ภาษาไทยไม่จ๊กั เดียม
ชนิดของคาํ EP.1
“คํานาม”
คํานาม คือ ?
คํานาม เปน็ คําท่ีหมายถงึ บุคคล สตั ว์ วตั ถุ ส่งิ ของ
สภาพธรรมชาติ สถานที่ ความคดิ ความเชอ่ื รวมถงึ ส่ิงตา่ ง ๆ
ที่เป็นรปู ธรรมและนามธรรม
ภาษาไทยไม่จ๊กั เดยี ม
คํานามจาํ แนกเปน็ 4 ชนิด
คาํ นามสามัญ คาํ นามวิสามญั
คําลกั ษณนาม คําอาการนาม
ภาษาไทยไมจ่ ั๊กเดยี ม
คาํ นามสามญั (สามานยนาม)
คํานามสามญั คอื คาํ นามทวั่ ไปท่ีใชเ้ รยี กสงิ่ ตา่ ง ๆ ไม่ได้ระบุ
เจาะจงแน่นอนว่าคือส่ิงใด เช่น คน สตั ว์ ส่ิงของ บ้าน วดั โรงเรยี น ฯลฯ
คํานามสามญั อาจมีความหมายกว้างและแคบ
ภาษาไทยไม่จ๊กั เดียม
คาํ นามสามัญ (สามานยนาม)
เช่น ผลไม้ เปน็ คาํ นามสามัญที่มคี วามหมายกว้าง
ทุเรียน มะม่วง ชมพู่ กล้วย
เปน็ คาํ นามสามญั ทม่ี ีความหมายแคบแยกย่อยออกมา
ภาษาไทยไมจ่ ๊กั เดยี ม
คาํ นามสามญั (สามานยนาม)
ทเุ รยี น เปน็ คํานามสามญั ท่ีมคี วามหมายกวา้ งเม่อื เทียบกบั
- หมอนทอง ซึ่งมี
- กา้ นยาว ความหมาย
- พวงมณี
- หลงลับแล แคบ
ภาษาไทยไมจ่ ๊กั เดยี ม
คาํ นามสามญั (สามานยนาม)
มะม่วง เปน็ คาํ นามสามัญทมี่ คี วามหมายกว้างเมื่อเทยี บกบั
- อกรอ่ ง ซึง่ มี
- ฟ้าล้นั ความหมาย
- เบา
- เขียวเสวย แคบ
ภาษาไทยไมจ่ ๊กั เดียม
คํานามสามัญ (สามานยนาม)
ชมพู่ เป็นคํานามสามัญท่ีมคี วามหมายกวา้ งเม่ือเทียบกับ
- มะเหมีย่ ว ซึ่งมี
- แก้มแหมม่ ความหมาย
- ทบั ทิมจันทร์
- น้าํ ดอกไม้ แคบ
ภาษาไทยไมจ่ ๊กั เดยี ม
คาํ นามสามญั (สามานยนาม)
กล้วย เป็นคาํ นามสามญั ที่มีความหมายกว้างเมื่อเทียบกับ
- หอม ซงึ่ มี
ความหมาย
- น้าํ ว้า
- เลบ็ มอื นาง แคบ
ภาษาไทยไมจ่ ๊กั เดยี ม - ไข่
คํานามวิสามญั (วิสามานยนาม)
คํานามวสิ ามัญ คือ คาํ นามที่เป็นช่อื ซึ่งต้งั ขึ้นช้ีเฉพาะเจาะจง
สําหรับเรยี กบคุ คลหรือสิ่งใดสง่ิ หนึ่ง เช่น
สมพงษ์ (ชื่อบคุ คล) ทองแดง (ช่อื สนุ ขั )
ภาษาไทยไมจ่ ก๊ั เดยี ม
คํานามวสิ ามัญ (วิสามานยนาม)
ตวั อย่าง คาํ นามวิสามัญ
วัดพระแก้ว จงั หวดั ชุมพร ถนนราชดาํ เนิน
แม่น้ําน่าน นางสาวเกวลิน สวนลุมพนิ ี
ภาษาไทยไมจ่ ๊ักเดียม
คาํ ลักษณนาม
คาํ ลักษณนาม คอื คําท่ีใช้บอกลกั ษณะของคาํ นามและคาํ กริยา
บอกลกั ษณะของนาม เช่น
เรือ 1 ลํา บ้าน 1 หลงั
พระพทุ ธรปู 1 องค์
พระสงฆ์ 3 รูป
กระเบือ้ ง 5 แผน่ ข้าวหลาม 4 กระบอก
ชา้ งป่า 1 ตัว ชา้ งบา้ น 1 เชือก
ภาษาไทยไมจ่ ั๊กเดยี ม
คําลักษณนาม
คาํ ลกั ษณนาม คอื คําท่ีใชบ้ อกลักษณะของคาํ นามและคาํ กริยา
บอกลักษณะของคํากริยา เช่น
กอด 1 ที กระโดด 2 คร้งั
เดนิ 3 ก้าว
วง่ิ 5 รอบ
ภาษาไทยไมจ่ ั๊กเดียม
คาํ ลกั ษณนาม ภาษาไทยไม่จ๊กั เดยี ม
คาํ ลักษณนาม สามารถใช้บอกกลุ่ม หมู่ พวก ของคํานามทอ่ี ยู่
รวมกันได้ มกั ประกอบหนา้ คาํ นาม เรยี กวา่ สมุหนาม เช่น
กองกระดาษ กลุม่ นักเรียน
ฝงู ผึง้ โขลงช้าง
คณะตลก พวงองุ่น
คาํ อาการนาม
คาํ อาการนาม คอื คําทน่ี าํ หน้าคํากรยิ าหรอื วิเศษณ์ โดยเตมิ
คาํ วา่ “การ” และ “ความ” เชน่
การ ความ
ภาษาไทยไมจ่ ๊ักเดยี ม การกิน ความสุข
การเดิน ความจาํ
การทํางาน ความพยายาม
ข้อยกเว้น
ถ้าคําท่ตี ามมาไมใ่ ช่คาํ กริยาหรือคําวิเศษณ์ จะไม่ใชอ่ าการนาม
แต่จะเปน็ คํานามสามัญ หรอื คาํ ประสม เชน่
การบา้ น การไฟฟ้า
การเงนิ การตลาด
การบญั ชี การคลงั
ภาษาไทยไม่จ๊กั เดียม
หนา้ ที่ของคํานาม
1. ทาํ หนา้ ท่เี ปน็ ประธานของประโยค เชน่
คณุ หมอตรวจคนไข้
คุณหมอ เปน็ ผกู้ ระทาํ
ภาษาไทยไมจ่ ัก๊ เดยี ม
หนา้ ทีข่ องคํานาม
2. ทําหนา้ ท่ีเป็นกรรมของประโยค เชน่
สถาปนิกออกแบบบา้ น
บา้ น ถกู กระทํา
ภาษาไทยไมจ่ ั๊กเดียม
หน้าทข่ี องคาํ นาม
3. ทําหนา้ ทข่ี ยายคาํ นามอ่นื ใหช้ ดั เจนขน้ึ เช่น
ประเทศไทย เมืองแห่งอาหารอรอ่ ย
เมอื งแห่งอาหารอร่อย ขยาย ประเทศไทย
ภาษาไทยไม่จัก๊ เดยี ม
หน้าทีข่ องคาํ นาม
4. ทําหน้าท่ีเปน็ ส่วนเตมิ เตม็ เชน่
เขาคือยอดมนษุ ย์
ยอดมนุษย์ ส่วนเติมเตม็
ภาษาไทยไม่จ๊กั เดียม
จบ
ภาษาไทยไม่จกั๊ เดยี ม
ชนดิ ของคํา EP.2
คําสรรพนาม
ตามหลักบรรทดั ฐานภาษาไทย
เพจภาษาไทยไม่จั๊กเดยี ม
คําสรรพนาม คอื เพจภาษาไทยไม่จ๊กั เดยี ม
คาํ สรรพนาม คือ คําทีใ่ ชแ้ ทนคํานาม แบ่งเป็น 6 ชนดิ
1. คาํ บุรษุ สรรพนาม 2. คาํ สรรพนามถาม
3. คําสรรพนามชี้เฉพาะ 4. คําสรรพนามไมช่ ้เี ฉพาะ
5. คาํ สรรพนามแยกฝ่าย
แบ่งตามหนงั สอื บรรทัดฐานภาษาไทย เล่ม 3
1. คําบรุ ษุ สรรพนาม เพจภาษาไทยไมจ่ ๊กั เดยี ม
บรุ ุษสรรพนาม คือ คําสรรพนามแทนผู้พดู ผ้ทู ส่ี นทนาด้วย และผทู้ ่ีถูกกล่าวถงึ
แบง่ ออกเปน็ 3 ชนดิ
1.1 สรรพนามบรุ ษุ ท่ี 1 แทนตัวผู้พูด เชน่ ฉัน ผม ข้าพเจ้า พวกเรา
1.2 สรรพนามบุรษุ ท่ี 2 แทนคูส่ นทนา เช่น คุณ เธอ แก
1.3 สรรพนามบุรุษที่ 3 แทนผู้ท่ถี ูกกล่าวถึง เช่น หลอ่ น เขา มัน ทา่ น
2. คาํ สรรพนามถาม เพจภาษาไทยไมจ่ ก๊ั เดียม
สรรพนามถาม (ปฤจฉาสรรพนาม) คือ คําสรรพนามท่ีใชแ้ ทนคาํ นามและใช้
เปน็ คาํ ถาม ไดแ้ ก่ ใคร อะไร ท่ีไหน เชน่
ใครเดนิ ไปกับเขา
ไหนหนังสือที่เธอกําลังอ่าน
อะไรตกลงมาจากหลังคา
3. คําสรรพนามชี้เฉพาะ เพจภาษาไทยไม่จ๊กั เดยี ม
สรรพนามช้ีเฉพาะ คอื คําสรรพนามทใี่ ช้ชี้เฉพาะเจาะจง หรือชีบ้ อกระยะทาง
มี 8 คาํ ได้แก่
น่ี นัน่ โนน่ นู่น
นี้ นน้ั โน้น นนู้
3. คาํ สรรพนามช้ีเฉพาะ เพจภาษาไทยไมจ่ ก๊ั เดยี ม
ตัวอย่าง
นน้ั ของใคร “นนั้ ” แทนคาํ นาม น่ีคอื อะไร “น”ี่ แทนคาํ นาม
นนู่ โรงเรียน “นนู่ ” แทนคาํ นาม ดูโนน่ ซิ “ โนน่ ” แทนคาํ นาม
4. คาํ สรรพนามไมช่ เ้ี ฉพาะ เพจภาษาไทยไม่จ๊กั เดยี ม
คาํ สรรพนามไม่ชเ้ี ฉพาะ คอื คําสรรพนามท่ีไมร่ ะบหุ รือกําหนดแนน่ อนว่าหมายถึง
ผ้ใู ด อะไร สงิ่ ใด หรือสถานที่ใด ได้แก่ ใคร อะไร ไหน เช่น
เขาจะพูดอะไร ก็เรือ่ งของเขา
เร่อื งน้ฉี นั ไม่ได้บอกใครเลย
อยู่ไหนกไ็ มส่ บายเท่าบ้านเรา
4. คาํ สรรพนามไมช่ ีเ้ ฉพาะ เพจภาษาไทยไมจ่ ๊กั เดยี ม
คาํ สรรพนามไมช่ เี้ ฉพาะ อาจมีรปู ซาํ้ กับคาํ สรรพนามแทนบคุ คลบางคาํ ได้แก่ ท่าน
เรา เขา แต่จะมคี วามหมายแตกตา่ งกนั เช่น
ทา่ นวา่ คนตนื่ เช้ามกั ได้เปรยี บ
เขาลือกนั วา่ พี่สาวถูกไลอ่ อก
เทศกาลสงกรานต์เราเลน่ สาดนา้ํ กนั ท้งั ประเทศ
4. คําสรรพนามไม่ช้ีเฉพาะ เพจภาษาไทยไมจ่ ั๊กเดยี ม
คําสรรพนามไม่ชเ้ี ฉพาะ อาจอยใู่ นรูปของคําซ้าํ ได้แก่ ใคร ๆ อะไร ๆ ใด ๆ อืน่ ๆ
เชน่ ใคร ๆ กช็ อบทานผลไม้
อะไร ๆ กก็ นิ ได้ขอแคไ่ ม่เผด็
ใด ๆ ในโลกลว้ นอนิจจงั
แม่ซือ้ คะนา้ ผักบุ้ง ไข่ไก่ และอืน่ ๆ
5. คําสรรพนามแยกฝา่ ย
คาํ สรรพนามแยกฝา่ ย คือ คําทีใ่ ช้แทนคาํ นาม หรอื บุรุษสรรพนามทีอ่ ยู่ข้างหนา้
เพ่อื แสดงว่ามีหลายฝา่ ยหลายสว่ น แตล่ ะฝา่ ยแต่ละส่วนแยกกนั ทํากิริยาใดกริ ิยาหนง่ึ
หรือมากกวา่ มีเพียง 3 คํา ไดแ้ ก่ ตา่ ง บา้ ง กนั
1. ต่าง ใชแ้ ทนนามขา้ งหน้าเพ่อื แสดงวา่ มหี ลายฝา่ ยและทาํ กิรยิ าเดียวกนั
เช่น ต่างคนตา่ งอยู่จะดีกวา่
ฤดูฝนชาวนาตา่ งกป็ ลกู ขา้ ว
5. คาํ สรรพนามแยกฝา่ ย
คําสรรพนามแยกฝ่าย คอื คาํ ทใี่ ช้แทนคาํ นาม หรือบุรุษสรรพนามท่ีอยขู่ ้างหนา้
เพอื่ แสดงว่ามีหลายฝา่ ยหลายสว่ น แตล่ ะฝ่ายแต่ละส่วนแยกกนั ทํากริ ิยาใดกริ ิยาหน่งึ
หรอื มากกว่า มีเพียง 3 คํา ไดแ้ ก่ ต่าง บา้ ง กนั
2. บ้าง ใชแ้ ทนคํานามข้างหนา้ เพ่ือแสดงว่ามีหลายฝ่าย แต่ละฝา่ ยแยกทํากริ ิยาตา่ งกัน
หรือเปน็ กรรมของคํากริยาตา่ งกัน เชน่
นกั เรียนกลุ่มนน้ั บา้ งก็เรียน บา้ งกเ็ ล่น
เงินทองทห่ี ามา ฉนั กใ็ ช้บา้ ง เก็บบ้าง
5. คําสรรพนามแยกฝา่ ย
คําสรรพนามแยกฝา่ ย คอื คําทใ่ี ช้แทนคาํ นาม หรือบรุ ษุ สรรพนามที่อยู่ขา้ งหน้า
เพื่อแสดงว่ามีหลายฝา่ ยหลายส่วน แต่ละฝา่ ยแตล่ ะส่วนแยกกนั ทํากริ ิยาใดกิรยิ าหนง่ึ
หรือมากกว่า มเี พียง 3 คาํ ได้แก่ ตา่ ง บา้ ง กัน
3. บ้าง ปรากฏหลังคาํ นามหรือคาํ บุรุษสรรพนามและปรากฏหน้าคาํ กรยิ าจะแสดง
ความหมายว่าแต่ละฝ่ายแยกทาํ กิริยาตา่ งกนั เช่น
คนสวน บ้างรดนา้ํ บ้างพรวนดนิ
พวกเราบา้ งกพ็ ักบา้ นญาติ บ้างกพ็ ักตามวดั
5. คําสรรพนามแยกฝา่ ย
คาํ สรรพนามแยกฝ่าย คือ คาํ ทีใ่ ช้แทนคํานาม หรือบุรษุ สรรพนามท่ีอยขู่ า้ งหน้า
เพ่ือแสดงวา่ มีหลายฝา่ ยหลายสว่ น แตล่ ะฝ่ายแตล่ ะสว่ นแยกกนั ทํากริ ิยาใดกริ ิยาหน่ึง
หรอื มากกวา่ มีเพยี ง 3 ไดแ้ ก่ ตา่ ง บา้ ง กนั
4. บา้ ง ปรากฏหลังคาํ กรยิ าจะแสดงแตล่ ะส่วนถูกกระทําไม่เหมอื นกนั เชน่
ของท่ีอยู่ในตู้เยน็ ก็กินบา้ ง ทิ้งบา้ ง
เส้ือผ้าท่ีซักแล้ว กร็ ีดบ้าง ไมร่ ีดบ้าง ตามสะดวก
5. คาํ สรรพนามแยกฝ่าย
คาํ สรรพนามแยกฝา่ ย คือ คาํ ที่ใช้แทนคาํ นาม หรือบรุ ษุ สรรพนามท่อี ย่ขู า้ งหน้า
เพอ่ื แสดงวา่ มีหลายฝ่ายหลายส่วน แตล่ ะฝา่ ยแต่ละสว่ นแยกกนั ทํากริ ยิ าใดกิรยิ าหนง่ึ
หรือมากกวา่ มีเพียง 3 ไดแ้ ก่ ต่าง บา้ ง กนั
5. กัน ใช้แทนคํานามหรือคาํ บุรษุ สรรพนามข้างหนา้ เพอื่ แสดงวา่ มีหลายฝา่ ย
แต่ละฝ่ายทํากิริยาอย่างเดียวกนั กบั อกี ฝ่ายหนง่ึ เช่น
สามีภรรยาคู่นีท้ ะเลาะกันทุกวนั
เขาปรึกษางานกันหลังหอ้ ง
จบ
ชนดิ ของคาํ EP.3
คํากริยา
ตามหลักบรรทัดฐานภาษาไทย
เพจภาษาไทยไมจ่ ๊กั เดยี ม
คํากริยาเพจภาษาไทยไมจ่ ั๊กเดยี ม คอื ?
คาํ กรยิ า คอื คําทแ่ี สดงอาการของคํานามหรอื คําสรรพนาม มี 7 ชนดิ
1. กรยิ าสกรรม 2. กรยิ าทวกิ รรม 3. กริยาอกรรม
4. กริยาคณุ ศัพท์ 5. กริยาตอ้ งเตมิ เตม็
6. กริยานาํ 7. กรยิ าตาม
เพจภาษาไทยไมจ่ ๊กั เดยี ม
1. กรยิ าสกรรม กรยิ าทีม่ ีกรรมตามหลงั 1 ตวั
เช่น กิน ฟัง อ่าน ซ้อื ลาก ดังตวั อยา่ งต่อไปนี้
- กล้ากินขา้ ว - นุชฟงั เพลง
- พ่ออ่านข่าว - แม่ซ้อื เสอื้
- น้องลากเก้าอี้ เป็นตน้
จากตัวอยา่ ง ขา้ ว เพลง ขา่ ว เสื้อ เกา้ อ้ี เปน็ กรรมของกริยาสกรรม
เพจภาษาไทยไมจ่ ๊กั เดยี ม
2. กรยิ าทวกิ รรม กรยิ าทม่ี กี รรมตามหลงั 2 ตัว
เชน่ สอน ป้อน ให้ แจก ดังตัวอย่างตอ่ ไปนี้
- ครูสอนภาษาไทย1 นักเรยี น2
- แม่ป้อนขา้ ว1 นอ้ ง2
- เขาให้เงนิ เดือน1 พนักงาน2
- เขาแจกรางวลั 1 พนกั งานดีเด่น2
*** ตัวท่ี 1 คอื กรรมตรง ตัวท่ี 2 คอื กรรมรอง
3. กรยิ าอกรรม กรยิ าที่ไมม่ ีกรรมตามหลงั
เชน่ หวั เราะ ตก ขนึ้ ยนื ตาย ดใี จ เสยี ใจ ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี
- พ่อหัวเราะ - ฝนตก
- ดาวตก - พระอาทติ ย์ขึ้น
- ครูยนื - นาฬิกาตาย
- ชาวบา้ นดใี จ - เราเสียใจ
เพจภาษาไทยไมจ่ ก๊ั เดียม
4. กรยิ าคณุ ศัพท์ กรยิ าทไี่ มต่ ้องมีกรรมแสดงสภาพ
ของคาํ นามหรอื คาํ บรุ ษุ สรรพนาม
เชน่ ดี สวย ว่องไว สงู ดังตัวอย่างต่อไปน้ี
- เดก็ โรงเรยี นนดี้ ี
- รถบ้านนสี้ วยทกุ คันเลย
- นกั ว่ิงพวกนว้ี อ่ งไว
- คณุ สูงข้ึนมากทีเดียว
เพจภาษาไทยไม่จกั๊ เดยี ม
4. กรยิ าคณุ ศัพท์ กริยาทไ่ี มต่ อ้ งมกี รรม แสดงสภาพ
ของคํานามหรือคําบุรษุ สรรพนาม
คาํ กรยิ าคณุ ศพั ทม์ ลี กั ษณะคลา้ ยคําอกรรมกริยา แต่แตกต่างกัน ดังน้ี
- คํากรยิ าคุณศัพทส์ ามารถใช้ร่วมกับคาํ วา่ กวา่ ที่สดุ ได้เพ่อื ใชใ้ นเชงิ เปรียบเทียบ
- คําอกรรมกรยิ าใช้รว่ มกับคําวา่ กว่า และ ทีส่ ุด เพื่อเปรียบเทียบไมไ่ ด้
เพจภาษาไทยไมจ่ กั๊ เดียม
กริยาทไ่ี มต่ อ้ งมีกรรม แสดงสภาพ
4. กรยิ าคณุ ศัพท์ ของคํานามหรือคาํ บรุ ษุ สรรพนาม
เชน่ - ม้าตัวน้ีว่งิ กวา่ ตัวน้นั
- มา้ ตัวน้ีสวยกว่าตวั นัน้ - มา้ ตัวนี้ว่ิงทีส่ ดุ
- มา้ ตวั โนน้ สวยท่สี ุด - วนั นฝ้ี นดูทา่ จะตกกวา่ เมอื่ วาน
- วันนฝ้ี นดูทา่ จะหนักกว่าเมื่อวาน - วันน้ีฝนดูท่าจะตกที่สดุ
- วนั นี้ฝนดูทา่ จะหนักท่สี ดุ
คาํ วา่ สวย และ หนกั ใช้รว่ มกับ กว่าและทส่ี ุดได้ เปน็ คํากริยาคุณศัพท์ เพจภาษาไทยไม่จ๊ักเดยี ม
สว่ นคาํ ว่า วิง่ กับ ตก ใชร้ ่วมกับ กว่าและทีส่ ดุ ไมไ่ ด้ จึงเปน็ คาํ กรยิ าอกรรม
กริยาทไ่ี มต่ ้องมกี รรม แสดงสภาพ
4. กริยาคุณศัพท์ ของคาํ นามหรือคําบรุ ุษสรรพนาม
คาํ กรยิ าคณุ ศัพทม์ ีลกั ษณะคลา้ ยคาํ อกรรมกริยา แต่แตกตา่ งกัน ดังนี้
- คํากริยาคุณศัพทส์ ามารถปรากฏตามหลังคําลกั ษณนามได้
- คาํ อกรรมกริยาไมส่ ามารถปรากฏหลงั คําลกั ษณนามไดต้ อ้ งมคี ําเชอ่ื มมาเช่ือมเสมอ
เช่น - แมวตวั อว้ น - นํา้ แข็งก้อนเลก็
- แมวตัวนอนอยู่ - ถ้านา้ํ แขง็ ก้อนละลาย
- แมวตัวท่ีนอนอยู่
- น้าํ แข็งกอ้ นที่ละลาย
คําว่า อ้วน เลก็ ปรากฏหลังคําลกั ษณนามไดจ้ งึ เปน็ คาํ กรยิ าคณุ ศพั ท์
ส่วนคําวา่ นอน ละลาย ปรากฏหลงั คาํ ลักษณนามไมไ่ ด้จงึ เปน็ คํากรยิ าอกรรม เพจภาษาไทยไม่จกั๊ เดยี ม
5. กริยาตอ้ งเตมิ เตม็ กริยาทต่ี อ้ งมคี ํานามทาํ หนา้ ที่
เตมิ เตม็ ตามหลังเสมอ
เช่น เปน็ เหมือน คล้าย เทา่ เกดิ ดังตัวอย่างต่อไปน้ี
- เขาเป็นตาํ รวจอยู่กรงุ เทพฯ
- เธอเหมอื นแมม่ าก
- แมวหน้าตาคลา้ ยเสือ
- ปนี ี้เกดิ ภาวะโรคระบาด
คําวา่ ตาํ รวจ แม่ เสอื ภาวะโรคระบาด ทีต่ ามหลงั คาํ กริยา เปน็ เหมอื น คลา้ ย เท่า เกดิ
ไม่ได้ทาํ หนา้ ทเ่ี ป็นกรรม แตท่ ําหน้าทเ่ี ป็นหน่วยเติมเต็ม
เพจภาษาไทยไม่จกั๊ เดียม
6. กรยิ านํา กริยาที่ตอ้ งปรากฏหนา้ คาํ กรยิ าอนื่ เสมอ
เชน่ ฝนื หดั ช่วย กรุณา ดังตวั อย่างต่อไปน้ี
- นอ้ งฝนื กนิ ข้าวจนหมด
- พี่หัดร้องเพลงทุกเชา้
- คณุ ชว่ ยเปดิ หน้าตา่ งให้ทคี ะ่
- กรุณาจอดปา้ ยหน้าด้วยคะ่
เพจภาษาไทยไม่จั๊กเดยี ม
7. กริยาตาม กรยิ าที่ต้องปรากฏหลังคํากริยาอ่นื เสมอ
อาจปรากฏหลงั คํากรยิ าโดยตรงหรือปรากฏหลงั กรรมของกริยากไ็ ด้
กริยาตามบางคาํ มรี ูปเหมอื นกรยิ าอกรรม เช่น ไป เข้า มา ออก ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปนี้
- เขาสง่ การบา้ นไปแล้ว
- ต้งั ใจเขา้ จะได้เรยี นเกง่
- เราเพงิ่ ไปซือ้ ของกนั มา
- เขาขยันออก
เพจภาษาไทยไมจ่ ั๊กเดียม
7. กริยาตาม กรยิ าทตี่ ้องปรากฏหลงั คํากรยิ าอืน่ เสมอ
อาจปรากฏหลังคาํ กริยาโดยตรงหรอื ปรากฏหลงั กรรมของกรยิ าก็ได้
กรยิ าตามบางคํามีรปู เหมือนกริยาสกรรม ไว้ เสยี ให้ เอา ดงั ตวั อย่างตอ่ ไปนี้
- ขอเตอื นไวก้ อ่ นจะไดไ้ ม่พลาดเหมือนครั้งที่แล้ว
- เขาพดู เสยี ขนาดนี้จะยนื นิง่ อยทู่ ําไม
- เขาหยบิ ปากกาให้ฉันเมอ่ื สักครู่นีเ่ อง
- แกะไม่ออก ก็ใชม้ ดี งัดเอา
เพจภาษาไทยไมจ่ ๊กั เดยี ม
7. กริยาตาม กริยาท่ตี ้องปรากฏหลังคํากริยาอ่นื เสมอ
แม้คาํ กริยาตามจะมรี ปู เหมอื นคาํ กรยิ าอกรรมและคํากรยิ าสกรรม แต่คํากริยาตามมี
ความหมายไม่เหมอื นกับคาํ กรยิ าอกรรมกับคาํ กรยิ าสกรรม ดังนี้
1. คํากรยิ าตาม ไป มา ข้นึ ลง ตามหลังคาํ กริยาแสดงการเคลอื่ นไหว
จะแสดงทศิ ทางของกรยิ านั้น
เชน่ - ยกปากกาขน้ึ อีกนิด - พีส่ ง่ จดหมายไปต่างจังหวัด
- เขาน่งั ลง - แมข่ ึ้นมาเชยี งใหมเ่ มื่อวาน
เพจภาษาไทยไมจ่ ัก๊ เดียม