ทศชาติชาดก
ชาติท่ี ๘
นารทพรหมชาดก
เรอ่ื ง ณรงค์ศกั ดิ์ เทพมา
ภาพ ศริ ยิ าภรณ์ จดั แจง
คานา
ห นั ง สื อ ก า ร์ ตู น อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ อ อ น ไ ล น์
ชุด ทศชาติชาดก จัดทาขึ้นเพื่อให้ผู้อ่านได้ศึกษาเร่ืองราว
ของพระพุทธเจ้าเม่ือครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติ
เป็น พระนารทพรหม ในเร่ือง นารมพรหมชาดก และได้
บาเพ็ญอุเบกขาบารมี ซ่ึงเป็นบารมีที่ ๘ ในทศบารมีของ
การเป็นพระสัมมาสมั พุทธเจ้า ผู้จัดทาหวังว่าหนังสือเล่มนี้
จะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านที่สนใจทุกท่าน หากมีข้อผิดพลาด
ประการใดตอ้ งขออภัยมา ณ ท่ีนี้
ณรงคศ์ ักด์ิ เทพมา
ผูจ้ ดั ทา
๑
๒
คร้ังโบราณมีพระราชาพระนามว่า พระเจ้า
อังคติราช ครองกรุงมิถิลา แคว้นวิเทหะ มีพระราชธิดา
พระนามว่า พระรุจราชกุมารี พระราชธิดาทรงมี
พระสิรโิ ฉมงดงาม เปน็ ที่โปรดปรานของพระเจ้าองั คติราช
เมื่อพระธิดาเจริญวัย พระราชบิดาได้
พระราชทานทรัพย์ให้พระธิดาบริจาคทานเป็นประจา
เพราะพระราชธดิ าสนใจการทาบุญ ชว่ ยเหลือประชาชน
๓
๔
ในคืนวันเพ็ญ พระเจ้าอังคติราชเกิดสงสัย
ปริศนาธรรม ได้ปรึกษากับเหลา่ อามาตย์และไดข้ ้อสรุปว่า
ควรไปหาคุณาชีวกกัสสปโคตร นักบวชท่ีอาศัยอยู่
ในป่ามิคทายวัน เมื่อพระเจ้าอังคติราชเสด็จไปพบได้ตรัส
ถามคุณาชีวก ว่าควรปฏิบัติต่อบิดามารดา ครู อาจารย์
บุตรและภริยาอย่างไร และทาอย่างไรจะได้ไปสวรรค์ ทา
อย่างไรจะไดไ้ ปนรก
คุณาชีวกเป็นผู้มีมิจฉาทิฐิ ไม่มีสติปัญญารอบรู้
จึงตอบปัญหานี้ไม่ได้ แต่กลัวจะเสียชื่อเสียงได้ตอบไปว่า
บาปบุญไม่มี โลกน้ีโลกหน้าไม่มี บิดามารดาไม่มี ทุกคน
ลว้ นเกิดมาเมื่อครบ ๘๔ กปั ก็จะบริสทุ ธ์ไิ ปเอง
๕
๖
พระเจ้าอังคติราช หลังจากได้ฟังคาสอนของ
คุณาชีวกก็เกิดความเช่ือ เพราะอามาตย์ผู้หน่ึงได้พูดว่า
ชาติท่ีผ่านมาของตนเป็นนักฆ่าวัว แต่มาเกิดชาติน้ีเป็น
ผทู้ ่ีร่ารวยมีทรพั ยส์ มบัติมากมาย และชายขอทานอีกคน
พูดว่าเมื่อชาติก่อนตนเป็นเศรษฐีได้ทาบุญ บริจาคทานแต่
เกิดมาชาติน้ีกลับเป็นเพียงขอทาน ทาให้พระเจ้าอังคติราช
เกดิ ความเชือ่ อยา่ งมากกับคาสอนของคณุ าชวี ก
๗
๘
หลังจากกลับพระราชวังพระเจ้าอังคติราชจึงไม่
สนใจในการบรจิ าคทาน การทาความดี แต่ใช้ชีวติ สาราญ
กับความสุขในกามคุณ เลิกฟังธรรม ศึกษาธรรม และไม่
ไปเยย่ี มคุณาชีวกอกี เลย
เม่ือพระราชธิดา ทราบข่าวก็เกิดสลดใจที่
พระราชบิดาเสด็จไปถามคุณาชีวก ผู้ไร้คุณธรรมควรที่
จะถามพระปัจเจกสาวกของพระพุทธเจ้า ด้วยเห็นทีท่า
ไม่เป็นผลดี พระธิดาจึงคิดอุบายที่จะให้พระราชบิดากลับ
ความคิด เพราะพระธิดาก็สามารถระลึกชาติได้ ๑๔ ชาติ
จากอดตี ๗ ชาติ และ อนาคตอกี ๗ ชาติ
๙
๑๐
พระราชธิดา รอให้ถึงวันเพ็ญแล้วเข้าเฝ้า
พระราชบิดา โดยทูลขอพระราชทานทรัพย์สมบัติ เพื่อ
นาไปบริจาคทานแก่ประชาชน บารุงนักบวช แต่พระเจ้า
อังคติราชผู้มีมิจฉาทิฐิ ตอบปฏิเสธที่จะให้พระราชธิดา
บริจาคทาน เพราะไม่เห็นประโยชน์ใด ๆ จากการทาทาน
ดั่งคาของคณุ าชีวก
๑๑
๑๒
พระราชธิดารู้ว่าพระราชบิดาหลงผิด ได้
พยายามเกลี้ยกล่อม โน้มน้าวให้พระราชบิดาหลุดจาก
การหลงผดิ อธบิ ายวา่ อามาตย์ผู้ที่เป็นนักฆ่าวัวในชาติก่อน
แต่เกิดในชาติน้ีเป็นเศรษฐี หรือขอทานที่ชาติก่อนเป็นผู้มี
ศลี มีธรรมบรจิ าคทาน แต่ในชาตินี้เกดิ มาเปน็ เพียงขอทาน
เพราะในอดีตโทษของอามาตย์นั้นยังไม่ถึงท่ีตกนรก แต่
ผลบุญที่เคยทาไว้ส่งผลให้เป็นเศรษฐีแต่หลังจากนี้จะต้อง
ชดใชก้ รรมท่ตี นไดท้ าไว้
ส่วนขอทาน เพราะผลบาปที่ได้ทาเอาไว้ยัง
ไม่หมดส้ินจึงมาชดใช้ในชาตินี้ พระราชธิดายังได้เล่าถึง
การระลึกชาติของตน ท้ังอดีตชาติ ๗ ชาติและอนาคตอีก
๗ ชาตใิ ห้พระเจ้าอังคตริ าชฟัง
๑๓
๑๔
พ ร ะ เ จ้ า อั ง ค ติ ร า ช ไ ด้ รั บ ฟั ง พ ร ะ ร า ช ธิ ด า ก็
ทรงสงบน่ิงไม่โต้แย้งใด ทรงปลื้มพระทัยพระราชธิดาเป็น
อย่างมาก แต่ไม่สามารถทาให้พระเจ้าอังคติราชลด
มจิ ฉาทฐิ ิได้
พระราชธิดารุจาหมดหนทางท่ีจะช่วยเหลือ
พระราชบิดา จึงประนมมือข้ึนเหนือพระเศียร ไหว้เทพเจ้า
ท้งั ๑๐ ทิศ ขอให้มาช่วยเหลือพระราชบิดาของตน
๑๕
๑๖
ในครั้งน้ันพระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นนารทพรหม
ผู้ประกอบด้วยอุเบกขาธรรม ทรงพิจารณาถึงความเป็นไป
ยังโลกมนุษย์และได้เห็นพระธิดารุจาสวดอ้อนวอนต่อ
เทพเจา้ คิดดูแล้วไม่มีใครช่วยได้นอกจากตน นารทพรหม
ได้แปลงกายเป็นนักบวช เหาะลงมาอยู่เบื้องหน้า
พระพกั ตรพ์ ระเจา้ องั คติราชในจันทรปราสาท
๑๗
๑๘
พระเจ้าอังคติราชเม่ือได้เห็นนารทพรหมก็
ทรงหวาดกลัว ได้ถามว่าเป็นใคร มาจากไหน มีนามว่า
อย่างไร นารทพรหมได้กล่าวออกไปว่า อาตมามีนามว่า
นารทะ มาจากเทวโลก พระเจ้าอังคติราชสงสัยว่า
เหตุใดจึงเหาะเหินได้ นารทฤาษี ว่าตนได้บาเพ็ญ
ธรรม ๔ ประการ คือ สัจจะ สุจริต ทมะ จาคะ ในชาติ
กอ่ นจงึ ไดม้ ีฤทธิ์
พระเจ้าอังคติราชยังไม่ทรงเช่ือ เพราะยึดคาสอน
ของคุณาชีวก นารทฤาษีจึงได้พูดเรื่องเก่ียวกับนรกให้
พระเจา้ องั คตริ าชฟังจนเกดิ ความกลัว
๑๙
๒๐
จากนั้นพระเจ้าอังคติราชจึงค่อย ๆ ลดมิจฉาทิฐิ
ลงและเช่ือฟังธรรมเทศนาจากนารทฤาษี นารทฤาษีได้
ยกตัวอย่างพระราชา ๖ พระองค์ ท่ีอุปถัมภ์บารุง
สมณพราหมณ์ คร้ันละโลกไปได้เสด็จไปสู่สวรรค์ และย
แนะนาให้พระเจ้าอังคติราชงดเว้นจากอธรรม ประพฤติแต่
ธรรมอยา่ งพระราชาเหลา่ น้นั
๒๑
๒๒
หลังจากนารทฤาษีให้โอวาทแก่พระเจ้า
อังคติราช ก็ให้โอวาทแก่พระธิดารุจา ตลอดจน
ข้าราชบริพารประชาชนที่อยู่ ณ ปราสาทนั้น แล้วกลับไป
ยังพรหมโลก
ตั้งแต่นั้นมาพระเจ้าอังคติราช ต้ังอยู่ในโอวาท
อย่างเคร่งครัด มุ่งให้ทาน รักษาศีล ครั้นเสด็จสวรรคตก็
ไปบงั เกดิ ในสวรรค์ตลอดกาล
คตธิ รรม
ผู้ที่คอยแนะนา ชท้ี างทถี่ ูกตอ้ งให้แก่บุคคลอนื่
ผนู้ ้ันย่อมได้รบั ความเจรญิ และการสรรเสรญิ