คำนำ
เอกสารชุดของโครงการพัฒนาข้อมูลชุมชนเพื่อการส่งเสริมอาชีพ การสร้างฐานเศรษฐกิจ
แหล่งเรยี นรแู้ ละการท่องเที่ยวชมุ ชนระดบั ตำบลนี้ ประกอบด้วยชดุ ข้อมูลพ้นื ที่ 3 ตำบลชายฝั่งอำเภอ
จะนะ ได้แก่ ตำบลสะกอม ตำบลตลิ่งชัน ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่
ปฏิบัติการของโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (มหาวิทยาลัยสู่ตำบล
สร้างรากแก้วให้ประเทศ) หรือ U2T ระยะที่ 1 พ.ศ. 2564 ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มอบหมายให้สถาบนั สันติศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ ทำหน้าที่ดูแล
โครงการในพ้นื ที่
ในส่วนของเนื้อหาในเอกสารนี้จะแบ่งเปน็ 3 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกเป็นข้อมูลศักยภาพตำบล
สภาพทางด้านเศรษฐกิจสังคม แหล่งเรียนรู้ แหล่งท่องเที่ยว (แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และ
เชิงธรรมชาติ) และกลุ่มองค์กรชุมชน ส่วนที่สอง เป็นการสมั ภาษณบ์ ุคคลและกลุ่มคนที่ร่วมสนับสนุน
โครงการและบทบาทในการขับเคลื่อนพืน้ ที่ และส่วนทีส่ าม เป็นการนำข้อมูลทั้งสองส่วนมาจัดทำบท
วิเคราะห์การพัฒนาเชิงพื้นที่ ที่จะสามารถเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนพื้นที่ในด้านต่าง ๆ รวมถึง
บทบาทของผู้ปฏิบัตงิ าน U2T กับการพฒั นาพ้นื ที่ และภาพอนาคตทค่ี วรจะเป็นสำหรับการพัฒนาเชิง
พน้ื ที่
สถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการทำงานของ
ผปู้ ฏบิ ัตงิ านโครงการยกระดบั เศรษฐกิจและสงั คมรายตำบลแบบบรู ณาการ (U2T) จะมสี ว่ นหนนุ เสริม
ข้อมูลของพื้นที่เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปเป็นฐานข้อมูลในการยกระดับการพัฒนาตามภาค
ส่วนตา่ ง ๆ ที่เกิดขึ้นในตำบลต่อไปได้ และขอขอบคุณผู้เก่ยี วข้องทุกท่านท่ีมสี ว่ นร่วมในการเติมเต็มชุด
ข้อมลู นีเ้ พ่ือนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
สารบัญ หน้า
ศกั ยภาพตำบล 1
3
• บริบททัว่ ไปของตำบลนาทบั อำเภอจะนะ จงั หวดั สงขลา 4
• สภาพทางด้านเศรษฐกิจของตำบลนาทบั 10
• แหลง่ เรียนรู้ทน่ี ่าสนใจในตำบลนาทับ 14
• แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วในตำบลนาทับ
• กลุ่มองคก์ รชุมชน 17
สมั ภาษณ์ เรอื่ งราว... “ชาวนาทับ” 23
28
• บงั นี : ผรู้ กั ษท์ ะเล
• ลวดลายของชวี ติ : “ME - D นาทบั ” 33
• ความงดงามและนวัตวิถบี ้านคูน้ำรอบ 35
บทวิเคราะหก์ ารพัฒนาเชงิ พ้ืนท่ี “ตำบลนาทับ” 38
38
• ศักยภาพของพื้นที่
• สถานการณ์ปัญหาของพนื้ ที่ 40
• บทบาทของผปู้ ฏิบตั งิ าน U2T กบั การพฒั นาพื้นท่ี 40
• ภาพอนาคตที่ควรจะเป็นสำหรับการพัฒนาเชิงพน้ื ที่ 41
บรรณานกุ รม
• บรรณานุกรม
• รายชอื่ ผูส้ ัมภาษณ์
• คณะผู้จัดทำข้อมูล
ศกั ยภาพตำบลนาทบั
อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
1. บริบททั่วไปของตำบลนาทบั อำเภอจะนะ จงั หวัดสงขลา
เปน็ พ้นื ท่ีตั้งอยู่ติดริมคลองนาทับและชายฝ่ังทะเลอ่าวไทย เปน็ ชมุ ชนดั้งเดิมท่ีต้ังมาประมาณ
200 กว่าปี มาแล้ว เอกสารทางประวัติศาสตร์ที่เกีย่ วข้องกับตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
ไม่ได้มีปรากฎอย่างชัดเจน หากแต่บันทึกทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเมืองจะนะไว้ พื้นที่นาทับเป็น
แหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและการคมนาคม ในยุคเริ่มต้นของการเกิด
ชุมชนในอดีต ชุมชนนาทับเป็นชุมชนใหญ่ เดิมอยู่ที่บ้านโหละ (บ้านเตาอิฐ) ต่อมามีการขยับขยาย
ครอบครวั มาท่ีบา้ นนาทับ (บา้ นใต)้ คนในชมุ ชนประกอบดว้ ยชาวไทยพทุ ธ ชาวไทยมสุ ลมิ และชาวไทย
เชื้อสายจีน อยู่ร่วมกันที่บ้านนาทับ ต่อมาด้วยวิถีการดำรงชีวิตของชาวมุสลิมซึ่งส่วนใหญ่ประกอบ
อาชีพประมงท้ังขนาดเลก็ ที่มีพืน้ ทท่ี ำกินในคลองนาทับและเรืออวนประมงขนาดใหญ่หรือ อวนปาหยัง
ซึ่งทำการประมงในทะเล ไม่สะดวกต่อการนำผลผลิตจากการประมงขึ้นฝั่งที่บ้านนาทับเพราะตลิ่งมี
ความชันสูง อีกทั้งวิถีชีวิตและการประกอบศาสนกิจที่ต้องอยู่รวมกันเป็นชุมชนเพราะต้องมีศาสน
สถาน (มัสยิด) ในการประกอบพิธีกรรมและศาสนกิจ จึงได้ย้ายชุมชนมาอยู่บริเวณริมคลองข่า ส่วน
หนึ่งก็อพยพไปอยู่ท่ายาง ท่าคลอง ท่าเคียน บ้านคูและบ้านม้างอน เป็นต้น ซึ่งอยู่ในช่วงประมาณ
150 ปีที่ผ่านมานี่เอง ชุมชนแต่ละชุมชนจึงเติบโตมาและขยายตัวออกไป ผู้คนจากบ้านคลองข่า ได้
ขยายไปตั้งถิ่นฐานใหม่ เพื่อสะดวกในการประกอบอาชีพประมงตั้งแต่บ้านปากจด ปากบาง ปึกและ
บ่ออิฐ เป็นตน้ ทำให้ผู้คนในตำบลนาทับสว่ นใหญจ่ ึงเปน็ เครอื ญาตกิ นั (อสุ มาน หวงั สนิ, 2553)
ตำบลนาทับ เปน็ ตำบลหนง่ึ ของอำเภอจะนะ จงั หวดั สงขลา ประกอบดว้ ย 14 หมู่บา้ น ตั้งอยู่
ทางทศิ เหนือของท่วี ่าการอำเภอจะนะ หา่ งจาก ทว่ี ่าการอำเภอจะนะประมาณ 18 กโิ ลเมตร ระหว่าง
ละติจูดที่ 7 องศา 06 ลิปดา 03.34 พิลิปดาเหนือ ถึงละติจูดที่ 6 องศา 59 ลิปดา 03.32 พิลิปดา
เหนือ และระหว่างลองจิจูดที่ 100 องศา 43 ลิปดา 06.36 พิลิปดาตะวันออก ถึงลองจิจูดที่ 100
องศา 40 สปิ ดา 29.35 พลิ ปิ ดาตะวันออก และมอี าณาเขตตดิ ตอ่ กบั พ้นื ทโ่ี ดยรอบดงั นี้
ทศิ เหนอื ติดตอ่ กับตำบลเกาะแตว้ อำเภอเมืองสงขลา
ทศิ ใต้ ติดตอ่ กับตำบลตล่ิงชนั และตำบลจะโหนง
ทิศตะวนั ออก ตดิ ตอ่ กับอ่าวไทย
ทิศตะวนั ตก ตดิ ต่อกับตำบลทงุ่ หวัง อำเภอเมืองสงขลาและตำบลจะโหนง อำเภอจะนะ
จงั หวดั สงขลา
พื้นที่ของตำบลนาทับ มีขนาดพื้นที่ 31.32 ตารางกิโลเมตร หรือ 19,573 ไร่ มีความยาวจาก
เหนือมาใต้ ประมาณ 12.90 กิโลเมตร และมีความกว้างจากตะวันออกไปตะวันตก ประมาณ 4.92
กิโลเมตร มีจำนวนประชากรทัง้ สิน้ 11,277 คน เปน็ ชาย 5,635 คน และเป็นหญิง 5,642 คน
Page |2
ภาพท่ี 1 แผนทต่ี ำบลนาทับ อำเภอจะนะ จงั หวดั สงขลา
Page |3
2. สภาพทางด้านเศรษฐกิจของตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จงั หวดั สงขลา
2.1 ด้านการประกอบอาชีพ
2.1.1 ด้านประมง
1) ประมงริมชายฝ่งั ทะเล (เรือประมงพน้ื บ้านขนาดเล็ก/เรือทา้ ยตดั )
2) ประมง (เรอื อวนลาก)
3) ประมงพน้ื บ้านคลองนาทับ (วางอวน/ไซจม/ไซน่งั /ราวเบ็ด/ลากเบ็ด/งม
กงุ้ /โพงพาง บาม (ยอใหญ)่ /ตกปลา
4) การเพาะเลีย้ งสัตว์น้ำ (นาก้งุ /กระชงั ปลากะพง/หอยนางรม)
2.1.2 ด้านเกษตรกร
1) มะม่วงนาทับ
2) แตงโม
3) มะพร้าวนำ้ หอม
4) ยางพารา
5) แตงกวา
6) ฟกั ทอง
7) ดาวเรือง
2.1.3 ดา้ นค้าขาย
1) แบบออฟไลน์ เช่น รา้ นค้าปลีก ร้านขายของชำ รา้ นอาหารและ
เครื่องด่ืม คา้ ขายอาหารทะเลและผลติ ภัณฑแ์ ปรรูปอาหารทะเล เปน็ ต้น
2) แบบออนไลน์ เช่น แพปลามยุรยี ์ แพปลาซนั ญี เปน็ ต้น
2.1.4 ด้านปศุสัตว์
1) ฟารม์ ไก่ไข่
2) ฟาร์มไกเ่ นื้อ
2.1.5 รับจา้ งทั่วไป เชน่ กอ่ สร้าง พนกั งานโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เปน็ ต้น
2.1.6 กลุ่มอาชีพในตำบลนาทับ
1) กลุ่มเกษตรอินทรยี ์ (สวนเกษตรทรายทอง)
2) กลมุ่ ฟาร์มเห็ด (สวนเห็ดอลงั การ)
3) กลมุ่ ธนาคารปู
4) สมาคมรักษท์ ะเลจะนะ (ปลากะพงฝังทราย)
5) กลุ่มเลย้ี งปลากะพง
6) กลมุ่ เลยี้ งแพะ
7) กลุ่มแปรรปู สตั วน์ ้ำ (กะปิ)
8) กลุ่มนำ้ ตาลโตนด
9) กลุ่มทำขนมพนื้ บ้าน (ขนมทองพบั )
10) กลุ่มผา้ มัดย้อม (ME-D นาทับ)
11) กลุม่ กะปินาทับ
Page |4
12) กลุ่มรบั งานไปทำท่บี ้าน
13) กลมุ่ สตรีพฒั นาตำบลนาทบั
2.2 ด้านการท่องเทีย่ ว
2.2.1 แหล่งท่องเท่ียวเชิงประวตั ศิ าสตร์
1) กโุ บรห์ ลาโตะ๊ เมือง
2) กโุ บร์ปากบาง
3) กโุ บร์ย่าหมะ
4) กโุ บร์นางสีดอกไม้
2.2.2 แหล่งท่องเท่ียวเชิงธรรมชาติ
1) กล่มุ วังชะโด
2) บ้านคนู ้ำรอบ
3) ชายหาดวังหนาว
4) ชายหาดบา้ นสวนกง
5) ชายหาดหนา้ รัก
2.3 ดา้ นอืน่ ๆ
1) สมาคมกีฬาคนนาเสมยี น
2) ชมรมฟุตบอลปากบางนาทบั
3) ปราชญช์ าวบ้าน
4) กฬี าพ้นื บา้ นในตำบลนาทับ
3. แหลง่ เรยี นรทู้ ่นี ่าสนใจในตำบลนาทับ
3.1 ดา้ นประมง
ประมงริมชายฝั่ง (ประมงพื้นบ้าน) การทำประมงแบบเรือเล็กในพื้นท่ีหมู่ที่ 7 บ้านนา
เสมียน (หาดวงั หนาว) ได้แก่ ทอดแห อวนปลา อวนกุ้ง ยกบาม (ยกยอ) เปน็ ตน้ ในพืน้ ทห่ี มู่ท่ี 2 บ้าน
ปากบางนาทับ ได้แก่ อวนปลา ตกปลาหมึก เป็นต้น และในพื้นที่หมู่ท่ี 11 บ้านคลองทิง (สวนกง)
ไดแ้ ก่ ทอดแห อวนปลา อวนปู อวนกงุ้ เปน็ ตน้
3.2 ด้านเกษตรกร
มะม่วงนาทับ คุณม่อน สุภารัตน์ หรือลุงม่อน (เจ้าของสวนมะม่วงนาทับ) แต่เดิม
ประกอบอาชีพรับจ้างเดินเรือที่ประเทศมาเลเซียเมื่อกลับมาบ้านเกิดที่ตำบลนาทับ สังเกตเห็นว่า
เกษตรกรรายหนึ่งทำสวนมะม่วงนาทับได้ผลผลิตดี ขายได้กำไร จึงเข้าไปขอศึกษาเรียนรู้เพราะ
ต้องการทำสวนมะม่วงนาทับเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว และได้หันมาปลูกมะม่วงพันธุ์นาทับจนถึง
ปัจจุบัน เป็นเวลา 30 ปีแล้ว โดยมะม่วงนาทับมีจุดเด่น คือผลจะมีขนาดใหญ่มาก ทรงผลสวยงาม
คล้ายผลมะม่วงน้ำดอกไม้ แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าอย่างชัดเจน เมื่อผลโตเต็มที่มีน้ำหนักเฉลี่ยระหว่าง
2 - 3 กิโลกรัมต่อผล จัดเป็นมะม่วงสายพันธ์ุที่ปลูกเพื่อกินผลสุกได้อร่อยมาก เนื่องจากเวลาสกุ เน้อื
Page |5
จะละเอียด เหนียว แน่นไม่เละ ไม่มีเสี้ยน รสชาติหวานหอมคล้ายเนื้อมะม่วงอกร่อง ตลาดมีความ
ตอ้ งการสงู ทัง้ ในประเทศและต่างประเทศที่ถอื เป็นสดุ ยอดของ “มะม่วงนาทับ”
แตงโม เป็นผลไม้ที่นิยมปลูกมากในตำบลนาทับ และเป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะช่วยดับ
กระหายรสชาติหวานฉ่ำ มีเปลือกสเี ขยี วบางสายพนั ธุ์อาจมีเปลือกเป็นสีเหลอื ง มเี นอ้ื ดา้ นในเป็นสีแดง
และสีเหลืองข้ึนอยู่กับสายพันธุ์สามารถหาแตงโมมารับประทานกนั ไดเ้ กือบทุกฤดูกาล ท่ีสำคัญมีราคา
ไม่แพงอีกด้วย แต่จะนิยมรับประทานกันมากที่สุดในช่วงอากาศร้อน ๆ เพราะช่วยคลายร้อนได้เป็น
อย่างดี นอกจากความอร่อยแล้วแตงโมยังมีประโยชน์หลายอย่างต่อสุขภาพอีกด้วย ช่วงที่นิยมปลูก
ตามฤดูกาล 2 ชว่ งคือ เรมิ่ เพาะเดอื นธันวาคม - เกบ็ ผลติ ต้นเดือนกมุ ภาพันธ์ และเพาะเดือนมีนาคม
– เกบ็ ปลายเดือนเมษายน
สวนมะพร้าวน้ำหอม คุณหมัด นุ้ยไหน (เจ้าของสวนมะพร้าวน้ำหอม) เดิมประกอบ
อาชีพประมงโดยกำเนิด ต่อมาเมื่อแต่งงานมีครอบครัวจึงคดิ วางแผนทำอาชีพทีม่ ั่นคง เป็นหลักแหลง่
และสามารถทำรายไดใ้ หค้ รอบครัวอย่างต่อเน่ือง จึงคดิ ทำสวนมะพร้าวน้ำหอมขึ้นมา ในช่วงแรกมีการ
ลองผิดลองถูก จนเห็นถึงปัญหาและอุปสรรค จึงได้นำมาปรับแก้ไข จนปัจจุบันขยายสวนทั้งหมด 3
แห่ง ธุรกิจสวนมะพร้าวน้ำหอมกำลังไปได้ดี และทำรายได้ให้กับครอบครัวเป็นจำนวนมาก สวน
มะพร้าวน้ำหอม ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 แห่ง ซึ่งสวนแรกที่ทำ ปลูกมะพร้าวมาประมาณ 30 กว่าปีแล้ว
สมัยก่อนที่ดินตรงนั้นมีทั้งหมด 7 ไร่ ซึ่งเป็นสวนมะม่วงหิมพานต์ทั้งหมด ต่อมาได้ลองปลูกมะพร้าว
ข้างๆตน้ มะม่วงหมิ พานต์ โดยเอาพนั ธมุ์ ะพร้าวนำ้ หอม 50 ต้นมาจากตำบลทงุ่ หวัง จังหวดั สงขลา เมื่อ
ได้ผลผลิตที่พึงพอใจ หลังจากนั้นจึงตัดสินใจตัดต้นมะม่วงหิมพานต์ออกและเปลี่ยนมาเป็นปลูกต้น
มะพร้าวนำ้ หอมแทน หลงั จากนัน้ ได้ขยายไปทำสวนทส่ี อง อยู่ท่ีหมู่ 11 บ้านคลองทิง เป็นระยะเวลา 7
ปี และในส่วนของสวนมะพร้าวแห่งที่ 3 อยู่ที่หมู่ 7 บ้านนาเสมียน ตอนนี้เริ่มมีผลผลิตออกมาแล้ว
บางสว่ น
ยางพารา โดยมีสถานท่ปี ลูกเกือบทุกหมู่บ้านในตำบลนาทับ : หม่ทู ่ี 3 , 5 , 11 และ14
ในพื้นทต่ี ำบลนาทับ อำเภอจะนะ จงั หวัดสงขลา
แตงกวา โดยสถานทีป่ ลกู : หมู่ที่ 14 บ้านคลองสอง ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ
ฟักทอง โดยสถานที่ปลูก : หม่ทู ่ี 14 บา้ นคลองสอง ตำบลนาทบั อำเภอจะนะ
ดาวเรือง โดยสถานที่ปลูก : หมูท่ ี่ 3, 7 และ14 ในพน้ื ท่ีตำบลนาทับ อำเภอจะนะ
3.3 ด้านค้าขาย
การค้าแบบออฟไลน์ เช่น รา้ นค้าปลีก รา้ นขายของชำ รา้ นอาหารและเครื่องด่มื
คา้ ขายอาหารทะเล และผลติ ภัณฑ์แปรรปู อาหารทะเล เปน็ ต้น
การค้าแบบออนไลน์ เชน่ แพปลามยุรยี ์ แพปลาซันญี เป็นตน้
1) แพปลามยรุ ีย์ เรม่ิ ตน้ กิจการในปี พ.ศ. 2560 คณุ มยุรีย์ หลหี มัน (เจ้าของกจิ การ)
โดยกิจการแพปลามยุรีย์ได้รับแรงบันดาลใจจากที่คุณมยุรีย์ได้ติดตามเพจการขายของออนไลน์ใน
เฟสบุ๊ค แลว้ ประกอบกับการที่คณุ มยุรยี เ์ ปน็ คนในพื้นท่ีตำบลนาทับ ซึ่งอาชีพหลักคือการทำประมงซึ่ง
ในพื้นที่ตำบลนาทับอุดมสมบูรณ์ในเรื่องของธรรมชาติและทรัพยากรทางทะเลที่มีความหลากหลาย
Page |6
และมีจำนวนมาก จึงทำให้สินค้าที่จัดจำหน่ายนั้นจะมีหลากหลาย เช่น อาหารทะเลตากแห้ง
เคร่อื งครัว ขนม และผ้าถุง เป็นตน้
2. แพปลาซันญี คุณเบญจมาศ โสะหมัด (เจ้าของกิจการ) เมื่อระยะเวลา 10 ปี
ก่อน เริ่มจากคุณแม่มีอาชีพซื้อขายปลากะตักแห้งนาทับมาก่อน และปลากะตักแห้งเป็นสินค้าของดี
ของตำบลนาทบั โดยทา่ นอยากจะเพิ่มมูลคา่ ให้กับปลากะตักให้มีมูลค่าสูงขึ้น ซ่งึ ราคา ณ ขณะน้ันโดน
ทางมาเลเซียกดราคาลงมาก ท่านเลยมีความคิดที่จะแปรรูปปลากะตักเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นให้มี
มูลค่าเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยมีสินค้า คือ ปลากรอบ ปูกรอบ และกุ้งคั่วสมุนไพร อาหารทะเลตากแห้ง
เปน็ ตน้
3.4 ด้านปศสุ ัตว์
1) ฟารม์ ไก่ไข่ ต้ังอย่หู มู่ที่ 14 บ้านคลองสอง ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จงั หวดั
สงขลา
2) ฟาร์มไก่เนื้อ ตั้งอยูห่ มู่ท่ี 14 บ้านคลองสอง ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวดั
สงขลา
3.5 รับจ้างท่ัวไป เชน่ ก่อสรา้ ง พนกั งานโรงงานอตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ เป็นต้น
3.6 กลุ่มอาชีพในตำบลนาทับ
กลุ่มเกษตรอินทรีย์ (สวนเกษตรทรายทอง) คุณขจรพงษ์ มาแก้ว (เจ้าของสวนเกษตร
ทรายทอง) เดิมประกอบอาชีพหมอนวดแผนไทย เมื่ออายุมากขึ้น จึงได้มาทำสวนเกษตรอินทรีย์แบบ
ผสมผสานเนื่องจากครอบครัวคุณขจรพงษ์ มีอาชีพเป็นเกษตรกรตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ โดยในการทำ
เกษตรคุณขจรพงษ์ และภรรยาทำการเพาะปลูกแค่ 2 คน แต่ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพและตอบโจทย์
กลุ่มเป้าหมายอยา่ งดเี ยย่ี ม
จุดเด่นของสวนเกษตรบ้านทรายทองที่แตกต่างจากที่อื่น โดยจากพื้นที่สภาพดินสภาพ
อากาศอยู่ติดทะเล ซึ่งส่วนใหญ่คิดว่าไม่สามารถปลูกพืชได้ แต่สวนเกษตรอินทรีย์แห่งนี้ สามารถ
เพาะปลูกได้ มีผลผลิตที่มีคุณภาพเจริญงอกงาม และปลอดสารเคมี ซึ่งมีวิธีการบำรุงดิน ด้วยสูตร
จลุ นิ ทรียห์ น่อกล้วย เพอื่ เพ่มิ แร่ธาตุในดนิ ใหเ้ หมาะแกก่ ารปลูกพชื
สวนเห็ดอลังการ คุณอับดุนมุตเหล็บ หวังหมัด (ประธานของกลุ่มฟาร์มเห็ด) มีความ
สนใจในการเพาะเห็ดนางฟ้า จึงศึกษาหาข้อมูลจากหนังสือหรือบทความต่างๆ และซื้อก้อนเห็ดมา
เพาะเลีย้ ง สังเกตการณ์ถงึ ผลผลติ ท่ีได้ ความคมุ้ ค่าจากจากต้นทุนและกำไร เนอื่ งจากสภาพอากาศใน
พื้นที่ เป็นเขตทะเลซึ่งอาจจะมีความร้อนชื้น และเห็ดอาจจะมีปัญหาในการออกดอก ออกผลผลิตได้
แต่จากการทดลองเพาะเห็ด และใช้ประสบการณ์ความรู้ที่มี ทำให้ผลการเพาะเลี้ยงประสบ
ความสำเร็จผลผลิตที่ได้มีความคุ้มค่า จึงสร้างโรงเรือนเล็กๆ และเริ่มผลิตเป็นต้นมา โดยทำการเพาะ
เห็ดและจัดจำหน่ายเป็นเวลากว่า 20 ปี ได้ผลตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นที่รู้จักในตำบลนาทับ
ตำบลอื่นๆ และในต่างจังหวัดมีความต้องการติดต่อขอดูงานและซื้อผลผลิตไปต่อยอดเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันได้เพาะเห็ดจำนวน 2 ชนิด คือ เห็ดนางฟ้า และเห็ดหูหนู ซึ่งทางกลุ่มได้เปิดเป็นแหล่งเรยี นรู้
ใหค้ นในชมุ ชนและบุคคลภายนอกทส่ี นใจได้มาศกึ ษาเรียนรู้กระบวนการตา่ งๆ ในการเพาะเห็ด
Page |7
ธนาคารปู ในอดีตนั้นโรงไฟฟ้าจะนะให้การสนับสนุน งบประมาณเพื่อสร้างกลุ่ม
สัมมาชีพในชุมชน ให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีงานทำ อีกทั้งยังช่วยส่งเสรมิ ให้เกิดความสามัคคีในชมุ ชน
นายหมัดดะ อำพันธุ์นิยม (ประธานกลุ่มธนาคารปู) ได้รวบรวมสมาชกิ ภายในชุมชนจำนวนหนึ่งจัดต้ัง
กลุ่ม ธนาคารปู โดยมีภารกจิ คอื เพราะเลี้ยงพันธ์ุปูปล่อยคืนสแู่ หลง่ น้ำ เพือ่ ต้องการใหล้ ำคลองมีปูเพ่ิม
มากขึ้นจากผลกระทบการดูดนำ้ เพื่อใช้ผลติ ไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า แรกเรมิ่ มสี มาชิก 700-800 คน ปญั หา
และอุปสรรค เนื่องจากภายหลังงบประมาณที่ได้รับจากโรงไฟฟ้ามีจำกัด จึงได้อาศัยเงินบริจาคจาก
ชาวบา้ นมาใชด้ ำเนนิ การจัดซื้อแม่พันธ์ุปเู พื่อเพาะเลีย้ ง แต่งบประมาณก็ค่อนขา้ งทจี่ ะจำกัดจึงขาดการ
จัดสรรงบประมาณมาใช้อย่างเพียงพอ ทำใหก้ ารเพาะเล้ียงปูที่จะปล่อยคืนส่แู หล่งน้ำต้องหยดุ ไป และ
จำนวนสมาชิกลดลงเหลือประมาณ 200 คน การดำเนนิ การในปัจจุบนั จากสภาพปัญหาท่ีเกิดขึ้นทำ
ให้ทางกลุ่มต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการแปรรูปปลาหลังเขียวเป็นข้าวเกรียบ เพื่อต้องการให้
สมาชิกในกลุ่มที่เป็นผู้สูงอายุได้มีงานทำตามวัตถุประสงค์ของกลุ่ม และเพื่อส่งขายเป็นสินค้า OTOP
แต่ในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำปรุงสูตรข้าวเกรียบและออกแบบบรรจุภัณฑ์สินค้า และทาง
กลุ่มไดเ้ พาะเล้ียงหอยนางรมขายโดยได้รับเงินสนบั สนนุ จาก สมาคมเรือประมงชายฝั่งจะนะ
สมาคมรักษ์ทะเลจะนะ สมาคมรักษ์ทะเลจะนะก่อตั้งเมื่อ พศ. 2557 มีนายรุ่งเรือง ระ
มันยะ (นายกสมาคม) ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่และแบ่งย่อยออกไปหลายกลุ่มเช่น กลุ่มเด็กรักษ์หาดสวนกง
กลมุ่ หมกึ กะ โดยการดำเนินงานของกลมุ่ จะดแู ล อนรุ ักษ์ ฟ้ืนฟทู ะเลในตำบลนาทับและพื้นทร่ี มิ ชายฝั่ง
ทะเลในอำเภอจะนะ พรอ้ มท้ังจดั กจิ กรรมในการรณรงค์ดแู ลชายหาดสวนกง นอกจากนน้ั มีกลุ่มเต่าไข่
โดยมีประธานกล่มุ คือ นางไซหนับ ยะหมนั ยะ จัดตั้งขน้ึ เพื่อเป็นการหารายได้และทุนสนับสนุนให้กับ
กลุ่มย่อยเพื่อสนับสนุนการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งการดำเนินงานของกลุ่มจะเน้นการแปรรูปผลิตภัณฑ์
จากสัตว์น้ำหลายอย่าง แต่เป็นที่นิยมและสร้างรายได้ให้แก่กลุ่ม คือ ปลากะพงเค็มฝังทราย และปลา
เส้น เปน็ การใช้ภูมิปัญญาท้องถ่นิ ในการถนอมอาหารและแปรรูปผลติ ภัณฑ์ส่งออกไปยังหลายพ้ืนท่ีใน
ประเทศไทย
กลุ่มเลย้ี งปลากะพง ชาวบา้ นในตำบลนาทับที่มีอาชีพเลยี้ งปลากะพงได้มีการจัดประชุม
กันโดยมีการเรียนเชิญผู้ที่เลี้ยงปลากะพงในตำบลนาทับมาหารือกันเรื่องอาหารปลา เรื่องราคา และ
เรื่องปญั หาตา่ งๆจงึ เกิดการรวมกลุ่มกนั และได้มกี ารจดทะเบียนท่พี ฒั นาประมงของอำเภอโดยใช้ชื่อว่า
กลุ่มเลี้ยงปลาในกระชังคลองนาทับ การรดำเนินการของกลุ่ม 1) ประชุมปรึกษาหารือกันเป็นช่วงๆ
ระยะเวลา 3 เดือนจะมีการประชุมกัน 1 ครั้ง 2) ให้แต่ละคนรวมกลุ่มกันเลี้ยงเป็นกลุ่มย่อย ๆ ตาม
คลองนาทับ 3) ตัวแทนกลุ่มได้ปรึกษาหารือกันบ่อยครั้งในเรื่องต่างๆไม่ว่าจะเป็นปัญหาในเรื่องราคา
ตกต่ำ ราคาอาหารทเ่ี พม่ิ สงู ข้นึ
กล่มุ เล้ยี งแพะ กลุ่มเลี้ยงแพะเปน็ กล่มุ ท่แี ยกออกมาจากกลุม่ เล้ยี งปู ซ่งึ มีประธานกลุ่มคือ
คุณหมัดดะ อำพันธุ์นิยม แต่งบประมาณที่ได้คือประธานกลุ่มทำหนังสือขอแพะเพื่อมาเลี้ยงและเพาะ
พันธ์โดยมีวัตถุประสงค์คือต้องการเสริมสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นต่อสมาชิกภายในกลุมโดยอำเภอ
สนบั สนนุ แพะมาให้คนละ 4 ตวั ปญั หาและอปุ สรรค เนอื่ งจากขาดความเหมาะสมในเรอื่ งของสถานที่
จัดเลี้ยงและเพาะพันธุ์ ประธานกลุ่มจึงให้สมาชิกนำไปเลี้ยงตามบ้านเรือนของตนเอง ผลกำไรที่บ้าน
เหลือจากการปันผลใหส้ มาชกิ ก็จะสนับสนุนงานการกุศลภายในหมู่บา้ น
Page |8
ภาพท่ี 2 การทำประมงพนื้ บ้านในคลองนาทบั และหาดนาทับ
ภาพที่ 3 การทำปลาแหง้ ของชมุ ชนนาทบั สง่ ออกขายในตลาดนดั ชุมชน
ภาพท่ี 4 กุง้ เคยวตั ถุดิบหลักในการทำกะปิและผลิตภณั ฑ์กะปบิ า้ นคนู ้ำรอบ
Page |9
กลุ่มแปรรูปสัตว์น้ำ (กะปิ) กลุ่มกะปิเกิดขึ้นเมื่อมีโครงการนวัตวิถีปี พ.ศ.2561 แรง
บันดาลในการจัดตั้งกลุ่มเนื่องจากบ้านคูน้ำรอบมีวัตถุดิบคือ (กุ้งเคย) และสามารถหาได้จากคลองใน
หมบู่ ้านจงึ ต่อยอดวัตถุดิบ โดยกรรมวิธีการผลิตกะปซิ ึง่ กะปขิ องบ้านคนู ำ้ รอบมีรสชาติทเี่ ป็นเอกลักษณ์
เฉพาะตัวแตกต่างจากที่อื่นจึงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหลายพื้นที่และส่งออกไปในหลาย
จังหวดั ในประเทศไทย
กลมุ่ น้ำตาลโตนด ตำบลนาทบั มกี ลุ่มสัมมาชีพท่สี ามารถพัฒนาให้สินคา้ สามารถส่งเสรมิ
เป็นสินค้าส่งเสริมการจำหน่าย จากการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้โดยน้ำตาลโตนดเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่
ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน ทว่าน้ำตาลโตนดได้มีการยกระดับเป็น
ผลิตภัณฑ์ OTOP ในปี 2561 ตลาดในการจำหน่ายจะมีแม่ค้ามารับไปขายตามตลาดนัดและจะไป
จำหนา่ ยตามหมบู่ า้ น ซึ่งแรงแรงบันดาลใจในการจัดตั้งกลมุ่ เนื่องจากบ้านคนู ้ำรอบมตี น้ ตาลโตนดเป็น
วัตถุดิบหลักในหมู่บ้านอยู่แล้ว จึงได้นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP ของหมู่บ้านผลิตภัณฑ์
ของกลุ่ม ได้แก่ น้ำตาลโตนดสด นำ้ ผ้ึงตาลโตนด น้ำส้มตาลโตนด น้ำตาลแว่น เป็นต้น
กลุ่มทำขนมพื้นบ้าน (ขนมทองพับ) ขนมทองพับเกิดขึ้นจากโครงการสัมมาชีพปี พ.ศ.
2561 ความเปน็ มาของขนมทองพบั คือ ทางหนว่ ยงานพัฒนาชุมชนได้จัดตงั้ กล่มุ สมั มาชีพ และได้มอบ
เครื่องมืออุปกรณ์ให้กับทางกลุ่ม หลังจากทีไ่ ด้เครื่องมือสมาชิกในกลุ่มก็ไดเ้ ริ่มทดลองลองทำขนมทอง
พบั เน่ืองจากบา้ นคูน้ำรอบมนี ้ำผ้ึงตาลโตนดเป็นวัตถดุ บิ หลัก จงึ นำมาเป็นส่วนผสมในการทำขนมทอง
พบั เมือ่ ได้ผลติ ภัณฑ์มานำไปขายในหมบู่ ้าน จนขนมทองพับเรม่ิ เป็นทร่ี จู้ ัก และรายได้ของกลุ่มเพิ่มขึ้น
ชาวบ้านจึงเห็นว่าขนมทองพับที่ทำจากน้ำตาลโตนด สามารถตอบโจทย์และเป็นที่ต้องการของตลาด
ชาวบ้านจึงตัดสินใจเข้ามาร่วมกลุ่มเพิ่มขึ้น โดยน้ำผึ้งตาลโตนดจะทำให้ขนมทองพับมีรสชาติ หอม
หวาน อร่อย จงึ ทำให้รสชาตขิ นมทองพบั ของท่ีน่แี ตกต่างจากที่อ่นื และมีรสชาติทีเ่ ป็นเอกลกั ษณ์
กลุ่มผ้ามัดย้อม (ME-D นาทับ) ผ้ามัดย้อมบาติกเพ้นท์ (ME-D นาทับ) เกิดจากแนวคิด
รักบ้านเกิดของคนในตำบลนาทับ ซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของชุมชนจากการที่ตำบลนาทบั เปน็ หนึ่งใน
จังหวัดสงขลาที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่ติทะเล อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยงาม จึงมี
แนวคิดที่อยากจะโฆษณาและเผยแพร่ให้คนได้รู้จักตำบลนาทบั มากขึ้น โดยมีครูผู้ชำนาญด้านการทำ
ผ้ามัดย้อมที่มีความแตกต่างและ มีอัตลักษณ์ของท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์ โดยได้นำน้ำทะเลที่เป็น
ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นของตำบลนาทับมาเป็นตัวผสมสีในการย้อมผ้า โดยคุณสมบัติของน้ำ
ทะเลจะช่วยรักษาคุณภาพของสีให้ติดทนนานและเพิ่มความนุ่มของเนื้อผ้าอีกด้วย ในปัจจุบันมีดีนา
ทับ ได้มีการพัฒนาผ้ามัดย้อมอย่างสร้างสรรค์และต่อเนื่อง ให้มีความหลากหลาย รูปแบบและวธิ ีการ
ตามความต้องการของผู้บริโภคและที่สำคัญสามารถสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับคนในชุ มชนได้
ผลิตภัณฑข์ องมดี ี นาทับ ไดแ้ ก่ เสื้อ กางเกง กระเปา๋ รองเท้า หมวก และผา้ สำหรับตัดชดุ เปน็ ต้น
กลุ่มกะปินาทับ กะปินาทับเป็นกะปิที่ได้มาจากการแปรรูปกุ้งเคยสดผ่านกระบวนการ
ผลติ ตามภมู ิปัญญาท้องถ่ินท่ีสบื ทอดกันมายาวนานทำให้ได้ผลผลิตเป็นกะปแิ ท้คุณภาพดี ประชาชนที่
อาศัยสองฝั่งคลองนาทับ มีอาชีพประมงชายฝั่งและจับกุ้งเคยเพื่อนำมาผลิตเปน็ กะปิอาหารยอดนิยม
ของประชาชนในพน้ื ทีเ่ ม่ือสภาพป่าชายเลนมีความสมบรู ณ์ กงุ้ เคยก็จะมปี ริมาณมากขึ้นด้วยเนื่องจาก
ป่าชายเลนจะเป็นตัวช่วยทำใหร้ ะบบนเิ วศ สัตว์น้ำพชื พันธุ์ตา่ ง ๆ มีความอดุ มสมบรู ณ์และเป็นแหล่งท่ี
อาศัยชนั้ ดีของตัวเคยทชี่ าวบ้านนำมาใช้ทำกะปิ
P a g e | 10
กลุ่มรับงานไปทำที่บ้าน นางหนูพิน โชมอันทร์ (ประธานกลุ่ม) โดยกลุ่มเปิดทำการมา
20 กว่าปีแล้ว มีจำนวนสมาชิก 23 คน ซึ่งการทำงาน จัดการภายในกลุ่ม คือ รับตัดเย็บ เสื้อ กางเกง
ผ้าต่างๆทกุ ชนิด จากบริษัทหรือคนท่ีนำงานมาให้ทำทั้งในตำบลและต่างตำบลตา่ งๆ โดยประธานกลุ่ม
รับงานมาแลว้ แจกจา่ ยงานให้กับสมาชิกในกลุ่ม ซงึ่ สมาชิกทุกคนจะมีจักรตัดเยบ็ และเครื่องมือประจำ
บ้านทุกคน โดยเริ่มแรกสมาชิกที่สนใจได้มาเรียนรู้ ขั้นตอน กระบวนการตัดเย็บ และเทคนิคต่างๆ
จากประธานกล่มุ ซึ่งประธานกล่มุ จะสอนงานจนคลอ่ ง และทำได้ทุกอยา่ งๆ จึงมอบงานใหไ้ ปทำที่บ้าน
เพ่ือหาเล้ยี งตัวเองและครอบครัว และไดร้ ับรายไดจ้ ากการรบั งานนี้
กลุ่มสตรีพัฒนาตำบลนาทับ กลุ่มสตรีตำบลนาทบั ได้เร่ิมจัดต้ังเมื่อ ปี พ.ศ. 2545 โดยมี
นกั พฒั นาชมุ ชนของอำเภอไดเ้ ล็งเห็นความสำคัญของสตรภี ายในตำบลนาทับจึงนำมาสู่การมีส่วนร่วม
ในการพัฒนาและการทำกิจกรรมต่างๆร่วมกัน การดำเนินการของกลุ่ม 1) มีกองทุนฌาปนกิจโดย
การเกบ็ เงินจากสมาชิกปลิ ะ 100 บาท 2) มสี ว่ นร่วมในการทำกจิ กรรมต่างๆภายในตำบล และการส่ง
เสิรมอาชีพ
4. แหล่งทอ่ งเทีย่ วในตำบลนาทับ
4.1 แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวตั ิศาสตร์
1) กโุ บร์หลาโตะ๊ เมอื ง
กุโบร์หลาโต๊ะเมือง โดยตั้งอยู่ท่ีหมู่ที่ 7 บ้านนาเสมียน ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ
จังหวัดสงขลา หลาโต๊ะเมอื ง เปน็ สถานทกี่ โุ บรท์ ่ีชาวบา้ นเคยสรา้ งไวเ้ มอ่ื สมัยก่อน ใกล้กบั กุโบร์ของเจ้า
เมอื งจะมหี ลา (ศาลา) และบอ่ น้ำโบราณ จากคำบอกเลา่ ของบรรพบรุ ุษวา่ หลังจากท่เี จ้าเมอื งเสียชีวิต
ชาวบ้านได้เอาศพของเจ้าเมืองมาฝังทีแ่ ห่งนี้ บางคนเล่าว่าศพของเจ้าเมืองฝงั ใกล้ ๆ กับกุโบร์ของเจ้า
หญิงศรีดอกไม้ผู้เปน็ ลูกสาว ต่อมาชาวบ้านไดข้ ุดยา้ ยมาฝังไว้ท่ีแห่งน้ีและได้สร้างศาลาไวห้ ลงั หนึง่ ใกล้
ๆ กบั หลุมฝังศพของเจ้าเมอื ง ชาวบ้านเลยต้ังชอื่ กโุ บรแ์ ห่งนี้วา่ "หลาโตะเมือง" ทุก ๆ ปี ชาวบ้านจะจดั
งานเพื่อฉลองให้กับเจ้าเมืองจะมีการแสดงลิเกของคนสมัยก่อน บางคนเรียกลิกา จะจัดขึ้นทุก ๆ ปี
ข้าง ๆ กบั บอ่ นำ้ เมื่อก่อนจะเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ ตอนนบ้ี ่อนำ้ ยังมีสภาพคงเดมิ แตห่ ลาทีช่ าวบ้านเคย
สรา้ งไว้ ตอนนเี้ หลือแต่ตอแล้ว ถ้าไม่รูจ้ ดุ ทีต่ งั้ จรงิ ๆ จะหาไม่เจอเพราะตอนนี้กลายเป็นทรี่ กร้าง คดิ ว่า
บ่อน้ำนี้จะหายไป บ่อน้ำจืดท่ีได้หล่อเลีย้ งคนนาทับมาช้านาน อยู่ใกล้ ๆ กับกุโบร์หลาโตะ๊ เมอื งเลยมา
ฝั่งริมคลองนิดหนึ่ง เมื่อก่อนสมัยเด็ก ๆ ชาวบ้านต้องพายเรือจากอีกฝั่งเพื่อไปตักน้ำจากบ่อน้ำแห่งนี้
มาไว้ดื่มกิน เพราะบ่อน้ำที่สะอาดเมื่อก่อนหายากมาก ส่วนมากจะเป็นบ่อน้ำที่ใช้สำหรับอาบ แต่บ่อ
น้ำนี้เป็นบ่อน้ำที่มนี ้ำใส ๆ มาก ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเป็นแหล่งประวัติศาสตรใ์ ห้คนรุ่นหลังไปศึกษา
กนั จนถึงปจั จุบัน ทม่ี า : เพจนาทับ โมเดล
2) กุโบร์ปากบาง
กุโปร์ปากบาง (กุโบร์ท่ายาง) โดยตั้งอยู่หมู่ที่ 3 บ้านท่ายาง ตำบลนาทับ อำเภอจะ
นะ จังหวัดสงขลาประวัติกุโบร์ปากบางเริ่มตันขึ้นเมื่อสมัยเชคอาบูดาวุดมาปักหลักอยู่ที่นาทับ
ประวัติศาสตร์เริ่มต้นจากยุคสงครามมีการสู้รบกัน ณ บริเวณน้ี โดยการนำทัพของเชคอาบูดาวุด
P a g e | 11
ร่วมกับพี่น้องใน 7 หัวเมืองมลายู มีการแยกทำสงครามเป็น 3 พื้นที่ด้วยกัน คือ บ้านด่าน (เมืองหน้า
ดา่ น) มีแมท่ พั ชอ่ื "วันกอมารดุ ดนี วันกอมารดุ ชอมัด" เป็นแมท่ ัพมาจากตุรกีและบ้านตรับ มีแม่ทัพช่ือ
"เชคอับดุลชอมัด อัลบาลีบานี" และที่นาทับ (กุโบร์ปากบาง) มีแม่ทัพชื่อ "เชคอับดุลวาฮับบูมิส" เป็น
แม่ทัพมาจากปาแลมบัง ประเทศอินโดนีเซีย โดยประวตั ิศาสตรต์ รงนี้ไม่ไดร้ ับการเปดิ เผยมาประมาณ
240 ปี จนกระทั่งเมื่อปีพุทธศักราช 2525 ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณได้ไปศึกษาที่ประเทศอียิปต์และได้
เรียนรเู้ รอ่ื งราวประวัตศิ าสตร์ ตรงนแ้ี ละได้นำเร่ืองราวเหล่านี้มาเผยแพร่ โดยนำปา้ ยประวัติศาสตร์มา
ติดไว้ทีบ่ ้านทรพั ย์ (บ้านตรับ) และท่ีตรงน้ีได้มลี ูกหลานจากสามจังหวัด มาบูรณะซ่อมแซมเพ่ือให้เป็น
ท่ีร้จู กั แก่คนรุน่ หลังสืบไป
3) กุโบร์ยา่ หมะ
กุโบร์ย่าหมะ โดยตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 6 บ้านนาทับ (ท่าวัด) ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ
จังหวัดสงขลา นายสะมะแอ หวังสนิ ให้ข้อมูลว่า มีเจ้าพระยาจากเมืองหนึ่งนามว่า “ย่าหมะ” ได้
เดินทางมาคา้ ขายสินคา้ ประเภทเพชรพลอย ทบี่ รเิ วณ ปา่ ยอม หมู่ 6 บ้านนาทบั (ท่าวัด) ตำบลนาทับ
อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา โดยเจ้าพระยา เป็นคนยาวีมาจากแหลมมลายู ซึ่งได้เดินทางขายของไป
เรื่อยๆ จนมาเสียชีวิตที่บ้านนาทับ จากนั้นได้ทำการฝังศพที่บริเวณหลังวัด เนื่องจากช่วงที่ท่าน
เสียชีวิตเป็นปีที่มีน้ำป่าไหลหลาก เกิดน้ำท่วม ซึ่งบริเวณหลังวัดเป็นที่เนินสูง ไม่มีน้ำท่วมขัง จึง
ตดั สินใจฝงั ศพเจา้ พระยาไว้ตรงท่แี หง่ นน้ั จากนน้ั ชาวบา้ นแถวน้นั จึงเรยี กสถานทแ่ี ห่งน้วี า่
“กุโบรย์ ่าหมะ” จนถงึ ทุกวันนี้
4) กโุ บร์นางสดี อกไม้
กุโบร์นางสีดอกไม้ โดยตั้งอยู่ที่หมู่ 5 บ้านม้างอน (บ่อโต๊ะคง) เจ้าหญิงไซหนับเป็น
ราชธดิ าของโต๊ะเมือง (เจา้ เมอื ง) หนองจิก ซึง่ มีรูปรา่ งหน้าตาท่ีสวยงามมาก จนเป็นท่ีใฝ่ปองของชาย
ทั่วไป จนกระทั้งเมื่อเกดิ สงคราม มีการสู้รบและแย่งชงิ เมือง เจ้าเมืองกับเจ้าหญิงได้หนีออกจากเมอื ง
และได้แอบลงจากเรือแล้วขี่กระทะใบบัวทองแดง ซึ่งใช้เป็นพาหนะ ลอยมาตามคลองนาทับ มาข้ึน
ฝั่งที่บ้านม้างอน เจ้าหญิงไซหนับได้หลบซ่อนอยู่ในป่าบนเขา แต่จากอีกข้อมูลหนึ่งบอกว่าเจ้าหญิงได้
ตามบิดาผู้เป็นเจ้าเมืองหนองจกิ มาทำสงครามกับฝ่ายสยาม โดยตั้งค่ายอยูท่ ีบ่ ้านทา่ ยาง (ปัจจุบัน หมู่
3 บ้านท่ายาง) เมื่อค่ายที่ท่ายางโดนปืนใหญ่ยิง ทำให้ทุกคนในค่ายต่างหนีเอาชีวิตรอด เจ้าหญิงหรือ
นางสีดอกไม้และเจ้าเมืองหนองจิกได้เอากระทะใบบัวที่ไว้ใช้ทำกับข้าวในค่ายขี่ลอยมาตามคลองนา
ทบั เม่อื ทางฝา่ ยสยามตามมาเจอ ซง่ึ เจ้าเมอื งรู้วา่ ไมม่ ที างท่จี ะต่อสู้กบั ทหารฝ่ายสยามได้จึงได้ตัดสินใจ
ฆ่าลูกสาวทิ้ง เพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวต้องตกไปเป็นเชลยสงครามของฝั่งตรงข้าม และเจ้าเมืองได้
ฝังศพของลูกสาวไว้ในป่าบนเขา (พื้นท่ีหมู่ 5 บ้านม้างอน) ส่วนเจ้าเมืองได้ต่อสู้กับทางฝ่ายสยามจน
เสียชวี ิต ในเวลาตอ่ มาชาวบ้านจึงนำร่างของเจา้ เมืองไปฝงั ไวท้ ่ี กโุ บรห์ ลาโตะ๊ เมอื ง ซง่ึ เปน็ ทม่ี าของช่ือ
กุโบร์หลาโตะ๊ เมืองในปัจจุบัน สว่ นชื่อนางสดี อกไม้เป็นช่ือท่ีชาวบ้านใช้เรียกเจา้ หญิงไซหนับเพราะเจ้า
หญิงมีรูปร่างที่สิริโฉมงดงามมาก มีลักษณะรูปร่างสูงผวิ ขาวผมยาวถึงตาตุ่มกลิน่ กายหอมเหมือนกลิ่น
ของดอกไม้ ชาวบา้ นจึงเรียกเจา้ หญงิ วา่ พระนางสดี อกไม้
P a g e | 12
4.2 แหลง่ ท่องเทย่ี วเชงิ ธรรมชาติ
1) วงั ชะโด
วังชะโด โดยตั้งอยู่ที่หมู่ 12 บ้านปากจด ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
คุณส้อแหล๊ะ ขุนภักดี เกิดที่หมู่ 12 บ้านปากจด ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา อายุ 59 ปี
เคยเป็นทหารและดำรงตำแหนง่ รองนายกเทศบาลตำบลนาทับหลงั จากพ้นตำแหน่งจึงได้กลับมาทำนา
กุ้ง โดยตัดต้นไม้ในสวนซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติของพ่อแม่ ได้แก่ ต้นมะพร้าว ต่าง ๆ แต่เมื่อทำนากุ้งแล้ว
ขาดทุนจึงไปศึกษาต่อที่จังหวัดภูเก็ตในช่วงปี พ.ศ. 2547 และได้เข้าร่วมโครงการมูลนิธิชัยพัฒนา
กาชาดไทยซึ่งรับหน้าที่เป็นวิทยากรอยู่ที่นั่น แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็เรียนจบแล้วมีความคิดที่อยาก
กลบั มาพฒั นาบ้านเกดิ จึงกลับมาที่บ้านซงึ่ ตอนน้นั มีอาวธุ (ปนื ) จำนวน 4 กระบอก เขาจงึ เหน็ ว่าปนื ที่
มีอย่ไู ม่สามารถใช้ประโยชน์ได้จงึ นำปืนไปแลกกบั ที่คราดหญ้า เพ่อื นำไปใชป้ ระโยชน์ในการปลูกผักทำ
สวนต่าง ๆ ซึ่งเริ่มทำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ทำสวนคนเดียว แล้วจึงใช้บ่อที่เคยเลี้ยงกุ้งนำปลาชะโดท่ี
ไดร้ บั ปลาชะโดมาจากเพื่อน 6 ตวั แล้วนำมาเลย้ี งในบ่อปลาหลังจากนนั้ ไม่นานปลาท่ีในบ่อก็ขยายพันธ์ุ
มีลูกมีหลานจนเต็มบ่อประมาณ 1,000 ตัว จึงได้ชื่อว่า “วังชะโด” และยังปลูกผักบุ้งในบ่อซึ่งผักบุ้งท่ี
ปลูกสามารถสร้างรายได้ให้กับคุณส้อแหล๊ะ จากการขายและสามารถใช้ในการปรุงอาหารและ
แจกจา่ ยเพ่ือนบ้านได้อีกด้วย แลว้ จากการทีค่ ณุ ส้อแหล๊ะท่ีทำเกษตรจงึ ได้ขึน้ ทะเบียนองค์กรเกษตรกร
ตามพระราชบญั ญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ ในปพี .ศ. 2553
2) บา้ นคูนำ้ รอบ
ประวัติความเป็นมาของบ้านคูน้ำรอบ ในสมัยอดีตมีโจรสลัดได้หลบหนีมาตามทาง
น้ำ เมื่อมาถึงบริเวณปากคไู ม่มีทางน้ำให้หนีต่อ จึงทำการขุดดินเพื่อให้เป็นทางเล็ก ๆ เพื่อที่จะนำเรือ
เดินทางไปต่อ ดังนั้นด้วยวิถีชาวประมงของชาวบา้ น ได้ขุดคูให้กว้างขึ้นเพื่อความสะดวกสบายในการ
สัญจรทางเรือ จนกลายเป็นคูขนาดใหญ่ จึงเรียกขนานกันต่อมาว่า “บ้านคูน้ำรอบ” เป็นที่มาของช่ือ
หมู่บ้านในปัจจุบัน โดยหมู่บ้านนวัตวิถี (บ้านคูน้ำรอบ) ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 บ้านดูน้ำรอบ ตำบลนาทับ
อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นหมู่บ้านแห่งเดียวของอำเภอจะนะ ที่มีลักษณะเป็นเกาะล้อมรอบไป
ด้วยคลองนาทับ ซึ่งเป็นคลองน้ำกร่อยเป็นหมู่บ้านที่มีเกาะบนนาและมีป่าชายเลน ป่าโกงกาง
ล้อมรอบ ทำให้บ้านคูน้ำรอบมีทัศนียภาพที่งดงามประทับใจแก่ทุกคนที่มีโอกาสได้มาพบเห็นซึ่ง "อัต
ลักษณ์" ของชุมชนคอื เกาะบา้ นคนู ้ำรอบหมู่บ้านท่เี ปน็ เกาะหนงึ่ เดยี วในอำเภอจะนะ ล่องเรือรอบเกาะ
คนู ำ้ รอบชมวถิ ชี ุมชนชายฝ่ังคลอง การทำประมงพนื้ บ้าน การตปี ลากระบอก งมหอยนางรม การเล้ียง
ปลากะพงในกะชัง การราวเบ็ดของชาวบ้าน ส่วนกิจกรรมกลางคืนมีการล่องเรือชมปลากระโดดและ
ฝูงหิ่งห้อยในคลองนาทับ อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุดเด่นไม่ว่าจะเป็น ขนมทองพับ น้ำผึ้งตาลโตนด
นำ้ ตาลโตนดสด กะปิ ผ้ามดั ย้อม เปน็ ตน้
P a g e | 13
ภาพที่ 5 ชายหาดวงั หนาวและเนนิ ทราย 6,000 ปี หาดสวนกง สถานทเ่ี ท่ียวและพักผอ่ นของชุมชน
3) ชายหาดวงั หนาว
ชายหาดวังหนาว โดยตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 7 บ้านนาเสมียน ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ
จังหวัดสงขลา นายสะมะแอ หวังสนิ เล่าว่า วังหนาวมีลักษณะเป็นวังน้ำขนาดใหญ่ มีวังปลา คือปลา
จะอยู่บรเิ วณวังนำ้ เป็นจำนวนมาก สถานท่ีตรงนนั้ จะมหี ากใครมาเลน่ นำ้ จะพูดเปน็ เสยี งเดียวกันเลยว่า
หนาวและเยน็ มาก ตอ่ มาจึงเรยี กสถานท่ตี รงน้ันวา่ “วังหนาว”
4) ชายหาดบา้ นสวนกง
ชายหาดบ้านสวนกงมีเนินทราย 6,000 ปี โดยตั้งอยู่ที่หมู่ท่ี 11 ชุมชนสวนกง บ้าน
คลองทีง ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ลักษณะชายหาดสวนกงมีความพิเศษกว่าที่อ่ืน
ตรงที่ผืนทราย มีลักษณะเป็นเนินทรายลูกคลื่น ซึ่งทรายเหล่านี้ถูกทับถม โดยคลื่นลมที่สะสมมาเป็น
เวลาหลายพันปี มีผืนหญ้าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติกระจายอยู่ทั่ว เหมือนกับเป็นสนามหญ้าบนเนิน
ทราย มีต้นสนขึ้นรายล้อม และถัดจากชายหาดบ้านสวนกงนี้ไปจะเป็นป่าชายหาดที่นับวันจะเหลือ
น้อยลงเรื่อย ๆ แต่ป่าแห่งนี้ยังอุดมสมบูรณ์อยู่ มีพรรณไม้หลายระดับ ตั้งแต่ไม้คลุมดินซึ่งดินที่นี่จะ
เปน็ ดนิ ทราย ไมพ้ ุม่ เตี้ย พุ่มกลาง และไม้เรือนยอดรวมถึงไม้เลื้อยไม้เถา ที่เกาะเกย่ี วไม้พุ่มและไม้ใหญ่
P a g e | 14
ทำให้ทั้งหมดรวมกันเป็นเสมือนตาข่ายขนาดตาถี่ห่างต่าง ๆ ทางธรรมชาติก็คงจะช่วยให้เกิดความ
ปลอดภัยจากแรงกระแทก จากทั้งคลื่นและลมพายุขนาดใหญ่ได้มากพอสมควร ซึ่งในประเทศไทยมี
เนนิ ทรายอยู่ 2 แห่งเท่านั้น คอื ทจี่ งั หวัดชุมพร และจังหวัดสงขลา คือทบ่ี า้ นสวนกงของเรา (เนินทราย
6,000 ปี) เป็นสถานท่ีไว้พักผ่อนหย่อนใจแก่ผูค้ นในตำบลนาทับและผู้คนภายนอก และไว้ทำกิจกรรม
อน่ื ๆ มากมาย
5) ชายหาดหนา้ รกั (นา่ รกั )
ชายหาดหน้ารัก โดยตั้งอยู่ท่ีหมู่ที่ 10 บ้านปึก ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัด
สงขลา นายยะโกบ เส็นหลี ได้ให้ข้อมูลว่า บริเวณชายหาดน่ารัก สมัยก่อนเต็มไปด้วยต้นดอกรัก
จำนวนมาก ผู้คนจึงเรียกสถานที่นั้นว่า “ชายหาดน่ารัก” ซึ่งแรกเดิมสมัยก่อนพื้นที่บริเวณชายหาด
น่ารัก จะมีทรายขาวที่สวยงาม มีทราบหาดทอดยาวออกไป เป็นหลายกิโลเมื่อก่อนมีต้นไม้ประจำถนิ่
ชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่า ป่ารักหรือต้นดอกรัก ในปัจจุบันบริเวณตรงนั้นมีคนมาเที่ยวอยู่เรื่อยๆจนถึง
ปัจจุบนั นี้ ก่อนจะมาเป็นหาดน่ารัก สมยั ก่อนมีศาลาใหญต่ ้ังอยูบ่ ริเวณน้ัน ซงึ่ เรียกว่าศาลาน่ารัก จะมี
กิจกรรมพิธีทางศาสนาประเพณีสบื ทอดวัฒนธรรมของพี่น้องชาวไทยพุทธหรอื เรียกว่า (บุญเดือนสิบ)
จะมีพี่น้องจากบ้านทรายขาว บ้านทงุ่ หวงั บา้ นอ่างทอง มารว่ มกันทำกจิ กรรมเพื่อระลึกถงึ บรรพบุรุษ
ประจำทุกปี ปัจจุบันก็ยังมีกิจกรรมสืบทอดประเพณีนี้ เพราะคนสมัยก่อนนั้นนับถือเป็นเมืองพี่เมือง
น้องและว่าพี่น้องชาวไทยพุทธหรือพี่น้องชาวมุสลิมก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ปัจจุบัน
ศาลาใหญ่หรือศาลาน่ารักได้ถูกคลื่นซัดและหายสาบสูญไป อีกฝั่งของหาดน่ารักจะเป็นฐานทัพของ
"ทัพยาคร และทัพช้าง ได้ให้ข้อมูลว่า เจ้าทัพพระยาครได้พากำลังของท่านมาพักที่ตรงบริเวณน้ัน
เพอื่ ท่ีจะยกทัพไปตีเมืองปัตตานี เพราะสมัยก่อนนาทับเปน็ เมืองหน้าดา่ น ไดม้ กี ารขดุ อุโมงค์และสร้าง
บ่อนำ้ ท่ีทำจากดินแดงขึ้นมาเพ่ือให้คนทข่ี ้นึ จากทะเลได้ชำระลา้ งร่างกาย
5. กลุ่มองคก์ รชุมชน
5.1 สมาคมกีฬาคนนาเสมยี น
สมาคมกีฬาคนนาเสมียน โดยตั้งอยู่ท่ีหมู่ที่ 7 บ้านนาเสมียน ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ
จังหวัดสงขลา มีแรงบันดาลใจในการจัดตั้งสมาคม เริ่มก่อตั้งสมาคมและจดทะเบียน พ.ศ.2557 แรง
บันดาลใจในการจัดตั้งสมาคม คือ ปกติเป็นคนเล่นกีฬาอยู่แล้ว เลยชวนคนในหมู่บ้านที่เล่นฟุตบอล
ด้วยกันมาน่ังคยุ ซึ่งทางประธานสมาคมและสมาชิกไดเ้ ลง็ เห็นวา่ มคี นในหม่บู ้านติดสารเสพติดกันเยอะ
อยากให้หากิจกรรมสร้างสรรค์ทำกันในชุมชนนั่นคือการเล่นกีฬาแทนการเอาเวลาไปหม กหมุ่นกับ
อบายมุข และเริ่มมีการประชุมกัน สอบถามข้อมูลไปท่ีอำเภอว่าการจัดต้ังสมาคมต้องทำอย่างไร ต้อง
เตรียมเอกสารอะไรบ้าง ต่อมาก่อนการจดทะเบียนสมาคม สมาชิกทุกคนได้โหวตให้ นายร่อเฝน นุ้ย
ไหน (ประธานสมาคม) ดว้ ยระยะเวลา 5 เดือน การดำเนินการจดทะเบียนตง้ั สมาคมกฬี าคนนาเสมียน
ได้เสร็จสมบูรณล์ ลุ ว่ งไปได้ดว้ ยดี
5.2 ชมรมฟุตบอลปากบางนาทบั
ชมรมฟตุ บอลปากบางนาทับ โดยตง้ั อยทู่ ี่หมู่ 2 บ้านปากบางนาทบั ตำบลนาทับ อำเภอ
จะนะ จังหวดั สงขลา เกดิ จากจากรวมกลุ่มเลน่ ฟุตบอลในชวี ิตประจำวนั กอ่ ต้งั เป็นชมรมฟตุ บอล แต่
ยงั ไมไ่ ด้จดทะเบียนเปน็ สมาชิกชมรมฟุตบอล จ.สงขลา ซึ่งในปัจจบุ ันมสี มาชกิ ประมาณ 30 คน ซ่ึงจะ
P a g e | 15
จัดแข่งขันฟุตบอลในโครงการต่าง ๆ เช่น แข่งขันฟุตบอลเพื่อการกุศลและเล่นฟุตบอลเพื่อออกกำลัง
กายในทุกวันตอนเย็น เพื่อผ่อนคลายจากการทำงานในชีวิตประจำวัน และเพื่อทำกิจกรรมยามว่าง
ปอ้ งกนั เยาวชนจากยาเสพตดิ
5.3 ปราชญ์ชาวบ้าน
นายดีน หวังโส๊ะ ปัจจุบันอายุ 83 ปี อาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 9 บ้านคูน้ำรอบ ตำบลนาทับ
อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นคนคูน้ำรอบโดยกำเนิด และเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านต่อมาได้ประกอบ
อาชีพทำตาลโตนดจนถึงปัจจุบันและยงั เป็นผูใ้ ห้ความรู้ในดา้ นภูมปิ ัญญาและประวตั ิความเป็นมาของ
ตำบลนาทับ ในด้านภูมิปัญญา เช่น การทำสารเร่งการเจริญเติบโตของต้นไม้ การทำปุ๋ยชีวภาพ การ
ทำนำ้ หมักชวี ภาพ เป็นต้น
5.4 กีฬาพ้นื บา้ นในตำบลนาทบั
ศึกเรือเกยหาดเป็นกีฬาพื้นบ้านที่แข่งขันความเร็วของเรือในการเกยหาดซึ่งเป็นกีฬา
พ้นื บา้ นทีม่ ีท่แี รกในโลกและมกี ารจดลิขสิทธิ์ในปจั จบุ นั มีการจัดข้ึนในหลายๆพืน้ ที่ เริม่ จดั ข้นึ ในปี พ.ศ.
2558 หม่ทู ่ี 11 บ้านสวนกง ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา จดั ข้ึนในช่อื งาน "อาโบ๊ยหมะ...
เลจะนะหรอยจ้าน" โดยเรือที่ใชแ้ ข่งขนั จะนำเรือที่ประกอบอาชีพประมงหรอื ทำมาหากนิ มาใช้ในการ
แข่งขัน เพื่อสื่อสารความสมบูรณ์และวิถีชุมชนของคนจะนะ ให้เห็นความสำคัญของพื้นที่หาดทราย
ซึ่งมีความโดดเด่นของหาดทรายที่ยาวเป็นเส้นตรงกว่า 40 กม.ตลอดจนสร้างความสามัคคีและความ
สนุกสนานใหแ้ กค่ นในชุมชน
สัมภาษณ์
เรื่องราว... “ชาวนาทบั ”
บังนี : ผูร้ ักษ์ทะเล
“ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งมนั ฝงั ในหวั เรา ถา้ เรา “บงั น”ี หรอื นายรุ่งเรอื ง ระหมันยะ
เพกิ เฉยถา้ เราไม่ดแู ล มนั ก็จะกลายเป็นทะเล ชาวเรือพื้นบ้าน วัย 50 ในฐานะนายกสมาคม
รา้ งไปเลย แตถ่ า้ เราดแู ล มนั ไมไ่ ดแ้ ค่เฉพาะ รักษ์ทะเลจะนะ ยอมรับว่าตลอดระยะเวลา
คนสวนกง ไมไ่ ดเ้ ฉพาะเราคนเดยี ว แตม่ นั ได้ หลายปีที่ข่าวโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ
กบั ทกุ คน” ประโคมขน้ึ ตนเองได้ขึน้ เวที พูดคยุ ให้สัมภาษณ์
เขียน-อ่าน ผ่านทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ ส่ือ
ออนไลน์ ฯลฯ แทบจะทุกชอ่ งทางสอื่ สาร หรอื
แม้แต่ในร้านน้ำชา เพื่อบอกกล่าวถึงความ
เปน็ มาเป็นไปอนั “ไมป่ กต”ิ ของโครงการนี้
ดังนี้แล้ว เพื่อเปิดมุมมองต่อชีวิต บท
สัมภาษณ์ชิ้นนี้จึงมุ่งเน้นไปยัง “แรงขับและ
ตัวตน” ในการต่อสู้ของชาวเรือท้องถิ่นคนน้ี
เป็นสำคัญ
ลุกขนึ้ สูเ้ รื่องประมง การอนรุ ักษ์ทะเล
“มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ลึกลับซับซ้อน
ไม่ได้เป็นวีรบุรุษ แล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรทั้งน้ัน
แต่เป็นชาวบ้านธรรมดานี่แหละแต่ว่ามันจะ
เก่ียวกับเร่ืองปากทอ้ งมากกว่า”
เราเปน็ เดก็ กำพร้ามาตั้งแต่กำเนดิ คือ
เหมือนกับว่าไม่มีพ่อแม่มาแต่กำเนิด ตั้งแต่
อายุ 7 วัน ก็มาอยู่กับยายแล้ว ก็ไม่อยากจะ
บอกรายละเอียดตรงนี้ แต่สรุปคือเราอยู่ใน
กระด้งเขาก็เอามาให้ย่าเลี้ยงแล้ว ดูดนมแห้ง
ของยายดูดจนนมมีเลือดนี่ท่ีเขาเล่าให้ฟัง แย่ง
กับลกู คนสุดทอ้ งแยง่ นมกับน้า
ชีวิตเราลำบากมาแต่เด็ก ๆ ยายก็ไม่
ค่อยมีเงิน เขาทำงาน หาหอย แต่เรากลับ
ค่อนข้างใช้เงินเยอะเวลาไปโรงเรียน เพราะว่า
P a g e | 18
พอเราเห็นใครไม่ได้กินขนม เราเห็นก็สงสารก็ เรืออยู่ที่นัน่ นาน 13-14 เดือน กว่าจะคิดบัญชี
จะให้เงนิ เขา จา่ ยคา่ จา้ ง ต้องใช้ความอดทนเพื่อเอาเงินก้อน
กลบั มาบ้าน แลว้ พอครบกำหนด 13 เดือน
เกิดที่บ้านสวนกง
ใช่ อยู่ที่นี่ เกิดที่นี่ เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ กลับโดนโกงค่าจ้าง ไม่ได้เงินกลับมา
แมแ้ ต่บาทเดียว เราคิดวา่ ข้างนอกหวังพ่ึงไม่ได้
จะค่อนข้างมีเงิน สมัยนั้นจะมีน้ำอัดลมแบบ ฝากชีวิตไว้ไม่ได้ กลับมาทำท่ีบ้านดีกว่า
ขวด แต่ไม่เคยได้กินเลย พอได้กินก็ดีใจมาก จากนั้นพออายุ 17-18 ปี ก็กลับมาบ้านพาเรอื
เราเป็นหลานรักที่ยายตามใจ ยายอาชีพหา ออกทะเลเป็นแลว้
หอยเสียบขาย แต่บางทีหาหอยไม่ได้ เขาก็
ลำบากที่จะให้ เขาพยายามหาหอยหาเงินทำ เรอื เล็กแพ้เรือใหญ่
ให้เราไดก้ ินเหมอื นกับคนอน่ื ส่วนจะตาทำสวน ตอนเริ่มกลับมาทำอาชีพประมง
เลี้ยงวัว เขาจะไถนาเอง โตขึ้นเข้าเรียนที่
โรงเรียนบ้านม้างอน ก่อนไปโรงเรียน ตาจะ พื้นบ้าน ตอนนั้นมันจะมีเรือประมงพาณิชย์
สอนไถนากับวัว คือไปโรงเรียนต้องเดินผ่าน จากข้างนอกเข้ามา (ลากอวนบรเิ วณรมิ ชายฝั่ง
ทางนน้ั อย่แู ลว้ เข้ามาในเขต 3,000 เมตร) ทำให้เราโกรธหัว
ฟัดหัวเหวีย่ ง ว่าที่ตรงนั้น แบ่งเขตกันแล้วว่าที่
อยู่บ้านจะออกทะเล คือเขาจับอุ้มลง ตรงนี้ (จากชายฝั่งออกไป 3,000 เมตร) ของ
เรือให้ไปนั่งไม่ทำอะไร ไปนั่งดูเขาทำ ยายเรา พวกเรา พวกเขาต้องออกเรือไปนอกเขต
ออกเรือกับลูกชาย สองคนแม่ลูกจะพาเราไป ชายฝง่ั ก็ไปพดู ตักเตือนพวกเขา แต่เขาก็ไม่ฟัง
ด้วยตลอด ก็ได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างในการ แล้วยังเข้ามาอีก พอเข้ามามันไม่เพียงแต่
ทำงานของเขา ว่าเขาลำบากยังไง ยายเลี้ยงเรา ทำลายทรัพยากรที่ชายฝั่ง แต่มันทำลาย
โดยการจับปลาหาหอยจริง ๆ เลี้ยงจนจบ ป.6 เครื่องมือประมงของชาวบ้านเครื่องมือของพ่ี
แล้วพอโตขึ้นมาหน่อย มันทำให้รู้จักคุณค่าว่า น้องไปด้วย จึงเกิดการทะเลาะกันมา เราก็ได้
ห อ ย เ ส ี ย บ ท ำ ใ ห ้ เ ร า โ ต ม า จ น ถ ึ ง ท ุ ก ว ั น น้ี แจ้งหน่วยงานรัฐแล้ว แต่เขาไม่สนใจ ในตอน
เหลอื เช่ือวา่ ชวี ติ เราจะรอดมาถงึ ตอนนี้ รอดมา นั้นกฎหมายก็ไมแ่ ข็งแรง
กบั อาชีพนี้ เหมอื นวา่ เป็นของท่ที กุ คนมองข้าม
เริ่มอาชีพประมง
ด้วยความเป็นลูกทะเลอยู่แล้ว ตอนเรียนจบ
ป.6 เห็นว่าคนที่ไปออกทะเลข้างนอก
(ต่างประเทศ) หาเงินได้ดี ไปออกเรือทกี ็พาเงิน
หมื่นกลับมา เราก็ลองไปบ้าง ไปออกเรือที่
มาเลเซีย เป็นเรือใหญ่จากปตั ตานี ต้องออก
P a g e | 19
สู้กันไปสู้กันมา สุดท้ายแล้วชาวบ้าน “ทุกสิง่ ทุกอยา่ งมันฝังในหวั เรา ถา้ เรา
แพ้ คือพวกประมงพาณิชย์จับสัตว์น้ำจนไม่ เพิกเฉยถ้าเราไม่ดูแล มันก็จะกลายเป็นทะเล
เหลืออะไรสักอย่าง หน้าสวนกง – ตลิ่งชัน น้ำ ร้างไปเลย แต่ถา้ เราดูแล มนั ไม่ได้แคเ่ ฉพาะคน
ใสกรบิ๊ ไมเ่ หลอื สัตว์นำ้ อะไรเลยท่พี อจับได้ ชว่ ง สวนกง ไม่ได้เฉพาะเราคนเดียว แต่มันได้กับ
นั้นออกทะเลได้วันละแค่ 50 บาท จนพวกเรา ทกุ คน”
(ชาวประมงขนาดเล็กในหมู่บ้าน) ต้องไปออก
เรือหากินข้างนอก ไปท่ีวัดขนุน (สิงหนคร) เพราะว่าปลามันว่ายไปทั่วหมด ว่าย
บ้าง อยู่แถวหัวแหลมเก้าเส้งสงขลาบ้าง เรือ ไปตล่ิงชนั ไปสงขลา ไปเทพา ซ่ึงมนั กเ็ ป็นแบบ
บางลำไปไกลถึงนราธวิ าส นั้นจริง ๆ พอได้ผลแล้วหลังจากนั้นก็มีกรม
ประมงเข้าหนุนเสริม มาทำปะการังเทียมแบบ
จากการโยกยา้ ยทำมาหากินนอกบ้าน ถาวร ปลาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมาก แล้วเราก็ตั้งกลุ่ม
หลายคร้ังหลายครา หลังจากนั้นรุ่นพี่ของพวก อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรชายฝ่ังบา้ นสวนกง
เราจึงคิดจะตั้งกลุ่มขึ้นมา เขาตั้งกลุ่มมาทำ กนั ขนึ้ มา
บ้านปลาเพื่อให้ปลามาอยู่ สามารถกัน
เรอื ประมงพาณิชย์ดว้ ย ก็ทำกนั เร่อื ยมา เราอยู่ โป๊ะดกั ปลากับเรืออวนชาวประมง
ในเหตกุ ารณต์ ลอด ตอนนน้ั ยังเป็นวยั รนุ่ อยู่ จังหวะนั้นมีนายทุนจากสตูลก็เข้ามา
ทำบ้านปลา สร้างโป๊ะ “เขาบอกว่าทะเลเปน็ ของสาธารณะ
เดิมที “บ้านปลา” ทำด้วยปูนแล้วก็ เป็นของเขาด้วย ไม่ใช่แค่คนสวนกง ใน
ความคิดเรา เราคิดว่าอย่าให้นายทุนมามา
เสยี บเหล็กเพอ่ื ทจ่ี ะกันอวนลากจากเรือประมง สร้างเพราะมันได้เฉพาะนายทุน ชาวบ้านก็
พาณิชย์ แต่ว่าสุดท้ายแล้วเราลองผิดลองถูก ลำบากอีก” พอดีเขาเข้ามา “คุย” กับกำนัน
มันมาติดเครื่องมือประมงเราด้วย มาทำลาย กับผู้ใหญ่บ้าน เหลือพวกเรากลุ่มเล็ก ๆ แล้ว
ตัวเองด้วย วิธีนั้นก็ไม่ได้ใช้ จากนั้นมาใช้ทราย ร ุ ่ น พ ี ่ โ ย น ม า ใ ห ้ เ ร า เ ป ็ น ป ร ะ ธ า น ก ล ุ ่ ม อี ก
ใส่กระสอบแล้วใช้ไม้ไผ่หรือทุ่นลอยสามารถที่ ประสบการณเ์ รากไ็ มม่ าก แตก่ พ็ ยายามไปถาม
จะมองเห็นได้ ใช้ทางมะพร้าวสัก 3-4 ทาง ผูก ไปหาข้อกฎหมายว่าการทำโปะในอ่าวไทย ทำ
เชือกแล้วก็ทิ้งไว้ พอมันเก่าปลาก็จะเข้ามาอยู่ ไดไ้ หม ไปกรมประมงไปดูข้อกฎหมาย ปรากฏ
ปลาเลก็ เขา้ ปลาใหญก่ จ็ ะเขา้ มา ซ่ึงจรงิ ๆ แล้ว
ก่อนนั้น ปลาเก๋า ปลาอินทรีย์ และเต่าหายไป
จากทะเลหน้าบ้านหมดแล้ว แต่หลังจากที่เรา
ทำบ้านปลา สัตว์น้ำต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ มีเพิ่ม
ขึ้นมา กลับมาเป็นทะเลที่อุดมสมบูรณ์จน
ช า ว บ ้ า น ท ี ่ ไ ป อ อ ก ท ะ เ ล ห า ก ิ น น อ ก บ ้ า น ก็
กลับมาหมด
P a g e | 20
ว่าอ่าวไทยทำไม่ได้ แม้แต่ที่สตูลก็ทำได้ใน กบั ทางราชการ ทางหนว่ ยงานรัฐเขากเ็ หน็ เขา
เฉพาะบางแห่งเท่านัน้ ดูแล้วว่ามันผิดกฎหมายจริง เขาจะมาถอน
ภายใน 7 วนั
“โป๊ะ” เป็นเหมือนกับเครื่องมือการ
ทำมาหากินของคน ๆ เดียว เขาจะปักไม้โอน กรมประมงรว่ มกับทหารเรือจะเข้ามา
หรือไม้หมาก ปักเป็นรูปหัวใจ คือจะปักไม้ เราก็บอกเขาว่าอย่าโกรธกัน เดี๋ยวเจ้าหน้าที่
จำนวนเป็นพัน ๆ ท่อนแล้วก็สานร้อยกันหมด เขาจะมาถอน เขาว่าไม่มีทางถอนหรอก ถ้ามา
ขนาดใหญ่มาก ใช้พื้นที่เกือบทั้งอ่าว แล้วทำ ถอนเขาให้ควายหนึ่งฝูง พออีก 7 วันก็มีเรือ
ช่องให้เป็นงาออกมาปลาก็จะเข้าทางนี้ ทำ ทหารกับเจา้ หน้าที่มาเตม็ ไปหมด ชาวบา้ นก็ไม่
แบบน้ีชาวบ้านทำกินไม่ได้ แม้จะทำลูกเดียว เคยเห็นแบบนี้ที่เรือทหารมาเหมือนสงคราม
แต่ลูกเดียวก็ไม่ได้ มันเป็นตัวอย่างให้คนอ่ืน นั่นแหละ คนมายืนดูที่หน้านาเสมียนที่วัง
ทำใหค้ นอื่นทำตาม หนาวเป็นพันคน เจ้าหน้าที่กับทหารมาก็เอา
นักประดาน้ำไปแล้วก็ผูกเชือกถอนออกจน
เราคิดไปไกลเลย คุยกันว่าเราไปยื่น หมด พวกเขาก็โกรธ คือมันอยู่กันไม่สนิทใจ
หนังสือ เราไปเองเลยไปยื่นที่ที่พักของเขาว่า เพราะมันใกล้กันคนบ้านเดียวกันหมด แล้วเรา
ใหย้ กเลิกโปะน้ี ถ้าไมอ่ ย่างนัน้ เราจะไปฟ้องไป ก็ไม่รู้จะทำไง ถ้าสมมติว่ามีโป๊ะทุกวันนี้ จะ
แจ้งความ เขาก็ว่า มึงเป็นใครมาจากไหนอย่า ไมใ่ ชแ่ ค่ลูกเดียว มันจะกระจายไปท่ัวอา่ ว พวก
มาเก่งตรงน้ี เราก็บอกว่าเราทำตามกติกาตาม ประมงพืน้ บ้าน เรือหางยาวก็ทำมาหากนิ ไม่ได้
กฎหมาย เขาว่าคือทะเลของเขาเหมือนกัน
และขออนุญาตหมดแล้ว เหมือนกับเรา สงิ่ ท่ีเกดิ มาทั้งหมดน่ีมันเป็นเพราะปาก
ทะเลาะกับคนบ้านตัวเอง เพราะแม้ว่าเขาเปน็ ท้อง ก็โดนมาตลอด คือชีวิตเราส่วนมากจะหิว
นายทุนจากท่ีอื่นก็จริง แต่คนมีตำแหน่งมี ไม่ค่อยอิ่ม ไม่เหมือนคนที่เกิดมาการเงินคล่อง
อำนาจเข้าข้างเขา เขาก็มาขอเคลียร์นั่งกินน้ำ การงานดี แต่แบบนั้นไม่มีเลย ในชีวิตเราก็เลย
ชากัน เรายืนยันแล้ววา่ ไมไ่ ด้ ไม่รจู้ ะทำยงั ไง ไม่ เหมือนกับว่าจะทำยังไงก็ได้อย่าให้ชาวบ้านมี
ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน แต่เรารักษา ชีวิตเหมือนกับเรา ปมด้อยตรงนี้ให้มันเกิดกับ
ประโยชน์คนส่วนมาก และมันก็ผิดกฎหมาย เราก็พอ
แทนที่คนส่วนมากจะได้หากิน กลับจะได้
นายทุนหมด เขาโมโหมาก ก็เลยกลับและไม่ มองว่าใครก็ตามถ้ารวมตัวกันได้ให้มี
หยุดเขาเดินหน้าทำต่อ เพราะระหว่างบ้าน ฐานทรัพยากรอยู่ เขาก็สามารถที่จะเลี้ยงดู
สวนกงกับบ้านนาเสมียน (ที่ทำโป๊ะ) ตรงน้ัน ตัวเองได้ เราตั้งกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง
มันเป็นดอนหอย ซึ่งในทะเลจะมีดอนหอย บ้านสวนกง อยู่ภายใต้สมาคมสมาพันธ์ประมง
ดอนปู ดอนปลา มันมีทั้งนั้น ตรงนั้นเป็นดอน พื้นบ้านแห่งประเทศไทย เข้าประชุมทำ
หอยพอดี ทรัพยากรเลยดี เราก็ไปยื่นหนังสือ โครงการทำกิจกรรมจนไม่มีเวลาทำมาหากิน
ภรรยา (วรรณา ระหมันยะ) ถามว่า เราเลือก
P a g e | 21
ชีวิตแบบนี้ใช่ไหมถ้าอย่างนั้น ภรรยาก็จะเอา “จะนะ” เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มี
ด้วย มีอะไรต่าง ๆ เข้ามาและโดนข่มขู่อยู่ ทะเล มีคลองนาทับ คลองสะกอม มีภูเขา มีที่
ตลอด ก็คุยกันว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัว ราบทำสวนเกษตร สำหรับโครงการนิคม
เรา ใครก็ห้ามเสียใจ เพราะว่ามนั เปน็ สิ่งทีเ่ รา อุตสาหกรรม ตรงนี้ถ้ามีน้ำเสีย ดูดน้ำใช้ มี
เลือกแลว้ ภูเขาบังไว้ เวลามีควันพิษมันบังไว้ แค่พื้นที่
ไ ม ่ ก่ี ต า ร า ง ก ิ โ ล เ ม ต ร ไ ม ่ พ อ ห ร อ ก ส ำ ห รั บ
เรม่ิ ตง้ั เค้าโครงการนิคมฯ จะนะ อตุ สาหกรรม
พอโครงการจะนะเมืองต้นแบบ
การจ้างงานคนพื้นที่ ไม่มีทั้งหมด
อุตสาหกรรมเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร หรอก ยกตัวอย่างท่ีมาบตาพุด ตอนน้ีมีแต่คน
เห็นเลยว่าพี่น้องจะโดนอะไรบ้าง ทำลาย รุ่นเก่า ๆ รุ่นหนุ่มสาวย้ายหมด เราเคยไปดูไป
ตรงไหนบ้าง เพราะเคยไปดูไปศึกษาจากที่อ่ืน รู้จักลุงน้อย แกเล่าว่าแกดีใจที่เขามาขอซื้อที่
มาแล้ว หรือดูแค่เป็นโรงงานเล็กโรงงานใหญ่ ลุงน้อยมีท่ีเป็นร้อยไร่ ทั้งขายท้ังให้ดีใจว่าพี่
ชาวบ้านมีแต่ถูกเอารัดเอาเปรียบ แม้แต่เรื่อง น้องจะมีกินมีงานทำ ตั้งแต่ปี 2536 ชาวบ้าน
ท่ดี นิ ยกตวั อย่างกลุ่มชาติพันธุ์ ชาวบ้าน “บาง จะมีงานทำ พอให้ไปแล้ว ลุงน้อยมาบอกว่า
กลอย” พน่ี ้อง “อุรกั ลาโวย้ ” ตอ้ งกลายเป็นคน ช่วงแรก ๆ เศรษฐกจิ จะบูมอย่างมาก ขายของ
เรร่ ่อนดว้ ยวิธีเอาเงินมาหลอกซื้อถูก ๆ แล้วพา ได้วันละพันวันละหมื่นเพราะแรงงานมาจาก
ไปขายแพง ซึ่งบา้ นเราตอนนีก้ ็โดนอยู่ ทุกสารทิศเลยที่มาบตาพุด ทำงานก็ได้ดี
ก่อสร้างก็ดี เหมือนกับโรงแยกก๊าซจะนะท่ีพอ
ที่นี่ตั้งแต่ปี 2559-2562 เขาเริ่มเก็บ ก่อสร้างเสร็จ จะไปทำงานในนั้นเขาก็ไม่เอา
ซื้อที่ดินของชาวบ้านซึ่งไม่มีเอกสารสิทธ์ิ จะมี คนในพื้นท่ี ไปดูได้ตอนนี้คนงานในพื้นที่มีก่คี น
แค่ ส.ค.1 (หนังสือแสดงสิทธิการครอบครอง ยิ่งตำแหน่งดี ๆ ยิ่งแทบไม่มี เหตุผลหนึ่ง
ที่ดิน) ซึ่งจริง ๆ แล้วรัฐบาลประกาศว่าใครมี เพราะวา่ เขากลัวคนพื้นทีร่ คู้ วามจริง
สค.1 สามารถจะออกเอกสารสิทธ์ิได้ แต่คน 3
ตำบลนี้ออกไม่ได้ (ต.นาทับ ต.ตลิ่งชัน ต. เราเคยไปนง่ั คุยกับผู้จัดการบริษัท คุย
สะกอม) แต่พอปี 2562 เมื่อนายทุนเก็บซื้อ กันที่มาบตาพุด เราถามจริง ๆ ว่าทำไมคุณใจ
ทีด่ นิ ไปแลว้ เขาออกเอกสารสิทธิ์ได้ข้ึนมาทันที ดำจงั เปน็ ถงึ เจา้ ของบรษิ ัทแตไ่ มย่ อมให้คนใน
ตอนท่พี ี่นอ้ งขาย คนซื้อก็ไม่ไดบ้ อกว่าจะเอาไป
ทำอุตสาหกรรม แต่ถ้าอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ
เกิดขึ้น มันไม่ทำลายเฉพาะบ้านเรือนแต่
ทำลายพื้นที่หากินด้วย แล้วที่ร้ายสุดก็คือการ
ที่ 3 ตำบลมมี ัสยิด มีกุโบร์เท่าไหร่ สมมตุ ิวา่ เรา
ไม่คิดถึงเรื่องหากินแล้ว ก็นึกถึงบรรพบุรุษที่
เขาฝงั อยู่ เราเองจะอย่กู นั ทไี่ หน อยกู่ ันยงั ไง
P a g e | 22
พื้นท่ีทำงาน หรือพิจารณาเป็นอันดับแรก เขา จะมีผลกระทบอะไรก็ต้องไปดูโรงแยกก๊าซ แต่
ตอบวา่ บงั ฟงั ผมก่อนมันมีอย่สู องแบบท่ีเขาไม่ การไปดูของเราต้องไปดูให้ถึงที่ อย่าไปแบบ
เอา แบบท่ีหนึ่งก็คือคนในรู้มาก แล้วก็เขาว่า นอนโรงแรมแลว้ ตอนเช้าเขาจัดวิทยากรมาพูด
ไม่มมี นษุ ยค์ นไหนหรอกทีไ่ ม่รักบ้านเกิดถึงจะ วา่ ตรงนีไ้ ม่กระทบตรงน้นั ไม่กระทบ ท่ีแม่เมาะ
ชั่วจะเลวมาขนาดไหน ยกตัวอย่างว่าเขาจะ จะมีการจ้างชาวบ้านชดุ หน่ึงเพื่อที่จะให้ข้อมูล
ปลอ่ ยน้ำเสยี มันก็ปากไม่ดไี ปบอกพน่ี ้อง ก็เกิด กับคนที่ไปดูไปศึกษา แล้วจะมีชาวบ้านท่ีพูด
การประท้วงกันอีก นั่นแหละที่เขาไม่เอา แล้วก็ ความจริง มาบตาพุดก็เหมือนกัน จะมีการ
สอง คนในเราจะใช้แรงงานเหมือนวัวเหมือน จัดตัง้ กลุ่มขึน้ มา
ควายไม่ได้ แต่ถ้าคนต่างด้าวจะใช้แรงงานแบบ
15 วันไม่มีวันหยุดเลยก็ทำได้ หรือถ้าหยุดเขาก็ แต่ว่าทั้งหมดทั้งมวลเราก็อยากจะ
จะมสี ำรองของเขาเพราะเป็นแรงงานราคาถูก บอกว ่านายทุน มั น ไม ่ม ี อ ะไ รเล ย แ ม้ ก ร ะ ทั่ ง
หัวใจ เขามีคือเงินทุนแล้วก็แผน วางแผน
คนท่ีเข้ามาช่วย ผลักดันนโยบายของรัฐ นี่คือนายทุน แล้วเรา
อันดับแรกเลยคำว่า NGO มันจะมีทั้ง ชาวบ้านเรามีจำนวนมาก เรามีฐานทรัพยากร
ที่ว่าดูไปสุดลูกหูลูกตาเรา บรรพบุรุษที่เขาหา
มาดีและมาไม่ดี เหมือนกันทุกองค์กร แต่ยังไง กินแล้วทิ้งไว้มาจนถึงรุ่นเรามันเป็นบุญของเรา
NGO เป็นคนนำข้อมลู มาใหเ้ ราและชาวบ้าน ก็ แล้ว อันนี้คือเหตุผลที่เราหวงแหนไว้ในอ้อม
ต้องดูข้อมูลให้ดี เช่น ถ้าสร้างโรงแยกก๊าซ มัน กอดของเรา
P a g e | 23
ลวดลายของชวี ติ :
“ME - D นาทบั ”
ความเป็ นครูบวกกับพืน้ ฐานทาง ยอ้ นความเปน็ มา
ศิลปะ และการเรียนรู้ พฒั นา ที่ไม่หยุดน่ิง
ของครูจนั จันทิมา สุขเมตตา และ บงั ดุล “ครูจัน เดิมเป็นคนหนองจิก ปัตตานี”
ณัฐพชั ร์ ยดี า ทาใหผ้ ลติ ภณั ฑ์ของ “ME-D เธอเล่าท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของบ้านและ
นาทบั ”เป็นทรี่ ูจ้ กั และไดร้ บั การยอมรบั ในวง เป็นที่ตั้งของบ้านศิลปะ “ME - D นาทับ” เรียน
กวา้ ง เวลาเกือบหน่งึ ทศวรรษ นบั แต่เร่ิมก่อ จบปริญญาตรี สาขาศิลปะ ปริญญาโท
ร่างสรา้ งงาน ทงั้ สองไดผ้ ่านบททดสอบอนั ศึกษาศาสตร์พัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยสงขลา
นา่ สนใจเรยี นรู้ นครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ขณะนี้สอนศิลปะ
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถึงมัธยมศึกษาปีที่
3 โรงเรียนบ้านตลิ่งชัน อ.จะนะ สอนมา 11 ปี
แล้ว ปจั จบุ ันอายุ 52 ป”ี
ครูจันเล่าย้อนว่า ทำผ้ามัดย้อมบาติก
ตั้งแต่สมัยท่ี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็น
นายกรัฐมนตรี โดยขณะนั้นเป็นบัณฑิตอาสา
ใน จ.นครศรีธรรมราช พอหมดโครงการจึง
ออกมาทำกับกลุ่มครอบครัว และมีผลงานที่
การันตีเรื่องคุณภาพ จากนั้นจึงมีโอกาสไป
เรียนรู้และดูงานต่างประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน
แต่ด้วยความที่เราไม่ใช่คนในพื้นที่กเ็ กิดปญั หา
กันภายในกลมุ่ จงึ หยดุ ไป”
หลังจากหยุดทำงานศิลปะไป 3 ปี จึง
กลับมาสอบบรรจุครู และได้บรรจุตอนอายุ 40
ปี ที่แรกคือโรงเรียนเทพประทาน บ้านเจ๊ะเด็ง
อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส จนวันหนึ่งได้มา
เจอกับบังดุล ซึ่งเป็นคนนาทับและทำงานท่ี
นราธิวาสเหมือนกัน อยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง บัง
ดุลก็ออกจากงานและกลับมาบ้านก่อน และ
วางแผนกันว่าจะมาร้ือฟ้ืนทำงานศลิ ปะท่ที ั้งสอง
P a g e | 24
คนชอบ นั่นคือการทำ “ผ้าบาติก” คุยกันว่าขอ สำหรับแนวคิดในการออกแบบ ครจู ัน
ใชเ้ วลาแค่ 4 ปี จะทำให้ “คนรจู้ ักตำบลนาทับ” เล่าว่า จะมุ่งเน้นประโยชน์การใช้สอยเป็น
หลัก เช่น กระเป๋า หมวก เสื้อ โดยคัดสรร
เรมิ่ ก่อตัง้ เนื้อผ้าให้เหมาะสมกับผลติ ภัณฑ์ เช่น กระเป๋า
ณัฐพัชร์ หรือบังดุล เสริมว่า “ตอนท่ี ต้องใช้เนื้อผ้าชนิดใด หมวกต้องใช้เนื้อผ้าชนิด
ใด จึงจะเหมาะสม เปน็ ต้น
เริ่มทำก็ไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างอะไรมากนัก เริ่ม
เข้ารปู เข้ารอยใน 3 หรือ 4 ปใี ห้หลงั พร้อมกับ “ปัญหาใหญ่จะเปน็ เร่อื งของสีธรรมชาติ
จดทะเบียนวสิ าหกจิ ชุมชน OTOP กบั สำนกั งาน ในการใช้สีเคมี ไม่ได้มีอุปสรรคเพราะเราทำมา
พัฒนาชุมชุนอำเภอ (พช.) หลังจากผ่านมา 4 ปี ตลอด แต่สีธรรมชาติมีความไม่นิ่งของสี เข้ม
ก็ได้ออกจำหน่ายตามตลาดนัด วันศุกร์ เสาร์ บ้าง อ่อนบ้าง สภาพดินฟ้าอากาศก็เป็นส่วน
อาทิตย์ รายได้อยู่ที่ 2,000 – 5,000 บาทต่อ หนึ่ง ความคงทนของสีธรรมชาติท่ีดีที่สุดอยู่ได้
สัปดาห์ เมื่อทางราชการมีโครงการอำเภอ เพยี ง 6 เดือน
เคลื่อนที่ เราก็นำสินค้าไปจำหน่าย หลากหลาย
ตำบลทุกเดือน จำหน่ายได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็ เคยมีโอกาสพูดคุยกับท่านรองอธิบดี
ไปเพื่อประชาสัมพันธ์ ได้ไปออกบูธตามงานที่ กรมการพัฒนาชุมชน ว่าเราทำอยู่ตอนนี้ เรา
พช. ประสานมา เชน่ งานกาชาด งาน OTOP ท่ี เข้มแข็งแล้วนะ เราไม่ได้มีหน่วยงานราชการ
ศูนย์ประชุมแห่งชาติฯ ม.อ.หาดใหญ่ งานเมือง มาสนับสนุนเลย ถ้าจะขอความช่วยเหลือจาก
ทองธานี ไปตามลำดับ พัฒนาการไปเป็นขั้น ๆ ภาครัฐคือ ต้องการนักวิชาการเข้ามาดูแลเรา
เราไม่ได้ไปแบบก้าวกระโดด ไม่มเี ส้นมสี าย เอา เรื่องสีธรรมชาติ ให้สีมีความคงทนมากกว่าน้ี
ฝีมือการทำงานล้วน ๆ ในการไปนำเสนอ ซึ่ง มากกว่า 6 เดือน ให้คุ้มค่ากับความเหนื่อย แรง
งานบาติกและมัดย้อมของเราจะทำ 2 ประเภท มันสมอง ที่เราลงมือทำไป หาวิธีไหนที่ทำให้สี
คือใช้สีธรรมชาติและสีเคมี เพราะหากเราทำ คงทน และราคากส็ ูง จะมาขาย 300 บาท ไม่ได้
เพียงแต่สีธรรมชาติอย่างเดียวเราก็ไม่สามารถ เพราะกระบวนการผลิตมีความซับซ้อน ทำให้
เลี้ยงดูลูกน้องได้ งานมันจะช้ามาก ซึ่งในการ ตนเองเปน็ ภูมิแพ้ตอนทำสธี รรมชาติ กเ็ ลยเร่ิมมี
ผลติ จะแยกสเี คมีกับสธี รรมชาติ ในผนื เดียวกัน ความคิดว่าเราต้องขยายคน เพื่อจะได้ดูแลกัน
จะไม่ใช้สี 2 ชนดิ รวมกัน” และป้องกันรา่ งกายด้วย เลยเอาเด็ก ๆ มาช่วย
ยอดผลิตสีธรรมชาติน้อยมีจำนวนน้อยมากไม่
เกิน 20 ชิ้น เนื่องจากกลุ่มคนภาคใต้จำนวน
น้อยที่จะใส่ แต่ขณะเดียวกันออเดอร์ในเรื่อง
ของสีเคมีเข้ามาเยอะ” ถึงกระนั้นก็ยังไม่ทิ้งสี
ธรรมชาติ
P a g e | 25
ลายพระราชทาน นำเสนอ ไปบอกกับคนอื่นในการโปรโมท
ครูจันเลา่ ถึงงานสำคัญท่ีทำให้ตอ้ งหนั ผลติ ภณั ฑ์ แต่ตอ้ งรว่ มกันหลายภาคสว่ น”
กลับมาทำสีจากใบไม้ “ครั้งหนึ่งมีกิจกรรมท่ี ขณะนี้เธอยังต้องรอ บล็อคลายป่า
ต้องรับเสด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราช แดนใตส้ ำหรบั ทำถวายโดยใชเ้ ทคนิคการแครก
กัญญา ก็คุยกันว่าเราต้องกลับมาทำงานสี เทียน “บล็อคนี้สั่งทำจาก จ.นครศรีธรรมราช
ธรรมชาติแลว้ แหละ เพราะการบ้านของเราคือ ถอดแบบมาจากลายพระราชทานที่เจ้าฟ้าสิริ
สีธรรมชาติจากใบคนที เรามีความรู้อยู่ วณั ณวรี นารีรตั นราชกญั ญาประทานให้ จึงใช้สี
แล้วแต่อาจจะยังไม่ชัดเจน พระองค์ท่านทรง จากใบคนที ทุกคนจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมตรง
เป็นดีไซเนอร์ทรงแนะนำให้ใช้สีธรรมชาติจาก น้ี ทำเปน็ ลายเตราะหมาก (กาบต้นหมาก) ถวาย
พืชในพื้นถิ่น เราจึงคิดว่าคนอื่นก็ทำจากสีใบหู พระองค์ กับเทคนิคการแคร็กเทียน เป็นผ้าไหม
กวาง ใบลูกสม้ มว่ ง ใบขีเ้ หล็ก เรากก็ ลับมามอง ทั้ง 2 ชิ้น โดยเป็นสีธรรมชาติ 1 ชิ้น และสีเคมี
พืชพื้นถิ่นแล้วคยุ กัน ก็เห็นวา่ มใี บคนที จากนั้น 1 ช้นิ ”
จึงเริ่มนำใบคนทมี าใช้เปน็ สยี ้อมผา้ ”
ครูจันเล่าว่า ตั้งแต่ได้รับลายขอมัดหม่ี
ในการใบคนที ใช้วิธีการเดียวกับการ เมื่อปีที่แล้ว ยอดขายดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
ทำขนมคนที โดยเพิ่มขี้เถ้ากาบมะพร้าว “เรา “ผ้าลายขอเป็นความสิริมงคล ตัว S ที่มาจาก
คั่วเสร็จจากน้ันนำมาตำ ต้มหม้อใหญ่เพื่อสกัด สิริวัณวรี แต่ภาษาบ้านเรา เรียกว่า ลายขอ
สี แล้วนำมาเคี่ยวจนแห้ง นำผ้าปั้นน้ำแล้วใส่ พระองค์ท่านใช้คำวา่ มอบ ให้แกผ่ ้ปู ระกอบการ
ถุงแกงแล้วเติมสี ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดได้ทำ ประเภทผ้าให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในเรื่อง
รายละเอียดเรื่องราวไว้แล้ว เราต้องการให้ ของผ้าทอ ผ้าพิมพ์ ผ้าพิมพ์บาติก ผ้ามัดย้อม
มันบริสุทธ์ด้วยความเป็นธรรมชาติ แต่เรายัง งานทำมือ”
ขาดนักวิชาการ และวันนี้จึงได้ทีมที่จะมาช่วย
แต่จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องรอดู แหล่งเรียนรู้
ความยั่งยืนมันจะเกิดขึ้นมันไม่ได้เกิดจากเรา นอกจากจะผลิตลายผ้าส่งขายแล้ว
แต่มันจะเกิดจากหน่วยงานที่เข้ามาช่วยกันใน
ทุกภาคส่วน เราไม่มีความสามารถที่จะไป ME-D นาทบั กไ็ ดเ้ ปิดเป็นแหลง่ เรยี นรู้สำหรับ
ชุมชนและผู้สนใจ “ที่ผ่านมาก็มี หลาย
P a g e | 26
หน่วยงานมาเรียนรู้ ทั้ง กศน. โรงเรียนและ วางแผนคนรุ่นใหม่
กลุ่มคนสนใจ เราก็ให้ความรู้ไป ไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับอนาคตแล้ว ครูจันมุ่งไปท่ี
แต่มาในช่วงสถานการณ์ covid-19 มีคนบ้าง
แต่ไม่มากเหมือนเดิม มาให้สอนการทำผ้า แรงงานรุ่นใหม่ที่จะสานต่อ “เรามุ่งไปท่ี
บาติกเพื่อประกอบการบ้าง รวมราคาทั้งค่าผ้า เยาวชนก่อน เราต้องฝึกเยาวชนให้คล่อง ให้
คา่ สี และนำ้ ยา กว่า 10,000 บาท โดยใช้เวลา แข็งแรง ตัวเองแทบจะไปทำในเรื่องของ
1 สัปดาห์ สามารถนำมาประกอบอาชีพได้เลย การตลาดรับออเดอร์มา หลังจากน้ีลูกชายก็จะ
เพราะหากมาเรียนรเู้ พ่ือที่จะไปประกอบอาชีพ มาสานต่อหลังจากเขาเรียนจบมา พี่เขาก็จะ
ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายบ้าง เมื่อเรียนรู้เสร็จก็ จัดการเรื่องตลาด ถ้าเราฝึกเยาวชนตรงนั้นได้
สามารถนำผลงานกลบั ไปไดเ้ ลย” เราจะขยับเขาขน้ึ ไป ใหพ้ ไี่ ปนง่ั บรหิ าร ตัวเองก็
ยังรับราชการเหมอื นเดิม วันหน่ึงถ้าเราเกษียณ
สำหรับความรักชอบในผ้าบาติก เธอ แล้วจะกลับมาตรงนี้ ระหว่างที่ไม่เกษียณก็จะ
บอกว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนยังเป็นนักศึกษา “ไป ทำในเรื่องของการถ่ายทอดความรู้ควบคู่กับ
เจอเสื้อยืดราคาตัวละ 250 บาท ซึ่งแพงมาก เผยแพร่ให้แก่เยาวชนเพราะไม่อยากให้มัน
สมัยนั้น พี่คนหนึ่งขายอยู่ สมัยนั้นเรียน ตายไปพร้อมกบั เรา”
อนุปรญิ ญาที่วทิ ยาลัยครูนครศรีธรรมราช ด้วย
ความที่เราเป็นคนอาร์ต ชอบศิลปะ ก็อยากได้ ต่อความเชยี่ วชาญเชงิ งานศลิ ป์ ครูจัน
จึงซ้ือมาทั้ง ๆ ไม่ค่อยจะมีเงิน จุดที่ได้เจอผ้า มองว่า บางคนก็ใช้การศึกษาในทางที่ดี บาง
บาติกก็คือตรงนี้ กลับมาก็ขอเงินแม่ 3,000 คนกท็ ำร้ายตนเองมากกว่า “สำหรับเราแลว้
บาท ทั้ง ๆ แม่ก็ลำบากแต่ก็ให้มา ก็เอามา
ทำลายบาติก ตอนนั้นทำเสื้อไปขายฝากหลัง
โรงหนังท่ปี ตั ตานี ตั้งขาย 10-20 ตวั หนึ่งเดอื น
ได้ประมาณ 4,000 บาท ทั้งทุนและกำไร ทำ
ทุกอย่างที่ได้เงินที่เกิดจากการเรียนรู้ในชีวิต
มหาวิทยาลัยทั้งเพ้นท์ผ้า เพ้นท์กระเป๋า ทำมา
หมด นั้นคือจุดเริ่มต้นที่ทำผ้าบาติก รู้สึกว่าได้
เงินง่าย มันสร้างแรงกระตุ้น สามารถขายได้
เลย แลว้ ยงั อวดงานศลิ ปะได้ ตอนน้ี ME-D นา
ทบั ไมไ่ ดท้ ำผ้าบาติกเองท้ังหมด เพราะส่วนตัว
มีปัญหาเรื่องสุขภาพแต่จะมีทีมงานที่ช่วยทำ
ให้ได”้
P a g e | 27
เราอยากมีเวลาพักผ่อน เราดีใจที่ได้สอนลูก 20 ปีที่แล้ว เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ เราชอบ
ศิษย์ พอได้สร้างคน ได้สร้างเด็กขึ้นมา ต้นไม้ ไม่ทำลาย ต้นไม้จึงมีเยอะ เพราะคิดว่า
ความสุขของเราก็เกิดขึ้นแล้ว แค่เราเห็นเด็กมี ถ้าไม่มีต้นไม้จะอยู่อย่างไร อากาศมันร้อน ก็
รายได้ แค่เราเห็นเด็กความภูมิใจก็เกิดขึ้น นี่ ตัดแต่งไปด้วย พยายามหาต้นไม้มาปลูกเพ่ิม
แหละรางวัลที่มันมีค่ามาก เราจะภูมิใจมาก นกก็มาอยู่เพราะมันร่มรื่น ตอนนี้รอให้ลูกเขา
ที่สุด เมื่อลูกศิษย์ของเรา เรียนจบแต่ไม่มี เรียนจบ จะให้เขาดูแล แล้วเราก็จะถ่ายทอด
โอกาสเรียนต่อ ได้มีงานทำมีรายได้ นักเรียน ต่อไป จะไม่ให้มันหายไป”
โรงเรียนบ้านตลิ่งชัน ทำผ้ามัดย้อมได้ทุกคน
ตั้งแต่ ป.3 - ม.3 นั้นคือส่ิงท่เี ราให้” ฝากถึงคนรุ่นใหม่ ให้มีใจ รับผิดชอบ และ
อดทน
ธรรมชาติของพื้นที่
นาทับมีทะเลที่สวย ครูจันว่า “เรา บังดุลกล่าวทิ้งท้าย “ก็อยากที่จะให้
ความรู้นี้กับเยาวชนทุกคน แต่เราบังคับให้ทุก
อยากขายทะเลวังหนาว และที่สำคัญเราอยู่ คนมาชอบมารักในสิ่งที่เราทำไม่ได้ อีกหนึ่ง
ตรงน้ีเม่ือหนั หน้าไปทางขวามือ คือลำคลองนา อย่างสังคมทุกวันนี้ มันลำบาก ปัญหายาเสพ
ทับ ซ้ายมือคือทะเลและวิถีธรรมชาติ เรามา ติด และอีกหลาย ๆ อย่าง น้ำดีที่เหลือมันมีไม่
อยู่แรก ๆ เราก็ปากกัดตีนถีบ ที่ดินตรงนี้พี่เขา มากแล้ว น้ำดีทีเ่ หลือก็ไมร่ ูว้ ่าชอบในตรงน้ีไหม
ซื้อมา เป็นของคนในหมู่บ้าน ซื้อไว้ประมาณ พยายามพูดกับหลาย ๆ คนว่าเอาลูก เอา
หลานมาฝกึ ให้มคี วามรักความชอบก่อน อันนี้
คอ่ ยเปน็ คอ่ ยไป เพราะไม่ใชโ่ รงงานทเ่ี ขามาทำ
แล้วได้เงินเป็นกอบเป็นกำ แต่เรามาฝึกให้มี
ความชำนาญ แลว้ กไ็ ด้เงินไปเล็กน้อย ๆ โดยท่ี
ไมต่ อ้ งไปขอทางบ้าน
อยากฝากให้เป็นคนที่รับผิดชอบ มี
ความซื่อสัตย์ สุจริต ถ้ามาที่นี้จะได้ครบ จะได้
ฝึกในด้านจิตใจ ด้านรับผิดชอบ ความอดทน
แต่บางคนไม่ชอบ ก็พยายามที่จะชักจูง
พยายามบอกพ่อบอกแม่ ว่าให้เอาลูกเอา
หลานมาที่นี่ได้ มาสืบสานและรว่ มทำกิจกรรม
ตรงนี้ กจ็ ะรบั หมดทุกคนเลยครบั ”
P a g e | 28
ในช่วงไม่กี่ปี ที่ผ่านมาความ ความงดงามและนวตั วถิ ี
เปลี่ยนแปลงทีเ่ ห็นไดช้ ดั คือ นวตั กรรม
เข้ามาเยอะ ชาวบ้านก็มีการเรียนรู้ บา้ นคูนำ้ รอบ
เปลี่ยนแปลงไปตามความทันสมัยแต่
ยังคงมีความเป็ น ชุมชนบ้านคูน้ารอ บ หมู่บ้านนวัตวิถี บ้านคูน้ำรอบ ต.นาทับ
ยงั มีการช่วยเหลือเกือ้ กูลกนั เหมือนเดิม มคี วามโดดเด่นโดยธรรมชาติด้วยภูมิศาสตร์ที่ตั้ง
แมว้ า่ การไปมาหาสกู่ นั จะลดนอ้ ยลง ที่เป็นเกาะกลางน้ำ หมู่บ้านหนึ่งเดียวของ
อ.จะนะ คือตั้งอยู่กลางคลองนาทับ ลักษณะ
ของพื้นที่ ๆ เป็นทุ่งดงตาลขนาดใหญ่ ซึ่งเป็น
วัตถุดิบสำคัญที่ช่วยเสริมอาชีพของชุมชน
รวมถงึ การทำประมงสองนำ้ ซาปีตะ๊ ห์ หวงั โสะ
ในฐานะคนทำงานชุมชนมายาวนานเปิดประตู
สคู่ วามเขา้ ใจท้องถน่ิ อนั เปี่ยมเสนห่ ข์ องตน
ดเี อ็นเอนักกจิ กรรมชุมชน
ความสนใจงานชุมชน เริม่ แรกจากพ่อ
คือ นายดีน หวังโสะ อดีตผู้ใหญ่บ้านคูน้ำรอบ
เป็นคนท่ีมีจิตอาสาชอบงานชุมชน เคยเป็น
ประธานองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติและ
เศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดชายแดนภาคใต้
ประจำอำเภอจะนะ ของกองอำนวยการรักษา
ความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ท่านเริ่มทำงาน
ในปี พ.ศ. 2551 จนอายุ 70 ปี แกก็เลยให้เรา
ไปเป็นตัวแทน
เข้ามาทำงานเต็มตัวตั้งแต่ พ.ศ. 2559
ได้ช่วยเหลือในเรื่องของ คนพิการ กลุ่ม
เปราะบาง 11 ประเภท ทกุ อยา่ งที่เขาเดือดร้อน
ในเวลานั้นได้ค่าตอบแทน 4,500/เดือน
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2561 หมู่บ้านคูน้ำรอบก็ได้
เป็นหมู่บ้านนวัตวิถีขึ้นมา คัดเลือกโดยกรมการ
พัฒนาชุมชนของอำเภอจะนะ หรือ พช. เป็น
หนง่ึ ใน 5 ตำบลของอำเภอจะนะ
P a g e | 29
ประชากร พ้นื ท่ี-เศรษฐกิจ เรื่ององค์ความรู้ในกระบวนการผลิตของ
หมู่บ้านคูน้ำรอบมีประชากรทั้งหมด ชาวบา้ นมไี มห่ ลากหลาย”
192 คน มีอาชีพค้าขายประมาณ 5 % ทำ ผลติ ภัณฑ์วสิ าหกจิ ชุมชน
น้ำตาลโตนดประมาณ 10 % ทำโรงงาน ผลิตภัณฑ์ที่เด่นของชุมชนจะเป็น
ประมาณ 5 % ที่เหลือส่วนอื่นจะทำสวนยาง
เกษตรกร และ เลี้ยงสัตว์ “ผลผลิตหลักที่เป็น ผลิตภัณฑจ์ ากนำ้ ตาลโตนดสด น้ำผงึ้ ตาลโตนด
วัตถุดิบของบ้านคูน้ำรอบ คือ น้ำตาลจากต้น น้ำตาลแว่น ขี้ม้า กะปิ ปลาทูเค็ม เครื่องแกง
ตาลโตนดทีส่ ามารถแปรรูปทั้งน้ำตาลโตนดสด ขนมทองพับ ไม้ไผ่แปรรูป ปลากะตัก กุ้งแห้ง
น้ำผึ้งตาลโตนด และน้ำตาลขี้มอด ในช่วง โดยการนำกุ้งเคย มาแปรรูปเป็นกุ้งแห้ง ใน
เดือนรอมฎอน น้ำตาลสดจะขายดีมาก มี ส่วนของกะปิจะเป็นกะปิคลอง จำหน่าย
รายได้วันละประมาณ 3,000 บาท หรือ กิโลกรัมละ 250 บาท กะปิบ้านคูน้ำรอบถือ
ประมาณ 50,000 บาท ในช่วงเดอื นรอมฎอน เป็นที่รู้จัก ผลิตภัณฑ์กะปิบ้านคูน้ำรอบได้
นำไปโชว์ในงาน ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเราจะมีแบ
“พื้นที่ท่ีนี้ ที่ดินบางส่วนเป็นของ รนดเ์ ป็นของตัวเอง คอื “ชลเล” สว่ นที่ยังขาด
นายทุน เป็นของ TPI ประมาณ 300 กว่าไร่ แค่เครื่องหมายมาตรฐานที่เรายังไม่มี แต่
จากทั้งหมดเกือบ 500 ไร่ และในส่วนของ ขณะนี้ทางเราได้จัดทำโรงเรือนเมื่อเสร็จจะทำ
ชาวบ้าน ส่วนใหญ่จะมีคนนอกพื้นท่ีเป็น การขอเครื่องหมายฮาลาล และเครื่องหมาย
เจ้าของ เช่น อัยการ นายอำเภอ ปลัด แต่ใน มาตรฐาน อย. เพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม
ส่วนของตน้ ตาลเราสามารถข้นึ ต้นตาลโตนดได้ วสิ าหกจิ ชุมชนบา้ นคูน้ำรอบร่วมใจ
เขาไม่ได้ห้าม ที่เป็นของคนในชุมชนเราเองก็
เยอะ ซึ่งในส่วนที่มีนายทุนเป็นเจ้าของ ได้ เรื่องโฮมสเตย์ที่คิดไว้จะสร้างติดริม
พูดคุยกับหลายหน่วยงานให้เขามาช่วยเหลือ คลองเพราะไม้ไผ่ของเรามีเยอะ ต้องการ
ลูกตาลโตนดที่มันหล่น เพราะมันงอกออกมา งบประมาณในการลงทุน หากมีโฮมสเตย์ คน
ใหม่ โดยเมื่องอกจะงอกเต็มพวง เราสามารถ ในหมู่บ้านก็ได้มีรายได้ มีนักท่องเที่ยวเข้ามา
เอาพวงนั้นนำมาทำเช่ือมได้ แต่ติดปัญหาใน
P a g e | 30
หมู่บ้านใกล้เคียง ก็สามารถขับเรือพา แม้ว่าการไปมาหาสู่กันจะลดน้อยลง ซึ่งหากมี
นักทอ่ งเท่ียวชมหมู่บา้ นนวัตวิถีมรี ายได้เพ่ิมอีก สะพานไม้เหมือนแต่ก่อนอย่างที่ผู้ใหญ่บ้านได้
ด้วย ที่ผ่านมาทางสำนักงานพัฒนาชุมชนเข้า คุยไว้ว่าจะสร้างสะพานเป็นรูปตัวทีก็จะช่วย
มาช่วยจริง แต่มาช่วยไม่ตรงจุดเพราะมอบแต่ สง่ เสรมิ การทอ่ งเท่ียวในชมุ ชนให้ดยี ่งิ ขนึ้
บรรจุภัณฑ์ ต้องการให้ช่วยเหลือในเรื่องของ
วตั ถุดบิ ด้วย หมู่บ้านนวัตวิถี
ทางสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอจะ
สืบสานวิถดี ั้งเดมิ
เราต้องการรักษาวิถีชีวิตเดิม ๆ ของ นะ ได้เลือกบ้านคูน้ำรอบเป็นหมู่บ้านนวัตวิถี
เน่ืองจากเปน็ เกาะแหง่ เดยี วในอำเภอจะนะท่ีมี
ชาวบ้าน เช่น การช้อนเคยซึ่งที่อื่นไม่มี เรา คนอาศัยอยู่ มีอัตลักษณ์ของหมู่บ้านที่ไม่
ต้องการขายวิถีชีวิตความเป็นบ้านเรา ต้องการ เหมือนใคร จะมีทั้งภูเขา ป่า นา ทะเล ลำ
ให้นักท่องเที่ยวมานอนพักที่นี้ ได้มาเรียนรู้ คลอง ตอนน้ีวิทยาลัยชุมชนสงขลา ได้เข้ามา
วิธีการยกบาม (ยกยอ) การขึ้นตาล การตัดงวง ทำการต่อยอดให้เราในเรื่องของการทำขนม
ตาล เขาทำกันอย่างไร เรียนรู้วิถีการทำ ซึ่งก่อนที่จะตั้งเป็นหมู่บ้านนวัตวิถีได้ ต้องมี
ตาลโตนด ต้องการฝึกเด็กรุน่ ใหม่ให้รู้จักสืบสาน การกลุ่ม สร้างผลิตภัณฑ์ที่ต้องไปขึ้นทะเบียน
เรือ่ งต้นตาลโตนด คดิ ว่าจะเอาเด็กที่สนใจมาน่ัง เป็นสนิ คา้ OTOP ทกุ ผลิตภณั ฑ์ จึงได้มานั่งคุย
ฟังประวัติของบ้านเรา เพื่อให้เด็กได้ซึมซับ จัดการรวมกลุ่มสร้างกระบวนการผลิต ไม่ต่ำ
ความเป็นบ้านคูน้ำรอบจริง ๆ คนภายนอกหรือ กว่า 10 ผลติ ภณั ฑ์ออกมา
นกั ท่องเท่ียวเข้ามาเที่ยวสามารถบอกเล่าได้
มมุ มองนิคมอุตสาหกรรมฯ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความ โครงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต
เปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือ นวัตกรรมเข้ามา
เยอะ ชาวบ้านก็มีการเรียนรู้ เปลี่ยนแปลงไป จะนะ ถา้ มันเกดิ ข้ึนและเราหลีกเล่ียงไม่ได้จริง ๆ
ตามความทันสมยั แต่ยังคงมีความเปน็ บ้านคูน้ำ อยากให้เรามีส่วนร่วม ในการเข้าไปพูดคุยกับ
รอบ ยังมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันเหมือนเดิม ทางบริษัท เพื่อเข้าทำ MOU กับเรา หรือเข้า
ไปเป็นคณะกรรมการส่วนใดส่วนหนึ่ง ให้
ชาวบ้าน ชาวประมง เกษตรกร นักศึกษา หรือ
อสม. ต้องเข้าไปร่วมให้ทุกด้าน ไมใ่ ช่จะเอาแต่
เทศบาลหรือผู้ใหญ่บ้านฝ่ายเดียว เพราะ
ผลประโยชน์อาจไม่ถึงมือประชาชน เราต้อง
เรียกร้องสิทธิ ไม่ใช่ว่าต้องนำเงินมาให้เรา
เดือนนี้เท่าไหร่ แต่ต้องคิดถึงลูกหลานอยู่
P a g e | 31
อย่างไรในอนาคต ต้องคิดให้ไกลไม่ใช่คิดแต่ นาทับ สถานที่ท่องเที่ยว อาชีพ ทำให้คนรู้จัก
เราตัวเอง ไมใ่ ชซ่ ้อื อวนหรือซ้อื เรอื ให้ ชุมชนเราวา่ ชุมชนเรามีดีอะไร ถือเป็นโครงการ
ที่ดีมาก หากมีการต่อสัญญาอาจจะได้ทำใน
เราตอ้ งสรา้ งกล่มุ เพ่อื เรียกร้องในสิทธิ เรื่องข้อมูลในด้านอื่น ๆ เช่น เรื่องนิคม
ไม่ใช่ว่ามาอยู่กับเราแล้วเราทำมาหากินไม่ได้ อุตสาหกรรมจะนะ และเศรษฐกจิ ภายในชุมชน
แต่เขารวยขน้ึ เร่ือย ๆ ซง่ึ นิคมอุตสาหกรรมต้อง ฯลฯ
มที างแก้ไขปัญหา กลุม่ ต่าง ๆ เชน่ กลมุ่ ประมง
กลุ่มเกษตรกร กลุ่มผู้นำศาสนา กลุ่มเยาวชน
ต้องมีนโยบายของเราท่ีต้องการนำไปไปเสนอ
เขา คิดว่าฝ่ายค้านกับฝ่ายสนับสนุนต้องคุยถึง
ข้อดีข้อเสีย รวมทั้งคนพื้นที่ตำบลใกล้เคียง
ได้แก่ ทุ่งหวัง คลองเปียะ นาหว้า คิดว่า
ความคิดน้ีถือเป็นวธิ ีที่จะสร้างความสมานฉันท์
ทส่ี ดุ แลว้
U2T กบั ผลทเี่ กิดแก่ทอ้ งถ่นิ
โครงการ U2T มีประโยชน์มาก คือ
ทำให้ชาวบ้านได้รู้จักชุมชนตัวเองมากขึ้น คน
นอกพื้นท่ีก็ได้รู้จักตำบลนาทับ จะเห็นว่าทั้ง 3
ตำบลเราจะเจาะลึกมาก ทำให้ได้ข้อมูลที่มาก
จากโครงการนี้ ทั้งกลุ่มวิสาหกิจ อาชีพ และ
ท่องเท่ยี ว ขอ้ มูลทน่ี ้อง ๆ นำมาทำเป็นข้อมูลท่ี
มีประโยชน์กับตำบล รวมถึงคนที่เขาต้องการ
รู้จักตำบลนาทับ ไม่ว่าจะเป็น ประวัติตำบล
บทวิเคราะหก์ ารพฒั นาเชงิ พื้นท่ี
“ตำบลนาทบั ”
P a g e | 33
บทวเิ คราะหก์ ารพัฒนาเชงิ พ้ืนท่ี
1. ศกั ยภาพของพ้ืนที่
ตำบลนาทบั เปน็ ชุมชนดง้ั เดมิ ทมี่ ปี ระวัตศิ าสตรก์ ว่า 200 ปี เป็นพืน้ ทีม่ ศี ักยภาพหลายด้านใน
การพัฒนา ทั้งจากฐานทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์จากการเป็นพื้นที่ปากคลองนาทับ ชายหาด รวมถึง
ทะเล ฐานวฒั นธรรมชุมชน ฐานเศรษฐกจิ การคา้ ฐานอำนาจประชาชน
1.1 ฐานทรพั ยากร
คลองนาทับ ที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นคลองสองน้ำ น้ำกร่อย น้ำเค็ม ยังคงมีสภาพป่า
โกงกาง ปา่ ชายเลนซึง่ มีความหลากหลายของพันธุกรรมพชื -สัตว์ และเปน็ แหลง่ เพาะ อนบุ าลสัตว์น้ำที่
สำคัญ พน้ื ทสี่ ำคัญท่มี ีความเฉพาะ ที่บ้านคนู ้ำรอบ และการเลีย้ งปลาในกระชงั
ศักยภาพนี้ สามารถพัฒนาการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วิถีชุมชนสองน้ำ ได้ซึ่งชุมชนได้
ดำเนินการแล้ว แต่ภาคส่วนรัฐ ภาคีต่าง ๆ จะประสานสนับสนุนอย่างไรท่ีจะยกระดับอย่างพอดีกับ
ความตอ้ งการของชมุ ชน
ชายหาด ยาวกว่า 12 กโิ ลเมตร หาดวังหนาว หาดสวนกง หาดหนา้ รกั
ศักยภาพนี้ สามารถพัฒนาการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วิถีประมงชายฝั่ง และประมง
พ้ืนบา้ นได้
ทะเล ได้รับการปกป้องและฟื้นฟูสภาพโดยชุมชนจนอุดมสมบูรณ์ในปัจจุบัน จากเดิม
ทะเลที่ถูกทำลายโดยประมงพาณิชย์ เมื่อปี พ.ศ. 2536 จากเครื่องมือทำการประมงที่ผิดกฎหมาย
อวนลากคู่ อวนลากเดี่ยว อวนรุน ชาวบ้านได้รวมกลุ่มแก้ไขปัญหาโดยจัดทำปะการังเทียม( อูหยำ)
ผนวกกับการประสานและผลักดันนโยบายแก้ไขปัญหาเครื่องมือประมงทำลายล้างสัตว์น้ำวัยอ่อนใน
เขต 3,000 เมตร กับกรมประมงจนปัจจุบันทะเลแทบนี้กลับมาอุดมสมบูรณ์ (ประสิทธิชัย หนูนวล
เรยี ง สีแก้ว จินดารตั น์ เพิม่ ลาภวริ ฬุ ห์ และบณั ฑติ า อยา่ งดี, 2564)
ศักยภาพนี้ สามารถดำเนินการต่อไปในการทำการประมงที่สอดคล้องกับการพัฒนาที่
ยง่ั ยืน และการเป็นแหล่งอาหารท่ีปลอดภัยของโลกในอนาคต
การเกษตร พื้นที่ตำบลนาทับ สามารถทำการเกษตรได้ท้ังพืชเศรษฐกิจทั่วไปของภาคใต้
อย่างยางพารา โดยมีฐานการเกษตรที่เด่นมาก ๆ อย่าง มะม่วงนาทับ มะพร้าวน้ำหอม ส่วนพืชไร่
แตงโม แตงกวา ฟักทอง ดาวเรือง ฟาร์มเห็ด และความพิเศษเฉพาะอย่าง ทุ่งตาลโตนดที่บ้านคูน้ำ
รอบ
ศักยภาพนี้ สามารถดำเนินการต่อไปในการทำการเกษตรที่สอดคล้องกับการพัฒนาท่ี
ยัง่ ยนื และการเป็นแหล่งอาหารทป่ี ลอดภยั รวมถงึ การท่องเท่ยี ววิถีชมุ ชนของจงั หวัดสงขลา
P a g e | 34
1.2 ฐานประวัตศิ าสตร์ชุมชน
ตำบลนาทับ เป็นหนึ่งในชุมชนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน กว่า 200 ปี จากสมัยกรุงศรี
อยุธยา ถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เรียบเรียงได้จากประวัตโิ บราณสถาน กุโบร์สำคัญ 4 แห่ง ได้แก่
กโุ บร์หลาโต๊ะเมอื ง กโุ บรป์ ากบาง กโุ บร์ย่าหมะ และกโุ บร์นางสีดอกไม้ รวมถงึ ศาสนสถาน มสั ยดิ และ
วดั ด้วย
อีกด้านหนึ่งที่สำคัญ คือ เป็นตำบลที่สะท้อนลักษณะวิถีพหวุ ัฒนธรรม การอยู่ร่วมกันมา
ยาวนานของพีน่ อ้ งมุสลิม พุทธ และจนี
ศกั ยภาพนี้ สามารถพัฒนาการทอ่ งเทยี่ วทางวัฒนธรรมชมุ ชน
1.3 ฐานเศรษฐกิจการค้า
ตำบลนาทับมีพื้นฐานการค้า ซึ่งเป็นการค้าต่อเนื่องจากการทำประมง แพปลา ร้านของ
ชำ ตลาด ที่สามารถค้าขายกับตลาดเมืองสงขลา หาดใหญ่ได้โดยสะดวกเพราะการคมนาคมสะดวก
และปัจจุบันเพิ่มศักยภาพการค้าออนไลน์หลากหลายรูปแบบ อาหารทะเลสด-ตากแห้ง และแปร
รปู ลกั ษณะตา่ ง ๆ
1.4 ฐานอำนาจประชาชน
การรวมกลุ่มเพื่อการปกป้องฐานทรัพยากรชุมชน หรืออำนาจประชาชน นับเป็นความ
โดดเด่นของศักยภาพด้านนี้ ในตำบลนาทับ เห็นได้จากการรวมตัว แก้ไขปัญหา อวนรุน อวนลาก
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 การประสานผลักดันนโยบายการจัดการทรัพยากรทะเลกับหน่วยงานของรัฐใน
การบงั คับใช้กฎหมาย การสู้กบั กลมุ่ ทนุ จากจงั หวัดสตูลที่มาทำโป๊ะดกั ปลา การต่อสู้กับโครงการขนาด
ใหญ่ของรัฐ อาทิ โครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย โครงการพัฒนาอุตสาหกรรม
ต่อเนื่อง แผนแม่บทและแผนปฏิบัติการการพัฒนาเขตเศรษฐกิจปีนัง - สงขลา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541
โรงไฟฟ้าจะนะ ปี พ.ศ. 2551 โครงการท่าเรือน้ำลึกสงขลา แห่งที่ 2 เพื่อเชื่อมต่อสะพานเศรษฐกิจ
สงขลา - สตลู (แลนบรดิ จ์สงขลา - สตลู ) ปี พ.ศ. 2552 และ โครงการนิคมอตุ สาหกรรมจะนะ ปี พ.ศ.
2559 ถงึ ปัจจบุ นั
จากกลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรชายฝั่งบ้านสวนกง เป็นชมรมชาวประมงพื้นบ้าน
อำเภอจะนะ พัฒนาการมาเป็นสมาคมรักษ์ทะเลจะนะ และใช้ชื่อ เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น รวมหลาย
ๆ กลุ่มทัง้ ชาวบ้านและภาคประชาสังคมในการเคลื่อนไหวปกป้องฐานทรัพยากรและวิถชี วี ิตชุมชนชาว
จะนะร่วมกัน และมีกลุ่มเยาวชน ที่ใช้ชื่อ กลุ่มเด็กรักษ์หาดสวนกง กลุ่มหมึกกะ ศักยภาพด้านนี้ จะ
เป็นพลงั ของการมีสว่ นร่วมในการพัฒนาชุมชนตำบลนาทับไดเ้ ป็นอย่างดี
P a g e | 35
2. สถานการณ์ปญั หาของพ้นื ที่
จากการเก็บข้อมูลสถานการณ์ปัญหาการประกอบอาชีพไม่ชัด ว่าชุมชน ประสบปัญหาการ
ประกอบอาชีพอย่างไร ซึ่งการประกอบอาชีพหลักอย่างการทำประมง มีทั้งสี่รูปแบบ การประมง
พน้ื บา้ นคลองนาทับ การเพาะเลยี้ งสัตว์นำ้ ประมงรมิ ชายฝั่ง และประมงทะเล ดา้ นการเกษตรพืชหลัก
คือยางพารา ส่วนที่โดดเดน่ ของการเกษตรพืชไร่ คือ แตงโม แตงกวา ฟักทอง มะพร้าวน้ำหอม โดยมี
ผลไม้พิเศษ ระดับตลาดมีความต้องการสูงทั้งในและต่างประเทศ คือ มะม่วงนาทับ ส่วนปศุสัตว์ มีไก่
ไข่ ไกเ่ น้อื ววั เนือ้ ด้านการค้าขาย ร้านค้าปลกี รา้ นขายของชำ รา้ นอาหารเครอื่ งดืม่ การค้าขายอาหาร
ทะเลและผลิตภณั ฑ์แปรรูป และเพ่ิมการขายแบบออนไลน์ในปัจจบุ ัน
การรวมกลุ่มกิจกรรมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาชีพและกิจกรรมกีฬา ทั้งเกิดขึ้นเองและที่มีการ
สนับสนุนจากหนว่ ยงานภายนอก (ทัง้ รฐั หรือเอกชน) มีหลากหลายพอควร ทั้งกลมุ่ เกษตรอินทรีย์ กลุ่ม
ฟาร์มเห็ด กลุ่มธนาคารปู กลุ่มเลี้ยงปลากะพง กลุ่มเลี้ยงแพะ กลุ่มไข่เต่า กลุ่มแปรรูปสัตว์น้ำ (กะปิ)
กลมุ่ ตาลโตนด กล่มุ ทำขนนพื้นบา้ น (ขนมทองพับ) กลมุ่ ผ้ามดั ยอ้ ม (ME-D นาทบั ) กลุ่มรบั งานไปทำท่ี
บ้าน (เย็บผ้า) กลุ่มสตรีพัฒนาตำบลนาทับ ด้านการกีฬา มีสมาคมกีฬาคนนาเสมียน ชมรมฟุตบอล
ปากบางนาทบั และกล่มุ กีฬาพน้ื บา้ นเรือเกยหาด
สถานการณ์ที่ร้อนแรงในช่วง 3 - 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 คือ โครงการนิคม
อุตสาหกรรมจะนะ หรือเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน
เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ที่ถูกเสนอและผลักดันโดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
(ศอ.บต.) นำเสนอเขา้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) จนมีมตริ บั ทราบและเห็นชอบ ในวนั ที่ 21 มกราคม 2563
ให้จะนะเป็นเมืองต้นแบบที่ 4 “เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” เป็นเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะ
กิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่จะเปลี่ยนพื้นท่ีตำบลนาทับ ทันที ภาพรวมโครงการ
เนอื้ ท่ี 16,753 ไร่ ใช้เงินลงทุนประมาณ 18,680 ลา้ นบาท มีการคาดการณ์ว่าจะกอ่ ใหเ้ กิดการจ้างงาน
ประมาณ 1 แสนอตั รา มีกิจกรรม 6 ประเภท ไดแ้ ก่ 1) พืน้ ท่ีเขตอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรม
เบา จำนวน 4,253 ไร่ 2) พื้นที่อุตสาหกรรมหนัก จำนวน 4,000 ไร่ 3) พื้นที่เขตอุตสาหกรรมผลิต
ไฟฟ้า จำนวน 4,000 ไร่ จำนวน 4 โรง กำลังผลิตรวม 3,700 เมกะวัตต์ 4) พื้นที่เขตอุตสาหกรรม
ต่อเนื่องกับกิจกรรมหลังท่าเรือ จำนวน 2,000 ไร่ 5) พื้นที่เขตอุตสาหกรรมศูนย์รวมและกระจาย
สินคา้ จำนวน 2,000 ไร่ และ 6) พนื้ ท่ศี ูนยบ์ ริการเบด็ เสรจ็ และแหลง่ ท่พี กั อาศยั จำนวน 500 ไร่
โดยตำบลนาทับ มี 2 พื้นท่ีอุตสาหกรรม คือ พื้นที่อุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมเบา
981 ไร่ พื้นที่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์พลังงาน อีก 364 ไร่ (TPIPP, 2564,
รายงานผลการประเมนิ ผลกระทบสง่ิ แวดล้อม โครงการสวนอุตสาหกรรมจะนะ จังหวัดสงขลา ระยะท่ี 1)
ประเด็นการกว้านซื้อที่ดินเพื่อจัดทำนิคมอุตสาหกรรม มีข้อสงสัยในกระบวนการนโยบายการจัดการ
P a g e | 36
ออกเอกสารสิทธิที่เอื้อให้กลุ่มทุนผ่านโครงสรา้ งนักการเมืองและระบบราชการ ข้อมูลที่จากบ้านคูน้ำ
รอบว่า “ท่ดี ินบางสว่ นเป็นของนายทุน เป็นของ TPI ประมาณ 300 กว่าไร่ จากท้งั หมดเกือบ 500 ไร่
และในส่วนของชาวบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นคนนอกพื้นที่ เป็นเจ้าของ เช่น อัยการ นายอำเภอ ปลัด”
(เอกสารการศักยภาพตำบลนาทับ ความงดงามและนวัตวิถีบ้านคูน้ำรอบ หน้า 29) โดยสรุป
สถานการณ์ปัญหาหลัก คือ โครงการจะนะเมืองอุตสาหกรรม จะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ทิศ
ทางการพฒั นา ตำบลนาทับ
ขณะเดียวกัน โครงการจะนะเมอื งอุตสาหกรรม มที า่ เทียบเรอื 3 ทา่ ที่จะสร้างในพื้นที่รอยต่อ
ตำบลนาทับกับตำบลตล่ิงชันใกล้ ๆ บา้ นสวนกงนัน้
ท่าเทียบเรือคอนเทนเนอร์ มีลักษณะเป็นสะพานคอนกรีตยื่นไปในทะเล (Jetty) โดย
ออกแบบให้มีโครงสร้างโปร่ง ความกว้างของถนนบนสะพานยังไม่ระบุ ปลายสะพานเป็นชานชลาท่า
เทยี บเรอื (Loading Platform) มคี วามกว้าง 112 เมตร ความยาวของหน้าทา่ 600 เมตร รองรับการ
ขนสง่ สนิ ค้าตูค้ อนเทนเนอร์
ท่าเทียบเรือน้ำลึกทีพีไอสงขลา มีลักษณะเป็นสะพานคอนกรีตยื่นไปในทะเล (Jetty) โดย
ออกแบบให้มีโครงสร้างโปร่ง ความกว้างของถนนบนสะพานยังไม่ระบุ ปลายสะพานเป็นชานชลาท่า
เทียบเรือ (Loading Platform) มีความกว้าง 40 เมตร ความยาวของหน้าท่า 300 เมตร รองรับการ
ขนสง่ เทกอง
ท่าเทียบเรือก๊าซธรรมชาติเหลวและนำ้ มันสำเร็จรูปทีพีไอสงขลา มีสะพานคอนกรีตยื่นไป
ในทะเล (Jetty) ความกว้างของถนนบนสะพานโครงสร้างสำหรับวางท่อก๊าซและน้ำมนั สำเร็จรปู รวม
ประมาณ 35 เมตร โดยออกแบบให้มีโครงสร้างโปร่ง ปลายสะพานเป็นชานชลาท่าเทียบเรือ
(Loading Platform) มีความกว้างประมาณ 50 เมตร ความยาวของหน้าท่าประมาณ 420 เมตร
บรษิ ทั ศกึ ษา EIA ออกแบบมา 2 แบบ แบบท่ี 1 ยาวจากชายฝง่ั 1 กิโลเมตร ต้องขุดลอกร่องน้ำระดับ
ความลึก 18 เมตร ไป 12 กโิ ลเมตร แบบที่ 2 ยาวออกจากฝั่ง 13 กโิ ลเมตร ไม่ตอ้ งขดุ ลอก
ประเด็นการขดุ ลอกร่องน้ำ เนื่องจากทะเลจะนะ มคี วามลาดชนั ต่ำ มีความลึกของพืน้ นำ้ เพียง
5 - 6 เมตร เพื่อให้ไดร้ ะดับความลกึ ระดับ 18 เมตรที่เรอื ใหญจ่ ะเข้ามาได้ จึงต้องขุดลอกทะเลออกไป
ไกลถึง 13 กิโลเมตร การขุดลอกนจ้ี ะทำให้นำ้ ทะเลจะนะขนุ่ ประกอบกับเรือท่ีเข้าออกทุกวนั จะทำให้
ทะเลจะนะไมส่ ามารถหาสัตวท์ ะเลไดอ้ ีกต่อไป
ประเด็นเหล่านี้ ก่อให้เกิดคำถามและการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายทั้งในระดับพื้นท่ีและ
ระดับประเทศ
P a g e | 37
ภาพท่ี 6 พนื้ ที่ศกึ ษา EIA ของโครงการสวนอตุ สาหกรรมในพนื้ ทเี่ ขตเศรษฐกจิ พเิ ศษจะนะ
ท่ีมา : TPIPP, 2564, รายงานผลการประเมนิ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการสวนอตุ สาหกรรมจะนะ
จังหวัดสงขลา ระยะท่ี 1
การดำเนินการโครงการจะนะเมืองอุตสาหกรรมนี้ ขัดกับหลักธรรมาภิบาล (Good
Governance) เป็นดำเนินกิจการของรัฐ ที่ไม่เป็นไปในครรลองธรรม ไม่ถูกต้องชอบธรรมของรัฐ ท่ี
พึงมพี งึ ประพฤติปฏบิ ัติ
ขัดกับหลักคุณธรรม ศอ.บต. ดำเนินโครงการขนาดใหญโ่ ดยท่ีชุมชนตำบลนาทับไม่รับทราบ
มาก่อน เป็นการทำเพื่อบริษัททุนใหญ่เพียงบริษัทเดียว มีการใช้งบประมาณจัดเวทีใหญ่ผลักดัน
โครงการฯ หลายครั้ง มีการแจกเงินให้ชาวบ้าน ที่ไปร่วมงาน ค่ารถ ค่าอาหาร (อ้างอิง
http://www.sbpac.go.th/?p=45990)
ขดั กบั หลกั นิตธิ รรม ดำเนนิ การผิดขั้นตอนทางกฎหมายปรกติ ใชก้ ลไกอำนาจพิเศษ ศอ.บต.
และมีการใช้นโยบายเอื้อต่อการรวบรวมที่ดิน หนังสือแสดงสิทธิการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) ในปี
พ.ศ. 2559 - 2562 เมื่อนายหน้าที่ดนิ กวา้ นซ้ือที่ดินไปรวบรวมไว้แล้ว จึงดำเนินการออกเอกสารสทิ ธิ
P a g e | 38
ให้ หลายแปลงทับที่ทำกินชาวบ้าน มีการฟ้องร้องอยู่ในชั้นศาลหลายราย
(https://www.facebook.com/TheEXITThaiPBS/posts/2714186802245287) และจาก
รายงานผลการตรวจสอบกรณีการดำเนินการด้านที่ดิน โดยคณะกรรมาธิการการที่ดิน
ทรัพยากรธ รรมชาติและสิ่งแวดล้อมสภาผู้แทนราษฎ ร ก็มีข้อสังเกตต่อเรื่องนี้
(http://edoc.parliament.go.th หนา้ 160 - 180)
ขัดหลกั ความโปร่งใส ไม่มีระบบขอ้ มูล การวเิ คราะห์ ให้ประชาชนทราบ ทำก่อน บอกทีหลัง
ชุมชน-ประชาชนในพน้ื ท่ไี มร่ บั รู้ ขอ้ มลู ความเปน็ มากอ่ นการนำเสนอตอ่ ทีป่ ระชมุ คณะรฐั มนตรี (ครม.)
ขัดหลักความมีส่วนร่วม มีมติโดยประชาชนไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในทุกกระบวนการ ตั้งแต่
การคิด การจัดทำขอ้ มลู การวิเคราะห์ และการพจิ ารณาร่วม
ขัดกับหลักความรับผิดชอบ ศอ.บต. ที่เสนอโครงการ โดยไม่ได้รับผิดชอบต่อผลการ
ดำเนินการ หรอื ผลกระทบทีเ่ กดิ ในอนาคต
ขัดหลักความคุ้มค่า ไม่ได้มีการศึกษาผลประโยชน์ และต้นทุนทางเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ
และสิง่ แวดล้อม ไม่ได้ประเมนิ ความค้มุ ค่าอยา่ งรอบดา้ น ไม่มีคำตอบชดั เจน ว่าผลการดำเนินโครงการ
นี้ จะคุ้มค่าจริงหรือไม่ มีการจ้างงานจริง ด้านไหนบ้าง เท่าไหร่ จะมีส่วนต่อยอดและเพิ่มมูลค่าจาก
ฐานเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่น และมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหนทั้ง ก่อนการพิจารณา และการอนุมัติ
ของ ครม.
ปัญหาโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ หรือเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต
ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) นี้ นับเป็นสถานการณ์ปัญหาใหญ่ ที่จะกระทบต่อ
ชาวบา้ นในตำบลนาทบั น้อี ยา่ งชดั เจน ในทุกมิติ
3. บทบาทของผู้ปฏบิ ตั ิงาน U2T กบั การพัฒนาพื้นที่
ผู้ปฏิบัติงาน U2T ทำให้ชุมชนได้ข้อมูล ทั้งประวัติศาสตร์พัฒนาการของชมุ ชนความสมั พันธ์
กบั ประวัติศาสตร์ชาติ การประกอบอาชพี การทำมาหากนิ การรวมกลมุ่ กิจกรรมตา่ ง ๆ ของดีในพ้ืนท่ี
โบราณสถาน ปราชญ์ชุมชน
4. ภาพอนาคตทค่ี วรจะเป็นสำหรบั การพัฒนาเชงิ พื้นท่ี
จากการศึกษาข้อมูลชุมชนระดับตำบล ที่ U2T ได้ศึกษาในครั้งนี้ ทิศทางการพัฒนาของ
ตำบลนาทับ ตามศักยภาพของพื้นที่อยู่ในแนวทาง “การพัฒนาประมง-เกษตร-อาหารปลอดภัย
การค้า-ธรุ กจิ ชมุ ชน และการทอ่ งเทย่ี วธรรมชาติวถิ ีวัฒนธรรมชุมชน” เป็น 3 ฐานทส่ี ำคญั แตท่ ั้ง 3
P a g e | 39
ฐานนี้ จะขยับไปได้ ต้องอาศัย ฐานที่ 4 คือ ฐานดุลยอำนาจประชาชนต้องมีส่วนร่วมในทุก
กระบวนการ
การพัฒนาที่ยั่งยืน ต้องสร้าง สมดุลอำนาจ ระหว่าง ประชาชน รัฐ และภาคธุรกิจเอกชน
ดูแลคนด้อยโอกาสก่อน ความเป็นธรรมในการเข้าถึงการทำงาน อาชีพ ฐานทรัพยากรปัจจัยการผลติ
ทั้งที่ดิน แหล่งน้ำ พันธุกรรม องค์ความรู้ และพื้นที่ทรัพยากรสาธารณะ ภูเขา ควน แม่น้ำลำคลอง
ชายหาด ทะเล พัฒนากระบวนการรัฐให้มีธรรมาภิบาล กระจายสู่ท้องถิ่นที่รับผิดชอบต่อประชาชน
อย่างเท่าเทียมเป็นธรรม
P a g e | 40
บรรณานกุ รม
ประสิทธิชัย หนูนวล เรียง สีแก้ว จินดารัตน์ เพิ่มลาภวิรุฬห์ และบัณฑิตา อย่างดี. 2564. อุบัติเมือง
มลพิษที่แผ่นดินใต้. เครือข่ายเขียนอนาคตประเทศไทย สมัชชาประชาชนภาคใต้ ศูนย์สร้าง
จติ สำนึกนิเวศวทิ ยา มูลนธิ ิภาคใตส้ ีเขยี ว. กรงุ เทพฯ: บุ๊คแอนด์กราฟกิ ดไี ซน์.
TPIPP. 2564. รายงานผลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการโรงไฟฟ้าทีพีไอสงขลา
บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน). เอกสารประกอบการรับฟังความคิดเห็น
ของประชาชน ครง้ั ที่ 1. เดอื นธันวาคม พ.ศ. 2564.
TPIPP. 2564. รายงานผลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการสวนอุตสาหกรรมจะนะ
จังหวัดสงขลา ระยะที่ 1 บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน). เอกสาร
ประกอบการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน คร้งั ที่ 1. เดอื นธนั วาคม พ.ศ. 2564.
TPIPP. 2564. รายงานผลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการ กิจการ หรือการ
ดำเนนิ การทอ่ี าจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คณุ ภาพสิง่ แวดล้อม สุขภาพอนามัย
คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง โครงการท่าเทียบเรือก๊าซธรรมชาติ
เหลวและน้ำมันสำเร็จรูปทีพีไอสงขลา บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน).
เอกสารประกอบการรับฟงั ความคิดเหน็ ของประชาชน ครั้งท่ี 1. เดอื นธนั วาคม พ.ศ. 2564.
TPIPP. 2564. รายงานผลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการ กิจการ หรือการ
ดำเนนิ การทีอ่ าจมผี ลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คณุ ภาพสิง่ แวดล้อม สุขภาพอนามัย
คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง โครงการท่าเทียบเรือคอนเทนเนอร์และ
ท่าเทียบเรือน้ำลึกทีพีไอสงขลา บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน). เอกสาร
ประกอบการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครง้ั ท่ี 1. เดือนธันวาคม พ.ศ. 2564.
รายช่ือผสู้ ัมภาษณ์
1. นายรุ่งเรอื ง ระหมันยะ นายกสมาคมรักษ์ทะเลจะนะ
2. นางซาปตี ๊ะห์ หวังโสะ กลมุ่ นวัตวถิ บี ้านคูนำ้ รอบ
3. นางจนั ทิมา สุขเมตตาและนายณฐั พัชร์ ยดี ำ กลมุ่ ผ้ามดั ย้อม ME-D นาทบั
P a g e | 41
คณะผู้จัดทำข้อมูล
เฟาซ์ เฉมเร๊ะ
นุรฮานันท์ เหม๊าะแม
อรณุ ี หมัดเสา๊ ะ
เอกชยั อิสระทะ
อุสมาน หวังสนิ
ทีป่ รึกษา
รองศาสตราจารย์ ดร.บุษบง ชัยเจรญิ วฒั นะ
ผู้อำนวยการสถาบนั สันติศกึ ษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
โครงการยกระดับเศรษฐกจิ และสงั คมรายตำบลแบบบูรณาการ (U2T)
สถาบันสนั ติศกึ ษา มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์