รายงานการศึกษาคน้ คว้าอสิ ระ
นเิ ทศติดตามการจดั การเรยี นการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6
โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 4 สังกดั สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา
ประถมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 1
โดย
นางสาวธฤตา ชนะสิทธ์ิ
ผู้ฝกึ ประสบการณน์ ิเทศการศกึ ษา
รายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อสิ ระนี้ เป็นส่วนหน่งึ ของการฝกึ ประสบการณ์นิเทศการศึกษา
ก่อนแตง่ ตงั้ ใหด้ ารงตาแหนง่ ศึกษานเิ ทศก์ สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน
สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 12
กิตติกรรมประกาศ ก
รายงานการศึกษาค้นคว้าอสิ ระเร่อื ง “นเิ ทศติดตามการจดั การเรยี นการสอนวิชาภาษาอังกฤษชนั้
ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4 สงั กัดสานักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษา
นครศรีธรรมราช เขต 1” สาเรจ็ สมบรู ณ์ได้ด้วยความอนุเคราะห์ ความเอาใจใสแ่ ละใหค้ วามกรณุ าจากทุกทา่ นที่
เกย่ี วขอ้ งท่ีใหข้ ้อมูล แนะนาและใหก้ ารช่วยเหลือทด่ี ียิ่ง ทง้ั ในเชงิ วิชาการ หลกั คดิ ในการดาเนินชวี ติ แกไ้ ขขอ้
บกพร่องจนเสร็จสมบูรณ์ ตลอดระยะเวลาในการทาวิจยั ผู้วจิ ัยร้สู กึ ซาบซึง้ และขอกราบขอบพระคณุ อยา่ งสูงมา
ณ โอกาสนี้
ขอขอบพระคณุ ผู้อานวยการเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 ทไี่ ด้อานวยความ
สะดวกในการศึกษาคน้ คว้าอิสระคร้ังนี้
ขอขอบพระคุณ รองผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1
ผูอ้ านวยการโรงเรยี น ผู้อานวยการกลุ่มนิเทศตดิ ตามและประเมินผลการจัดการศกึ ษา ศึกษานเิ ทศก์พ่ีเลี้ยง และ
คณะกรรมการของสานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 1 ที่ให้คาปรกึ ษา คาแนะนา
ช้ีแนะแนวทางแกไ้ ขอนั เป็นประโยชนต์ ่อการศึกษาค้นควา้ อสิ ระ จนมีความสมบรู ณ์ย่ิงขน้ึ
ขอขอบพระคุณ คุณครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 4
ท่ีให้ความร่วมมือในการตอบแบบสัมภาษณ์ เสียสละเวลาอันมีค่า เพื่อให้ผู้วิจัยได้เก็บข้อมูลจนสาเร็จลุล่วงไป
ด้วยดี
ขอขอบคุณพ่ี เพ่ือน น้องๆ ศึกษานิเทศก์ ท่ีคอยให้กาลังใจ ให้ความชว่ ยเหลอื เอื้ออาทรต่อกันเปน็
อยา่ งดี ขอขอบพระคณุ ครอบครัวที่รักและดแู ล หว่ งใย ให้กาลังใจ ในการศึกษาคน้ คว้าอิสระจนสาเร็จ และ
ขอขอบคุณผูท้ ่ีอยู่เบอื้ งหลัง ท่ีพร้อมสนบั สนุนช่วยเหลือและมีความรกั ความปรารถนาดตี อ่ กนั
นางสาวธฤตา ชนะสิทธิ์
ผฝู้ กึ ประสบการณน์ ิเทศการศกึ ษา
ข
ชือ่ การศกึ ษาค้นคว้าอิสระเรื่อง นิเทศตดิ ตามการจดั การเรียนการสอนวชิ าภาษาอังกฤษชน้ั ประถมศกึ ษา
ปีที่ 6 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 4 สังกดั สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราชเขต 1
ผู้ศกึ ษา นางสาวธฤตา ชนะสิทธ์ิ
ปีทีศ่ ึกษา 2563
บทคัดยอ่
นิเทศติดตามการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนราชประชานุ
เคราะห์ 4 สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราชเขต 1 มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อนิเทศ
ติดตามการจัดการเรียนการสอนวชิ าภาษาอังกฤษ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 4 สังกัด
สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราชเขต 1 2) เพื่อสร้างสัมพันธภาพท่ีดีกับครูผู้สอน
ภาษาอังกฤษชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4 โดยใช้เทคนิคการนิเทศแบบกัลยาณมิตร
กลุ่มเป้าหมายท่ีใช้ในการศึกษาครั้งน้ีเป็นครูผู้สอนรายวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนราช
ประชานเุ คราะห์ 4 ซ่งึ ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง ใชเ้ วลาในการศึกษาคร้ังน้ีระหว่างวันท่ี 28 มกราคม – 5
กุมภาพันธ์ 2563 เคร่ืองมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์การนิเทศแบบกัลยาณมิตร, แบบ
บันทกึ การนิเทศและแบบบนั ทกึ การทบทวนหลังการปฏบิ ตั ิงาน (After Action Review : AAR)
ผลการศกึ ษาพบว่า
ผลจากการดาเนินการศึกษาการจดั การเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรยี น
ราชประชานุเคราะห์ 4 ในสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 สรุปผลได้
ดังน้ี
การดาเนินการนิเทศติดตามการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 ของ
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4 ครูผู้สอนมีการจัดการเรียนการสอนแบบ DLTV ส่งผลให้นักเรียนส่วนใหญ่มี
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนดีข้ึน แต่พบปัญหาบ้างในการจัดการเรียนการสอนแบบ DLTV คือเร่ืองของสัญญาณ
โทรทัศน์ที่เกิดความขัดข้องบ้างในบางคร้ัง และครูผู้สอนไม่เพียงพอต่อระดับชั้น ทาให้ครูผู้สอนอาจไม่เต็มท่ีใน
การจัดการเรียนการสอนเท่าที่ควร จากปัญหาดังกล่าว ครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6
สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ รวมทั้งผู้อานวยการโรงเรียนให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนคิดหาทางออกใน
ปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดีและผู้ศึกษาให้การสนับสนุนในการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ช้ัน
ประถมศึกษาปีท่ี 6 และได้เสนอแนะวิธกี ารสอนเพ่ิมเติมใหม้ ีความหลากหลายในกิจกรรมการเรยี นการสอนมาก
ยิ่งขนึ้
ค
สารบญั
หน้า
กิตติกรรมประกาศ ................................................................................................................................ก
บทคดั ย่อ ............................................................................................................................................. ข
สารบัญ ............................................................................................................................................... ค
บทที่ 1 บทนา ......................................................................................................................................1
ความเปน็ มาและความสาคญั .........................................................................................................1
วัตถุประสงค์ของการศึกษา ............................................................................................................ 2
ขอบเขตของการศึกษา ................................................................................................................... 2
นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ ..........................................................................................................................3
ประโยชน์ท่คี าดว่าจะได้รับ.............................................................................................................3
กรอบแนวคิดการศกึ ษา .................................................................................................................3
บทท่ี 2 ทฤษฎแี ละเอกสารที่เก่ยี วข้อง...................................................................................................4
การจดั กิจกรรมการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ............................................................................4
การนเิ ทศภายในแบบกัลยาณมติ ร......................................................................................................10
บทท่ี 3 วิธีดาเนนิ การศึกษา............................................................................................................... 14
กลมุ่ เปา้ หมาย..............................................................................................................................14
เครื่องมือท่ีใช้ในการศกึ ษา ...........................................................................................................14
การสรา้ งและหาคุณภาพของเคร่อื งมือ ........................................................................................14
การเก็บรวบรวมข้อมลู .................................................................................................................15
การวิเคราะห์ขอ้ มลู ......................................................................................................................15
บทที่ 4 ผลการศึกษา ...............................................................................................................................16
บทท่ี 5 สรปุ ผล อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ.................................................................................... 18
วตั ถุประสงค์ของการศึกษา..........................................................................................................18
สรปผลการศึกษา.........................................................................................................................18
อภปิ รายผลการศึกษา..................................................................................................................19
ข้อเสนอแนะ................................................................................................................................19
บรรณานกุ รม..................................................................................................................................... 20
ภาคผนวก ......................................................................................................................................... 22
ภาคผนวก ก แผนการนเิ ทศการศกึ ษา.........................................................................................23
ภาคผนวก ข แบบสัมภาษณ์การนิเทศแบบกลั ยาณมิตร...............................................................25
ภาคผนวก ค แบบบนั ทึกการนิเทศ..............................................................................................26
ภาคผนวก ง แบบบนั ทกึ การทบทวนหลงั การปฏบิ ัตงิ าน..............................................................27
ภาคผนวก จ ภาพการนเิ ทศการจดั การเรยี นการสอนวิชาภาษาองั กฤษ……………………………………28
บทที่ 1
บทนา
ความเปน็ มาและความสาคัญ
การศึกษาเป็นเครื่องมือสาคัญในการสร้างคน สร้างสังคมและสร้างขาติ เป็นกลไกหลักในการพัฒนา
กาลังคนให้มีคุณภาพ สามารถดารงชีวิตอยู่ร่วมกับบุคคลอ่ืนในสังคมได้อย่างเป็นสุข ในกระแสการเปล่ียนแปลง
อย่างรวดเร็วของโลกศตวรรษที่ 21 ประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้ความสาคัญและทุ่มเทกับการพัฒนาการศึกษาเพื่อ
พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของตนให้สามารถก้าวทันการเปล่ียนแปลงของระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ภูมภิ าคและของโลกควบคู่กับการธารงรักษาอัตลักษณ์ของประเทศในส่วนของประเทศไทยได้ให้ความสาคัญกับ
การจัดการศึกษา การพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของคนไทยให้มีทักษะ ความรู้ความสามารถ รวมถึง
สมรรถนะทีส่ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของตลาดงานและการพฒั นาประเทศ ภายใต้แรงกดดนั ภายนอกจาก
กระแสโลกาภิวัตน์และแรงกดดันภายในประเทศทเ่ี ป็นปัญหาวิกฤตที่ประเทศตอ้ งเผชญิ เพื่อใหค้ นไทยมีคณุ ภาพ
ชวี ติ ทดี่ รี องรบั การเปลย่ี นแปลงของโลกทัง้ ในปัจจุบนั และอนาคต (แผนการศกึ ษาแห่งชาติ 2560)
การเปลี่ยนแปลงในสังคมโลกปัจจุบัน ทาให้การใช้ภาษาอังกฤษมีความสาคัญในการติดต่อส่ือสารเพื่อ
เป็นพื้นฐานในการเรยี นรู้ทางสังคมท่ีจะช่วยให้มนุษย์ดารงชีวิตได้อย่างมีความสุข และเป็นช่องทางในการเรียนูร้
การใช้เทคโนโลยแี ละในการเข้าูส่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประเทศทอ่ี ่อนด้อยด้านภาษาอังกฤษจะทาใหก้ าร
พัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์เป็นไปด้วยความยากลาบากและล่าช้า ดังน้ันการให้ความสาคัญกับการพัฒนา
ทรัพยากรมนุษย์ คือการพัฒนาเยาวชนหรือผู้เรียนให้มคี วามรู้ ความเข้าใจ ภาษาอังกฤษและวฒั นธรรมเจ้าของ
ภาษาเพือ่ ให้สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการตดิ ต่อสือ่ สารไดอ้ ยา่ งคล่องแคล่ว ถกู ต้อง และมีความมั่นใจในการพูด
สื่อสารเน้นผู้เรียน จะต้องได้รับการฝึกประสบการณ์การใช้ภาษาท้ังในและนอกห้องเรียน (Cao.2011,Emily
Edwards.201:1)
กระทรวงศึกษาธิการให้ความสาคัญกับภาษาอังกฤษโดยกาหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ประกอบด้วย 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
(ภาษาอังกฤษ) เป็น 1 ใน 8 สาระการเรียนรู้ โดยผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรให้เข้าถึง มาตรฐานการเรียนรู้
ตัวช้ีวดั และสาระการเรียนรทู้ ี่เหมาะสมกับผู้เรยี นแลว้ จึงพิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้ โดยเลือกใช้วธิ ีสอน
ส่ือ แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพและบรรลุตามเป้าหมายท่ี
กาหนด (กระทรวงศึกษาธกิ าร,2551)
วิธีการท่ีจะช่วยให้ครูมีการจัดการเรียนการสอนท่ีดีขึ้นคือต้องมีการพัฒนาครู ซึ่งจะช่วยในการแก้ไข
ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรยี นและยกระดับคุณภาพการจัดการเรียนการสอนของครูให้มีคุณภาพดี
ยิ่งขึ้น การพัฒนาครูน้ันทาได้หลายวิธี และอีกวิธีหนึ่งที่จะสามารถทาให้ครูปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนได้
อย่างมีประสิทธิภาพ คือ การนิเทศติดตามการสอน ซ่ึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาครูให้มีการ
ปรบั ปรุงการเรยี นการสอนและการศกึ ษาให้มีคุณภาพดยี งิ่ ข้ึน ซ่ึงสอดคล้องกบั วัชรา เล่าเรียนดี (2556) กล่าวว่า
จุดมุ่งหมายของการนิเทศ คือการปรับปรุงกระบวนการสอนและกระบวนการเรียนรู้ท่ีส่งเสริมการพัฒนาความ
เจริญก้าวหน้าในวิชาชีพครูที่ส่งผลโดยตรงต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยอาศัยการนิเทศช่วยเหลือ แนะนา ให้
ความรู้และการฝึกปฏิบัติด้านการพัฒนาหลักสูตร เทคนิควิธีการสอนใหม่ๆ การใช้และการสร้างส่ือนวัตกรรม
2
ด้านการสอนและการทาวิจัยในชั้นเรียน เพื่อให้ครูสามารถปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอน
หรอื งานในวชิ าชีพของตนเองอย่างตอ่ เน่อื งและมีประสทิ ธภิ าพ
จากความสาคัญและนโยบายดังกล่าว ผ้ฝู ึกประสบการณ์นิเทศการศึกษาจึงจัดทาการนิเทศติดตามการ
จัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 เพ่ือทราบถึงสภาพปัจจุบันของการจัดการ
เรียนการสอนและความคาดหวังการนิเทศการสอนของครูผู้สอนภาษาอังกฤษ โดยสร้างสัมพันธภาพท่ีดีกับ
ครูผู้สอนภาษาอังกฤษ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4 ในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 ดังน้ันเพ่ือเป็นการนาเสนอข้อมูลสารสนเทศที่ได้จากการนิเทศ
ตดิ ตาม และประเมินผลการจดั การศกึ ษา จึงได้มีการจดั ทารายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อสิ ระขนึ้
วตั ถปุ ระสงค์ของการศึกษา
1. เพอ่ื นเิ ทศตดิ ตามการจัดการเรยี นการสอนวชิ าภาษาอังกฤษ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนราช
ประชานุเคราะห์ 4 ในสงั กดั สานกั งานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 1
2. เพื่อสรา้ งสัมพนั ธภาพทดี่ ีกับครูผสู้ อนวชิ าภาษาองั กฤษ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 โรงเรยี นราชประชานุ
เคราะห์ 4 ในสงั กดั สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 1 โดยใชเ้ ทคนคิ การนเิ ทศ
แบบกัลยาณมิตร
ขอบเขตของการศึกษา
1. กลมุ่ เป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายท่ีใช้ในการศึกษาคร้ังนี้เป็นครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4 ในสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 ซึ่ง
ไดม้ าโดยการเลือกแบบเจาะจง
2. เนื้อหาท่ีใชใ้ นการศึกษา
ขอบข่ายการศึกษา
1. สภาพปจั จุบนั การดาเนนิ การจดั การเรยี นการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ช้นั ประถม
ศึกษาปีท่ี 6
2. รปู แบบการจดั การเรยี นการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6
3. ระยะเวลาทีใ่ ชใ้ นการศึกษา
ผู้ศกึ ษาไดด้ าเนนิ การศึกษา ระหวา่ งวนั ที่ 22 มกราคม – 4 กุมภาพนั ธ์ 2563
4. ตวั แปรท่ศี ึกษา
ตัวแปรทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษาครงั้ น้ีมี 2 ประเภทคอื
1. ตัวแปรตน้ ได้แก่ การนเิ ทศแบบกัลยาณมติ ร
2. ตวั แปรตาม ได้แก่ การจัดการเรยี นการสอนวิชาภาษาอังกฤษชั้นประถมศกึ ษาปีที่6
3
นิยามศัพท์เฉพาะ
1. โรงเรียนประถมศึกษา หมายถงึ โรงเรยี นทีม่ ีการจัดการเรียนการสอนระดบั ชั้นประถมศึกษา
ปที ่ี 1-6 สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1
2. การนเิ ทศการสอนแบบกลั ยาณมติ ร หมายถึง หลกั ธรรมความเป็นกลั ยาณมิตรของ
พระพทุ ธศาสนาและวัฒนธรรมไทย ไดแ้ ก่ ความมนี ้าใจ การร่วมทกุ ข์รว่ มสุข การช่วยเหลือเกื้อกูล แนะแนวทาง
ที่ถูกต้องด้วยการยอมรบั นับถือและใหเ้ กยี รตซิ ่ึงกนั และกัน เป็นการนเิ ทศท่มี ุง่ การพัฒนาคนมากกว่าการพัฒนา
เอกสารและผลงาน
3. ครูภาษาองั กฤษ หมายถึง ครูผสู้ อนวิชาภาษาอังกฤษ โรงเรียนประถมศกึ ษา สานักงานเขตพ้ืนที่
การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1
ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะได้รบั
1 ผลการวิจัยจะเป็นแนวทางในการดาเนินการนิเทศการสอนในโรงเรียนประถมศึกษา สานักงานเขต
พน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 เพ่อื ให้ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นของนักเรยี นยิ่งสูงขน้ึ
2. ผลการวิจัยจะเป็นข้อมูลให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องนาไปใช้ในการพัฒนาครูในกระบวนการการเรียน
การสอนต่อไป
3. ผลการวิจัยจะเป็นข้อมูลให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องนาไปใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้มี
ความหลากหลายย่งิ ขึ้น
กรอบแนวคดิ การศึกษา การนิเทศใช้เทคนิคแบบกลั ยาณมติ ร ผลการนเิ ทศ
ขั้นตอนท่ี 1 การเตรยี มการก่อน
ศกึ ษาเอกสารที่เกยี่ วข้อง การจัดกจิ กรรมการ
- ความรูเ้ รื่องท่ตี ้องการนิเทศ การนเิ ทศ เรียนการสอนวิชา
- รูปแบบการนเิ ทศ ข้นั ตอนที่ 2 การดาเนินการนิเทศ ภาษาองั กฤษ ชัน้
- สภาพปัจจุบนั ของโรงเรยี น ขน้ั ตอนท่ี 3 การสรุปผลการใหค้ า ประถมศกึ ษาปีท่ี 6
- งานวิจัยทเี่ ก่ียวข้อง
ชแี้ นะ
บทที่ 2
ทฤษฎีและเอกสารทเ่ี กยี่ วข้อง
การศกึ ษาเรื่องนิเทศติดตามการจดั การเรียนการสอนวิชาภาษาองั กฤษ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6 โรงเรยี น
ราชประชานุเคราะห์ 4 ในสงั กัดสานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 1 ในการศึกษา
ครงั้ นี้ ผู้ศึกษาได้ศึกษาทฤษฎีและเอกสารที่เกยี่ วข้องและได้นาเสนอตามลาดบั หัวข้อต่อไปน้ี
1. การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนภาษาอังกฤษ
1.1 ความหมายของกิจกรรมการเรียนการสอน
1.2 จุดม่งุ หมายของการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน
1.3 หลกั การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน
1.4 กิจกรรมการเรยี นการสอนภาษาองั กฤษ
2. การนเิ ทศภายในแบบกัลยาณมิตร
2.1 ความหมายของการนเิ ทศภายในแบบกลั ยาณมติ ร
2.2 ความสาคญั ของการนเิ ทศภายในแบบกัลยาณมติ ร
2.3 แนวคดิ เก่ยี วกับกระบวนการกัลยาณมติ ร
- กระบวนการกัลยาณมิตร
- ทฤษฎพี ัฒนาการทางานกลุ่มกัลยาณมิตร
1. การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนภาษาองั กฤษ
การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน เปน็ สว่ นหน่งึ ของการจัดการศึกษา การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน
ท่จี ดั เปน็ ระบบ ทาให้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมีประสทิ ธิภาพ เพราะมีขั้นตอนและเปน็ ระบบมแี บบแผน
ท่ชี ัดเจน ผูท้ เี่ ปน็ ผู้สอนจะต้องมคี วามรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกับระบบการจัดกิจกรมการเรยี นการสอนทัง้ ดา้ นความ
หมาย ความสาคญั องค์ประกอบและรูปแบบระบบการจัดการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนของนักการศึกษา
ต่างๆ และการนาระบบการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนไปใช้
1.1 ความหมายของกิจกรรมการเรยี นการสอน
นักการศึกษาหลายท่านได้กล่าวถงึ ความหมายของกิจกรรมการเรยี นการสอนไวห้ ลายทรรศนะดงั นี้
สานักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบยี น มหาวทิ ยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณใ์ นพระบรมราชูปถัม (2553)
ใหค้ วามหมายของ กจิ กรรมการเรียนการสอน คือกระบวนการปฏิสัมพนั ธ์ระหวา่ งผู้สอนกบั ผู้เรยี นเพ่ือทีจ่ ะทาให้
ผู้เรยี นเกิดการเรียนรูต้ ามวัตถุประสงค์ของผู้สอน
อาภรณ์ ใจเทีย่ ง (2553) ได้ใหค้ วามหมายของ กิจกรรมการเรียนการสอน หมายถึง การปฏิบตั ติ ่างๆ ท่ี
เกี่ยวกับการจัดการเรยี นการสอน เพ่ือให้การสอนดาเนินไปอย่างมีประสทิ ธภิ าพและการเรียนรขู้ องผูเ้ รยี นบรรลุ
วัตถปุ ระสงค์ของการสอนที่กาหนดไว้
สรปุ ได้วา่ กิจกรรมการเรียนการสอน คอื วิธีการ กระบวนการเกีย่ วกบั การเรียนการสอน เพอื่ ให้การ
สอนตาเนนิ ไปอย่างมีประสิทธิภาพและกระตนุ้ ใหผ้ ้เู รยี นเกิดการเรยี นรตู้ ามวตั ถุประสงค์ท่ีกาหนดไว้
1.2 จดุ ม่งุ หมายของการจดั กิจกรมการเรยี นการสอน 5
การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนต้องดาเนนิ ไปตามหลกั สูตรทีก่ าหนดไว้ ซงึ่ มจี ุดมงุ่ หมายอันส่งผลให้
การเรยี นการสอนเกิดผลสาเร็จ นักวิชาการไดก้ ลา่ วถึง จดุ มุ่งหมายของการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนไวด้ ังนี้
อารมณ ฉนวนจติ ร (2551) จุดมงุ่ หมายการสอน (Instructional Goals) คอื ความคาดหวังผลอนั จะเกดิ
ข้ึนกบั ผเู้ รยี น ซึ่งเรยี กแตกต่างกนั ตามแนวความคิดของแต่ละคน เชน่ จุดมงุ่ หมายทั่วไป วตั ถปุ ระสงค์ท่วั ไป
จดุ ประสงคท์ ว่ั ไป จดุ ประสงค์ปลายทาง เป็นตน้ จดุ มุ่งหมายการสอนส่วนมากใชใ้ นระดับวิชา หนว่ ยการเรยี น
หรือแผนการสอนในแต่ละคาบกไ็ ด้
อาภรณ์ ใจเท่ียง (2553) กล่าวถึงจุดมุง่ หมายของการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนคือ
1. เพื่อใหผ้ เู้ รียนเกิดพัฒนาการทางรา่ งกาย อารมณ์ สังคม และสตปิ ญั ญาไปพร้อมกันทุกดา้ น
2. เพ่อื สนองความสามารถ ความถนัด ความสนใจของผู้เรยี นทกุ คน ซง่ึ ผเู้ รียนแตล่ ะคนจะมีแตกตา่ งกนั
3. เพื่อสร้างบรรยากาศการเรียนการสอน ใหผ้ เู้ รียนมีความเพลิดเพลนิ ไม่เกิดความรสู้ ึกเบื่อหน่ายใน
การเรยี น
4. เพื่อสนองเจตนารมณข์ องหลักสตู ให้ผเู้ รยี นไดค้ ิดเปน็ ทาเป็น แก้ปัญหาเป็น เกดิ ทักษะกระบวนการ
ใหเ้ ปน็ คนเก่ง คนดี มคี วามสุขและมคี วามเป็นไทย
5. เพ่ือส่งเสริมให้ผู้เรียนกล้าแสดงออก มีสวนร่วมในการเรยี น
จากจุดมุ่งหมายของการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน สรปุ ไดว้ า่ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนมี
จดุ มุ่งหมายเพอื่ พัฒนาผ้เู รยี น ใหค้ ิดเป็น ทาเป็นและแก้ปญั หาเป็น
1.3 หลักการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน
การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน จึงควรคานงึ ถึงหลกั การในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ซง่ึ มี
หลากหลายดังต่อไปน้ี
สานกั สง่ เสริมวิชาการและงานทะเบียน มหาวทิ ยาลยั รายภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถัมภ์
(2553) กลา่ วถึงหลักการจดั การเรียนร้พู นื้ ฐานเพ่ือให้ประสบผลสาเรง็ ตามความมุ่งหมายท่วี างไว้ ดังนี้
1. สอนจากส่งิ ที่อยใู่ กลต้ ัวออกไปหาสิ่งท่ีอยู่ไกลตัวของผ้เู รียน
2. สอนจากสิ่งทีง่ า่ ย ไปหาส่ิงทย่ี าก ต้องพจิ ารณาเลอื กหวั ข้อเร่ืองจากง่ายไปหายากอยแู่ ล้วเพราะสิ่ง
ง่ายๆน้นั ผู้เรยี นจะเข้าใจได้ดีและเป็นพ้นื ฐานในการเรียนสิ่งยากต่อไป
3. สอนจากตัวอย่างไปหากฎเกณฑ์ ในการจดั การเรยี นร้บู ทเรียนใดๆกต็ าม ผสู้ อนควรให้ตัวอยา่ ง
หลายๆ ตวั อย่าง หรอื อาจจะใหผ้ ูเ้ รียนศึกษา คน้ หาตวั อย่างแลว้ ชว่ ยกนั สรุปตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมา
4. สอนจากสิง่ ที่รู้ไปหาสิ่งทไ่ี ม่รู้ ท้งั นเ้ี ปน็ เพราะว่าประสบการณ์ใหม่นน้ั ย่อมด้องอาศัยบทเรยี นเก่าหรือ
ประสบการณเ์ ดมิ เปน็ พ้ืนฐานจงึ จะเรียนบทเรยี นใหม่เขา้ ใจดีมากขึน้
5. สอนจากรปู ธรรมไปหานามธรรม ในการจัดการเรยี นรบู้ ทเรียนใดๆก็ตาม ผสู้ อนควรพยายามใชส้ ่ือ
การเรยี นประกอบการจัดการเรียนรู้ซ่ึงจะช่วยใหผ้ ู้เรียนเขา้ ใจบทเรยี นได้งา่ ยขนึ้ เพื่อเปน็ วิธกี ารทาให้บทเรียน
เป็นรูปธรรมซ่ึงจะงา่ ยแก่การเข้าใจของผเู้ รยี น
6
6. สอนจากการทดลองไปหาการสรุปต้งั กฎเกณฑ์ บทเรยี นใดทส่ี ามารถให้ผ้เู รียนทดลองปฏิบัตจิ รงิ ได้
ผู้สอนก็ควรให้ผ้เู รียนทดลองปฏบิ ัตหิ รอื ลงมอื กระทาดว้ ยตนเอง เม่ือทดลองเสร็จแลว้ ผูส้ อนจงึ ซักถามและให้
ผูเ้ รียนคิดสรปุ เป็นกฎเกณฑ์ขึ้นมา
7. สอนโดยคานงึ ความแตกต่างระหว่างบุคคล ธรรมชาติของผูเ้ รยี นในวยั ตา่ งๆน้ันจะมีความแตกต่างกัน
ท้งั ในดา้ นความสนใจ ความถนัดพเิ ศษและความสามารถ ผู้สอนจะต้องเขา้ ใจในหลกั พฒั นาการของผเู้ รียนในวยั
ต่างๆดว้ ย เพ่ือท่จี ะไดจ้ ัดเตรยี มบทเรยี นและกิจกรรมไวห้ ลายๆอย่างใหผ้ ูเ้ รียนไดเ้ ลือกทากิจกรรมตามความถนัด
และความสนใจ ซ่ึงจะเกดิ ผลดีต่อการเรียนของผเู้ รยี นด้วย
8. สอนโดยคานงึ ถงึ หลกั จติ วิทยา หลักจติ วิทยาที่ผ้สู อนต้องนามาใช้ในการจัดการเรียนรู้มากทส่ี ุดคือ
จติ วิทยาพัฒนาการและจติ วทิ ยาการศึกษา เปน็ ตัน
9. สอนโดยยืดจุดหมายของการจัดการศึกษา จดุ หมายของการจัดการศกึ ษาจะเป็นเป้าหมายหลกั ตาม
แนวนโยบายในการจดั ดาเนินการศกึ ษาของชาติในระดับตา่ งๆ
10. สอนโดยยึดความมุ่งหมายของหลักสูตรและบทเรียนเป็นหลัก ในการจดั การเรยี นร้นู น้ั ผ้สู อน
จะตอ้ งจัดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยยึดความมุง่ หมายหรือผลการเรยี นรู้ทีค่ าดหวงั ของหลกั สูตรท่ีกาหนดไวเ้ ปน็ หลกั
และอีกทั้งผ้สู อนยังต้องกาหนดผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวังเฉพาะของแตล่ ะสาระหรือหน่วยการเรียนรู้ขน้ึ ด้วยและ
ในขณะสอนผสู้ อนนน้ั พยายามจดั สถานการณ์ สภาพการณ์และกจิ กรรมต่างๆ เพื่อให้การจัดการเรยี นรูบ้ รรลุ
ตามความมุ่งหมายเฉพาะสาระหรือหน่วยการเรียนรนู้ ั้นเพื่อให้ผเู้ รยี นเกิดความรู้ ความเขา้ ใจและมีทักษะในการ
เรียนทดี่ ี
อาภรณ์ ใจเทยี่ ง (2553) สรุปหลกั การจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนไว้ดังนี้
1. จดั กิจกรรมให้สอดคล้องกับเจตนารมณข์ องหลักสูตร หลกั สูตรมคี วามมุ่งหวังให้ผเู้ รยี นเป็นคนดี มี
ปญั ญา มีความสุข บนพนื้ ฐานของความเป็นไทย สามารถค้นคว้า แสวงหาความรไู้ ด้ด้วยตนเอง เปน็ คนใฝเ่ รียน
ใฝ่รแู้ ละรักการเรยี นการรู้ ผสู้ อนจงึ ต้องสอนวธิ ีคิด วิธีการทา วธิ แี ก้ปัญหา
2. จัดกจิ กรรมให้สอดคลอ้ งกับจุดประสงค์การสอน กล่าวคือ ผูส้ อนต้องพิจารณาว่า จดุ ประสงคก์ าร
สอนในคร้งั น้ันมงุ่ เนน้ พฤติกรรมด้านใด
3 จดั กจิ กรรมใหส้ อดคล้องและเหมาะสมกบั วยั ความสามารถ ความสนใจของผ้เู รียน เช่น นกั เรียนใน
ระดับประถมศึกษาชอบเรยี นปนเลน่ ครจู ึงควรจดั กจิ กรรมใหผ้ ู้เรียนได้แสดงบทบาท ได้แขง่ ขัน ได้เลน่ เกม ได้
ร้องเพลง ได้เตน้ ให้ไดแ้ สดงออกตามวัย ผู้เรยี นจะเรยี นดว้ ยความสนกุ สนานเพลิดเพลิน ดีกวา่ ที่จะมานั่งฟังครู
พูดอยา่ งเดียว
4. จดั กจิ กรรมให้สอดคลอ้ งกับลักษณะเน้ือหาวิชา เนอ้ื หาวิชามีหลายประเภท เช่น ประเภทขอ้ เทจ็ จรงิ
การแกป้ ัญหา การคิดสรา้ งสรรค์ ทักษะ เจตคติ และคา่ นิยม เน้ือหาวชิ าแต่ละประเภทต้องอาศยั เทคนิควธิ สี อน
หรือการจดั กจิ กรรมทแี่ ตกต่าง เช่น ถ้าเปน็ ประเภททักษะก็ตอ้ งจัดกจิ กรรมให้ผู้เรียนไดล้ งมอื ปฏิบตั ิ ฝึกฝนตาม
ขน้ั ตอน
5. จดั กจิ กรรมใหม้ ีลาดับขน้ั ตอน เพ่ือผเู้ รยี นไดเ้ กิดความรู้ความเขา้ ใจอย่างต่อเนอื่ ง ไม่สับสนและ
สามารถโยงความสมั พนั ธข์ องเนื้อหาท่ีเรยี นได้ การจัดลาดบั ข้ันตอนโดยเรมิ่ จากงา่ ยไปยาก รปู ธรรมไปนามธรรม
ใกล้ตวั ไปไกลตัว และสว่ นรวมไปส่วนย่อย จะทาใหเ้ กิดการเรียนรไู้ ด้ดี
6. จดั กิจกรรมใหน้ ่าสนใจ โดยใช้สื่อการสอนท่ีเหมาะสมกับกิจกรรม
7
7. จดั กจิ กรรมโดยให้ผู้เรียนเปน็ ผูก้ ระทากจิ กรรม เพื่อให้เกิดการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง ผ้สู อนเป็นผู้
อานวยความสะดวกระหวา่ งทากิจกรรม ผเู้ รียนจะเกิดการพัฒนาตนเองทางความคิด การปฏิบัติ การแกป้ ญั หา
การทางานร่วมกนั การวางแผนการจัดการและเทคนคิ วธิ ีต่างๆ
8. จัดกิจกรรมโดยใช้วิธีการที่ทา้ ทายความคิดความสามารถของผ้เู รยี น ฝึกฝนวิธกี ารแสวงหาความรู้
และการแก้ปัญหาดว้ ยตนเอง จะทาใหผ้ เู้ รียนเห็นคุณค่าของทเี่ รยี นและได้รับประโยชน์จากการเรียนอยา่ งแท้จริง
เช่น จดั กจิ กรรมให้ไดค้ ้นคว้ารวบรวมขอ้ มูลจากเอกสารจาก การสมั ภาษณ์ จากการศึกษานอกสถานท่ี จากการ
เขา้ ร่วมฟังการอภิปราย การสมั มนา หรอื จัดแสดงนิทรรศการ แสดงละคร จัดโต้วาที จัดแข่งขันการแตง่ กลอน
สด การจดั ประกวดเรียงความ ใหจ้ ดั ปา้ ยวันสาคัญต่างๆเปน็ ต้น กิจกรรมเหลา่ น้ีเปน็ ท้ังกจิ กรรมในวิชาท่ีเรยี น
และกิจกรรมเสรมิ ประกอบการเรยี น ซ่ึงจะเปิดโอกาลให้ผเู้ รียนได้แสดความสามารถ ความถนดั และได้พฒั นา
ศกั ยภาพส่วนตวั ของผู้เรียนได้ดี
9. จดั กิจกรรมโดยใชเ้ ทคนิควธิ ีการสอนที่หลากหลาย ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ทาให้ผู้เรยี นเกดิ
ความกระตอื รือร้นในการเรยี นและเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง ในการสอนแตล่ ะเน้ือหาวชิ าและแต่ละคร้งั ผู้สอน
ไม่ควรใช้วธิ เี ตียวกันตลอด ควรคิดกิจกรรมการเรยี นการสอนให้นา่ สนใจ เลือกใช้เทคนิควิธีการสอนท่สี อดคล้อง
กับลักษณะเน้ือหา เชน่ สอนวิชาวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ จาเปน็ อย่างยิ่งท่ีจะต้องใหผ้ เู้ รียนได้คดิ คานวณ ไต้
แก้ปัญหา ได้ทดลอง ไต้เสาะหาความรู้ ดงั น้นั ผูส้ อนอาจเลือกใช้วธิ ีสอนแบบทดลอง แบบวิทยาศาสตร์ แบบ
แก้ปัญหาตามความเหมาะสม เป็นการเปลีย่ นใช้เทคนิควธิ ีสอนที่หลากหลายใหส้ อดคล้องกับสถานการณ์
10. จดั กจิ กรรมโดยให้มีบรรยากาศทร่ี นื่ รมย์ สนุกสนานและเป็นกันเอง เพราะทาให้ผเู้ รยี นเรียนด้วย
ความสุข สบายใจ ไม่ตงึ เครียด อนั สง่ ผลใหผ้ เู้ รียนเกดิ เจตคติที่ดตี อ่ วิชาทเี่ รียน บรรยากาศจะเป็นเช่นไรขน้ึ อยู่กับ
บคุ ลิกภาพของผู้สอนเป็นสาคัญ ถ้าผู้สอนเข้มงวด เคร่งขรึมและเครง่ เครียด บรรยากาศจะตึงเครียด ทาให้
ผู้เรยี นรู้สกึ อดึ อัด ไมส่ บายใจในการเรยี น แตถ่ ้าผู้สอนเข้าใจผเู้ รยี นใหค้ วามเมตตา มีบุคลิกภาพท่ีร่าเริง แจม่ ใส
ไมเ่ ข้ม งวดดดุ ัน ใหอ้ สิ ระแกผ่ ู้เรยี น บรรยากาศก็จะน่าเรียน
11. จัดกจิ กรรมแล้วต้องมีการวดั ผลใช้กิจกรรมน้นั ทกุ ครง้ั เพื่อค้นหาข้อดี ข้อบกพร่อง แล้วนาผลไป
ปรบั ปรุงแก้ไซสาหรับใช้ในครั้งต่อไป ในการวัดผลควรมีทัง้ การวตั ผลระหวา่ งที่ผ้เู รยี นทากิจกรรม และภายหลงั
การทากจิ กรรม โดยครูอาจใช้วิธีสังเกต ชกั ถาม ตรวจสอบผลงานและทดสอบ เม่ือวัดผลแล้วพบว่ากิจกรรมนั้น
ทาใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ได้ดีกส็ ามารถนามาใช้ต่อได้ แต่ถา้ ผ้เู รียนพบปญั หาขณะปฏบิ ัติกิจกรรม ผสู้ อนควรได้
วเิ คราะหส์ าเหตุ แล้วแก้ไขให้ตรงจดุ กิจกรรมนั้นอาจยาก เกินระดับความสามารถของเด็ก สถานการณ์สภาพ
แวดลอ้ มไมเ่ อื้ออานวยหรือผู้เรยี นยงั ขาดประสบการณ์พื้นฐาน ก็จาเปน็ ตอ้ งปรบั ปรงุ แกไ้ ขใหด้ ีขึน้ ต่อไป
กล่าวโดยสรปุ การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนควรดาเนินเพ่ือประโยชนข์ องผเู้ รยี นอย่างแท้จริง มงุ่
พัฒนาผ้เู รียนในทุกๆดา้ น
1.4 กจิ กรรมการเรยี นการสอนภาษาองั กฤษ
นกั การศึกษาหลายท่านได้กล่าวถงึ กจิ กรรมการเรียนการสอนไว้ ดังนี้
สาหร่าย จันทร์ออ่ น (2553) ไดเ้ สนอ กจิ กรรมการสอนภาษาองั กฤษในชั้นเรียน ซึ่งถอื เป็นสิ่งทีย่ ง่ิ ใหญ่
ในการสร้างความรักในการเรียนภาษาอังกฤษ โดยมีวธิ กี ารหลากหลาย ดังต่อไปนี้
1. เพลง ผเู้ รยี นได้ทง้ั ความสนุกสนานเพลดิ เพลินและคุน้ เคยกบั การใชส้ าเนียง
2. เกม การเล่นเกมภาษาองั กฤษ สามารถสร้างเจคติท่ดี ีตอ่ การเรียนภาษาอังกฤษ
8
3. ส่อื มลั ตมิ เี ดยี เปน็ การเพิ่มทางเลือกในการเรยี นภาษาอังกฤษ ปัจจบุ ันมี Website สาหรับนกั เรียน
นกั ศกึ ษาท่ีนา่ สนใจ สามารถฝึกออกเสียงได้ใกลเ้ คียงกบั เจา้ ของภาษา
4. หนงั สอื เพอ่ื นท่ดี ที ส่ี ุดของเด็กๆ คือหนงั สอื ครูอาจจะเลอื กหนงั สือมาอ่านให้เด็กๆฟังแล้วทบทวน
คาศัพท์หลังการอ่าน ถ้าเป็นเด็กโต กอ็ าจจะใหเ้ ด็กๆเลอื กเร่อื งทชี่ อบมาอ่านให้ครแู ละเพื่อนๆฟังแลว้ ตง้ั คาถาม
ตอบเพื่อน
5. งานศลิ ปะ คือช้ินงานศิลปะ เชน่ งานฝีมือ การวาดภาพระบายสี ฯลฯ เป็นช่วงเวลาทเี่ ดก็ ๆมีความสขุ
มาก ในขณะเดียวกนั คุณครูสามารถสอนภาษาอังกฤษไปพรอ้ มๆกับการทากิจกรรมน้ันด้วย เป็นการศกึ ษาแบบ
บรู ณาการ
สมจติ จันทร์ฉาย (2557) กิจกรรมในการดาเนินการเรียนการสอน ตงั นีค้ ือ
1. ขั้นนามจี ุดมงุ่ หมายเพ่ือเตรียมความพร้อมของผูเ้ รยี น เหตกุ ารณ์การสอนในขั้นน้ี ไดแ้ ก่ การสร้าง
ความสนใจ การบอกจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ และการกระตนุ้ ใหร้ ะลึกถึงการเรียนรทู้ ี่มมี าก่อน
2. ขน้ั สอน มจี ดุ มุ่งหมายเพ่ือให้ผู้เรียนสร้างความรู้ ความเข้าใจ เหตุการณ์การสอนในขนั้ นี้ ไดแ้ ก่ การ
นาเสนอความรแู้ ละส่อื การเรียนรู้ การชีแ้ นะแนวทางการเรียนรู้แก่ผเู้ รียน การให้ผูเ้ รยี นปฏิบัติและฝกึ ฝน การให้
ขอ้ มลู ย้อนกลับแก่ผเู้ รียน
3. ขน้ั สรุป มีจุดมุ่งหมายเพ่ือให้ผเู้ รียนสรปุ และสมารถประยุกต์ใชค้ วามรู้ เหตุการณก์ ารสอนในขนั้ น้ี
ไดแ้ ก่ การแนะแนวเทคนิคการสรุปความรู้ การถา่ ยโยงความรู้โดยให้ผูเ้ รยี นฝึกการนาความรไู้ ปใชใ้ นสถานการณ์
ตา่ งๆ
4. ขน้ั ประเมนิ ผล มีจดุ มงุ่ หมายเพ่ือตรวจสอบว่าผู้เรียนเกิดการเรยี นร้ตู ามการเรยี นรหู้ รอื ไม่ เหตกุ ารณ์
การสอนในขน้ั นี้ ได้แก่ การประเมิน การให้ขอ้ มลู ย้อนกลบั และซ่อมเสริมการเรียนรู้
สานกั วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวง
ศกึ ษาธิการ (2559) ม่งุ เน้นเพ่ือพัฒนาผู้เรยี นให้มคี วามสามารถในการส่ือสาร สามารถใช้ภาษาไดเ้ หมาะสม เมื่อ
มีปฏสิ ัมพันธ์กบั บุคคลอ่ืนๆ ในสังคม เป็นหลกั การสอนที่เช่ือมระหว่างความรูท้ างภาษาและความสามารถในการ
สื่อสาร เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นสามารถเรียนรูโ้ ครงสร้างภาษาเพื่อการส่ือสาร กระบวนการจดั การเรยี นการสอนทเ่ี น้นการ
สื่อสารกระบวนการจัดการเรียนการสอนท่ีเนน้ การส่อื สาร ประกอบด้วย 3 ข้นั ตอน ดงั นี้
1. ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน (Warm-up) มีจดุ มุ่งหมายเพอ่ื ท่ีจะทบทวนความรู้เดิมท่ไี ด้เรยี นมาแลว้ เพื่อให้
เกิดความพร้อมและอยากเรยี นรูบ้ ทเรยี นใหม่ ผสู้ อนต้องเตรียมเน้อื หาเชอ่ื มโยงไปสสู่ าระสาคญั ของบทนน้ั ๆ เม่อื
เหน็ ว่า ผเู้ รยี นมคี วามพร้อม เกดิ ความสนุกสนานและกระตือรอื ร้นท่จี ะเรยี นแลว้ ก็เร่ิมสอนเนอ้ื หาต่อไป กจิ กรรม
ในข้ันนสี้ ามารถใช่ไดห้ ลากหลาย เช่น เลน่ เกม ปริศนาคาทาย เปน็ ต้น
2. ขนั้ นาเสนอเนื้อหา (Presentation) ในขั้นนผ้ี สู้ อนจะให้ข้อมูล ทางภาษาแก่ผู้เรยี น มีการนาเสนอ
ศพั ท์ใหม่ เนอ้ื หาใหม่ ให้เข้าใจทั้งรูปแบบ ความหมาย และกิจกรรมท่ีเหมาะสม ประกอบด้วย การให้ฟงั เน้ือหา
ใหม่ ใหฝ้ กึ พูดตาม ผ้สู อนต้องเป็นผู้ใหค้ วามรทู้ างภาษาทีถ่ ูกต้องและเปน็ แบบอย่างท่ีถกู ต้องในการออกเสียง คอื
informant (ผู้ให้ความรู้) แม้จะไม่เน้นไวยากรณ์ มากนัก แต่ต้องพยายามใหผ้ ู้เรียนไดฝ้ กึ พูดในรปู แบบภาษาที่
ถูกต้อง (Accuracy) ด้วย
จากขน้ั นาเสนอเน้อื หา โดยมีวตั ถุประสงค์ให้ใชภ้ าษาได้ถูกตอ้ ง ขณะเดียวกันกเ็ นน้ เร่ืองการใชภ้ าษาให้
คลอ่ งแคล่ว (Fluency) การฝึกอาจจะฝึกท้งั ชน้ั เปน็ กล่มุ เป็นคู่ หรือรายบุคคล ช่วงน้ีเป็นโอกาสที่ผู้สอนจะ
9
แก้ไขข้อผดิ พลาดการใชภ้ าษาของผู้เรียน ซ่ึงการแก้ไขขอ้ ผิดพลาดน้นั ควรทาหลังการฝกึ เพราะหากทาระหว่างท่ี
ผเู้ รียนกาลังลองผดิ ลองถูกอยู่ ความมนั่ ใจทจ่ี ะใช้กาษาให้คล่องแคล่วอาจลดลงได้ ข้ันการใช้ภาษา
(Production) มีจดุ มุ่งหมายเพ่ือใหผ้ ูเ้ รยี นนาคาหรือประโยคที่ฝกึ มาแล้วมาใชก้ ับสถานการณต์ า่ งๆ ในรปู แบบ
กิจกรรมหลาก หลายเพอ่ื ให้เกิดความคล่องแคล่ว (Fluency) และเกดิ ความสนุกสนาน ข้ันนเี้ ป็นขั้นทเ่ี น้นให้
ผ้เู รยี นเปน็ ผู้ทากจิ กรรม โดยผู้สอนคอยให้ความช่วยเหลือ ถ้าผเู้ รยี นผดิ พลาด อย่าขดั จังหวะ เพื่อใหผ้ ูเ้ รียนร้สู กึ
สบายใจ กจิ กรรมท่ีกาหนดไว้หลากหลาย เช่น การเลน่ เกม การทาชนิ้ งาน การทาแบบฝึก การนาเสนอผลงาน
เปน็ ตนั
3. ข้ันสรุป (Wrap up) เป็นข้ันสดุ ทา้ ยของการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนในแต่ละชวั่ โมง ในขัน้ นี้
จุดประสงค์เพือ่ สรุปสง่ิ ท่ไี ด้เรียนมาแลว้ กิจกรรมท่ีแนะนาคอื อาจให้ผเู้ รยี นนาเสนอรายงานกลุ่ม การทา
แบบฝึกหดั สรปุ ความรู้ หรอื เล่นเกม เพื่อทดสอบส่งิ ทเ่ี รยี นมาแล้วก็ได้เทคนิค
สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวง
ศึกษาธิการ (2559) เสนอวิธีการจดั กจิ กรรมการเรียนรูภ้ าษาเพือ่ การสอื่ สาร นาเสนอตวั อย่างการจดั กจิ กรรม
การเรียนรเู้ ปน็ 3 แบบ ดงั นี้
1. เทคนิควิธีการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้เกม (Games) เปน็ กระบวนการทีช่ ว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกดิ การ
เรยี นร้ตู ามวตั ถุประสงค์ โดยการใหผ้ ู้เรียนลน่ เกม ตามกติกาและนาเนอ้ื หาและข้อมูลของเกม พฤติกรรมการเล่น
วิธีการเลน่ และผลการเล่นเกมของผู้เรียนมาใช้ในการอภิปรายเพ่อื สรปุ การเรยี นรู้ ซึ่งจะช่วยใหผ้ ู้เรยี นไดเ้ รยี นรู้
เรือ่ งต่างๆอยา่ งสนุกสนานและทา้ ทายความสามารถเกิดประสบการณ์ตรงและเปน็ วิธีทีเ่ ปิดโอกาสให้ผูเ้ รยี นมี
ส่วนรว่ มสงู
2. เทคนิควธิ ีการจดั กิจกรรมการเรยี นร้แู บบร่วมมอื (Instructional Models of Cooperative
Learning) ชี้ให้เหน็ ว่าผูเ้ รียนควรร่วมมือกนั ในการเรียนรู้มากกว่าการแขง่ ขนั กันเพราะการแขง่ ขนั กันก่อให้เกดิ
สภาพการณ์ของการแพ้-ชนะ ตา่ งจากการรว่ มมอื กนั ซ่งึ กอ่ ให้เกดิ สภาพการณข์ องการชนะ-ชนะ อนั เป็น
สภาพการณท์ ี่ดกี วา่ ทงั้ ดา้ นจติ ใจและสติปัญญา หลักการเรียนร้แู บบร่วมมอื (Cooperative Learning) 5
ประการ ประกอบด้วย 1) การเรยี นรตู้ อ้ งอาศัยหลกั การพ่ึงพากัน 2) การเรยี นรู้ท่ดี ตี อ้ งอาศยั การหนั หน้าเข้าหา
กนั มปี ฏสิ มั พันธ์กัน 3) การเรียนรู้รว่ มกนั ต้องอาศัยทกั ษะทางสังคม 4) การเรียนร่วมกันต้องมีการวิเคราะห์
กระบวนการกลมุ่ 5) การเรียนร้รู ว่ มกันจะต้องมผี ลงานหรือผลสัมฤทธ์ทิ ั้งรายบุคคลและรายกลุ่ม
3. เทคนคิ วิธีการจัดกจิ กรรมการเรยี นรแู้ บบ K-W-L (Know-Want-Learned) เปน็ กระบวนการเรียนรู้
ท่เี นน้ ผูเ้ รยี นมที ักษะของกระบวนการอา่ น ซง่ึ สอดคล้องกับทักษะการคิดอย่างรู้ตวั วา่ ตนคดิ อะไร มวี ธิ ีคดิ อยา่ งไร
สามารถตรวจสอบความคิด ตลอดจนปรบั เปลยี่ นกลวธิ ีการคดิ ของตนได้โดยผเู้ รยี นจะไดร้ ับการฝกึ ให้ตระหนกั ใน
กระบวนการทาความเขา้ ใจตนเอง มกี ารวางแผนตงั้ จดุ มุ่งหมาย ตรวจสอบความเข้าใจของตน มกี ารจดั ระบบ
ขอ้ มูลเพอ่ื การนากลบั มาใชภ้ ายหลงั ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ มีข้ันตอนสาคญั ดังต่อไปน้ี
3.1 ช้ัน K (What you know) เป็นขั้นของการเตรยี มความรพู้ นื้ ฐานกอ่ นการอ่าน
3.2 ข้นั W (What you want to know) การตัง้ จุดมุ่งหมายในการอ่าน หลงั จากท่ีผสู้ อน
กระตุ้นความรู้เดิมของผเู้ รยี นในขน้ั K แล้วผูส้ อนจะนาผเู้ รยี นไปสู่ขั้นการต้ังจุดมงุ่ หมายในการเรยี นรโู้ ดยการอ่าน
ซ่ึงผู้สอนจะใชค้ าถามกระตุ้นผเู้ รยี น
10
3.3 ขั้น L (What you have learned) หลังจากท่ผี เู้ รียนอ่านขอ้ ความแลว้ ให้ผูเ้ รียนเขียน
คาตอบที่ได้ลงในกระดาษเปล่า รวมท้ังเขยี นข้อมลู อืน่ ๆ ที่ศึกษาเพม่ิ เติมได้
3.4 ขั้นการเขยี นสรปุ และนาเสนอกจิ กรมในขน้ั นเี้ ปน็ กิจกรรมเพ่มิ เติมในข้นั ตอนหลกั K-W-L
หลงั จากผเู้ รียนไดเ้ รียนรู้และเขยี นขอ้ มลู ความรูท้ ี่ได้ในข้ัน W และ L แลว้ ให้ นาข้อมูลท่ีได้มาปรับแผนผงั
ความคิดเดิมท่ีผ้เู รียนเขยี นไว้ในชั้น K ซง่ึ อาจจะมีการตัดทอน เพิม่ เดิม หรือจดั ระบบข้อมูลใหม่เพื่อให้แผนผงั
ความคิดมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึน้ หรืออาจมกี จิ กรรมอื่นท่ีผ้สู อนเห็นเปน็ กจิ กรมสง่ เสรมิ การเรียนรู้ เช่น มกี าร
อภิปรายถงึ เหตแุ ละผลกระทบในเรอ่ื งส่งิ แวดล้อมหรอื ให้ผู้เรียนนาเสนอ แผนผังความคิด เป็นต้น
กลัญญู เพชราภรณ์ (2560) กล่าวถึง การจัดการเรยี นการสอนวิชาภาษาองั กฤษโดยทวั่ ไปจะ
มีขนั้ ตอนในการสอน 5 ขัน้ ดังนี้
1. ขนั้ นาเขา้ ส่บู ทเรยี น (Warm up) เป็นการเตรียมตัวผูเ้ รียนกอ่ นเริม่ เรยี น โดยการกระตุ้นและเร้า
ความสนใจของผู้เรียนให้มตี ่อบทเรียน ทาให้ผู้เรียนมคี วามพรอ้ มและความกระตอื รือร้นท่ีจะเรียน ผู้เรียนรวู้ ่าจะ
เรียนเรอื่ งอะไรและยังสามารถ นาความรู้และทักษะมีอยเู่ ดิมมาสมั พันธก์ ับบทเรยี นใหม่ ซ่ึงจะทาให้ผู้เรยี นเขา้ ใจ
บทเรยี นไดช้ ัดเจนขนึ้
2. ข้นั สอน/นาเสนอ (Presentation) เปน็ ขน้ั ที่ผสู้ อนให้ความรูเ้ น้อื หาของบทเรียนโดยมีการใหค้ วามรู้
อย่างละเอียดตามวัตถุประสงค์ที่ตงั้ ไว้ ซง่ึ ผู้สอนอาจใชเ้ ทคนิควิธีการสอนรปู แบบตา่ งๆ กจิ กรรมประกอบการ
สอนและสื่อการสอนมาประกอบในการอธิบายเน้ือหาใหแ้ ก่ผเู้ รยี น เพอ่ื ให้ผเู้ รียนเข้าบทเรียนได้ขัดเจนและงา่ ย
ขน้ึ รวมทง้ั เกิดความสนุกสนานในการเรยี น
3. ขัน้ ฝกึ (Practice) ผูเ้ รียนจะไดฝ้ ึกใช้ความรู้ (ภาษา) ท่ีเรียนมาแลว้ ในขัน้ สอน (นาเสนอ) โดยมี
วัตถุประสงคเ์ พอ่ื ให้ผ้เู รยี นใชค้ วามรู้ (ภาษา) ทเ่ี รียนมาไดถ้ ูกต้อง คล่องแคล่ว การฝึกอาจจะฝึกท้งั ช้นั เปน็ กลุ่ม
เปน็ คู่ หรือรายบุคคล ขนั้ น้ีเป็นโอกาสทีค่ รูจะแกไ้ ขข้อผดิ พลาดของนักเรยี นในการใช้ภาษา
4. ข้นั นาไปใช้ (Application) เป็นขั้นทีม่ จี ุดมุ่งหมายเพอื่ ให้ผ้เู รียนนาความรเู้ ก่ียวกับภาษาทฝี่ กึ มาแล้ว
ไปใชใ่ นสถานการณต์ ่างๆ ในรูปแบบกจิ กรรมหลากหลาย เพ่ือให้เกิดความคล่องแคล่วและเกดิ ความสนุกสนาน
ซึ่งในขน้ั นี้เปน็ ขนั้ ทเ่ี น้นผ้เู รยี นเปน็ ผทู้ ากิจกรรม ผู้สอนคอยใหค้ วามชว่ ยเหลอื กิจกรรมที่กาหนดไวม้ หี ลากหลาย
เชน่ การเลน่ เกม การทาชนิ้ งาน การทาแบบฝึก การนาเสนอผลงาน เปน็ ดัน
5. ชัน้ สรุป (Conclusion) เป็นข้นั สุดท้ายของการจดั กจิ กรรมเก่ยี วกับการเรยี นการสอนในแต่ละชว่ั โมง
มีจดุ ประสงค์เพ่ือสรปุ สิ่งทเี่ รียนไปแลว้ ซึ่งกิจกรรมทีผ่ ู้สอนกาหนดไว้ให้ผเู้ รียนไดป้ ฏิบตั ิอาจจะเป็นการนาเสนอ
รายงานของกลุ่มทาแบบฝกึ หัดเพอ่ื สรปุ ความรู้หรอื เลน่ เกมเพ่ือทดสอบส่งิ ท่ีเรยี นมา แล้วรวมทง้ั การทผี่ ู้สอน
อาจจะสรุปสาระการเรียนรูใ้ นครงั้ นดี้ ว้ ยตนเองหรือใหผ้ เู้ รียนไดม้ ีสว่ นรว่ มสรปุ สาระการเรียนรูด้ ว้ ยกัน
การเรยี นการสอนภาษาอังกฤษ มีหลายกจิ กรรมทีส่ ง่ เสรมิ ใหน้ ักเรียนมที ักษะการฟงั พูด
อ่านและเขียนไปพร้อมๆกัน สามารนาความรู้ทีเ่ รียนไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั ได้
2. การนิเทศภายในแบบกลั ยาณมติ ร
2.1 ความหมายของการนิเทศภายในแบบกลั ยาณมิตร
พระธรรมปิฎกุ(2541 : 26 – 27) กล่าวว่าุกัลยาณมิตรุหมายถึงุหลักธรรมความเป็นกัลยาณมติ รุ
ของพระพทธศาสนาและวฒั นธรรมไทยุได้แก่ ความมูนี ใ้ จุร่วมทกข์ ร่วมสขุช่วยเหลอื ุเกื้อกลู ุแนะแนวุ
11
ทางทถี่ ูกต้องด้วยการยอมรับนบั ถือซ่ึงกันและกนั ุโดยที่ครูแลกเปล่ียนเรยี นรู้ประสบการณ์ โดยม่งหวังความ
สาเร็จุคือุการพฒั นาการเรยี นรู้ของนักเรียนได้ อย่างมีประสทิ ธิภาพุนอกจากที่กล่าวมาแล้ว ความเป็น
กลั ยาณมิตรหรือองค์คณของกลั ยาณมติ รยังประกอบด้วยุความน่ารักุ(ในฐานเป็นทว่ี างใจและสนิทสนม) ความ
น่าเคารพ (ในฐานใหค้ วามอบอ่นุ เปน็ ทพ่ี ึงได้ และปลอดภยั ) ความน่ายกย่อง (ในฐานทีท่ รงคุณ คือ ความรู้ ภูมิ
ปัญญา แท้จริง) ความรู้จักพดู (คอยให้คาแนะนาว่ากลา่ วดกั เดอื น เปน็ ที่ปรึกษาที่ดี) อดทนต่อถ้อยคา (พร้อมท่ี
จะรบั ฟัง คาชักถามตา่ งๆ อยู่สมอ ด้วยความอดทนไมเ่ บ่ือ) กล่าวช้ีแจงแถลงเร่ืองต่างๆ ที่ลกึ ซึ้งได้ และไมช่ ักจูง
ไปในทางท่เี สื่อมเสีย
สุมน อมรววิ ัฒน์ (2545 :31) กลา่ ววา่ การนิเทศเปน็ กระบวนการสร้างเสรมิ สมรรถภาพของผู้บรหิ าร
และครู กระบวนการพัฒนาบุคลากร และเป็นการพัฒนาคุณภาพของการจดั การศึกษาท้ังในระบบโรงเรยี นและ
นอกระบบ วิวัฒนาการนเิ ทศการศึกษาของประเทศไทยในช่วง 5 ทศวรรษ ไดก้ ้าวหน้าจากการตรวจสอบและ
ประเมนิ ผลมาเป็นการดาเนินงานหลายรปู แบบ เพ่ือเสรมิ สร้างคุณภาพวชิ าชีพครู การพัฒนาผบู้ รหิ ารการศึกษา
ให้สามารถจดั ระบบและกระบวนการนิเทศภายในโรงเรียน การเชอื่ มโยงกิจกรรม การสอนกบั ปัจจัยต่างๆ ท่ี
เกอ้ื หนุนให้การเรยี นการสอนมีประสิทธภิ าพและเกิดคุณภาพที่พงึ ประสงค์ในตัวผู้เรยี นได้เสนอกระบวนการ
นิเทศภายในแบบกัลยาณมิตร
กิตยิ วดี บุญซือ่ และวิภา ตณั ฑูลพษ์ (2544:85) กลา่ ววา่ ระบบการนเิ ทศการเรียนการสอนโดยใหค้ รูท่ี
มีความชานาญในการสอนผลัดกนั นเิ ทศนัน้ เป็นการส่งเสริมความร่วมมอื ระหวา่ งครูและเสรมิ สร้างกลั ยาณมิตรใน
โรงเรยี น ในรูปแบบใหม่ของการนิเทศที่มีทง้ั การจดั คนู่ เิ ทศในสายนัน้ การนเิ ทศแบบเพื่อนชว่ ยเพ่อื น
สมุ น อมรวิวัฒน์ (2545 : 34) กลา่ วว่า "กัลยาณมติ รนเิ ทศ" เปน็ กระบวนการชแี้ นะ ช่วยเหลือคน้ การ
เรยี นการสอนในกล่มุ เพ่อื นครดู ้วยกันในลกั ษณะการสร้างศรัทธา สาธิตรปู แบบวธิ ีการร่วมงานร่วมทาและติดตาม
ประเมนิ ผลตลอดกระบวนการ
สรปุ การนิเทศภายในแบบกลั ยาณมิตร หมายถึง การทางานรว่ มกันระหวา่ งคณะครแู ละผู้บรหิ าร
โรงเรียน โดยอาศยั หลักธรรมความเป็นกัลยาณมิตรของพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทย ได้แก่ ความมีนา้ ใจ
รว่ มทกุ ข์ร่วมสุข ช่วยเหลือ เก้ือกูล แนะแนวทางท่ีถูกตอ้ งด้วยการยอมรบั นับถือซ่ึงกนั และกัน โดยทีค่ รู
แลกเปล่ยี นเรยี นรูป้ ระสบการณ์โดยมุง่ หวังความสาเรจ็ คือ การพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนไดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธภิ าพ คณุ ภาพการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนทไี่ ดผ้ ลนั้น เรม่ิ ต้นจากศรทั ธาท่ีครูมคี วามต้ังใจปรบั ปรุง
วธิ ีการสอนของตน ผูบ้ ริหารและศึกษานิเทศกเ์ ปน็ บุคคลกลุ่มหน่งึ ที่ช่วยส่งเสริมแนะนาวธิ ีการต่างๆ ดา้ นการ
เรยี นการสอน ท้ังน้ีหากได้แรงหนนุ อีกดา้ นหนึง่ คือ การแนะนา ช่วยเหลอื ใหแ้ บบอย่างจากเพ่ือนครดู ้วยกัน ใน
รูปแบบกลั ยาณมิตรนิเทศ กจ็ ะชว่ ยใหค้ รเู หน็ วธิ กี ารขน้ั ตอนการสอนที่เป็นจริง ชัดเจน สามารถนาประยุกตใ์ ชใ้ น
ชน้ั เรยี นของตนไดเ้ ป็นอย่างดี
2.2 ความสาคญั ของการนิเทศภายในแบบกลั ยาณมติ ร
พระธรรมปฎิ ก (2541:27 กล่าวว่า พระพุทธศาสนาถือวา่ ความสัมพันธ์ของผ้สู อนทมี่ ตี ่อ
ผ้เู รียนนนั้ อย่ใู นฐานะท่เี ปน็ กลั ยาณมติ ร คือ เป็นผชู้ ่วยเหลอื แนะนาผเู้ รยี นให้ดาเนินกา้ วหน้าไปในมรรคแห่ง
การฝกึ อบรม ซง่ึ เป็นคุณลักษณะท่ีผู้สอนหรือครูมคี วามกรุณาโดยทว่ั ไปจะมี ฉนั ใดก็ฉันน้ัน ในการนเิ ทศ
แบบกลั ยาณมิตรก็เชน่ กัน เป็นการชว่ ยเหลือ แนะนา สนบั สนนุ ในส่ิงท่ีดงี ามโดยใช้หลักความเปน็ กัลยาณมิตร
เพ่ือหลอมรวมความรสู้ ึกให้เป็นหนึ่งเดียวในการปฏิบัตกิ ารนิเทศ เพ่ือก่อให้เกดิ การพัฒนาต่อการจัดกจิ กรรมการ
12
เรยี นการสอนให้มคี ุณภาพ โดยยึดหลักมติ รแท้หรือมิดรดว้ ยใจจริง 4 ประการ คือ มติ รอุปการะ มติ รรว่ มทกุ ข์
รว่ มสขุ มิตรแนะนาประโยชน์ และมติ รใจรัก (พระธรรมปฏิ ก 2540:3-4)
กติ ิวดี บุญซอ่ื และวภิ า ตัณฑุลพงษ์ (2544:95) ได้กลา่ ววา่ ความเปน็ กลั ยาณมิตรเป็นกญุ แจทองท่ีจะ
ไขประตแู หง่ ความเปน็ มติ ร ความออ่ นน้อมถอ่ มตน ยงั เป็นคณุ สมบัติที่คนไทยทุกคนให้การต้อนรับ ความจรงิ ใจ
และความนุ่มนวล จะเปน็ เครื่องหล่อลนื่ สมั พันธภาพใหเ้ ลื่อนไหลสอดคล้องกันไปส่จู ุดหมายปลายทาง ความมี
น้าใจ เปน็ หยดทพิ ย์ทท่ี าให้จติ ใจชมุ่ ช่ืนเบิกบาน และท้ายท่ีสุด การใชค้ าพูดท่สี ภุ าพ แต่จริงใจและความ
สมา่ เสมอ จะเปน็ เคร่ืองส่งเสริมความรสู้ กึ ที่ดตี ่อกนั และพร้อมทจ่ี ะรว่ มมือร่วมใจ ขจัดปัญหาต่างๆ และ
สร้างสรรคส์ งิ่ ท่ีดงี ามแก่เด็ก เพื่อประโยชน์ของสว่ นรวม
จากทก่ี ลา่ วมาแลว้ จะเห็นได้ว่า ความเปน็ กลั ยาณมติ รเป็นส่ิงทีด่ งี ามในสังคม ฉะน้ันการนา
กัลยาณมิตรมาประยุกต์ใช้ในการนิเทศภายในเพ่ือให้เกิดการพัฒนา เปลี่ยนแปลงไปในทางทด่ี ีด้วยความเปน็
มิตรที่ดี ดว้ ยความรกั และความจริงใจน้นั จะกอ่ ใหเ้ กดิ การพฒั นาคณุ ภาพการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน
ด้วยความสมัครใจและเหน็ วา่ เป็นสง่ิ ที่สาคญั และจาเป็นอย่างย่งิ ในการพฒั นาคุณภาพของการศกึ ษาระดบั
ปฐมวยั ตอ่ ไป
2.3 แนวคดิ เก่ียวกับกระบวนการกลั ยาณมติ ร
กระบวนการกลั ยาณมติ ร
การอบรมเล้ยี งดูเด็กให้พัฒนาอย่างถูกต้องนน้ั พระพุทธศาสนาถือวา่ บทบาทของผเู้ ลีย้ งดูมคี วาม
สาคัญมาก ไมว่ ่าจะเป็นบิดา มารดา หรือครู โดยเฉพาะมารดาน้นั ได้มีพทุ ธภาษิตว่า มารดา คอื มติ รในเรือน ใน
มงคลสูตร คาถาที่ 4 ได้กล่าวถึงมงคลของผทู้ ่ีบารุงบดิ า มารดา (มาตา ปิตุอปุ ฏฐาน) และการสงเคราะห์ บุตร
ภรรยา (ปตุ ตทารสส สงคโห) คาวา่ สงเคราะห์บุตรน้ี พระราชรมนุ ี (ประยุทธ์ ปยตุ โต) ได้แปลเปน็ ภาษา องั กฤษ
ไว้ในพจนานุกรมพทุ ธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรมว่า "Cherishing of children" ซึง่ แสดงวา่ การเล้ียงดบู ตุ รตาม
นัยแหง่ พระพุทธศาสนานน้ั มใิ ช่เป็นเพียงการเลย้ี งดูใหเ้ ตบิ โตเทา่ น้ัน แต่พ่อแมต่ ้องเลยี้ งดูดว้ ยรกั ถนอม ช้แี นะ
และช่วยเหลือด้วย
องค์คณุ ของกลั ยาณมิตร 7 ประการ ซ่งึ ปรากฏในพระไตรปิฎก อังคุตตรนิกายสตั ตกนิบาติ อธบิ ายไว้
ดังนี้
1. ปโิ ย น่ารกั ในฐานเปน็ ทีส่ บายใจและสนทิ สนม ชวนให้อยากเข้าไปปรึกษาไต่ถาม
2 ครุ น่าเคารพ ในฐานประพฤติสมควรแก่ฐานะ ใหเ้ กิดความรสู้ ึกอบอนุ่ ใจเปน็ ท่ีพึ่งได้และปลอดภยั
3. ภาวนโี ย นา่ ยกยอ่ ง ในฐานทรงคณุ ความรู้และภมู ิปัญญาอย่างแทจ้ รงิ ทั้งเป็นผู้ฝึกอบรมและ
ปรับปรุงตนอยู่เสมอ ควรเอาอย่าง ทาใหร้ ะลกึ และเอ่ยอา้ งด้วยซาบซงึ้ ภูมใิ จ
4. วดตา จ รู้จกั พูดให้ไดเ้ หตุผล รจู้ กั ชีแ้ จงให้เข้าใจ รวู้ า่ เมื่อไรควรพูดอะไร อย่างไร คอยให้คาแนะนา
วา่ กล่าวตักเตอื น เปน็ ที่ปรึกษาที่ดี
5. วจนกขโม อดทนต่อถ้อยคา คอื พร้อมท่ีจะรบั ฟงั คาปรกึ ษาซกั ถาม เสนอแนะ วิพากษ์วิจารณ์
อดทน ฟังได้ไม่เบื่อ ไม่ฉุนเฉียว
6. คมภรี ญจ กถ กตตา แถลงเรื่องลา้ ลึกได้ สมารถอธิบายเร่ืองยงุ่ ยากซบั ซ้อนให้เข้าใจและใหเ้ รยี นรู้
เรอื่ งราวทีล่ กึ ซึ้งยงิ่ ขึ้นไป
7. โน จฏฐาเน นโิ ยชเย ไมแ่ นะนาในเร่ืองเหลวไหล หรอื ชักจูงไปในเรื่องเส่ือมเสีย(พระเทพเวที.2532)
13
ทฤษฎพี ัฒนาการทางานกลุ่มกลั ยาณมิตร
ทฤษฎเี กี่ยวกับกลุ่มและการทางานร่วมกันนี้ เปน็ เรอื่ งเก่ยี วกบั การทีจ่ ะพยายามสร้างแรงจูงใจให้
สมาชิกกลุม่ ฝนระดับสูงท่ีสดุ ท่ีจะเปน็ ไปได้ เพื่อใหส้ ามารถทางานร่วมกนั ได้ดี ได้มีผู้เสนอทฤษฎีท่นี ่าสนใจไว้
แตกต่างกนั ดังน้ี
1. ทฤษฎกี ารทางานรว่ มกัน ได้รับการพัฒนาข้ึนมาโดย จอร์จ โฮแมนส์ (George Homans) ทฤษฎีน้ี
อธบิ ายเปน็ หลักการสาคญั วา่ การทางานร่วมกนั เปน็ กลุ่ม ประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบพ้ืนฐานท่ีสาคัญ 3 อยา่ ง
คือ 1. กจิ กรรม 2. การทางานร่วมกัน 3. ความร้สู กึ องค์ประกอบทง้ั สามน้ีจะเกี่ยวกันโดยตรง กลา่ วคอื ถ้า
บุคคลยิง่ มสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมมากเท่าไร การทางานรว่ มกันและความรูส้ กึ ของพวกเราจะมีมากขึ้นด้วย บุคคล
ต่างๆ ภายในกลุ่มเก่ียวพันกบั บุคคลอ่ืนไมเ่ พยี งแต่อยใู่ กลช้ ดิ เท่านั้น พวกเขาตอ้ งทาการตัดสนิ ใจ ติดตอ่ ส่ือสาร
ประสานงานและประสบความสาเรจ็ ในเป้าหมายอีกดว้ ย สมาชกิ ในกล่มุ หรือในองค์การที่เกี่ยวพันกับลักษณะ
ดังกลา่ ว มแี นวโนม้ จะรวมกนั เขา้ เปน็ กลุ่มทม่ี ีพลังสงู มาก (สมยศ นาวีการ. 2523 : 234)
2. ทฤษฎตี าข่ายการปฏบิ ตั งิ าน (Grid of work Theory) ผพู้ ฒั นาการความคดิ ของทฤษฎนี ้ีคือ เบลค
(Blake) และ มูตนั (Mouton) แห่งมหาวทิ ยาลัยเทก็ ซัส ทฤษฎนี เ้ี ช่อื วา่ คนต้องการจะทางานให้ได้ผลต้องการมี
ส่วนร่วมในงานทเ่ี ขารบั ผิดชอบ และต้องการท่จี ะทาให้การทางานแบบการเขา้ มามสี ่วนร่วม มีผลย่อมกระทาได้
ดว้ ยการสร้าวบรรยากาศขององค์กรทจ่ี ะช่วยในการสนบั สนุนความคิดสรา้ งสรรค์และเปิดโอกาสใหแ้ สดงความ
คิดเหน็ ในการทางานอย่างจริงจัง ทฤษฎีตาข่ายน้มี คี วามเชื่ออยา่ งฝังใจว่า ผลงานยอ่ มเกิดจากการ บรู ณาการ
หรอื การประสมประสานความต้องการขององค์กรและของคนเขา้ ดว้ ยกัน กล่าวโดย สรุปทฤษฎีนีเ้ ช่อื วา่ การ
ทางานกลุ่มน้ันจะต้องให้ได้ผลทั้งผลงานและความร่วมมือรว่ มใจของผ้ทู างานรว่ มกนั (โสภณ ปาพจน์.2521 :
118 - 119)
3. ทฤษฎพี ้นื ฐานความสัมพันธ์ระหว่างบคุ คล หรือ FIRO (Fundamental Interpersonal
Relation Orientations) ผู้เปน็ เจ้าของทฤษฎนี ค้ี ือ ซุทซ์ (Schtz) ทฤษฎนี ี้จะพิจารณาพฤตกิ รรมระหว่างสมาชกิ
ทพ่ี ยายามปรบั ตวั เข้าหากันโดยเช่อื วา่ ทุกคนมลี ักษณะเฉพาะตัวในการปรบั ตัวเข้ากับบุคคลอื่นทฤษฎนี ้ีอภิปราย
ว่า ความต้องการทจี่ ะมคี วามสมั พันธ์กับผู้อ่ืนมี 3 ลกั ษณะดังนี้ (ทิศนา แขมมณี และคณะ 2522: 16 - 18)
1) ความต้องการเชือ่ มโยงกับผ้อู ืน่ ได้แก่ ความต้องการอยรู่ ่วมกนั กบั ผูอ้ ื่น มีส่วนท่ีต้องการ
เป็นพวกเดยี วกับคนอื่น เป็นคนทอี่ ยูใ่ นพวกนน้ั ด้วย ซึ่งบคุ คลพยายามจะแสดงออกเพื่อให้เกิดชื่อเสียง การเป็นท่ี
ยอมรบั และความเป็นเกียรติ เป็นต้น
2) ความตอ้ งการในการควบคุม หมายถงึ กระบวนการที่บคุ คลตัดสนิ ใจ เพื่อจะมีอทิ ธิพลมี
อานาจ หรือความต้องการท่จี ะควบคมุ ผู้อนื่ ซ่งึ อาจแสดงออกใน 2 ลกั ษณะ คือ การควบคุมผู้อ่ืน หรือการถูก
ผอู้ น่ื ควบคมุ
3) ความต้องการเป็นท่ีรกั ใคร่ของผู้อ่ืน หมายถึง ความรู้สึกและอารมณส์ ่วนตัวท่ีเกดิ ระหวา่ ง
บคุ คลสองคน เช่น ความรกั ความเป็นมิตร การช่วยเหลอื เกื้อกลู กัน การสรา้ งความผูกพนั กนั ทางอารมณ์ เพ่ือให้
เกดิ ความใกลช้ ิดสนิทสนมต่อกนั
บทท่ี 3
วธิ ีดาเนนิ การศกึ ษา
การศึกษาเรื่องนิเทศติดตามการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6
โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 4 ในครัง้ นี้ ได้ดาเนนิ การตามขนั้ ตอนดังต่อไปนี้
1. กลุม่ เปา้ หมาย
2. เครือ่ งมอื ท่ใี ช้ในการศกึ ษา
3. การสรา้ งและหาคณุ ภาพของเคร่อื งมือ
4. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
5. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล
กลุม่ เปา้ หมาย
กลมุ่ เปา้ หมายที่ใชใ้ นการศึกษาคร้ังนี้เป็นครูผ้สู อนวชิ าภาษาอังกฤษ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6 โรงเรยี น
ราชประชานุเคราะห์ 4 ในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 ซ่ึงได้มาโดย
การเลอื กแบบเจาะจง
เครื่องมือทใ่ี ช้ในการศึกษา
การนเิ ทศแบบกัลยาณมิตรครั้งนีเ้ ปน็ การนเิ ทศตดิ ตามการจัดการเรยี นการสอนวชิ าภาษาอังกฤษ ชั้น
ประถมศึกษาปที ี่ 6 ของโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 4 ในสงั กัดสานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษา
นครศรีธรรมราช เขต 1 เครอื่ งมือท่ีใชม้ ีดงั น้ี
- แบบสมั ภาษณ์
- แบบบนั ทึกการนิเทศ
- แบบบันทึกการทบทวนหลงั การปฏิบตั ิงาน (AAR)
การสรา้ งและหาคณุ ภาพของเครอ่ื งมอื
การสร้างและหาคณุ ภาพของเครอื่ งมอื การนเิ ทศแบบกัลยาณมิตร ได้ดาเนนิ การ ดังนี้
1. ศกึ ษาเอกสารทีเ่ ก่ียวข้อง ดงั ต่อไปน้ี
- การนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร
- เทคนคิ การสัมภาษณ์
2. สรา้ งเครือ่ งมอื การนเิ ทศ ได้แก่ แบบสัมภาษณ์การนิเทศ, แบบบนั ทึกการนเิ ทศ, แบบบนั ทึก
การทบทวนหลังการปฏบิ ตั งิ าน (After Action Review : AAR)
3. หาคุณภาพเครื่องมือ โดยนาเครอื่ งมือการนิเทศไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา จานวน
2 คน ได้แก่
3.1 นายสพล ชทู อง รองผูอ้ านวยการสานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษานครศรธี รรมราชเขต 1
3.2 นางสจุ นิ พรหมมาศ ผูอ้ านวยการกลุม่ นเิ ทศตดิ ตามและประเมินผลการจดั การศึกษา
15
4. นาเครื่องมือที่ผ่านการหาคุณภาพแล้วไปใช้กับกลุ่มเป้าหมาย เพ่ือเก็บรวบรวมข้อมูลและ
วเิ คราะห์ข้อมลู ต่อไป
การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
การเก็บรวบรวมข้อมลู ใช้การนเิ ทศแบบกลั ยาณมิตรกับกลุ่มเปา้ หมาย ได้แก่ เป็นครูผ้สู อนวิชาภาษา
อังกฤษ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 4 ในสงั กดั สานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถม
ศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 โดยใช้การสัมภาษณ์ และผู้นิเทศบนั ทึกผลการนเิ ทศลงในแบบสมั ภาษณ์การนิเทศ,
แบบบันทกึ การนิเทศและสะท้อนผลลงในแบบบนั ทึกการทบทวนหลังการปฏิบัตงิ าน (After Action Review :
AAR) เพื่อกระตุน้ ให้ผู้รบั การนิเทศตอบและนาเสนอการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนของวิชาภาษาองั กฤษ ชั้น
ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ในโรงเรยี นของตนเอง
การวเิ คราะห์ขอ้ มูล
การวิเคราะห์ข้อมูล โดยนาผลจากการสัมภาษณ์และผู้นิเทศบันทึกผลการนิเทศลงในแบบสัมภาษณ์การ
นิเทศ, แบบบันทึกการนิเทศและสะท้อนผลลงในแบบบันทึกการทบทวนหลังการปฏิบัติงาน (After Action
Review : AAR) เพ่ือศกึ ษาการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาองั กฤษ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ของ
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4 ในสังกัดสานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถม ศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 1
บทที่ 4
ผลการศึกษา
การศึกษาเร่ืองนิเทศติดตามการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของ
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4 ในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1
ผู้ศึกษาได้สัมภาษณ์ นางจักขุมา ปลอดอินทร์ ครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนราช
ประชานเุ คราะห์ 4 ดงั น้ี
ผลการศึกษา
1. ผลการศึกษาสภาพปจั จุบัน การดาเนินการจัดกิจกรรมการจดั การเรยี นการสอนวิชาภาษาองั กฤษ ชนั้
ประถมศึกษาปที ี่ 6 ของโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 4 ในสังกดั สานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษา
นครศรธี รรมราช เขต 1
จากการศึกษ าสภ าพ ปั จจุบัน ใน การดาเนิ นก ารจัดกิจกรรม การจัด การเรียน การสอน วิช า
ภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4 ครูผู้สอนมีการจัดการเรียนการสอน
แบบ DLTV ตามโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม จานวน 1 ห้องเรียน หลังจากน้ันครูใช้ใบงานจาก
เว็บไซต์ตามโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมให้นักเรียนฝึกปฏิบัติในแต่ละบทเรียน ครูผู้สอนมีการคิด
กิจกรรมอื่นๆให้สอดคล้องกับบทเรียน อีกท้ังครูยังจัดหาส่ือการสอนเพิ่มเติมเอง ไม่ได้ใช้ส่ือร่วมกับครูท่านอื่นๆ
ส่วนใหญ่จะใช้ของจริง เช่น รูปภาพ เกม คลิปวิดีโอ ในช้ันเรียนมากที่สุด โดยครูผู้สอนให้การช้ีแนะอย่างใกล้ชิด
และทบทวนเน้ือหาก่อนจบบทเรียนอีกคร้ัง อีกท้ังผู้ศึกษาคิดว่าการสร้างบรรยากาศในห้องเรียน ถือเป็นการ
ส่งเสริมการสร้างทัศนคติที่ดีต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียน ซึ่งครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ ช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4 สามารถสร้างบรรยากาศให้นักเรียนรู้สึกผ่อนคลาย ไม่
เคร่งเครียด สร้างบรรยากาศให้นักเรียนรู้สึกมีความเป็นกันเอง กล้าแสดงออก ครูผู้สอนพยายามให้นักเรียนทา
ความเข้าใจว่าภาษาอังกฤษไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด อธิบายให้นักเรียนเข้าใจถึงความสาคัญและความจาเป็นของ
การเรยี นวิชาภาษาอังกฤษในชีวิตประจาวันและจะสง่ ผลดีอยา่ งไรในอนาคตดว้ ย
2. ผลการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ของโรงเรียน
ราชประชานเุ คราะห์ 4 ในสงั กดั สานักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 1
จากการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ของ
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4 ผลจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนอยู่ในระดับดี โดยดูจากการสอบมาก
ที่สุดและประเมินนักเรียนจากการมีส่วนร่วมในชั้นเรียน เช่น การตอบคาถาม การสนใจในการเรียน การทา
กจิ กรรมกลุ่ม การทางานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายและสง่ งานตามเวลาทีก่ าหนด ครเู ปิดโอกาสให้นกั เรยี นไดม้ ีส่วนร่วมใน
การประเมินผลบ้างในช่วงของการทากิจกรรมกลุ่ม เช่น ให้นักเรียนประเมินชิ้นงานหรือการนาเสนองานกันเอง
ภายในชั่วโมงเรียน เป็นต้น ผลจากการจดั กิจกรรมการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 6 จึง
ส่งผลให้นกั เรียนสว่ นใหญ่มผี ลสัมฤทธ์ิทางการเรียนดขี ้นึ แตพ่ บปัญหาบ้างในการจดั การเรยี นการสอนแบบ
17
DLTV คือเร่ืองของสัญญาณโทรทัศน์ท่ีเกิดความขัดข้องบ้างในบางคร้ัง และครูผู้สอนไม่เพียงพอต่อระดับช้ัน ทา
ให้ครผู ู้สอนอาจไม่เตม็ ทใ่ี นการจัดการเรียนการสอนเท่าท่ีควร จากปญั หาดงั กลา่ ว ผู้อานวยการโรงเรยี นและคณะ
ครู สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ โดยกาหนดตารางการสอนให้สามารถดูแลนักเรียนได้ทั่วถึง ท้ังให้ความ
ชว่ ยเหลือและสนับสนนุ คดิ หาทางออกในปญั หาต่างๆ ได้เปน็ อย่างดี
บทท่ี 5
สรปุ อภปิ รายผลและขอ้ เสนอแนะ
การศึกษาเร่ืองนิเทศติดตามการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ของ
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4 ในสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1
ผู้ศึกษา ได้สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ดังน้ี
1. วัตถุประสงค์ของการศกึ ษา
2. สรุปผลการศกึ ษา
3. อภปิ รายผลการศกึ ษา
4. ขอ้ เสนอแนะ
วตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา
1. เพือ่ นเิ ทศตดิ ตามการจดั การเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนราช
ประชานุเคราะห์ 4 ในสงั กัดสานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 1
2. เพื่อสร้างสมั พันธภาพท่ีดีกับครูผู้สอนวชิ าภาษาอังกฤษ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 โรงเรียนราชประชา
นุเคราะห์ 4 ในสงั กดั สานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 1 โดยใช้เทคนคิ การนิเทศ
แบบกลั ยาณมติ ร
สรุปผลการศกึ ษา
ผลจากการดาเนินการศกึ ษาการจดั การเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียน
ราชประชานุเคราะห์ 4 ในสังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 สรุปผลได้
ดงั น้ี
การดาเนินการนิเทศติดตามการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ของ
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4 ครูผู้สอนมีการจัดการเรียนการสอนแบบ DLTV ส่งผลให้นักเรียนส่วนใหญ่มี
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีข้ึน แต่พบปัญหาบ้างในการจัดการเรียนการสอนแบบ DLTV คือเร่ืองของสัญญาณ
โทรทัศน์ที่เกิดความขัดข้องบ้างในบางคร้ัง และครูผู้สอนไม่เพียงพอต่อระดับชั้น ทาให้ครูผู้สอนอาจไม่เต็มท่ีใน
การจัดการเรียนการสอนเท่าท่ีควร จากปัญหาดังกล่าว ครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6
สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ รวมทั้งผู้อานวยการโรงเรียนให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนคิดหาทางออกใน
ปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดีและผู้ศึกษาให้การสนับสนุนในการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ 6 และได้เสนอแนะวิธีการสอนเพิ่มเติมให้มีความหลากหลายในกิจกรรมการเรียนการสอนมาก
ยง่ิ ขึ้น
19
อภปิ รายผลการศกึ ษา
การศึกษานิเทศติดตามการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนราช
ประชานุเคราะห์ 4 ในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 มีประเด็นที่จะ
นามาอภิปรายผล ดังน้ี
1. ครูสอนวชิ าภาษาองั กฤษ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 4 มคี วามมงุ่ มน่ั
ตั้งใจในการดาเนินการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอนใหก้ ับนักเรียน ถงึ แม้วา่ จะมจี านวนครูน้อยก็ตาม
2. ครสู อนวิชาภาษาองั กฤษ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 4 สามารถทาให้
ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนของนักเรยี นในวชิ าภาษาองั กฤษเพิ่มขน้ึ
3. ครูสอนวชิ าภาษาอังกฤษ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 4 สามารถแก้ไข
ปญั หาต่างๆที่เกดิ ขนึ้ กับกระบวนการจัดการเรียนการสอนได้เปน็ อยา่ งดี
4. ศึกษานิเทศก์เสนอแนะเพิ่มเติมให้มีความหลากหลายในกิจกรรมการเรียนการสอนมากยิ่งข้ึน
เพื่อให้นกั เรยี นเกดิ ความสนใจในการเรยี นมากยิ่งข้นึ
ข้อเสนอแนะ
1. การนิเทศติดตาม ควรมีความต่อเนื่อง กาหนดแผนการนิเทศและเคร่ืองมือการนิเทศอย่างชัดเจน
เพอื่ นาขอ้ มลู ทไ่ี ด้รับจากการนเิ ทศในแต่ละคร้ังไปใชใ้ นการวางแผนการนิเทศใหม้ ปี ระสิทธภิ าพในครั้งต่อไป
2. การนิเทศติดตาม ควรมีการพัฒนาในหัวข้อของการนิเทศ โดยการศึกษาข้อมูล สภาพปัจจุบันและ
ปญั หาทเ่ี กิดขน้ึ ในสถานศึกษา เพ่อื ให้ศกึ ษานเิ ทศกส์ ามารถชว่ ยแกไ้ ขปัญหาเหล่าน้ันท่ีเกิดขึ้นกับสถานศึกษาได้
3. เปดิ โอกาสใหส้ ถานศึกษาและคณะครเู สนอความต้องการไดร้ ับการนิเทศ และเลือกหัวข้อที่จะนิเทศ
เพ่ือให้กิจกรรมการนิเทศมีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน สอดคล้องกับสภาพปัญหา บริบท และความต้องการของ
ผู้รับการนิเทศอย่างแท้จรงิ
20
บรรณานกุ รม
กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรุงเทพมหานคร.
กระบวนการนิเทศแบบกลั ยาณมติ ร...การนิเทศแบบไมน่ เิ ทศ. [ออนไลน์]. ไดจ้ าก “http://www.sahavicha.
com/?name=blog&file=readblog&id=5173” สืบคน้ เมื่อวนั ที่ 29 มกราคม 2563.
กลัญญู เพชราภรณ.์ (2560). เอกสารประกอบการสอน วิชาจติ วทิ ยาครสู าหรบั การจดั การเรยี นรกู้ ลุ่มสาระ
การเรยี นรูภ้ าษาต่างประเทศ (ENN3202). [ออนไลน์]. ได้จาก “http://www.eledu.ssru.ac.
th/kalanyoo_pe/fle.php/0/_6_paf” สืบค้นเม่ือวนั ท่ี 30 มกราคม 2563.
กติ ยิ วดี บญุ ซื่อและวภิ า ตณั ฑุลพงษ์. (2544). รายงานการวจิ ยั โรงเรยี นปฏริ ปู การเรยี นรู้ เพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพ
ผู้เรยี น. กรงุ เทพฯ : สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาติ
ทิศนา แขมมณี และคณะ. (2522). คู่มือการจัดกจิ กรรมกลมุ่ สัมพนั ธ์ เลม่ 1. กรุงเทพฯ : สานกั พมิ พ์
จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นางจักขุมา ปลอดอนิ ทร์. (2563, 28 มกราคม). ครโู รงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 4. สัมภาษณ์.
พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยตุ ตโต). (2541). พุทธวิธใี นการสอน. กรงุ เทพฯ : สหธรรมิก.
วัชรา เลา่ เรียนด.ี (2552). การนิเทศการสอน. ภาควชิ าหลกั สตู รและวิธีสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ศิลปากร.
วิไลพร ชิมชาต.ิ (2560). แนวทางการนเิ ทศการสอนครูผสู้ อนภาษาองั กฤษโรงเรยี นประถมศกึ ษา
สานักการศึกษา กรุงเทพมหานคร. [ออนไลน์]. ไดจ้ าก“https://cuir.car.chula.ac.th/handle/ุ
123456789/ 60731". สืบค้นเมอ่ื วนั ท่ี 29 มกราคม 2563.
สาหร่าย จันทรอ์ ่อน. (2551). กลวิธีสอนภาษาอังกฤษให้สนุก. [ออนไลน]์ . ได้จาก “http://www.km.skn.
go.th/?name=research&fle=readresearch&id=56” สืบคน้ เมอ่ื วนั ท่ี 29 มกราคม 2563.
สมุ น อมรวิวัฒน.์ (2547 : 7 – 10) กระบวนการกัลยาณมิตรนิเทศสาหรบั ผ้บู ริหาร. [ออนไลน์]. ไดจ้ าก
“http://110.78.35.107/km/data/research/25590728_133020_0091.pdf” สืบค้นเม่ือวนั ท่ี 30
มกราคม 2563.
สมจติ จนั ทร์ฉาย. (2557). การออกแบบและพัฒนาการเรยี นการสอน. คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎ
นครปฐม: บรษิ ทั เพชรเกษมพร้นิ ติง้ กร๊ปุ
21
สมยศ นาวกี าร. (2523). การบริหารตามสถานการณ.์ กรงุ เทพฯ : จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
โสภณ ปาพจน์. (2521). การพัฒนาองค์กร. กรุงเทพฯ : โรงพิมพม์ ิตรสยาม.
สานักวชิ าการและมาตรฐานการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
(2559). เทคนคิ วธิ กี ารจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ เพ่ือขับเคลอ่ื นจุดเนน้ การพฒั นาคุณภาพผ้เู รียนดา้ น
การใชภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ). กรุงเทพฯ.
สานักสง่ เสรมิ วิชาการและงานทะเบียน มหาวทิ ยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณใ์ นพระบรมราชูปถัมภ์. (2553). ค่มู ือ
การจดั ระบบการเรียนการสอนทย่ี ดึ ผู้เรียนเป็นศนู ยก์ ลางการเรยี นรู้ ปทมุ ธานี: โรงพมิ พเ์ ทยี นวฒั นา
พร้นิ ทต์ ิง้ .
อาภรณ์ ใจเทยี่ ง. (2553). หลักการสอน (ฉบับปรุงปรุง). พิมพค์ รง้ั ที่ 5 กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตว์.
อารมณ ฉนวนจิตร. (2551). การนิเทศการสอน:ภาควิชาหลกั สตู รและการสอน. คณะศกึ ษาศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง: มติ รภาพการพิมพ์และสตดู โิ อ
ภาคผนวก
แผนการนิเท
โรงเรียน ราชประชานเุ คร
วนั /เดือน/ปี โครงการ วตั ถุประสงค์ วิธีดาเนนิ งาน/รปู แบบก
/กจิ กรรม การ การนเิ ทศ
28 ม.ค.
2563 นเิ ทศ 1. เพื่อนิเทศติดตาม นเิ ทศติดตามแบบกลั ยาณมติ รโดย
นเิ ทศตดิ ตาม การจัดการเรียนการ ใชก้ ระบวนการ 3 ขัน้ ตอน ดงั น้ี
สอนวชิ าภาษา ขน้ั ตอนท่ี 1 การเตรยี มการกอ่ นก
การจดั การเรยี น องั กฤษ ช้ันประถม 1. ศึกษาหาความร้เู ร่อื งที่ตอ้ งการน
ศกึ ษาปีที่ 6 2. ศึกษาสภาพปจั จุบนั ของโรงเรยี น
การสอนวชิ า 3. สร้างสัมพนั ธภาพทดี่ โี ดยการสร้า
2. เพ่ือสร้าง ระหว่างผนู้ เิ ทศกับครู เกี่ยวกับประ
ภาษาองั กฤษช้ัน สัมพนั ธภาพทีด่ ีกบั นิเทศร่วมกัน เนน้ การเชื่อมโยงควา
ครูผสู้ อนภาษา
ประถมศึกษา อังกฤษชั้นประถม ข้ันตอนท่ี 2 การดาเนินการนเิ ทศ
ศกึ ษาปีท่ี 6 โดยใช้ 1. การศกึ ษาต้นทุนเดิมของครูโดยพูด
ปที ี่ 6 เทคนคิ การนิเทศ กลั ยาณมติ ร ใหค้ รูบอกเล่า อธิบายว
แบบกลั ยาณมิตร ผลทเี่ กดิ ขึ้นในการจดั การเรยี นการส
ภาษาองั กฤษ โดยการสัมภาษณ์ คอื
- ครมู รี ูปแบบการจัดกิจกรรมการเ
ภาษาองั กฤษอยา่ งไร
- ครูคดิ วา่ นกั เรยี นมผี ลสะท้อนอยา่
กจิ กรรมการเรยี นการสอนวิชาภาษ
ทศการศึกษา
ราะห์ 4 สพป. นศ. เขต 1
การนเิ ทศ ส่ือ/เครื่องมือ แนวทาง ผู้รับ ผู้นิเทศ
การนเิ ทศ การตดิ ตาม/ การนเิ ทศ
ประเมินผล
ยใหใ้ จและร่วมใจ
การนิเทศ - รายงานผล - วเิ คราะห์ ครผู สู้ อนวชิ า นางสาวธฤตา
นเิ ทศ SAR โรงเรยี น ขอ้ มลู ภาษาอังกฤษ ชนะสทิ ธิ์
น
างข้อตกลง - เวบ็ ไซต์
ะเด็นท่ตี ้องการ โรงเรียน
ามร้สู กู่ ารปฏบิ ัตจิ ริง
ดคุยกันแบบ - แบบ - วเิ คราะห์ ครูผู้สอนวชิ า นางสาวธฤตา
วิธกี ารทางานและ สมั ภาษณ์ ขอ้ มลู จากแบบ ภาษาอังกฤษ ชนะสทิ ธิ์
สอนวิชา - แบบบันทกึ สมั ภาษณ์
อ การนเิ ทศ
เรียนการสอนวชิ า และแบบบันทึก
การนิเทศ
างไรกบั การจัด
ษาอังกฤษ
โครงการ วตั ถปุ ระสงค์ วิธดี าเนินงาน/รปู แบบก
วนั /เดอื น/ปี /กิจกรรม การ การนิเทศ
- ปัญหาหรืออปุ สรรคที่พบในการจ
นเิ ทศ วิชาภาษาองั กฤษมปี ัญหาอะไรบ้าง
- ครูมีแนวทางในการแก้ปญั หาเหล
2. ผนู้ เิ ทศและครูรว่ มคดิ แลกเปลย่ี น
สะทอ้ นผลการทางานของตนเอง ร
พฒั นา
ขน้ั ตอนท่ี 3 การสรปุ ผลการให้คา
1. ผู้นิเทศกับครูร่วมกันทา AAR โด
สรุปผล ช้ีแนะ เพ่ือให้ได้หลักการ
การปฏบิ ัตงิ าน
2. ผู้นเิ ทศคอยให้ขวัญและกาลังใจใ
กิจกรรมการเรยี นการสอนแบบกลั ย
ลงชอ่ื ผฝู้ กึ
การนิเทศ สื่อ/เครอ่ื งมือ แนวทาง ผู้รบั ผนู้ เิ ทศ
การนิเทศ การติดตาม/ การนิเทศ
ประเมนิ ผล
จัดการเรยี นการสอน
ง
ลา่ น้ันอยา่ งไร
นเรยี นรู้ โดยให้ครู
รวมทงั้ ในสว่ นท่ีต้อง
าชแ้ี นะ - วเิ คราะห์ผล ครูผสู้ อนวชิ า นางสาวธฤตา
จากการทบทวน ภาษาอังกฤษ ชนะสิทธ์ิ
ดยเปิดโอกาสให้ครู - แบบบันทึก หลังการปฏิบตั ิ
งาน (AAR)
รสาคัญไปปรับปรุง การทบทวน
ใหก้ บั ครูในการจัด หลงั การ
ยาณมติ ร ปฏิบัติงาน
(AAR)
กประสบการณ์ ........................................................
(นางสาวธฤตา ชนะสทิ ธิ์)
28 มกราคม 2563
25
แบบสมั ภาษณ์การนิเทศแบบกัลยาณมิตร
ช่ือ-สกลุ ..........................................................................................โรงเรียน..................................................
ทอี่ ย.ู่ .....................................................................................................................โทรศพั ท์...........................
วตั ถุประสงค์
1. ศึกษาสภาพปัจจุบัน การดาเนินการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนวชิ าภาษาอังกฤษในระดบั ช้ัน
ประถมศึกษาปีท่ี 6 ของสถานศึกษาในสังกัดสานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษาประถมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 1
2. สรา้ งสมั พันธภาพทีด่ กี ับครูผู้สอนภาษาองั กฤษชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรยี น สงั กดั สานกั งาน
เขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราชเขต 1
ประเด็นสมั ภาษณ์
ประเด็นสมั ภาษณ์ รายละเอยี ดเนื้อหา
1. ครูมีรปู แบบการจัด .................................................................................................................................
กจิ กรรมการเรียนการสอน .................................................................................................................................
วชิ าภาษาอังกฤษอย่างไร
2. ครูคิดวา่ นักเรยี นมีผล ......................................................................................................................... ........
สะทอ้ นอย่างไรกบั การจดั .................................................................................................................................
กจิ กรรมการเรียนการสอน
วชิ าภาษาอังกฤษ
3. ปญั หาหรืออุปสรรค .................................................................................................................................
ที่พบในการจดั การเรียนการ .................................................................................................. ...............................
สอนวิชาภาษาองั กฤษ มี
ปญั หาอะไรบา้ ง
4. ครมู แี นวทางในการ .................................................................................................................................
แก้ปญั หาเหล่านั้นอย่างไร .................................................................................................................................
ผลการสมั ภาษณ์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………..………………………………………………………………………
ขอ้ เสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………………………….………………………
……………………………………………………………………………………………………………..………………………………………………
……………………………………………………………………………………..……………………………………………………………………
ลงชือ่ ......................................................ผู้สมั ภาษณ์
(นางสาวธฤตา ชนะสทิ ธิ์)
26
แบบบันทึกการนิเทศ
ชื่อ-สกุล ผทู้ รี่ ับการนเิ ทศ.............................................................................ตาแหน่ง.........................................
การนเิ ทศครัง้ ที่.......... สถานท.่ี ....................................................วันที่..........เดือน.........................พ.ศ...............
ลงชอ่ื .................................................
(นางสาวธฤตา ชนะสทิ ธ์)ิ
ผู้ฝึกประสบการณน์ ิเทศการศกึ ษา
27
แบบบันทึกการทบทวนหลงั การปฏิบัติงาน (After Action Review : AAR)
หน่วยงาน สานกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 1
เรียน AAR
ครงั้ ท่ี
ชื่องาน
วนั /เวลาทส่ี ้ินสุดการปฏบิ ตั งิ าน
วัน/เวลาทีเ่ ริ่มปฏิบตั ิงาน เวลาเริ่ม-ส้ินสุด
วันที่ทา AAR
ผรู้ ่วม AAR
เป้าหมายของงาน
ผลการปฏิบัติ/ผลลพั ธ์ทเ่ี กดิ ขึ้นจรงิ (โดยสรปุ )
งาน/ขั้นตอนทที่ าได้ดี
งาน/ข้นั ตอนทท่ี าได้ไมด่ ี
อุปสรรค/ข้อจากดั /ข้อขดั ข้อง ทพี่ บในระหว่างการปฏิบตั ิงาน
ประเดน็ ที่ได้เรียนรู้
ขอ้ ปฏบิ ัตใิ นการทางานครั้งต่อไป
28
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4
สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 1
29
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4
สานกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 1