The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by paretom21, 2021-04-04 12:04:21

demo

พระราชบัญญัต ิ

ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๔๔





ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๔

เป็นปีที่ ๕๖ ในรัชกาลปัจจุบัน



พระบาทสมเดจพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกลาฯ


ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์
พระราชบัญญัตนี้มีบทบัญญัตบางประการเกี่ยวกับการจากัดสทธิและเสรีภาพของบุคคล




ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระท าได้โดยอาศัยอ านาจ
ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย




จงทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ให้ตราพระราชบัญญัตขึ้นไว้โดยคาแนะน าและยินยอมของรัฐสภา
ดังต่อไปนี้


มาตรา ๑ พระราชบัญญัตนี้เรียกว่า “พระราชบัญญัตว่าดวยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส



พ.ศ. ๒๕๔๔”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตนี้ให้ใชบังคบเมื่อพ้นก าหนดหนึ่งร้อยยี่สบวันนับแตวันประกาศใน




ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป




ี่
มาตรา ๓ พระราชบัญญัตนี้ให้ใชบังคบแก่ธุรกรรมในทางแพ่งและพาณชย์ทดาเนินการโดยใช ้


ข้อมูลอิเลกทรอนิกส เว้นแตธุรกรรมทมีพระราชกฤษฎีกาก าหนดมิให้น าพระราชบัญญัตนี้ทงหมดหรือแตบางส่วน
ี่

ั้



มาใช้บังคับ
ความในวรรคหนึ่งไม่มีผลกระทบกระเทือนถึงกฎหมายหรือกฎใดที่ก าหนดขึ้นเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค

พระราชบัญญัตินี้ให้ใชบังคับแก่ธุรกรรมในการด าเนินงานของรัฐตามที่ก าหนดในหมวด ๔
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
“ธุรกรรม” หมายความว่า การกระท าใด ๆ ที่เกี่ยวกับกิจกรรมในทางแพ่งและพาณิชย์ หรือในการ
ด าเนินงานของรัฐตามที่ก าหนดในหมวด ๔
“อิเลกทรอนิกส” หมายความว่า การประยุกตใชวิธีการทางอิเลกตรอน ไฟฟ้าคลนแม่เหล็กไฟฟ้า


ื่







หรือวิธีอื่นใดในลกษณะคลายกัน และให้หมายความรวมถึงการประยุกตใช วิธีการทางแสง วิธีการทางแม่เหลก

หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้วิธีต่าง ๆ เช่นว่านั้น
“ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส” หมายความว่า ธุรกรรมที่กระท าขึ้นโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส ์

ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน


“ข้อความ” หมายความว่า เรื่องราว หรือข้อเทจจริง ไม่ว่าจะปรากฏในรูปแบบของตวอักษร
ตัวเลข เสียง ภาพ หรือรูปแบบอื่นใดที่สื่อความหมายได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใด ๆ




“ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส” หมายความว่า ข้อความที่ไดสร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือประมวลผลดวย



วิธีการทางอิเลกทรอนิกส เชน วิธีการแลกเปลยนข้อมูลทางอิเลกทรอนิกส จดหมายอิเลกทรอนิกส โทรเลข โทร


ี่


พิมพ์ หรือโทรสาร


ื่

“ลายมือชออิเลกทรอนิกส” หมายความว่า อักษร อักขระ ตวเลข เสยงหรือสญลกษณอื่นใดท ี่










สร้างขึ้นให้อยู่ในรูปแบบอิเลกทรอนิกส์ซึ่งน ามาใชประกอบกับขอมูลอิเลกทรอนิกสเพื่อแสดงความสมพันธ์ระหว่าง


ู้

บุคคลกับข้อมูลอิเลกทรอนิกส โดยมีวัตถุประสงคเพื่อระบุตวบุคคลผเป็นเจาของลายมือชออิเลกทรอนิกสท ี่



ื่

เกี่ยวข้องกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น และเพื่อแสดงว่าบุคคลดังกล่าวยอมรับข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น

“ระบบข้อมูล” หมายความว่า กระบวนการประมวลผลดวยเครื่องมืออิเลกทรอนิกสสาหรับสร้าง



ส่ง รับ เก็บรักษา หรือประมวลผลข้อมูลอิเล็กทรอนิกส ์



“การพิสจน์และยืนยันตวตน” หมายความว่า กระบวนการพิสจน์และยืนยันความถูกต้องของตัว
บุคคล





“ระบบการพิสจน์และยืนยันตวตนทางดจทล” หมายความว่า เครือข่ายทางอิเลกทรอนิกสท ี่




ื่

เชอมโยงข้อมูลระหว่างบุคคลใด ๆ หรือหน่วยงานของรัฐเพื่อประโยชน์ในการพิสจน์และยืนยันตวตน และการทา
ธุรกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการพิสูจน์และยืนยันตัวตน


“ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเลกทรอนิกส์อัตโนมัต” หมายความว่า โปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือ



ี่

ี่


วิธีการทางอิเลกทรอนิกสหรือวิธีการอัตโนมัตอื่น ทใชเพื่อทจะทาให้เกิดการกระทาหรือการตอบสนองตอข้อมูล


อิเลกทรอนิกสหรือการปฏิบตการใด ๆ ตอระบบข้อมูล ไม่ว่าทงหมดหรือแตบางสวน โดยปราศจากการตรวจสอบ

ั้








ี่

หรือการแทรกแซงโดยบุคคลธรรมดาในแตละครั้งทมี การดาเนินการหรือแตละครั้งทระบบไดสร้างการ
ี่
ตอบสนอง
“การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส” หมายความว่า การส่งหรือรับข้อความด้วยวิธีการทาง


อิเลกทรอนิกส์ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์โดยใช้มาตรฐานที่ก าหนดไว้ล่วงหน้า

ู้
ู้


“ผสงข้อมูล” หมายความว่า บุคคลซึ่งเป็นผสงหรือสร้างข้อมูลอิเลกทรอนิกสก่อนจะมีการเก็บ





ี่
ู้
รักษาข้อมูลเพื่อสงไปตามวิธีการทผนั้นก าหนด โดยบุคคลนั้นอาจจะสงหรือสร้างข้อมูลอิเลกทรอนิกสดวยตนเอง

ี่
ื่

ั้

หรือมีการสงหรือสร้างข้อมูลอิเลกทรอนิกสในนามหรือแทนบุคคลนั้นก็ได ทงนี้ ไม่รวมถึงบุคคลทเป็นสอกลาง


ส าหรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น



“ผู้รับข้อมูล” หมายความว่า บุคคลซึ่งผู้ส่งข้อมูลประสงคจะส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกสให้ และไดรับ
ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น ทั้งนี้ ไม่รวมถึงบุคคลที่เป็นสื่อกลางส าหรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น

ื่
“บุคคลทเป็นสอกลาง” หมายความว่า บุคคลซึ่งกระทาการในนามผอื่นในการสง รับ หรือเก็บ

ู้
ี่
ี่
รักษาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์อันใดอันหนึ่งโดยเฉพาะ รวมถึงให้บริการอื่นทเกี่ยวกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น


ื่

“ใบรับรอง” หมายความว่า ข้อมูลอิเลกทรอนิกสหรือการบันทกอื่นใด ซึ่งยืนยันความเชอมโยง
ระหว่างเจ้าของลายมือชื่อกับข้อมูลส าหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส ์

ู้

ื่


ื่

“เจาของลายมือชอ” หมายความว่า ผซึ่งถือข้อมูลสาหรับใชสร้างลายมือชออิเลกทรอนิกสและ
สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นในนามตนเองหรือแทนบุคคลอื่น
ู่
ี่


“คกรณทเกี่ยวข้อง” หมายความว่า ผซึ่งอาจกระทาการใด ๆ โดยขึ้นอยู่กับใบรับรองหรือลายมือ
ู้
ชื่ออิเล็กทรอนิกส ์

“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า
ื่
ี่
(๑) กระทรวง ทบวง กรม สวนราชการทเรียกชออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ราชการสวน


ภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น
(๒) รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา
(๓) องค์การมหาชนที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา

(๔) หน่วยงานของรัฐสภา
(๕) หน่วยงานของศาล ในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาอรรถคด ี
(๖) องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาท

(๗) องค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย

ี่
(๘) นิติบุคคล คณะบุคคล หรือบุคคลซึ่งมีหน้าทและอ านาจในการดาเนินงานของรัฐไม่ว่าในการใด ๆ
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์
“ผู้อ านวยการ” หมายความว่า ผู้อ านวยการส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์





“สานักงาน” หมายความว่า สานักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสตามกฎหมายว่าดวย
ส านักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๕ บทบัญญัติมาตรา ๑๓ ถึงมาตรา ๒๔ และบทบัญญัติมาตรา ๒๖ ถึงมาตรา ๓๑ จะตก
ลงกันเป็นอย่างอื่นก็ได ้


มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมวด ๑
ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์





มาตรา ๗ ห้ามมิให้ปฏิเสธความมีผลผกพันและการบังคบใชทางกฎหมายของข้อความใดเพียง
เพราะเหตุที่ข้อความนั้นอยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส ์

มาตรา ๘ ภายใตบังคบบทบัญญัตแห่งมาตรา ๙ ในกรณทกฎหมายก าหนดให้การใดตองทาเป็น





ี่




หนังสอ มีหลกฐานเป็นหนังสอหรือมีเอกสารมาแสดง หรือก าหนดผลทางกฎหมายกรณไม่ทาเป็นหนังสอ ไม่มี


หลกฐานเป็นหนังสอหรือไม่มีเอกสารมาแสดง ถ้าไดมีการจดทาข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเลกทรอนิกสทสามารถ






ี่

ี่




เข้าถึงและน ากลบมาใชไดโดยความหมายไม่เปลยนแปลง ให้ถือว่าข้อความนั้นไดทาเป็นหนังสอ มีหลกฐานเป็น



หนังสือหรือมีเอกสารมาแสดงตามที่กฎหมายก าหนด
ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้ต้องมีการปิดอากรแสตมป์ หากได้มีการช าระเงินแทนหรือด าเนินการ

ี่
อื่นใดด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกสตามหลักเกณฑ์และวิธีการทหน่วยงานของรัฐซึ่งเกี่ยวข้องประกาศก าหนด ให้ถอ


ว่าหนังสอ หลกฐานเป็นหนังสอ หรือเอกสาร ซึ่งมีลกษณะเป็นตราสารนั้นไดมีการปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าตาม








กฎหมายนั้นแลว ในการนี้ในการก าหนดหลกเกณฑ์และวิธีการของหน่วยงานของรัฐดงกลาว คณะกรรมการจะ
ก าหนดกรอบและแนวทางเพื่อเป็นมาตรฐานทั่วไปไว้ด้วยก็ได้
มาตรา ๙ ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้มีการลงลายมือชื่อ หรือก าหนดผลทางกฎหมายกรณทไม่

ี่
มีการลงลายมือชื่อไว้ ให้ถือว่าได้มีการลงลายมือชื่อแล้ว ถ้า
(๑) ใช้วิธีการทสามารถระบุตัวเจ้าของลายมือชอ และสามารถแสดงเจตนาของเจาของลายมือชอ
ื่
ื่

ี่

เกี่ยวกับข้อความในข้อมูลอิเลกทรอนิกส์ และ
(๒) ใช้วิธีการในลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
ื่
ี่


(ก) วิธีการทเชอถือไดโดยเหมาะสมกับวัตถุประสงคของการสร้างหรือสงข้อมูล

อิเล็กทรอนิกส์ โดยค านึงถึงพฤติการณ์แวดล้อมทั้งปวง รวมถึงข้อตกลงใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือ

ื่
(ข) วิธีการอื่นใดทสามารถยืนยันตวเจาของลายมือชอและสามารถแสดงเจตนาของ
ี่

เจ้าของลายมือชื่อตาม (๑) ได้ด้วยวิธีการนั้นเองหรือประกอบกับพยานหลักฐานอื่น
วิธีการที่เชื่อถือได้ตามวรรคหนึ่ง (๒) (ก) ให้ค านึงถึง

(๑) ความมั่นคงและรัดกุมของการใชวิธีการหรืออุปกรณในการระบุตวบุคคล สภาพพร้อมใชงาน



ของทางเลอกในการระบุตวบุคคล กฎเกณฑ์เกี่ยวกับลายมือชอทก าหนดไว้ในกฎหมาย ระดบความมั่นคงปลอดภัย



ื่
ี่
ื่
ื่
ของการใชลายมือชออิเลกทรอนิกส การปฏิบัตตามกระบวนการในการระบุตวบุคคลผเป็นสอกลาง ระดบของการ



ู้



ยอมรับหรือไม่ยอมรับ วิธีการที่ใช้ในการระบุตัวบุคคลในการท าธุรกรรม วิธีการระบุตัวบุคคล ณ ช่วงเวลาที่มีการทา

ธุรกรรมและติดต่อสื่อสาร


ี่

(๒) ลกษณะ ประเภท หรือขนาดของธุรกรรมททา จานวนครั้งหรือความสม่ าเสมอในการทา

ธุรกรรม ประเพณีทางการค้าหรือทางปฏิบัติ ความส าคัญ มูลค่าของธุรกรรมที่ท า หรือ

(๓) ความรัดกุมของระบบการติดต่อสื่อสาร


ให้น าความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับการประทบตราของนิตบุคคลด้วยวิธีการทางอิเลกทรอนิกส ์

ด้วยโดยอนุโลม


ี่
ี่
มาตรา ๑๐ ในกรณทกฎหมายก าหนดให้น าเสนอหรือเก็บรักษาข้อความใดในสภาพทเป็นมาแต ่
เดิมอย่างเอกสารต้นฉบับ ถ้าได้น าเสนอหรือเก็บรักษาในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกสตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ ให้ถือว่า

ได้มีการน าเสนอหรือเก็บรักษาเป็นเอกสารต้นฉบับตามกฎหมายแล้ว


(๑) ข้อมูลอิเลกทรอนิกสไดใชวิธีการทเชอถือไดในการรักษาความถูกต้องของข้อความตงแตการ


ั้


ี่
ื่

สร้างข้อความเสร็จสมบูรณ และ
(๒) สามารถแสดงข้อความนั้นในภายหลังได ้
ความถูกตองของข้อความตาม (๑) ให้พิจารณาถึงความครบถ้วนและไม่มีการเปลยนแปลงใดของ

ี่
ข้อความ เว้นแตการรับรองหรือบันทกเพิ่มเตม หรือการเปลยนแปลงใด ๆ ทอาจจะเกิดขึ้นไดตามปกตในการ
ี่
ี่





ติดต่อสื่อสาร การเก็บรักษา หรือการแสดงข้อความซึ่งไม่มีผลต่อความถูกต้องของข้อความนั้น
ื่
ในการวินิจฉัยความน่าเชอถือของวิธีการรักษาความถูกต้องของข้อความตาม (๑) ให้พิเคราะห์ถึง
พฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องทั้งปวง รวมทั้งวัตถุประสงค์ของการสร้างข้อความนั้น
ิ่



ี่
ในกรณทมีการทาสงพิมพ์ออกของข้อมูลอิเลกทรอนิกสตามวรรคหนึ่งสาหรับใชอ้างอิงข้อความ



ิ่



ของข้อมูลอิเลกทรอนิกส หากสงพิมพ์ออกนั้นมีข้อความถูกตองครบถ้วนตรงกับข้อมูลอิเลกทรอนิกส และมีการ


ี่
รับรองสิ่งพิมพ์ออกโดยหน่วยงานที่มีอ านาจตามทคณะกรรมการประกาศก าหนดแล้ว ให้ถือว่าสิ่งพิมพ์ออกดังกลาว

ใช้แทนต้นฉบับได ้
มาตรา ๑๑ ห้ามมิให้ปฏิเสธการรับฟังข้อมูลอิเลกทรอนิกสเป็นพยานหลกฐานในกระบวนการ



พิจารณาตามกฎหมายทั้งในคดีแพ่ง คดีอาญา หรือคดีอื่นใด เพียงเพราะเหตุว่าเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส ์
ในการชั่งน้ าหนักพยานหลักฐานว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะเชื่อถือได้หรือไม่เพียงใดนั้นให้พิเคราะห์
ี่

ถึงความน่าเชื่อถือของลกษณะหรือวิธีการทใช้สร้าง เก็บรักษา หรือสื่อสารข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลักษณะหรือวิธีการ
เก็บรักษา ความครบถ้วน และไม่มีการเปลยนแปลงของข้อความลักษณะ หรือวิธีการที่ใช้ในการระบุหรือแสดงตวผ ู้
ี่

ส่งข้อมูล รวมทั้งพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องทั้งปวง
ให้น าความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับสิ่งพิมพ์ออกของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วย



มาตรา ๑๒ ภายใตบังคบบทบัญญัตมาตรา ๑๐ ในกรณทกฎหมายก าหนดให้เก็บรักษาเอกสาร

ี่







หรือข้อความใด ถ้าไดเก็บรักษาในรูปข้อมูลอิเลกทรอนิกสตามหลกเกณฑ์ดงตอไปนี้ ให้ถือว่าไดมีการเก็บรักษา
เอกสารหรือข้อความตามที่กฎหมายต้องการแล้ว
(๑) ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นสามารถเข้าถึงและน ากลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง


ี่




(๒) ไดเก็บรักษาข้อมูลอิเลกทรอนิกสนั้นให้อยู่ในรูปแบบทเป็นอยู่ในขณะทสร้างสง หรือไดรับ
ี่

ี่


ี่

ข้อมูลอิเลกทรอนิกสนั้น หรืออยู่ในรูปแบบทสามารถแสดงข้อความทสร้าง สง หรือไดรับให้ปรากฏอย่างถูกต้องได ้
และ
ี่




(๓) ไดเก็บรักษาข้อความสวนทระบุถึงแหลงก าเนิด ตนทาง และปลายทางของข้อมูล
อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนวันและเวลาที่ส่งหรือได้รับข้อความดังกล่าว ถ้ามี

ความในวรรคหนึ่ง มิให้ใชบังคบกับข้อความทใชเพียงเพื่อวัตถุประสงคในการสงหรือรับข้อมูล


ี่


อิเล็กทรอนิกส ์
ี่


หน่วยงานของรัฐทรับผดชอบในการเก็บรักษาเอกสารหรือข้อความใด อาจก าหนดหลกเกณฑ์
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเก็บรักษาเอกสารหรือข้อความนั้นได้ เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติในมาตรานี้

มาตรา ๑๒/๑ ให้น าบทบัญญัติในมาตรา ๑๐ มาตรา ๑๑ และมาตรา ๑๒ มาใช้บังคับกับเอกสาร



ี่


หรือข้อความทไดมีการจดทาหรือแปลงให้อยู่ในรูปของข้อมูลอิเลกทรอนิกสในภายหลงดวยวิธีการทาง


อิเล็กทรอนิกส์ และการเก็บรักษาเอกสารและข้อความดังกล่าวด้วยโดยอนุโลม
การจดทาหรือแปลงเอกสารและข้อความให้อยู่ในรูปของข้อมูลอิเลกทรอนิกสตามวรรคหนึ่งให้




เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการก าหนด
มาตรา ๑๓ ค าเสนอหรือค าสนองในการท าสัญญาอาจท าเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ และห้ามมิ


ี่



ให้ปฏิเสธการมีผลทางกฎหมายของสญญาเพียงเพราะเหตทสญญานั้นไดทาคาเสนอหรือคาสนองเป็นข้อมูล


อิเล็กทรอนิกส ์
มาตรา ๑๓/๑ การเสนอเพื่อท าสัญญาผ่านการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ครั้งเดียวหรือหลาย
ครั้ง ซึ่งไม่ได้ส่งถึงบุคคลใดโดยเฉพาะเจาะจง แต่บุคคลทั่วไปที่ใช้ระบบข้อมูลนั้นสามารถเข้าถึงได้ รวมถึงการเสนอ





ั่




โดยให้ระบบข้อมูลสามารถโตตอบไดโดยอัตโนมัต ในการทาคาสงผานระบบข้อมูลให้ถือเป็นคาเชญชวนเพื่อทาค า
เสนอ เว้นแต่การเสนอเพื่อท าสัญญาระบุได้โดยแจ้งชัดถึงเจตนาของบุคคลที่ท าการเสนอที่จะผูกพันหากมีการสนองรับ

ี่




มาตรา ๑๓/๒ ห้ามมิให้ปฏิเสธความสมบูรณหรือการบังคบใชของสญญาททาโดยการโตตอบ

ระหว่างระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเลกทรอนิกส์อัตโนมัตกับบุคคลธรรมดา หรือระหว่างระบบแลกเปลยนข้อมูล


ี่

ี่




ทางอิเลกทรอนิกสอัตโนมัตดวยกัน เพียงเพราะเหตทไม่มีบุคคลธรรมดาเข้าไปเกี่ยวข้องในการดาเนินการในแต่ละ

ครั้งที่กระท าโดยระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์อัตโนมัติหรือในผลแห่งสัญญา

มาตรา ๑๔ ในระหว่างผสงข้อมูลและผรับข้อมูล การแสดงเจตนาหรือคาบอกกลาวอาจทาเป็น
ู้

ู้


ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ได ้
มาตรา ๑๕ บุคคลใดเป็นผู้ส่งข้อมูลไม่ว่าจะเป็นการส่งโดยวิธีใด ให้ถือว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกสเป็น

ของผู้นั้น

ู้




ู้
ในระหว่างผสงข้อมูลและผรับข้อมูล ให้ถือว่าเป็นข้อมูลอิเลกทรอนิกสของผสงข้อมูล หากข้อมูล
ู้
อิเล็กทรอนิกส์นั้นได้ส่งโดย
(๑) บุคคลผู้มีอ านาจกระท าการแทนผู้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น หรือ


ู้


ี่
(๒) ระบบข้อมูลทผสงข้อมูลหรือบุคคลผมีอ านาจกระทาการแทนผสงข้อมูลไดก าหนดไว้ลวงหน้า
ู้
ู้

ให้สามารถท างานได้โดยอัตโนมัติ
ู้
ี่

ู้
มาตรา ๑๖ ผรับข้อมูลชอบทจะถือว่าข้อมูลอิเลกทรอนิกสเป็นของผสงข้อมูลและชอบทจะ
ี่


ด าเนินการไปตามข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้ ถ้า
(๑) ผรับข้อมูลไดตรวจสอบโดยสมควรตามวิธีการทผสงข้อมูลไดตกลงหรือผกพันตนไว้ว่าเป็น
ู้
ี่




ู้
ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ส่งข้อมูล หรือ



ี่

ู้
(๒) ข้อมูลอิเลกทรอนิกสทผรับข้อมูลไดรับนั้นเกิดจากการกระทาของบุคคลซึ่งใชวิธีการทผสง

ี่
ู้


ข้อมูลใชในการแสดงว่าข้อมูลอิเลกทรอนิกสนั้นเป็นของผสงข้อมูล ซึ่งบุคคลนั้นไดลวงรู้โดยอาศยความสมพันธ์



ู้




ระหว่างบุคคลนั้นกับผู้ส่งข้อมูลหรือผู้มีอ านาจกระท าการแทนผู้ส่งข้อมูล

ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับ ถ้า
ู้
ี่
(๑) ในขณะนั้นผู้รับข้อมูลได้รับแจ้งจากผู้ส่งข้อมูลว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ทผรับข้อมูลได้รับนั้นมิใช ่
ของผู้ส่งข้อมูล และในขณะเดียวกันผู้รับข้อมูลมีเวลาพอสมควรที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ได้รับแจ้งนั้น หรือ
(๒) กรณีตามวรรคหนึ่ง (๒) เมื่อผู้รับข้อมูลได้รู้หรือควรจะได้รู้ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นไม่ใชของ

ผู้ส่งข้อมูล หากผู้รับข้อมูลได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร หรือด าเนินการตามวิธีการที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนแล้ว

มาตรา ๑๗ ในกรณตามมาตรา ๑๕ หรือมาตรา ๑๖ วรรคหนึ่ง ในระหว่างผสงข้อมูลและผรับ

ู้
ู้


ี่


ู้


ู้
ข้อมูล ผรับข้อมูลมีสทธิถือว่าข้อมูลอิเลกทรอนิกสทไดรับนั้นถูกตองตามเจตนาของผสงข้อมูลและสามารถ



ด าเนินการไปตามข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้ เว้นแต่ผู้รับข้อมูลได้รู้หรือควรจะได้รู้ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกสที่ไดรับนั้น

ี่


มีข้อผิดพลาดอันเกิดจากการส่ง หากผู้รับข้อมูลไดใชความระมัดระวังตามสมควรหรือด าเนินการตามวิธีการทไดตก
ลงกันไว้ก่อนแล้ว

ี่



ี่
มาตรา ๑๗/๑ ในกรณทมีการลงข้อมูลผดพลาดโดยบุคคลธรรมดาและสงผานระบบแลกเปลยน
ข้อมูลทางอิเลกทรอนิกส์อัตโนมัตของผู้อื่น และระบบแลกเปลยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์อัตโนมัตินั้นไม่มีช่องทาง

ี่


ี่
ี่

ู้
ให้บุคคลดังกลาวแก้ไขขอผดพลาดทเกิดขึ้น บุคคลดังกลาวหรือผแทนมีสทธิที่จะถอนการแสดงเจตนาในส่วนทเกิด



จากการลงข้อมูลผิดพลาดได้ หาก

ี่

(๑) บุคคลดังกล่าวหรือผู้แทนไดแจ้งให้อีกฝายหนึ่งทราบถึงข้อผิดพลาดโดยพลันหลังจากทตนไดรู้



ถึงข้อผิดพลาดนั้น และแสดงให้เห็นว่าไดส่งข้อมูลผิดพลาดผ่านระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกสอัตโนมัต ิ
และ



(๒) บุคคลดงกลาวหรือผแทนไม่ไดใชหรือไดรับประโยชน์ใด ๆ จากสนคา บริการ หรือสงอื่นใด
ู้


ิ่


อย่างมีนัยส าคัญจากอีกฝ่ายหนึ่ง


ี่

มาตรา ๑๘ ผรับข้อมูลชอบทจะถือว่าข้อมูลอิเลกทรอนิกสทไดรับแตละชดเป็นข้อมูลทแยกจาก
ี่

ู้
ี่






กัน และสามารถดาเนินการไปตามข้อมูลอิเลกทรอนิกสแต่ละชดนั้นได เว้นแตข้อมูลอิเลกทรอนิกสชดนั้นจะซ้ ากับ






ู้

ข้อมูลอิเลกทรอนิกสอีกชดหนึ่ง และผรับข้อมูลไดรู้หรือควรจะไดรู้ว่าข้อมูลอิเลกทรอนิกสนั้นเป็นข้อมูล





อิเล็กทรอนิกส์ซ้ า หากผู้รับข้อมูลได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรหรือด าเนินการตามวิธีการที่ได้ตกลงกันไว้ก่อนแล้ว
มาตรา ๑๙ ในกรณทตองมีการตอบแจงการรับข้อมูลอิเลกทรอนิกส ไม่ว่า ผสงข้อมูลไดร้องขอ



ี่



ู้


ี่
หรือตกลงกับผู้รับขอมูลไว้ก่อนหรือขณะทส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือปรากฏในข้อมูลอิเล็กทรอนิกสให้เป็นไปตาม

หลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
(๑) ในกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลมิไดตกลงให้ตอบแจ้งการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกสในรูปแบบหรือวิธีการใด




ี่




ื่
ู้

โดยเฉพาะ การตอบแจงการรับอาจทาไดดวยการตดตอสอสารจากผรับข้อมูล ไม่ว่าโดยระบบข้อมูลททางานโดย

ู้
ู้


ู้
อัตโนมัตหรือโดยวิธีอื่นใด หรือดวยการกระทาใด ๆ ของผรับข้อมูลซึ่งเพียงพอจะแสดงตอผสงข้อมูลว่าผรับข้อมูล


ได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นแล้ว


ู้

ี่



(๒) ในกรณทผสงข้อมูลก าหนดเงื่อนไขว่าจะถือว่ามีการสงข้อมูลอิเลกทรอนิกสตอเมื่อไดรับการ

ู้




ตอบแจงการรับจากผรับข้อมูล ให้ถือว่ายังไม่มีการสงข้อมูลอิเลกทรอนิกสจนกว่าผสงข้อมูลจะไดรับการตอบแจ้ง

ู้

การรับแล้ว
ู้



(๓) ในกรณทผสงข้อมูลมิไดก าหนดเงื่อนไขตามความใน (๒) และผสงข้อมูลมิไดรับการตอบแจง


ู้

ี่
ี่
การรับนั้นภายในเวลาที่ก าหนดหรือตกลงกัน หรือภายในระยะเวลาอันสมควรในกรณีทมิได้ก าหนดหรือตกลงเวลา
ไว้




(ก) ผสงข้อมูลอาจสงคาบอกกลาวไปยังผรับข้อมูลว่าตนยังมิไดรับการตอบแจงการรับ
ู้



ู้
และก าหนดระยะเวลาอันสมควรให้ผู้รับข้อมูลตอบแจ้งการรับ และ
ู้

(ข) หากผสงข้อมูลมิไดรับการตอบแจงการรับภายในระยะเวลาตาม (ก) เมื่อผสงข้อมูล


ู้

บอกกล่าวแก่ผู้รับข้อมูลแล้ว ผู้ส่งข้อมูลชอบที่จะถือว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นมิได้มีการส่งเลยหรือผู้ส่งข้อมูลอาจใช ้
สิทธิอื่นใดที่ผู้ส่งข้อมูลมีอยู่ได ้


ู้
ี่

ู้
มาตรา ๒๐ ในกรณทผสงข้อมูลไดรับการตอบแจงการรับจากผรับข้อมูลให้สนนิษฐานว่าผรับ
ู้



ู้



ข้อมูลไดรับข้อมูลอิเลกทรอนิกสทเกี่ยวข้องแลว แตข้อสนนิษฐานดงกลาวมิให้ถือว่าข้อมูลอิเลกทรอนิกสทผรับ


ี่



ี่

ข้อมูลได้รับนั้นถูกต้องตรงกันกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ส่งข้อมูลได้ส่งมา



มาตรา ๒๑ ในกรณทปรากฏในการตอบแจงการรับข้อมูลอิเลกทรอนิกสนั้นเองว่าข้อมูล
ี่


ี่


ี่
อิเล็กทรอนิกสทผู้รับขอมูลได้รับเป็นไปตามข้อก าหนดทางเทคนิคทผู้ส่งข้อมูลและผู้รับข้อมูลไดตกลงหรือระบุไว้ใน

ั้
มาตรฐานซึ่งใชบังคบอยู่ ให้สนนิษฐานว่าข้อมูลอิเลกทรอนิกสทสงไปนั้นไดเป็นไปตามข้อก าหนดทางเทคนิคทง

ี่





หมดแล้ว





มาตรา ๒๒ การสงข้อมูลอิเลกทรอนิกสให้ถือว่าไดมีการสงเมื่อข้อมูลอิเลกทรอนิกสนั้นไดเข้าส ู่



ระบบข้อมูลที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้ส่งข้อมูล


มาตรา ๒๓ การรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้ถือว่ามีผลนับแต่เวลาที่ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นไดเข้าส ู่
ระบบข้อมูลของผู้รับข้อมูล


หากผรับข้อมูลไดก าหนดระบบข้อมูลทประสงคจะใชในการรับข้อมูลอิเลกทรอนิกสไว้โดยเฉพาะ


ี่
ู้

ี่


ู่
ให้ถือว่าการรับข้อมูลอิเลกทรอนิกสมีผลนับแตเวลาทข้อมูลอิเลกทรอนิกสนั้นไดเข้าสระบบข้อมูลทผรับข้อมูลได ้



ี่

ู้

ู้

ี่

ก าหนดไว้นั้น แต่ถ้าข้อมูลอิเลกทรอนิกสดังกลาวไดส่งไปยังระบบข้อมูลอื่นของผู้รับข้อมูลซึ่งมิใช่ระบบข้อมูลทผรับ

ข้อมูลก าหนดไว้ ให้ถือว่าการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มีผลนับแตเวลาที่ไดเรียกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จากระบบข้อมูล


นั้น
ความในมาตรานี้ให้ใชบังคบแม้ระบบข้อมูลของผรับข้อมูลตงอยู่ในสถานทอีกแห่งหนึ่งตางหาก

ู้


ี่
ั้
จากสถานที่ที่ถือว่าผู้รับข้อมูลได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรา ๒๔
มาตรา ๒๔ การส่งหรือการรับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าได้ส่ง ณ ที่ท าการงานของผส่งข้อมูล
ู้
หรือได้รับ ณ ที่ท าการงานของผู้รับข้อมูล แล้วแต่กรณ ี
ี่
ในกรณีที่ผู้ส่งข้อมูลหรือผู้รับข้อมูลมีททาการงานหลายแห่ง ให้ถือเอาที่ท าการงานทเกี่ยวข้องมาก

ี่
ที่สุดกับธุรกรรมนั้นเป็นที่ท าการงานเพื่อประโยชน์ตามวรรคหนึ่ง แต่ถ้าไม่สามารถก าหนดได้ว่าธุรกรรมนั้นเกี่ยวข้อง
ี่
กับทท าการงานแห่งใดมากที่สุด ให้ถือเอาส านักงานใหญ่เป็นสถานที่ที่ได้รับหรือส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น
ี่
ในกรณีที่ไม่ปรากฏที่ท าการงานของผู้ส่งข้อมูลหรือผู้รับข้อมูล ให้ถือเอาถิ่นที่อยู่ปกติเป็นสถานทท ี่
ส่งหรือได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส ์

ความในมาตรานี้มิให้ใชบังคบกับการสงและการรับข้อมูลอิเลกทรอนิกสโดยวิธีการทางโทรเลข




และโทรพิมพ์ หรือวิธีการสื่อสารอื่นตามที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา
ี่

มาตรา ๒๕ ธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสใดทไดกระทาตามวิธีการแบบปลอดภัยทก าหนดในพระ



ี่
ราชกฤษฎีกา ให้สันนิษฐานว่าเป็นวิธีการที่เชื่อถือได ้

หมวด ๒

ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส ์



ี่
มาตรา ๒๖ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกสทมีลกษณะดังต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส ์


ที่เชื่อถือได ้


ื่


(๑) ข้อมูลสาหรับใชสร้างลายมือชออิเลกทรอนิกสนั้นไดเชอมโยงไปยังเจาของลายมือชอโดยไม่
ื่
ื่


เชื่อมโยงไปยังบุคคลอื่นภายใต้สภาพที่น ามาใช ้

ื่

(๒) ในขณะสร้างลายมือชออิเลกทรอนิกสนั้น ข้อมูลสาหรับใชสร้างลายมือชออิเลกทรอนิกสอยู่


ื่


ภายใต้การควบคุมของเจ้าของลายมือชื่อโดยไม่มีการควบคุมของบุคคลอื่น

ี่
(๓) การเปลยนแปลงใด ๆ ทเกิดแก่ลายมือชออิเลกทรอนิกส นับแตเวลาทไดสร้างขึ้นสามารถจะ

ี่
ี่


ื่
ตรวจพบได้ และ

ื่
ี่
(๔) ในกรณทกฎหมายก าหนดให้การลงลายมือชอเป็นไปเพื่อรับรองความครบถ้วนและไม่มีการ

ื่
ี่
เปลยนแปลงของข้อความ การเปลยนแปลงใดแก่ข้อความนั้นสามารถตรวจพบไดนับแตเวลาทลงลายมือชอ
ี่

ี่

อิเล็กทรอนิกส ์

บทบัญญัตในวรรคหนึ่ง ไม่เป็นการจากัดว่าไม่มีวิธีการอื่นใดทแสดงไดว่าเป็นลายมือชอ

ื่

ี่
อิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ หรือการแสดงพยานหลักฐานใดเกี่ยวกับความไม่น่าเชื่อถือของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส ์


ื่


ื่
มาตรา ๒๗ ในกรณมีการใชข้อมูลสาหรับใชสร้างลายมือชออิเลกทรอนิกสเพื่อสร้างลายมือชอ



อิเลกทรอนิกส์ที่จะมีผลตามกฎหมาย เจ้าของลายมือชื่อต้องด าเนินการดังต่อไปนี้
(๑) ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเพื่อมิให้มีการใชข้อมูลส าหรับใชสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส ์


โดยไม่ได้รับอนุญาต


ื่


(๒) แจงให้บุคคลทคาดหมายไดโดยมีเหตอันควรเชอว่าจะกระทาการใดโดยขึ้นอยู่กับลายมือชอ
ี่
ื่
อิเล็กทรอนิกส์หรือให้บริการเกี่ยวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทราบโดยมิชักช้า เมื่อ
(ก) เจาของลายมือชอรู้หรือควรไดรู้ว่าข้อมูลสาหรับใชสร้างลายมือชออิเลกทรอนิกส์นั้น

ื่


ื่


สูญหาย ถูกท าลาย ถูกแก้ไข ถูกเปิดเผยโดยมิชอบ หรือถูกล่วงรู้โดยไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค ์
ื่

ี่
ี่
ี่


(ข) เจาของลายมือชอรู้จากสภาพการณทปรากฏว่ากรณมีความเสยงมากพอทข้อมูล



สาหรับใชสร้างลายมือชออิเลกทรอนิกส สญหาย ถูกทาลาย ถูกแก้ไข ถูกเปิดเผยโดยมิชอบ หรือถูกลวงรู้โดยไม่

ื่



สอดคล้องกับวัตถุประสงค ์




ื่
(๓) ในกรณมีการออกใบรับรองสนับสนุนการใชลายมือชออิเลกทรอนิกส จะตองใชความ



ระมัดระวังตามสมควรให้แน่ใจในความถูกต้องและสมบูรณของการแสดงสาระส าคัญทั้งหมด ซึ่งกระท าโดยเจาของ

ลายมือชื่อเกี่ยวกับใบรับรองนั้นตลอดอายุใบรับรอง หรือตามที่มีการก าหนดในใบรับรอง

ื่
มาตรา ๒๘ ในกรณมีการให้บริการออกใบรับรองเพื่อสนับสนุนลายมือชออิเลกทรอนิกสให้มีผล


ทางกฎหมายเสมือนหนึ่งลงลายมือชื่อ ผู้ให้บริการออกใบรับรองต้องด าเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑) ปฏิบัติตามแนวนโยบายและแนวปฏิบัติที่ตนได้แสดงไว้



(๒) ใชความระมัดระวังตามสมควรให้แน่ใจในความถูกตองและความสมบูรณของการแสดง
สาระส าคัญทั้งหมดที่ตนได้กระท าเกี่ยวกับใบรับรองนั้นตลอดอายุใบรับรอง หรือตามที่มีการก าหนดในใบรับรอง



ี่

(๓) จดให้มีวิธีการในการเข้าถึงโดยสมควร ให้คกรณทเกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบข้อเทจจริงใน
ู่
การแสดงสาระส าคัญทั้งหมดจากใบรับรองได้ ในเรื่องดังต่อไปนี้
(ก) การระบุผู้ให้บริการออกใบรับรอง




(ข) เจาของลายมือชอซึ่งระบุในใบรับรองไดควบคมข้อมูลสาหรับใชสร้างลายมือชอ

ื่
ื่
อิเล็กทรอนิกส์ในขณะมีการออกใบรับรอง
(ค) ข้อมูลส าหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์มีผลใช้ได้ในขณะหรือก่อนที่มีการออก
ใบรับรอง




ู่
ี่
(๔) จดให้มีวิธีการเข้าถึงโดยสมควร ให้คกรณทเกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบกรณดงตอไปนี้จาก

ใบรับรองหรือจากวิธีอื่น
(ก) วิธีการที่ใช้ในการระบุตัวเจ้าของลายมือชื่อ

ื่

(ข) ข้อจากัดเกี่ยวกับวัตถุประสงคและคณคาทมีการน าข้อมูลสาหรับใชสร้างลายมือชอ




ี่
อิเล็กทรอนิกส์หรือใบรับรอง





ื่

(ค) ข้อมูลสาหรับใชสร้างลายมือชออิเลกทรอนิกสมีผลสมบูรณใชไดและไม่สญหาย



ถูกท าลาย ถูกแก้ไข ถูกเปิดเผยโดยมิชอบ หรือถูกล่วงรู้โดยไม่สอดคลองกับวัตถุประสงค ์
(ง) ข้อจ ากัดเกี่ยวกับขอบเขตความรับผิดที่ผู้ให้บริการออกใบรับรองได้ระบุไว้
(จ) การมีวิธีการให้เจ้าของลายมือชื่อส่งค าบอกกล่าวเมื่อมีเหตุตามมาตรา ๒๗ (๒)
(ฉ) การมีบริการเกี่ยวกับการเพิกถอนใบรับรองที่ทันการ

ื่
ี่


ี่
(๕) ในกรณทมีบริการตาม (๔) (จ) บริการนั้นตองมีวิธีการทให้เจาของลายมือชอสามารถแจงได ้



ี่

ี่
ตามหลกเกณฑ์ทก าหนดตามมาตรา ๒๗ (๒) และในกรณทมีบริการตาม (๔) (ฉ) บริการนั้นตองสามารถเพิกถอน
ใบรับรองได้ทันการ
(๖) ใช้ระบบ วิธีการ และบุคลากรที่เชื่อถือได้ในการให้บริการ
มาตรา ๒๙ ในการพิจารณาความเชอถือไดของระบบ วิธีการ และบุคลากรตามมาตรา ๒๘ (๖)

ื่
ให้ค านึงถึงกรณีดังต่อไปนี้
(๑) สถานภาพทางการเงิน บุคลากร และสินทรัพย์ที่มีอยู่
(๒) คุณภาพของระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
(๓) วิธีการออกใบรับรอง การขอใบรับรอง และการเก็บรักษาข้อมูลการให้บริการนั้น
(๔) การจัดให้มีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเจ้าของลายมือชื่อ ที่ระบุในใบรับรองและผที่อาจคาดหมาย
ู้
ได้ว่าจะเป็นคู่กรณีที่เกี่ยวข้อง
(๕) ความสม่ าเสมอและขอบเขตในการตรวจสอบโดยผู้ตรวจสอบอิสระ

ี่

(๖) องคกรทให้การรับรองหรือให้บริการออกใบรับรองเกี่ยวกับการปฏิบัตหรือการมีอยู่ของสิ่งท ี่
กล่าวมาใน (๑) ถึง (๕)
(๗) กรณีใด ๆ ที่คณะกรรมการประกาศก าหนด

มาตรา ๓๐ คู่กรณีที่เกี่ยวข้องต้องด าเนินการ ดังต่อไปนี้

(๑) ด าเนินการตามสมควรในการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส ์
(๒) ในกรณีลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์มีใบรับรอง ต้องมีการด าเนินการตามสมควร ดังนี้
(ก) ตรวจสอบความสมบูรณ์ของใบรับรอง การพักใช้ หรือการเพิกถอนใบรับรอง และ
(ข) ปฏิบัติตามข้อจ ากัดใด ๆ ที่เกี่ยวกับใบรับรอง

มาตรา ๓๑ ใบรับรองหรือลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้ถือว่ามีผลทางกฎหมายโดยไม่ต้องค านึงถึง

(๑) สถานที่ออกใบรับรองหรือสถานที่สร้างหรือใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ
(๒) สถานที่ท าการงานของผู้ออกใบรับรองหรือเจ้าของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส ์

ี่
ใบรับรองทออกในตางประเทศให้มีผลตามกฎหมายในประเทศเชนเดยวกับใบรับรองทออกใน


ี่
ประเทศ หากการออกใบรับรองดังกล่าวได้ใช้ระบบที่เชื่อถือได้ไม่น้อยกว่าระบบที่เชื่อถือได้ตามพระราชบัญญัตินี้


ลายมือชออิเลกทรอนิกสทสร้างหรือใชในตางประเทศให้ถือว่ามีผลตามกฎหมายในประเทศ
ื่
ี่


ื่
ี่





ื่


เชนเดยวกับลายมือชออิเลกทรอนิกสทสร้างหรือใชในประเทศ หากการสร้างหรือใชลายมือชออิเลกทรอนิกส ์
ดังกล่าวได้ใช้ระบบที่เชื่อถือได้ไม่น้อยกว่าระบบที่เชื่อถือได้ตามพระราชบัญญัตินี้
ื่

ื่


ในการพิจารณาว่าใบรับรองหรือลายมือชออิเลกทรอนิกสใดมีความเชอถือไดตามวรรคสองหรือ
วรรคสาม ให้ค านึงถึงมาตรฐานระหว่างประเทศและปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย
หมวด ๓
ธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์


มาตรา ๓๒ บุคคลย่อมมีสิทธิประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส์ แต่ในกรณ ี
จาเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงทางการเงินและการพาณชย์ หรือเพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างความน่าเชอถือและ
ื่




ยอมรับในระบบข้อมูลอิเลกทรอนิกส หรือเพื่อป้องกันความเสยหายตอสาธารณชน ให้มีการตราพระราชกฤษฎีกา


ก าหนดให้การประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสใดเป็นกิจการทตองแจงให้ทราบ ตองขึ้น


ี่



ทะเบียน หรือต้องได้รับใบอนุญาตก่อน แล้วแต่กรณ ี
ในการก าหนดให้กรณีใดต้องแจ้งให้ทราบ ต้องขึ้นทะเบียน หรือต้องได้รับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง
ให้ก าหนดโดยพิจารณาจากผลกระทบทอาจเกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจนั้นประกอบกับความเหมาะสมในการ
ี่

ควบคุมดูแลและการป้องกันความเสยหายตามระดบความรุนแรงของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการประกอบธุรกิจ

ดังกล่าว
ในการนี้ จะก าหนดให้หน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่งแห่งใดเป็นผู้รับผิดชอบในการควบคมดแลในพระ



ราชกฤษฎีกาทออกตามวรรคหนึ่งก็ได หากไม่มีการก าหนดให้หน่วยงานของรัฐแห่งใดเป็นผรับผดชอบในการ
ี่

ู้



ควบคมดแล ให้สานักงานเป็นผรับผดชอบในการควบคมดแลการประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทาง


ู้



อิเลกทรอนิกสตามพระราชกฤษฎีกาดงกลาว ทงนี้ ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผรับผดชอบในการควบคมดแลตาม

ั้



ู้


ี่
พระราชกฤษฎีกาหรือสานักงาน แลวแตกรณ แตงตงพนักงานเจาหน้าทเพื่อปฏิบัตการให้เป็นไปตามพระราช

ั้





กฤษฎีกาด้วย


ก่อนเสนอให้ตราพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่ง ตองจดให้มีการรับฟังความคดเห็นของ

ประชาชนตามความเหมาะสม และน าข้อมูลที่ได้รับมาประกอบการพิจารณา


มาตรา ๓๓ ในกรณทพระราชกฤษฎีกาก าหนดให้การประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทาง
ี่

ี่
อิเล็กทรอนิกส์ใดเป็นกิจการทต้องแจ้งให้ทราบ ผู้ที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจดังกล่าวต้องแจ้งต่อพนักงานเจาหน้าท ี่
ก่อนเริ่มประกอบธุรกิจนั้น ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้ง ให้ออกใบรับแจ้งเพื่อเป็นหลักฐานการแจ้งในวันที่รับแจ้งนั้นและ
ี่

ให้ผู้แจ้งประกอบธุรกิจนั้นได้ตั้งแต่วันที่ได้รับใบรับแจ้งดังกลาว แต่ถ้าพนักงานเจ้าหน้าทตรวจพบในภายหลังว่าการ

ู้


แจงไม่ถูกตองหรือไม่ครบถ้วน ให้มีอ านาจสงผแจงแก้ไขให้ถูกตองหรือครบถ้วนและน าผลการแก้ไขมาแสดงตอ

ั่

พนักงานเจ้าหน้าที่ภายในระยะเวลาที่ก าหนด
ี่


ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจไม่แก้ไขหรือไม่ปฏบัตตามค าสั่งของพนักงานเจาหน้าทภายในระยะเวลา


ู้
ี่
ี่

ทก าหนด ให้พนักงานเจาหน้าทสงให้ผนั้นหยุดการให้บริการในสวนทเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสในการ

ี่

ั่

ี่
ประกอบธุรกิจนั้นนับแตวันทครบก าหนดระยะเวลาตามวรรคสองจนกว่าจะแก้ไขให้ถูกต้องและครบถวนตามคาสง


ั่
ของพนักงานเจ้าหน้าท ี่
ู้



ในการประกอบธุรกิจ ผแจงตองปฏิบัตตามหลกเกณฑ์ทก าหนดในพระราชกฤษฎีกาและตาม

ี่
ประกาศทคณะกรรมการก าหนด หลกเกณฑ์ตามพระราชกฤษฎีกาดงกลาวให้ก าหนดเรื่องการชดใชหรือเยียวยาผ ู้
ี่




ได้รับความเสียหายจากการประกอบธุรกิจไว้ด้วย
ถ้าผู้แจ้งไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจตามวรรคสี่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีค าสั่งห้ามมิ
ให้ผู้นั้นให้บริการในส่วนที่เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส์ในการประกอบธุรกิจนั้นจนกว่าจะไดปฏบัตให้ถกตอง






ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่ก าหนดดังกล่าว
ในกรณีที่ผู้แจ้งไม่แก้ไขตามวรรคสามหรือไม่ปฏบัติตามวรรคห้าภายในระยะเวลาเก้าสบวันนับแต ่


ี่

วันทหยุดหรือถูกห้ามการให้บริการ ให้พนักงานเจาหน้าทถอนการรับแจงของผนั้นออกจากสารบบการรับแจงและ
ู้

ี่

แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้นั้นทราบโดยเร็ว
ี่

มาตรา ๓๓/๑ ในกรณทพระราชกฤษฎีกาก าหนดให้การประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรม
ี่

ี่

ู้





ทางอิเลกทรอนิกสใดเป็นกิจการทตองขึ้นทะเบียน ผทประสงคจะประกอบธุรกิจดงกลาวตองขอขึ้นทะเบียนตอ

พนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนเริ่มประกอบธุรกิจนั้น ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา



เมื่อพนักงานเจาหน้าทไดรับคาขอขึ้นทะเบียนแลว ให้ออกใบรับการขอขึ้นทะเบียนเพื่อเป็น
ี่



ี่
หลักฐานการขอขึ้นทะเบยนในวันที่ยื่นคาขอนั้น และหากพนักงานเจ้าหน้าทตรวจสอบเอกสารและหลักฐานการขึ้น
ทะเบียนแล้วเห็นว่าครบถ้วนและถูกต้องตามที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา ให้รับขึ้นทะเบียนและแจ้งเป็นหนังสอให้


ี่



ู้

ู้

ผขอขึ้นทะเบียนทราบภายในสามสบวันนับแตวันทไดรับคาขอขึ้นทะเบียนดงกลาว และให้ผขึ้นทะเบียนประกอบ
ธุรกิจนั้นได้ตั้งแต่วันที่ได้รับขึ้นทะเบียน

หากพนักงานเจาหน้าทไม่สามารถตรวจสอบให้แลวเสร็จไดภายในระยะเวลาตามวรรคสอง ให้ผ ู้



ี่
ขอขึ้นทะเบียนประกอบธุรกิจไปพลางก่อนได้ นับแต่วันถัดจากวันที่ครบก าหนดระยะเวลาดังกล่าว
ี่

ี่

ในกรณทพนักงานเจาหน้าทตรวจสอบก่อนการรับขึ้นทะเบียนตามวรรคสอง หรือตรวจพบ
ี่
ู้



หลงจากทผนั้นไดประกอบธุรกิจดงกลาวแลว ว่าเอกสารและหลกฐานการขึ้นทะเบียนของผขอขึ้นทะเบียนไม่


ู้


ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ให้แจงเป็นหนังสอแก่ผขอขึ้นทะเบียนหรือผขึ้นทะเบียน แลวแตกรณ เพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง
ู้
ู้





ู้
ี่
และครบถ้วนภายในระยะเวลาทก าหนด ในการนี้ ถ้าผขอขึ้นทะเบียนหรือผขึ้นทะเบียนไม่แก้ไขให้ถูกตองและ
ู้
ครบถ้วน หรือไม่ดาเนินการจนพ้นก าหนดระยะเวลาทพนักงานเจาหน้าทก าหนดโดยไม่มีเหตอันสมควร ให้สทธิใน

ี่
ี่





การประกอบธุรกิจของผู้ขอขึ้นทะเบียนตามวรรคสามเป็นอันระงับและให้ถือว่าคาขอขึ้นทะเบียนนั้นตกไป หรือใหมี
ค าสั่งเพิกถอนการขึ้นทะเบียนของผู้ประกอบธุรกิจนั้น แล้วแต่กรณ ี

ในการประกอบธุรกิจ ผขึ้นทะเบียนตองปฏิบัตตามหลกเกณฑ์ทก าหนดในพระราชกฤษฎีกาและ


ู้

ี่


ตามประกาศทคณะกรรมการก าหนด หลกเกณฑ์ตามพระราชกฤษฎีกาดงกลาวให้ก าหนดเรื่องการชดใชหรือ

ี่

เยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการประกอบธุรกิจไว้ด้วย
ู้
ถ้าผขึ้นทะเบียนฝาฝนหรือไม่ปฏิบัตตามหลกเกณฑ์การประกอบธุรกิจตามวรรคห้า ให้




ั่


ู้
ี่


คณะกรรมการพิจารณามีคาสงปรับผนั้นไม่เกินหนึ่งลานบาท โดยคานึงถึงความร้ายแรงแห่งพฤตกรรมทกระท าผิด


ี่
ี่
หลกเกณฑ์ในการพิจารณาก าหนดคาปรับให้เป็นไปตามทคณะกรรมการก าหนด และในกรณทเห็นสมควร

คณะกรรมการอาจมีค าสั่งให้ผู้นั้นด าเนินการใด ๆ เพื่อแก้ไขให้ถูกต้องหรือเหมาะสมได ้
ู้
ถ้าผถูกปรับตามวรรคหกไม่ชาระคาปรับ ให้คณะกรรมการมีอ านาจฟ้องคดตอศาลทมีเขตอ านาจ
ี่








ในการพิจารณาคดอาญาเพื่อบังคบชาระคาปรับ ในการนี้ ถ้าศาลพิพากษาให้ชาระคาปรับ หากผนั้นไม่ชาระ


ู้

คาปรับภายในสามสบวันนับแตวันทศาลมีคาพิพากษา ให้ยึดทรัพย์สนของผนั้นเพื่อชดใชแทนคาปรับ แตมิให้น า

ู้


ี่





มาตรการกักขังแทนค่าปรับมาใช้แก่ผู้นั้น


ี่
ู้





ในกรณทผกระทาผดตามวรรคหกไม่ดาเนินการแก้ไขตามคาสงของคณะกรรมการ หรือฝาฝน
ั่
ี่
หรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจตามวรรคห้าซ้ าอีกภายในระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันทคณะกรรมการ

มีค าสั่งปรับครั้งแรก คณะกรรมการอาจมีคาสั่งเพิกถอนการขึ้นทะเบยนของผขึ้นทะเบียนนั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าท ี่

ู้
แจ้งค าสั่งดังกล่าวให้ผู้นั้นทราบโดยเร็ว
ี่

มาตรา ๓๔ ในกรณทพระราชกฤษฎีกาก าหนดให้การประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทาง
อิเลกทรอนิกสใดเป็นกิจการที่ตองไดรับใบอนุญาต ให้ผทประสงคจะประกอบธุรกิจดงกลาวยื่นคาขอรับใบอนุญาต

ู้

ี่






ี่
ต่อพนักงานเจ้าหน้าทตามที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา

ู้

คณสมบัตของผขอรับใบอนุญาต หลกเกณฑ์และวิธีการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การตอ




ั่
อายุใบอนุญาต การคนใบอนุญาต และการสงพักใชหรือเพิกถอนใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลกเกณฑ์ วิธีการ และ

เงื่อนไขที่ก าหนดในพระราชกฤษฎีกา
ู้

ี่

ในการประกอบธุรกิจ ผไดรับใบอนุญาตตองปฏิบัตตามหลกเกณฑ์ทก าหนดในพระราชกฤษฎีกา


ประกาศทคณะกรรมการก าหนด หรือเงื่อนไขในใบอนุญาต หลกเกณฑ์ตามพระราชกฤษฎีกาดงกลาวให้ก าหนด



ี่
เรื่องการชดใช้หรือเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการประกอบธุรกิจไว้ด้วย
ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจตามวรรคสาม ให้
คณะกรรมการพิจารณามีคาสงปรับผนั้นไม่เกินสองลานบาท และให้น าความในมาตรา ๓๓/๑ วรรคหกและวรรค
ั่
ู้


เจ็ด มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ในกรณีที่ผู้กระท าผิดตามวรรคสี่ไม่ด าเนินการแก้ไขตามค าสั่งของคณะกรรมการ หรือฝ่าฝืนหรือไม่
ี่


ปฏิบัตตามหลกเกณฑ์การประกอบธุรกิจตามวรรคสามซ้ าอีกภายในระยะเวลาหนึ่งปีนับแตวันทคณะกรรมการมี


ั่

คาสงปรับครั้งแรก คณะกรรมการอาจมีคาสงเพิกถอนใบอนุญาตของผไดรับใบอนุญาตนั้น ให้พนักงานเจาหน้าท ี่

ั่

ู้
แจ้งค าสั่งดังกล่าวให้ผู้นั้นทราบโดยเร็ว


มาตรา ๓๔/๑ เพื่อประโยชน์ในการควบคมดแลการประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทาง
อิเล็กทรอนิกส์ตามหมวดนี้ ให้คณะกรรมการ ส านักงานหรือหน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการควบคมดแล


ตามมาตรา ๓๒ วรรคสาม ประกาศก าหนดรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องที่ก าหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา

๓๒ ได โดยไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว



มาตรา ๓๔/๒ เพื่อประโยชน์ในการควบคมดแลและก ากับการประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับ



ธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตนี้หรือตามพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๓๒ ให้พนักงาน
ี่
ี่



เจาหน้าทของหน่วยงานของรัฐหรือสานักงานทมีหน้าทควบคมดแลการประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทาง

ี่
อิเล็กทรอนิกส์นั้นมีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้
ี่
(๑) มีหนังสอแจงให้ผให้บริการหรือเจาหน้าทของผให้บริการ หรือบุคคลใดมาให้ข้อมูลหรือสง

ู้


ู้

เอกสารหรือหลักฐานใด ๆ เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจการให้บริการนั้น
(๒) ตรวจสอบและรวบรวมข้อเทจจริงเพื่อรายงานตอคณะกรรมการ ในกรณทผให้บริการได ้
ู้
ี่






กระทาความผดหรือทาให้เกิดความเสยหายเพราะเหตฝาฝนหรือไม่ปฏิบัตตามพระราชบัญญัตนี้หรือตามพระราช






กฤษฎีกา ประกาศของคณะกรรมการ หรือเงื่อนไขในใบอนุญาต

ี่

(๓) เข้าไปในสถานทของผให้บริการในระหว่างเวลาพระอาทตย์ขึ้นจนถึงพระอาทตย์ตก หรือใน
ู้
เวลาท าการของสถานที่นั้น เพื่อตรวจสอบและรวบรวมข้อเท็จจริง และยึดหรืออายัดเอกสารและหลักฐาน รวมถึงสิ่ง
อื่นใดที่เกี่ยวกับการให้บริการที่สงสัยว่ามีไว้เพื่อใช้หรือได้ใช้ในการกระท าความผิด
ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรานี้ ให้แสดงบัตรประจ าตัวพนักงานเจ้าหน้าท ี่
ที่หน่วยงานของรัฐหรือส านักงานที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลออกให้ และให้ผู้ที่เกี่ยวข้องอ านวยความสะดวกตามสมควร

หมวด ๓/๑
ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล






มาตรา ๓๔/๓ การพิสจน์และยืนยันตวตนของบุคคลอาจกระทาผานระบบการพิสจน์และยืนยัน
ตัวตนทางดิจิทัลได ้
ผใดประสงคจะอาศยการพิสจน์และยืนยันตวตนของบุคคลอื่นผานระบบการพิสจน์และยืนยัน




ู้



ี่
ื่
ตัวตนทางดิจิทัลอาจแจ้งเงื่อนไขเกี่ยวกับความน่าเชอถือของการพิสจน์และยืนยันตัวตนทางดิจทลทต้องใชให้บุคคล






อื่นนั้นทราบเป็นการลวงหน้า และเมื่อไดมีการพิสจน์และยืนยันตวตนทางดจทลตามเงื่อนไขดงกลาวแลว ให้







สันนิษฐานว่าบุคคลที่ได้รับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนเป็นบุคคลนั้นจริง





ื่
เงื่อนไขเกี่ยวกับความน่าเชอถือของการพิสจน์และยืนยันตวตนทางดจทลตามวรรคสองตองมี


มาตรฐานไม่ตากว่าทคณะกรรมการหรือคณะกรรมการตามมาตรา ๓๔/๔ วรรคสอง แล้วแต่กรณี ประกาศก าหนด
ี่
โดยมีหลักประกันการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ของประชาชนโดยสะดวกและไม่เลือกปฏิบัต ิ
มาตรา ๓๔/๔ ในกรณทจาเป็นเพื่อรักษาความมั่นคงทางการเงินและการพาณชย์ หรือเพื่อประ



ี่


ื่



โยชน์ในการเสริมสร้างความน่าเชอถือและยอมรับในระบบการพิสจน์และยืนยันตวตนทางดจทล หรือเพื่อป้องกัน
ความเสียหายตอสาธารณชน ให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาก าหนดให้การประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการ







พิสจน์และยืนยันตวตนทางดจทลใดเป็นการประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสทตองไดรับ



ี่





ใบอนุญาตก่อน และให้น าบทบัญญัตในหมวด ๓ ธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส มาใชบังคบโดย
อนุโลม

ั้

พระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งอาจก าหนดให้มีการจดตงคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่งเพื่อทา

หน้าทประกาศก าหนดหลกเกณฑ์ทผประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสจน์และยืนยันตวตนทางดจทล

ี่
ี่

ู้




ั่
ี่


ู้
จะตองปฏิบัต และให้มีอ านาจพิจารณามีคาสงและดาเนินการอื่นใดตามมาตรา ๓๔ ในกรณทผไดรับใบอนุญาตฝ่า



ฝืนหรือปฏิบัติไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจก็ได ้

หมวด ๔
ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ


มาตรา ๓๕ คาขอ การอนุญาต การจดทะเบียน คาสงทางปกครอง การชาระเงิน การประกาศ



ั่



หรือการดาเนินการใด ๆ ตามกฎหมายกับหน่วยงานของรัฐหรือโดยหน่วยงานของรัฐ ถ้าไดกระทาในรูปของข้อมูล


ี่
อิเล็กทรอนิกส์ตามหลกเกณฑ์และวิธีการทก าหนดโดยพระราชกฤษฎีกา ให้น าพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคบและให้
ถือว่ามีผลโดยชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกับการด าเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายในเรื่องนั้นก าหนด


ทั้งนี้ ในพระราชกฤษฎีกาอาจก าหนดให้บุคคลที่เกี่ยวข้องตองกระทาหรืองดเว้นกระท าการใด ๆ หรือให้หน่วยงาน
ของรัฐออกระเบียบเพื่อก าหนดรายละเอียดในบางกรณีด้วยก็ได ้


ในการออกพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่ง พระราชกฤษฎีกาดงกลาวอาจก าหนดให้ผประกอบ
ู้
ธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ต้องแจ้งให้ทราบ ต้องขึ้นทะเบียน หรือต้องได้รับใบอนุญาต แล้วแต ่
กรณี ก่อนประกอบกิจการก็ได้ ในกรณีนี้ ให้น าบทบัญญัติในหมวด ๓ และบทก าหนดโทษที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับโดย
อนุโลม

เมื่อไดมีการตราพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งแลว ศาลหรือองคกรตามรัฐธรรมนูญอาจ






พิจารณาน าหลกเกณฑ์ในเรื่องใดทก าหนดไว้ตามพระราชกฤษฎีกาดงกลาวมาใชบังคบแก่การดาเนินการในสวนท ี่
ี่



ี้



เกี่ยวกับกระบวนพิจารณาพิพากษาคดของศาลหรือในการวินิจฉัยชขาดข้อพิพาท แลวแตกรณ เพื่อให้เป็นไปตาม


ความเหมาะสมกับหน้าทและอ านาจของตนตามกฎหมายได รวมถึงการก าหนดหลกเกณฑ์เพิ่มเตมดวย ทงนี้ โดย

ี่

ั้

ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

หมวด ๕
คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์



มาตรา ๓๖ ให้มีคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสคณะหนึ่ง ประกอบดวยประธาน



กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแตงตงจากผทรงคณวุฒิ ปลดกระทรวงดจทลเพื่อเศรษฐกิจและสงคมเป็นรองประธาน





ู้

ั้

กรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอื่นซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจ านวนแปดคน
ให้ผอ านวยการเป็นกรรมการและเลขานุการ และแตงตงพนักงานของสานักงานเป็น
ู้
ั้


ผู้ช่วยเลขานุการได้ตามความจ าเป็นแต่ไม่เกินสองคน


ี่
ประธานกรรมการและกรรมการผทรงคณวุฒิตามวรรคหนึ่ง ตองเป็นบุคคลทมีความรู้ ความ
ู้



ี่
เชยวชาญ และความสามารถเป็นทประจกษ์ดานการเงิน ดานการพาณชย์อิเลกทรอนิกส ดานนิตศาสตร์ ดาน


ี่




วิทยาการคอมพิวเตอร์ ด้านวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมศาสตร์ ด้านสังคมศาสตร์ หรือด้านอื่นใดที่เป็นประโยชน์ตอ

ั้


การดาเนินงานของคณะกรรมการ ทงนี้ กรรมการผทรงคณวุฒิตองประกอบดวยบุคคลซึ่งมิใชข้าราชการหรือ



ู้



ู้

ผปฏิบัตงานในหน่วยงานของรัฐทมีตาแหน่งหรือเงินเดอนประจาร่วมเป็นกรรมการผทรงคณวุฒิดวยไม่น้อยกว่ากึ่ง
ี่


ู้
หนึ่งของจ านวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมด
หลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็นไปตามระเบียบ
ที่รัฐมนตรีก าหนด
มาตรา ๓๗ ให้คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มีหน้าที่และอ านาจ ดังต่อไปนี้
(๑) พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสทสานักงาน



ี่
เสนอตามมาตรา ๔๓ วรรคสอง


(๒) สงเสริมและสนับสนุนหน่วยงานของรัฐ เอกชน และประชาชนให้ดาเนินกิจกรรมตามแผน
ยุทธศาสตร์ตาม (๑)

ี่
(๓) ก าหนดมาตรฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในส่วนทเกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์

(๔) ก ากับและติดตามการดาเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ตาม (๑) เพื่อรวบรวมข้อมูลและปัญหา






ี่

เกี่ยวกับการทาธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสทสงผลกระทบตอการดาเนินการและพัฒนาทางเทคโนโลยีดจทลเพื่อ


เสนอต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาต ิ
(๕) เสนอแนะตอคณะกรรมการดจทลเพื่อเศรษฐกิจและสงคมแห่งชาตและคณะรัฐมนตรีในการ






จดให้มีหรือปรับปรุงกฎหมายทเกี่ยวข้องกับการพัฒนาธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส และการคมครองทรัพย์สนทาง

ุ้



ี่
ปัญญาเกี่ยวกับการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์

(๖) เสนอแนะหรือใหค าปรึกษาต่อรัฐมนตรีในการตราพระราชกฤษฎีกาตามพระราชบัญญัตินี้
(๗) ออกระเบียบหรือประกาศเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตนี้ หรือเพื่อประโยชน์ในการ

ส่งเสริมและสนับสนุนการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์

(๘) ก ากับดูแลการประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกสตามพระราชบัญญัตินี้
(๙) ปฏิบัติการอื่นใดเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎหมายอื่น

ี่

ในการปฏิบัตเพื่อให้เป็นไปตามหน้าทและอ านาจตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการมีหนังสอเรียก

ี้
หน่วยงานของรัฐหรือบุคคลใดมาชแจง ให้ข้อเทจจริง หรือมาให้ถ้อยคาหรือสงเอกสารหลกฐานทเกี่ยวข้องเพื่อ

ี่


ประกอบการด าเนินงานได ้


ในการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ให้คณะกรรมการเป็นเจาพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา ๓๘ ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการด ารงต าแหน่ง สี่ปี


เมื่อครบก าหนดวาระตามวรรคหนึ่ง หากยังมิไดมีการแตงตงประธานกรรมการและกรรมการ
ั้

ผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่ ให้ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากต าแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตาแหน่ง
เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่ แต่ต้อง
ไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันทประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากต าแหน่งตามวาระนั้น
ี่
มาตรา ๓๙ นอกจากการพ้นจากตาแหน่งตามวาระตามมาตรา ๓๘ ประธานกรรมการและ

กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากต าแหน่ง เมื่อ

(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) คณะรัฐมนตรีให้ออกเพราะมีความประพฤตเสอมเสย บกพร่องหรือไม่สจริตตอหน้าทหรือ
ื่



ี่

หย่อนความสามารถ
(๔) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ


ี่
(๕) ได้รับโทษโดยต้องค าพิพากษาถึงทสุดให้จ าคุก เว้นแต่เป็นโทษส าหรับความผิดที่ได้กระทาโดย
ประมาทหรือความผิดลหุโทษ
ี่

มาตรา ๔๐ ในกรณทประธานกรรมการหรือกรรมการผทรงคณวุฒิพ้นจากต าแหน่งก่อนวาระ ให้

ู้
ี่



ั้


คณะกรรมการประกอบดวยกรรมการเทาทเหลออยู่ และให้ดาเนินการแตงตงประธานกรรมการหรือกรรมการ


ผู้ทรงคุณวุฒิแทนต าแหน่งที่ว่างภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ตาแหน่งว่างลง เว้นแต่วาระของกรรมการเหลอไม่ถึงเก้า
สิบวัน และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ด ารงต าแหน่งแทนอยู่ในต าแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน


มาตรา ๔๑ การประชมคณะกรรมการตองมีกรรมการมาประชมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจานวน


กรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุม

ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏบัติหน้าที่ได้ ให้คณะกรรมการเลือกกรรมการคน
หนึ่งท าหน้าที่ประธานในที่ประชุม
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด



ี่
การประชมของคณะกรรมการอาจกระทาโดยวิธีการทางอิเลกทรอนิกสตามทคณะกรรมการ

ก าหนดก็ได ้

ั้
มาตรา ๔๒ คณะกรรมการมีอ านาจแตงตงคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัตการอย่าง

หนึ่งอย่างใดแทนคณะกรรมการก็ได ้
ให้น าความในมาตรา ๔๑ มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม
มาตรา ๔๒/๑ ให้คณะกรรมการไดรับเบี้ยประชมและประโยชน์ตอบแทนอื่นตามหลกเกณฑ์ท ี่



คณะรัฐมนตรีก าหนด
ี่

ั้

คณะอนุกรรมการทคณะกรรมการแตงตงตามมาตรา ๔๒ ให้ไดรับเบี้ยประชมและประโยชน์ตอบ

แทนอื่นตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการก าหนด

มาตรา ๔๓ ให้ส านักงานท าหน้าที่เป็นหน่วยงานธุรการของคณะกรรมการ
ให้ส านักงานจัดท าแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเสนอคณะกรรมการให้

ความเห็นชอบตามมาตรา ๓๗ (๑) และจัดส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อด าเนินการต่อไป


มาตรา ๔๓/๑ แผนยุทธศาสตร์ทสานักงานตองจดทาตามมาตรา ๔๓ วรรคสอง ตองสอดคลอง
ี่













กับนโยบายและแผนระดบชาตว่าดวยการพัฒนาดจทลเพื่อเศรษฐกิจและสงคมตามกฎหมายว่าดวยการพัฒนา
ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยอย่างน้อยต้องก าหนดเรื่องดังต่อไปนี้



(๑) กลไกและมาตรการดานการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีดจทล เพื่อรองรับการ



ทาธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส พาณชย์อิเลกทรอนิกส และธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสและ






ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ

(๒) มาตรการการสงเสริมและสนับสนุนการให้มีระบบการบริการในการทาธุรกรรมทาง












อิเลกทรอนิกส พาณชย์อิเลกทรอนิกส และการให้บริการธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส โดยใชเทคโนโลยีดจทล เพื่อ
สนับสนุนการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ



(๓) กระบวนการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนามาตรฐานและกฎเกณฑ์การใช้งานทางเทคโนโลยีดจทล
ื่
ื่


เพื่อให้การทางานของระบบมีการเชอมโยงกันอย่างมีความมั่นคงปลอดภัย พร้อมใชงาน และมีความน่าเชอถือใน
การให้บริการ
(๔) แนวทางและมาตรการเกี่ยวกับการสงเสริมการผลตและพัฒนาบุคลากรดานธุรกรรมทาง









อิเลกทรอนิกส พาณชย์อิเลกทรอนิกส และธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสและธุรกรรมทาง

อิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ รวมทั้งการประยุกต์การใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง

(๕) แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยเทคโนโลยีดจทล ด้านธุรกรรม



ั้

ทางอิเลกทรอนิกส พาณชย์อิเลกทรอนิกส และการให้บริการธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส รวมทงสงเสริมให้มีการ






เผยแพร่ความรู้ให้แก่ประชาชนเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าว

หมวด ๖
บทก าหนดโทษ





ู้
มาตรา ๔๔ ผใดประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสโดยไม่แจงตอพนักงาน



ี่
ั่

ี่


ี่
เจาหน้าทตามทก าหนดในพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๓๓ วรรคหนึ่ง โดยฝาฝนคาสงของพนักงานเจาหน้าทให้


ี่
หยุดการให้บริการหรือคาสงห้ามมิให้ให้บริการในสวนทเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสในการประกอบธุรกิจ

ั่

ตามมาตรา ๓๓ วรรคสาม หรือตามมาตรา ๓๓ วรรคห้า แลวแตกรณ หรือประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรม




ทางอิเล็กทรอนิกส์ภายหลังจากพนักงานเจาหน้าที่ถอนการรับแจ้งตามมาตรา ๓๓ วรรคหก ต้องระวางโทษจ าคุกไม่
เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ
มาตรา ๔๔/๑ ผู้ใดประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ขึ้นทะเบียนต่อ

ี่
ี่
พนักงานเจาหน้าทตามทก าหนดในพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๓๓/๑ วรรคหนึ่ง หรือประกอบธุรกิจบริการ


ี่


เกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสภายหลงจากมีคาสงเพิกถอนการขึ้นทะเบียนตามมาตรา ๓๓/๑ วรรคส หรือ
ั่
วรรคแปด แล้วแต่กรณี ต้องระวางโทษจ าคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ
มาตรา ๔๕ ผใดประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส โดยไม่ไดรับใบอนุญาต

ู้



ตามมาตรา ๓๔ หรือประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสในระหว่างทมีคาสงพักใชใบอนุญาต


ี่

ั่




หรือภายหลงจากมีคาสงเพิกถอนใบอนุญาตของคณะกรรมการ ตองระวางโทษจาคกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกิน
ั่

สามแสนบาท หรือทั้งจ าทั้งปรับ

มาตรา ๔๕/๑ ผใดประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสจน์และยืนยันตวตนทางดิจทลโดย


ู้

ไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๓๔/๔ หรือประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล


ในระหว่างทมีคาสงพักใชใบอนุญาตหรือภายหลงจากมีคาสงเพิกถอนใบอนุญาตของคณะกรรมการหรือ
ั่
ั่


ี่



คณะกรรมการตามมาตรา ๓๔/๔ วรรคสอง ตองระวางโทษจาคกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือ
ทั้งจ าทั้งปรับ
มาตรา ๔๖ ในกรณีที่ผู้กระท าความผดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระท าความผดของนิตบุคคลนั้นเกิด





จากการสงการหรือการกระทาของกรรมการ หรือผจดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผดชอบในการดาเนินงานของนิต ิ

ั่

ู้
บุคคลนั้น หรือในกรณีที่บุคคลดังกลาวมีหน้าที่ตองสั่งการหรือกระทาการและละเว้นไม่สั่งการหรือไม่กระทาการจน




เป็นเหตุให้นิติบุคคลนั้นกระท าความผิด ผู้นั้นต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้ส าหรับความผิดนั้น ๆ ด้วย

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พันต ารวจโท ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี





ี่
หมายเหต :- เหตผลในการประกาศใชพระราชบัญญัตฉบับนี้ คอ โดยทการทาธุรกรรมในปัจจบันมีแนวโน้มทจะ


ี่
ปรับเปลี่ยนวิธีการในการติดต่อสื่อสารที่อาศัยการพัฒนาการเทคโนโลยีทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีความสะดวก รวดเร็ว
และมีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวมีความแตกต่างจากวิธีการทาธุรกรรมซึ่ง

มีกฎหมายรองรับอยู่ในปัจจบันเป็นอย่างมาก อันสงผลให้ตองมีการรองรับสถานะทางกฎหมายของข้อมูลทาง







อิเลกทรอนิกสให้เสมอกับการทาเป็นหนังสอ หรือหลกฐานเป็นหนังสอ การรับรองวิธีการสงและรับข้อมูล






ื่


อิเลกทรอนิกส การใชลายมือชออิเลกทรอนิกส ตลอดจนการรับฟังพยานหลกฐานทเป็นข้อมูลอิเลกทรอนิกส เพื่อ



ี่



เป็นการส่งเสริมการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกสให้น่าเชื่อถือ และมีผลในทางกฎหมายเช่นเดยวกับการท าธุรกรรม
ี่

โดยวิธีการทั่วไปทเคยปฏบัติอยู่เดิมควรก าหนดให้มีคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกสทาหน้าที่วางนโยบาย









ก าหนดหลกเกณฑ์เพื่อสงเสริมการทาธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส ตดตามดแลการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับธุรกรรม


ทางอิเลกทรอนิกส รวมทงมีหน้าทในการสงเสริมการพัฒนาการทางเทคโนโลยีเพื่อตดตามความก้าวหน้าของ
ี่
ั้


ื่

ี่
เทคโนโลยี ซึ่งมีการเปลยนแปลงและพัฒนาศกยภาพตลอดเวลาให้มีมาตรฐานน่าเชอถือ ตลอดจนเสนอแนะแนว
ทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่เกี่ยวข้อง อันจะเป็นการส่งเสริมการใช้ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งภายในประเทศ
และระหว่างประเทศ ด้วยการมีกฎหมายรองรับในลักษณะที่เป็นเอกรูป และสอดคล้องกับมาตรฐานที่นานาประเทศ
ยอมรับ จึงจ าเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

*พระราชกฤษฎีกาแก้ไขบทบัญญัตให้สอดคลองกับการโอนอ านาจหน้าทของสวนราชการให้เป็นไปตาม


ี่
พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. ๒๕๔๕

มาตรา ๑๐๒ ในพระราชบัญญัตว่าดวยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส พ.ศ. ๒๕๔๔ ให้แก้ไขคาว่า




“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสงแวดลอม” เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยี

ิ่
สารสนเทศและการสื่อสาร”

หมายเหต :- เหตผลในการประกาศใชพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คอ โดยทพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง

ี่




ั้

กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ไดบัญญัตให้จดตงสวนราชการขึ้นใหม่โดยมีภารกิจใหม่ ซึ่งไดมีการตราพระราชกฤษฎีกาโอน




กิจการบริหารและอ านาจหน้าทของสวนราชการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม นั้น
ี่
แล้ว และเนื่องจากพระราชบัญญัติดังกลาวไดบัญญัตให้โอนอ านาจหน้าที่ของส่วนราชการ รัฐมนตรีผู้ด ารงต าแหน่ง








ู้
หรือผซึ่งปฏิบัตหน้าทในสวนราชการเดมมาเป็นของสวนราชการใหม่ โดยให้มีการแก้ไขบทบัญญัตตาง ๆ ให้
ี่


ี่
ี่


ี่
สอดคลองกับอ านาจหน้าททโอนไปดวย ฉะนั้น เพื่ออนุวัตให้เป็นไปตามหลกการทปรากฏในพระราชบัญญัตและ






พระราชกฤษฎีกาดงกลาว จงสมควรแก้ไขบทบัญญัตของกฎหมายให้สอดคลองกับการโอนสวนราชการ เพื่อให้



ผู้เกี่ยวข้องมีความชดเจนในการใชกฎหมายโดยไม่ตองไปค้นหาในกฎหมายโอนอ านาจหน้าที่ว่าตามกฎหมายใดไดมี



การโอนภารกิจของสวนราชการหรือผรับผดชอบตามกฎหมายนั้นไปเป็นของหน่วยงานใดหรือผใดแลว โดยแก้ไข


ู้

ู้
ู้

ี่


บทบัญญัตของกฎหมายให้มีการเปลยนชอสวนราชการ รัฐมนตรี ผดารงตาแหน่งหรือผซึ่งปฏิบัตหน้าทของสวน


ู้

ี่
ื่
ี่
ี่
ราชการให้ตรงกับการโอนอ านาจหน้าท และเพิ่มผแทนสวนราชการในคณะกรรมการให้ตรงตามภารกิจทมีการตัด

ู้
โอนจากส่วนราชการเดิมมาเป็นของส่วนราชการใหม่รวมทั้งตัดส่วนราชการเดิมที่มีการยุบเลิกแล้ว ซึ่งเป็นการแก้ไข
ให้ตรงตามพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จึงจ าเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๑๑ ในระหว่างที่จัดตั้งส านักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรา ๔๓

แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ยังไม่แลว



ี่

เสร็จ ให้สานักงานปลดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอสารรับผดชอบทาหน้าทหน่วยงานธุรการของ
ื่
คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ไปพลางก่อน


ให้ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแต่งตั้งข้าราชการซึ่งด ารงต าแหน่งไม่ตากว่า


ื่



ี่
ระดบแปดหรือเทยบเทาในสงกัดสานักงานปลดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอสาร ทาหน้าทเป็น



หัวหน้าสานักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสไปพลางก่อนจนกว่าการจดตงสานักงานคณะกรรมการ



ั้

ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์จะแล้วเสร็จ
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานตามวรรคหนึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ
ั่
ื่
การสอสารจะสงให้ข้าราชการในสงกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอสารมาปฏิบัตงานชวคราวใน
ื่
ั่


ส านักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารตามความจ าเป็นก็ได ้
ื่
มาตรา ๑๒ ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอสาร
รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

หมายเหต :- เหตผลในการประกาศใชพระราชบัญญัตฉบับนี้ คอ เนื่องจากปัจจบันกฎหมายว่าดวยธุรกรรมทาง






อิเล็กทรอนิกส์ยังไม่มีบทบัญญัติรองรับในเรื่องตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถระบุถึงตัวผู้ท าธุรกรรม


ทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เช่นเดยวกับลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ท าให้เป็นอุปสรรคต่อการทาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์
ที่ต้องมีการประทับตราในหนังสือเป็นส าคัญ รวมทั้งยังไม่มีบทบัญญัติที่ก าหนดให้สามารถน าเอกสารซึ่งเป็นสงพิมพ์
ิ่



ี่



ออกของข้อมูลอิเลกทรอนิกสมาใชแทนตนฉบับหรือให้เป็นพยานหลกฐานในศาลได และโดยทไดมีการปรับปรุง


โครงสร้างระบบราชการตามพระราชบัญญัตปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ และก าหนดให้กระทรวง
ี่

เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอสารเป็นหน่วยงานทมีอ านาจหน้าทเกี่ยวกับการวางแผน สงเสริม พัฒนา และ
ื่
ี่


ด าเนินกิจการเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประกอบกับปัจจบันธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ไดมีการ


ี่
ใชอย่างแพร่หลาย จาเป็นทจะตองมีหน่วยงานธุรการเพื่อทาหน้าทก ากับดแล เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายว่าดวย


ี่




ธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสและเปนฝายเลขานุการของคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส โดยสมควรจัดตั้ง






สานักงานคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส สงกัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอสารขึ้นทา



ื่
ี่
หน้าทแทนศนย์เทคโนโลยีอิเลกทรอนิกสและคอมพิวเตอร์แห่งชาต อันจะเป็นการสงเสริมความเชอมั่นในการทา
ื่






ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในเวทีการคาระหว่างประเทศ สมควรแก้ไขเพิ่มเตม


กฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการดังกล่าว จึงจ าเป็นต้องตราพระราชบัญญัต ิ
นี้



พระราชบัญญัตแก้ไขเพิ่มเตมบทบัญญัตแห่งกฎหมายทเกี่ยวกับความรับผดในทางอาญาของ

ี่

ผู้แทนนิติบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๐

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป



ี่




หมายเหต :- เหตผลในการประกาศใชพระราชบัญญัตฉบับนี้ คอ โดยทศาลรัฐธรรมนูญไดมีคาวินิจฉัยว่า


ี่

พระราชบัญญัตขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๕๔ เฉพาะในสวนทสนนิษฐานให้กรรมการ
ผจดการ ผจดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผดชอบในการดาเนินงานของนิตบุคคลนั้น ตองรับโทษทางอาญาร่วมกับการ


ู้




ู้





กระทาความผดของนิตบุคคล โดยไม่ปรากฏว่ามีการกระทาหรือเจตนาประการใดอันเกี่ยวกับการกระทาความผิด
ของนิติบุคคลนั้น ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๙ วรรคสอง เป็น


อันใชบังคบไม่ไดตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกรไทย พุทธศกราช ๒๕๕๐ มาตรา ๖ และตอมาศาลรัฐธรรมนูญ














ไดมีคาวินิจฉัยในลกษณะดงกลาวทานองเดยวกัน คอ พระราชบัญญัตลขสทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๗๔

พระราชบัญญัตการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๗๘ พระราชบัญญัตสถานบริการ พ.ศ.




๒๕๐๙ มาตรา ๒๘/๔ และพระราชบัญญัตปุ๋ย พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๗๒/๕ ขัดหรือแย้งตอรัฐธรรมนูญแห่ง





ราชอาณาจกรไทย พุทธศกราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๙ วรรคสอง เป็นอันใชบังคบไม่ไดตามรัฐธรรมนูญแห่ง



ราชอาณาจกรไทย พุทธศกราช ๒๕๕๐ มาตรา ๖ ดงนั้น เพื่อแก้ไขบทบัญญัตของกฎหมายดงกลาวและกฎหมาย



อื่นที่มีบทบัญญัติในลักษณะเดียวกันมิให้ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงจ าเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป


มาตรา ๒๕ ให้คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสซึ่งดารงตาแหน่งอยู่ในวันก่อนวันท ี่


พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคบ คงอยู่ในต าแหน่งต่อไป จนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์

ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๒๖ บรรดาการใด ๆ ทคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสตามพระราชบัญญัติว่า

ี่

ี่

ดวยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส พ.ศ. ๒๕๔๔ ไดดาเนินการไว้ก่อนวันทพระราชบัญญัตนี้ใชบังคบและยังมีผลใช ้















บังคบอยู่ ให้ยังคงใชบังคบไดตอไป และเมื่อไดมีการแตงตงคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสตาม

ั้
พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ แล้ว การนั้น
ยังด าเนินการไม่แล้วเสร็จ ให้การด าเนินการต่อไปเป็นไปตามที่คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์นั้นก าหนด
มาตรา ๒๗ ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดจทลเพื่อเศรษฐกิจและสงคม




รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้



ี่




หมายเหต :- เหตผลในการประกาศใชพระราชบัญญัตฉบับนี้ คอ โดยทปัจจบันกฎหมายว่าดวยธุรกรรมทาง


อิเลกทรอนิกสมีข้อจากัดหรืออุปสรรคบางประการในการบังคบใชกฎหมาย ประกอบกับการทาสญญาในรูปแบบ






ู่
ี่
ของธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสมีแนวโน้มทจะเกิดขึ้นระหว่างคสญญาทอยู่คนละประเทศเป็นจานวนมาก เพื่อให้

ี่





ั้
กฎหมายว่าดวยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสเป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมทงปรับปรุงกลไกในการก ากับดแลการ



ประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกสให้ชัดเจนและสอดคล้องกับการพัฒนาดิจทลเพื่อเศรษฐกิจ

และสังคมจึงจ าเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้


พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป


มาตรา ๗ ผู้ประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสจน์และยืนยันตัวตนทางดจทัลซึ่งประกอบ



ธุรกิจอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ด าเนินกิจการต่อไปได้ และเมื่อมีการตราพระราชกฤษฎีกาตาม
มาตรา ๓๔/๔ แห่งพระราชบัญญัตว่าดวยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเตมโดย






ี่


พระราชบัญญัตนี้ ก าหนดให้เป็นธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสทตองไดรับใบอนุญาต




ู้



ให้ผประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับระบบการพิสจน์และยืนยันตวตนทางดิจทลนั้นยื่นคาขอรับใบอนุญาตภายในเก้า
สบวันนับแตวันทพระราชกฤษฎีกามีผลใชบังคบ และเมื่อไดยื่นคาขอรับใบอนุญาตแลว ให้ดาเนินกิจการตอไป



ี่






จนกว่าจะมีค าสั่งไม่อนุญาต

มาตรา ๘ บรรดาระเบียบทออกตามพระราชบัญญัตว่าดวยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส พ.ศ.
ี่



๒๕๔๔ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับ
พระราชบัญญัตินี้ จนกว่าจะมีระเบียบตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งแก้ไข

เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
มาตรา ๙ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่การยืนยันตัวตนของบุคคลเป็นขั้นตอนส าคญ

ู้
ี่
ในการท าธุรกรรมในระบบเศรษฐกิจ แต่ที่ผ่านมาผู้ทประสงค์จะขอรับบริการจากผประกอบการหรือหน่วยงานใด ๆ
จะต้องท าการพิสจน์และยืนยันตัวตนโดยการแสดงตนตอผให้บริการพร้อมกับต้องส่งเอกสารหลักฐาน ซึ่งเป็นภาระ

ู้






ตอผใชบริการและผให้บริการ สมควรก าหนดให้บุคคลสามารถพิสจน์และยืนยันตวตนผานระบบการพิสจน์และ
ู้
ู้

ยืนยันตัวตนทางดิจิทัลได้ โดยมีกลไกการควบคุมดูแลผู้ประกอบธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ระบบดังกล่าวมีความ
น่าเชื่อถือและปลอดภัย จึงจ าเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

พระราชกฤษฎีกา
ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุม

ดูแลธุรกิจบริการการช าระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของ
สถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๙
พ.ศ. ๒๕๖๑



สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
เป็นปีที่ ๓ ในรัชกาลปัจจุบัน


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกลาฯ

ให้ประกาศว่า


โดยทเป็นการสมควรยกเลกพระราชกฤษฎีกาว่าดวยการควบคมดแลธุรกิจบริการการชาระเงิน


ี่

ทางอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๙
อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓๕





แห่งพระราชบัญญัตว่าดวยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส พ.ศ. ๒๕๔๔ จงทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ให้ตราพระราช

กฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกายกเลกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการ

ควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๙ พ.ศ.

๒๕๖๑”

ั้


มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใชบังคบตงแตวันท ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป
ี่





มาตรา ๓ ให้ยกเลกพระราชกฤษฎีกาว่าดวยการควบคมดแลธุรกิจบริการการชาระเงิน
ทางอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๙


มาตรา ๔ บรรดาการกระทาทเป็นความผดตามพระราชบัญญัตว่าดวยธุรกรรมทาง


ี่




อิเลกทรอนิกส พ.ศ. ๒๕๔๔ ในสวนทเกี่ยวกับธุรกิจบริการการช าระเงินทางอิเลกทรอนิกสตามพระราชกฤษฎีกาว่า

ี่



ดวยการควบคมดแลธุรกิจบริการการชาระเงินทางอิเลกทรอนิกสของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่ง



เกิดขึ้นก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ให้เป็นหน้าที่ของผู้มีหน้าทตามกฎหมายหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายทจะ
ี่
ี่
ด าเนินการเกี่ยวกับความผิดนั้นต่อไปจนแล้วเสร็จ
มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี


ี่





หมายเหต :- เหตผลในการประกาศใชพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คอ โดยทพระราชบัญญัตระบบการชาระเงิน พ.ศ.

๒๕๖๐ ซึ่งตราขึ้นเพื่อก าหนดกลไกและมาตรการในการก ากับดแลระบบการชาระเงินและบริการการชาระเงินของ


ประเทศเป็นการเฉพาะจะมีผลใชบังคบในวันท ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ สมควรยกเลกกลไกและมาตรการ



ี่





ี่
ดงกลาวทมีความซ้ าซ้อนในกฎหมายฉบับอื่น เพื่อให้การก ากับดแลระบบการชาระเงินและบริการการชาระเงินอยู่



ภายใตบังคบของกฎหมายฉบับเดยวกัน อันจะเป็นประโยชน์ในการก ากับดูแลอย่างเป็นระบบ มีความเป็น
เอกภาพ และมีประสทธิภาพมากยิ่งขึ้น จงจ าเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้



พระราชกฤษฎีกา
ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุม

ดูแลธุรกิจบริการการช าระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของ
สถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๙
พ.ศ. ๒๕๖๑



สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
เป็นปีที่ ๓ ในรัชกาลปัจจุบัน


สมเดจพระเจาอยู่หัวมหาวชราลงกรณ บดนทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ




ให้ประกาศว่า


ี่



โดยทเป็นการสมควรยกเลกพระราชกฤษฎีกาว่าดวยการควบคมดแลธุรกิจบริการการชาระเงิน
ทางอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๙
อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๓๕




แห่งพระราชบัญญัตว่าดวยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส พ.ศ. ๒๕๔๔ จงทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ให้ตราพระราช


กฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกายกเลกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการ


ควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๙ พ.ศ.
๒๕๖๑”

มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใชบังคบตงแตวันท ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป
ี่


ั้
มาตรา ๓ ให้ยกเลกพระราชกฤษฎีกาว่าดวยการควบคมดแลธุรกิจบริการการชาระเงินทาง





อิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๙


มาตรา ๔ บรรดาการกระท าที่เป็นความผดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส ์



พ.ศ. ๒๕๔๔ ในสวนทเกี่ยวกับธุรกิจบริการการชาระเงินทางอิเลกทรอนิกสตามพระราชกฤษฎีกาว่าดวยการ


ี่
ควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งเกิดขึ้นก่อน

ู้
วันทพระราชกฤษฎีกานี้ใชบังคบ ให้เป็นหน้าทของผมีหน้าทตามกฎหมายหรือผซึ่งได้รับมอบหมายทจะดาเนินการ
ี่


ี่
ี่
ี่

ู้
เกี่ยวกับความผิดนั้นต่อไปจนแล้วเสร็จ
มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี







ี่
หมายเหต :- เหตผลในการประกาศใชพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คอ โดยทพระราชบัญญัตระบบการชาระเงิน พ.ศ.
๒๕๖๐ ซึ่งตราขึ้นเพื่อก าหนดกลไกและมาตรการในการก ากับดแลระบบการชาระเงินและบริการการชาระเงินของ




ี่

ประเทศเป็นการเฉพาะจะมีผลใชบังคบในวันท ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๑ สมควรยกเลกกลไกและมาตรการ


ดงกลาวทมีความซ้ าซ้อนในกฎหมายฉบับอื่น เพื่อให้การก ากับดแลระบบการชาระเงินและบริการการชาระเงินอยู่

ี่






ภายใตบังคบของกฎหมายฉบับเดยวกัน อันจะเป็นประโยชน์ในการก ากับดูแลอย่างเป็นระบบ มีความเป็น

เอกภาพ และมีประสทธิภาพมากยิ่งขึ้น จงจ าเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้


พระราชกฤษฎีกา
ว่าด้วยวิธีการแบบปลอดภัยในการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์

พ.ศ. ๒๕๕๓



ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
ี่
เป็นปีท ๖๕ ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเดจพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกลาฯ



ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรก าหนดวิธีการแบบปลอดภัยในการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์
อาศยอ านาจตามความในมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกรไทย และมาตรา ๒๕






แห่งพระราชบัญญัตว่าดวยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส พ.ศ. ๒๕๔๔ อันเป็นกฎหมายทมีบทบัญญัตบางประการ

ี่


เกี่ยวกับการจากัดสทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับ มาตรา ๔๓ ของรัฐธรรมนูญแห่ง

ราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระท าได้โดยอาศัยอ านาจตามบทบัญญัตแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ

ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาว่าดวยวิธีการแบบปลอดภัยในการท า
ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๕๓”

มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคบเมื่อพ้นก าหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ในพระราชกฤษฎีกานี้
“วิธีการแบบปลอดภัย” หมายความว่า วิธีการแบบปลอดภัยในการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์
“ทรัพย์สินสารสนเทศ” หมายความว่า

(๑) ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบงานคอมพิวเตอร์ และระบบสารสนเทศ
(๒) ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกข้อมูล และอุปกรณ์อื่นใด
(๓) ข้อมูลสารสนเทศ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์

“ความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ” (information security) หมายความว่า
การป้องกันทรัพย์สินสารสนเทศจากการเข้าถึง ใช้ เปิดเผย ขัดขวาง เปลี่ยนแปลงแก้ไข ท าให้สูญหาย ท าให้เสียหาย
ถูกท าลาย หรือล่วงรู้โดยมิชอบ


“ความมั่นคงปลอดภัยดานบริหารจดการ” (administrative security) หมายความว่า การ





กระทาในระดบบริหารโดยการจดให้มีนโยบาย มาตรการ หลกเกณฑ์ หรือกระบวนการใด ๆ เพื่อน ามาใชใน
กระบวนการคัดเลือก การพัฒนา การน าไปใช้ หรือการบ ารุงรักษาทรัพย์สินสารสนเทศให้มีความมั่นคงปลอดภัย

“ความมั่นคงปลอดภัยดานกายภาพ” (physical security) หมายความว่า การจดให้มีนโยบาย



มาตรการ หลกเกณฑ์ หรือกระบวนการใด ๆ เพื่อน ามาใชในการป้องกันทรัพย์สนสารสนเทศ สงปลกสร้าง หรือ

ิ่

ทรัพย์สินอื่นใดจากการคุกคามของบุคคล ภัยธรรมชาติ อุบัติภัย หรือภัยทางกายภาพอื่น


“การรักษาความลบ” (confidentiality) หมายความว่า การรักษาหรือสงวนไว้เพื่อป้องกันระบบ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบงานคอมพิวเตอร์ ระบบสารสนเทศ ข้อมูลสารสนเทศ ข้อมูล

อิเล็กทรอนิกส์ หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์จากการเข้าถึง ใช้ หรือเปิดเผยโดยบุคคลซึ่งไม่ได้รับอนุญาต
“การรักษาความครบถ้วน” (integrity) หมายความว่า การดาเนินการเพื่อให้ข้อมูลสารสนเทศ

ี่




ข้อมูลอิเลกทรอนิกส หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อยู่ในสภาพสมบูรณขณะทมีการใชงาน ประมวลผล โอน หรือเก็บ



ี่
รักษา เพื่อมิให้มีการเปลยนแปลงแก้ไข ทาให้สญหาย ทาให้เสยหาย หรือถูกทาลายโดยไม่ไดรับอนุญาตหรือโดยมิ



ชอบ


“การรักษาสภาพพร้อมใชงาน” (availability) หมายความว่า การจดทาให้ทรัพย์สนสารสนเทศ


สามารถท างาน เข้าถึง หรือใช้งานได้ในเวลาที่ต้องการ

“โครงสร้างพื้นฐานสาคญของประเทศ” (critical infrastructure) หมายความว่า บรรดา




หน่วยงานหรือองคกร หรือสวนงานหนึ่งสวนงานใดของหน่วยงานหรือองคกร ซึ่งธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสของ









หน่วยงานหรือองคกร หรือสวนงานของหน่วยงานหรือองคกรนั้น มีผลเกี่ยวเนื่องสาคญตอความมั่นคงหรือความ
สงบเรียบร้อยของประเทศ หรือต่อสาธารณชน
มาตรา ๔ วิธีการแบบปลอดภัยมีสามระดับ ดังต่อไปนี้
(๑) ระดับเคร่งครัด
(๒) ระดับกลาง
(๓) ระดับพื้นฐาน
มาตรา ๕ วิธีการแบบปลอดภัยตามมาตรา ๔ ให้ใชสาหรับการทาธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส ์




ดังต่อไปนี้
(๑) ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงหรือความสงบเรียบร้อยของประเทศ
หรือต่อสาธารณชน


(๒) ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกสของหน่วยงานหรือองค์กร หรือส่วนงานของหน่วยงานหรือองคกร
ที่ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานส าคัญของประเทศ

มาตรา ๖ ให้คณะกรรมการประกาศก าหนดประเภทของธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส หรือ

หลักเกณฑ์การประเมินระดบผลกระทบของธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรา ๕ (๑) ซึ่งต้องกระท าตามวิธีการ

แบบปลอดภัยในระดบเคร่งครัด ระดับกลาง หรือระดับพื้นฐาน แล้วแต่กรณ ทั้งนี้ โดยให้ค านึงถึงระดบความเสยง

ี่




ต่อความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ ผลกระทบต่อมูลคาและความเสียหายที่ผใชบริการอาจได้รับ รวมทั้ง
ู้
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ให้คณะกรรมการประกาศก าหนดรายชื่อหรือประเภทของหน่วยงานหรือองค์กร หรือส่วนงานของ
หน่วยงานหรือองค์กรที่ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานส าคัญของประเทศตามมาตรา ๕ (๒) ซึ่งต้องกระท าตามวิธีการแบบ
ปลอดภัยในระดับเคร่งครัด ระดับกลาง หรือระดับพื้นฐาน แล้วแต่กรณ ี
มาตรา ๗ วิธีการแบบปลอดภัยตามมาตรา ๔ ในแต่ละระดับ ให้มีมาตรฐานการรักษาความมั่นคง
ี่


ปลอดภัยของระบบสารสนเทศตามหลักเกณฑ์ทคณะกรรมการประกาศก าหนดโดยมาตรฐานดังกลาวสาหรับวิธีการ
ี่
แบบปลอดภัยในแต่ละระดับนั้น อาจมีการก าหนดหลักเกณฑ์ทแตกต่างกันตามความจ าเป็น แต่อย่างน้อยต้องมีการ
ก าหนดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้

(๑) การสร้างความมั่นคงปลอดภัยด้านบริหารจัดการ


(๒) การจดโครงสร้างดานความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ ในสวนการบริหารจดการ


ด้านความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ ทั้งภายในและภายนอกหน่วยงานหรือองค์กร
(๓) การบริหารจัดการทรัพย์สินสารสนเทศ
(๔) การสร้างความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศด้านบุคลากร
(๕) การสร้างความมั่นคงปลอดภัยด้านกายภาพและสภาพแวดล้อม

(๖) การบริหารจดการดานการสอสารและการดาเนินงานของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์


ื่

ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบงานคอมพิวเตอร์ และระบบสารสนเทศ
(๗) การควบคุมการเข้าถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบงานคอมพิวเตอร์
ระบบสารสนเทศ ข้อมูลสารสนเทศ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์


(๘) การจดหาหรือจดให้มี การพัฒนา และการบ ารุงรักษาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบงานคอมพิวเตอร์ และระบบสารสนเทศ
(๙) การบริหารจัดการสถานการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยที่ไม่พึงประสงค์ หรือไม่อาจคาดคิด

(๑๐) การบริหารจดการดานการบริการหรือการดาเนินงานของหน่วยงานหรือองคกรเพื่อให้มี



ความต่อเนื่อง


(๑๑) การตรวจสอบและการประเมินผลการปฏิบัตตามนโยบาย มาตรการ หลกเกณฑ์
หรือกระบวนการใด ๆ รวมทั้งข้อก าหนดด้านความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ



มาตรา ๘ เพื่อประโยชน์ในการเป็นแนวทางสาหรับการจดทานโยบายหรือแนวปฏิบัตในการ


รักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศของหน่วยงานหรือองคกร คณะกรรมการอาจระบุหรือแสดง
ั่

ตวอย่างมาตรฐานทางเทคโนโลยีซึ่งเป็นทยอมรับเป็นการทวไปว่าเป็นมาตรฐานทางเทคโนโลยีทเชอถือไดไว้ใน
ี่
ี่
ื่

ประกาศตามมาตรา ๗ ด้วยก็ได ้



มาตรา ๙ ธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสใดไดกระทาโดยวิธีการทมีการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
ี่



ของระบบสารสนเทศในระดบทเทยบเทาหรือไม่ตากว่ามาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศตาม
ี่




ประกาศตามมาตรา ๗ ซึ่งไดก าหนดไว้สาหรับระดบของวิธีการแบบปลอดภัยในการทาธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส ์




นั้น ให้ถือว่าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวได้กระท าตามวิธีการที่เชื่อถือได้ตามมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัต ิ
ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔
มาตรา ๑๐ ในการทาธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสตามวิธีการแบบปลอดภัยตามพระราชกฤษฎีกานี้



ผู้กระท าต้องค านึงถึงหลักการพื้นฐานของการรักษาความลับ การรักษาความครบถ้วน และการรักษาสภาพพร้อมใช ้
งาน รวมทั้งต้องปฏิบัติตามนโยบายและแนวปฏิบัติในการควบคุมการปฏิบัติงานและการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
ของระบบสารสนเทศของหน่วยงานหรือองค์กรนั้นด้วย
มาตรา ๑๑ ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าหน่วยงานหรือองค์กรใด หรือส่วนงานหนึ่งส่วนงานใด
ของหน่วยงานหรือองคกรใด มีการจดทานโยบายและแนวปฏิบัตในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบ





สารสนเทศโดยสอดคลองกับวิธีการแบบปลอดภัยตามพระราชกฤษฎีกานี้คณะกรรมการอาจประกาศเผยแพร่
รายชื่อหน่วยงานหรือองค์กร หรือส่วนงานของหน่วยงานหรือองค์กรนั้นเพื่อให้สาธารณชนทราบเป็นการทั่วไปก็ได ้

มาตรา ๑๒ ให้คณะกรรมการพิจารณาทบทวนหลกเกณฑ์เกี่ยวกับวิธีการแบบปลอดภัยตามพระ
ี่
ี่

ราชกฤษฎีกานี้และประกาศทออกตามพระราชกฤษฎีกานี้ รวมทงกฎหมายอื่นทเกี่ยวข้อง อย่างน้อยทกรอบ
ั้


ั้

ี่

ระยะเวลาสองปีนับแตวันทพระราชกฤษฎีกานี้ใชบังคบ ทงนี้ โดยพิจารณาถึงความเหมาะสมและความสอดคล้อง
กับเทคโนโลยีที่ได้มีการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงไป และจัดท าเป็นรายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป
มาตรา ๑๓ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรี









หมายเหต : เหตผลในการประกาศใชพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คอ เนื่องจากในปัจจบันเทคโนโลยีสารสนเทศและ

ั้


ื่


การสอสารไดเข้ามามีบทบาทสาคญตอการดาเนินการของทงภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีการทาธุรกรรมทาง




อิเลกทรอนิกสกันอย่างแพร่หลาย จงสมควรสงเสริมให้มีการบริหารจดการและรักษาความมั่นคงปลอดภัยของ


ื่


ทรัพย์สนสารสนเทศในการทาธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส เพื่อให้มีการยอมรับและเชอมั่นในข้อมูลอิเลกทรอนิกส ์




มากยิ่งขึ้น ประกอบกับมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัตว่าด้วยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส พ.ศ. ๒๕๔๔ บัญญัตให้




ธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส์ใดที่ได้กระทาตามวิธีการแบบปลอดภัยทก าหนดในพระราชกฤษฎีกาแล้ว ให้สันนิษฐาน
ี่


ว่าเป็นวิธีการที่เชื่อถือได จึงจ าเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

พระราชกฤษฎีกา
ก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ

พ.ศ. ๒๕๔๙



ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙
เป็นปีที่ ๖๑ ในรัชกาลปัจจุบัน


พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ

อาศยอ านาจตามความในมาตรา ๑๖ ของรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)

พุทธศักราช ๒๕๔๙ และมาตรา ๓๕ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้


มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาก าหนดหลกเกณฑ์และวิธีการในการ
ท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๔๙”


มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ในการท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีระบบเอกสาร
ที่ท าในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะ ดังต่อไปนี้

ี่
ี่



(๑) เอกสารททาในรูปของข้อมูลอิเลกทรอนิกสนั้นตองอยู่ในรูปแบบทเหมาะสม โดยสามารถ

แสดงหรืออ้างอิงเพื่อใช้ในภายหลังและยังคงความครบถ้วนของข้อความในรูปแบบของข้อมูลอิเลกทรอนิกส ์




(๒) ตองก าหนดระยะเวลาเริ่มต้นและสนสดในการยื่นเอกสารที่ทาในรูปของข้อมูลอิเลกทรอนิกส ์
ิ้




โดยปกตให้ยึดถือวันเวลาของการปฏิบัตงานหน่วยงานของรัฐนั้นเป็นหลก และอาจก าหนดระยะเวลาในการ

ดาเนินการพิจารณาของหน่วยงานของรัฐดวยวิธีการทางอิเลกทรอนิกสไว้ด้วยก็ได เว้นแตจะมีกฎหมายในเรื่องนั้น





ก าหนดไว้เป็นอย่างอื่น


ื่


(๓) ตองก าหนดวิธีการททาให้สามารถระบุตวเจาของลายมือชอ ประเภท ลกษณะหรือรูปแบบ
ี่

ของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ และสามารถแสดงได้ว่าเจ้าของลายมือชื่อรับรองข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส ์
(๔) ต้องก าหนดวิธีการแจ้งการตอบรับด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกสหรือด้วยวิธีการอื่นใดเพื่อเป็น

หลักฐานว่าได้มีการด าเนินการด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ไปยังอีกฝ่ายหนึ่งแล้ว

มาตรา ๔ นอกจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐจัดท ากระบวนการพิจารณา
ทางปกครองโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ระบบเอกสารที่ท าในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
ด้วย เว้นแต่จะมีกฎหมายในเรื่องนั้นก าหนดไว้เป็นอย่างอื่น

ี่
(๑) มีวิธีการสื่อสารกับผู้ยื่นคาขอในกรณีทเอกสารมีข้อบกพร่องหรือมีข้อความที่ผดหลงอันเห็นได ้

ชัดว่าเกิดจากความไม่รู้หรือความเลินเล่อของผู้ยื่นค าขอ หรือการขอข้อเท็จจริงเพิ่มเติมรวมทั้งมีวิธีการแจ้งสิทธิและ


หน้าทในกระบวนการพิจารณาทางปกครองตามความจาเป็นแก่กรณในกรณทกฎหมายก าหนดให้ตองแจง

ี่
ี่


ให้คู่กรณีทราบ

(๒) ในกรณีมีความจาเป็นตามลักษณะเฉพาะของธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐใด หน่วยงาน

ของรัฐนั้นอาจก าหนดเงื่อนไขว่าคู่กรณียินยอมตกลงและยอมรับการดาเนินการพิจารณาทางปกครองของหน่วยงาน

ของรัฐโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส ์



มาตรา ๕ หน่วยงานของรัฐตองจดทาแนวนโยบายและแนวปฏิบัตในการรักษาความมั่นคง


ปลอดภัยดานสารสนเทศ เพื่อให้การดาเนินการใด ๆ ดวยวิธีการทางอิเลกทรอนิกสกับหน่วยงานของรัฐหรือโดย





หน่วยงานของรัฐมีความมั่นคงปลอดภัยและเชื่อถือได ้
แนวนโยบายและแนวปฏิบัติอย่างน้อยต้องประกอบด้วยเนื้อหา ดังต่อไปนี้
(๑) การเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานสารสนเทศ
(๒) การจัดให้มีระบบสารสนเทศและระบบสารองของสารสนเทศซึ่งอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและ







จดทาแผนเตรียมพร้อมกรณฉุกเฉินในกรณทไม่สามารถดาเนินการดวยวิธีการทางอิเลกทรอนิกสเพื่อให้สามารถใช ้


ี่
งานสารสนเทศได้ตามปกติอย่างต่อเนื่อง
(๓) การตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงด้านสารสนเทศอย่างสม่ าเสมอ

มาตรา ๖ ในกรณีที่มีการรวบรวม จัดเก็บ ใช้ หรือเผยแพร่ข้อมูล หรือข้อเท็จจริงที่ทาให้สามารถ

ุ้

ระบุตัวบุคคล ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม ให้หน่วยงานของรัฐจดทาแนวนโยบายและแนวปฏิบติการคมครองข้อมูล

ส่วนบุคคลด้วย



มาตรา ๗ แนวนโยบายและแนวปฏิบัตตามมาตรา ๕ และมาตรา ๖ ให้หน่วยงานของรัฐจดทา
เป็นประกาศ และตองไดรับความเห็นชอบจากคณะกรรมการหรือหน่วยงานทคณะกรรมการมอบหมาย จงมีผลใช ้
ี่



บังคับได ้
ี่





หน่วยงานของรัฐตองปฏิบัตตามแนวนโยบายและแนวปฏิบัตทไดแสดงไว้ และให้จดให้มีการ
ตรวจสอบการปฏิบัติตามแนวนโยบายและแนวปฏิบัติที่ก าหนดไว้อย่างสม่ าเสมอ
มาตรา ๘ ให้คณะกรรมการหรือหน่วยงานที่คณะกรรมการมอบหมายจัดท าแนวนโยบายและแนว



ปฏิบัติหรือการอื่นอันเกี่ยวกับการดาเนินการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ไว้เป็นตัวอย่างเบื้องต้นสาหรับการดาเนินการ
ของหน่วยงานของรัฐในการปฏิบัตตามพระราชกฤษฎีกานี้ และหากหน่วยงานของรัฐแห่งใดมีการปฏิบัตงานตาม



ี่


กฎหมายทแตกตางเป็นการเฉพาะแลว หน่วยงานของรัฐแห่งนั้นอาจเพิ่มเตมรายละเอียดการปฏิบัตงานตาม


กฎหมายทแตกตางนั้นไดโดยออกเป็นระเบียบ ทงนี้ โดยให้คานึงถึงความถูกตองครบถ้วน ความน่าเชอถือ สภาพ
ี่
ื่


ั้

ความพร้อมใช้งาน และความมั่นคงปลอดภัยของระบบและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส ์




มาตรา ๙ การทาธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสภาครัฐตามหลกเกณฑ์และวิธีการตามพระราช

กฤษฎีกานี้ไม่มีผลเป็นการยกเว้นกฎหมายหรือหลกเกณฑ์และวิธีการทกฎหมายในเรื่องนั้นก าหนดไว้เพื่อการ
ี่
อนุญาต อนุมัติ การให้ความเห็นชอบ หรือการวินิจฉัย
มาตรา ๑๐ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท ์
นายกรัฐมนตรี


ู่




หมายเหต :- เหตผลในการประกาศใชพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คอ เนื่องจากประเทศไทยไดเริ่มเข้าสยุค
สังคมสารสนเทศซึ่งมีการทาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกสภาครัฐมากขึ้น สมควรสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐมีระบบ


การบริการของตนโดยการประยุกต์ใชเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้สามารถบริการประชาชนไดอย่างทวถึง สะดวก


ั่


และรวดเร็ว อันเป็นการเพิ่มประสทธิภาพและประสทธิผลของหน่วยงานของรัฐ พร้อมกับให้หน่วยงานของรัฐ




สามารถพัฒนาการทาธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสภาครัฐภายใตมาตรฐานและเป็นไปในทศทางเดยวกัน และสร้าง






ื่
ความเชอมั่นของประชาชนตอการดาเนินกิจกรรมของรัฐดวยวิธีการทางอิเลกทรอนิกส ประกอบกับมาตรา ๓๕

วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ บัญญัติว่า ค าขอ การอนุญาต การจด
ทะเบียน ค าสั่งทางปกครอง การช าระเงิน การประกาศหรือการด าเนินการใด ๆ ตามกฎหมายกับหน่วยงานของรัฐ

ี่
หรือโดยหน่วยงานของรัฐ ถ้าไดกระทาในรูปของข้อมูลอิเลกทรอนิกสตามหลกเกณฑ์และวิธีการทก าหนดโดยพระ







ราชกฤษฎีกาแลว ให้ถือว่ามีผลโดยชอบดวยกฎหมายเชนเดยวกับการดาเนินการตามหลกเกณฑ์และวิธีการท ี่



กฎหมายในเรื่องนั้นก าหนด จึงจ าเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

พระราชกฤษฎีกา
ก าหนดประเภทธุรกรรมในทางแพ่งและพาณิชย์ที่ยกเว้นมิให้น า

กฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้บังคับ
พ.ศ. ๒๕๔๙



ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
เป็นปีที่ ๖๑ ในรัชกาลปัจจุบัน



พระบาทสมเดจพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกลาฯ


ให้ประกาศว่า
โดยทเป็นการสมควรก าหนดประเภทธุรกรรมในทางแพ่งและพาณชย์ทยกเว้นมิให้น ากฎหมายว่า
ี่
ี่

ด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้บังคับ


อาศยอ านาจตามความในมาตรา ๒๒๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกรไทย และมาตรา ๓

วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัตว่าดวยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส พ.ศ. ๒๕๔๔ อันเป็นกฎหมายทมีบทบัญญัตบาง


ี่


ประการเกี่ยวกับการจากัดสทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่ง



ราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระท าได้โดยอาศัยอ านาจตามบทบัญญัตแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ

ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาก าหนดประเภทธุรกรรมในทางแพ่งและ
พาณิชย์ที่ยกเว้นมิให้น ากฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้บังคับ พ.ศ. ๒๕๔๙”



มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใชบังคบตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นตน
ไป






มาตรา ๓ มิให้น าบทบัญญัตตามกฎหมายว่าดวยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสมาใชบังคบแก่
ธุรกรรมดังต่อไปนี้
(๑) ธุรกรรมเกี่ยวกับครอบครัว
(๒) ธุรกรรมเกี่ยวกับมรดก
มาตรา ๔ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

พันต ารวจโท ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี







หมายเหต :- เหตผลในการประกาศใชพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คอ ปัจจบัน แม้ว่าพระราชบัญญัตว่าดวยธุรกรรม


ื่





ทางอิเลกทรอนิกส พ.ศ. ๒๕๔๔ ไดบัญญัตรับรองสถานะทางกฎหมายของข้อมูลอิเลกทรอนิกสและลายมือชอ


ื่
อิเลกทรอนิกสให้เทาเทยมกับธุรกรรมททาบนกระดาษและการลงลายมือชอไว้แลวก็ตาม แตเนื่องจากการทา




ี่





ี่
ธุรกรรมบางประเภทยังไม่เหมาะสมทจะให้กระทาไดดวยวิธีการทางอิเลกทรอนิกส สมควรตราพระราชกฤษฎีกา



ก าหนดประเภทธุรกรรมในทางแพ่งและพาณชย์ทยกเว้นมิให้น ากฎหมายว่าดวยธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสมาใช ้

ี่


บังคับ จึงจ าเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้

ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
เรื่อง แนวนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศ

ของหน่วยงานของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๕๓



ดวยปัญหาดานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้กับสารสนเทศมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทงใน


ั้
ประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อภาครัฐและภาคธุรกิจมากขึ้น ท าให้ผู้ประกอบการ
ตลอดจนองคกร ภาครัฐ และภาคเอกชนทมีการดาเนินงานใด ๆ ในรูปของข้อมูลอิเลกทรอนิกสผานระบบ





ี่






สารสนเทศขององคกร ขาดความเชอมั่นตอการทาธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสในทกรูปแบบ ประกอบกับ
ื่

ี่

คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสตระหนักถึงความจาเป็นทจะสงเสริมและผลกดนให้ประเทศสามารถ






ยกระดบการแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ โดยการน าระบบสารสนเทศและการสอสารมาประยุกตใชประกอบการทา


ื่
ี่
ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างแพร่หลาย จึงเห็นความส าคัญทจะน ากฎหมาย ข้อบังคับต่าง ๆ มาบังคับใช้กับการ
ี่
ท าธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งในส่วนทต้องกระทาและในส่วนทต้องงดเว้นการกระท า เพื่อช่วยให้การท าธุรกรรม
ี่

ทางอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานของรัฐมีความมั่นคงปลอดภัยและมีความน่าเชื่อถือ

เพื่อให้การด าเนินการใด ๆ ด้วยวิธีการทางอิเลกทรอนิกสกับหน่วยงานของรัฐ หรือโดยหน่วยงาน



ี่
ื่
ของรัฐมีความมั่นคงปลอดภัยและเชอถือได ตลอดจนมีมาตรฐานเป็นทยอมรับในระดบสากล คณะกรรมการ
ธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส จงเห็นควรก าหนดแนวนโยบายและแนวปฏิบัตในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดาน





สารสนเทศของหน่วยงานของรัฐ
อาศยอ านาจตามความในมาตรา ๕ มาตรา ๗ และมาตรา ๘ แห่งพระราชกฤษฎีกาก าหนด

หลกเกณฑ์และวิธีการในการทาธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๔๙ คณะกรรมการธุรกรรมทาง









อิเลกทรอนิกสจงไดจดทาประกาศฉบับนี้ เพื่อเป็นแนวทางเบื้องตนให้หน่วยงานของรัฐใชในการก าหนดนโยบาย







และข้อปฏิบัตในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดานสารสนเทศ ซึ่งอย่างน้อยตองประกอบดวยสาระสาคญ


ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ในประกาศนี้
ู้
ู้



(๑) ผใชงาน หมายความว่า ข้าราชการ เจาหน้าท พนักงานของรัฐ ลกจาง ผดแลระบบ ผบริหาร

ี่

ู้
ขององค์กร ผู้รับบริการ ผู้ใช้งานทั่วไป
(๒) สิทธิของผู้ใช้งาน หมายความว่า สิทธิทั่วไป สิทธิจ าเพาะ สิทธิพิเศษ และสิทธิอื่นใดที่เกี่ยวข้อง
กับระบบสารสนเทศของหน่วยงาน

(๓) สินทรัพย์ (asset) หมายความว่า สิ่งใดก็ตามที่มีคณค่าส าหรับองค์กร


(๔) การเข้าถึงหรือควบคมการใชงานสารสนเทศ หมายความว่า การอนุญาต การก าหนดสทธิ



ู้

หรือการมอบอ านาจให้ผใชงาน เข้าถึงหรือใชงานเครือข่ายหรือระบบสารสนเทศ ทงทางอิเลกทรอนิกสและทาง

ั้

กายภาพ รวมทั้งการอนุญาตเช่นว่านั้นส าหรับบุคคลภายนอก ตลอดจนอาจก าหนดข้อปฏิบัตเกี่ยวกับการเข้าถึงโดย
มิชอบเอาไว้ด้วยก็ได ้
(๕) ความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศ (information security) หมายความว่า การธ ารงไว้ซึ่ง

ความลบ (confidentiality) ความถูกตองครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใชงาน (availability) ของ


สารสนเทศ รวมทั้งคุณสมบัติอื่น ได้แก่ความถูกต้องแท้จริง (authenticity) ความรับผิด (accountability) การห้าม
ปฏิเสธความรับผิด (non-repudiation) และความน่าเชื่อถือ (reliability)

(๖) เหตุการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัย(information security event)


ี่



ี่
หมายความว่า กรณทระบุการเกิดเหตการณ สภาพของบริการหรือเครือข่ายทแสดงให้เหนความเป็นไปไดทจะเกิด
ี่





การฝาฝนนโยบายดานความมั่นคงปลอดภัยหรือมาตรการป้องกันทลมเหลว หรือเหตการณอันไม่อาจรู้ไดว่าอาจ
ี่


เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัย


ี่

(๗) สถานการณดานความมั่นคงปลอดภัยทไม่พึงประสงคหรือไม่อาจคาดคด

(information security incident) หมายความว่า สถานการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยที่ไม่พึงประสงค์หรือไม่อาจ

คาดคิด (unwanted or unexpected) ซึ่งอาจท าให้ระบบขององค์กรถูกบุกรุกหรือโจมตี และความมั่นคงปลอดภย
ถูกคุกคาม

ข้อ ๒ หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีนโยบายในการรักษาความมั่นคงปลอดภยดานสารสนเทศของ

หน่วยงานเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยเนื้อหา ดังต่อไปนี้
(๑) การเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานสารสนเทศ



(๒) จดให้มีระบบสารสนเทศและระบบสารองของสารสนเทศซึ่งอยู่ในสภาพพร้อมใชงานและ


ี่
จดทาแผนเตรียมความพร้อมกรณฉุกเฉินในกรณทไม่สามารถดาเนินการดวยวิธีการทางอิเลกทรอนิกสเพื่อให้






สามารถใช้งานสารสนเทศได้ตามปกติอย่างต่อเนื่อง
(๓) การตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงด้านสารสนเทศอย่างสม่ าเสมอ



ข้อ ๓ หน่วยงานของรัฐตองจดให้มีข้อปฏิบัตในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดานสารสนเทศ

ของหน่วยงาน ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยกระบวนการ ดังต่อไปนี้
(๑) หน่วยงานของรัฐตองจดทาข้อปฏิบัตทสอดคลองกับนโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัย


ี่



ด้านสารสนเทศของหน่วยงาน



ั้
(๒) หน่วยงานของรัฐตองประกาศนโยบายและข้อปฏิบัตดงกลาว ให้ผเกี่ยวข้องทงหมดทราบ
ู้

เพื่อให้สามารถเข้าถึง เข้าใจ และปฏิบัติตามนโยบายและข้อปฏิบัติได ้
(๓) หน่วยงานของรัฐต้องก าหนดผู้รับผิดชอบตามนโยบายและข้อปฏิบัติดังกล่าวให้ชัดเจน
(๔) หน่วยงานของรัฐต้องทบทวนปรับปรุงนโยบายและข้อปฏิบัติให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ

ข้อ ๔ ข้อปฏิบัตในดานการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตองมีเนื้อหาอย่างน้อยครอบคลม



ตามข้อ ๕ - ๑๕


ข้อ ๕ ให้มีข้อก าหนดการเข้าถึงและควบคมการใชงานสารสนเทศ (access control) ซึ่งตองมี

เนื้อหาอย่างน้อย ดังนี้
(๑) หน่วยงานของรัฐตองมีการควบคมการเข้าถึงข้อมูลและอุปกรณในการประมวลผลข้อมูลโดย



ค านึงถึงการใช้งานและความมั่นคงปลอดภัย
(๒) ในการก าหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการอนุญาตให้เข้าถึง ต้องก าหนดตามนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ
การอนุญาต การก าหนดสิทธิ หรือการมอบอ านาจของหน่วยงานของรัฐนั้น ๆ


ั้




(๓) หน่วยงานของรัฐตองก าหนดเกี่ยวกับประเภทของข้อมูล ลาดบความสาคญ หรือลาดบชน

ความลับของข้อมูล รวมทั้งระดับชั้นการเข้าถึง เวลาที่ได้เข้าถึง และช่องทางการเข้าถึง
ข้อ ๖ ให้มีข้อก าหนดการใชงานตามภารกิจเพื่อควบคมการเข้าถึงสารสนเทศ


(business requirements for access control) โดยแบ่งการจดทาข้อปฏิบัตเป็น ๒ สวนคอ การควบคมการ







เข้าถึงสารสนเทศ และการปรับปรุงให้สอดคล้องกับข้อก าหนดการใช้งานตามภารกิจและข้อก าหนดด้านความมั่นคง
ปลอดภัย


ข้อ ๗ ให้มีการบริหารจัดการการเข้าถึงของผู้ใช้งาน (user access management)
ู้

เพื่อควบคุมการเขาถึงระบบสารสนเทศเฉพาะผที่ได้รับอนุญาตแล้ว และผานการ

ฝึกอบรมหลักสตรการสร้างความตระหนักเรื่องความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ

(information security awareness training) เพื่อป้องกันการเข้าถึงจากผู้ซึ่งไม่ได้รับอนุญาต โดยต้องมีเนื้อหา
อย่างน้อย ดังนี้
ู้
(๑) สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผใชงาน เพื่อให้เกิดความตระหนัก ความเข้าใจถึงภัยและ

ผลกระทบที่เกิดจากการใช้งานระบบสารสนเทศโดยไม่ระมัดระวังหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รวมถึงก าหนดให้มีมาตรการ
เชิงป้องกันตามความเหมาะสม




(๒) การลงทะเบียนผใชงาน (user registration) ตองก าหนดให้มีขั้นตอนทางปฏิบัตสาหรับการ

ู้

ลงทะเบียนผู้ใช้งานเมื่อมีการอนุญาตให้เขาถึงระบบสารสนเทศ และการตัดออกจากทะเบียนของผู้ใช้งานเมื่อมีการ
ยกเลิกเพิกถอนการอนุญาตดังกล่าว
(๓) การบริหารจดการสทธิของผใช้งาน (user management) ต้องจัดให้มีการควบคุมและจากัด
ู้




ั้




สทธิเพื่อเข้าถึงและใชงานระบบสารสนเทศแตละชนิดตามความเหมาะสม ทงนี้ รวมถึงสทธิจาเพาะ สทธิพิเศษ

และสิทธิอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึง
(๔) การบริหารจัดการรหัสผ่านส าหรับผู้ใช้งาน (user password management)
ต้องจัดให้มีกระบวนการบริหารจัดการรหัสผ่านส าหรับผู้ใช้งานอย่างรัดกุม



(๕) การทบทวนสทธิการเข้าถึงของผใชงาน (review of user access rights) ตองจดให้มี

ู้
กระบวนการทบทวนสิทธิการเข้าถึงของผู้ใช้งานระบบสารสนเทศตามระยะเวลาทก าหนดไว้
ี่
ข้อ ๘ ให้มีการก าหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใช้งาน (user responsibilities)


เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ไดรับอนุญาต การเปิดเผย การลวงรู้ หรือการลกลอบทาสาเนาข้อมูลสารสนเทศและ



การลักขโมยอุปกรณ์ประมวลผลสารสนเทศ โดยต้องมีเนื้อหาอย่างน้อย ดังนี้


ี่


ู้



(๑) การใชงานรหัสผาน (password use) ตองก าหนดแนวปฏิบัตทดสาหรับผใชงานในการ
ก าหนดรหัสผ่าน การใช้งานรหัสผ่าน และการเปลี่ยนรหัสผ่านที่มีคุณภาพ

(๒) การป้องกันอุปกรณในขณะทไม่มีผใชงานทอุปกรณ ตองก าหนดข้อปฏิบัตทเหมาะสมเพื่อ


ี่
ู้

ี่

ี่
ป้องกันไม่ให้ผู้ไม่มีสทธิสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ของหน่วยงานในขณะที่ไม่มีผู้ดูแล

(๓) การควบคุมสินทรัพย์สารสนเทศและการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์
(clear desk and clear screen policy) ต้องควบคุมไม่ให้สินทรัพย์สารสนเทศ เช่น เอกสาร สื่อบันทึกข้อมูล
ี่
คอมพิวเตอร์ หรือสารสนเทศ อยู่ในภาวะซึ่งเสยงต่อการเข้าถึงโดยผู้ซึ่งไม่มีสิทธิ และต้องก าหนดให้ผู้ใช้งานออกจาก
ระบบสารสนเทศเมื่อว่างเว้นจากการใช้งาน
(๔) ผู้ใช้งานอาจน าการเข้ารหัส มาใช้กับข้อมูลที่เป็นความลับ โดยให้ปฏิบัติตามระเบียบการรักษา
ความลับทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔
ข้อ ๙ ให้มีการควบคมการเข้าถึงเครือข่าย (network access control) เพื่อป้องกันการเข้าถึง

บริการทางเครือข่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยต้องมีเนื้อหาอย่างน้อย ดังนี้

ู้
(๑) การใช้งานบริการเครือข่าย ต้องก าหนดให้ผใช้งานสามารถเขาถึงระบบสารสนเทศได้แตเพียง

บริการที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงเท่านั้น

(๒) การยืนยันตัวบุคคลส าหรับผู้ใช้ที่อยู่ภายนอกองค์กร
ี่
(user authentication for external connections) ต้องก าหนดให้มีการยืนยันตัวบุคคลก่อนทจะอนุญาตให้ผู้ใช ้
ที่อยู่ภายนอกองค์กรสามารถเข้าใช้งานเครือข่ายและระบบสารสนเทศขององค์กรได ้
(๓) การระบุอุปกรณบนเครือข่าย (equipment identification in networks) ตองมีวิธีการท ี่


สามารถระบุอุปกรณ์บนเครือข่ายได้ และควรใช้การระบุอุปกรณ์บนเครือข่ายเป็นการยืนยัน
(๔) การป้องกันพอร์ตที่ใช้ส าหรับตรวจสอบและปรับแต่งระบบ

(remote diagnostic and configuration port protection) ต้องควบคุมการเข้าถึงพอร์ตที่ใช้ส าหรับตรวจสอบ
และปรับแต่งระบบทั้งการเข้าถึงทางกายภาพและทางเครือข่าย
ุ่
(๕) การแบ่งแยกเครือข่าย (segregation in networks) ตองทาการแบ่งแยกเครือข่ายตามกลม


ของบริการสารสนเทศ กลุ่มผู้ใช้งาน และกลุ่มของระบบสารสนเทศ

(๖) การควบคมการเชอมตอทางเครือข่าย (network connection control) ตองควบคมการ



ื่
ี่




ื่

เข้าถึงหรือใชงานเครือข่ายทมีการใชร่วมกันหรือเชอมตอระหว่างหน่วยงานให้สอดคลองกับข้อปฏิบัตการควบคม

การเข้าถึง



(๗) การควบคมการจดเสนทางบนเครือข่าย (network routing control) ตองควบคมการจด





ื่
เสนทางบนเครือข่ายเพื่อให้การเชอมตอของคอมพิวเตอร์และการสงผานหรือไหลเวียนของข้อมูลหรือสารสนเทศ


สอดคล้องกับข้อปฏิบัติการควบคุมการเข้าถึงหรือการประยุกต์ใช้งานตามภารกิจ

ข้อ ๑๐ ให้มีการควบคุมการเขาถึงระบบปฏิบัติการ (operating system access
control) เพื่อป้องกันการเข้าถึงระบบปฏิบัติการโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยต้องมีเนื้อหาอย่างน้อย ดังนี้

(๑) การก าหนดขั้นตอนปฏิบัติเพื่อการเขาใช้งานที่มั่นคงปลอดภัย การเข้าถึงระบบปฏิบัติการ
จะต้องควบคุมโดยวิธีการยืนยันตัวตนที่มั่นคงปลอดภัย
(๒) การระบุและยืนยันตัวตนของผู้ใชงาน (user identification and

ู้

ู้




authentication) ตองก าหนดให้ผใชงานมีข้อมูลเฉพาะเจาะจงซึ่งสามารถระบุตวตนของผใชงาน และเลอกใช ้
ขั้นตอนทางเทคนิคในการยืนยันตัวตนที่เหมาะสมเพื่อรองรับการกล่าวอ้างว่าเป็นผู้ใช้งานที่ระบุถึง
(๓) การบริหารจดการรหัสผาน (password management system) ตองจดทาหรือจดให้มี









ี่


ระบบบริหารจดการรหัสผานทสามารถทางานเชงโตตอบ (interactive) หรือมีการทางานในลกษณะอัตโนมัต ซึ่ง



เอื้อต่อการก าหนดรหัสผ่านที่มีคุณภาพ
(๔) การใช้งานโปรแกรมอรรถประโยชน์ (use of system utilities) ควรจ ากัดและควบคุมการใช ้

ี่
งานโปรแกรมประเภทอรรถประโยชน์ เพื่อป้องกันการละเมิดหรือหลกเลยงมาตรการความมั่นคงปลอดภัยทได ้
ี่
ก าหนดไว้หรือที่มีอยู่แล้ว
(๕) เมื่อมีการว่างเว้นจากการใชงานในระยะเวลาหนึ่งให้ยุตการใชงานระบบสารสนเทศนั้น



(session time-out)
(๖) การจ ากัดระยะเวลาการเชื่อมต่อระบบสารสนเทศ (limitation of connection time) ต้อง
จ ากัดระยะเวลาในการเชื่อมต่อเพื่อให้มีความมั่นคงปลอดภัยมากยิ่งขึ้นส าหรับระบบสารสนเทศหรือแอพพลิเคชั่นท ี่
มีความเสี่ยงหรือมีความส าคัญสูง

ข้อ ๑๑ ให้มีการควบคมการเข้าถึงโปรแกรมประยุกตหรือแอพพลเคชนและสารสนเทศ

ั่

(application and information access control) โดยต้องมีการควบคุม ดังนี้



(๑) การจากัดการเข้าถึงสารสนเทศ (information access restriction) ตองจากัดหรือควบคม



การเข้าถึงหรือเข้าใช้งานของผใช้งานและบุคลากรฝายสนับสนุนการเข้าใช้งานในการเข้าถึงสารสนเทศและฟังก์ชน
ู้

(functions) ต่าง ๆ ของโปรแกรมประยุกต์หรือแอพพลิเคชั่น ทั้งนี้ โดยให้สอดคล้องตามนโยบายควบคุมการเขาถึง
สารสนเทศที่ได้ก าหนดไว้
(๒) ระบบซึ่งไวต่อการรบกวน มีผลกระทบและมีความส าคัญสูงต่อองค์กร ต้องได้รับการแยกออก

จากระบบอื่น ๆ และมีการควบคุมสภาพแวดล้อมของตนเองโดยเฉพาะ ให้มีการควบคุมอุปกรณคอมพิวเตอร์และ
สื่อสารเคลื่อนที่และการปฏิบัติงานจากภายนอกองค์กร (mobile computing and teleworking)
ื่
ี่
ื่
(๓) การควบคมอุปกรณคอมพิวเตอร์และสอสารเคลอนท ตองก าหนดข้อปฏิบัตและมาตรการท ี่




เหมาะสมเพื่อปกป้องสารสนเทศจากความเสี่ยงของการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสื่อสารเคลื่อนท ี่


(๔) การปฏิบัตงานจากภายนอกสานักงาน (teleworking) ตองก าหนดข้อปฏิบัต แผนงานและ


ขั้นตอนปฏิบัติเพื่อปรับใช้ส าหรับการปฏิบัติงานขององค์กรจากภายนอกส านักงาน
ข้อ ๑๒ หน่วยงานของรัฐที่มีระบบสารสนเทศต้องจัดท าระบบส ารอง ตามแนวทางต่อไปนี้




ี่

(๑) ตองพิจารณาคดเลอกและจดทาระบบสารองทเหมาะสมให้อยู่ในสภาพพร้อมใชงานท ี่


เหมาะสม




ี่


(๒) ตองจดทาแผนเตรียมความพร้อมกรณฉุกเฉินในกรณทไม่สามารถดาเนินการดวยวิธีการทาง


อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สามารถใช้งานสารสนเทศไดตามปกติอย่างต่อเนื่อง โดยต้องปรับปรุงแผนเตรียมความพร้อม
กรณีฉุกเฉินดังกล่าวให้สามารถปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการใช้งานตามภารกิจ

(๓) ต้องมีการก าหนดหน้าทและความรับผดชอบของบุคลากรซึ่งดูแลรับผดชอบระบบสารสนเทศ
ี่



ระบบสารอง และการจดทาแผนเตรียมพร้อมกรณฉุกเฉินในกรณทไม่สามารถดาเนินการดวยวิธีการทาง
ี่





อิเล็กทรอนิกส ์

(๔) ตองมีการทดสอบสภาพพร้อมใชงานของระบบสารสนเทศ ระบบสารองและระบบแผน


เตรียมพร้อมกรณีฉุกเฉินอย่างสม่ าเสมอ




(๕) สาหรับความถี่ของการปฏิบัตในแตละข้อ ควรมีการปฏิบัตทเพียงพอตอสภาพความเสยงท ี่

ี่
ี่
ยอมรับได้ของแต่ละหน่วยงาน
ี่



ข้อ ๑๓ หน่วยงานของรัฐตองจดให้มีการตรวจสอบและประเมินความเสยงดานสารสนเทศโดย
ต้องมีเนื้อหาอย่างน้อย ดังนี้



(๑) หน่วยงานของรัฐตองจดให้มีการตรวจสอบและประเมินความเสยงดานสารสนเทศทอาจเกิด
ี่
ี่
ขึ้นกับระบบสารสนเทศ (information security audit and assessment) อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง
ู้
ี่
(๒) ในการตรวจสอบและประเมินความเสยงจะตองด าเนินการ โดยผตรวจสอบภายในหน่วยงาน

ู้

ของรัฐ (internal auditor) หรือโดยผตรวจสอบอิสระดานความมั่นคงปลอดภัยจากภายนอก
(external auditor) เพื่อให้หน่วยงานของรัฐได้ทราบถึงระดบความเสยงและระดับความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ
ี่

ของหน่วยงาน
ข้อ ๑๔ หน่วยงานของรัฐต้องก าหนดความรับผดชอบทชดเจน กรณีระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูล
ี่


ู้

สารสนเทศเกิดความเสยหาย หรืออันตรายใด ๆ แก่องคกรหรือผหนึ่งผใด อันเนื่องมาจากความบกพร่อง ละเลย
ู้


หรือฝาฝนการปฏิบัตตามแนวนโยบายและแนวปฏิบัตในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดานสารสนเทศ ทงนี้ ให้



ั้

ี่


ู้


ผบริหารระดบสงสดของหน่วยงาน (Chief Executive Officer : CEO) เป็นผรับผดชอบตอความเสยง ความ
ู้

เสียหาย หรืออันตรายที่เกิดขึ้น

ข้อ ๑๕ หน่วยงานของรัฐสามารถเลอกใชข้อปฏิบัตในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยดาน





ี่



สารสนเทศ ทตางไปจากประกาศฉบับนี้ได หากแสดงให้เห็นว่า ข้อปฏิบัตทเลอกใชมีความเหมาะสมกว่า

ี่
หรือเทียบเท่า
ข้อ ๑๖ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
ร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

ประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส

ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจบริการการช าระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์

พ.ศ. ๒๕๕๙




เพื่อรักษาความมั่นคงทางการเงินและการพาณชย์ ประโยชน์ในการเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและ



ยอมรับในระบบข้อมูลอิเลกทรอนิกส และเพื่อป้องกันความเสยหายตอสาธารณชน ตลอดจนเพื่อเป็นการพัฒนา


ประสทธิภาพการให้บริการการชาระเงินทางอิเลกทรอนิกสให้เหมาะสมกับการแข่งขันในปัจจบัน สงเสริมให้ผให้





ู้
บริการมีความน่าเชอถือมากยิ่งขึ้น
ื่

อาศยอ านาจตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๙ มาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ และมาตรา ๑๖ แห่งพระ






ราชกฤษฎีกาว่าดวยการควบคมดแลธุรกิจบริการการชาระเงินทางอิเลกทรอนิกส พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะกรรมการ


ธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกสจงก าหนดหลกเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจบริการการชาระเงินทาง



อิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้ให้บริการถือปฏิบัติดังนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิก
(๑) ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส เรื่อง หลกเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขใน



การประกอบธุรกิจบริการการช าระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๕๒



(๒) ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส เรื่อง หลกเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขใน
การประกอบธุรกิจบริการการช าระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕
(๓) ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส เรื่อง หลกเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขใน



การประกอบธุรกิจบริการการช าระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘



(๔) ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเลกทรอนิกส เรื่อง หลกเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขใน
การประกอบธุรกิจบริการการช าระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘
ข้อ ๒ ในประกาศฉบับนี้ เว้นแต่จะก าหนดไว้เป็นอย่างอื่น
ู้



ู้
“ผให้บริการ” หมายความว่า ผประกอบธุรกิจให้บริการการชาระเงินทางอิเลกทรอนิกสตามท ี่


ก าหนดไว้ในบัญชทายพระราชกฤษฎีกาว่าดวยการควบคมดแลธุรกิจบริการการชาระเงินทางอิเลกทรอนิกส พ.ศ.






๒๕๕๑ ประกอบด้วยธุรกิจบริการที่ต้องแจ้งให้ทราบก่อนให้บริการ (บัญชี ก) ธุรกิจบริการที่ต้องขอขึ้นทะเบียนก่อน
ให้บริการ (บัญชี ข) และธุรกิจบริการที่ต้องได้รับอนุญาตก่อนให้บริการ (บัญชี ค)
“ธุรกิจบริการที่ต้องแจ้งให้ทราบก่อนให้บริการ” (บัญชี ก) ได้แก่ การให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส ์

ู้



ี่

ี่
ทใชซื้อสนคาหรือรับบริการเฉพาะอย่างตามรายการทก าหนดไว้ลวงหน้าจากผขายสนคาหรือให้บริการเพียงราย




ู้
ั้
ี่




เดยว ทงนี้ เว้นแตการให้บริการเงินอิเลกทรอนิกสทใชจากัดเพื่ออ านวยความสะดวกแก่ผบริโภคโดยมิไดแสวงหา
ก าไรจากการออกบัตร ตามทธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศก าหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ (e-
ี่
Money บัญชี ก)

“ธุรกิจบริการที่ต้องขอขึ้นทะเบียนก่อนให้บริการ” (บัญชี ข) ได้แก่
(๑) การให้บริการเครือข่ายบัตรเครดิต (Credit Card Network)

(๒) การให้บริการเครือข่ายอีดีซี (EDC Network)
(๓) การให้บริการสวิตช์ชิ่งในการช าระเงินระบบหนึ่งระบบใด (Transaction Switching บัญชี ข)
ี่


(๔) การให้บริการเงินอิเลกทรอนิกสทใชซื้อสนคา และหรือรับบริการเฉพาะอย่างตามรายการท ี่





ก าหนดไว้ลวงหน้าจากผขายสนคาหรือให้บริการหลายราย ณ สถานททอยู่ภายใตระบบการจดจาหน่ายและการ
ี่

ี่

ู้


ให้บริการเดียวกัน (e-Money บัญชี ข)
“ธุรกิจบริการที่ต้องได้รับอนุญาตก่อนให้บริการ” (บัญชี ค) ได้แก่
(๑) การให้บริการหักบัญชี (Clearing)
(๒) การให้บริการช าระดุล (Settlement)
(๓) การให้บริการช าระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใดหรือผ่านทางเครือข่าย
(๔) การให้บริการสวิตช์ชิ่งในการช าระเงินหลายระบบ (Transaction Switching บัญชี ค)
(๕) การให้บริการรับช าระเงินแทน



ี่


(๖) การให้บริการเงินอิเลกทรอนิกสทใชซื้อสนคา และหรือรับบริการเฉพาะอย่างตามรายการท ี่
ู้

ก าหนดไว้ลวงหน้าจากผขายสนคาหรือให้บริการหลายราย โดยไม่จากัดสถานทและไม่อยู่ภายใตระบบการจด


ี่



จ าหน่ายและการให้บริการเดยวกัน (e-Money บัญชี ค)

“ธปท.” หมายความว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย
“ผู้ว่าการ” หมายความว่า ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส ์
“พนักงานเจ้าหน้าท” หมายความว่า ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือผู้ซึ่งผู้ว่าการธนาคาร
ี่




ั้
แห่งประเทศไทยแตงตงให้ปฏิบัตตามพระราชกฤษฎีกาว่าดวยการควบคมดแลธุรกิจบริการการชาระเงินทาง


อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๕๑

หมวด ๑
คุณสมบัติของผู้ให้บริการ การแจ้งให้ทราบ การขอขึ้นทะเบียน และการขอรับใบอนุญาต



ู้




ข้อ ๓ ผประสงคจะเป็นผให้บริการตามบัญช ก บัญช ข หรือบัญช ค ตองมีคณสมบัตและไม่มี
ู้




ี่




ลกษณะตองห้ามตามทก าหนดไว้ในมาตรา ๘ และมาตรา ๙ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าดวยการควบคมดแลธุรกิจ
บริการการช าระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๕๑
ู้
ู้

ู้



ในกรณผประสงคจะเป็นผให้บริการเป็นนิตบุคคล ให้กรรมการหรือผซึ่งมีอ านาจจดการของนิต ิ
บุคคลต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามวรรคหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ บุคคลตามวรรคหนึ่งและวรรคสองจะต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้ด้วย




ั่



(๑) เคยตองคาพิพากษาหรือคาสงของศาลให้ทรัพย์สนตกเป็นของแผนดน หรือเคยตองคา

พิพากษาถึงที่สุดว่ากระท าความผิดฐานฟอกเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ี่
(๒) เคยเป็นบุคคลทถูกก าหนดหรือตองคาพิพากษาถึงทสดว่ากระทาความผดฐานสนับสนุนทาง


ี่



การเงินแก่การก่อการร้าย ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการ
ร้าย


ข้อ ๔ ผู้ประสงค์จะเป็นผู้ให้บริการตามบัญช ค ในแตละประเภทธุรกิจ ต้องมีทุนจดทะเบียนซึ่ง
ช าระแล้วดังนี้
(๑) การให้บริการหักบัญชี (Clearing) ไม่ต่ ากว่า ๕๐ ล้านบาท
(๒) การให้บริการชาระดุล (Settlement) ไม่ต่ ากว่า ๒๐๐ ล้านบาท

(๓) การให้บริการชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์อย่างหนึ่งอย่างใด หรือผ่านทาง

เครือข่ายไม่ต่ ากว่า ๕ ล้านบาท
(๔) การให้บริการสวิตช์ชิ่งในการช าระเงินหลายระบบ (Transaction Switching

บัญชี ค) ไม่ต่ ากว่า ๕๐ ลานบาท
(๕) การให้บริการรับช าระเงินแทน ไม่ต่ ากว่า ๕ ล้านบาท

ี่




(๖) การให้บริการเงินอิเลกทรอนิกสทใชซื้อสนคา และหรือรับบริการเฉพาะอย่างตามรายการท ี่

ก าหนดไว้ล่วงหน้าจากผู้ขายสินค้าหรือให้บริการหลายราย โดยไม่จ ากัดสถานที่และไม่อยู่ภายใต้ระบบการจัดจาหน่าย
และการให้บริการเดียวกัน (e-Money บัญชี ค) ไม่ต่ ากว่า ๒๐๐ ล้านบาท



ู้


ผประสงคจะเป็นผให้บริการมากกว่าหนึ่งประเภทธุรกิจ ตองมีทนจดทะเบียนซึ่งชาระแลวไม่ตา

ู้
กว่าจ านวนทุนจดทะเบียนซึ่งช าระแล้วของประเภทธุรกิจที่ก าหนดไว้สูงสุด
ู้

ู้
นอกจากตองมีคณสมบัตตามวรรคหนึ่งและวรรคสองแลว ผประสงคจะเป็นผให้บริการจะตองมี





คุณสมบัติโดยมีสถานภาพทางการเงินที่มั่นคง ที่แสดงให้เห็นว่าสามารถดาเนินธุรกิจและให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง

ี่

และไม่มีความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความเสยหายต่อผู้ใชบริการ เช่น ฐานะและผลการด าเนินงานทผานมา แผนการ


ประกอบธุรกิจ โดยรวมถึงประมาณการรายได้ ค่าใช้จ่าย และงบลงทุนส าหรับระยะเวลา ๓ ปี


เมื่อไดรับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจแลว ห้ามผให้บริการตามบัญช ค ลดทนจดทะเบียนซึ่งชาระ


ู้



ี่

ู้


ี่

แลวก่อนไดรับอนุญาตจาก ธปท. เว้นแตผให้บริการทไดรับอนุญาตตามหลกเกณฑ์ทออกภายใตพระราชบัญญัต ิ
ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๑ หรือประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๕๘ แล้วแต่กรณ ี

ข้อ ๕ ผู้ประสงค์จะเป็นผู้ให้บริการตามบัญชี ก บัญชี ข หรือบัญชี ค ต้องยื่นแบบการแจ้งให้ทราบ

แบบการขอขึ้นทะเบียน หรือแบบการขอรับใบอนุญาต พร้อมเอกสารหลกฐาน แลวแตกรณ ตามแบบแนบทาย




ู้



ี่
ี่
ี่
ู้
ประกาศฉบับนี้หรือตามแบบทคณะกรรมการจะแก้ไขเพิ่มเตมตอผว่าการหรือพนักงานเจาหน้าททผว่าการ
มอบหมาย
กรณีที่ผู้ประสงค์จะประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการมากกว่าหนึ่งประเภทธุรกิจ สามารถยื่นแบบการ

ี่
แจงให้ทราบ แบบการขอขึ้นทะเบียน หรือแบบการขอรับใบอนุญาต พร้อมเอกสารหลกฐานตามทก าหนดในคราว

เดียวกันได ้
ผู้ประสงค์จะเป็นผู้ให้บริการต้องตรวจสอบและรับรองว่ามีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม
ประกาศฉบับนี้ด้วย
ข้อ ๖ ผู้ให้บริการที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจต่อไปเมื่อใบอนุญาตครบก าหนด ให้ยื่นค าขอต่ออายุ
ี่

ู้


ใบอนุญาต พร้อมเอกสารหลกฐานตามแบบทคณะกรรมการก าหนด ตอผว่าการหรือพนักงานเจาหน้าททผว่าการ
ู้
ี่
ี่
มอบหมายภายในระยะเวลา ๙๐ วัน แต่ไม่น้อยกว่า ๖๐ วัน ก่อนวันที่ใบอนุญาตเดิมสิ้นอาย ุ



ี่
ู้
ั่

ในกรณทคณะกรรมการพิจารณาไม่ตอใบอนุญาต และสงให้ผให้บริการตองปฏิบัตการอย่างหนึ่ง
อย่างใดไปจนกว่าใบอนุญาตจะสิ้นอายุ พนักงานเจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ผู้ให้บริการรายนั้นทราบเพื่อถือปฏิบัติต่อไป
ข้อ ๗ ในการพจารณาออกใบอนญาต ตองด าเนินการให้แลวเสรจภายใน ๔๕ วันท าการ นับ





แต่วันที่ได้แบบการขอรับใบอนุญาตและเอกสารถูกต้องครบถ้วน



ข้อ ๘ กรณทใบรับแจง ใบรับขึ้นทะเบียน หรือใบอนุญาต สญหาย ถูกทาลาย หรือชารุดเสยหาย



ี่



ในสาระส าคัญ ให้ผู้ให้บริการยื่นคาขอรับใบแทน พร้อมเอกสารหลักฐานตามแบบแนบทายประกาศฉบบนี้หรือตาม
ี่
แบบทคณะกรรมการจะแก้ไขเพิ่มเตม ตอผว่าการหรือพนักงานเจาหน้าททผว่าการมอบหมายภายในก าหนด ๓๐
ู้



ี่
ู้
ี่

วัน นับตั้งแต่วันที่รู้ถึงการสูญหาย การถูกท าลาย หรือการช ารุดเสียหาย แล้วแต่กรณ ทั้งนี้ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าท ี่
ได้ตรวจสอบความครบถวนและถูกต้องของเอกสารหลักฐานแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าททผู้ว่าการมอบหมายออกใบ

ี่
ี่
แทนของใบรับแจ้ง ใบรับขึ้นทะเบียนหรือใบอนุญาต แล้วแต่กรณ ี

หมวด ๒
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขทั่วไปในการประกอบธุรกิจบริการการช าระเงิน

ทางอิเล็กทรอนิกส ์






ข้อ ๙ ผให้บริการตามบัญช ก บัญช ข และบัญช ค ตองประกอบธุรกิจโดยปฏิบัตตามแผน

ู้

นโยบาย มาตรการ และระบบต่าง ๆ ตามที่ได้ยื่นแจ้งให้ทราบ ขึ้นทะเบียน หรือได้รับอนุญาต แล้วแต่กรณ ี

ข้อ ๑๐ กรณีผู้ให้บริการตามบัญชี ก บัญชี ข และบัญชี ค ได้มีการเปลี่ยนแปลงการดาเนินงานไป
จากเอกสารที่ได้ยื่นประกอบการแจ้งให้ทราบ การขึ้นทะเบียน หรือการได้รับอนุญาตหรือหยุดให้บริการชั่วคราว ให้
ผู้ให้บริการด าเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑) กรณผให้บริการตามบัญช ข และบัญช ค ย้ายสานักงานใหญ่ ให้ยื่นขออนุญาตจาก ธปท.




ู้
ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน ก่อนเริ่มด าเนินการ

ู้


(๒) ผให้บริการตองแจง ธปท. ทราบลวงหน้าไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน ก่อนเริ่มดาเนินการในกรณ ี

ดังต่อไปนี้
(ก) ผู้ให้บริการตามบัญชี ก ย้ายส านักงานใหญ่
(ข) ผู้ให้บริการตามบัญชี ก บัญชี ข และบัญชี ค เปลี่ยนแปลงระบบสารสนเทศพร้อมทั้งแสดง
แผนภาพของระบบสารสนเทศ
(ค) ผู้ให้บริการตามบัญชี ข และบัญชี ค เพิ่ม ยกเลิก หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการให้บริ
การแตกต่างจากที่ได้ขึ้นทะเบียนหรือได้รับอนุญาตไว้ แล้วแต่กรณี ให้แจ้ง ธปท. ทราบพร้อมข้อมูลรายละเอียดของ
ระบบสารสนเทศ (ถ้ามี)
(ง) ผู้ให้บริการตามบัญชี ข และบัญชี ค เปลี่ยนแปลงชื่อนิติบุคคล

ู้

(จ) ผให้บริการตามบัญช ข และบัญช ค หยุดให้บริการชวคราวอันเกิดจากการเตรียมการไว้

ั่
ล่วงหน้า เช่น การปิดปรับปรุงระบบงาน การปิดปรับปรุงพื้นที่ส านักงาน


ี่
(๓) ผให้บริการตองแจง ธปท. ทราบภายใน ๑๕ วัน นับจากวันทมีการเปลยนแปลงในกรณ ี
ู้
ี่
ดังต่อไปนี้

ี่


ู้
(ก) ผให้บริการตามบัญช ก บัญช ข และบัญช ค เปลยนแปลงกรรมการหรือผซึ่งมีอ านาจ
ู้


ั้

ี่
จดการของนิตบุคคล ทงนี้ ผให้บริการจะตองตรวจสอบและรับรองคณสมบัตของบุคคลทเป็นกรรมการหรือผู้ซึ่งมี


ู้








อ านาจจดการของนิตบุคคลว่ามีคณสมบัตและไม่มีลกษณะตองห้ามตามข้อ ๓ ตามแบบหนังสอรับรองแนบทาย
ประกาศฉบับนี้ด้วย
(ข) ผู้ให้บริการตามบัญชี ข และบัญชี ค เปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนซึ่งช าระแล้ว



(๔) กรณผให้บริการตามบัญช ก บัญช ข และบัญช ค เปิดสานักงานสาขาแห่งใหม่ ย้าย หรือปิด


ู้
ส านักงานสาขา ให้จัดท ารายงานสรุปรายไตรมาส พร้อมจัดส่งให้ ธปท. ภายใน ๓๐ วัน นับจากวันสิ้นไตรมาสตาม


ั้
ั่

แบบรายงานแนบทายประกาศฉบับนี้ ทงนี้ สานักงานสาขาไม่รวมถึงจดให้บริการชวคราว หรือสานักงานหรือจุด

ให้บริการของตัวแทนที่ผู้ให้บริการแต่งตั้ง
(๕) กรณีผู้ให้บริการตามบัญชี ข และบัญชี ค หยุดให้บริการชั่วคราวซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างอัน



เนื่องมาจากเหตจาเป็นหรือมีพฤตการณพิเศษ ซึ่งไม่ไดมีการเตรียมการไว้ลวงหน้า ให้แจงฝายนโยบายระบบการ





ช าระเงิน ธปท. และแจ้งผู้ใช้บริการทราบโดยทั่วกันภายใน ๒๔ ชั่วโมง นับแต่เวลาที่หยุดให้บริการชั่วคราว

(๖) ผู้ให้บริการต้องแจ้งให้ผู้ใชบริการทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน ก่อนเริ่มด าเนินการอย่าง










น้อย ๒ ชองทาง โดยอาจแจงข้อมูลผานชองทางอิเลกทรอนิกส หรือแจงเป็นลายลกษณอักษรหรือประกาศทาง
ี่

หนังสือพิมพ์ หรือปิดประกาศไว้ในทเปดเผย ณ สถานที่ท าการหรือจุดให้บริการของตัวแทนแตละแห่งทให้บริการก็

ี่
ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
(ก) ผู้ให้บริการตามบัญชี ข และบัญชี ค เปลี่ยนแปลงชื่อนิติบุคคล
(ข) ผให้บริการตามบัญช ข และบัญช ค หยุดให้บริการชวคราวอันเกิดจากการเตรียมการไว้


ู้
ั่
ล่วงหน้า เช่น การปิดปรับปรุงระบบงาน การปิดปรับปรุงพื้นที่ส านักงาน
(ค) ผู้ให้บริการตามบัญชี ก บัญชี ข และบัญชี ค ย้าย หรือปิดส านักงานสาขา



ู้
ข้อ ๑๑ ผให้บริการตามบัญช ก บัญช ข และบัญช ค ตองก าหนดนโยบายในการเก็บรักษาข้อมูล


ของผู้ใช้บริการ การก าหนดชั้นความลับในการเข้าถึงข้อมูล และการระบุตัวบุคคลที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวพร้อม
ี่
ทั้งจัดให้มีระบบการจัดเก็บข้อมูลทถูกต้องเชื่อถือได้และป้องกันผู้ที่ไม่มีหน้าทเกี่ยวข้องเขาถึงหรือแก้ไขข้อมูลทเก็บ

ี่
ี่
รักษา
ข้อ ๑๒ ผู้ให้บริการตามบัญชี ก บัญชี ข และบัญชี ค ต้องรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคลของ
ผู้ใช้บริการ โดยจะไม่เปิดเผยข้อมูลเหล่านั้นตลอดระยะเวลาการใชบริการและภายหลังทเลิกใช้บริการแล้วเว้นแตกรณีต่อไปนี้

ี่

ี่


(๑) การเปิดเผยโดยไดรับความยินยอมเป็นหนังสอหรือวิธีการอื่นใดทางอิเลกทรอนิกสตามท


ผู้ให้บริการก าหนดจากผู้ใช้บริการ
(๒) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวน หรือการพิจารณาคด ี
(๓) การเปิดเผยแก่ผู้สอบบัญชีของผู้ให้บริการ
(๔) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมาย
(๕) การเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในการก ากับดูแลระบบการช าระเงินของ ธปท.
ข้อ ๑๓ ผู้ให้บริการตามบัญชี ก บัญชี ข และบัญชี ค ต้องมีการก าหนดข้อตกลงในการให้บริการไว้
เป็นลายลักษณ์อักษร และเปิดเผยให้ผู้ใช้บริการทราบอย่างชัดเจน ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วย

ู้
ู้

ี่

(๑) สทธิ หน้าท และความรับผดของผให้บริการและผใชบริการ ทงในกรณปกตและกรณทเกิด


ั้
ี่

เหตุฉุกเฉิน
(๒) หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีปฏิบัติในการให้บริการ
(๓) ความเสี่ยงทางการเงิน (Financial Risk) ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้บริการ (ถ้ามี)

ี่


ี่
ั้

ู้
ทงนี้ ผให้บริการมีหน้าทตดตามดแลให้ผใชบริการปฏิบัตตามหลกเกณฑ์ เงื่อนไขทก าหนด และ

ู้
กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งท าให้ผู้ใช้บริการเสียประโยชน์ ผู้ให้บริการต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า โดย
ประกาศไว้ ณ สถานที่ท าการทุกแห่ง หรือด้วยวิธีการอื่นใดให้ผู้ใช้บริการสามารถทราบได ้
ู้
ข้อ ๑๔ ผให้บริการตามบัญช ก บัญช ข และบัญช ค ตองดาเนินการเกี่ยวกับการเปิดเผย





ค่าธรรมเนียม ดังต่อไปนี้
(๑) เปิดเผยรายละเอียดของค่าธรรมเนียมที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการ โดยประกาศไว้ ณ สถานท ี่
ทาการทกแห่ง หรือดวยวิธีการอื่นใดให้ผใชบริการสามารถทราบได ทงนี้ ในการก าหนดคาธรรมเนียมผให้บริการ
ู้
ั้


ู้




ต้องก าหนดให้เป็นไปตามกลไกตลาดเพื่อให้เกิดการแข่งขันและต้องค านึงถึงความเป็นธรรมต่อผู้ใช้บริการด้วย

(๒) เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงคาธรรมเนียม ผู้ให้บริการจะต้องประกาศรายละเอียดไว้ ณ สถานททา

ี่

ี่
ี่


ี่




ู้
ู้


การทกแห่ง โดยในกรณทมีการเปลยนแปลงททาให้ผใชบริการเสยประโยชน์ ผให้บริการตองแจงดวยวิธีการอื่นใด
ให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน ก่อนการเปลี่ยนแปลงจะมีผลใช้บังคับ

(๓) จดสงประกาศคาธรรมเนียมให้ ธปท. ทราบโดยเร็วในรูปเอกสารอิเลกทรอนิกส นับแตวันท ี่





ออกประกาศครั้งแรกและทุก ๆ ครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง



ข้อ ๑๕ ผให้บริการตามบัญช ก บัญช ข และบัญช ค ตองดาเนินการเมื่อมีการร้องเรียนหรือมี

ู้

ข้อโต้แย้งจากผู้ใช้บริการ รวมทั้งก าหนดกรอบเวลาเพื่อหาข้อยุติดังนี้

(๑) จัดให้มีช่องทางและวิธีการส าหรับการรับขอร้องเรียนจากผู้ใชบริการ โดยอย่างน้อยต้องจดให้



มีหมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่ส านักงานหรือที่อยู่ส าหรับติดต่อทางจดหมายอิเล็กทรอนิกสที่สามารถติดต่อได ้





(๒) ก าหนดวิธีปฏบัตเกี่ยวกับขั้นตอนและการดาเนินการเพื่อหาข้อยุตเป็นลายลกษณอักษรโดยผ ู้


ี้
ให้บริการตองดาเนินการตรวจสอบและแจงความคบหน้า รวมทงชแจงขั้นตอนการดาเนินการพร้อมทงแจง

ั้



ั้

ก าหนดเวลาในการแก้ไขข้อร้องเรียนให้ผู้ร้องเรียนทราบภายใน ๗ วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งการร้องเรียน
(๓) ด าเนินการแก้ไขข้อร้องเรียนให้แล้วเสร็จและแจ้งผลการด าเนินการให้ผู้ร้องเรียนทราบโดยเร็ว

ู้

ี่
ข้อ ๑๖ ผให้บริการตามบัญช ก บัญช ข และบัญช ค ตองจดทางบการเงินทแสดงฐานะทาง




การเงินและผลการด าเนินงาน และจัดส่งให้ ธปท. ตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้ โดยเริ่มตั้งแต่งวดแรกที่ได้ประกอบธุรกิจ



(๑) งวดบัญชในรอบระยะเวลา ๖ เดอนแรกของปีบัญช ให้ผให้บริการตามบัญช ข และบัญช ค
ู้


จัดส่งงบการเงินงวด ๖ เดือนแรกของปีบัญชี ให้ ธปท. ภายใน ๔๕ วัน นับแต่วันสิ้นงวด
ู้
(๒) งวดประจาปีบัญช ให้ผให้บริการตามบัญช ก บัญช ข และบัญช ค ซึ่งเป็นนิตบุคคล จดสงงบ








ู้
ี่
ู้




การเงินประจาปีทผานการรับรองของผสอบบัญชรับอนุญาตหรือผสอบบัญชภาษีอากร แล้วแต่กรณี ให้ ธปท.
ภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันส้นงวด และให้ผ้ให้บริการตามบัญชี ก ท่เป็นบุคคลธรรมดา จดสงสาเนาแบบแสดง






รายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ ธปท. ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้ยื่นเสียภาษีในแต่ละงวด
ู้




ข้อ ๑๗ ผให้บริการตามบัญช ก บัญช ข และบัญช ค ตองจดทารายงานทเกี่ยวข้องตามแบบและ


ี่
ระยะเวลาที่ ธปท. ก าหนด และส่งให้ ธปท. ภายใน ๓๐ วัน นับจากวันสิ้นงวดที่ก าหนดให้จัดท ารายงานนั้น โดยเริ่ม
ตั้งแต่งวดระยะเวลาแรกที่ผู้ให้บริการเริ่มประกอบธุรกิจ





ู้
ทงนี้ ผให้บริการตามบัญช ก บัญช ข และบัญช ค ทกประเภท อาจตองจดทาข้อมูลรายงานอื่น
ั้


เพิ่มเติมตามที่ ธปท. ก าหนดด้วย


ข้อ ๑๘ ผให้บริการตามบัญช ก บัญช ข และบัญช ค ตองจดให้มีระบบงานทสามารถตรวจสอบ
ี่
ู้



รายการย้อนหลังได ้


ู้
ข้อ ๑๙ กรณผให้บริการตามบัญช ก บัญช ข และบัญช ค ให้ผให้บริการรายอื่นหรือบุคคลอื่น

ู้


(Outsourcing) มาดาเนินการแทนในงานระบบสารสนเทศ รวมถึงงานทมีผลกระทบอย่างมีนัยสาคญตอธุรกิจผ ู้

ี่



ให้บริการจะตองด าเนินการ ดังต่อไปนี้
(๑) จัดให้มีกระบวนการบริหารความเสี่ยง รวมทั้งการคัดเลือก ติดตาม ประเมินผล และตรวจสอบ
การให้บริการของผให้บริการรายอื่นหรือบุคคลอื่นอย่างเหมาะสม โดยประเมินความเสยงของการใชบริการจากผ ู้

ู้
ี่
ให้บริการรายอื่นอย่างสม่ าเสมอ



(๒) จัดให้มีการทาสัญญาการใช้บริการ ซึ่งระบุสิทธิของผ้ตรวจสอบภายใน ผ้ตรวจสอบ
ภายนอก และ ธปท. ในการเข้าตรวจสอบการดาเนินงานและการควบคุมภายในของผ้ให้บริการรายอื่นหรือ


บุคคลอื่นนั้นได ้
ั้
ู้
ทงนี้ ผให้บริการยังคงมีความรับผดตอผใชบริการในการให้บริการทตอเนื่อง ปลอดภัย น่าเชอถือ
ู้


ี่

ื่

และความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เสมือนกับการให้บริการโดยผู้ให้บริการเอง
ข้อ ๒๐ กรณีผู้ให้บริการตามบัญชี ก บัญชี ข และบัญชี ค แต่งตั้งตัวแทน (Agent) ให้ด าเนินการ



แทนในการให้บริการการชาระเงินทางอิเล็กทรอนิกสแก่ผู้ใชบริการ ผู้ให้บริการต้องปฏบัตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์


ที่ ธปท. ประกาศก าหนด


ู้
ู้

ั้

ทงนี้ ผให้บริการยังคงมีความรับผดตอผใชบริการในการให้บริการทตอเนื่อง ปลอดภัย น่าเชอถือ
ื่
ี่
และความเสียหายใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เสมือนกับการให้บริการโดยผู้ให้บริการเอง
ข้อ ๒๑ ผู้ให้บริการตามบัญชี ก บัญชี ข และบัญชี ค ต้องจัดให้มีการตรวจสอบระบบสารสนเทศ
อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง โดยให้เป็นไปตามแนวนโยบายและมาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางระบบ
ี่

สารสนเทศตามท ธปท. ก าหนด และจดสงสาเนาผลการตรวจสอบให้ ธปท. ภายใน ๓๐ วัน นับแตวันททาการ



ี่

ตรวจสอบแล้วเสร็จ
ข้อ ๒๒ ผู้ให้บริการตามบัญชี ก บัญชี ข และบัญชี ค ที่เป็นสถาบันการเงินภายใต้พระราชบัญญัต ิ
ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๑ หรือที่มิใช่สถาบันการเงินตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๕๘ หากมิได้มีการ
ก าหนดหลักเกณฑ์ไว้เป็นการเฉพาะภายใต้กฎหมายดังกล่าวแล้ว ให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(๑) การขออนุญาตหรือแจ้งย้ายส านักงานใหญ่ ตามข้อ ๑๐ (๑) และข้อ ๑๐ (๒) (ก)


ี่
ู้
ี่
(๒) การแจงเปลยนแปลงกรรมการหรือผซึ่งมีอ านาจจดการของนิตบุคคล และการเปลยนแปลง

ทุนจดทะเบียนซึ่งช าระแล้ว ตามข้อ ๑๐ (๓)
(๓) การเปลี่ยนแปลงชื่อนิติบุคคล ตามข้อ ๑๐ (๒) (ง) และข้อ ๑๐ (๖) (ก)
(๔) การหยุดให้บริการชั่วคราว ตามข้อ ๑๐ (๒) (จ) ข้อ ๑๐ (๕) และข้อ ๑๐ (๖) (ข)
(๕) การรายงานเปิดส านักงานสาขาแห่งใหม่ หรือย้ายหรือปิดส านักงานสาขา ตามข้อ ๑๐ (๔)
(๖) การจัดท าและจัดส่งงบการเงินที่แสดงฐานะทางการเงินและผลการด าเนินงาน
ตามข้อ ๑๖
(๗) การจัดท าและจัดส่งรายงานที่เกี่ยวข้องตามแบบและระยะเวลาที่ ธปท. ก าหนด
ตามข้อ ๑๗
(๘) การจัดให้มีการตรวจสอบระบบสารสนเทศและจัดส่งส าเนาผลการตรวจสอบ ตามข้อ ๒๑






ู้


ี่
ข้อ ๒๓ ในกรณมีเหตจาเป็นหรือพฤตการณพิเศษ ททาให้ผให้บริการไม่สามารถดาเนินการ
ี้


ู้
ดงตอไปนี้ไดภายในระยะเวลาทก าหนด ให้ผให้บริการยื่นขออนุญาตขยายระยะเวลาตอ ธปท. พร้อมชแจงเหตผล


ี่


ความจ าเป็นและก าหนดเวลาที่จะด าเนินการแล้วเสร็จ โดย ธปท. อาจจะพิจารณาขยายระยะเวลาหรือไม่ก็ได ทั้งนี้
ธปท. มีอ านาจพิจารณาขยายระยะเวลาได้ไม่เกิน ๙๐ วัน นับแต่ระยะเวลาที่ก าหนดสิ้นสุด
(๑) ยื่นขออนุญาตหรือแจ้งให้ ธปท. ทราบการเปลี่ยนแปลงการด าเนินงาน ตามข้อ ๑๐
(๒) จัดส่งงบการเงินที่แสดงฐานะทางการเงินและผลการด าเนินงาน ตามข้อ ๑๖
(๓) จัดส่งรายงานที่เกี่ยวข้องตามที่ ธปท. ก าหนด ตามขอ ๑๗

(๔) จัดส่งส าเนาผลตรวจสอบระบบสารสนเทศ ตามข้อ ๒๑


Click to View FlipBook Version