สรปุ จากตวั อยา่ งโครงการ ดา้ นเดก็ และเยาวชน นวัตกรรม ท�ำงานเชิงประเด็นและมีกลุ่มเป้าหมาย
ท่ีทางกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ได้ หลากหลาย สร้างพลเมืองท่ีไหวรู้ต่อการเฝ้าระวัง
ให้การสนับสนุน แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการ ท�ำงานแบบเครือข่ายเข้มแข็ง และเคล่ือนไหวผ่าน
ให้ความรู้ความเข้าใจเร่ืองทักษะการรู้เท่าทันส่ือในยุค ส่ือสารสาธารณะ
ปัจจบุ ัน โดยผา่ นการแลกเปลย่ี นเรียนร้จู ากผเู้ กีย่ วขอ้ ง
ในทกุ ฝา่ ย เพือ่ ใหไ้ ด้แนวทางในการส่งเสรมิ สนบั สนุน จากงานศึกษาในเร่ืองการรู้เท่าทันสื่อของเด็ก
การรเู้ ทา่ ทนั สอื่ ในมติ ติ า่ งๆ แกเ่ ดก็ และเยาวชน ในขณะ และเยาวชนทั้งห้าเร่ือง สามารถสรุปเป็นข้อเสนอแนะ
เดยี วกนั เรอ่ื งของการรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื เปน็ ทกั ษะทส่ี ำ� คญั ของ เชิงนโยบายส�ำหรับกองทุนพัฒนาส่ือปลอดภัยและ
คนในศตวรรษท่ี 21 ความเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี สรา้ งสรรค์ และหนว่ ยงานเกีย่ วข้อง เพ่อื ขับเคลือ่ นการ
การสอื่ สารรวมถงึ อทิ ธพิ ลของสอื่ เปน็ สงิ่ ทผ่ี ใู้ ชส้ อื่ ทกุ คน สง่ เสริมการรู้เทา่ ทันสื่อสำ� หรบั เดก็ และเยาวชน ได้ดงั น้ี
ต้องเผชิญทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่ ดังนั้นการรู้เท่าทันส่ือ 1. การให้ความส�ำคัญกับการท�ำงานเชิงพื้นที่
จึงเปน็ สิ่งที่คนทุกชว่ งวัยควรเรยี นรไู้ ปพร้อมกัน เพื่อส่งต่อและสร้างการเปลี่ยนแปลงกับกลุ่มเป้าหมาย
ได้อย่างแท้จริง ผลการด�ำเนินงานโครงการท่ีผ่านมา
ข้อเสนอแนะจากงานศึกษา สู่แนวทางเชิงนโยบาย เห็นได้ว่าการลงพื้นท่ีส�ำรวจปัญหา วางแนวทาง และ
เพ่อื ขับเคลอ่ื น ด�ำเนินการส่ือสารตามกิจกรรมต่าง ๆ ช่วยแก้ปัญหา
การรู้เท่าทันส่ือ ถือเป็นกระบวนการที่ส�ำคัญ ของเยาวชนในชุมชนไดอ้ ยา่ งตรงจุด ใกลช้ ดิ และอาศัย
ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจในการสื่อสารของคน คนในพื้นท่ีเป็นผู้บริหารจัดการ น�ำมาซ่ึงการป้องกัน
ทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่ือสารในยุคดิจิทัลที่ และพฒั นาการรูเ้ ทา่ ทันส่อื ทย่ี ่ังยืน
มีการเปลย่ี นแปลงของส่ือและเน้ือหาอย่างรวดเรว็ ผ้ใู ช้ 2. การสรา้ งความรว่ มมอื กนั ในระดบั กระทรวง
สื่อควรต้องเข้าใจในคุณลักษณะของส่ือแต่ละประเภท องค์กรที่ดูแลเร่ืองการศึกษา และองค์กรท่ีก�ำกับดูแล
การควบคุมพฤติกรรมการใช้ส่ือของตนเอง เข้าใจใน ส่ือ โดยกองทุนฯ ต้องสร้างความร่วมมือกับกระทรวง
กระบวนการผลิต การเผยแพร่ของสื่อ รวมท้ังจะต้อง ศึกษาธิการ กระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม
เขา้ ใจถงึ อิทธิพลหรอื ผลของสอ่ื ในทางท่ดี ีและไม่ดี ท้ังน้ี กสทช. มหาวิทยาลัย และอื่น ๆ เพื่อจัดการเรียนรู้
เพ่ือให้ผู้ใช้ส่ือสามารถคิดไตร่ตรองในเนื้อสารได้อย่าง ในเรื่องการรู้เท่าทันสื่อ เช่น ในรูปแบบของหลักสูตร
ถูกต้องเหมาะสมได้ รวมถึงสามารถเป็นผู้ใช้สื่อ และผู้ สนับสนุนการผลิตบุคลากรทางการศึกษาท่ีมีความรู้
ผลติ ส่อื ทีเ่ ป็นประโยชน์ทั้งตอ่ ตนเอง ต่อสงั คม และต่อ ความเข้าใจ ในเร่ืองการรู้เท่าทันสื่อ จากน้ันจึงเช่ือม
ประเทศดว้ ย ร้อยกับโรงเรียนเพ่ือขับเคล่ือนการสร้างเยาวชนให้เป็น
กองทนุ พฒั นาสอื่ ปลอดภยั และสรา้ งสรรคเ์ ปน็ พลเมอื งทรี่ เู้ ทา่ ทนั สอ่ื สารสนเทศและดจิ ทิ ลั ไปพรอ้ มกนั
หน่วยงานท่ีมีบทบาทเป็นผู้สนับสนุนการรู้เท่าทันส่ือ สว่ นความรว่ มมอื กบั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ สถาน
ระหว่างผู้เก่ียวข้องในการส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อใน ศึกษา และหน่วยงานระดับพ้ืนท่ีต้องมีเพื่อหนุนเสริม
ประเทศไทย และกลมุ่ เปา้ หมายตา่ งๆ ในสงั คม โดยเปน็ การท�ำงานระดับพ้ืนท่ี และสอดคล้องกับวัฒนธรรม
แหล่งทุนเพ่ือการสร้างสังคม “รู้เท่าทนั ส่ือ” ใหแ้ ก่ เด็ก สังคมของแต่ละท้องถิ่น
เยาวชน และครอบครวั เปน็ สำ� คญั รวมถึงการจับมือ ในส่วนของรัฐบาลนั้น กองทุนควรเสนอ
เครือข่าย ร่วมแรง ร่วมทุน และเตรียมความพร้อม แผนการดำ� เนินงานแกภ่ าครฐั เพอ่ื ผลักดันเรือ่ งของการ
ในการผลักดันการรู้เท่าทันส่ือเข้าสู่ระบบการศึกษา รู้เท่าทันสื่อให้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติ ซ่ึงจะช่วย
พร้อมท้ังมีบทบาทหน้าที่ในการเฝ้าระวังส่ือที่ค�ำนึงถึง ใหก้ ารขับเคลือ่ นเป็นไปในระดับประเทศ
การตรวจสอบแบบกลั ยาณมติ ร สรา้ งฐานข้อมูล สรา้ ง
สงั เคราะหอ์ งค์ความรู้จากงานวิจัย ภายใตก้ ารสนบั สนุนของกองทุนพัฒนาส่ือปลอดภัยและสร้างสรรค์ 101
3. การสร้างระบบนิเวศน์ส่ือที่ปลอดภัยและ 5. การส่งเสริมสื่อสร้างสรรค์ของกองทุนควร
สร้างสรรค์ในสถานศึกษาและชุมชนเพื่อลดปัญหาการ กระจายสู่ทุกองค์ประกอบของการส่ือสาร ได้แก่ ส่ง
กลน่ั แกลง้ บนโลกออนไลน์ ลดการใชค้ วามรนุ แรง และ เสริมผู้ผลิตส่ือที่มีความมุ่งมั่นต้ังใจ ส่งเสริมเนื้อหาท่ี
ใหโ้ รงเรยี นเปน็ พนื้ ทท่ี ปี่ ลอดภยั สำ� หรบั เดก็ โดยมคี ณุ ครู สอดคล้องกับพัฒนาการกลุ่มเป้าหมาย หรือน�ำเนื้อหา
เป็นก�ำลังหลักในฐานะผู้ให้ค�ำปรึกษาและเป็นผู้ที่เด็ก ที่เป็นปัญหามาเป็นโจทย์ในการแก้ไข และสร้างส่ือ
ไว้วางใจ นอกจากน้ียังขยายความรู้เท่าทันส่ือไปยัง ปลอดภยั สรา้ งสรรค์ สง่ เสรมิ ชอ่ งทาง คอื เลอื กใชช้ อ่ งทาง
ผู้ปกครอง และชุมชน เพ่ือผลักดันให้เกิดการท�ำงาน ท่ีมอี ย่างหลากหลายในการส่ือความหมายทต่ี ้องการไป
ต่อเนอื่ งในพน้ื ที่ ส่วนส่อื ตา่ งๆ ควรนำ� เสนอเนื้อหาที่ไม่ ยังกลุ่มเป้าหมาย และสามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับ
ก่อใหเ้ กดิ อคติและความเกลยี ดชงั ต่อกนั ชุมชนและเครือข่าย สุดท้ายคือผู้รับสาร กองทุนควร
นอกจากนคี้ วรมกี ารสรา้ งโรงเรยี นตน้ แบบดา้ น เจาะจงกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนเพื่อให้ตรงกับความ
การผลติ สอื่ ปลอดภัยและสร้างสรรค์ สนบั สนุนเยาวชน ต้องการของผู้รับสาร และส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อแก่
ในการสรา้ งสอ่ื ไมว่ า่ จะสอื่ ออฟไลน์ หรอื ออนไลนเ์ พอ่ื ให้ ผ้รู บั สาร เพือ่ ใหเ้ ป็นผใู้ ชส้ ือ่ ท่ชี าญฉลาด และกา้ วส่กู าร
เขา้ ถึงชดุ ความร้เู ทา่ ทันสือ่ เปน็ ผผู้ ลิตส่ือทมี่ ีคณุ ภาพ มีความรับผดิ ชอบในอนาคต
4. แนวทางการด�ำเนนิ งานของกองทุนฯ ต้อง
ใชร้ ปู แบบทมี เวริ ค์ ในการขบั เคลอื่ นองคก์ รเพอื่ ประสาน
ภารกิจหลักให้ทรงประสิทธิภาพ และเกิดการพัฒนา
ต่อเนื่อง ได้แก่ ภารกิจผลิตนวัตกรรมส่ือที่สร้างสรรค์
ภารกิจสร้างเครือข่ายพันธมิตร และการมีส่วนร่วมกับ
หน่วยงานที่เก่ียวข้องในกระบวนการผลิตส่ือ ภารกิจ
ดา้ นวางกลยุทธ์ทีเ่ หมาะสมกบั แตล่ ะช่วงวัย และแตล่ ะ
กลมุ่ เปา้ หมาย
102 หลอมส่ือ รวมคน สหู่ นทางสร้างสรรค์
เอกสารประกอบการเขียน
We are social. (2020). Digital use around the world. Retrieved from https://wearesocial.com/blog/
2020/07/digital-use-around-the-world-in-july-2020
พิมพวัลย์ บุญมงคล. (2562). การพัฒนาต้นแบบส่ือปลอดภัยและสร้างสรรค์ ส�ำหรับเยาวชนและครอบครัวใน
พนื้ ทพี่ รมแดนเพอื่ สง่ เสรมิ ทกั ษะรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ในการลดปญั หาความรนุ แรงบนพน้ื ทอี่ อนไลน.์ กองทนุ พฒั นา
สอ่ื ปลอดภยั และสร้างสรรค.์
เนตร หงษ์ไกรเลศิ . (2563). โครงการร้เู ท่าทันสร้างสรรคส์ ่ือปลอดภัย. กองทุนพฒั นาสือ่ ปลอดภยั และสร้างสรรค์.
ส�ำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์. (2562). รายงานผลการส�ำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตใน
ประเทศไทยปี 2562. ส�ำนกั ยทุ ธศาสตร์ ส�ำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ กระทรวงดจิ ิทัลเพือ่
เศรษฐกิจและสงั คม.
ระวิวรรณ ทรัพย์อินทร.์ (2560). การศึกษาวิจัยด้านการส่งเสริมการพัฒนา ส่ือปลอดภยั และสรา้ งสรรคเ์ พอ่ื เด็ก
เยาวชนครอบครัวและชมุ ชนโครงการจัดท�ำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปพี . ศ. 2561-2565. กองทนุ พัฒนาส่ือ
ปลอดภยั และสร้างสรรค์.
สำ� นกั งานสง่ เสรมิ เศรษฐกจิ ดจิ ทิ ลั . (2561). The 2018 DQ Impact Study. เขา้ ถงึ จาก https://www.dqinstitute.
org/country-thailand/
สุรชัย ไวยวรรณจิตร, และคณะ. (2562). รูปแบบและระบบนิเวศส่ือปลอดภัยและสร้างสรรค์ที่เยียวยาส่งเสริม
สุขภาพจิตทีด่ ตี ่อเดก็ และเยาวชนในสถานศึกษาเพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงในพ้ืนท่ี
จงั หวดั ชายแดนใต้. กองทนุ พัฒนาส่อื ปลอดภยั และสรา้ งสรรค.์
ศูนย์เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร ส�ำนักงานปลดั กระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วจิ ยั และนวตั กรรม.
(2564). ทกั ษะดจิ ทิ ลั กา้ วสู่ พลเมอื งในศตวรรษที่ 21. เขา้ ถงึ จาก https://www.ops.go.th/main/index.
php/knowledge-base/article-pr/1355-goto-citizens21st
อรรฏชณม์ สจั จะพฒั นกลุ . (2561). โครงการการวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารอยา่ งมสี ว่ นรว่ มเพอ่ื พฒั นาเครอื ขา่ ยการเรยี นรู้
" โรงเรยี นสรา้ งพลเมอื งรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื สารสนเทศ และดจิ ทิ ลั " ในพนื้ ทภ่ี าคเหนอื ตอนลา่ งของประเทศไทย.
กองทนุ พัฒนาสอื่ ปลอดภัยและสรา้ งสรรค์.
สงั เคราะหอ์ งคค์ วามรู้จากงานวิจยั ภายใตก้ ารสนบั สนุนของกองทนุ พัฒนาส่อื ปลอดภยั และสร้างสรรค์ 103
5
การวจิ ยั กบั การใชป้ ระโยชน์
วิโรจน์ สุทธสิ มี า
104 หลอมสอื่ รวมคน ส่หู นทางสรา้ งสรรค์
โภคผลแหง่ งานวิจยั สื่อ:
ข้อสังเกตจากงานวจิ ยั ภายใต้การสนับสนนุ ของกองทนุ พฒั นาส่ือปลอดภัยและ
สรา้ งสรรค์
ดร.วโิ รจน์ สทุ ธิสมี า
บทความนม้ี จี ดุ มงุ่ หมายเพอ่ื นำ� เสนอใหเ้ หน็ ถงึ มติ ขิ องแนวคดิ ประโยชนน์ ยิ มกบั การทำ� วจิ ยั ซงึ่ เขา้ มาสมั พนั ธ์
กับการท�ำวิจยั ด้านส่ืออยเู่ สมอ และย่งิ ทวคี วามส�ำคัญมากขนึ้ ในปัจจบุ ัน ลักษณะประโยชน์นยิ มดังกลา่ วมีท้ังข้อดีเชิง
ประจกั ษจ์ ากการนำ� ไปใชง้ าน และขอ้ ทา้ ทายหลายประการทผี่ ทู้ ำ� วจิ ยั ควรจะตระหนกั ถงึ นอกจากนี้ การตง้ั เขม็ ทศิ วจิ ยั
เพอ่ื มงุ่ เน้นประโยชน์เป็นที่ตั้งส�ำหรับงานวจิ ัยภายใตก้ ารสนบั สนุนของกองทนุ พัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จะ
ทำ� ใหพ้ บขอ้ สงั เกตหลายประการ เชน่ การมงุ่ เนน้ การวจิ ยั ในเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร การสนองตอ่ กลมุ่ เปา้ หมายโดยเฉพาะเดก็
และเยาวชน และประชาชนทว่ั ไป การใชแ้ หลง่ พน้ื ทวี่ จิ ยั ครอบคลมุ ทวั่ ประเทศ แนวคดิ ทฤษฎใี นหลากหลายแนวทาง
และค�ำสำ� คัญของงานวจิ ยั สำ� หรบั การสบื ค้นท่กี ระจายตวั เพ่อื ท�ำให้เกดิ การตอบสนองประโยชนใ์ นวงกวา้ งที่สุด
ปรัชญาประโยชนน์ ยิ ม แนวทางวิจัยท่ีเรียกว่า ประโยชน์นิยม
ในทางปรัชญาการวิจัย (Philosophy of (Utilitarian Approach) โดยภาพรวมหมายถงึ แนวคิด
Research) เมอื่ กลา่ วถงึ มติ ใิ นดา้ นความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ท่ีเชื่อวา่ ส่ิงทด่ี ี คือสงิ่ ทีเ่ กดิ ประโยชน์ และหากเม่ือใดมี
กระบวนการ (Process) กับ ผลลัพธ์ (Consequence) สว่ นไดส้ ว่ นเสยี ทข่ี ดั แยง้ หรอื เรยี กอกี อยา่ งวา่ ประโยชน์
ท่ีเกิดขึ้นจากการวิจัย มักจะมีการหยิบยกแนวคิดท่ี คัดง้างกันมากกว่าอย่างน้อยสองทิศทาง ประโยชน์ใด
ต่างหนุนหลังให้น�้ำหนักว่าสององค์ประกอบดังท่ีกล่าว ก็ตามท่ีเกิดแก่คนมากที่สุด ก็จะยิ่งดีกว่าเท่านั้น งาน
มาน้ันมาถกเถียงกันว่าส่ิงใดมีความส�ำคัญมากกว่า วิจัยซึ่งสมาทานแนวคิดดังกล่าวในปัจจุบันจึงมุ่งเน้นไป
ซึ่งหากประมวลจากภาพรวมของงานวิจัยด้านส่ือใน ยังการน�ำเสนอผลลัพธ์จากงาน ว่าน�ำไปสู่สิ่งใด และ
ปัจจุบัน ตลอดจนประเพณีวิธีคิด (Conventions) ท่ี จำ� นวนเทา่ ใด หรอื ทเ่ี รยี กวา่ มผี ลกระทบ (Impact) มาก
ปรากฏ จะพบว่าวงการวิจัยสื่อก�ำลังอยู่ในกระแสของ นอ้ ยแคไ่ หน ซงึ่ หากสบื รากเหงา้ ยอ้ นกลบั ไป กจ็ ะพบวา่
การให้น�้ำหนักกับผลลัพธ์ หรือ ประโยชน์ที่ได้จาก เป็นแนวทางที่มาจากงานของ Bentham (1907) ใน
งานวิจัยอันเป็นรูปธรรม เหนือกว่าการให้น�้ำหนักของ หนงั สอื ทชี่ อื่ วา่ An Introduction to the Principles
ความสงสยั ใครร่ หู้ รอื กระบวนการทำ� งาน อยา่ งไรกต็ าม of Morals and Legislation และ Mill (1907) ในผลงาน
ลักษณะโน้มเอียงดังกล่าวยังไม่อาจพิสูจน์ได้อย่าง ช่ือดัง Utilitarianism ซ่ึงกระแสผลลัพธ์อันเป็นที่ตั้ง
แท้จริงว่าเป็นส่ิงที่ถูกต้องหรือสังคมนักวิจัยด้านส่ือได้ ดงั กลา่ ว ถือเป็นขดั แย้งส�ำคัญท่มี ตี ่อหลกั ยึดในยุคก่อน
เดนิ มาถกู ทางหรือไม่ เพยี งแตก่ ารต้งั คำ� ถามตอ่ กระแส หน้าน้ัน Immanuel Kant ทยี่ ึดโยงกับแนวคิดว่าดว้ ย
ดังกลา่ วน่าจะมคี ุณปู การสำ� หรบั การขบคิดกนั ตอ่ ไป การแสวงหาความรู้ที่เป็นผลสืบเนื่องจากความสงสัย
ของมนษุ ย์ โดยไมต่ อ้ งใสใ่ จกบั ผลลพั ธม์ ากนกั เพราะใน
สังเคราะหอ์ งค์ความรจู้ ากงานวจิ ัย ภายใตก้ ารสนบั สนนุ ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ 105
จติ วญิ ญาณการหาความรแู้ บบเดมิ นน้ั Kant เหน็ วา่ แรง ประเด็นเรื่องการผนวกท้ังสองแนวทางให้เกิด
จงู ใจในการหาความรู้ (Motivation) และกระบวนการ ความสมดุล ควรเป็นส่ิงท่ีถูกพูดถึงในโลกของการวิจัย
หาความรู้ ย่อมส�ำคัญกว่าสิ่งท่ีจะเป็นผลลัพธ์จากการ สอ่ื ยคุ ใหม่ แมว้ า่ โดยกระบวนทศั นด์ ง้ั เดมิ ของงานแตล่ ะ
หาความรู้ หัวข้อนั้น ไม่ว่าจะต้ังอยู่บนขาข้างไหนเป็นหลัก ก็ยัง
ขอ้ โตแ้ ยง้ ระหวา่ งสองสำ� นกั คดิ ทำ� ใหเ้ กดิ โภคผล สามารถเปิดพ้ืนท่ีให้แนวคิดอีกทางเข้ามาหลอมรวมได้
ในเบอ้ื งตน้ คอื การทำ� ใหน้ กั วชิ าการไดห้ นั มาตรวจสอบ (แมว้ า่ จะไมถ่ งึ ขน้ั แบง่ กนั แบบ “คนละครง่ึ ”) และเชน่ น้ี
วา่ งานวจิ ัยช้ินหนงึ่ (หรือเรยี กวา่ “หวั ขอ้ ”หนงึ่ ) ได้ถูก เอง การวจิ ัยแนวประโยชนน์ ิยมทแี่ พรห่ ลายในการวิจยั
ติดต้ังวิธีการแสวงหาค�ำตอบเอาไว้อย่างไร เป็นต้นว่า ส่ือของไทยปัจจุบัน จึงควรจะเหลือพื้นที่ให้กับความ
มูลเหตุท่ีมา และการต้งั ค�ำถาม ตลอดจนกระบวนการ กระหายใครร่ อู้ นื่ ๆ และกระบวนการทำ� งาน เพอ่ื นำ� ไปสู่
ท�ำงานน้ัน ส�ำคัญมากกว่าหรือน้อยกว่าผลลัพธ์ (หรือ ประโยชนท์ คี่ าดหวงั อนั เปน็ แกน่ แทข้ องแนวคดิ การวจิ ยั
ประโยชน์ท่ีคาดหวัง) เม่ือการท�ำวิจัยเสร็จสิ้นลง ใน ลักษณะนี้
ทางหนงึ่ นกั วจิ ยั อาจคดิ วา่ ไมว่ า่ จะวจิ ยั อะไรกต็ าม ยอ่ ม แตก่ อ่ นจะไปถงึ การบรรลซุ ง่ึ แนวคดิ ประโยชน์
ควรเกดิ ดว้ ยกระบวนการอนั รอบคอบและถกู ถว้ น สว่ น นิยม ซ่งึ เสมอื นถูกตดั ตอ่ ดเี อ็นเอให้อยูร่ อดไดใ้ นโลกยุค
ผลลัพธ์หรือการใช้ประโยชน์ล้วนงอกเงยออกมาโดย หลอมรวม ผู้เขียนขอกล่าวถึงความเข้าใจผิดเก่ียวกับ
มิอาจควบคุม แต่อีกทางหน่ึง การลงมือลงแรงในการ หลกั การของการมงุ่ เปา้ ประโยชนเ์ ปน็ ทตี่ งั้ เสยี กอ่ น เมอ่ื
วจิ ยั อะไรกต็ าม ลว้ นแล้วใช้ทรัพยากรมากมาย หากไม่ ไม่นานมานี้ ได้อ่านข้อความหนง่ึ วา่ “ทฤษฎีคือเปลอื ก
พยายามจะควบคมุ ใหเ้ กดิ ผลลพั ธห์ รอื ประโยชนเ์ พอ่ื นำ� นอก ปฏิบัติถึงเป็นแก่นแท้” ซึ่งมีการขยายความว่า
ไปใชง้ าน ก็อาจเปน็ การสน้ิ เปลอื งโดยใชเ่ หตุ การนำ� ความรไู้ ปปฏบิ ตั ถิ งึ จะเปน็ สง่ิ ทด่ี ที ส่ี ดุ (ไมใ่ ชอ่ ยกู่ บั
ต่อข้อค�ำถามดังกล่าว นักวิชาการชาวอิหร่าน แนวคดิ หรอื ตำ� รา) ตรงสว่ นนผ้ี เู้ ขยี นคดิ วา่ นา่ จะมกี ารถก
Zahid Hussain Khan (2016) ตง้ั ประเด็นในบทความ เถยี งหรอื แกไ้ ข หรอื เพมิ่ ถอ้ ยคำ� อธบิ ายใหม้ ากขนึ้ เพราะ
ท่ีชื่อว่า “A Quest for Utilitarian in Research” แม้จะเป็นมายาคติท่ีเชื่อโดยทั่วกันว่า การรู้แต่แนวคิด
เกยี่ วกบั การใชแ้ นวคดิ ประโยชนน์ ยิ มในการทำ� งานวจิ ยั หรือทฤษฎีโดยไม่น�ำไปใช้ประโยชน์นั้น เปรียบเหมือน
(ในบริบทของบทความหมายถึงงานวิจัยท่ัวไป แม้ว่า ค�ำพังเพยทวี่ ่า “ความร้ทู ว่ มหวั เอาตัวไมร่ อด” แตห่ าก
แหลง่ ทม่ี าของการตพี มิ พค์ อื วารสารทางการแพทย)์ วา่ บอกว่าทฤษฎีเป็นแค่เปลือกนอก ส่วนปฏิบัติเป็นแก่น
“เราควรจะมงุ่ ความสนใจไปยงั ประเดน็ ทวี่ า่ จะ แท้แล้ว น่าจะมีความเข้าใจผิดและไม่สอดคล้องกับ
ท�ำงานวิจยั นน้ั ๆ เพราะมนั นา่ สนใจจริง ๆ หรอื เพราะ กระบวนการหาความรหู้ รือการวจิ ยั เลย
ว่าผลลัพธ์ท่ีจะออกมานั้นจะเรียกให้คนสนใจกันแน่ หากทฤษฎเี ปน็ เปลอื ก กย็ อ่ มเปน็ เพยี งสงิ่ ทห่ี อ่
กระแสในปัจจุบันดูเหมือนมุ่งหน้าไปยังการวิจัยโดย หุ้มและถูกกระเทาะออก และหากการปฏิบัติเป็นแก่น
มองหาผลลพั ธ์และผลกระทบมากกวา่ ซง่ึ อาจจะทำ� ให้ แท้ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ส�ำคัญที่สุดซ่ึงถูกซุกซ่อนอยู่ภายใน
การวจิ ยั โดยมคี วามอยากรอู้ ยากเหน็ นน้ั คอ่ ย ๆ หายไป แตใ่ นทางการวจิ ยั ทฤษฎเี ปน็ เหมอื นเครอื่ งนำ� ทาง หรอื
อยา่ งไรกต็ าม ถ้าเกิดมที ั้งสองประการผนวกด้วยกนั ใน เครอื่ งมอื เสียมากกวา่ การปฏบิ ัตใิ นชวี ิตจรงิ เพื่อให้เกดิ
งานวจิ ยั จะถอื เปน็ สงิ่ ทคี่ รอบคลมุ อยา่ งดที สี่ ดุ ” Khan โภคผลนนั้ สำ� คญั แนน่ อน แตไ่ มไ่ ดห้ มายความวา่ จู่ ๆ จะ
(2016) ไปปฏบิ ตั ไิ ดโ้ ดยไมร่ แู้ นวทางหรอื เครอื่ งนำ� ทาง ทฤษฎจี งึ
เป็นเหมือนส่ิงที่คอยสนับสนุน คอยบันทึกการลองผิด
106 ลองถกู แลว้ กลายรปู เปน็ หลกั การใหน้ ำ� ไปขบคดิ ดดั แปลง
มากกวา่ จะเปน็ เพยี งเศษไมส่ ำ� คญั ทถ่ี กู กระเทาะออก และ
เชน่ เดยี วกนั การปฏบิ ตั หิ รอื การทำ� ใหเ้ กดิ ประโยชนน์ นั้
ย่อมส�ำคัญ แต่จะเกิดข้ึนได้จริงหรือไม่ หากไม่มีอะไร
คอยน�ำทางเลย
หลอมสอ่ื รวมคน สู่หนทางสร้างสรรค์
ตามท่ีกล่าวมาข้างต้น แนวคิดประโยชน์ แผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (พ.ศ.2561-2565)” (ชนัญสรา
นิยม และการวิจัยประโยชน์นิยมในปัจจุบัน จึงไม่ อรนพ ณ อยุธยา, 2560) “การพัฒนานวัตกรรมสื่อ
ควรมีแนวคิดแบบสุดโต่ง มิเช่นนั้น จะถูกเชื่อมโยงเข้า สร้างสรรค์: การศึกษาวิจัยผลิตและสร้างนวัตกรรมสื่อ
กับระบบความคิดแบบ “มุ่งเป้านิยม” หรือการเน้น ปลอดภยั และสรา้ งสรรค์ โครงการจดั ทำ� แผนยทุ ธศาสตร์
ผลลัพธ์โดยไม่ใส่ใจถึงวิธีการแบบท่ีถูกวิพากษ์เสมอมา 5 ปี (พ.ศ 2561- 2565)” (สกลุ ศรี ศรสี ารคาม, 2560)
ในโลกวิชาการว่า เป็นแนวเน้นการปฏิบัติให้เกิด และ “การศึกษาวิจัยด้านการส่งเสริมการพัฒนาสื่อ
ผลลัพธ์ (Pragmatic) มากจนเกินไป เชน่ การอยากได้ ปลอดภัยและสร้างสรรค์เพื่อเด็กเยาวชนครอบครัว
ผลลัพธ์เปน็ เทคโนโลยีอันล้ำ� หน้า แตต่ อ้ งทำ� ลายระบบ และชมุ ชนโครงการจัดท�ำแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี พ. ศ.
นิเวศวิทยาทั้งระบบในระหว่างด�ำเนินงาน เป็นต้น 2561-2565” (ระววี รรณ ทรพั ยอ์ นิ ทร, 2560) เปน็ อาทิ
เช่นน้ีแล้วการมุ่งมั่นใส่ใจถึงกระบวนการ และสืบย้อน จากการวเิ คราะหแ์ ละสงั เคราะหง์ านวจิ ยั ทเ่ี กดิ
กลับไปสู่การระลึกถึงจิตวิญญาณแห่งความอยากรู้ ขึ้นจากการสนับสนุนของกองทุนพัฒนาส่ือปลอดภัย
อยากเหน็ ของมนษุ ย์ จงึ เปน็ สงิ่ สำ� คญั ไมย่ งิ่ หยอ่ นไปกวา่ และสร้างสรรค์ พบว่าท้ังหมดล้วนตั้งอยู่บนฐานของ
การได้ผลลัพธ์ ประโยชน์การใช้งาน (ตามลักษณะของการให้ทุนผ่าน
เมื่อกล่าวถึงหมวดหมู่ของ “ประโยชน์” อัน กองทุน ซ่ึงต้องมีระบุผู้รับประโยชน์อย่างชัดเจน) จะ
พึงมีจากการวิจัยส่ือ จะพบว่าประเพณีการเขียนถึง พบประเดน็ เชงิ ประโยชน์ หรอื โภคผล อนั เปน็ ขอ้ สงั เกต
ประโยชนใ์ นขอ้ เสนอโครงการและรายงานฉบบั สมบรู ณ์ ทีน่ ่าสนใจหลายประการ ดังต่อไปนี้
ซึ่งรวมถึงานศึกษาค้นคว้าในระดับบัณฑิตศึกษา มัก
จะแบ่งประโยชน์ออกเป็น 2 หมวดหมู่หลัก น่ันคือ ขอ้ สังเกตว่าด้วยงานวิจยั สื่อในเชิงใชป้ ระโยชน์
ประโยชน์ท่ีมีต่อวิชาชีพ เช่น เมื่อศึกษาเร่ืองน้ีแล้วจะ วัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุน ตามพระราช
ท�ำให้เกิดการน�ำไปปรับปรุงพัฒนาการท�ำงาน หรือ บัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
เกิดทักษะใหม่ให้คนในแวดวงส่ือได้เรียนรู้ กับอีกแบบ พ.ศ.2558 ไดร้ ะบเุ อาไว้ 7 ขอ้ โดยข้อที่ 5 ได้เขียนเอา
ที่เหมือนกับการกันพื้นที่เอาไว้ให้แก่คนท่ีรักในการ ไว้ว่า “ส่งเสริมให้มีการศึกษาวิจัย อบรม พัฒนาองค์
เสาะแสวงหาความรู้ นนั่ คอื ประโยชนท์ มี่ ตี อ่ วงวชิ าการ ความรู้และการสร้างนวัตกรรมด้านส่ือปลอดภัยและ
เช่น เป็นการขยบั ขยายเพดานความร้ดู า้ นการร้เู ท่าทนั สร้างสรรค์”ส่วนน้ีน่าจะเช่ือมโยงเกี่ยวกับงานด้านการ
สอื่ หรอื เปน็ การตอ่ ยอดองคค์ วามรใู้ นแงผ่ ลกระทบของ วจิ ยั มากทสี่ ดุ ซง่ึ การผนวกเรอ่ื งการวจิ ยั การอบรม หรอื
วดิ ีโอเกมทม่ี ตี ่อเดก็ และเยาวชน เปน็ ต้น การสร้างนวตั กรรม เขา้ ด้วยกนั ย่อมจะท�ำใหแ้ ลเหน็ วา่
อย่างไรก็ตาม เม่ือพิจารณาถึงลักษณะของ ผลผลิตงานวิจัยนั้นมีแนวโน้มว่าจะเป็นงานวิจัยเพื่อ
งานวิจัยส่ือในปัจจุบัน จะพบว่า ล�ำพังเพียงการเขียน มุ่งเนน้ ประโยชน์เปน็ หลกั
ประโยชน์มุ่งเน้นถึงเชิงวิชาชีพ หรือ เชิงวิชาการ อาจ เมื่อพิจารณาจากพันธกิจของกองทุน ซ่ึงแตก
ยังไม่ครบถ้วนทั้งหมด เพราะยังมีประโยชน์ท่ีน่าจะ ออกเปน็ ยทุ ธศาสตร์ 4 ขอ้ จะพบว่า ในยุทธศาสตรท์ ี่
แยกออกมาอกี ลกั ษณะ หรอื เปน็ หมวดหมทู่ ด่ี เู หมอื นจะ 2 “สง่ เสรมิ และพฒั นาองคค์ วามรใู้ นการพฒั นาสอ่ื และ
ครอบทงั้ วชิ าชพี และวชิ าการเอาไว้ น่ันคอื ประโยชน์ท่ี นเิ วศสอ่ื ปลอดภยั และสรา้ งสรรค”์ จะเชอ่ื มรอ้ ยกบั ความ
มตี อ่ นโยบาย ในการนำ� ไปเปน็ เขม็ ทศิ นำ� ทางสานตอ่ ขบั เป็นงานวิจัยโดยตรง โดยยังได้แบ่งภายในยุทธศาสตร์
เคลอ่ื นสงิ่ ตา่ ง ๆ กบั สถาบนั ตา่ ง ๆ หรอื ภาคอตุ สาหกรรม เป็นฐานข้อมูล งานวิจยั องคค์ วามรู้ และศูนยว์ ิชาการ
ลกั ษณะเชน่ นเี้ องเปน็ ประโยชนท์ เ่ี กดิ ขน้ึ กบั งานจำ� นวน ซงึ่ มงุ่ เปา้ ในการสนบั สนนุ ยทุ ธศาสตรข์ อ้ อนื่ ๆ (1,2 และ
มากท่ีเกิดภายใต้ร่มเงาของกองทุนพัฒนาส่ือปลอดภัย 4) และงานวจิ ยั ทงั้ หลายยงั ตอบเปา้ ประสงคก์ ารดำ� เนนิ
และสรา้ งสรรค์ ดงั จะเหน็ งานวจิ ยั เรอื่ ง “การศกึ ษาวจิ ยั งานตามยุทธศาสตร์ 5 ปี (พ.ศ.2561-2565) ในข้อ 1.
ด้านการส่งเสริมทักษะการรู้เท่าทันสื่อโครงการจัดท�ำ
สังเคราะหอ์ งค์ความรูจ้ ากงานวจิ ัย ภายใต้การสนบั สนุนของกองทนุ พฒั นาส่อื ปลอดภยั และสร้างสรรค์ 107
มฐี านขอ้ มลู ความรู้ และนวตั กรรมทเี่ ปน็ ประโยนต์ อ่ การ ตัวเลขจากภาพรวมดังกลา่ ว ทำ� ให้เหน็ วา่ ผล
ดำ� เนนิ งานของกองทนุ และหน่วยงานตา่ งๆ ทเี่ กยี่ วข้อง งานวิจัยภายใต้การสนับสนุนของกองทุน น้ันมุ่งท�ำให้
ในการผลติ สื่อท่ปี ลอดภัยและสร้างสรรค์ เกิดผลลัพธ์เป็นประโยชน์ท่ีสามารถจับต้องใช้งานได้
ผู้เขียนมีข้อสังเกตจากการสังเคราะห์ผลงาน และยงั เนน้ กระบวนการ “ลงมอื ทำ� ” อนั หมายถงึ การนำ�
วิจัยของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ดัง ไปพัฒนาหรือปรับใช้ หรือการลงพื้นท่ีทดสอบผลงาน
ตอ่ ไปนี้ มากกว่าการท�ำให้เกิดองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นแต่เพียง
1. จากพันธกจิ และเปา้ หมายของกองทุน การ ความสนใจในเชงิ วชิ าการเพอ่ื วชิ าการ หรอื เนน้ เพยี งเชงิ
วิจัยภายใต้การสนับสนุนของทางกองทุน จึงเป็นงาน นโยบายเทา่ นน้ั
วิจัยเพ่ือเน้นประโยชน์ส�ำหรับการน�ำเอาไปใช้งานเป็น
หลกั เรยี กวา่ เปน็ งานวจิ ยั ประโยชนน์ ยิ ม (หรอื ประยกุ ต)์ 3. ค�ำถามลำ� ดับถัดมาคือ เมอ่ื งานวิจัยเหลา่ นี้
โดยส่วนมาก และงานเพื่อวงการวิชาการเอง (หรือที่ เนน้ ประโยชนผ์ า่ นวธิ กี ารดำ� เนนิ งานทใ่ี หเ้ กดิ การปฏบิ ตั ิ
เรียกว่า การวิจัยบริสุทธิ์ (Pure Research) และการ เปน็ รปู ธรรม กลมุ่ เปา้ หมายดงั กลา่ วมโี ฉมหนา้ อยา่ งไรบา้ ง
วิจัยพน้ื ฐาน (Basic Research) โดยส่วนนอ้ ย ลักษณะ ค�ำตอบจากตัวเลขท่ีสรุปออกมาได้ คือ ประโยชน์มุ่ง
ดังกล่าวน้ีดูจะสอดคล้องกับแนวทางการวิจัยที่พบเห็น เข้าหากลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มของเด็กและเยาวชน
ในสังคมการให้ทุนวิจัยของไทยปัจจุบัน ท่ีมักจะมอง มากท่ีสุด ใกล้เคียงกับกลุ่มของประชาชนทั่วไป ซึ่งข้อ
ว่าการวิจัยด้านสื่อน้ันต้องสัมพันธ์กับความเป็นมนุษย์ ค้นพบนี้ไม่ใช่เร่ืองน่าแปลกใจเมื่อพิจารณาถึงพันธกิจ
ในมิติต่าง ๆ ความเปน็ ชมุ ชนและพน้ื ท่ี ซึ่งส่งิ ท่ีได้รบั นน้ั 3 ประการของกองทุน ซ่ึงมีข้อความหนึ่งได้ระบุเอาไว้
จะตอ้ งตอบโจทยต์ ามยทุ ธศาสตรอ์ นั สมั พนั ธร์ ะหวา่ งคน อย่างชัดเจนว่า “ส่งเสริมให้ประชาชน โดยเฉพาะเด็ก
กบั สงั คมอยา่ งแนน่ แฟน้ เมอื่ เปน็ เชน่ น้ี จงึ ทำ� ใหก้ ารวจิ ยั และเยาวชน และครอบครัว มีทักษะในการเฝ้าระวัง
เชิงปฏบิ ัติการ (Action Research) และการวจิ ยั อย่าง และรู้เท่าทันสื่อ” (พระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อ
มสี ่วนร่วม (Participant Research) ครอบครองพน้ื ที่ ปลอดภัยและสร้างสรรค์, 2558) แต่ในขณะเดียวกัน
ส่วนใหญ่ในการท�ำวิจัย และหากพิจารณาจากตัวเลข ตัวเลขจากการวิเคราะห์ยังเสนอว่า งานวิจัยเหล่าน้ีไม่
ข้อมูลในผลงานวิจัยที่กองทุนให้การสนับสนุน ก็จะย่ิง ไดท้ อดทงิ้ คนกลมุ่ อน่ื ๆ เพราะยงั มกี ลมุ่ ของผสู้ งู วยั และ
พบวา่ งานจำ� นวนมากมกี ารออกแบบเพอ่ื ใหเ้ กดิ สอื่ หรอื กล่มุ ผทู้ ม่ี คี วามหลากหลายทางเพศอยู่ด้วย
ความรู้ ซง่ึ จะถกู พฒั นา ทดสอบ และหยบิ นำ� ไปใชใ้ นมติ ิ ท้ังนี้ เมื่อมีผู้คนก็ย่อมมีพื้นท่ี งานวิจัยกลุ่ม
ต่าง ๆ กับกลมุ่ เป้าหมายท่ีชัดเจน ดงั กลา่ วเมอ่ื ถกู วเิ คราะหพ์ น้ื ทเี่ ปา้ หมายการทำ� งานวจิ ยั
จะพบวา่ กระจายไปยงั ภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของประเทศได้
2. จากงานวิจัยภายใต้การสนับสนุนของกอง สัดส่วนใกลเ้ คียงกนั โดยมที กี่ รุงเทพมหานครมากทส่ี ุด
ทุนฯ ทถ่ี ูกหยิบยกมาน�ำเสนอทั้ง 18 หัวเรอื่ ง จะพบวา่ ตามมาด้วย ภาคเหนือ และภาคอื่น ๆ ซ่ึงถือว่าไม่ได้
ในมิติของ “ประเภทงานวิจัย” ซึ่งหากแบ่งอย่างกว้าง แตกตา่ งกันอยา่ งมนี ัยยะสำ� คญั ลกั ษณะดงั กลา่ วนี้ พอ
ท่สี ดุ กค็ ือ งานวจิ ยั เชิงวชิ าการ และ งานวิจัยเชงิ ปฏิบัติ จะท�ำให้กล่าวได้ว่า ลักษณะที่ครอบคลุมไปทั่วน้ีท�ำให้
การ จะพบว่าเป็นงานวิจัยเชิงปฏิบัติการโดยส่วนใหญ่ การด�ำเนินงานด้านวิจัยของกองทุน ไม่ได้มีเจตนาจะ
และหากพจิ ารณาต่อไปวา่ ในฐานะของงานวิจยั ด้านสื่อ ทอดทงิ้ ใครไว้
ผลงานดังกล่าวมีลักษณะอย่างไร ก็จะพบว่า เป็นงาน
วิจยั เน้นเชิงปฏิบตั กิ ารมากทีส่ ดุ รองลงมาคอื งานทเ่ี น้น
การสร้างนวัตกรรมและงานในเชงิ นโยบาย
108 หลอมสือ่ รวมคน สหู่ นทางสร้างสรรค์
4. หากพิจารณาประโยชน์ของการท�ำวิจัยท่ี ในกรณีของการเลือกใช้แนวคิดและทฤษฎีมา
ตอบสนองในเชิงนโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความ ประกอบการวิจยั ก็จะพบในลกั ษณะเดียวกบั คำ� ส�ำคญั
สอดคล้องต่อยุทธศาสตร์ของกองทุน จะพบว่า ใน นน่ั คอื มลี กั ษณะของการกระจดั กระจายไปตามประเดน็
บรรดายุทธศาสตร์หลัก 5 ข้อน้ัน งานวิจัยได้ตอบ ท่ีผู้วิจัยสนใจศึกษา ขณะเดียวกันก็ยังมีแนวคิดและ
สนองยทุ ธศาสตร์ขอ้ ท่ีวา่ ด้วย “สง่ เสรมิ และพัฒนาองค์ ทฤษฎบี างอยา่ งทอ่ี ยใู่ นจดุ รว่ มเดยี วกนั เชน่ กลมุ่ ทฤษฏี
ความรู้ ในการพัฒนาส่ือ และนิเวศสื่อท่ีปลอดภัยและ การรเู้ ทา่ ทนั สอื่ สารสนเทศและดจิ ทิ ลั แนวคดิ ดา้ นองค์
สรา้ งสรรค”์ มากทส่ี ดุ ตามมาดว้ ย “สง่ เสรมิ และพฒั นา ประกอบการส่ือสาร แนวคิดเรื่องการมีส่วนร่วมของ
ใหเ้ กดิ กลไกและกระบวนการเฝา้ ระวงั และรเู้ ทา่ ทนั สอ่ื ” ประชาชน การวเิ คราะหเ์ ชงิ พฤตกิ รรม ไปจนถงึ แนวคดิ
มากท่สี ุด สำ� หรบั ยุทธศาสตรอ์ ่ืน ๆ น้ันมรี ะดบั การตอบ การวจิ ยั เชิงปฏิบัติการมีสว่ นรว่ ม
โจทย์ลดหลั่นกันลงไป โดยไม่มียุทธศาสตร์ใดไม่ได้รับ
การตอบสนอง 6. ขอ้ สงั เกตอกี ประการสำ� หรบั งานวจิ ยั เหลา่ นี้
นอกจากในแง่ของยุทธศาสตร์ หากพิจารณา คือลักษณะของผู้ท�ำวิจัย ซึ่งโดยจ�ำนวนมากมักจะเป็น
ในส่วนของภารกิจกองทุน จะพบว่างานวิจัยมีลักษณะ ผู้ที่อยู่ในพ้ืนที่ซึ่งท�ำการวิจัย เช่น โครงการท่ีเก่ียวข้อง
เชื่อมร้อยระหว่างยุทธศาสตร์กับภารกิจกองทุน กับเขตจังหวัดชายแดน ผู้ท�ำวิจัยก็จะเป็นผู้ท่ีอาศัย
เพราะภารกิจท่ีได้รับการสนองนั้นจะแตกยอดมาจาก หรือท�ำงานในละแวกนัน้ ในส่วนนีน้ บั ว่าเช่อื มรอ้ ยเขา้ สู่
ยุทธศาสตร์ดังกล่าวอีกที ดังจะเห็นจากลักษณะของ เอกลกั ษณข์ องการทำ� วจิ ยั ทหี่ ลอมรวมเอาประเดน็ ผคู้ น
ค�ำนิยามภารกิจท่ีคล้ายคลึงกับยุทธศาสตร์ เช่น และพ้ืนทีเ่ ขา้ ไว้ด้วยกนั ไมเ่ พยี งการวิจัยสื่อจำ� นวนมาก
“ส่งเสริม สนับสนุน ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการ จะเปน็ การวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั กิ าร แตย่ งั เนน้ เรอื่ งการมสี ว่ นรว่ ม
ผลติ และพฒั นาสอื่ ปลอดภยั และสรา้ งสรรค”์ ไดร้ บั การ จากคนในพน้ื ที่ และยงิ่ ไปกวา่ นน้ั ผทู้ ีเ่ ขา้ มาด�ำเนนิ งาน
สนองตอบมากทส่ี ดุ ตามมาดว้ ยการสนองตอ่ บรบิ ทของ วิจัยก็ยงั เป็นคนท่อี ยใู่ นพื้นท่เี ชน่ กัน
ความเป็นเยาวชนและครอบครัวในภารกิจ “ส่งเสริม การวิจัยโดยคนในพื้นที่ และคืนผลงานวิจัย
ใหป้ ระชาชนโดยเฉพาะเดก็ เยาวชน และครอบครวั มี กลับชุมชนนั้นนับว่าเป็นอุดมคติหนึ่งของการวิจัยอย่าง
ทกั ษะในการร้เู ท่าทนั และเฝา้ ระวงั ส่ือ” มสี ว่ นรว่ มและเกดิ โภคผลอยา่ งแทจ้ รงิ ถา้ หากเทยี บกบั
การส่งคนจากส่วนกลางหรือพ้ืนทอ่ี ืน่ เขา้ มาทำ� กด็ จู ะมี
5. สิ่งท่ีนับว่าเป็นจุดเด่นและความท้าทายใน ความได้เปรียบในการเกบ็ ขอ้ มูลและเข้าใจบรบิ ทต่าง ๆ
ขณะเดยี วกนั ของงานวจิ ยั จากการสนบั สนนุ ของกองทนุ ของพนื้ ถนิ่ มากกวา่ ผเู้ ขยี นบทความเคยมปี ระสบการณ์
พัฒนาส่ือปลอดภยั และสรา้ งสรรค์ คอื เมื่อวิเคราะหล์ ง วจิ ยั โครงการ “หอ้ งแหง่ เสยี งสะทอ้ นออนไลนก์ บั ผอู้ อก
ไปถงึ คำ� สำ� คญั (Keywords) ทพี่ ว่ งมากบั งานวจิ ยั แต่ละ เสียงเลือกต้ังคร้ังแรก” (พิรงรอง รามสูต, พิมลพรรณ
ช้ิน จะพบทั้งความหลากหลายและความเป็นหนงึ่ เดยี ว ไชยนันท์, วิโรจน์ สุทธิสีมา, 2563) ท่ีต้องเก็บข้อมูล
ในส่วนของความหลากหลายสะท้อนผ่านค�ำส�ำคัญท่ี ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพทั่วประเทศไทย และ
มีจ�ำนวนมหาศาล แทบจะไม่กระจุกตัวอยู่ในค�ำใดค�ำ เข้าใจถึงข้อจ�ำกัดของการเป็นคนนอกพ้ืนท่ีเป็นอย่างดี
หน่ึงเป็นพิเศษ โดยกระจายผ่านความหลากหลายของ เพราะสุดท้ายแล้ว แม้ว่าจะมีการออกแบบเครื่องมือ
แนวคิดและกลุ่มเปา้ หมาย ขณะเดียวกนั เม่อื พจิ ารณา กระบวนการ หรอื ทำ� ความเขา้ ใจมมุ มองตา่ ง ๆ ในทอ้ งท่ี
ถงึ คำ� สำ� คญั ทใี่ กลเ้ คยี งกนั (ซง่ึ มอี ยจู่ ำ� นวนหนงึ่ ) กจ็ ะพบ นน้ั ๆ เปน็ อยา่ งดี แตส่ ดุ ทา้ ยเมอื่ การวจิ ยั ตอ้ งสมั พนั ธก์ ับ
แนวทางท่ีสอดคล้องกบั ยุทธศาสตรแ์ ละภารกิจกองทนุ คน จงึ ตอ้ งใชค้ วามเปน็ คนในทอ้ งทนี่ น้ั ๆ เขา้ มาชว่ ยเหลอื
เช่น การร้เู ท่าทันส่ือ เดก็ และเยาวชน สอ่ื ปลอดภัยและ ไมว่ า่ จะเปน็ การโนม้ นา้ วชกั จงู ขอความรว่ มมอื หรือการ
สรา้ งสรรค์ นวัตกรรมสือ่ และการวิจัยเชงิ ปฏบิ ัตกิ าร สอื่ สารบางอยา่ ง ทคี่ นทอ้ งทเ่ี ทา่ นนั้ จะเขา้ ใจอยา่ งลกึ ซง้ึ
สงั เคราะห์องค์ความรู้จากงานวิจัย ภายใต้การสนบั สนนุ ของกองทุนพฒั นาสอื่ ปลอดภยั และสร้างสรรค์ 109
หรือกระทั่งงานวิจัยที่มุ่งเน้นด้านเอกสารเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม การเดินตามรอยการวิจัยเชิงใช้
อย่าง “สถานภาพความรู้การวิจัยด้านการรู้เท่าทันส่ือ ประโยชนน์ นั้ ตอ้ งไมห่ ลงลมื ขอ้ ถกเถยี งวา่ ดว้ ยประโยชน์
ในไทยระหว่างปีพ.ศ.2540-2560” (วิโรจน์ สุทธิสีมา, นยิ มดงั ทอ่ี ภปิ รายในชว่ งตน้ วา่ ผทู้ ำ� วจิ ยั ไมอ่ าจจะละเลย
พมิ ลพรรณ ไชยนนั ท,์ ศศธิ ร ยวุ โกศล) แมจ้ ะไมม่ พี นั ธกจิ กระบวนการท�ำงาน หรือต้องไม่มองข้ามการงอกเงย
ต้องลงไปเก็บข้อมูลจากคนในพ้ืนท่ีต่างๆ แต่เมื่อ งานวิจัยจากความกระหายใคร่รู้ของมนุษย์ เพราะน่ัน
เกิดความต้องการข้อมูลซ่ึงถูกเก็บเอาไว้เฉพาะท้องถิ่น คอื แหลง่ บม่ เพาะความคดิ สรา้ งสรรค์ จรงิ อยวู่ า่ นกั วจิ ยั
นั้น ๆ กจ็ ำ� เปน็ ต้องให้คนในท้องทเี่ ข้ามาช่วยเหลอื ดว้ ย ยุคใหม่อาจจะอยู่ในโลกท่ีนวัตกรรมถูกตั้งขึ้นมาเพ่ือ
การสบื คน้ และดาวนโ์ หลด หรอื การถา่ ยสำ� เนาเปน็ กระดาษ รับใช้มนุษย์จนคุ้นชินกับมิติด้านประโยชน์เชิงใช้สอย
ออกมาอย่ดู ี แต่นั่นก็ไม่อาจมองข้ามว่า ก่อนการมาถึงคุณสมบัติ
ในภาพรวมของความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะ การใช้ประโยชน์ตามหมวดหมู่และหน้าท่ี ซ่ึงถูกเรียก
ทอ้ งที่เปา้ หมายการทำ� วจิ ัยกบั ผู้ที่ดำ� เนนิ งานวิจยั กรณี อย่างแข็งเกร็งว่า “คุณสมบัติการใช้งาน”ของสรรพสิ่ง
ของงานท่ีได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาส่ือ นั้น หลายส่ิงที่เป็นโภคผลในปัจจุบันล้วนเกิดจาก
ปลอดภัยและสร้างสรรค์ โน้มเอียงไปในทางของการ ความกระหายใคร่รู้อันไม่มีข้อจ�ำกัด ซึ่งคอยเสริมสร้าง
ให้คนท้องที่เสนอความต้องการ และด�ำเนินงานภายใน จินตนาการอันกว้างไกลซึ่งเป็นคุณสมบัติของมนุษย์มา
ท้องที่ ซึ่งนับว่าเป็นนิมิตหมายท่ีดีของการไม่ทอดท้ิง แต่ครง้ั บรรพกาล
ชมุ ชนทอ้ งถน่ิ เอาไวข้ า้ งหลงั แตใ่ นขณะเดยี วกนั สงิ่ หนงึ่
ที่ต้องไม่ลมื คอื ลักษณะตรงกนั ข้าม นน่ั คอื การท�ำวจิ ยั
โดยคนในท้องถิ่นอาจจะกลายเป็น “ปลาท่ีไม่เห็นน�้ำ”
เนอ่ื งจากความค้นุ เคยทม่ี ากจนเกนิ ไป กระท่ังมองข้าม
บางส่ิงบางอย่างที่อาจจะมีความส�ำคัญ และในแง่ของ
โภคผลจากวิเคราะห์น้ี ก็ยังช้ีให้เห็นว่า คงเป็นเร่ืองดี
มากหากให้คนภายนอกเข้ามาให้ข้อสังเกตท่ีเป็นการ
ขยับขยายและปรบั เปล่ยี นมุมมองเสียบ้าง
ท้ายที่สุด เม่ือวิเคราะห์งานวิจัยจากการ
สนบั สนนุ ของกองทนุ พฒั นาสอ่ื ปลอดภยั และสรา้ งสรรค์
และน�ำมาสังเคราะห์หาองค์รวมในภาพใหญ่ ก็จะน�ำ
กลบั มาสขู่ อ้ สรปุ ทเี่ ปน็ ขอ้ สงั เกตตอนตน้ ของบทความนว้ี า่
งานวิจัยเหล่าน้ีเดินตามรูปรอยของประเพณีการคิดที่
มุ่งเน้นเป้าหมายชัดเจน มีการตั้งธงถึงประโยชน์ท่ีจะ
เกิดข้ึน และเน้นการปฏิบัติร่วมกับท้องถ่ินและผู้เป็น
กลุ่มเป้าหมายโดยส่วนใหญ่ ส่ิงเหล่าน้ีย่อมไม่เกิดผลดี
ถ้าไม่ได้ส่งคืนกลับไปให้เกิดการใช้ประโยชน์ และจะ
ดีกว่าถ้าแพร่ออกไปให้กว้างขวาง ท�ำนองว่าเผื่อเหลือ
เผ่อื ขาดใหเ้ กิดกรณีศึกษาแกท่ ้องท่ีอืน่ ๆ ดว้ ย
110 หลอมส่ือ รวมคน สูห่ นทางสรา้ งสรรค์
เอกสารประกอบการเขียน
Bentham, Jeremy. (1907). An Introduction to the Principles of Morals and Legislation. Oxford:
Clarendon Press.
Khan, Zahid Hussain. (2016). A quest for utilitarian approach in research. Indian Journal of
Anaesthesia, 2016, Volume: 60 Page: 6-7.
Mill, John Stuart. (1907). Utilitarianism.
กองทุนพัฒนาส่ือปลอดภัยและสร้างสรรค์. (2560). แผนยุทธศาสตร์กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
พ.ศ.2561-2565.
ชนัญสรา อรนพ ณ อยุธยา. (2560). การศึกษาวิจัยด้านการส่งเสริมทักษะการรู้เท่าทันส่ือโครงการจัดท�ำแผน
ยุทธศาสตร์ 5 ปี (พ.ศ.2561-2565). กองทนุ พัฒนาส่อื ปลอดภยั และสรา้ งสรรค,์ กรุงเทพฯ.
พระราชบญั ญตั ิกองทนุ พัฒนาสื่อปลอดภยั และสร้างสรรค์. (2558).
พริ งรอง รามสูต, พมิ ลพรรณ ไชยนนั ท์ และวโิ รจน์ สุทธสิ ีมา. (2563). ห้องแห่งเสยี งสะท้อนออนไลน์กับผอู้ อกเสยี ง
เลอื กตงั้ คร้งั แรก. ส�ำนักงานการวิจยั แห่งชาต,ิ กรงุ เทพฯ.
ระววี รรณ ทรัพยอ์ ินทร. (2560). การศกึ ษาวิจยั ดา้ นการส่งเสริมการพฒั นา ส่ือปลอดภัยและสรา้ งสรรค์เพอื่ เดก็
เยาวชนครอบครวั และชุมชนโครงการจดั ท�ำแผนยทุ ธศาสตร์ 5 ปพี . ศ. 2561-2565. กองทุนพฒั นาส่อื
ปลอดภัยและสรา้ งสรรค์, กรุงเทพฯ.
วิโรจน์ สุทธสิ ีมา, พิมลพรรณ ไชยนนั ท์ และศศธิ ร ยวุ โกศล. (2562). สถานภาพความรกู้ ารวิจัยดา้ นการร้เู ท่าทนั สือ่
ในไทยระหวา่ งปพี .ศ.2540-2560. กองทนุ พัฒนาส่ือปลอดภยั และสร้างสรรค์, กรงุ เทพฯ.
สกลุ ศรี ศรสี ารคาม (2560). การพฒั นานวตั กรรมสอ่ื สรา้ งสรรค:์ การศกึ ษาวจิ ยั ผลติ และสรา้ งนวตั กรรมสอื่ ปลอดภยั
และสรา้ งสรรค์ โครงการจดั ทำ� แผนยทุ ธศาสตร์ 5 ปี (พ.ศ 2561- 2565). กองทนุ พฒั นาสอ่ื ปลอดภยั และ
สรา้ งสรรค,์ กรุงเทพฯ.
สังเคราะห์องคค์ วามรู้จากงานวจิ ัย ภายใตก้ ารสนับสนนุ ของกองทนุ พฒั นาสอ่ื ปลอดภัยและสร้างสรรค์ 111
เก่ยี วกบั ผเู้ ขยี น
ผศ.ดร.ชนญั สรา อรนพ ณ อยุธยา
E-mail: [email protected]
นศ.ด. (นเิ ทศศาสตร)์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
ปัจจุบนั เปน็ อาจารยป์ ระจ�ำคณะนเิ ทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ
สถาบนั บัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า)
ผศ.ดร.พมิ ลพรรณ ไชยนนั ท์
E-mail: [email protected]
นศ.ด. (นิเทศศาสตร์) จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย
ปจั จุบันเปน็ ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ประจ�ำคณะการส่อื สารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ดร.วโิ รจน์ สทุ ธิสมี า
E-mail: [email protected]
นศ.ด. (นิเทศศาสตร)์ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลยั
ปัจจุบนั เป็นอาจารยป์ ระจำ� คณะนิเทศศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั กรงุ เทพ
ผศ.ดร.ศศธิ ร ยวุ โกศล
E-mail: [email protected]
นศ.ด. (นเิ ทศศาสตร์) จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
ปจั จุบนั เปน็ ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ประจำ� วทิ ยาลยั นวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ
112 หลอมส่ือ รวมคน ส่หู นทางสร้างสรรค์
สังเคราะหอ์ งคค์ วามร้จู ากงานวิจยั ภายใตก้ ารสนับสนุนของกองทนุ พฒั นาส่ือปลอดภัยและสร้างสรรค์ 113