E-book unit9

Growth.
andv

Structure
x

of.
flowering.

plants.

Plant tissue (เนื้อเยื่อพืช)

มีการเจริญและเปลี่ยนแปลงเพื่อทาหน้ าที่เฉพาะ ลักษณะร่วมท่ีสาคัญ
คือการมีผนังเซลล์ล้อมอยู่รอบนอกที่ให้ความแขง็ แรงแก่ โครงสร้าง
เซลล์ พืชผนังเซลล์

Middle lamella (มิดเดิลลาเมลา)

เป็ นผนังเซลล์ที่สร้างเป็ นลาดับแรกหลังจากการเกิดแผ่นกั้นเซลล์
ประกอบด้วยเพกทินเป็ นหลัก

Primary wall (ผนังเซลล์ปฐมภมู ิ)

อยู่ถัดจากมิดเดิลเข้ามาด้านใน มีเซลลูโลสเป็ นองค์ประกอบหลัก พบ
ได้ ในเซลล์พืชทกุ ชนิด(ยอด,ปลายราก)

Secondary wall (ผนังเซลล์ทตุ ิยภูมิ)

พบในเซลล์พืชบางชนิด ประกอบด้วยเซลลูโลสและลิกนิน โดยลิกนิน
เป็ นองค์ประกอบสาคัญท่ีช่วยเพ่ิมความแขง็ แรงให้กับเซลล์พืช

Meristematic tissue (เน้ือเยื่อเจริญ)

ลักษณะ cell wallบาง,นิวเคลียสใหญ่,มีVacuoleเล็กหรือไม่มีเลย,
เซลล์อยู่ชิดกันมากจนไม่มีIntercellular space

Apical meristem (เนื้อเย่ือเจรญิ ส่ วนปลาย)

พบได้ 2 บรเิ วณ พบตรงปลายยอดเรยี กว่า เนื้อเย่ือเจริญ
ปลายยอด หน้ าท่ีแบ่งเซลล์ทาให้ลาต้นและก่ิงยาวขน้ึ รวมท้ัง
สร้างลาต้ นกิ่งและพบตรงปลายรากเรียกว่า เน้ือเยื่อเจรญิ

ปลายราก มีหน้ าท่ีแบ่งเซลล์ทาให้รากยาวขน้ึ

Lateral meristem (เน้ือเยื่อเจริญด้านข้าง)

มีการแบ่ งเซลล์ เพ่ิมจานวนออกทางด้ านข้ างทาให้ รากและลาต้ น
ขยายขนาดใหญ่ ขนึ้

Intercalary meristem (เน้ือเยื่อเจรญิ เหนือข้อ)

มีหน้ าที่แบ่งเซลล์เพ่ิมจานวนทาให้ปล้องของพืชใบเล้ียงเดี่ยว
ยืดยาว ซึ่งยังแบ่งเซลล์ ได้ ยาวนานกว่าเน้ือเยื่อส่ วนอื่นของ

ปล้องที่เจรญิ ไปก่อนแล้ว

Vascular cambium (วาสคิวลาร์แคมเบียน)

มีหน้ าที่แบ่งเซลล์ทาให้เกิดเนื้อเย่ือท่อลาเลียงเพ่ิมขน้ึ ในการ
เติบโตทตุ ิยภูมิพบอยู่ระหว่างเน้ือเย่ือท่อลาเลียงน้าและท่อ

ลาเลียงอาหาร

Cork cambium (คอร์กแคมเบียน)

มีหน้ าที่แบ่งเซลล์ ให้คอร์ก และเนื้อเยื่ออ่ืนเพ่ือทาหน้ าที่แทน
เน้ือเยื่อผิวเดิม

Permanent tissue (เนื้อเย่ือถาวร)

เปล่ียนแปลงมาจากเน้ือเย่ือเจริญประกอบด้ วยเซลล์ ท่ีเจริญเต็มท่ี
ส่วนใหญ่จะไม่สามารถแบ่งเซลล์ ได้อีกต่ อไป

Dermal tissue system (ระบบเน้ือเย่ือผิว)

ทาหน้ าท่ีป้ องกันเน้ือเย่ือด้านในของพืช

Ground tissue system (ระบบเนื้อเยื่อพื้น)

อยู่ถัดจากเนื้อเยื่อผิวทาหน้ าที่ให้อาหารและสังเคราะห์แสง

Vascular tissue system (ระบบเนื้อเย่ือท่อลาเลียง)

ประกอบด้วยไซเล็มทาหน้ าที่ลาเลียงน้าธาตอุ าหารและโฟลเอ็มทา
หน้ าท่ีลาเลียงอาหาร

Epidermis (เอพิเดอร์มิส)

หรือเนื้อเย่ือช้ันผิว เป็ นเน้ือเย่ือท่ีอยู่ชั้นนอกสุดของพืชทาหน้ าที่ป้ องกัน
เน้ือเยื่อด้ านใน

Parenchyma (พาเรงคิมา)

พบในส่ วนต่างๆของพืชผนังเซลล์บางสม่าเสมอกันทั้งเซลล์ ทา
หน้ าที่เป็ นเน้ือเยื่อพื้น มีการเรยี งตัวท่ีทาให้เกิดช่องว่างระหว่าง

เซลล์

Collenchyma (คอลเลงคิมา)

ประกอบด้วยเซลล์ ที่มีชีวิตมีลักษณะคล้ายพาเรงคิมา แต่ ผนัง
เซลล์หนาไม่สม่าเสมอกัน ทาหน้ าท่ีพยุงและทาให้เกิดความ
แขง็ แรง

Sclerenchyma (สเกลอเรงคิมา)

พบในเน้ือเย่ือพ้ืนของ ลาต้น ใบ ผลเปลือกไม้ เปลือกผล
เปลือกเมล็ด เป็ นเซลล์ ไม่มีชีวิต มีผนังเซลล์ค่อนข้างหนาทาให้

เกิดความแขง็ แรงกับโครงสร้างของพืช

Xylem (ไซเล็ม)

ทาหน้ าที่ลาเลียงน้าและธาตอุ าหารจากรากไปสู่ส่ วนต่างๆของ
พืช

Phloem (โฟลเอ็ม)

ทาหน้ าท่ีลาเลียงน้าและธาตอุ าหารจากรากไปสู่ส่วนต่างๆของพืช