฟน 11 ยังคงมีขายอยู่บนเว็บของ Apple
18.
iPhone SE รุ่นที่2
iPhone SE รุ่นที่2 (2020) เดินมาถึงรุ่นยอดฮิตอีกหนึ่ง
รุ่น ที่เปิดตัวออกมาในปี 2019 และเปิดตัวพร้อมกันที
เดียวทั้งหมด 3 รุ่นเลย นั่นก็คือไอโฟน 11, ไอโฟน 11
โปร และไอโฟน 11 โปร แมกซ์ ซึ่งทั้งสามรุ่นนี้ ถ้าดู
จากการดีไซน์ภายนอกจะเห็นได้ว่าหน้ าตาของกล้อง
หลังนั้น ได้เปลี่ยนออกไปอย่างสิ้นเชิง จากรูปแบบเดิม
ที่เคยผ่านมา โดยในรุ่นปกตินั้นจะมีกล้องมาให้แค่สอง
ตัว ไม่มีเลนส์เทเลโฟโต้ใส่มาให้ แต่เป็นเลนส์อัลตร้าไว
ลด์แทน และมีหน้ าจอเป็นแบบ LCD ต่างจากอีกสองรุ่น
ใหญ่ ที่มีกล้องหลังมาให้แบบจัดเต็มถึง 3 ตัว และหน้ า
จอที่เป็น OLED ส่วนกล้องหน้ า และกล้องหลังทุกรุ่นมี
ความละเอียดเท่ากันหมด แต่มีฟีเจอร์เป็น Night
Mode ที่ถ่ายออกมาได้สวยงามสุดๆ นอกจากนี้ยังมีกัน
สั่น OIS และกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 อีกด้วย แถมชิป
เซ็ตของรุ่นนี้ที่ออกมานั้น แรงกว่าทุกรุ่นทุกชิปที่มีอยู่
ในตอนนั้นด้วย สุดท้ายคือวัสดุในรุ่นปกติที่เป็นอลูมิ
เนียม แต่ถ้าในรุ่นโปร จะใช้วัสดุเป็นสแตนเลสสตีลที่มี
ความแข็งแรงกว่า ปัจจุบันนี้ไอโฟน 11 ยังคงมีขายอยู่
บนเว็บของ Apple
19.
iPhone 12 & iPhone 12 mini &
iPhone 12 Pro & iPhone 12 Pro max
iPhone 12 & iPhone 12 mini & iPhone 12 Pro &
iPhone 12 Pro max ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2007 นั้นก็ได้มี
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลากหลายครั้ง และครั้งนี้ในปี
2020 ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง สำหรับการดีไซน์ตัว
เครื่อง หลังจากที่ใช้แบบโค้งมนมาหลายรุ่น ในรุ่น ไอโฟน
12 นี้ ก็ได้เปลี่ยนกลับไปเหมือนกับ iPhone 4 อีกครั้ง แต่
มีหน้ าจอที่เต็มจออยู่เหมือนเดิม ทำให้รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ทำออก
มาได้สวยมากๆ และยังเพิ่มสีสันให้ตัวเครื่องให้ดูดีมากยิ่ง
ขึ้น แต่สำหรับสองรุ่นในรุ่นเริ่มต้นนี้ จะใช้วัสดุหน้ าจอเป็น
Ceramic Shield ที่มีความแข็งแรงมาก ส่วนด้านหลังจะ
เป็นแบบกระจก และอะลูมิเนียม ในเรื่องของกล้องนั้นต้อง
บอกว่าในรุ่นนี้แค่รุ่นเริ่มต้น ก็ทำออกมาได้เทพแล้ว โดยให้
มาใช้งานกันถึง 2 กล้อง และถ่ายวิดีโอ HDR แบบ Dolby
Vision มากถึง 4K กล้องหน้ าก็ทำออกมาได้ดีเยี่ยมได้แพ้
กันเลย สามารถถ่ายกลางคืนได้จบครบทุกจุด ที่สำคัญของ
รุ่นนี้เลยก็คือ สามารถเชื่อมต่อ 5G ได้เต็มตัวแล้ว ส่วนใน
รุ่นโปรขึ้นไปนั้น จะมีกล้องมากถึงสามตัว และสามารถใช้
ไฟล์ Apple ProRAW ได้ พร้อมกับมี LiDAR สำหรับการ
ถ่ายภาพตอนกลางคืน ที่สามารถเก็บได้ครบหมดเลย
พร้อมกับวัสดุที่เป็นแบบกระจกผิวด้าน และสแตนเลสสตีล
ที่สวยจริง ถ้าใครได้เห็นของจริงแล้วจะรู้เลยว่าสวยมากๆ
นอกจากนี้ยังมี MagSafe สำหรับการชาร์จไร้สาย และ
รองรับ Fast Charging อีกด้วย
20.
iPhone 13 & iPhone 13 mini & iPhone
13 Pro & iPhone 13 Pro max
iPhone 13 & iPhone 13 mini & iPhone 13 Pro
& iPhone 13 Pro max หลังจากเมื่อปลายปีที่แล้ว
ทาง Apple นั้นได้เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่อย่าง iPhone
13 Series ทั้ง 4 รุ่นย่อย 4 สเปคออกมา ก็เรียกได้
ว่าสร้างความฮือฮาให้กับวงการมือถือของ Apple อีก
ครั้ง ถึงแม้ว่าดีไซน์ตัวเครื่องจะคล้ายๆ กับรุ่นก่อน
หน้ าอยู่บ้าง ที่เปลี่ยนไปก็จะเป็นการดีไซน์ของโมดูล
กล้องเป็นหลัก ที่รุ่นเริ่มต้นอย่างไอโฟน 13 และไอ
โฟน 13 มินิ ที่ได้เปลี่ยนการวางกล้องมาเป็นกล้องคู่
ในแนวทแยงแทน (รุ่นเดิมเป็นแนวตั้ง) ส่วนรุ่นโปร
ทั้งสองรุ่นจะยังคงเหมือนเดิม แค่มีขนาดใหญ่ขึ้น
และที่เปลี่ยนไปอีกอย่างหนึ่งก็คือรอยบาก (Notch)
ที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมพอสมควรเลย รวมไปถึงสี
ใหม่คือสี Sierra Blue ที่เปิดตัวออกมาใหม่ด้วยส่วน
สเปคภายในรุ่นนี้จะยังคงใช้งาน 5G ได้เหมือนเดิม
พร้อมกับหน้ าจอที่เป็น ProMotion 120Hz ในรุ่น
โปรไหลลื่นมากขึ้น และยังได้ชิปตัวใหม่เป็น A15
Bionic กับ GPU 5-Core ในรุ่นโปรและรุ่นธรรมดา
เป็น GPU 4-Core เหมือนเดิม
บรรณานุกรม
https://specphone.com/web/gener
ations-of-iphone-1-iphone-13-and-
spec/312003
ด.ญ. นัฐพร ใจสูงเนิน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/10 เลขที่
16 ตอน ก.