พทุ ธศาสนสภุ าษิต หมายถงึ พระพุทธเจ้าทรงดารัสไว้
มคี ุณคา่ สงู สง่ สามารถใช้เปน็ แนวทางดาเนินชีวิต
เตอื นใจ หรือ เตอื นสติ ให้เกิดปญั ญาเข้าใจ
การแก้ปญั หา และพ้นจากความทกุ ข์ได้
อตฺตาน อติมญญฺ สิ
(อัตตานัง อะตมิ ญั ญะส)ิ
ไม่ควรดหู มนิ่ ตนเอง
อชฺเชว กจิ ฺจมาตปฺปํ
(อัชเชวะ กจิ จะมาตปั ปงั )
พงึ รีบพากเพยี ร เสยี ต้งั แตว่ นั นี้
ขโณ โว มา อปุ จฺจคา
(ขะโณ โว มา อุปจั จะคา)
อยา่ ปลอ่ ยให้เวลา ผา่ นไปโดยเปล่า
อพยฺ าปชฌฺ สขุ โลเก
(อพั พะยาปชั ฌัง สขุ ัง โลเก)
ความไมเ่ บียดเบียน เปน็ สขุ ในโลก
สลี โลเก อนุตฺตร
(สลี งั โลเก อะนุตตะรงั )
ศลี เปน็ เยย่ี มในโลก
สจฺเจน กติ ตฺ ึ ปปฺโปติ
(สจั เจนะ กิตติง ปปั โปต)ิ
คนมีเกียรติ เพราะมีความสตั ย์
อาสเึ สเถว ปุรโิ ส
(อาสงิ เสเถวะ ปุริโส)
เปน็ คน ควรมีความหวงั
อนตถฺ ชนโน โกโธ
(อะนัตถะชะนะโน โกโธ)
ความโกรธ ก่อความพนิ าศ
นิชฌฺ ตฺตพิ ลา ปณฺฑิตา
(นิชฌัตติพะลา ปณั ฑิตา)
บัณฑติ ยอ่ มไมเ่ พง่ โทษคนอน่ื
สจฺเจนาลกิ วาทนิ
15/7/2564 สจเฺ จนาลกิ วาทนิ ํ สดั เจนาลกิ ะวาทนิ งั จงชนะคนพดู เทจ็ ดว้ ยคาํ จรงิ (สดั เจนาลกิ ะวาทินัง)
จงชนะคนพดู เท็จดว้ ยคาจรงิ
สติ โลกสมฺ ิ ชาคโร
(สะติ โลกสั มิ ชาคะโร)
สติ เปน็ ธรรมตน่ื ตวั อยู่เสมอ
ตถาหิ ธีรา สกุ ตญญฺ รุ ูปา
(ตะถาหิ ธีรา สกุ ะตันยุรูปา)
ผ้มู ีปญั ญา ยอ่ มมีความกตัญญู
สติญฺจ ขวาห สพพฺ ตถฺ กิ
(สติญจะ ขะวาหงั สพั พัตถกิ งั )
สติ มีประโยชน์ในทกุ ๆ ท่ี
อยุ ยฺ ญุ ฺชนฺติ สตมิ นฺโต
(อยุ ยญุ ชนั ติ สะตมิ ันโต)
ผมู้ ีสติ ยอ่ มขยัน
น โหติ สขุ ทุกกฺ ฏการินา
(นะ โหติ สขุ ัง ทกุ กะตะการนิ า)
คนทาความช่วั ย่อมไมม่ คี วามสขุ
ททมาโน ปิโย โหติ
(ทะทะมาโน ปโิ ย โหติ)
ผ้ใู ห้ ยอ่ มเปน็ ทร่ี ัก
กมมฺ นุ า วตตฺ ตี โลโก
(กมั มุนา วตั ตะตี โลโก)
สตั ว์โลก ยอ่ มเปน็ ไปตามกรรม
กสุ โล จ ชหาติ ปาปก
(กสุ ะโล จะ ชะหาติ ปาปะกงั )
คนฉลาด ย่อมละบาป
ปฏมิ าเนนฺเต อตถฺ า อจเฺ จนติ
(ปฏิมาเนนเต อัตถา อัจเจนต)ิ
ผ้ทู ล่ี ะทงิ้ การงาน ย่อมเสยี ประโยชน์
กลยฺ าณการี กลฺยาณ
(กันละยานะการี กันละยานัง)
ทาดี ได้ดี
ปาปการี จ ปาปก
(ปาปะการี จะ ปาปะกัง)
ทาดี ได้ดี
กมมฺ ุนา โหติ พราหมฺ โณ
(กัมมนุ า โหติ พราหมะโณ)
คนดี ดเี พราะการกระทา
พรฺ หมฺ าติ มาตาปิตโร
(พรหมาติ มาตาปิตะโร )
บดิ ามารดา เปน็ พระพรหมของบุตร
สขุ า มตฺเตยฺยตา โลเก
(สขุ า มัดเตยยะตา โลเก)
การเคารพและเลี้ยงดูมารดาบดิ า นามาซ่ึงความสขุ
มนสา สวโร สาธุ
(มะนะสา สงั วะโร สาธุ)
การสารวมใจ เปน็ สง่ิ ทด่ี ี
กาเยน สวโร สาธุ
(กาเยนะ สงั วะโร สาธุ)
การสารวมระวังกาย เปน็ สงิ่ ทด่ี ี
สมมฺ าทฏิ ฐฺ ิสมาทานา ทกุ ฺข
(สมั มาทิดถิสะมาทานา ทกุ ขัง)
ผ้มู ีความเหน็ ถูกตอ้ ง ยอ่ มพ้นจากทุกข์
อินฺทริยานิ รกฺขนฺติ ปณฺฑติ า
(อินทะรยิ านิ รักขันติ ปณั ฑิตา)
คนฉลาด ยอ่ มรูจ้ กั ควบคุมอารมณ์
สจติ ตฺ มนุรกเฺ ข สตยิ า
(สะจิตตะมะนุรักเข สะตยิ า )
จงเอาสติตามรักษาจติ ของตน
มนสสฺ สติ ปฏิสรณ
(มนัสสะ สติ ปฏสิ ะระณัง )
สติ เปน็ ธรรมเครื่องยึดเหน่ียวใจ
สลี กวจมพฺภตุ
(สลี งั กะวะจะมพั ภุตงั )
ศีล เปน็ เกราะคมุ้ กนั อย่างอศั จรรย์
ธมมฺ ทีโป ธมฺมสรโณ
(ธัมมะทีโป ธัมมะสะระโณ )
จงมธี รรมเปน็ เกราะ มีธรรมเปน็ ทพ่ี ่งึ
ทนุ ฺนโย เสยยฺ โส โหติ
(ทนุ นะโย เสยยะโส โหติ )
คนพาล มักเหน็ ผิดเปน็ ชอบ
ปเรส หิ โส วชฺชานิ
(ปะเรสงั หิ โส วชั ชานิ )
คน มกั เพ่งโทษของคนอน่ื
สสุ สฺ สู า สตุ วฑฒฺ นี
(สสุ สสู า สตุ ะวัฑฒะนี )
การศึกษาเปน็ เคร่ืองพฒั นาความรู้
อณิ าทาน ทกุ ขฺ โลเก
(อิณาทานัง ทกขฺ งั โลเก)
การเปน็ หน้ี เปน็ ทกุ ขใ์ นโลก
ทฬิททฺ ิย ทกุ ขฺ โลเก
(ทะลทิ ทิยงั ทกุ ขงั โลเก)
ความจน เปน็ ทกุ ขใ์ นโลก
ย เว เสวติ ตาทโิ ส
(ยงั เว เสวะติ ตาทิโส)
คบคนเชน่ ใด ย่อมเปน็ คนเชน่ น้ัน
ภทโฺ ท สปฺปุริเสหิ สงคฺ โม
(พัดโท สบั ปุรเิ สหิ สงั คะโม)
คบคนดี มีแต่ความเจรญิ
ภเชถ มิตเฺ ต กลยฺ าเณ
(ภเชถะ มติ เต กัลยาเณ)
พึงคบหากลั ยามติ ร
กุสลสฺ อปุ สมฺปทา
(กุสะลสั อุปะสมั ปะทา)
ควรทาบุญกศุ ลใหถ้ ึงพรอ้ ม
สพฺพปาปสสฺ อกรณ
(สพั พะปาปสั สะ อะกะระณัง)
ไมค่ วรทาบาปอกศุ ลท้งั ปวง
อิจฺฉา นร ปรกิ สสฺ ติ
(อจิ ฉา นะรงั ปะริกสั สะต)ิ
ความอยาก ย่อมชกั พาคนไปตา่ งๆ
อจิ ฺฉา หิ อนนฺตโคจรา
(อิจฉา หิ อนันตะโคจะรา)
ความอยาก ไม่มที จ่ี บสน้ิ เลย
สลี เมว อิธ อคฺค
(สลี ะเมวะ อิธะ อคั คัง)
ศลี เทา่ น้ัน เปน็ เลศิ ในโลกน้ี
อตฺตาน อติมญญฺ สิ
(อัตตานัง อะตมิ ญั ญะส)ิ
ไม่ควรดหู มนิ่ ตนเอง
ปญญฺ า ว ธเนน เสยโฺ ย
(ปญั ญา วะ ธเนนะ เสยโย)
ปญั ญา ประเสริฐกว่าทรพั ย์
จิตตฺ ทนฺต สขุ าวห
(จติ ตงั ทันตงั สขุ าวะหงั )
จติ ทฝ่ี กึ ดแี ลว้ นาความสขุ มาให้
ลทฺโธ ธมฺม น ปสสฺ ติ
(ลัทโธ ธัมมงั นะ ปสั สะต)ิ
เมือ่ โลภ จะมองไม่เหน็ ธรรม