The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Thanaprat Punjasirichok, 2024-03-03 08:39:28

สามก๊ก ตอน จูล่งฝ่าทัพรับอาเต็า

Blue Minimal Fantasy Wattpad EBook Cover_20240303_203611_0000

สสาามมก๊ก๊ ก๊ ก ก๊ ก ตตออนน จูจูจูล่จูล่ ล่งล่งฝ่ฝ่ฝ่ า ฝ่ าทัทัทัพทัพรัรัรับรับออาาเเต๊ต๊ ต๊ า ต๊ า เรียบเรียงโดย : ธนภัทร ปัญจสิริโชค ม.๖/๕ ล.๙


คำ นำ คุณคิดว่าจะมีใครสักคน ที่มีความจงรักภักดี ถึงขั้นที่สามารถ เสี่ยงชีวิต เข้าไปช่วย ครอบครัวของ นายตัวเองได้หรือไม่ หลายคนอาจจะคิดว่าไม่หรือหลายคนอาจจะยังไม่แน่ใจ ดัง นั้นผมขอเชิญคุณมาอ่านเรื่องนี้ ซึ่งตัวละครในเรื่องนี้ เป็น บุคคลที่มีตัวตนจริงๆในประวัติศาสตร์ และเหตุการณ์ในเรื่อง นี้ ก็เคยเกิดขึ้นจริงๆในประวัติศาสตร์ ซึ่งวีรกรรมของเขาใน ครั้งนี้ ก็ทำ ให้เขาได้รับความชื่นชมในฐานะผู้ที่มีความ จงรัก ภักดีและความกล้าหาญเป็นอย่างมาก หากมีความผิดพลาดประการใดผู้จัดทำ ขออภัยมา ณ ที่นี้


เเล่ล่ ล่ า ล่ าปี่ปี่ปี่ปี่ กวนอู เเตีตีตียตียววหุหุ หุ ย หุ ย จูล่ง แแนนะะนำนำนำนำตัตัตัว ตัวลละะคครร ๑


แแนนะะนำนำนำนำตัตัตัวตัวลละะคครร โจโฉ บุบุ บุลบุลเเพ่พ่ พ่งพ่ง กำกำกำกำฮูฮูฮู ห ฮู หยิยิยิ น ยิ น บิบิ บิฮูบิฮูฮู ห ฮู หยิยิยิ น ยิ น ๒


แแนนะะนำนำนำนำตัตัตัวตัวลละะคครร ออาาเเต๊ต๊ต๊ า ต๊ า ขขงงเเบ้บ้บ้งบ้ง กักั กันกันหหยยงง บิฮอง ๓


ครั้นเวลาประมาณสามยาม เล่าปี่ได้ยินเสียงคนโห่ร้องอื้ออึงคะนึงมาทางทิศ เหนือ ดังหนึ่งแผ่นดินจะถล่ม ก็ตกใจ จึงขึ้นม้าคุมทหารสองพันยกออกไปพบทัพโจ โฉยกตามมา เล่าปี่ก็ ขับทหารเข้าสู้รบกันเป็นสามารถ ทหารโจโฉก็ล้อมเล่าปี่เข้าไว้ เตียวหุยเห็นว่าเล่าปี่เข้าอยู่ใน กลางทหารของโจโฉดังนั้น ก็ตีฝ่าทหารเข้าไปช่วยเล่าปี่ เล่าปี่ได้ทีดังนั้นก็รบหักตามเตียวหุยออกมาด้านตะวันออก พอบุนเพ่งคุมทหารมา ก้าวสกัดหน้าไว้ เล่าปี่จึงขับม้าขึ้นหน้าร้องด่าบุนเพ่งว่าอ้ายทรยศต่อเจ้า ยังมีหน้ามา เข้ากับโจโฉอีกเล่า บุนเพ่งได้ยินดังนั้นก็มีความอายไม่อาจรอหน้าเล่าปี่อยู่ได้ ก็คุม ทหารบากหนีไป ฝ่ายทหารโจโฉได้ทีดังนั้นก็ไล่ติดตามเล่าปี่มา เล่าปี่และเตียวหุยสองคนพี่ น้องก็ช่วยกันรบพุ่ง ต้านทานรอมาจนเวลารุ่งสว่างขึ้น ครั้นทหารโจโฉห่างออกไปไกล แล้วก็หยุดพักทหารอยู่ เห็นทหารเหลือตามมาด้วยนั้นประมาณร้อยหนึ่ง และ ครอบครัวอพยพ ของตัวแลอาณาประชาราษฎรทั้งปวงกระจัด พลัดพรายกันไป เล่า ปี่ก็ร้องไห้ ว่าคนทั้งหลายมาพลอยฉิบหายล้มตายเพราะเราผู้เดียว ทั้งบุตรภรรยา ครอบครัวของเราจะตายอยู่ที่แห่งใดก็มิได้เห็นแก่ตาและเมื่อเล่าปี่ลงนั่งหยุดร้องไห้ อยู่นั้น พอบิฮองต้องอาวุธบาดเจ็บเป็นหลายแห่ง ตั้วนั้นโทรมไปด้วยโลหิต วิ่งเข้า มาบอกว่าบัดนี้จูล่งเอาใจออกห่างไปเข้าด้วยโจโฉแล้ว เล่าปี่ได้ยินดังนั้นตวาดเอาบิฮ องว่า ท่านนี้หาความพิเคราะห์มิได้ อันจูล่งนี้มีความสัตย์ซื่อรักใคร่เราเป็นอันมาก ซึ่ง จะไปอยู่ด้วยโจโฉนั้นอย่าสงสัยเลย ๔


เตียวหุยจึงว่า แต่ก่อนเขาเห็นหน้าพอจะเป็นที่พำ นักได้ และบัดนี้เราพี่น้องถึง อับจนแล้ว เขาจึงเอาใจออกห่างกระมัง เล่าปี่จึงว่าน้ำ ใจจูล่งนั้นสัตย์ซื่อแน่นอนนัก จงคิดดูเมื่อครั้น กวนอู ไปอยู่ด้วยโจโฉออกฆ่างันเหลียงบุนทิวเสีย เจ้าก็สงสัยว่าพี่ เอาใจออกห่างไปอยู่ด้วยโจโฉ จนถึงจะฆ่ากันเสีย แลครั้งนี้ถึงมาตรว่าจูล่งจะไปอยู่ ด้วยโจโฉจริง ดีร้ายจะมีเหตุผลจึงไป อันจูล่งนั้นเห็นจะไม่ทิ้ง พี่เสียเป็นมั่นคง เตียว หุยไม่เชื่อมีความโกรธนัก จึงคุมทหารม้ายี่สิบรีบกลับไปจะให้พบจูล่ง ครั้นถึงต้น สะพานเตียงปันเกี้ยว จึงเห็นป่าอันหนึ่งอยู่ข้างทิศตะวันออก ก็พาทหารเข้าไป จึงตัด กิ่งไม้มาผูกหางม้าเข้าแล้วสั่งว่า ถ้าเห็นกองทัพโจโฉยกมา จงตีม้าให้วิ่งวกเวียนไปใน ป่าให้ผงคลีฟุ้งตลบขึ้น กองทัพโจโฉไม่รู้ก็จะสำ คัญว่าซุ่มคนอยู่ในป่าเป็นอันมาก เตียวหุยสั่งทหารดังนั้นแล้วก็ขับม้ายืนถือทวนสกัดอยู่ต้นสะพาน ๕


ฝ่ายจูล่งเข้ารบตะลุมบอนอยู่ในกลางกองทัพโจโฉ ตีตลบออกมาแล้วก ลับตีหักเข้าไปเสาะหาเล่าปี่และครอบครัวทั้งปวงมิได้พบ ก็ตีตลบเข้าออก วุ่นวายอยู่แต่เวลายามหนึ่งจนรุ่งสว่างขึ้น จูล่งจึงคิดว่าจะ เสาะหาเล่าปี่ก็มิพบ ทั้งครอบครัวก็หายไปจะเป็นประการใด มิได้รู้และเล่าปี่ปลงธุระไว้แก่เราให้ รักษาบุตรภรรยา มาให้หายเสียในท่ามกลางกองทัพฉะนี้ดูมิบังควรนัก จำ จะ อุตส่าห์ฝ่าฝันเข้าไปหาครอบครัวให้จงได้ ถึงมาตรว่าจะตายในท่ามกลาง สงครามก็ตามเถิด แม้มิได้ครอบครัวเล่าปี่จะเอาหน้าไปไว้แห่งใด จูล่งคิดดัง นั้นแล้ว ก็ขับม้าฝ่าเข้าไปท่ามกลางทหารโจโฉกับทหารประมาณสามสิบม้า เห็นชาวเมืองทั้งปวงถูกอาวุธบาดเจ็บเป็นอันมาก และเสียงร้องไห้อื้ออึง คะนึงไป จูล่งก็ขับม้าเวียนหาครอบครัวของเล่าปี่พบกันหยงถูกอาวุธลำ บาก นอนซมอยู่ในกอหญ้า จูล่งจึงถามว่าท่านยังพบนางกำ ฮูหยินนางบิฮูหยินทั้ง สองบ้างหรือ กันหยงจึงบอกว่าบัดนี้ท่านทั้งสองเห็นกองทัพโจโฉจวนจะทัน เข้า ก็ลงจากเกวียนอุ้มบุตรหนีปนระวนไปกับชาวเมืองทั้งปวง ข้าพเจ้าจึง ควบม้าตามไป พอถึงเชิงเขา ทหารโจโฉคนหนึ่งเอาทวนแทงถูกข้าพเจ้าตก ม้าลงแล้วชิงเอาม้าไป ข้าพเจ้าเจ็บลำ บากเดินไม่ได้จึงหนีซ่อนอยู่ จูล่งให้ ทหารคนหนึ่งลงเสียจากม้า ให้อุ้มกันหยงขึ้นขี่ม้าแล้วจึงบอกว่าท่านรีบออก ไปเถิด ถ้าพบเล่าปี่นายเราจงบอกว่าบัดนี้นางกำ ฮูหยินพลัดไปยังหาพบตัวไม่ เราจะสืบเสาะหาให้จงได้จึงจะกลับไป ถ้าเรามิได้นางกำ ฮูหยินแม้จะเป็นตาย ประการใดก็มิได้คิดชีวิต จูล่งส่งแล้วก็ควบม้าไป พอได้ยินเสียงทหารคนหนึ่งร้องทักออกมาว่า จูล่งจะรีบขับม้า ไปแห่งใด จูล่งได้ยินดังนั้นก็ชักม้าหยุดไว้ แล้วถามว่าท่านนี้ผู้ใด ทหารนั้นจึง บอกว่าข้าพเจ้าเป็นคนขับเกวียนของนางกำ ฮูหยิน ถูกเกาทัณฑ์ป่วยไปมิได้ จู ล่งจึงถามว่านางไปอยู่แห่งใด ทหารจึงบอกว่าบัดนี้นางหนีปนไปกับชาวเมือง ข้างทิศใต้ จูล่งได้ฟังดังนั้นก็ทิ้งทหารทั้งปวงเสีย ขับม้ารีบตามไปแต่ผู้เดียว พอพบชาวเมืองทั้งสองหนีซุ่มอยู่เหล่าหนึ่ง จึงถามว่านางกำ ฮูหยินอยู่ในพวก นี้ด้วยหรือ ๖


นางกำ ฮูหยินได้ยินดังนั้น แลมาเห็นจูล่งก็ค่อยคลายใจ จึงร้องบอกไปว่า ข้าพเจ้า อยู่นี่ ท่านจงช่วยชีวิตไว้ให้รอด แล้วก็ร้องไห้ จูล่งโจนลงจากหลังม้าขมีขมันเข้าไปหา แล้วจึงว่า ซึ่งข้าพเจ้ามิได้ระวังระวังท่าน และให้ได้ความลำ บากนั้นโทษข้าพเจ้าผิดนัก หนาแล้ว บัดนี้นางบิฮูหยินกับอาเต๊าผู้บุตรนั้นไปอยู่แห่งใดเล่า นางกำ ฮูหยินจึงบอก ว่า ขณะเมื่อลงจากเกวียนเข้าไปปนระวนกับชาวเมืองนั้นมาด้วยกัน ครั้นทหารโจโฉ ไล่ตีเข้ามาภายหลัง ต่างคนต่างแตกกระจัดกระจายไปมิรู้ว่าจะไปแห่งใดเลย เมื่อพูดอยู่นั้น พอทหารโจโฉกองหนึ่งไล่ขับครอบครัวเข้ามา จูล่งได้ยินเสียงร้องไห้ อื้ออึงคะนึงขึ้น จูล่งตกใจโดดขึ้นหลังม้า ขมีขมันแลไปเห็นอิโตคุมทหารกองหนึ่ง ประมาณพันเศษ จับได้บิต๊กมัดมือคุมมาบนหลังม้า ก็ขับม้าควบเข้าไปตวาดด้วย เสียงอันดัง จะรบด้วยอิโต อิโตขับม้าเข้ารบด้วยจูล่งไม่ทันได้เพลงหนึ่ง จูล่งเอาทวน แทงถูกอิโตตกม้าตายแล้วก็แก้มัดบิต๊กเสีย ชิงได้ม้าทหารสองตัว จึงให้บิต๊กและนา งกำ ฮูหยินขี่ม้าพาออกมาส่งถึงต้นสะพาน ๗


เตียวหุยแลเห็นจูล่งมาดังนั้นร้องว่า เหตุใดจูล่งจึงเอาใจออกห่างพี่เราไปเข้าด้วย โจโฉ จูล่งจึงร้องว่า ท่านอย่าว่าดังนั้น ซึ่งตัวเรามาช้านี้เพราะเหตุด้วยนางกำ ฮูหยินนา งบิฮูหยินทั้งสองหายไป เราเที่ยวเสาะหาอยู่จึงช้ามาต่อภายหลัง ซึ่งเราจะเอาใจออก ห่างไปอยู่ด้วยโจโฉนั้นหามิได้ เตียวหุยได้ฟังดังนั้นจึงว่า นี่หากกันหยงมาบอกหนัก เบาแก่เราก่อน หาไม่ตัวท่านกับเราจะได้ผิดใจกัน จูล่งจึงถามว่าบัดนี้นายเราอยู่แห่ง ใดเล่า เตียวหุยจึงบอกว่าพี่เราอยู่ข้างหลัง ทางไม่ไกลนักดอก จูล่งจึงว่าแก่บิต๊กว่า ท่านพานางกำ ฮูหยินไปให้นายเราก่อนเถิด ตัวเราจะกลับไปเที่ยวสืบเสาะหานางบิฮู หยินกับอาเต๊าให้ได้ก่อนแล้วจะกลับมา จูล่งก็ควบม้ากลับไปพบแฮหัวอิ๋นคุมทหาร ประมาณห้าสิบคน ขี่ม้าถือทวนเหน็บกระบี่ยืนสกัดทางจูล่งไว้ จูล่งขับม้าเข้ารบกับแฮ หัวอิ๋นได้เพลงหนึ่ง ก็เอาทวนแทงถูกแฮหัวอิ๋นตกม้าตาย ทหารทั้งปวงก็แตกหนีไป และแฮหัวอิ๋นคนนี้เป็นคนสนิทของโจโฉ มีกำ ลังมาก โจโฉรักใคร่ให้ถือกระบี่ชื่อกีเทน เกี้ยม ถ้าจะฟันเหล็กก็ดุจหนึ่งว่าฟันหยวก ๘


จูล่งได้กระบี่แล้วก็ชักออกดู เห็นอักษรจารึกอยู่ก็รู้ว่า กระบี่เอกของโจโฉ จูล่งเหน็บสะพาย แล้วก็ควบม้าตีฝ่า เข้าไปหานางบิฮูหยินในกองทัพแต่ผู้เดียว มิได้กลัวแก่ ความตาย พบครอบครัวชาวเมืองทั้งสองก็ถามหานางบิฮู หยินมิได้ขาด คนหนึ่งจึงชี้มือว่า นางบิฮูหยินถูกทวนที่ขา เดินมิได้ อุ้มลูกนั่งซ่อนอยู่ที่ริม ผนังตึกตรงนี้ จูล่งแจ้งดัง นั้นก็ควบม้ารีบไปถึงตึกหลังหนึ่งไฟไหม้ยังแต่ผนัง ก็ เข้าไปดูเห็นนางบิฮูหยินอุ้ม อาเต๊านั่งร้องไห้อยู่ริมปากบ่อ จูล่งโจนลงจากม้าวิ่งเข้าไปคำ นับแล้วก็ร้องไห้ ๙


นางบิฮูหยินเห็นจูล่งมาดังนั้นก็ดีใจจึงว่า ท่านมาพบข้าพเจ้าบัดนี้เหมือนหนึ่งเอา ชีวิตลูกข้าพเจ้าไว้ ขอท่านได้มีความกรุณาพาเอาอาเต๊านี้ไปให้บิดา ให้ได้เห็นหน้าหน่อย หนึ่งเถิด อันตัวข้าพเจ้านี้ถึงจะตายก็ตามแต่เวรหนหลัง จูล่งจึงว่าซึ่งท่านได้ความลำ บาก ทั้งนี้ก็เพราะข้าพเจ้ารักษาท่านมิได้ โทษมีแก่ข้าพเจ้าเป็นข้อใหญ่ และบัดนี้ข้าพเจ้า ติดตามมาพบท่านแล้วขอเชิญท่านขึ้นมาเถิด ข้าพเจ้าจะเดินเท้าตีฝ่าทหารทั้งปวงนำ หน้า ท่านออกไป นางบิฮูหยินจึงว่า ท่านอย่าวิตกถึงข้าพเจ้าเลย ตัวข้าพเจ้าป่วยหนักอยู่แล้ว เห็นจะมิรอด และบุตรข้าพเจ้านี้จะรอดชีวิตก็เพราะท่าน ซึ่งท่านจะลงจากม้านั้นก็เหมือน หนึ่งชีวิตลูกข้าพเจ้าหาไม่ ท่านจงรีบเอาแต่ลูกข้าพเจ้าไปเถิด อย่าเป็นห่วงเป็นใยด้วย ข้าพเจ้านี้เลย จูล่งจึงว่า ท่านอย่าหนักหน่วงให้ข้าพเจ้าช้าอยู่เลย เชิญขึ้นม้าเร็วๆ เถิด เสียงทหารโจโฉโห่ร้องกระชั้นล้อมเข้ามาใกล้อยู่แล้ว นางบิฮูหยินจึงว่า ท่านเอ็นดูแล้ว จง รีบพาเอาบุตรข้าพเจ้านี้หนีให้รอดเถิด ตัวข้าพเจ้านี้จะไปด้วยมิได้ จะมาเป็นห่วงอยู่ด้วย ข้าพเจ้านี้ก็จะพากันตายเสียเปล่า แล้วก็เอาลูกส่งให้จูล่ง จูล่งก็มิรับ แต่เฝ้าเชิญนางบิฮู หยินขึ้นม้าถึงสองครั้งสามครั้ง นางบิฮูหยินก็มิได้ขึ้น อ้อนวอนกันอยู่เป็นช้านาน เสียง ทหารโจโฉก็ยิ่งโห่ร้องกระชั้นใกล้เข้ามา จูล่งจึงว่าท่านจะหนักหน่วงอยู่ฉะนี้ ถ้าและทหาร โจโฉยกมาถึงเข้า จะมิพากันวุยวายเสียการไปหรือ นางบิฮูหยินได้ฟังดังนั้น ก็เอาอาเต๊าผู้ บุตรเลี้ยงเป็นลูกของนางกำ ฮูหยินภรรยาหลวงนั้น วางลงไว้เหนือแผ่นดินต่อหน้าจูล่ง แล้วก็โจนลงในบ่อน้ำ ตาย ๑๐


จูล่งเห็นดังนั้นก็ร้องไห้ จึงกวาดเอาดินถมบ่อเสียหวังจะมิให้ทหารโจโฉเห็นซากศพ จึงเอาผ้า ห่อตัวอาเต๊าเข้าทำ เป็นอู่สวมคอลง แล้วปลดกระดุมเกราะเสียแหวกอกออกเอาอาเต๊าซ่อนเข้าใน เกราะ กลัดดุมหุ้มตัวไว้แล้วก็ขึ้นม้าขับออกมา พอพบฮันเบ๋งซึ่งเป็นทหารรองโจโฉ คุมทหารเดิน เท้ากองหนึ่งออกสกัดทางไว้ จูล่งก็ขับม้าเข้ารบด้วยฮันเบ๋งได้สามเพลง ฮันเบ๋งเสียที จูล่งแทงด้วย ทวนตกม้าตายก็รับหักฝ่าออกมา พอพบกองทัพเตียวคับตั้งสกัดอยู่อีก จึงขับม้าเข้ารบด้วยเตียว คับได้สิบห้าเพลงก็ชักม้าควบหนี เตียวคับเห็นได้ทีก็ชักม้าไล่ตามไป จูล่งขับม้าหนีไปโดยเร็ว ปะ หลุมเก่าแห่งหนึ่ง ม้ายั้งตัวมิทันก็ตกลง เตียวคับได้ทีขับม้าสะอึกกระโจนมาจะแทงด้วยทวน ขณะ นั้นเป็นบุญของอาเต๊าซึ่งจะได้เป็นกษัตริย์ มิควรที่จะตายด้วยอาวุธ ก็ให้บันดาลเป็นแสงเพลิงวาบ สว่างเป็นเปลวขึ้นจากหลุม เตียบคับเห็นดังนั้นก็ตกใจ ม้านั้นก็ยืนชะงักอยู่ จูล่งกระทืบเตือนพนัง ข้างม้าโดดเผ่นขึ้นจากหลุมหนีไปได้ เตียบคับเห็นประจักษ์ดังนั้นก็มิอาจที่จะตามแต่ม้าเอี๋ยนและ เตียวคีสองคนคุมทหารวิ่งตามร้องมาข้างหลังว่า จูล่งครั้งนี้จะหนีเรามิพ้นแล้ว ฝ่ายเจียวเหียและ เจียวหลำ สองคนคุมทหารก้าวสกัดอยู่ข้างหน้า จูล่งก็ขับม้าเข้ารบด้วยทหารทั้งสี่นาย เป็นสามารถ และทหารเลวทั้งนั้นก็เข้าล้อมรุมรบพุ่งเป็นอลหม่าน จูล่งก็ชักกระบี่ออกไล่ฟันทหารทั้งปวงล้มตาย เป็นอันมาก ๑๑


โจโฉขึ้นอยู่บนเนินเขาเกงสัน แลลงไปเห็นจูล่งเข้ารบพุ่งตะลุมบอนด้วยทหารทั้งปวง แลฝ่าฟันไปมิได้ย่อท้อ จึงถามทหารเล่าปี่คนนี้ชื่อใด มีฝีมือเข้มแข็งนัก โจหองได้ยินโจโฉ ถามก็ขับม้ารีบลงไปจากเนินเขา สกัดหน้าจูล่งไว้ แล้วร้องถามว่าท่านนี้ชื่อใด จูล่งจึงร้อง บอกว่าเราชื่อเตียวจูล่ง โจหองชักม้ากลับไปแจ้งแก่โจโฉ โจโฉจึงสรรเสริญว่าทหารคนนี้มี อำ นาจประดุจเสือ แล้วจึงสั่งให้ไปร้องประกาศว่าอย่าให้ผู้ใดเอาเกาทัณฑ์ยิงจูล่งเลยจะตาย เสีย จงช่วยกันล้อมจับเอาเป็นให้ได ้ฝ่ายจูล่งก็ขับม้าไล่ฝ่าทหารทั้งปวงออกมาได้ ด้วยเหตุ ว่าโจโฉห้ามทหารทั้งปวงมิให้ยิงเกาทัณฑ์ และบุญของอาเต๊าที่จะได้เป็นกษัตริย์นั้นด้วย จึง เผอิญให้จูล่งฆ่านายกองใหญ่เสียได้ถึงสองนาย ทหารเอกห้าสิบคนโลหิตติดเกราะและข้าง ม้า ดุจหนึ่งรดด้วยน้ำ ครั่ง ๑๒


"โจโฉร้องประกาศว่า อย่าให้ผู้ใดเอาเกาฑัณฑ์ยิงจูล่งเลยจะตายเสีย" จูล่งขับม้าพาอาเต๊ารีบมาถึงเนินเขาแห่งหนึ่ง พบจงจิ๋นกับจงสินพี่น้อง ซึ่งเป็นทหารรองแฮหัวตุ้นชักม้าสกัดหน้าไว จูล่งขับม้าเข้ารบด้วยจงจิ๋นจงสินได้สามเพลง แทงเอาจงจิ๋นตกม้าตาย จูล่งก็ขับม้ารีบหนีไป จงสินขับม้าไล่ตามกระชั้นติดม้าจูล่งส่งไป ขยับจะแทงด้วยทวนจวนจะได้จะเสียรอมร่ออยู่ จูงล่งชักม้าหันตัวจะกลับมาต่อสู้ด้วยจง สิน พอม้าจงสินไล่กระชั้นชิดไปยั้งตัวไม่ทัน อกจงสินและอกจูล่งจักแหล่นปะทะกันเข้า จู ล่งเอาทวนปัดทวนจงสินโดยเร็วกระเด็นไป จึงชักเอากระบี่ฟันจงสินถูกศีรษะตลอดไป ตัวขาดออกตกลงซีกหนึ่ง จงสินขาดใจตายในทันใด จูล่งก็ขับม้ารีบหนีไปถึงสะพานเตียง ปันเกี้ยว พอได้ยินเสียงทหารโจโฉโห่ร้องตามมาข้างหลัง กำ ลังม้าและกำ ลังจูล่งก็อ่อนลง พอแลเห็นเตียวหุยยืนอยู่ที่สะพานจึงร้องว่า ครั้งนี้เหลือกำ ลังข้าพเจ้านัก ท่านช่วย ข้าพเจ้าด้วย เตียวหุยจึงร้องว่า ท่านรีบข้ามสะพานไปเสียให้พ้นเถิด ข้าพเจ้าจะสู้เอง จูล่ง ก็รีบข้ามสะพานไปทางประมาณสองร้อยเส้นก็พบเล่าปี่พักอยู่ จูล่งก็ลงจากม้าเข้าไปคำ นับ แล้วร้องไห้ เล่าความให้ฟังทุกประการ แล้วว่าข้าพเจ้าได้แต่อาเต๊าบุตรของท่าน ห่อมาใน เกราะและเมื่อข้าพเจ้าตีหักออกจากที่ล้อมรบพุ่งกันอยู่กับทหารโจโฉนั้น ยังได้ยินเสียง ร้องไห้อยู่ บัดนี้นิ่งไปนานแล้วมิได้ยินเสียงร้องไห้จะเป็นอันตรายเสียก็มิรู้เลย จูล่งแก้เกราะออกเห็นอาเต๊านอนหลับก็ดีใจ จึงว่าแก่เล่าปี่ว่าบุญของท่านนักหนา บุตร ของท่านหาเป็นอันตรายสิ่งใดไม่ แล้วจูล่งอุ้มอาเต๊าส่งให้เล่าปี่ เล่าปี่รับอาเต๊าแล้วทำ เป็น โกรธทิ้งบุตรลงแล้วว่า เพราะอ้ายจัญไรคนเดียวนี้ จูล่งทหารเอกเราจักแหล่นจะเสียทีแก่ ข้าศึก จูล่งเห็นดังนั้นก็ตกใจรีบลุกเข้าไปรับอาเต๊าไว้ได้ แล้วคุกเข่าคำ นับว่าท่านอย่าโกรธ แก่บุตรท่านเลย อันตัวข้าพเจ้านี้ถึงจะตายก็จะเอาโลหิตทาแผ่นดินไว้ให้ปรากฏจะสนอง คุณท่าน ๑๓


ฝ่ายบุนเพ่งคุมทหารไล่ติดตามจูล่งมาถึงสะพานเตียงปันเกี้ยว เห็นเตียวหุยถือทวนยืนสกัด อยู่ที่ต้นสะพาน แลเห็นผงคลีเท้าม้าซึ่งทหารเตียวหุยตีให้วิ่งฟุ้งตลบอยู่ในป่า ก็สำ คัญว่าทหารเข้า ซุ่มอยู่เป็น อันมาก ยั้งม้าอยู่มิได้รุกเข้าไป พอโจหยิน ลิเตียน แฮหัวเอี๋ยน งักจิ้น เตียวเลี้ยว เตียว คับ เคาทู แปดนายคุมทหารตามมาทัน เห็นดังนั้นก็คิดว่าขงเบ้งแต่งกลอุบายซุ่มไว้ ก็ชวนกันหยุด อยู่สิ้น จึงให้คนรีบไปแจ้งแก่โจโฉ โจโฉรู้ดังนั้นก็ยกทหารรีบมา เตียวหุยแลไปเห็นทหารยกมาเป็นอันมาก เห็นสัปทนกั้นมาข้างหลังก็รู้ว่าโจโฉ ยกตามมาเอง จึงร้องตวาดออกไปด้วยเสียงอันดังว่า ตัวกูชื่อเตียวหุย ผู้ใดซึ่งมีฝีมือเข้มแข็ง จงมา สู้กันลองกำ ลังดูให้ถึงแพ้และชนะ ทหารโจโฉได้ยินเสียงเตียวหุยก็ตกใจ ตกตะลึงอยู่มิได้เข้ารบ เตียวหุยก็ให้ทหารแก้กิ่งไม้ซึ่งผูกหางม้าออก แล้วให้ชักกระดานสะพานเสีย แล้วพาทหารกลับมา หาเล่าปี่ จึงเล่าเนื้อความให้ฟังทุกประการ เล่าปี่จึงว่าอันตัวเจ้านี้มีผีมือกล้าหาญก็จริง แต่ทว่า เสียดายทำ อุบายมิตลอด ซึ่งเจ้าชักสะพานเสียครั้งนี้ เหมือนจะบอกแก่โจโฉว่าคนน้อยให้ตามมา ถ้าเจ้ามิชักสะพานเสีย โจโฉก็จะสำ คัญว่าซุ่มคนไว้ในป่ามากจะกลัวอยู่ เล่าปี่ว่าดังนั้นแล้วก็พาทหาร บากลงทางลัดจะไปท่าฮันจิ๋น ๑๔


ฝ่ายเตียวเลี้ยวกับเตียวคับ เคาทู เห็นเตียวหุยหนีไปแล้วจึงกลับไปบอกแก่โจโฉว่า บัดนี้เตียวหุยชักสะพานเสียหนีไปแล้ว โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงว่า เตียวหุยผู้เดียวหามีทหาร ไม่ จึงชักสะพานเสียหนีไป เพราะกลัวเราจะตาม แล้วจึงเกณฑ์ทหารสามพันให้ไปทำ สะพานเป็นสามเส้น กำ หนดให้แล้วแต่ในเวลาวันเดียวจะรีบข้ามสะพาน ลิเตียนจึงว่าแก่ โจโฉว่า ซึ่งท่านจะรีบยกตามเล่าปี่ไปนั้น ข้าพเจ้ายังคิดเกรงอยู่ เกลือกจะเป็นกลอุบาย ของขงเบ้ง อันเตียวหุยจะมีปัญญาความคิดทำ กลถึงเพียงนี้ยังไม่เห็นด้วย ขอท่านอย่า เพ่งทำ การล่วงไปก่อน โจโฉจึงว่าอุบายแต่เพียงนี้จะกลัวอะไรนัก ถึงจะยิ่งกว่านี้เราก็ไม่ กลัว โจโฉก็รีบยกทหารข้ามสะพานตามไป ฝ่ายเล่าปี่ได้ยินเสียงทหารโห่ร้องตามมาข้างหลังดังหนึ่งแผ่นดินจะทรุด แลมาเห็น ผงคลีฟุ้งตลบไปในอากาศ จึงว่าเราจะไปบัดนี้ก็มีทะเลขวางหน้าอยู่ ข้างหลังเล่ากองทัพ ก็ตามมา จะทำ ประการใดดี จึงสั่งให้จูล่งตระเตรียมตัวลงมาอยู่ข้างหลังคอยรับกองทัพ ซึ่งจะตามมา ขณะนั้นโจโฉจึงว่าแก่ทั้งทหารทั้งปวงว่า เล่าปี่ครั้งนี้อุปมาเหมือนปลาขังอยู่ในถัง เสือ ตกอยู่ในหลุม ถ้าและจะละเสียให้เล็ดรอดหนีไปได้ บัดนี้ก็เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า ปล่อย ปลาลงในมหาสมุทร ทหารทั้งปวงจงช่วยกันขะมักเขม้นจับตัวเล่าปี่ให้จงได้ ทหารทั้ง ปวงต่างคนต่างรีบขึ้นหน้าขับกันตามไป ฝ่ายกวนอูซึ่งไป ณ เมืองกังแฮ ได้ทหารหมื่นหนึ่งลงเรือคุมกลับมาถึงกลางทาง รู้ ระคายไปว่า เล่าปี่แตกมาถึงสะพานเตียงปันเกี้ยว ก็ให้ทหารจอดเรือเข้า ณ ท่าฮันจิ๋น ยกทหารรีบขึ้นบกมาสกัดรับเล่าปี่ พอเล่าปี่แยกไปทางลัดมิได้พบกัน มาถึงเนินเขาแห่ง หนึ่งพบกองทัพโจโฉยกติดตามเล่าปี่มาทางใหญ่ กวนอูก็ขับทหารโห่ร้องรีบสวนทางขึ้น มา โจโฉเห็นดังนั้นจึงว่า ซึ่งลิเตียนทัดทานเรานั้นก็เห็นจะต้องด้วยกลขงเบ้งจริงเหมือน ลิเตียน แล้วก็สั่งให้ทหารถอยกลับลงมา กวนอูก็ไล่รบพุ่งติดตามไปทางประมาณร้อย เส้น เห็นทหารโจโฉถอยไปมิได้รบต่อ ก็กลับหลังย้อนมาตามทางลัดพบเล่าปี่ก็มีความ ยินดี จึงพาไปลงเรือแล้วถามว่า นางบิฮูหยินพี่สะใภ้ข้าพเจ้าไปอยู่ไหนเล่า เล่าปี่จึงบอก เนื้อความแก่กวนอู ตามซึ่งได้รบพุ่งกับโจโฉนั้นว่านางบิฮูหยินกระโจนน้ำ ตายเสียแล้ว จู ล่งจึงเอาแต่บุตรนี้มาให้เรา กวนอูได้ฟังดังนั้นก็ทอดใจใหญ่ว่า วันเมื่อไปตามเสด็จ พระเจ้าเหี้ยนเต้ ถ้าท่านมิห้ามข้าพเจ้าที่ไหนจะได้ความเดือดร้อนถึงเพียงนี้ ๑๕


๑๖ เล่าปี่จึงว่า ครั้งนั้นตัวพี่อนาถาหาที่จะตั้งเป็นภูมิฐานมิได้ เหมือนหนูติดจั่น กลัวจะทำ การนั้นมิตลอดจึงห้ามเสีย และเมื่อเล่าปี่พูดกันกับกวนอูอยู่นั้น พอเล่ากี๋ ยกกองทัพเรือมาข้างฟากตะวันตก เล่าปี่ได้ยินเสียงโห่ก็ตกใจ จึงแลไปเห็นนาย เรือแต่งตัวใส่เสื้อโพกศีรษะด้วยผ้าขาวก็สังเกตได้ว่าเล่ากี๋ เล่าปี่ให้ทหารทั้งปวง สงบอยู่ ครั้นเล่ากี๋มาจึงจอดเรือเข้าคำ นับเล่าปี่แล้ว ร้องไห้ ว่าบัดนี้ข้าพเจ้าแจ้งไป ว่าท่านเสียทีแก่โจโฉแตกมา ข้าพเจ้าจีงยกกองทัพมาหวังจะช่วยท่าน เล่าปี่มีความยินดี จีงเล่าเนื้อความแต่หลังให้หลานฟังทุก ประการ แล้วให้เคลื่อนเรือออกจากท่า พอเห็นเรือรบกองหนึ่งใช้ใบมาข้างทิศ ตะวันตก เล่ากี๋ประหลาดใจจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า ข้าพเจ้าเกณฑ์ทหารยกมาครั้งนี้ก็สิ้น เชิง เมืองกังแฮผู้คนก็เบาบางลง บัดนี้เรือรบใช้ใบตามมาเป็นอันมากเห็นจะเป็น ทหารของโจโฉ ถ้ามิดังนั้นก็จะเป็นทหารจิวยี่ ให้ยกมาทำ อันตรายเป็นมั่นคง จะ ทำ กระไรดี ครั้นเรือรบเข้าไปใกล้ เล่าปี่แลไปเห็นขงเบ้งนั่งมาข้างหน้าเรือซุนเขียน อยู่ท้ายก็มีความยินดี จึงให้ทหารเรียกให้ข้ามฟากมา แล้วถามว่าเหตไฉนท่านคอย ล้าหลังอยู่ฉะนี้ ขงเบ้งคำ นับแล้วจึงบอกว่า ซึ่งข้าพเจ้าล้าหลังอยู่ เพราะข้าพเจ้าอยู่ เกณฑ์คนเพิ่มเติมมาอีกจึงช้า เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ให้ใช้ใบแล่นมา จึงปรึกษากับ ขงเบ้งซึ่งจะคิดอ่านทำ การรบพุ่งกับโจโฉสืบไป ขงเบ้งจึงว่า หัวเมืองปากน้ำ เมืองกังแฮนั้น มีค่ายคูมั่นคงพอ จะตั้งอยู่ต่อสู้กับโจโฉได้ ขอให้ยกไปอยู่เมืองแฮเค้าปากน้ำ เมืองกังแฮเถิด ข้าว ปลาอาหารก็บริบูรณ์เห็นจะไม่ขัดสน แล้วจึงว่าแก่เล่ากี๋ว่า ท่านจงเร่งกลับไปเมือง กังแฮ ตระเตรียมทหารทั้งปวงให้พร้อมไว้ จะได้ช่วยกันทำ การไปข้างหน้า เล่ากี๋ จึงว่าซึ่งจะให้กลับไปตระเตรียมผู้คนก็ชอบอยู่ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าจะเชิญท่านไป ด้วย ให้ช่วยจัดแจงทหารทั้งปวง แม้เสร็จแล้วจะกลับมาอยู่เมืองแฮเค้าก็ตามเถิด ขงเบ้งเห็นชอบด้วยจึงให้กวนอูคุมทหารห้าพัน ไปรักษาเมืองแฮเค้าไว้ แล้วก็พา เล่าปี่ไปเมืองกังแฮด้วยเล่ากี่


๑๗ 1. ความรักของแม่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ 2. ความจงรักภักดีและความกล้าหาญ 3. การใช้กลยุทธ์ต่างๆ 4. ความรอบคอบ ข้อคิด


สามก๊กเป็น 1 ใน 4 วรรณกรรม ที่ดีที่สุดของประเทศจีน คุณสงสัยไหมครับว่าทำ ไมวรรณกรรมเรื่องนี้ ถึงได้ รับความ นิยม มายาวนานหลายร้อยปี ถ้าคุณสงสัย ผมขอเชิญคุณมา อ่านหนังสือเล่มนี้ หนังสือเล่มนี้เป็นเพียงหนึ่งในตอน อัน มากมายของเรื่องสามก๊ก แต่ถ้าคุณอ่านมันจบคุณจะได้ข้อคิด มากมาย


Click to View FlipBook Version