The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วารสารสัตวบาล ปีที่ 33 ฉบับที่ 140 ประจำเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2566

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Asian News Channel1, 2023-12-27 08:19:21

วารสารสัตวบาล ปีที่ 33 ฉบับที่ 140 ประจำเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2566

วารสารสัตวบาล ปีที่ 33 ฉบับที่ 140 ประจำเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2566

1


2


3


4


5


วารสารสตวบาลั ปี ท 33 ่ีฉบบทั 140 ่ี ประจาเดํอนื ตุลาคม – ธนวาคมั พ.ศ.2566 ในรอบปี ทผ่ีานมาเกษตรกรผ่เลู้ยงส้ีตวัและผ์ ประกอบกู้จการทิ ต ่ี่อเน่ืองเกยวพ่ีนกั บั การเลยงส้ีตวัเก์อบทื กประเภทุสะบกสะบอมกันถัวนหน้ ้า จากทคาดว่ี าอาจจะเป ่ ็ น ปี “กระต่ายทอง” หรอื “กระต่ายราเร่ ง ิ” ผลสรปออกมาวุาเป่ ็นปี “กระตายถกเชูอดื ” เน้ือหมเถู่อนืเน้ือววั -ควายเถ่อนื โค-แพะมชี ว ีตลิกลอบนั ําเขาจากประเทศเพ ้่อนื บาน้ การใชสารเร้งเน่้ือแดง ยงปรากฏให ัเห้นตลอดท็ งปั้ีราคาปศสุตวั ท์กชนุิดตกต่ า ํ มากอยางไม ่ เคยปรากฏมาก ่ ่อนในรอบ 20 ปีเกดจากการเหินแก็ ่ไดของกลุ้มบุ่คคล เพยงไม ี ก ่คนท่ี ท ่ีาลายเศรษฐกํจของเกษตรกรระดิบรากหญั า้จนถงทึกวุนนั้ีกย็งไม ั ่ สามารถหาตวผักระทู้าผํ ดได ิ ้ สงทิ่หน่ี ้าเป็นหวงมากท่ ส ่ีดคุ อ ื “ความมนคงทางอาหารั่ (Food security)” ของประเทศไทย ทงนั้ ้เพราะตี างประเทศเขาสามารถท ่ มตลาดโดยุ่มพีอค่าท้เห่ีนแก็ต่วรัวมม่อืนําเขาสนคิ าเกษตรในราคาถ ้กมาขายูจนทาใหํเกษตรกร้ ขาดทนไมุสามารถจะอย่ รอดได ู่้ ตองเล้กอาชิพการเลียงส้ีตวั ์ ทาให ํความม้นคงทางั่ อาหารของประเทศหมดไป ในอนาคตเขาจะขนราคาเท้ึ าไร ่ ก ่ ได็ ้เรากต็องตกเป ้ ็นเบย้ี ลางเขาตลอดไป ่ ผบรู้ โภคในช ิวงท่ ผ ่ีานมาด่อกดี ใจท ี ได่ีบร้ โภคเน ิ้ือหม-ูเน้ือววัและ น้ํานม ในราคาถกูจากการลกลอบนั ําเขามาในประเทศ ้ รฐกั ไม็สามารถเก่บภาษ็ ไดี ้ อะไรจะเกดขินก้ึ บประเทศไทย ัและคาดว่าในอนาคตเมอไม ่ื ม ่เกษตรกรผีเลู้ยงหม้ีู โคเน้ื อ โคนม หรออาจจะมืเหลีออยื บ ู่างในปร ้มาณนิ ้อย ซงไม ่ึสามารถผล่ ตให ิเพ้ยงี พอต่อการบรโภคในประเทศ ิ กจะเก็ดการขาดแคลนและมิการผีกขาดูความมนคงั่ ทางอาหารของประเทศหมดไป เมอถ่ืงเวลานึนผั้บรู้ โภคท ิกคนจะตุองน้งนั่ ้ําตาตกในตางประเทศท ่ผล่ี ตได ิก้จะข็ นราคาตามใจชอบ ้ึ เขาสามารถเป็นผกู้าหนดราคาเพราะํรวู้าเราไม ่สามารถผล่ ตได ิ ้อาหารจะมราคาแพงขีนอย้ึางมาก่อกสีงหนิ่ ่งทึตามมาค่ีอื “ความปลอดภยทางอาหารั (food safety)” กจะไม ็ม่ ีเพราะต่างชาตเขาสามารถเอาิ อาหารทเขาไม ่ีบร่ โภคหร ิออาหารทื ไม่ี ปลอดภ ่ยสั งมาขายให ่เราด้วยราคาแพง้จาก หลาย ๆ รฐบาลทั ผ ่ีานมา่เคยคาดหวงและวางเป ั ้าหมายไวว้ า ่ “ไทยจะเป็นครวโลก ั ” คงจะตองหมดไป ้เพราะกลุ่มบุคคลเพยงไม ี ก ่คนท่ี ก ่ีาลํงบั ่อนทาลายเกษตรกรและํ ประเทศชาติเพยงเพี อให ่ื ต้วเองรั่ารวยบนความทํุกขยากของเกษตรกร์ ...เอวงั!!... กม็ ด ีวยประการฉะน ้้ี!!!...โอเมนตะ!!!สดทุายขอให ้พ้น่ี้องชาวสตวบาลั ...จงรวมพลงดัวยความเข้มแข้ ง ็อดทน เป็นท่ี พงท่ึ ด ่ี ต ี่อพอแม่ พ ่ น ่ี้องเกษตรกร...ตามอุดมการณ์ของ “วชาชิพสีตวบาลั ” ของพวก เรา...ครบั...!!! สวัสดีครับ ผศ.ไพบูลย์ ใจเด็ ด [email protected] โทร. 081-8743313 6


6 บรรณาธิการแถลง 8-9 รางวัลชีวิต ชวนคิด...ชวนขัน รสอันดูดดื่ม 10-13 การประกวดและตัดสินสัตว VS การปรับปรุงพันธุสัตว (Animal Judging VS Animal Breeding) 14-25 การตอบสนองของหนอนแมลงวันลายตออาหารที่มี สัดสวนของคารบอนและไนโตรเจนที่แตกตางกัน เพื่อเปน ฐานขอมูลผลิตแหลงโปรตีนทางเลือกสําหรับสัตว 26-35 ผลของการใชใบไมยราบย กษั  ใบกระถนิ และใบมนสั าปะหล ํงั ในอาหารไกกระทงตอสมรรถภาพการผลิตและคุณภาพ ซากของไกกระทง 36-40 ผลการใชขุยมะพราวเปนวัสดุรองพื้นตอการเกิดอุงเทา อักเสบ และสมรรถภาพการผลิตในไกเนื้อ 41-42 ขาวกิจกรรมสมาคมสัตวบาลแหงประเทศไทย 43-48 ประชาสัมพันธ 49-51 แซบ-นัว…ครัวสัตวบาล ตอน ตํานานปา 52 สมัครสมาชิก 53 ขอบพระคุณผูอุปการะ อัตราคาประชาสัมพันธ "วารสารสัตวบาล" รูปแบบe-magazine e-magazine ปกหนากรอบลาง 3,500 บาท/ครั้ง ปกหนาดานใน 2,500 บาท/ครั้ง ปกหลังดานใน 2,000 บาท/ครั้ง ปกหลังดานนอก 2,000 บาท/ครั้ง ในเลม เต็มหนา 1,500 บาท/ครั้ง สารบ ั ญ ปที่ 33 ฉบับที่ 140 ประจําเดือน ตุลาคม – ธันวาคม พ.ศ. 2566 Contents 7


รางว ั ลช ี ว ิ ต ชวนค ิ ด...ชวนข ั น รสอ ั นดดด ู ่ ื ม ไปแอ่วเมองเหนื ือ ไดก้นนิ้ําพรกอิ ่อง น้ําพรกหนิุ่ม ตองบอกว้า่ “จาดล้าํ”ไปอสานกีนสิมต้ าปํกูบขัาวเหน้ยวี ไก่ยาง่ตองร้องว้า่ “แซ่บหลาย” ลงใตได้ก้นแกงเหลิองื ปลาขต้ีงัตองบอกว้า่ “หรอยจงหั ” ูคนอยู่กทม. ตอง้ บอกวา่ “อร่อยจริงโว้ย” ตองเต้มคิาวํา่ “โว้ย” จะไดถ้งึ ใจจรงๆิ คนไฮโซอาจบอกวาไม ่ส่ภาพุแต่เราชาวลกทูงุ่ เป็นคนจรงใจิพดตรงไปตรงมาูหมากบอกว็าหมา่แมว กบอกว็าแมว่ ไมม่การแบีงช่นวรรณะั้ พระเจาสร้างมนุ้ษยให์ เป้ ็นสงมหิ่ศจรรยัท์ส่ีดในโลกุ คอมื ประสาทเป ี ็นเครองร่ืบรั ปู้ัจจยภายนอกได ัหลายทาง้ ประกอบดวยตา้หูจมกูลน้ิกาย ใจ อนเป ั ็นเครองร่ืบรัู้ ความรสู้กทึพ่ีฒนาอยัางส่ดยอดนุ่าอศจรรยั ์สามารถรบั รู้รปูเสยงีกลนิ่รส สมผัสัและความคดิ ไดตามล้าดํบั เรยกวี ่ามนุษยม์ ประสาทท ีงหกทั้สมบ่ีูรณ์แบบทุกอย่าง เหนอกวืาส่ตวั ประเภทอ ์นเม่ือพ่ื จารณาโดยภาพรวมโดย ิ เฉพาะ “ใจ” ทสามารถพ่ี ฒนาให ัก้าวหน้ ้า มพลีงจัติและ ยกระดบทางจัตวิ ญญาณได ิ ้จนมนุษยกลายเป ์ ็นสตวั ์ ประเสริฐ (สวนมาก่ ) รสเป็นความรสู้กทึร่ีบได ัด้วยล้น้ิรสนนมั้สารพีดรสั ดงจะพบได ัจากของก้นชนิ ิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หวานคาว ผกั ผลไม้ขนม และของขบเคยวต้ีางๆ่เครอง่ื ด่มสารพืดชนั ิด ฯลฯ อย่างไรกด็ ีรสขนพั้นฐานท้ื วไป ั่ ทเป่ี ็นธรรมดาสามญอาจนั ับไดว้่าม 4 ีรสเบสกิ ไดแก้ ่ หวาน เปรยว้ีเคม็ขม รสอรอย่นบเป ั ็นรสแบบบรณาู การผสมผสานของรสต่างๆ ใหเก้ดิรสชาติทกลมกล่ีอม่ จนตองร้องว้า่ “แซ่บหลาย จ้าดลาํหรอยจงหั ”ูหรอื อรอยจร่งๆิ !! จรัญ จันทลักขณา คนรบรสดัวยล้้นเพราะลิ้นมิเครี่องรืบรสทัเร่ียกวี ่า Taste buds หรอืต่อมรส อนเป ั ็นกลุมเซลล่ร์ปรูางเป ่ ็น แทงกระจ่กกุนเป ั ็นรปตูอม่ ฝังตวอยั ใตู่ผ้วเยิอของล่ืน้ิและ สวนโคนล ่น้ิสวนปลายล ่ นจะไวต ้ิ ่อการรบัรสหวาน เชน่ น้ําเชอม่ืสวนโคนล ่ นจะไวต ้ิอการร่บัรสขม เชน่น้ําบอระ เพด็ขอบลนจะไวต ้ิ ่อการรบัรสเปรียว้เชน่น้ําสม้สวน่ ดานบน้ลาง่ของลนจะไวต ้ิอ่รสเคม ็ เชน่น้ําเกลอือาหาร ทอร่ี อยเป ่ ็นสวนผสมของรสต่ ่างๆ เมออาหารเข่ื าไปอย ้ ู่ ในปากและสมผัสกับตั ่อมรสต่างๆ นานา เชน่พรกเผิด็ กระเทยมีหอม โหระพา กะเพรา ตะไคร้ขมน้ิฯลฯเมอ่ื นํามาผสมกนในส ัดสัวนท่พอเหมาะพอด่ี ีปรงดุวยความ้ รอน้ดวยเวลาพอเหมาะ้ ประกอบกบศั ลปะการผสมคล ิกุ เคลา้ทาให ํ ได้ อาหารไทยอ ้ นโอชะ ักนแลิวล้ มไม ืลง่ ฝรงั่ จงรึจู้กอาหารไทย ัเชน่ตมย้ากํุง้ตมย้ าไก ํ ่ตมข้ าไก ่ ่ เป็น อยางด่ ีเพราะกนแลิว้ติดใจ นนเองั่ (รสไปตดอยิทู่ใจได ่ี ้ จรงๆิ ) การรบรั รสของคนเปู้ ็นกระบวนการอนพัสดารของิ ปาก (ต่อมรส) และประสาทสมอง ซงพระเจ่ึาสร้างมา้ อยางว่จิตรพิสดาริทาให ํมนุ้ษยม์สีขุทกขุ์แตกต่างกนั ไปดวยอานุ้ภาพแหงรส่คนสามารถลงทนซุอไวน ้ื ์ขวด ละเป็นแสนบาทมาดมก่ืนิเพราะตดใจในรสชาต ิ ของไวน ิ ์ คนทต่ีดใจในรสชาต ิของของกินราคาแพงๆิกน็บวัาเก่ดิ กเลสติณหาั เพราะใครก่นของแพงิกต็องท้างานหาเงํนิ ใหได้มาก้บางครงกั้ต็องใช ้ทร้ พยากรเป ั ็นอนมากัเพอให ่ื ้ ไดมาซ้ งไวน ่ึ ์ราคาแพงเพยงขวดเดียวี โดยททร่ีพยากรั ดงกลัาวน่ นอาจใช ั้เล้ ยงคนยากจนได ้ี เป้ ็นรอยเป ้ ็นพนคนั การตดใจรสชาต ิ ไวน ิ ์ดงกลั ่าวจงนึบวัาก่ ่อใหเก้ดทิงทัุ้กข์ และสขแกุ่คนได้ 8


รางว ั ลช ี ว ิ ต ชวนค ิ ด...ชวนข ั น รสชาต (Flavor) ิ ประกอบดวยท้งกลั้นิ่ (Smell) ซงร่ึบั รทางจมู้กูและรส (Taste) ซงร่ึบรัทางลู้น้ิทงกลั้นและรสิ่ ตางก่ม็ความหลากหลายอยีางพ่สดาริและสวนประกอบ ่ ของกลนและรสกิ่ย็งหลากหลายพิ่สดารยิงขิ่ นไปอ ้ึกีทาน่ ทเป่ี ็นคอไวน์หรอแมืแต้ผ่ สนใจอู้านเก่ยวก่ีบเรั องไวน ่ื ์จงึ เหนได ็ว้า่ความรเรู้ องไวน ่ื ์ทจ่ีาแนกโดยกล ํนิ่รสรวมทงสั้ี ความเขาข้น้ (Body) ของเน้ือไวน์มความลีกลึ ้าพํสดาริ ทางวทยาการเป ิ ็นอนมากัจนต้องมการศีกษาคึนคว้า้ กนอยั างไม ่ม่ทีส่ีนส้ิดุและอุตสาหกรรมไวน์กกลายเป ็ ็น ภาคการผลตทิส่ีาคํญทางเศรษฐกั จของโลกอย ิ ่างหน่ึง กเพราะมน็ุษยม์รสนี ิยม อนวั ไลในเร ิองการด่ื มไวน ่ื ์น้เองี (หมายเหตุ : คาวํา่วิไล หมายถงึงามวไลิแต่คาวํา่วิลยั แปลวา่ความยอยย่บั เป็นคานามํดงนันอาจพั้ดวูา่ “คนท่ี หลงตดรสนิยมวิ ไลของไวน ิ ์ราคาแพงอาจทาใหํทร้พยัส์นิ เงนทองถิงแกึ ่ภาวะวลิยได ั ”)้ พระเจาหร้อธรรมชาตื ประทานประสาทท ิ งหกมาให ั้้ มนุษยสามารถร์บรัสู้งติ่่างๆ รอบตวดัวยการร้บรัู้รปูรส กลนิ่เสยงีสมผัสัและความคดิเชน่ผชายกู้บผัหญู้งจะิ เป็นครู่กกันัจะเหนได ็ช้ดวัา่คนสองคนรบรัและยอมรู้บั ว่า รปูรส กลนิ่เสยงีสมผัสัและความคดิทได่ีร้่วม ปฏสิมพันธั ์กนแลัวน้ ัน้ ไดประสานสอดคล ้องจนก้ ่อให้ เกดความปฏ ิพิทธัผ์กพูนรั กใคร ัจนตกลงแต่ งงานเป ่ ็นผวั เมยกีนัการทมน่ีุษยม์ ประสาทร ีบรัอู้นดัเลีศนิ้แหละีทาใหํ ้ มนุษยเป์ ็นสตวัท์ม่ีทีกขุม์สีขไดุมาก้หากมนุษยปล์อยต่วั ปลอยใจให ่หลงต้ดอยิกู่บการแสวงหาความสัขุ คนท่ชอบดี่มไวน ื ์ทงหลายหากนั้ ึกย้อนกลบไปถ ังึ เวลาทเร่ีมหิ่ดดั มใหม ่ืๆ่ลกษณะของไวน ั ์ทเราเห่ีนค็อืมี สแดงีสขาวีหรออาจมืสีชมพีแกมนู้ําตาล (โรเซ่หรอื Rose) การด่มไวน ื ์เรมทิ่การด่ี โดยเฉพาะไวนู์แดง โดน ดสูีดเนู้อไวน ื ์ (Body) ดขาไวนู์ขางแก้ว้หรอบางคนเรืยกี น้ําตาไวน์ (จะไมขออธ่บายิณทน่ี้ีเพราะไมอยากกระต่นุ้ ต่อมกิเลส พวกคอไวน์) ถดจากดักูเป็ ็นการดมกลนไวน ิ่ ์ จากดมกเป็ ็นการดดไวนู์ (ใหอย้แตู่ในปาก ่แตไม่ด่ม่ื) เพอ่ื รบรัรสู้สดทุายจ้งจะดึม่ื ในขณะนนกระบวนการนั้ ้จะตรงี กบคัาพระทํว่ีา่เรารบรั ปู (1) ของไวน์เขาส้ความรู่สู้กึเมอ่ื เราด่มไวน ื ์เรารบรัรสชาตู้ ของไวน ิ ์เรยกวี ่า วิญญาณ (2) แลวเก้ดความริสู้กวึา่ชอบดมหร่ื อไม ืชอบ่เรยกวีา่ เวทนา(3) ถาชอบก้จดจ็ าไว ํว้าไวน ่ ์อะไรทชอบ่ีเรยกวีา่ สญญาั (4) แลวเราจะต้ ดใจไวน ิ ์นนั้ อยากไดอ้กีอยากดม่ื อกีเกดความอยากได ิ ้เรยกวีา่สงขารั (5) คอการปร ืงุ แตงของอารมณ่ ์อนเป ั ็นทมาแห่ีงท่กขุ์หากเรายดมึนตั่ดิ มนจนเกั่ นไป ิทงั้ 5 ขอน้้ีภาษาพระทานเร่ยกวีา่ขนธัห์ ้า จงจึ าเปํ ็นตองใช ้ธรรมะบร้หารกิเลสิควบคมตุ่อมกเลสมิ ิ ใหฟ้ ุ้งซ่านจนเกนไป ิเชนโดยการน ่ ําปรชญาเศรษฐกั ิจ พอเพียงมาเป็นหลกในการด ัาเนํ ินชวีติ เป็นต้น โดย รูจ้ กความพอประมาณ ัความเหมาะสมพอดีและการ ระมดระวั งไม ั ประมาทในการด ่ารงชํพี พดเรู่องรสืแต่เกยวโยงไปไกลจนถ ่ีงเรึ ่องไวน ื ์และ ธรรมะ ตลอดจนธรรมะและปรชญาการดั่มไวน ื ์เพราะ เรองต่ืางๆ่เกยวโยงก ่ี นไปหมด ัแบบคนละเรองเด่ืยวกีนั เพราะสาวไปสาวมากลากมาถ็ งคนจนได ึ ้ไมว่าเร่ องอะไร ่ื การท่บี ้านเมองและโลกท ื งโลกม ั้ปีัญหาวุ่นวายทุกหน ทุกแห่งอย่อยู่างทุกวนนั้ีกม็เหตีุเพราะเร่องคนนื้ีอย่าง เดยวีคนมกีเลสมากเพราะลิมตืวมั วเมาไปก ับวัตถัุนิยม ตกเป็นทาสของอารมณ์ทเก่ีดจากิรูป รส กลนิ่เสยงี สมผัสัและความคดิหากมนุษยไม์ม่ ีตา หูจมกูลน้ิกาย (ผสสะั ) ใจ ปัญหาของโลกกจะม็นี้อยมาก มนุษยก์จะ็ กนเพิยงเพีออย่ื ู่ไมใช่อย่เพู่อก่ืนิและกนแหลกิ (บรโภค ิ อุปโภค) อยางท่กวุนนั้ี หากมนุษย์ไม่สามารถมอารมณี ์สุนทรกีบัรูป รส กลนิ่เสยงีสมผัสัและความคดิมนุษยอาจส์ญพูนธัแลุ์ว้ กได็ ? ้ แลวโลกน ้้ีจะเป็นอยางไรถ ่ าไม ้ม่มนีุษย ?์ แลวจะถามไปท ้ าไม ํ .... บาหร้ อเปล ืา่ ! ! ? 9


ช่วงน้ี...หลายคน ถามมาว่า “การประกวดและ ตดสันสิตวั (Animal Judging)” ์และ “การปรบปร ังพุนธัุ์ สตวั (Animal Genetic Improvement ์หรอื Animal Breeding)” นัน้เหมอนหรือแตกตื ่างกนอยั ่างไร และ มบทบาทรีวมก่นอยั างไร ่ ในอุตสาหกรรมการผลตสิตวั ์ เศรษฐกจิ ในฐานะ “สตวบาลั ” ขออธบายอิกครีงั้ดงนั้ี “การประกวดและตดสันสิตวั ” ์และ “การปรบปร ัุง พนธัสุ์ตวั ” ์มความคลีายคล้งกึนหลายดัาน้ 1. การเน้นที่ลักษณะ (Traits) และ คุณลักษณะ (Characteristics) ที่สําคัญ การประกวดและตดสันสิตวั ์และ การปรบปร ังุ พนธัุ์มการมีงเนุ่ ้นทการประเม่ีนลิกษณะและคัณลุกษณะั เฉพาะของสตวั ์ซ่งอาจรวมถึงึรูปร่าง ความถูกต้อง เหมาะสมของโครงสราง้กลามเน้้อืและ คณลุกษณะทางั กายภาพอนๆ่ื การปรับปรุงพันธุ์สัตว์มีจุดมุ่งหมาย เพ่ือ ปรบปร ังและเพุมประส ิ่ทธิภาพลิกษณะเหลัาน่้ีใหเหมาะ้ สมในรนตุ่ ่อไปผานการค่ดเลัอกและจืบคัผสมพู่นธัุ์ การประกวดและตั ดสนสิตว ั ์ VS การปรบปร ั ุ งพนธ ั ุ ส ์ ตว ั ์ (Animal Judging VS Animal Breeding) รศ.ดร.ศกร คุณวุฒิฤทธิรณ 2. ความสําคญของการคัดเลัอกื (Selection) ในการประกวดและตัดสินสตวั ์สตวั ์แต่ละ ตวั (Individuals) จะไดร้บการประเม ันิและเลอกผืชนะู้ (Winners) โดยพจารณาจากการปฏ ิบิตัตามมาตรฐานิ ของพนธัหรุ์อสายพืนธัุ์และลกษณะทัพ่ี งประสงค ึ ์ การปรบปร ัุงพนธัุ์เกยวข่ีองก้บการเลัอกสืตวั ์ แต่ละตวัทม่ีความสามารถทางพีนธัุกรรมเหนือกวาต่วั อนๆ่ื เป็นพอพ่นธัหรุ์อแมืพ่นธั (Parents ุ์หรอื Breeding stock) เพ่อกระจายลืกษณะทางพันธัุกรรมท่ดีหรีอทื่ี ตองการในประชากร ้ 3. การยกระดับมาตรฐานพันธุ์หรือ สายพันธุ์ (Breed Standard) เกณฑการประเม ์ นในการประกวดและต ิดสันิ สตวัม์กจะสอดคลัองก้บั (Align with) มาตรฐานของพนธัุ์ หรอสายพืนธัทุ์ก่ีาหนดไว ํ (Established breed standard) ้ โดยเน้นถงึความสาคํญของการรักษาั (Maintaining) และสงเสร่มิ (Promoting) มาตรฐานเหลาน่้ีไว้ การคดเลัอกพืนธัุในการปร ์ บปร ัุงพนธัุส์ตวั ์มี วตถัุประสงคเพ์ ่อให ืบรรลุ้ (Achieving) และเหนือกว่า (Surpassing) มาตรฐานพนธัุ์หรอสายพืนธัุ์โดยการ ปรบปร ัุงลกษณะทัต่ีองการ้ (Desired traits) อยางต่ ่อ เน่ือง 10


4. อิทธิพลต่อการตัดสินใจในการปรับปรุง พันธุ์ (Breeding Decisions) การตดสั นใจของผ ิูต้ดสันิ (Judges) ในการ แข่งขนการประกวดและต ัดสันสิตวั ์อาจมอีิทธิพลต่อ การตดสั นใจในการปร ิ บปร ัุงพนธัุ์เน่ืองจากสตวัท์ชนะ่ี (Winners) มกถักพูจารณาใช ิ ประโยชน ้ ์ในการผสมพนธัุ์ เพอร่ืกษาลักษณะทัต่ีองการไว ้ ้ การตดสั นใจค ิดเลัอกพืนธั ในการปรุ์ บปร ังพุนธัุ์ สตวัจะข์นอย้ึกู่บผลการประเม ันความมิคีณคุาหร่อความื สามารถทางพนธัุกรรมของสตวั (Genetic merit ์หรอื Breeding value) โดยพจารณาถิงศึ กยภาพในการม ัสีวน่ สนบสนัุนเชงบวกติ ่อสตวัทดแทน์ (Replacements) รนุ่ ต่อไป อย่างไรกตาม ็ ทงการประกวดและต ั้ดสั ินสตวั ์ และ การปรบปร ังพุนธั ์ุสตวั ์กม ็ีความแตกต่างใน ประเดนเหล ็ ่านี้เช่นกนั 1. วัตถุประสงค์ของกิจกรรม วตถัุประสงคหล์ กของการประกวดและต ัดสันิ สตวั ์คือ เพ่ือจัดอันดับ (Rank) และคัดเลือกสตวั ์ โดยพิจารณาจาก รูปลกษณั ์ท่ีดึงดูดสายตาในทนทั ี (Immediate visual appeal) และการยดในมาตรฐานของ ึ พนธัหรุ์อสายพืนธัตามทุ์ก่ีาหนดไว ํ ้ วตถัุประสงค์หลกของการปร ั บปร ัุงพนธัุ์คอื เพ่ือเพิ่ม (Enhance) ศักยภาพทางพนธัุกรรมของ ประชากร (The genetic potential of the population) เม่อเวลาผื ่านไป โดยมุ่งเน้นไปท่ความกี ้าวหน้าทาง พนธัุกรรมในระยะยาว (Long term) สาหรํบลักษณะั สาคํญทางเศรษฐกัจิ 2. ขอบเขตเวลาในการดําเนินงาน การประกวดและตัดสินสัตว์มักจะให้การ ประเมนสิตวัแต์ ่ละตวทันทั (Immediate assessment) ี สาหรํบกัจกรรมหริอการแขืงข่นเฉพาะั การปรบปร ัุงพนธัุ์เป็นกระบวนการระยะยาว (Long-term process) ทเก่ียวข่ีองก้บการพัฒนาสัตวัร์นุ่ ต่อๆ ไป ตองใช ้ความพยายามอย้ ่างต่อเน่ืองเม่อเวลาื ผานไปเพ ่ อให ่ืบรรล้ความกุาวหน้ ้าทางพนธักรรมสุาหรํบั ลกษณะทัม่ีความสีาคํญทางเศรษฐกัจของสิตวั ทดแทนใน ์ ประชากร 3. อิทธิพลที่มีต่อประชากรสัตว์ แม้ว่าสตวั ์ท่ีชนะในการประกวดและตัดสิน สตวั อาจได ์ร้บการยอมรับั (Recognized) และไดรางว้ลั (Awarded) แต่ผลกระทบท่ีมีต่อองค์ประกอบทาง พนธัุกรรมโดยรวม (Overall genetic makeup) ของ ประชากรนัน้ยงคงจัากํดอยั ู่ทการม่ีสี่วนร่วมของสตวั ์ แต่ละตวเหลัาน่นั้ ผลกระทบของการปรับปรุงพันธุ์มีทัวท่ัง้ ประชากร (Population-wide) โดยจะเกยวข่ีองก้บการั คดเลัอกื (Selection) และจบคั ู่ผสมพนธัุ (Matching) ์ โดยพิจารณาจากความมีคุณค่าหรือความสามารถ ทางพนธัุกรรม ซงม่ึสี่วนทาให ํ ประชากรท ้งหมดั้ (Entire population) มการพีฒนาสะสมั (Cummulative improvement) มากขนเม้ึอเวลาผ่ื านไป ่ 4. การใช้เทคโนโลยี การประกวดและตัดสินสัตว์แบบดังเด้ิม (Traditional judging) อาศยการประเม ันดิวยสายตา้ (Visual assessment) โดยผตู้ดสันิ (Judges) การปรบปร ังพุนธัสุ์ตวัม์ กจะรวมเอาเทคโนโลย ั ี ขนสั้งูเชน่การคดเลัอกจื โนม ี (Genomic selection) การ ทดสอบ DNA (DNA testing) และแบบจาลองทางสถํติิ (Statistical models) มาใชเพ้ อประเม่ืนและทิานายความํ มคีณคุาหร่อความสามารถทางพืนธักรรมุ (Genetic merit หรอื Breeding value) ไดแม้นย่ามากยํงิ่ ขน้ึ “การประกวดและตัดสินสัตว์” และ “การปรบปร ังพุนธัส์ุตวั ” ์นนั้ มความสีมพันธั ์ทางชวภาพีซ่ึง 11


สามารถสรางผลประโยชน ้ ์รวมก่นัแก่อุตสาหกรรมการ ผลตสิตวัเศรษฐก์จิ ไดไม้น่ ้อย ผลการแขงข่ นในการประกวดและต ัดสันสิตวั ์ เป็นการระบตุวสัตวัท์ม่ีลีกษณะั (พจารณาดิวยสายตา้ ) ดี กวา่ โดยพจารณาจากริ ปรูาง่ โครงสราง้และคณลุกษณะั ซงช่ึ วยในการรวบรวมส ่ตวัท์ม่ีศีกยภาพัสนบสนัุน การ ปรบปร ังพุนธัุ์ “สตวั ์ท่ชนะในการประกวดและต ีดสันิ ” เป็น เคร่องยืนยืนความสัาเรํ ็จของการปรบปร ัุงพนธัุ์และ สามารถสรางช้อเส่ื ยงให ีก้บผัเพาะพู้นธัุ์หรอนื กปร ั บปร ังุ พนธัุ์ซงท่ึ าให ํสาธารณชนตระหน้กรัเกู้ยวก่ีบัสตวัพ์นธัุ์ หรอสายพืนธัตุ์ ่างๆ ทม่ีลีกษณะโดดเด ัน่และสอดคลอง้ กบความตัองการของอ้ตสาหกรรมุนอกจาน้ีการยอมรบั ท่ีได้รบจากการแขั ่งขนมัอีิทธิพลต่อ “มูลค่าทางการ ตลาด” และ “ความต้องการลูกหลาน” ของ “สตวั ์ทม่ีี ลกษณะเหนั ือกวา่หรอืชนะเลศิ” เหลาน่ นได ั้้ การทางานรํวมก่นระหวัาง่ “การประกวดและ ตดสันสิตวั ” ์และ “การปรบปร ังพุนธัสุ์ตวั ” ์สงเสร่มิ “การ พฒนาศักยภาพทางพันธัุกรรมสาหรํบลักษณะทัส่ีาคํญั ทางเศรษฐกจของสิตวั ในประชากร ์ ” อยางต่ ่อเน่ือง ทงนั้ ้ี “การไดร้บผลตอบรับจากกั จกรรมการประกวดและต ิดสันิ สตวั ” ์สอให ่ืทราบ้ถงึ “ระดบในการพ ั ฒนาและปร ั บปร ังุ พนธัสุ์ตวัชน์ ิดนนๆั้ ” เชนก่นั ดวยเหตุ้น้ี “การประกวดและตดสันสิตวั ” ์และ “การ ปรบปร ังพุนธัสุ์ตวั ” ์จงรึวมก่นสรัาง้ “กระแสตอบรบเชังิ บวก (Positive feedback)” ทท่ีาให ํ “้วตถัุประสงคใน์ การปรบปร ังพุนธักุ์าวหน้ ้าขน้ึรกษามาตรฐานของพันธัุ์ หรอสายพืนธัุ์และผลตสิตวัค์ณภาพสุงทูม่ีลีกษณะดัขีน้ึ” ซงท่ึายท้ส่ีดกุจะ็ “เป็นประโยชน์ต่อภาพรวม และ ความ สามารถในการแข่งขนของอัุตสาหกรรมการผลตสิตวั ์ เศรษฐกจชนิ ิดนนั้ ” ต่อไป “ความงาม หรือ ความสวย (beauty)” กับ “การประกวดและตัดสิน (juding) โคเนื้อ และกระบือเนื้อ” ไดย้นิ ไดเห้น็เร่องนื้ีแลว้นึกถงึภาพยนตเร์ ่องื “โฉมงาม กบัเจาชายอส้รู (Beauty and the Beast)” ... ขนมาท้ึนทั ีหลายคนถามถงเรึองด่ืงกลั ่าวและขอความ เหนมา็กขออธ็บายตามหลิกั “สตวบาลั ” เชนเคย่ดงนั้ี นะครบั ... ในบรบทของการประกวดและต ิดสั นโคหร ิอกระบือื เน้ือ โดยทวไป ั่ “มกไม ั ใช่ ” ้คาวํา่ “ความงาม หรอืความ สวย (beauty)” กนั .. ครบั ผตู้ดสันิ (judges) มกจะประเม ันคิณลุกษณะตั ่างๆ ทเก่ียวข่ีองก้ บโครงสร ัาง้ (conformation) ฟังกช์นการั ทางานํ (functionality) และความเหมาะสมของตลาด 12


(market suitably) ของโคเน้อหรือกระบือเนื้อื “แทน” การ ใชค้าวํา่ “ความงาม” หรอื “ความสวย” ... ซงล่ึกษณะเหลัา่ น้ีมสีวนท่ าให ํส้ตวัม์รีปรูางหน่ ้าตา (overall apearance) และคณภาพุ (quality) โดยรวมเป็นไปตามพนธัหรุ์อสายื พนธัุ์ความสามารถในการผลตเนิ้ือ และความตองการ้ ของตลาด (เน้ือ) ผูต้ดสันิมกมัุ่งเน้นไปท “่ีเกณฑว์ตถัุประสงค” ์ท่ี สอดคลองก้บั “เป้าหมายของอุตสาหกรรม” ซงเกณฑ่ึ ์ เหลาน่้ีอาจรวมถงึ 1. การพฒนากลัามเน้้ือ (muscle development): ระดบของการพัฒนาและการกระจายของกลัามเน้้ือทวั่ ร่างกายมความสีาคํญอยั ่างยงติ่่อการผลตเนิ้ือสตวั ์ผู้ ตดสั นประเม ินกลิามเน้้อของสืตวัถ์งผลกระทบตึอผลผล่ติ ซากโดยรวม 2. โครงสรางร้างกาย่ (body structure): โครงสราง้ รางกายท่สมด่ีลุ (well-balance) และ ไดส้ดสัวน่ (proportionate) เป็นทต่ีองการ้ซงรวมถ่ึ งการประเม ึนความิ ยาวและความลกของรึางกาย่หลงตรงัขนาดกระดกและู การจดวางขาเหมาะสมัซงม่ึสีวนช่ วยให ่ส้ตวัม์สีขภาพทุ่ี ดและใช ี งานได ้จร้งิ 3. ขนาดเฟรม (frame size): ขนาดเฟรมหรอขนาดื รางกายข่นอย้ึกู่บความตัองการของตลาด้ (market demand) และเป้าหมายการผลติ (production goals) ผู้ ตดสันอาจพิ จารณาขนาดเฟรมท ิเหมาะสมส่ีาหรํบพันธัุ์ หรอสายพืนธันุ์นๆั้ขนาดเฟรมสงผลต่ อป่ ัจจยตัางๆ่เชน่ ประสทธิ ภาพการใช ิ ประโยชน ้ ์จากอาหาร และอตราการั เตบโต ิ 4. ไขมนใต ัผ้วหนิงหรั อไขม ืนหัมซากุ้ (fat cover): การประเมนความหนาของไขม ิ นใต ัผ้วหนิงอยัางย่ตุธรรมิ โดยพจารณาจากความติ ้องการของตลาดและความ สมดุลระหว่างไขมนและกลัามเน้้ือ แมว้่าจาเป ํ ็นต้องมี ไขมนใต ัผ้วหนิงบัาง้แต่ไขมนสัวนเก่นกิ เป็ ็นสงทิ่ ไม่ีพ่งึ ประสงค์ 5. โครงสราง้ (conformation): โครงสราง้หมายถงึ รปรูาง่ (shape) และโครงสราง้ (structure) โดยรวมของ สตวั ์ซงรวมถ่ึงึแนวสนหลังของตัวสัตวั (top line) ์ชวง่ หลงั (hindquarters) และความสมมาตรโดยรวม (overal symetry) สตวัท์ม่ีโครงสร ีางด้กวีาม่กถักมองวูา่มคีณคุา่ มากกวา่สาหรํ บการปร ั บปร ังพุนธัและการผลุ์ตเนิ้ือสตวั ์ ในการประกวดและตดสั นโคเน ิ้อหรือกระบือเนื้อืมกั เน้นลกษณะั (traits) ทส่ีงเสร่มความเหมาะสมของติวสัตวั ์ (animal’s suitably) ตามวตถัุประสงคท์ต่ีองการ้ ไมว่าจะ่ เป็นเพอการผล่ืตเนิ้อสืตวั ์การปรบปร ังพุนธัุ์หรอืทงสองั้ อยาง่ ... ผู้ตดสั นจะประเม ินลิกษณะเหลั ่าน้ีตามมาตรฐาน อุตสาหกรรม (industry standard) และ เป้าหมายใน การปรบปร ังพุนธั (breeding objectives) ุ์มากกวา่ทจะ่ี พจารณาิ “ความงามตามอตวัสิยั (subjective notions of beauty)” หรอืความงามบนพนฐานของความชอบส้ืวน่ บุคคล สงสิ่าคํญทัควรทราบก่ีนักค็อืพนธัุ์หรอสายพืนธัุ์ ทแตกต่ี ่างกนของโคและกระบ ัอมืกมัมาตรฐานเฉพาะี ดานโครงสร ้างแตกต้ ่างกนัทงนั้ ้ีผทู้ท่ีาหนํ ้าทต่ีดสั นใน ิ การประกวดจงควรเป ึ ็น ผทู้ร่ีและเขู้ าใจในการพ ้จารณาิ สตวั ์ตามเกณฑ์เฉพาะพนธัุ์หรอสายพืนธัุ์เหล่านัน้ ... และทาหนํ ้าทโดยม ่ี เปี ้าหมายหลกในการค ัดเลัอกสืตวั ์ ทม่ีลีกษณะโดดเด ั ่นตรงตามพนธัุ์หรอสายพืนธัุ์ (ชนะ เลศิ) และสามารถสงผลเช่งบวกิต่อ ประสทธิภาพิ (efficiency) ผลผลติ (productivity) และคณภาพุ (quality) ของอตสาหกรรมการผลุตเนิ้อโคหร ือเนื้อกระบือื ไดอย้าง่ มประส ีทธิภาพิ สอสารและท่ืาความเขํ าใจให ้ตรงก้นั .. อุตสาหกรรม การผลตเนิ้อโคและเน ื้อกระบื อไทยจะได ืม้นคงั่แขงข่ นได ั ้ และสรางความม้คีณคุาให ่ก้บทั กคนในสุงคมั รวมด่ ้วยช่วยกนัและหวงวั าจะเป ่ ็นประโยชน์กนั นะครบั #สตวบาลศกรั #Kasetsart University 13


การตอบสนองของหนอนแมลงวนลายตั ่ ออาหารที่ มสีดสัวน ่ ของคารบอนและไนโตรเจนท ์ ี่ แตกต ่ างกัน เพ ่ อเป ื ็ นฐานขอม ู้ลผลิตแหล ่งโปรตีนทางเลือกสาหร ํ บสัตวั ์ Responses of black soldier fly larvae (Hermetia illucens) to various carbon - nitrogen ratio diets to provide a database of alternative protein sources for animals ธนทัต เทียบชิง1 และ สุทิศา เข็มผะกา1* Thanatat Thiabching1 and Sutisa Khempaka1* 1 สาขาวชาเทคโนโลย ิและนวีตกรรมทางสัตวั ์สานํ ักวชาเทคโนโลย ิการเกษตรี มหาวทยาลิ ยเทคโนโลย ัสีรนารุี 1 School of Animal Technology and Innovation, Institute of Agricultural Technology, Suranaree University of Technology * Corresponding author: [email protected] บทคดยั ่อ: ในปัจจุบนอัุตสาหกรรมการผลตสิตวัท์ วโลกม ั่การขยายตีวเพัมขิ่นอย้ึางต่ ่อเน่ืองตามประชากรโลก ทเพ่ีมสิ่งขูน้ึซงส่ึ งผลให ่ความต้ องการใช ้ว้ตถัุดบอาหารสิตวัมากข์ นตามไปด ้ึวย้ โดยเฉพาะอยางย่ งในส ิ่วนของ่ วตถัุดบแหลิ งโปรต ่นีเชน่กากถวเหลั่องและปลาป ื ่น ทเก่ีดการขาดแคลนและมิราคาแพงขี นในท ้ึกๆุปีดงนันั้ การศกษาหาแหลึงว่ตถัุดบทางเลิ อกใหม ืท่ย่ีงยั่ นและลดการใช ืทร้พยากรทัม่ีอยีอยู่างจ่ากํดัเชน่หนอนแมลงวนั ลาย (black soldier fly larvae, BSFL) จงเปึ ็นอกทางเลีอกหนื่ึงทน่ี่าสนใจ แต่อยางไรก ่ตาม็ BSFL ยงคงมัขีอ้ จากํ ดหลายประการท ัจ่ีาเปํ ็นตองม้การศีกษาวึจิยเพั อให ่ื ได้มาซ้ง่ึ BSFL ทม่ีคีณสมบุตัตรงตามความติองการของ้ อุตสาหกรรมอาหารสตวั ์โดยเฉพาะอยางย่ งในส ิ่วนของสารอาหารท่เหมาะสมส่ีาหรํบั BSFL เพอใช ่ื ในการสร ้าง้ ผลผลติดงนันงานวั้จิยครังนั้ ้ีมวีตถัุประสงคเพ์อศ่ืกษาสึดสัวนคาร่บอนต์ ่อไนโตรเจนทเหมาะสมส่ีาหรํบั BSFL โดยใชแหล้งคาร่บอน์คอืกากมนสดัและแหลงไนโตรเจน ่คอืมลไกู่ไข่ เป็นวตถัุดบอาหาริ โดยใช BSFL ้อายุ 5 วนัแบงออกเป ่ ็น 8 กลุมๆ่ละ 6 ซ้าํ ใชแผนการทดลองแบบส้มสมบุ่รณู์และใหอาหารแตกต้ ่างกนัคอืกลุมท่่ี 1 กลุมควบค่มุ (อาหารไก่เน้ือระยะแรก 21% CP) กลุมท่ 2 3 4 5 6 7 ่ีและ 8 ใหอาหารท้ม่ี C/N ratio ี 10:1 15:1 20:1 25:1 30:1 35:1 และ 40:1 ตามลาดํบัเลยงจนถ้ีงระยะกึอนเข่าด้กแดั ้โดยสงเกตจากตัวแรกทัเข่ีาด้กแดัของ้ แต่ละกลุมการทดลอง่ผลการทดลองพบวา่ BSFL กลุมท่ ได่ีร้บอาหารทัม่ี C/N ratio ีสดสัวน่ 15:1 มสมรรถนะี การผลตเหมาะสมทิส่ีดุ (P < 0.05) ในขณะทอ่ีตราการรอดชัวีตไม ิพบความแตกต่ ่างทางสถติ (P > ิ 0.05) 14


คาสําคํญั : หนอนแมลงวนลายั ; สดสั ่วนคารบอนต์ ่อไนโตรเจน; แหล่งโปรตีนทางเลือก ABSTRACT: The global livestock production industry is expanding as the world population increases, leading to a high demand for animal feed. In particular, protein source such as soybean meal and fish meal are scarce and more costly annually. Therefore, studies to find a sustainable alternative feed source and reduce the use of limited resources such as black solider fly larvae (BSFL) is an interesting alternative. However, BSFL still has several limits and needs research to study in order to obtain the BSFL with fulfill all the properties to meet the demands of the feed industry, in particular relevant nutrients for use in the yield production. The aim of this research was to study the optimum carbon-to-nitrogen ratio (C/N ratio) for BSFL. The carbon source from cassava pulp and the nitrogen source from layer manure were used as substrates. A 5-day-old BSFL was divided into 8 groups each with 6 replicates using a Completely Randomized Design (CRD). The 8 experimental diets as follows, group 1, control group (commercial chicken feed 21% CP), group 2, 3, 4, 5, 6, 7 and 8 were fed with C/N ratio at 10:1, 15:1, 20:1, 25:1, 30:1, 35:1 and 40:1 respectively. The BSFL were raised to the prepupae stage, observing from the first pupae of each experimental group. The result indicated that feeding the BSFL at a 15:1 C/N ratio demonstrated the most optimal productive performance (P<0.05) and there was no difference in survival rate (P > 0.05). Keywords: black soldier fly; C/N ratio; alternative protein source ในปัจจบุนอัตสาหกรรมการผลุตสิตวัท์ วโลกม ั่การพีฒนาและขยายตัวเพัมขิ่นอย้ึางต่อเน่่องืเพอให ่ืสอดคล้อง้ กบจั านวนประชากรและปร ํมาณความติองการอาหารท้ วโลกท ั่เพ่ีมสิ่งขูน้ึ (Herrero and Thornton, 2013) ซงส่ึง่ ผลใหความต้ องการใช ้ว้ตถัดุบอาหารสิตวัมากข์ นตามไปด ้ึวย้ โดยเฉพาะอยางย่ งในส ิ่วนของว่ตถัดุบแหลิ งโปรต ่นี เชน่กากถวเหลั่องและปลาป ื ่น ทเก่ีดการขาดแคลนและมิราคาแพงขี นในท ้ึกุ ๆ ปีประกอบกบการเปล ั ยนแปลง่ี สภาพภมูอากาศของโลก ิ (global climate change) สงผลให ่การผล้ตพิชอาหารสืตวัชน์ ิดต่าง ๆ ประสบปัญหา การศกษาและวึจิยเพัอน่ื ําไป สการใช ู่ทร้พยากรธรรมชาตัทิม่ีอยีอยู่างจ่ากํ ดในป ั ัจจบุนให ัเก้ ดประส ิทธิภาพสิงสูดุ เป็นแนวทางหน่ึงทจ่ีาเปํ ็นเรงด่วน่ ในประเดนของว็ตถัุดบอาหารสิตวัก์เช็นก่นหากมัการศีกษาหาแหลึงว่ตถัุดบิ โปรตนทางเลี อกใหม ืท่ย่ีงยั่นืสามารถผลตได ิจากของเส้ยี ผลพลอยไดจากการเกษตร้หรอโรงงานอ ืุตสาหกรรม ทมน่ีุษยไม์ ใช่แล้ว้เชน่หนอนแมลงวนลายั (black solider fly larvae, BSFL) กเป็ ็นอกทางเลีอกหนื่ึงทน่ี่าสนใจ และน่าจะชวยลดป ่ ัญหาการขาดแคลนและการแกงแย่งว่ตถัุดบอาหารสิตวัระหว์างส่ตวัและมน์ุษย์และเพมความิ่ มนคงทางอาหารได ั่้ แมลงวนลายั (Hermetia Illucens L.) หรอืแมลงวนทหารดัาํหรอืแมลงเสอดืาํ พบไดท้วไปในเขตร ั่อนและ้ เขตอบอนุ่ เป็นแมลงทไม่ีน่ ําโรคและไมเป่ ็นศตรัพูชื (Sheppard et al., 2002) ตวเตัมว็ยมัลีกษณะภายนอกเหมัอนื ตวตัอ่ลาตํวมัสีดีาํจดเป ั ็นพวกกนซากและยิอยสลายอ่นทริยวีตถัุ (detritivore) จงมึการนี ํามาใชประโยชน ้ ์ในการ ลดปรมาณขยะอินทริยี (Tomberlin and Sheppard, ์ 2001) เน่ืองจากมความสามารถในการเปล ียนขยะอ่ีนทริยี์ บทนํา 15


เป็นแหลงโปรต ่ นและไขม ีนทัด่ีไดี ้ตองการน้้ําและพนท้ืเล่ียงน้ี ้อย วงจรชวีตสินั้สามารถเพมจิ่ านวนได ํ ในระยะเวลา ้ ทรวดเร่ีว็มการนี ํามาใชประโยชน ้ ์เป็นแหลงโปรต ่นทางเลีอกสืาหรํบอาหารสัตวั ป์ีก สกรุปลาน้ําจดและกืุงหลาย้ ชนิด (van Huis, 2018) มการศีกษาพบวึ าสามารถใช ่ BSFL ้ ไดถ้งระดึบั 10% โดยไมส่งผลกระทบต่ ่อสมรรถนะ การผลติและการยอยได ่ ของโภชนะในส ้กรหยุานม่ (Biasato et al., 2019) และสามารถใชได้ถ้งระดึบั 20% โดย ไมส่งผลกระทบต่ ่อระบบภมูคิมกุ้นและชั วยปร ่ บปร ังสมรรถนะการเจรุ ญเติ บโตของไก ิ ่เน้ือได (de Souza Vilela ้ et al., 2021) มรายงานวี าการใช ่ BSFL ้ทาให ํสมรรถนะการเจร้ญเติ บโตของส ิตวั ใกล ์เค้ยงกีบวัตถัุดบอาหาริ สตวัทางการค์าท้ ใช่ีก้นทั วไป ั่แต่อยางไรก ่ตามแมลงส็ วนใหญ ่ ่มกมักรดอะมี โนท ิจ่ีาเปํ ็นบางชนิดต่าํเช่น ทรปิ โตเเฟน และ เมไทโอนีน ซงอาจจ่ึ าเปํ ็นตองเสร้มกรดอะมิ โนส ิงเคราะหั ในอาหารร ์วมด่วย้ (Gasco et al., 2019) แต่ประเดนท็ เป่ี ็นปัญหาสาคํญของั BSFL คอืองคประกอบทางเคม ์ ีซงม่ึความผี นแปรปร ั มาณโปรต ิ นและไขม ีนั คอนข่างส้งู (อยในช ู่วง่ 37-63% และ 7-39% ตามลาดํบั) (Zheng et al., 2012) ซงเป่ึ ็นขอจ้ากํดทัส่ีาคํ ญในการ ั พฒนาการเพาะเลัยง้ี BSFL ในระดบสเกลทั ใหญ่ี ่ขนเพ้ึ อเป่ื ็นแหลงโปรต ่นสีาหรํบอัุตสาหกรรมอาหารสตวั ์ทงนั้ ้ี เน่ืองจากองคประกอบทางเคม ์ ในี BSFL ขนอย้ึกู่บชนั ิดของสารอาหารทต่ีวหนอนกันิ โดยพบวา่ BSFL ทเล่ียง้ี ดวยม้ลสูกรุมปรี มาณโปรต ินสีงกวูาท่เล่ียงด้ีวยม้ ลโคู (St-Hilaire et al., 2007) นอกจากน้ี Newton et al. (1977) รายงานวา่ BSFL ทเล่ียงด้ีวยม้ลสูตวัม์กจะขาดกรดอะมั โนจ ิ าเปํ ็นบางตวัเชน่ซสเทอินี เมไทโอนีน และทรโอี นีน ในขณะทรายงานของ่ี Liland et al. (2017) พบวา่ BSFL มปรีมาณทริ โอน ี ีนเพยงพอเมีอเล่ืยงด้ีวยอาหาร้ ทเสร่ีมดิวยสาหร้าย่และนอกจากน้ีเมอเล่ืยง้ี BSFL ดวยเศษผ้กพบวัาม่ ปรี มาณกรดแอสปาร ิต์กิกลตาเมตูและ อารจ์นิีนสงู (Cappellozza et al., 2019) อยางไรก ่ตาม็ BSFL ในประเทศไทยยงมัการศีกษาและมึขีอม้ลนู้อย ซงอาหารท่ึ ใช่ีเล้ยง้ี BSFL ทม่ีการเพาะเลียงก้ีนอยั ู่เชน่ของเหลอจากครืวเรัอนืขยะอนทริยี์รวมถงมึลสูตวั ์ ซ่งมึคีุณลกษณะแตกตั ่างไปตามแต่ละทองท้่ีดงนั ันหากสามารถพ้ฒนารัูปแบบหรอสืูตรอา หารทเหมาะสม่ี สาหรํบั BSFL เบองต้ื นได ้ ้น่าจะชวยควบค่มคุณภาพของุ BSFL ใหคงท้่ีและสามารถนําไปปรบใช ัส้าหรํบการั เลยงในระด ้ี บสเกลขนาดใหญ ั ่เพอผล่ืตวิตถัดุบแหลิ งโปรต ่นทางเลีอกทืม่ีคีณภาพสุาหรํบอัตสาหกรรมอาหารสุตวั ์ ไดอย้างม่ ประส ีทธิภาพมากขิน้ึจากการรวบรวมเอกสารงานวจิยพบัวา่ BSFL เป็นผลผลตริวม่ (co-product) ทได่ีจากกระบวนการย้ ่อยสลายของเสยอีนทริยี์ซงเกณฑ่ึ ในการก ์าหนดคํุณภาพปุ๋ยอนทริยีจะพ์จารณาจากิ สดสัวนของคาร่บอนต์ ่อไนโตรเจน (C/N ratio) ทไม่ีควรเก่นิ 20:1 ซงค่ึ ณภาพของปุ๋ยอุนทริยีด์งกลัาวส่มพันธั ์ กบแหลังของคาร่ บอนและไนโตรเจนของอ ์นทริยวีตถัุตงตั้น้ดงนันงานวั้จิยนั้ีจงมึสมมีตุ ฐานทิว่ีาการควบค่มุ C/N ratio ใหม้ความเหมาะสมและคงทีน่ี่าจะมผลในการควบค ีมคุณภาพของุ BSFL ได้ซงคาร่ึบอนท์ BSFL ่ี ใชเป้ ็น แหลงพล่ งงานและใช ั เป้ ็นองคประกอบพ ์นฐานของเซลล้ื ์เชน่ซงขั าวโพด ้ตนกล้วย้กากออย้กากมนั เป็นตน้ และไนโตรเจนท BSFL ่ี ใชเป้ ็นแหลงสารอาหารท่ส่ีาคํ ญในการส ังเคราะหั โปรต ์ นและเอนไซม ีต์ ่าง ๆ เชน่มลโคู มลสูกรุและมลไกู่ไข่ เป็นตน้ดงนันหากนั้ําหลกการดังกลั าวมาใช ่ ในการก ้าหนดสํตรอาหารสูาหรํบเลัยง้ี BSFL โดยศกษาหาึ C/N ratio ทเหมาะสม่ีน่าจะสามารถชวยควบค่มคุณภาพและปรุมาณโปรต ินที เป่ี ็นองคประกอบ ์ ในหนอนแมลงวนลายได ั ้ ดงนันงานวั้จิยนั้จีงมึวีตถั ประสงคุเพ์อศ่ืกษาึ C/N ratio ทเหมาะสมส่ีาหรํบั BSFL โดยประเมนผลจากสมรรถนะิ การผลติอตราการเปล ัยนของเส่ี ยเป ี ็นชวมวลีอตราการลดของเสัยีอตราการเปล ั ยนอาหารเป่ี ็นน้ําหนกตัวัและ อตราการรอดชัวีติเพอเป่ื ็นฐานขอ้มลในการผลูตอาหารสิาหรํบั BSFL เพอใช ่ื ในอ ุ้ตสาหกรรมอาหารสตวั ใน์ อนาคต 16


แหล่งของคารบอนและไนโตรเจน ์ ในการทดสอบครงนั้ ้ีใชแหล้ ่งคารบอนและไนโตรเจนท ์ ได่ีจากของเส้ยหรี อผลพลอยได ืจากการเกษตรหร้อื โรงงานอุตสาหกรรมโดยแหลงคาร่บอน์คอืกากมนสั าปะหล ํงสดั (บรษิทอัุตสาหกรรมแป้งโคราช จากํดัจงหวัดั นครราชสมาี ) และแหลงไนโตรเจน ่คอืมลไกูไข่ (่ ฟารมมหาว์ทยาลิ ยเทคโนโลย ัสีรนารุ ) ีทาการเกํบรวบรวมแหล็ง่ คารบอนและไนโตรเจนจากท ์งั้ 2 แหลง่และแชแข่งท็อ่ีณหภุมู -20 OC ิเพอรอว่ืเคราะหิองค์ ประกอบทางเคม ์ตีอไป ่ สตวัทดลอง์ ทาการเลํยงอน้ีุบาลตวอัอน่ BSFL ทฟ่ีักจากไข่ โดยใชอาหารไก ้ ่เน้ือทางการคาระยะแรก้ (21% CP) ผสม น้ําเปลาให ่ม้ความชี นประมาณ้ื 70% เลยงเป้ี ็นระยะเวลา 4 วนัจากนนวั้นทั 5 ่ีสมุ่ BSFL เขางานทดลอง้ โดย ทาการรํอนต่วอัอน่ BSFL ออกจากอาหารดวยตะแกรงขนาด้ 1 มม. เพอแยกอาหารออก่ืสมนุ่บตัวอัอน่ BSFL ทผ่ีานการร่อนจากท่กๆุจดทุวทั่งถาดเพั้ อให ่ื ได้หนอนท้ เป่ี ็นตวแทนจากกลัุมหนอนท่งหมดั้แบงต่วอัอน่ BSFL ออกเป็น 8 กลุมๆ่ละ 6 ซ้าํๆ ละ 1,000 ตวั (จานวนทํงหมดั้ 48,000 ตวั) ทาการชํงนั่ ้ําหนกแรกเขัา้และเลยง้ี BSFL ในถาดพลาสตกขนาดิ 25x40x9 ซม. คลุมดวยถุ้งตาขายเพ่ อป่ื ้องกนั BSFL ไต่ออก และป้องกนแมลงั อนๆ่ืรบกวน โดยใหอาหารทดลองท้แตกต่ีางก่นตามสัดสัวนของคาร่ บอนและไนโตรเจนท ์แตกต่ีางก่นั ใหอาหาร้ วนเวันว้นั ใชแผนการทดลองแบบ้ Completely Randomized Design (CRD) และดาเนํ ินการเกบต็วอยัางเม่อ่ื สงเกตเหันด็กแดัต้วแรกในแต ัละกล่มการทดลองุ่ซงเป่ึ ็นเกณฑในการประเม ์นวิา่ BSFL เขาส้ระยะกู่อนด่กแดัแล้ว้ (สนส้ิดการเลุยงก้ี ่อนทหนอนจะเข่ีาส้ระยะดู่กแดั ) ้ โดยหนอนทกตุวถักเลูยงภายในโรงเร ้ี อนระบบเป ื ิดของฟารม์ มหาวทยาลิ ยเทคโนโลย ัสีรนารุทีม่ีการจีดการสภาพแวดลั อมให ้ ใกล ้เค้ยงธรรมชาตี ิอุณหภมูอยิ ในช ู่วง่ 28-32 ํC และความชนประมาณ้ื 40-50% เลยงบนช้ีนเหลั้กแนวต็งขนาดั้ 6 ชนั้ โรงเรอนทื ใช่ีเล้ ยงเป้ี ็นพนป้ืนซูเมนตีและบ์ุ ดวยตาข้ ายไนล ่อนก่นแมลงสัขาวขนาดี 32 ตา เพอป่ื ้องกนสัตวัพาหะ์เชน่หนูจงจก้ิสตวัเล์อยคลาน้ืและแมลง ชนิดอนๆ่ืรบกวน อาหารทดลอง อาหารทดลองประกอบดวยส้ดสัวนคาร่ บอนและไนโตรเจน ์ (C/N ratio) ทแตกต่ี ่างกนทังหมดั้ 8 กลุม่กลุม่ ท 1 ่ีกลุมควบค่มุ Control (อาหารไก่เน้ือทางการคาระยะแรก้ 21% CP) กลุมท่ 2 C/N ratio ่ี 10:1 กลุมท่ 3 C/N ่ี ratio 15:1 กลุมท่ 4 C/N ratio ่ี 20:1 กลุมท่ 5 C/N ratio ่ี 25:1 กลุมท่ 6 C/N ratio ่ี 30:1 กลุมท่ 7 C/N ratio ่ี 35:1 และกลุมท่ 8 C/N ratio ่ี 40:1 วิธีการศึกษา 17


วเคราะหิ ปร์มาณคาริ บอนและไนโตรเจน ์ โดยใชเคร้อง่ื CHN elemental analysis (CHN628 series, Leco, LECO Corporation, Netherlands) ใชต้วอยัาง่ 0.2 กรมัหอด่วย้ Tin foil capsule เผาดวยความร้อนท้อ่ีุณหภมูิ 950C ํ ภายใตบรรยากาศของแก้ ๊สออกซเจนิตวอยัางจะถ่ กเผาไหมูออกซ้ ไดซ ิและร์ดีกชั นให ั่เป้ ็นแก๊สผสมของ N2 CO2 และ H2O และวดปร ัมาณแกิ ๊สดวย้ Thermal Conductivity Detector และ Infrared Detector ไดค้าเป่ ็น %C %H และ %N แต่ในการศกษานึ ้ีจะรายงานเพยงคีา่ C และ N เทาน่นั้ (Table 1) = = ปรมาณอาหารทิก่ีนเฉลิยต่ี ่อวนั (average daily feed intake, ADFI) ปรมาณอาหารทิก่ีนิ (DM) จานวนวํนทัท่ีาการทดลองํ อตราการเจรัญเติ บโตเฉล ิยต่ี ่อวนั (average daily gain, ADG) น้ําหนกตัวทัเพ่ีมขิ่น้ึ จานวนวํนทัท่ีาการทดลองํ น้ําหนกสัดทุาย้ (final weight, FW) = น้ําหนกตัวเมัอส่ืนส้ิดการทดลองุ ผลผลติ (yield) = น้ําหนกสัดทุาย้ - น้ําหนกเรัมติ่น้ อตราการเปล ั ยนอาหารเป่ี ็นน้ําหนกตัวั (feed conversion ratio, FCR) ปรมาณอาหารทิก่ีนิ (DM) น้ําหนกตัวทัเพ่ีมขิ่น้ึ อตราการเปล ัยนของเส่ี ยเป ี ็นชวมวลี (waste-to-biomass conversion rate, BCR) น้ําหนกสัดทุาย้ x 100 ปรมาณอาหารทิก่ีนิ (DM) อตราการลดของเสัยี (waste reduction rate, WR) (ปรมาณอาหารทิก่ีนตลอดการทดลองิ –ปรมาณมิลทูงหมดหลั้งสันส้ิดการทดลองุ , DM) x 100 ปรมาณอาหารทิก่ีนตลอดการทดลองิ อตราการรอดชัวีติ (survival rate, SR) จานวนหนอนหลํงสันส้ิดการทดลองุ x 100 จานวนหนอนแรกเขํา้ = = = การเกบข ็ ้อมลลูกษณะตั ่างๆ ที่ศึกษา ทาการบํนทักนึ ้ําหนกแรกเขัา้ (initial weight) ของ BSFL จานวนํ 1,000 ตวั ในแตละกล่มการทดลองุ่ ปรมาณิ อาหารทให่ีสะสมตลอดการทดลอง้และเมอส่ืนส้ิดการทดลองนุบจัานวนํ BSFL ในแต่ละถาด ชงนั่ ้ําหนกหนอนั สดทุาย้และอาหารเหลอื (มลู ) ในแต่ละถาด นําขอม้ลทูได่ีมาค้านวณหานํ้ําหนกตัวทัเพ่ีมขิ่น้ึการเจรญเติ บโต ิ เฉลยต่ี ่อวนัอตราการเปล ั ยนอาหารเป่ี ็นน้ําหนกตัวัอตรัาการรอดชวีติ และระยะเวลาในการเลยงของหนอนใน ้ี แต่ละกลุมทดลอง่ โดยมลีกษณะทัต่ีองการศ้กษาดึงนั้ี การวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี 18


การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ วเคราะหิองค์ ประกอบทางเคม ์ของวีตถัดุบอาหาริ โดยวธิ proximate analysis ี ไดแก้ ่ความชน้ื ไขมนัเยอใย ่ื เถา้และพลงงานรวมัตามวธิการของี AOAC (1990) โดยนํากากมนสดและมั ลไกู่ไขมาอบให ่แห้ งในต ้อบลมู้ รอน้ (hot air oven) ทอ่ีุณหภมู 60 ิ ํC เป็นเวลา 12 ชวโมงเพ ั่อหาค่ืาความช่ นในคร ้ืงแรกั้และสวนท่เหล่ีอนื ําไป อบใหแห้งเพ้อเตร่ืยมตีวอยัางส่าหรํบวัเคราะหิ proximate analysis ์ทอ่ีุณหภมู 55 ิ ํC เป็นเวลา 48 ชวโมง ั่บด ใหละเอ้ยดขนาดเสีนผ้าศ่นยูกลาง์ 1 มม. แลวน้ ําไปวเคราะหิ ไขม ์นรวมั ( crude fat) ดวยเคร้อง่ื Fat extraction system (FOSS, SoxtecTM 8000, Denmark) ตวทัาละลายคํอื petroleum ether เยอใยรวม ่ื (crude fiber) ดวย้ เครอง่ื Fiber analyzer (FOSS, Fibertec™ 8000, Denmark) ดวยกรดซ้ ลฟั ิวรกิ 1.25% และ โซเดยมไฮดรอกไซด ี ์ 1.25% เถา้ (ash) เผาดวยเคร้อง่ื Muffle furnace combustion (Carbolite Gero Ltd., UK) อุณหภมู 550 ิ ํC เป็น เวลา 3 ชวโมง ั่และวเคราะหิค์าพล่งงานรวมั (gross energy) โดยการเผาไหมด้วยเคร้อง่ื Bomb calorimeter (IKA C6000 global standards, IKA-Werke, Germany) (Table 1) นําค่าเฉลยท่ี ได่ีจากแต้ ่ละกลุ่มการทดลอง มาวเคราะหิ ์ทางสถติ หาความแปรปรวนของค ิ ่าเฉลยด่ีวยว้ธิี Analysis of Variances (ANOVA) ตามแผนการทดลองแบบสมสมบุ่รณู์ (CRD) วเคราะหิ เปร ์ยบเทียบความี แตกต่างคาเฉล่ ยในแต ่ี ่ละกลุมการทดลองด่วยว้ธิ Tukey HSD ี โดยใช SPSS ้ 16.0 software Table 1 Chemical composition of carbon and nitrogen sources from cassava pulp and layer manure (as-fed basis) Items Chicken feed, 21% CP Layer manure Cassava pulp Moisture (%) 9.43 75.18 78.15 Crude fiber (%) 2.69 14.16 13.35 Ether extract (%) 3.81 2.10 0.23 Gross energy (Kcal/kg) 3,970 3,256 3,719 Ash (%) 5.18 24.13 2.06 Carbon (%) 40.34 8.75 9.03 Nitrogen (%) 3.24 1.33 0.05 C/N ratio 12.45 6.58 180.60 19


ผลของ C/N ratio ทแตกต่ี ่างกนในอาหารต ั ่อสมรรถนะการผลตของิ BSFL ไดแสดงไว ้ ใน้ Table 2 โดยพบ วาอาหารแต่ ่ละกลมทดลองุ่มผลที าให ํน้้ําหนกสัดทุาย้ผลผลติอตราการเจรัญเติ บโตเฉล ิยต่ี ่อวนั ปรมาณอาหาริ ทก่ีนเฉลิยต่ี ่อวนัและอตราการเปล ั ยนอาหารเป่ี ็นน้ําหนกตัวัแตกต่างกนอยัางม่นียสัาคํญทางสถัติ (P < ิ 0.05) โดยระยะเวลาการเจรญเติ บโตของหนอนก ิ ่อนเขาส้ ่ระยะดูกแดั ้อย่ในชู่วง 14-18 วนัซงม่ึระยะเวลานานขีน้ึ ตาม C/N ratio ทเพ่ีมขิ่น้ึสาหรํบอั ตราการเปล ัยนของเส่ี ยเป ี ็นชวมวลีและอตราการลดของเสัยีมคีาลดลงตาม่ C/N ratio ทเพ่ีมขิ่น้ึ (P < 0.05) แต่อยางไรก ่ ตามไม ็พบความแตกต่ ่างในสวนของอ่ตราการรอดชัวีตของิ BSFL ทกกลุ ุมการทดลอง่ซงอย่ึ ในช ู่วง่ 93.37– 98.00% (P > 0.05) (Figure 1) โดยภาพรวมแลวพบว้า่ C/N ratio ทระด่ีบั 15:1 สงผลให ่ BSFL ้มผลผลีติอตราการเปล ั ยนอาหารเป่ี ็นน้ําหนกตัวัอตราการเปล ัยนของเส่ี ยเป ี ็นชวี มวล และอตราการลดของเสัยดีทีส่ีดุรวมถงทึ าให ํหนอนเข้าส้ระยะกู่่อนดกแดัท้อาย่ี 16 ุวนัซงเป่ึ ็นระยะเวลาท่ี สนกวั้า่ C/N ratio ทระด่ีบั 20:1 ถงึ 40:1 a-d Means within the same row with different letters differ significantly (P ≤ 0.05). 1/ chicken feed; 2/ Pooled SEM = standard error of the mean. IW= initial weight; FW= final weight (g); ADG= average daily gain (g/d); ADFI= average daily feed intake (g/d); FCR= feed conversion ratio. ผลการศึกษา และวิจารณ์ Table 2 Effects of various carbon to nitrogen ratios in diets on productive performance of black soldier fly larvae Items Control1/ Carbon/Nitrogen ratio Pooled 10:1 15:1 20:1 25:1 30:1 35:1 40:1 SEM2/ IW (g) 2.60 2.61 2.61 2.60 2.60 2.61 2.60 2.60 0.021 FW (g) 143.46a 114.56c 131.17ab 125.04bc 123.23bc 120.39bc 111.21cd 98.84d 2.105 Yield (g) 140.86a 111.95c 128.57ab 122.44bc 120.62bc 117.78bc 108.61cd 96.24d 2.108 ADG (g/d) 15.65a 10.18c 11.69b 10.20c 10.05c 9.82c 8.36d 7.41d 0.353 ADFI (g/d) 18.52a 17.91ab 17.57ab 16.02bc 18.07ab 16.78ab 14.19c 13.82c 0.295 FCR 1.19a 1.76bc 1.52b 1.58bc 1.80bc 1.71bc 1.70bc 1.87c 0.036 Age (day) 14 16 16 17 17 17 18 18 0.178 20


ตามปกตโดยท ิ วไป ั่ BSFL กเหม็อนกืบแมลงชนัดอิน่ืๆ ทต่ีองการสารอาหารท้เหมาะสมเพ่ีอการเจร่ืญเติ บโต ิ โดยเฉพาะอยางย่ งในส ิ่วนของคาร่ บอนและไนโตรเจนท ์ เป่ี ็นองคประกอบใน ์ substrate หรอของเสืยอีนทริยีชน์ ิด ต่าง ๆ ทใช่ี เป้ ็นแหล่งอาหาร โดย BSFL ใชคาร้บอนส์าหรํ บเป ั ็นแหล่งพลงงานเพั อแมแทบอไลท ่ื ใช์ เป้ ็นองค์ ประกอบพนฐานของเซลล้ื ์และใชไนโตรเจนส ้าหรํ บเป ั ็นแหล่งสารอาหารทส่ีาคํ ญในการส ังเคราะหั โปรต ์นและี เอนไซมต์ ่าง ๆ ในเน้ือเยอ่ื โดยมรายงานวี าไนโตรเจนเป ่ ็นสารอาหารทส่ีาคํญเพั อใช ่ืส้าหรํบการเจรัญเติ บโตของ ิ BSFL และการสะสมของชวมวลี (biomass accumulation) (Sprangers et al., 2017; Lalander et al., 2019) ซงสอดคล่ึองก้บรายงานของั Beesigamukama et al. (2021) ทม่ีการใช ี BSFL ้เพอลดของเส่ืยจากอีุตสาหกรรม เกษตรโดยใชกากเบ้ยรีร์วมก่บขัเล้ี่อยทืม่ี C/N ratio ีระดบั 15:1 ในการศกษานึ ้ีพบวาระด่บั C/N ratio 11:1 (control) 15:1 20:1 25:1 และ 30:1 สามารถเพมปร ิ่มาณผลผลิตของิ BSFL ไดส้งสูดุเน่ืองจากในอาหารกลุม่ ทม่ี C/N ratio ี 15:1 มปรี มาณไนโตรเจนท ิค่ีอนข่างส้งูเหมาะสมสาหรํบการเจรัญเติ บโตและการเปล ิ ยนแปลงสาร่ี อาหารไปเป็นน้ําหนกตัวั โดยการเลยง้ี BSFL ในอาหารทม่ีไนโตรเจนต ี่าํหรอมื C/N ีสงูจะสงผลท่ าให ํผลผล้ติ ลดลง การศกษาครึงนั้ ้ีพบว่าอตราการเปล ัยนของเส่ี ยเป ี ็นชวมวลของี BSFL ในกลุ่มทได่ีร้บอาหารควบคัุมมคี่า สงสูดุรองลงมาคอกลืุมท่ม่ี C/N ratio ี 15:1 และต่าสํ ดในกลุ ุมท่ม่ี C/N ratio ี 40:1 ซงม่ึความเกียวข่ีองก้บความั เขมข้ นของโภชนะในอาหาร ้และสงผลต่ ่อเน่ืองถงอึตราการลดของเสัยีสอดคลองก้บการศักษาของึ Rehman et al. (2017) พบวา่ BSFL ในกลุมท่ ได่ีร้บอาหารทัม่ีปรี มาณไนโตรเจนต ิ่าํหรออาหารกลืุมท่ม่ี C/N ratio ีสงูเชน่ กากของเหลอจากถืวเหลั่องหรือกากเตืาหู้้สงผลให ่อ้ ตราการเปล ัยนของเส่ี ยเป ี ็นชวมวลของี BSFL ต่าํและจาก รายงานของ Lalander et al. (2015) พบวาการเล่ยง้ี BSFL ดวยม้ลสูกรทุม่ีฟางปนอย ี ู่ซงฟางเป่ึ ็นแหลงของ่ คารบอนท์ าให ํม้สีดสัวนของคาร่บอนต์ อไนโตรเจนในม ่ลสูงูสงผลให ่อ้ ตราการเปล ัยนของเส่ี ยเป ี ็นชวมวลตี่าํและ เมอม่ื การปร ี บปร ังคุณภาพโดยทุาการแยกฟางออกจากม ํลสูกรุพบวาม่ผลที าให ํอ้ตราการั เปลยนของเส่ี ยเป ี ็นชวี มวลสงขูน้ึสอดคลองก้บการศักษาของึ Gold et al. (2018) พบวา่ BSFL ทเล่ียงด้ี วยกากแอปเป ้้ิลและรากชโคิ รทีม่ีปรี มาณโปรต ินตี่าสํงผลท่ าให ํ BSFL ้มอีตราการเจรัญเติ บโตช ิา้นอกจากน้ียงพบวัา่น้ําหนกสัดทุาย้อตราั การเปลยนของเส่ี ยเป ี ็นชวมวลี และประสทธิ ภาพการใช ิอาหารของ้ BSFL มความสีมพันธัเช์งบวกกิ บปร ัมาณิ โปรตนในแหล ีงอาหารท่เล่ียง้ี (Oonincx et al., 2015; Lim et al., 2019) พารามเตอริท์ ใช่ี ประเม ้นสมรรถนะการผลิติ และประสทธิ ภาพในการเปล ิ ยนแปลงของเส่ียอีนทริยีของ์ BSFL มหลายพารามีเตอริด์วยก้นัเชน่อตราการเปล ั ยนอาหารเป่ี ็นน้ําหนกตัวัอตราการเปล ัยนของเส่ี ยเป ี ็นชวมวลี และอตราการลดของเสัยของแหลีงอาหาร่ (substrate) เป็นตน้ซงป่ึ ัจจยทัม่ีอีทธิพลติ ่อ BSFL เชน่ความเครยดี (จากการถกรบกวนูเชน่การตกัหรอเขืยบ่ีอย่ๆ) สภาพแวดลอมในการเล ้ยง้ีความหนาแน่นของตวหนอนัและ ปรมาณการให ิอาหาร้องคประกอบทางโภชนะของแหล ์งอาหาร่ เป็นตน้ (Surendra et al., 2020; Gold et al., 2020) ในการศกษาครึงนั้ ้ีพบวาปร ่มาณอาหารทิก่ีนมิความสีมพันธัก์นกับอัตราการลดของเสัยีซงอ่ึตราการลดั ของเสยลดลงตามปร ีมาณการกิ นได ิ (Figure ้ 1) สอดคลองก้บรายงานของั Diener et al. (2009) ทพบว่ีาอ่ตราั การลดของเสยของี BSFL ขนอย้ึกู่บปร ัมาณอาหารทิก่ีนิและสงผลต่ ่อความสมบรณู์พนธั (maturity) ุ์ของ BSFL เมอได ่ืร้บอาหารทัม่ีปรี มาณไนโตรเจนส ิงหรูอมืความเขีมข้ นของโภชนะมากกว ้า่ BSFL จะเขาส้ระยะกู่่อนดกแดั ้ (prepupae) ไดไวกว ้า่จากการทดลองน้ีพบวา่ BSFL ซงได ่ึร้บอาหารกลัุมควบค่มุ (อาหารไก่เน้ือระยะแรก) ท่ี มคีณคุาทางโภชนะส ่งสูดจุงเขึาส้ระยะกู่่อนดกแดั ไวท ้ส่ีดทุอาย่ี 14 ุวนัตาม ดวยกลุ้มท่ม่ี C/N ratio ี 10:1 15:1 เขาส้ระยะดู่กแดัท้อาย่ี 16 ุวนัและกลุมท่ ได่ีร้บอาหารทัม่ี C/N ratio ี 35:1 และ 40:1 ซงเข่ึาส้ระยะดู่กแดัช้าท้ส่ีดุ คอื 18 วนั 21


Figure 1 Effects of various carbon to nitrogen ratio diets on waste-tobiomass conversion rate (A), waste reduction rate (B) and survival rate (C) of black soldier fly larvae a-d Means with different superscripts are significantly different at (P0.05) 22


สรุป หนอนแมลงวนลายระยะกั ่อนเขาด้กแดัม้การตอบสนองตี ่ออาหารทม่ีสีดสัวนของคาร่ บอนและไนโตรเจนท ์ ่ี ระดบั 15:1 ดทีส่ีดุโดยมผลที าให ํ BSFL ้มสมรรถนะการผลี ตในส ิวนของผลผล่ติอตราการเจรัญเติ บโตเฉล ิย่ี ต่อวนัและอตราการเปล ั ยนอาหารเป่ี ็นน้ําหนกตัวดัทีส่ีุด รวมถงทึส่ีดสัวนของคาร่ บอนและไนโตรเจนท ์ระด่ีบั ดงกลัาวย่งมัผลที าให ํอ้ ตราการเปล ัยนของเส่ี ยเป ี ็นชวมวลีและอตราการลดของเสัยสีงสูดดุวยเช้นก่นั ขอขอบคณงานสุตวั ป์ีก ฟารมมหาว์ทยาลิ ยเทคโนโลย ัสีรนารุีทเอ่ี อเฟ้ื้ือสถานทท่ีาการทดลองํขอขอบคณุ ศนยูเคร์องม่ือวืทยาศาสตริ และเทคโนโลย ์ ีทให่ีความอนุ้เคราะหสถานท์และเคร่ีองม่ื อในการด ืาเนํ ินงานวจิยัและ ขอบคณทุนการศุกษาสึาหรํบผัมู้ศีกยภาพเขัาศ้กษาระดึบบัณฑัตศิกษาึมหาวทยาลิ ยเทคโนโลย ัสีรนารุี AOAC. 1990. Official methods of analysis. 15th Edition. Association of Official Analytical Chemists. Arlington. Virginia. USA. Beesigamukama, D., B. Mochoge, N. K. Korir, K. K. Fiaboe, D. Nakimbugwe, F. M. Khamis, S. Subramanian, M. M. Wangu, T. Dubois, S. Ekesi, and C. M. Tanga. 2021. Low-cost technology for recycling agro-industrial waste into nutrient-rich organic fertilizer using black soldier fly. J. Waste Manag. 119: 183–194. คําขอบคุณ เอกสารอ้างอิง 23


Biasato, I., M. Renna, F. Gai, S. Dabbou, M. Meneguz, G. Perona, S. Martinez, L. A. C. Barroeta, S. Bergagna, L. Sardi, M. T. Capucchio, E. Bressan, A. Dama, A. Schiavone and L. Gasco. 2019. Partially defatted black soldier fly larva meal inclusion in piglet diets: effects on the growth performance, nutrient digestibility, blood profile, gut morphology and histological features. J. Anim. Sci. Biotechnol. 10: 12. Cappellozza, S., M. G. Leonardi, S. Savoldelli, D. Carminati, A. Rizzolo, G. Cortellino, G. Terova, E. Moretto, A. Badaile, G. Concheri, A. Saviane, D. Bruno, M. Bonelli, S. Caccia, M. Casartelli and G. Tettamanti. 2019. A first attempt to produce proteins from insects by means of a circular economy. Animals. 9(5): 278. de Souza Vilela, J., N. M. Andronicos, M. Kolakshyapati, M. Hilliar, T. Z. Sibanda, N. R. Andrew, R. A. Swick, S. Wilkinson and I. Ruhnke. 2021. Black soldier fly larvae in broiler diets improve broiler performance and modulate the immune system. Anim Nutr. 7(3): 695–706. Diener, S., C. Zurbrügg and K. Tockner. 2009. Conversion of organic material by black soldier fly larvae: establishing optimal feeding rates. Waste Manag. Res. 27(6): 603–610. Gasco, L., I. Biasato, S. Dabbou, A. Schiavone and F. Gai. 2 0 1 9 . Animals fed insect-based diets: state-of-the-art on digestibility, performance and product quality. Animals. 9:170. Gold, M., C. M. Cassar, C. Zurbrügg, M. Kreuzer, S. Boulos, S. Diener and A. Mathys. 2020. Biowaste treatment with black soldier fly larvae: increasing performance through the formulation of biowastes based on protein and carbohydrates. J. Waste Manag. 102: 319–329. Gold, M., J. K. Tomberlin, S. Diener, C. Zurbrügg and A. Mathys. 2018. Decomposition of biowaste macronutrients, microbes, and chemicals in black soldier fly larval treatment: A review. J. Waste Manag. 82: 302–318. Green T. R. and R. Popa. 2012. Enhanced ammonia content in compost leachate processed by black soldier fly larvae. Appl. Biochem. Biotechnol. 166: 1381–1387. Herrero, M. and P. K. Thornton. 2013. Livestock and global change: emerging issues for sustainable food systems. Proceedings of the National Academy of Sciences. 110(52): 20878–20881. Lalander, C. H., J. Fidjeland, S. Diener, S. Eriksson and B. Vinnerås. 2015. High waste-to-biomass conversion and efficient Salmonella spp. reduction using black soldier fly for waste recycling. Agron Sustain Dev. 35(1): 261–271. Lalander, C., S. Diener, C. Zurbrügg and B. Vinnerås. 2019. Effects of feedstock on larval development and process efficiency in waste treatment with black soldier fly (Hermetia illucens). J. Clean. Prod. 208: 211–219. 24


Liland, N. S., I. Biancarosa, P. Araujo, D. Biemans, C. G. Bruckner, R. Waagbø, B. E. Torstensen and E. J. Lock. 2017. Modulation of nutrient composition of black soldier fly (Hermetia illucens) larvae by feeding seaweed-enriched media. PloS one. 12(8): e0183188. Lim, J. W., S. N. Mohd-Noor, C. Y. Wong, M. K. Lam, P. S. Goh, J. J. A. Beniers, W. D. Oh, K. Jumbri and N. A. Ghani. 2019. Palatability of black soldier fly larvae in valorizing mixed waste coconut endosperm and soybean curd residue into larval lipid and protein sources. J. Environ. Manage. 231: 129–136. Newton, G. L., C. V. Booram, R. W. Barker and O. M. Hale. 1977. Dried Hermetia illucens larvae meal as a supplement for swine. J. Anim. Sci. 44(3): 395–400. Oonincx, D. G. A. B., A. Van Huis and J. J. A. Van Loon. 2015. Nutrient utilisation by black soldier flies fed with chicken, pig, or cow manure. J. Insects as Food Feed. 1(2): 131–139. Rehman, K. U., A. Rehman, M. Cai, L. Zheng, X. Xiao, A. A. Somroo, H. Wang, W. Li, Z. Yu and J. Zhang. 2017. Conversion of mixtures of dairy manure and soybean curd residue by black soldier fly larvae (Hermetia illucens L.). J. Clean. Prod. 154: 366–373 Sheppard, D.C., J. K. Tomberlin, J. A. Joyce, B. C. Kiser and S. M. Sumner. 2002. Rearing methods for the black soldier fly (Diptera: Stratiomyidae). J. Med. Entomol. 39(4): 695–698. Spranghers, T., M. Ottoboni, C. Klootwijk, A. Ovyn, S. Deboosere, B. De Meulenaer, J. Michiels, M. Eeckhout, P. D. Clercq and S. De Smet. 2017. Nutritional composition of black soldier fly (Hermetia illucens) prepupae reared on different organic waste substrates. J. Sci. Food Agric. 97(8): 2594–2600. St-Hilaire, S., C. Sheppard, J. K. Tomberlin, S. Irving, L. Newton, M. A. McGuire, E. E. Mosley, R. W. Hard and W. Sealey. 2007. Fly prepupae as a feedstuff for rainbow trout, Oncorhynchus mykiss. J World Aquac Soc. 38(1): 59–67. Surendra, K. C., J. K. Tomberlin, A. van Huis, J. A. Cammack, L. H. L. Heckmann and S. K. Khanal. 2020. Rethinking organic wastes bioconversion: Evaluating the potential of the black soldier fly (Hermetia illucens (L.)) (Diptera: Stratiomyidae) (BSF). J. Waste Manag. 117: 58–80. Tomberlin, J. K. and D. C. Sheppard. 2001. Lekking behavior of the black soldier fly (Diptera: Stratiomyidae). Fla. Entomol. 84(4): 729–730. Tschirner, M. and A. Simon. 2015. Influence of different growing substrates and processing on the nutrient composition of black soldier fly larvae destined for animal feed. J. Insects Food Feed. 1: 249–259. Van Huis, A. 2018. Insects as Human Food. In: Romulo Romeu Nobrega Alves, Ulysses Paulino Albuquerque, Ethnozoology. Academic Press. Zheng, L., Y. Hou, W. Li, S. Yang, Q. Li and Z. Yu. 2012. Biodiesel production from rice straw and restaurant waste employing black soldier fly assisted by microbes. Energy. 47(1): 225–229. 25


1 สาขาวชาสิตวศาสตรั ์คณะเทคโนโลยีมหาวทยาลิยราชภัฏอัุดรธานีจ.อุดรธานี 41000 1 Program in Animal Science Faculty of Technology, Udon Thani Rajabhat University, Udon Thani, 41000 * Corresponding author: [email protected] ผลของการใชใบไมยราบย ้ กษั ์ใบกระถิน และใบมนสั าปะหล ํ ังในอาหารไก่ กระทงต ่ อสมรรถภาพ การผลิตและคณภาพซากของไกุ่ กระทง Eff ect of giant mimosa leaves, leucaena leaves and cassava leaves in broiler diets on the production performance and carcass quality of broilers วลัยลักษณแกววงษา* 1 , มานิต กองศิลา1 , อภิศักดิ์ทัพทะมาตร1 และ รัฐพงษคงเจริญ1 Walailuck Kaewwong*1 , Manit Kongsila1 , Apisak Thupthamath1 and Ratthapong Khongcharoen1 บทคดยั ่อ: การศกษาผลของการใช ึ ใบไมยราบย ้กษั ์ใบกระถนิ และใบมนสั าปะหล ํ งในอาหารไก ั ่กระทงต่อสมรรถภาพ การผลตและคิ ณภาพซากของไกุ่กระทงในครงนั้ ้ีมวีตถัุประสงค์เพอศ่ื กษาผลของการใช ึ ไมยราบย ้กษั ์กระถนิ และใบ มนสั าปะหล ํงั ในอาหารไก่กระทงต่อสมรรถภาพการผลตและคิ ณภาพซากของไกุ่กระทง ใชไก้ ่กระทง อาย 1 ุสปดาห ั ์ จานวนํ 256 ตวัวางแผนการทดลองแบบสมสมบุ่รณู์ (completely randomized design) โดยแบงไก ่ ่กระทงออกเป็น 4 กลุม่กลุมละ่ 4 ซ้าํซ้าละํ 16 ตวั โดยแต่ละกลุมจะได ่ร้บอาหารทัแตกต่ี ่างกนัคอกลืุมท่ 1 ่ีอาหารสตรพู นฐาน้ืกลุมท่ 2 ่ี อาหารสตรใชูไมยราบย ้กษั 15 ์ เปอรเซ์นต็ , ์กลุมท่ 3 ่ีอาหารสตรใชูใบกระถ ้นิ 15 เปอรเซ์นต็ ์และกลุมท่ 4 ่ีอาหารสตรู ใชใบม ้นสั าปะหล ํงั 15 เปอรเซ์นต็ ์ผลการศกษาพบวึา่ อาหารในการเลยงไก ้ีกระทงท่งั้ 4 สตรอาหารมูผลตี อปร ่มาณการิ กนได ิ ของไก ้ ่กระทงอาย 1 - 3 ุสปดาห ั , ์ปรมาณการกิ นได ิ ของไก ้ ่อาย 4-6 ุสปดาห ั , ์ปรมาณการกิ นได ิตลอดการทดลอง้ และสมรรถภาพการผลตของไก ิ ่กระทง มความแตกตี ่างกนอยัางม่นียสัาคํญทางสถัติ (P < ิ 0.05) นอกจากน้ียงพบวัา่ การใชส้ตรอาหารทูแตกต่ี ่างกนทังั้ 4 สตรอาหารในการเลูยงไก ้ี ่กระทง ยงมัผลที าให ํการแสดงออกของส้หนีงและสัเนี้ือ บรเวณหนิ ้าอกของไก่นนมั้ความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P < ิ 0.05) คาสําคํญั : ไก่กระทง; ไมยราบยกษั ์; กระถิน; ใบมนสั าปะหล ํงั; สมรรถภาพการผลิต; คณภาพซากุ 26


ABSTRACT: The study was aimed to study the effect of using giant mimosa leaves, leucaena leaves and cassava leaves supplemented in broiler diet on production performance and carcass quality of broiler. To study the effect of using giant mimosa, leucaena and cassava leaves in broiler diet on production performance and carcass quality of broiler. Totally 256 broilers at 1 week old were used according to completely randomized design. Broiler were divided into 4 groups, 4 replications of each with 16 birds. The studied broilers in each group received a different diet, which was T1; basal diet, with T2, T3 and T4 diets containing the basal diet supplemented with 15% of giant mimosa, leucaena and cassava leaves , respectively. The results of this study found that the diets of the 4 broiler had an effect on feed intake of 1 - 3 week old broilers, feed intake of 4-6 week old broilers, and feed intake throughout the experiment. and production efficiency of broiler. There was a statistically significant difference (p<0.05). Also found that the use of four different recipes in raising broiler It also resulted in a statistically different expression of the skin color and meat color of the chicken breasts (P < 0.05). Keywords: broiler; giant mimosa leaves ; Leucaena; cassava leaves; production efficiency; carcass quality บทนํา ปัจจบุนการผลั ตไก ิเน่้อออกสืตลาดผู่บรู้ โภคม ิ แนวโน ี ้มสงขูนเร้ึอยๆ่ืตามจานวนของประชากรท ํเพ่ีมสิ่งขูนท้ึกวุนัซง่ึ ความตองการผล้ตภิณฑั จากไก ์ ่ทเพ่ีมสิ่งขูนเป้ึ ็นจานวนมากํจงทึ าให ํภาคการผล้ ตไก ิ ่เน้ือมการเตี บโตก ินอยัางรวดเร่ว็ โดย ผลผลตเนิ้ือไก่ของไทยในชวงป ่ ี 2558 - 2562 เพมขิ่น้ึเฉลยร่ีอยละ้ 5.7ต่อปีโดยในปี 2562 ไทยสามารถผลติ เน้ือไก่ไดปร้มาณิ 2.5 ลานต้นัขยายตวรัอยละ้ 5.6 จากปี 2561 ทเคยผล่ี ตได ิ 2.4 ้ลานต้นัเน่ืองจากมการขยายการี ผลตเพิอตอบสนองความต่ืองการบร้ โภคภายในประเทศและการส ิงออกท่เพ่ีมขิ่น้ึ ในขณะทความต่ีองการ้บรโภคเน ิ้อไก ื ่ ในชวงเด่ยวกีนนั้ีเพมขิ่นเฉล้ึยร่ีอยละ้ 6.3ต่อปีและในปี 2562 มการบรี โภคท ิ ปร่ีมาณิ 1.6 ลานต้นัเพมขิ่นร้ึอยละ้ 4.5 เมอเท่ืยบกี บปั ี 2561 ทม่ีการบรี โภค ิ 1.5 ลานต้นัทงนั้ ้ีแนวโน้มในปี 2563 คาดวาปร ่มาณการผลิตเนิ้ือไก่ของไทย จะเพมขิ่นเป้ึ ็น 2.7 ลานต้นัและ ความตองการบร้ โภคจะเพ ิ มเป ิ่็น 1.7 ลานต้นั (สานํกงานเศรษฐกัจการเกษตริ , 2564) สถานการณ์ไก่เน้ือโลก ปี 2564 คาดวาการผล่ตเนิ้ือไก่ของโลกจะมปรีมาณิ 101.8 ลานต้นัเพมขิ่นจาก้ึ 100.4 ลานต้นั ของปี 2563 รอยละ้ 1.4 การผลตเนิ้ือไก่ของโลกขยายตวตามความตัองการบร้ โภคท ิเพ่ีมขิ่น้ึ ประกอบกบัสถานการณ์ โรคโควดิ 19 ในหลายประเทศน่าจะเรมคลิ่คลายและม่ีการผีอนคลายมาตรการมากข่นหล้ึงวัคซั นโคว ีดิ 19 ต่างทยอย ออกมาสงผลให ่ ประเทศผ ้ผลู้ตทิส่ีาคํญัเน่องจากการผลื ตไก ิเน่่องของไทยม ืการจี ดการฟาร ัมท์ ได่ีมาตรฐานและม้ระบบี การผลตทิ ปลอดภ่ียทั าให ํการผล้ตขยายติวเพัมขิ่นเพ้ึอตอบสนองต่ือความต่องการการบร้ โภค ิและการสงออกท่เพ่ีมขิ่น้ึ (กรมการคาต้ ่างประเทศ, 2564) สบเนื่ืองจากภาคการผลตไก ิ ่เน้ือทม่ีการขยายตีวเพัมขิ่นความต้ึองการอาหารท้ ใช่ี ใน่ การเลยงไก ้ี ่นนจั้งเพึมสิ่ งตามไปดูวย้ทาให ํอาหารและว้ตถัุดบอาหารสิตวั ์ทม่ีไมีเพ่ยงพอตี ่อความตองการในการเล ้ยง้ี 27


ไก่และมราคาสีงขูนตามกลไกลการตลาด ้ึ โดยการเลยงไก ้ี ่ตนท้นการผลุตประมาณ ิ 60- 70 เปอรเซ์นต็ของต์นท้นการุ ผลตทิ งหมดเป ั้็นคาอาหาร่ (เปลอง้ื , 2552) ทาให ํเกษตรผ้เลู้ ยงไก ้ี ่ประสบปัญหาเรองของต่ืนท้นการผลุตไก ิ ่สงขูน้ึและ บางรายไมสามารถด่าเนํนกิจการการเลิ ยงไก ้ี ได่เน้่องจากตืนท้นการผลุตทิส่ีงูและสวนใหญ ่ เป่ ็นเกษตรผเลู้ ยงไก ้ีรายย่อย่ ทจะได ่ีร้บผลการะทบมากกวัาผ่ ประกอบการเลู้ ยงไก ้ี รายใหญ ่ ่จากปัญหาดงกลัาว่จงได ึม้ผีทู้าการศํกษาคึนคว้าและว้จิยั เกยวก่ีบวัตถัุดบอาหารสิตวั เป์ ็นอยางมาก่เพอหาว่ืตถัุดบอาหารสิตวัท์มาราคาถ่ีกและมูอยีแลู่วในพ ้นท้ืน่ีนๆั้มาแปรรปู หรอใช ื เป้ ็นอาหารเลยงส้ีตวั ์เชนการใช ่เศษว้สัดุเหลอใช ืทางการเกษตร้เศษวชพัชืเศษเหลอจากภาคอืุตสาหกรรม การเกษตร เป็นตน้ ทดแทนการใชว้ตถัุดบอาหารสิตวัตามท์องตลาดท้ม่ีราคาสีงูและเพอช่ืวยลดต่นท้ นในสุวนของค่า่ อาหารลง อกที งในป ั้ัจจบุนเกษตรกรผัเลู้ยงส้ีตวั เจอป ์ ัญหา ราคาอาหารสตวัส์งขูน้ึแต่ในขณะทราคาผลผล่ีตจากสิตวั ์ เพมขิ่นอย้ึ างไม ่ เป่ ็นสดสัวนท่เหมาะสม่ี เป็นเหตใหุผลผล้ตกิ าไรลดน ํ ้อยลงจงมึนีกวัชาการินกวัจิยทัม่ีความเกียวข่ี องใน ้ วงการเลยงส้ีตวั ์ศกษาแนวทางและแนะนึ ําการใหม้การผสมอาหารขี นใช ้ึเองเพ้อลดต่ืนท้นการผลุตแติเน่่องจากการผสมื อาหารขนใช ้ึเอง้แต่พบปัญหาตามมา คอื อาหารไมม่คีณภาพุวตถัุดบไม ิ ได่ร้บมาตรฐานัจงทึ าให ํม้การศีกษาคึนคว้า้ วจิยัเพอหาว่ืตถัุดบการเกษตรทิม่ีคีณภาพตามสภาพแวดลุอมท้องถ้นติ่างๆ่เพอใช ่ืเสร้ มในอาหารส ิตวัท์ชีวยลดต่นท้นุ คาอาหารส่ตวั ลงไปได ์บ้าง้ (เทอดชยั, 2542 ) การกาจํดวัชพั ชพวกไมยราบย ืกษั โดยการน ์ ํามาเป็นวตถัุดบอาหารสิตวั ์ จงนึ ่าทจะช่ี วยให ่ ไมยราบย ้กษั ์ทเป่ี ็นปัญหาต่อสงแวดลิ่อมน้ ํามาเพมมิ่ลคูาในร ่ ปแบบของการนูํามาเป็นวตถัุดบอาหาริ สตวัทดแทนว์ตถัุดบทิม่ีราคาแพงเชีนกากถ่วเหลั่ องได ื ้ การทดลองในครงนั้ ้ีเป็นการศกษาเปร ึยบเที ยบผลของการใช ี ประโยชน ้ ์จากใบพชสามชนืดทิน่ีํามาเป็นแหลงโปรต ่นี ในอาหารไกกระทง่ ไดแก้ ่ใบไมยราบยกษั ์ใบกระถนิ และใบมนสั าปะหล ํงัโดยนํามาแปรรปเปู็นวตถัดุบอาหารสิตวั ์เพอ่ื ชวยลดต่นท้นคุาอาหารส่ตวั และเป ์ ็นแนวทางในการนําเอาวสดัทุเหล่ี อใช ืจาการเกษตร้วชพัชทื เปล่ี าประโยชน ่ ์มาใชให้ ้ เกดประโยชน ิ ์สงสูดุ วิธีการศึกษา สตวัทดลองและการวางแผนการทดลอง์ ใชไก้กระทงสายพ่นธัฮุ์บบารัดคละเพศ์อาย 1 ุสปดาห ั ์จานวนํ 256 ตวัวางแผนการทดลองแบบสมสมบุ่รณู์ (completely randomized design) โดยแบงไก ่ ่ออกเป็น 4 กลุม่กลุมละ่ 4 ซ้าํซ้าละํ 16 ตวัเลยงไก ้ี ่แต่ละซ้าในคอก ํๆ 16 ตวั ขนาด 1.6 x 1.6 เมตร ปพูนคอกด้ืวยแกลบ้ โดยไก่ทดลองแต่ละกลุมจะได ่ร้บอาหารเตัมและน็้ําทตลอดการทดลอง่ี อาหารที่ใช้ในการทดลอง แบงกลุ่มการทดลองได ่ด้งนั้ีดงนั้ี กลุมท่ 1 ่ีอาหารสตรพู นฐาน้ื กลุมท่ 2 ่ีอาหารสตรพู นฐานเสร้ื มใบไมยราบย ิกษั 15 ์ เปอรเซ์นต็ ์ 28


กลุมท่ 3 ่ีอาหารสตรพู นฐานเสร้ื มใบกระถ ินิ 15 เปอรเซ์นต็ ์ กลุมท่ 4 ่ีอาหารสตรพู นฐานเสร้ื มใบม ินสั าปะหล ํงั 15 เปอรเซ์นต็ ์ วิธีดาเนํ ินการทดลองและเกบต ็ วอยั ่าง 1. บนทักนึ ้ําหนกไก ั ่เรมเขิ่าการทดลอง้และชงนั่ ้ําหนกไก ั ่ทกสุปดาห ั ์จนสนส้ิดการทดลองเพุอน่ื ําไปคานวณหาํน้ํา หนกตัวทัเพ่ีมขิ่ นของไก ้ึ ่ตลอดการทดลอง อตราการเจรัญเติ บโตต ิ ่อวนัและอตราการแลกเนั้ือ เมอส่ืนส้ิดการทดลองุ 2. บนทั กปร ึมาณอาหารทิ ไก่ี ่กนได ิ ในแต ้ ่ละว่นเพัอน่ื ําไปคานวณประมาณการก ํ นได ิต้ ่อวนั ปรมาณการกิ นได ิของ้ 1 - 3 สปดาห ั ์และปรมาณการกิ นได ิของ้ 4 - 6 สปดาห ั ์และปรมาณการกิ นได ิ ของไก ้ ่ตลอดการทดลอง 3. สุมเก่บต็วอยัางอาหารท่ ใช่ีเล้ ยงไก ้ี ่ทุกกลุ่มการทดลองเพอน่ื ําไปวเคราะหิหาองค์ ประกอบทางเคม ์ของอาหารี ไดแก้ ่คาว่ตถัุแหง้เยอใยหยาบในอาหาร ่ืเถา้ และโปรตนีดวยว้ธิวีเคราะหิแบบ์ Proximate Analysis 4. บนทักคึณภาพซากเมุอส่ืนส้ิดการทดลองุโดยการสมไกุ่ ่มาเชอดตามวืธิของีบุญชอบ (2550) ซ้าละํ 3 ตวัชงั่ และบนทักนึ ้ําหนกมัชีวีติซากหลงเอาเครั องในออก ่ืเครองใน ่ืกนึ๋หวใจ ัตบัลาไส ํ ้มาม้ ไขมนในช ัองท่อง้ 5. บนทักคึาความเข่มของส้หนีงบรัเวณหนิ ้าอก และเน้ือหน้าอกโดยใชเคร้องว่ืดสั Miniscan EZ ี 6. บนทักคึา่ pH ของเน้ือหน้าออก ดวยเคร้องว่ืดั pH Meter วิเคราะหข์ ้อมลทางสถูิติ วเคราะหิ เปร ์ยบเที ยบความแปรปรวนของค ีาส่ งเกตจากการใช ัอาหารท้ต่ี่างกนในการเล ั ยงไก ้ีกระทง่ ไดแก้ ่อาหาร ทใช่ี ไมยราบย ้กษั 15 ์ เปอรเซ์นต็ ในส ์ตรอาหารูอาหารทใช่ี ใบกระถ ้นิ 15 เปอรเซ์นต็ ในส ์ตรอาหารูอาหารทใช่ี ใบม ้นั สาปะหล ํงั 15 เปอรเซ์นต็ ในส ์ตรอาหารูและอาหารพนฐานท้ื ไม่ี ใช่แหล้ งโปรต ่นทดแทนจากพีชทืงสามชนั้ ดในส ิตรอาหารู ดวยว้ธิ Analysis of Variance ีตามแผนการทดลองแบบสมสมบุ่รณู์ (Complete Randomized Design) เปรยบเทียบี ความแตกต่าง ของคาเฉล่ยตามว่ีธิ Duncan Now Multiple rang test, DMRT ี โดยโปรแกรมสาเรํจร็ ปู ผลการศึกษาและวิจารณ์ องคประกอบทางเคม ์ ีของอาหารไก่กระทง จากการวเคราะหิองค์ ประกอบทางเคม ์ ของอาหารไก ี ่กระทง ดวยว้ธิวีธิการวีเคราะหิแบบ์ Proximate Analysis ซง่ึ พบวาอาหารท่งั้ 4 สตรอาหารไดูแก้ ่อาหารสตรพู นฐาน้ื (กลมควบคุ่มุ ) อาหารสตรใบไมยราบยูกษั ์อาหารสตรใบกระถูนิ และอาการสตรใบมูนสั าปะหล ํงั โดยอาหารไก่กระทงอาย 1 - 3 ุสปดาห ั ์มระดี บโปรต ั นในอาหารเท ีาก่บั 18.36 18.22 18.04 และ 18.27 เปอรเซ์นต็ ์ตามลาดํบัสวนอาหารไก ่ ่กระทงอาย 4 - 6 ุสปดาห ั ์มระดี บโปรต ันเทีาก่บั 16.34 16.43 16.27 และ 16.40 เปอรเซ์นต็ ์ตามลาดํบัดงแสดงในตาราง ั 29


ผลต่อปริมาณการกินได้ของไก่กระทง จากการทดลองใชอาหารในการเล ้ ยงไก ้ี ่กระทงทต่ี่างกนทังั้ 4 สตรอาหารูไดแก้ ่อาหารพนฐาน้ื (T1) อาหารสตรู ใชไมยราบย ้กษั (T์ 2) อาหารสตรใชูใบกระถ ้นิ (T3) และอาหารสตรใชูใบม ้นสั าปะหล ํงั (T4) โดยใชพ้ชทืงสามชนั้ิดใน อาหารแต่ละสตรทูระด่ีบั 15 เปอรเซ์นต็ ในส ์ตรอาหารูพบวาส่ตรอาหารทูใช่ีเล้ ยงไก ้ี ่ทต่ี่างกนมัผลที าให ํ ปร้มาณการกินิ ไดของไก ้ ่ไดแก้ ่การกนได ิ ของไก ้ ่ในชวง่ 1-3 สปดาห ั ์การกนได ิ ของไก ้ ่ในชวง่ 4-6 สปดาห ั ์และปรมาณการกิ นได ิของ้ ไกตลอดการทดลองม้ความแตกตี ่างกนอยัางม่นียสัาคํญทางสถัติ (P < ิ 0.05) ปรมาณการกิ นได ิตลอดการทดลอง้พบ วา่กลุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษั ์มปรีมาณการกิ นได ิส้งกวูากลุ่มทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบกระถูนิ แตกต่างกนอยัางม่นียสัาคํญทางสถัติ (P < ิ 0.05) โดยมคีาเท่าก่บั 3100.63 และ 2827.03 กรมตั ่อตวัตามลาดํบัแต่ ไมม่ความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P > ิ 0.05) กบกลัุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารใบม ันสั าปะหล ํงและอาหารสัตรพู นฐาน้ื (กลุม่ ควบคมุ ) ซงม่ึคีาเท่าก่บั 3002.58 และ 2915.32 กรมตั ่อตวัตามลาดํบันอกจากน้ียงพบวัา่กลุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารั สตรใบกระถูนิ, อาหารสตรพู นฐาน้ืและอาหารสตรใบมูนสั าปะหล ํงัมปรีมาณการกิ นได ิ ไม้ม่ความแตกตี ่างกนทางสถัติิ ( P > 0.05) ดงแสดงใน ั Table 1 สอดคลองก้บัธนากร และคณะ (2555) ทท่ีาการใช ํ ไมยราบย ้กษั ป์่นทดแทนการใช้ กากถวเหลั่ องในส ืตรอาหารนกกระทาเนู้ือทพบว่ีา่ การใชไมยราบย ้กษัท์ระด่ีบั 14 เปอรเซ์นต็ม์ ประมาณการก ี นได ิ ไม้ ่ แตกต่างกนั (P > 0.05) กบกลัุมท่ ไม่ี ได่ ทดแทนไมยราบย ้ กในส ัตรอาหารูสวนช่พงษุ (2532) ์พบวาการใช ่ ใบกระก ้นิ แชน่้ําในสตรอาหารไกู่กระทงทระด่ีบั 15 เปอรเซ์นต็ ในส ์ตรอาหารูไมม่ความแตกตี ่างกนั (P > 0.05) กบกลัุมทดลอง่ ทไม่ี ใช่ ใบกระถ ้นแชิน่้ําในสตรอาหารูและยงไปกว ิ่าน่นสวั้สดั ิ์และคณะ (2517) ทได่ีท้ าการทดลองใช ํ ใบม ้นสั าปะหล ํงั ในอาหารไก่กระทงทระด่ีบั 15 เปอรเซ์นต็ ์พบวา่ ปรมาณการกิ นได ิ ของไก ้ ่กระทงไมม่ความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P > ิ 0.05) กบกลัุมท่ ไม่ี ได่ ใช้ ใบม ้นสั าปะหล ํ งในส ัตรอาหารู Table 1 Effects of using giant mimosa leaves, leucaena leaves and cassava leaves in broiler feed on broiler feed consumption Feed intake Dietary treatments SE P-value T1 T2 T3 T4 1-3 week (g/h) 795.94a 755.84b 687.94c 757.21b 1.30 * 4-6 week (g/h) 2119.38b 2344.79a 2139.08b 2245.38ab 7.40 * Total feed intake (g/h) 2915.32ab 3100.63a 2827.03b 3002.58ab 8.26 * a , b and c Means in the same row with different superscripts are significantly different (P<0.05) ผลต่ออตราการเจรั ิญเติบโตต่อวนและอัตราการแลกเนั ื้อของไก่กระทง จากการทดลองใชอาหารในการเล ้ ยงไก ้ี ่กระทงทต่ี่างกนทังั้ 4 สตรอาหารูไดแก้ ่อาหารสตรพู นฐาน้ื (กลุมควบค่มุ T1) อาหารสตรใชูไมยราบย ้กษั (T์ 2) อาหารสตรใชูใบกระถ ้นิ (T3) และอาหารสตรใชูใบม ้นสั าปะหล ํงั (T4) โดยใชพ้ชื ทงสามชนั้ิดในอาหารแต่ละสตรทูระด่ีบั 15 เปอรเซ์นต็ ในส ์ตรอาหารูพบวาส่ตรอาหารทูใช่ีเล้ ยงไก ้ี ่ทต่ี่างกนมัผลที าให ํ ้ อตราการเจรัญเติ บโตต ิอว่นั (ADG) และอตราการแลกเนั้อื (FCR) ของไกกระทงม่ความแตกตีางก่นอยัางม่นียสัาคํญยังิ่ ทางสถติ (P < ิ 0.01) โดยอตราการเจรัญเติ บโตต ิ ่อวนของไก ั ่กระทงพบวา่ ไกกลุ่มท่ ได่ีร้บอาหารพันฐาน้ื (กลุมควบค่มุ ) มอีตราการเจรัญเติ บโตต ิ ่อวนทัส่ีงแตกตู่างกบกลัุมทดลองอ่นอย่ืางม่นียสัาคํญยังทางสถิ่ติ (P < ิ 0.01) คอื 48.07 กรมั ตอว่นักลมทุ่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบมูนสั าปะหล ํงัและกลมทุ่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษัพบว์าม่อีตราการเจรัญเติ บโต ิ ต่อไมม่ความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P > ิ 0.05) โดยมนี้ําหนกตัวเมัอส่ืนส้ิกการทดลองเทุาก่บั 41.68 กรมตั ่อวนัและ 39.25 กรมั/วนัตามลาดํบัแต่มความแตกตี ่างกนั (P < 0.01) กบกลัุมท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบกระถูนทิม่ีอีตราการเจรัญิ 30


เตบโตต ิ ่อวนเทัาก่บั 35.47 กรมตั ่อวนั ในสวนของอ่ตราการแลกเนั้ือ (FCR) พบวาไก ่ ่กลุมท่ ได่ีร้บอาหารสัตรพู นฐาน้ื (ชดควบคุมุ ) มอีตราการแลกเนั้ือคอื 1.74 ซงเป่ึ ็นคาท่ด่ีทีส่ีดเมุอเปร่ืยบเทียบกีบกลัุมทดลองอ่น่ื (P < 0.01) รองลงมา คอกลืุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบมูนสั าปะหล ํงซังม่ึอีตราการแลกเนั้ืออยทู่ 2.06 ่ีแตกต่างกนั (P < 0.01) กบกลัุมท่่ี ไดร้บอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษั ์และกลุ่มทได่ีร้บอาหารสั ตรใบกระถูนซิงม่ึอีตราการแลกเนั้ือเทาก่บั 2.26 และ 2.28 ตามลาดํบั โดยกลุ่มทดลองทได่ีร้บอาหารสั ตรใบกระถูนและกลิุ่มทดลองทได่ีร้บอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษั ์มคีาอ่ตราั การแลกเน้ือไมม่ความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P > ิ 0.05) สอดคลองก้บเกรั ยงไชย ี (2528) ทพบว่ีาเสร่ มไมยราบย ิกษัท์ ่ี ระดบั 15 เปอรเซ์นต็ส์ ตรอาหารไกู่กระทงมผลที าให ํอ้ตราการแลกเนั้ือเพมขิ่นแต้ึ ่ต่างกนั (P < 0.05) กบกลัุมทดลองท่่ี ไมได่ ใช้ ไมยราบย ้กษั ในส ์ตรอาหารูและชพงษุ์และคณะ (2532) ทได่ีท้ าการใช ํ ใบกระถ ้นแชิน่้ําในสตรอาหารไกู่กระทง โดยการใชกระถ้นทิระด่ีบั 15 เปอรเซ์นต็ ในส ์ตรอาหารมูผลที าให ํอ้ตราการแลกเนั้อของไก ืกระทงแตกต่างก่นั (P <0.05) กบกลัุมท่ ไม่ี ใช่ ใบกระถ ่ นในส ิตรอาหารูเชนเด่ยวกีนกับัจราภาิและคณะ (2550) ทได่ีท้ าการทดลองใช ํ ใบม ้นสั าปะหล ํงั ในระดบทัแตกต่ีาง่กนในส ั ตรอาหารไกูกระทงพบว่ าไก ่กระทงม่อีตราการแลกเนั้อทืเพ่ีมขิ่นแตกต้ึางก่นอยัางม่นียสัาคํญั ทางสถติ (P < ิ 0.05) ตามปรมาณใบม ินสั าประหล ํงทัเพ่ีมขิ่ นในอาหาร ้ึ ผลต่อคณภาพซากของไกุ่กระทง จากการทดลองใชอาหารในการเล ้ ยงไก ้ี ่กระทงทต่ี่างกนทังั้ 4 สตรอาหารูไดแก้ ่อาหารสตรพู นฐาน้ื (กลุมควบค่มุ T1) อาหารสตรใชูไมยราบย ้กษั (T์ 2) อาหารสตรใชูใบกระถ ้นิ (T3) และอาหารสตรใชูใบม ้นสั าปะหล ํงั (T4) โดยใชพ้ชื ทงสามชนั้ิดในอาหารแต่ละสตรทูระด่ีบั 15 เปอรเซ์นต็ ในส ์ตรอาหารูพบวาส่ตรอาหารทูใช่ีเล้ ยงไก ้ี ่ทต่ี่างกนมัผลที าให ํ ้ คณภาพซากของไกุกระทงบางประการอ ่ นได ัแก้ ่น้ําหนกมัชีวีติ เปอรเซ์นต็ซาก์ และเปอรเซ์นต็เคร์ องใน ่ืมความแตกตีาง่ กนอยัางม่นียสัาคํญทางสถัติ (P < ิ 0.05) แต่ในสวนของเปอร ่เซ์นต็ก์นึ๋เปอรเซ์นต็ห์ วใจ ั เปอรเซ์นต็ต์บั เปอรเซ์นต็ล์าไส ํ ้ เปอรเซ์นต็ม์าม้ เปอรเซ์นต็ ไขม ์นชัองท่อง้คา่ pH เน้ือหน้าอก และเปอรเซ์นต็ โปรต ์นเนี้ือหน้าอกนนไม ั้ม่มีความแตกี ต่างกนทางสถัติ (P > ิ 0.05) ดงแสดงในตารางท ั 10 ่ี โดยน้ําหนกมัชีวีตพบวิากลุ่มทดลองท่ ได่ีร้บอาหารพันฐาน้ื (กลุม่ ควบคมุ ) มนี้ําหนกมัชีวีตคิอื 1801.67 กรมตั ่อตวัซงเป่ึ ็นคาน่้ําหนกทัส่ีงทูส่ีดแตกตุ่างกนั (P < 0.05) กบกลัุมทดลองท่่ี ไดร้บอาหารสั ตรใบมูนสั าปะหล ํงักลมทดลองทุ่ ไดร ่ีบอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษั ์และกลมทดลองทุ่ ไดร ่ีบอาหารสั ตรใบู กระถนิ โดยมนี้ําหนกมัชีวีตอยิทู่ 1570.00 14่ี 99.17 และ 1390.00 กรมัตามลาดํบัและกลุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสัตรู ใบมนสั าปะหล ํ งไม ัม่ความแตกตี ่างกนั (P > 0.05) กบกลัุมท่ ได่ีร้บอาการสั ตรใบไมยราบยูกษั ์แต่จะมความแตกตี ่างกนั กบกลัมทุ่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบกระถูนิและยงพบอักวีากล่มทุ่ ได่ีร้บอาการสั ตรใบไมยราบยูกษั ไม์ม่ความแตกตีางก่นั (P > Table 2 Effects of the use of giant mimosa leaves, leucaena leaves and cassava leaves on broiler production performance Items Dietary treatments SE P-value T1 T2 T3 T4 Weigh gain (g) 1682.49a 1373.78b 1241.38c 1458.78b 4.62 ** Final weigh (g/h) 1794.31a 1494.83b 1355.25c 1571.96b 4.64 ** ADG (g/day) 48.07a 39.25b 35.47c 41.68b 0.13 ** FCR 1.74c 2.26a 2.28a 2.06b 0.01 ** a , b and c Means in the same row with different superscripts are hightly significantly different (P < 0.01) 31


0.05) กบกลัมทุ่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบกระถูนิ ในสวนเปอร ่เซ์นต็ซาก์พบวากล่มทุ่ ได่ีร้บอาหารสัตรพู นฐาน้ื (กลมควบคุ่มุ ) พบวาม่ เปอร ีเซ์นต็ซากค์อื 81.54 เปอรเซ์นต็ ์และมความแตกตี ่างอยางม่นียสัาคํญทางสถัติ (P < ิ 0.05) กบกลัมทดลองุ่ ทได่ีร้บอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษั ์อาหารสตรใบกระถูนิและอาหารสตรใบมูนสั าปะหล ํงัสวนกลุ่มท่ ได่ีร้บอาหารสัตรู ใบไมยราบยกษัและกล์ุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสัตรมูนสั าปะหล ํงมั เปอร ีเซ์นต็ ซากไม ์แตกต่ ่างกนั (P > 0.05) โดยมคีา่ เปอรเซ์นต็ซากค์อื 79.58 และ 79.65 เปอรเซ์นต็ ์ตามลาดํบัแต่มความแตกตี ่างกนั (P < 0.05) กบกลัุมท่ ได่ีร้บอาหารั สตรใบกระถูนิ โดยมคีาเปอร ่เซ์นต็ซากเท์าก่บั 77.90 เปอรเซ์นต็ ์นอกจากน้ียงพบอักวี าไก ่ ่ทได่ีร้บอาหารทัต่ี่างกนทังั้ 4 สตรอาหารนูนยั้งทั าให ํ เปอร ้เซ์นต็เคร์ องในของไก ่ื ่มความแตกตี ่างกนอยัางม่นียสัาคํญทางสถัติ (P < ิ 0.05) โดยกลุม่ ทดลองทได่ีร้บอาหารสั ตรใบกระถูนมิ เปอร ีเซ์นต็เคร์ องในส ่ืงทูส่ีดโดยมุคีาเปอร ่เซ์นต็เคร์ องในค ่ือื 13.40 เปอรเซ์นต็แตก์ ต่างกนอยัางม่นียสัาคํญทางสถัติ (P < ิ 0.05) กบกลัุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษั , ์สตรใบมูนสั าปะหล ํงั และสตรอาหารพู นฐาน้ื (กลมควบคุ่มุ ) และกลมทดลองทุ่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษัน์นมั้คีาเปอร ่เซ์นต็เคร์ องในไม ่ื ่ แตกต่างกบกลัุมท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบมูนสั าปะหล ํงั (P > 0.05) โดยมคีาเปอร ่เซ์นต็เคร์ องในเท ่ืาก่บั 12.55 และ 12.01 เปอรเซ์นต็ตามล์าดํบัแต่แตกต่างกนั (P < 0.05) กบกลัุมท่ ได่ีร้บอาหารสัตรพู นฐานซ้ืงม่ึคีาเปอร ่เซ์นต็เคร์ องในเท ่ืาก่บั 11.53 เปอรเซ์นต็ ์และยงพบัอกวีากลุ่มทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบมูนสั าปะหล ํงมัคีาเปอร ่เซ์นต็เคร์ องในไม ่ืแตกต่ ่าง กนั ( P > 0.05) กบกลัุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสัตรพู นฐาน้ื (กลุมควบค่มุ ) ซงจากการรายงานของ่ึกตติศิกดั (2548) ิ์ทได่ีท้ าการใช ํ ใบม ้นสั าปะหล ํงแหั งในส ้ ตรอาหารเปู็นเน้ือ ทระด่ีบั 0 5 10 15 และ 20 เปอรเซ์นต็ ในส ์ตรอาหารูโดย การใชใบม ้นสั าปะหล ํงทัระด่ีบั 15 เปอรเซ์นต็ ในส ์ตรอาหารทูาให ํค้ณภาพซากอุนได ัแก้ ่น้ําหนกมัชีวีติ เปอรเซ์นต็ซาก์ เปอรเซ์นต็เน์ ้ือน่องและสะโพก เปอรเซ์นต็เน์ ้ือหน้าอก เปอรเซ์นต็ ไขม ์ นในช ัองท่อง้ เปอรเซ์นต็ก์นึ๋เปอรเซ์นต็ต์บัและ เปอรเซ์นต็ โปรต ์ นในเน ี้ือไมม่ความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P > ิ 0.05) กบกลัุมท่ ไม่ี ใช่ ใบม ้นสั าปะหล ํ งในส ัตรอาหารเลยู ซงแตกต่ึางก่นกั บการทดลองในคร ังนั้ ้ทีพบว่ี าการใช ่ ไมยราบย ้กษั , ์ใบกระถนิ, และใบมนสั าปะหล ํงแหั งป้ ่นในสตรอาหารู ไก่กระทงทระก่ีบั 15 เปอรเซ์นต็น์นมั้ผลที าให ํค้ณภาพซากบางประการนุ้ําหนกมัชีวีติ เปอรเซ์นต็ซาก์ และเปอรเซ์นต็ ์ เครองในม ่ืความแตกตี ่างกนทางสถัติกิบกลัุมควบค่มทุไม่ี ได่ม้ การใช ีพ้ชทืงสามชนั้ิดในสตรอาหารู Table 3 Use of giant mimosa leaves, leucaena leaves, cassava leaves on quality of broiler chicken carcasses. Carcasses characteristics Dietary treatments SE P-value T1 T2 T3 T4 live weight (g) 1801.67a 1499.17bc 1390.00c 1570.00b 4.94 * carcass (%) 81.54a 79.58b 77.90c 79.65b 0.06 * chicken offal (%) 11.53c 12.55b 13.40a 12.01bc 0.03 * gizzard (%) 3.83 3.83 3.86 3.43 0.02 ns heart (%) 0.74 0.63 0.77 0.66 0.01 ns liver (%) 2.57 2.40 2.60 2.57 0.01 ns intestine (%) 5.38 5.48 6.02 5.38 0.03 ns spleen (%) 0.50 0.47 0.53 0.52 0.01 ns abdominal fat (%) 1.42 1.41 1.37 1.52 0.02 ns pH chicken breast 5.75 5.70 5.70 5.72 0.01 ns Chicken Breast Protein (%) 55.25 55.28 55.20 55.52 0.01 ns 32


ผลต่อลกษณะสั ีเนื้อและสีหนังของไก่ จากการทfลองใชอาหารในการเล ้ ยงไก ้ี ่กระทงทต่ี่างกนทังั้ 4 สตรอาหารูไดแก้ ่อาหารสตรพู นฐาน้ื (กลุมควบค่มุ T1) อาหารสตรใชูไมยราบย ้กษั (T์ 2) อาหารสตรใชูใบกระถ ้นิ (T3) และอาหารสตรใชูใบม ้นสั าปะหล ํงั (T4) โดยใชพ้ชื ทงสามชนั้ิดในอาหารแต่ละสตรทูระด่ีบั 15 เปอรเซ์นต็ ในส ์ตรอาหารูพบวาส่ตรอาหารทูใช่ีเล้ ยงไก ้ี ่ทต่ี่างกนมัผลที าให ํ ้ คาส่ของหนีงและสัของเนี้ือไก่อนได ัแก้ ่คา่ L*, a* และ b* มความแตกตี ่างกนอยัางม่นียสัาคํญทางสถัติ (P < ิ 0.05) คา่ ปรากฏของสหนี งไก ั ่บรเวณหนิ ้าอก โดยคา่ L* ของกลุมทอลองท่ ได่ีร้บอาหารสัตรพู นฐาน้ืกลุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารั สตรใบไมยราบยูกษัและกล์มทดลองทุ่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบกระถูนพบวิ าไม ่ม่ความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P > ิ 0.05) โดย มคีาปรากฏของ ่ L* เทาก่บั 67.34 68.39และ 66.83 ตามลาดํบักลุมทอลองท่ ได่ีร้บอาหารสัตรพู นฐานและกล้ืุมทดลอง่ ทได่ีร้บอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษั ไม์ม่ความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P > ิ 0.05) แต่จะมความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P < ิ 0.05) กบกลัุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบมูนสั าปะหล ํงัซงม่ึคีา่ L* เทาก่บั 65.45 ซงไม ่ึม่ความแตกตี ่างกนทางสถัติิ (P > 0.05) กบกลัมทุ่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบกระถูนิสวนค่า่ a* ทปรากฏพบว่ี าการใช ่อาหารส้ ตรใบกระถูนมิคีา่ a* ทส่ีงทูส่ีดุ คอื 4.07 แต่ไมม่ความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P > ิ 0.05) กบกลัุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบมูนสั าปะหล ํงทัม่ีคีา่ a* คอื 3.55 แต่แตกต่างกนอยัางม่นียสัาคํญทางสถัติ (P < ิ 0.05) กบกลัุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสัตรพู นฐาน้ื (ชดควบคุมุ ) และ กลุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษั ์โดยมคีา่ a* เทาก่บั 3.15 และ 3.19 ตามลาดํบัและยงพบอักวีากลุ่มท่่ี ไดร้บอาหารสั ตรใบมูนสั าปะหล ํ งไม ัม่ความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P < ิ 0.05) กบกลัุมท่ ได่ีร้บอาหารสัตรพู นฐาน้ื (กลุม่ ควบคมุ ) และกลุมท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษั ์ในสวนของค่า่ b* ทปรากฏพบว่ีา่กลุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสัตรู ใบกระถนมิคีา่ b* เทาก่บั 21.70 ซงเป่ึ ็นคาท่ส่ีงทูส่ีดเมุอเปร่ืยบเทียบกีบกลัุมทดลองอ่น่ืแต่ไมม่ความแตกตี ่างกนทางั สถติ (P > ิ 0.05) กบกลัุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบมูนสั าปะหล ํงัซงม่ึคีา่ b* เทาก่บั 20.86 แต่จะมความแตกตี ่าง กนทางสถัติ (P < ิ 0.05) กบกลัุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสัตรพู นฐาน้ืและกลุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษั ์ โดยมคีา่ b* เทาก่บั 14.89 และ 16.12 ตามลาดํบั คาปรากฏของของส ่เนี้ือบรเวณหนิ ้าอก พบวาค่า่ L* ของไก่กลุมท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรไมยราบู -ยกษัม์คีาส่งทูส่ีดุคอื 60.44 รองลงมาคอืกลุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสัตรพู นฐานและกล้ืุมท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบกระถูนิ โดยมคีา่ L* เทาก่บั 59.53 และ 58.94 ตามลาดํบัซงไม ่ึม่ความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P > ิ 0.05) แต่มความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P ิ 0.05) กบกลัุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบมูนสั าปะหล ํงัซงม่ึคีา่ L* เทาก่บั 55.58 ในสวนของค่า่ a* พบวากลุ่มทดลองท่ ได่ี ้รบอาหารสั ตรใบมูนสั าปะหล ํงัและกลุมท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบกระถูนมิคีา่ a* ไมแตกต่ ่างกนทางสถัติ (P > ิ 0.05) โดย มคีา่ a* เทาก่บั 6.51 และ 6.49 ตามลาดํบัแต่มความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P < ิ 0.05) กบกลัุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารั สตรพู นฐาน้ื (กลุมควบค่มุ ) และกลุมท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษัซ์งม่ึคีา่ a* เทาก่บั 4.58 และ 4.43 ตามลาดํบั และในสวนของค่า่ b* พบวากลุ่มทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบมูนสั าปะหล ํงซังม่ึคีา่ b* เทาก่บั 21.49 และกลุมท่ ได่ีร้บั อาหารสตรใบกระถูนทิม่ีคีา่ b* เทาก่บั 20.66 ไมม่ความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P > ิ 0.05) แต่มความแตกตี ่างกนั (P < 0.05) กบกลัุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสัตรพู นฐาน้ื (กลุมควบค่มุ ) และกลุมท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษัซ์งม่ึคีา่ b* เทาก่บั 13.36 และ 16.47 ตามลาดํบัและยงพบอักวีากลุ่มท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบไมยราบยูกษัม์คีา่ b* แตกต่างกนั (P < 0.05) กบกลัุมทดลองท่ ได่ีร้บอาหารสัตรพู นฐาน้ื (กลุมควบค่มุ ) โดยจากการทดลองของ ขวญใจ ัและคณะ (2553) ท่ี ไดท้าการเสรํมสารสกิดหยาบจากขมันช้ินัทระด่ีบั 0 0.2 0.4 0.6 และ 0.8 เปอรเซ์นต็ ในอาหารไก ์ ่กระทง พบวา่การ เสรมสารสกิดหยาบจากขมันช้ิ นไม ัม่ผลตี ่อคา่ L* และคา่ a* ของเน้ือหน้าอก หนงบรัเวณหนิ ้าอก และไขม่นชัองท้อง้ รวมท่งคั้า่ b* ของเน้ือหน้าอก ไมม่ความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P > ิ 0.05) สวนค่า่ b* ของหนงบรัเวณหนิ ้าอก พบวาการ่ เสรมสารสกิดหยาบจากขมันช้ินมัผลที าให ํหน้งบรัเวณหนิ ้าอกของไกกล่มทุ่ ได่ีร้บสารสกัดหยาบจากขมันช้ินทั้ระด่ีบั 0.8 เปอรเซ์นต็ ์มสีเหลีองมากขืน้ึ โดยมคีา่ b* สงกวูากล่มทุ่ ได่ีร้บทัระด่ีบั 0.4 0.2 0.6 เปอรเซ์นต็ ์และกลุมควบค่มุตามลาํ กบั (P < 0.05) ทงนั้ ้ีเน้ือจากผลของสารเคอรค์มูนอยดิ (Curcuminoid) ์ ในขมนช้ิ นเป ั้็นสารประเภท Polyphenol ละลาย ไดในไขม ้นั ไดสะสมบร้ เวณใต ิผ้วหนิ งของไก ั ่กระทงจงทึ าให ํค้า่ b* ของหนงบรัเวณหนิ ้าอกเหลองขืน้ึ 33


Table 4 Effects of the use of giant mimosa leaves, leucaena leaves, cassava leaves in broiler on color characteristics of meat and skin Characteristics Dietary treatments SE P-value T1 T2 T3 T4 color characteristics of skin L* 67.34a 68.39a 66.83ab 65.45b 0.06 * a* 3.15b 3.19b 4.07a 3.55ab 0.03 * b* 14.89b 16.12b 21.70a 20.86a 0.16 * color characteristics of meat L* 59.53a 60.44a 58.94a 55.58b 0.13 * a* 4.58b 4.43b 6.49a 6.51a 0.07 * b* 13.36c 16.47b 21.49a 20.66a 0.11 * a , b and c Means in the same row with different superscripts are significantly different (P < 0.05) สรุป จากการทดลองใชอาหารในการเล ้ ยงไก ้ี ่กระทงทต่ี่างกนทังั้ 4 สตรอาหารูไดแก้ ่อาหารสตรพู นฐาน้ื (กลุมควบค่มุ T1) อาหารสตรใชูไมยราบย ้กษั (T์ 2) อาหารสตรใชูใบกระถ ้นิ (T3) และอาหารสตรใชูใบม ้นสั าปะหล ํงั (T4) โดยใชพ้ชื ทงสามชนั้ ดในอาหารแต ิละส่ตรทูระด่ีบั 15 เปอรเซ์นต็ ในส ์ตรอาหารูพบวาอาหารส่ ตรใบไมยราบยูกษัม์ ปรีมาณการกินิ ได้และสมรรถภาพการผลตของไก ิ ่กระทง สงทูส่ีดมุความแตกตี ่างกนอยัางม่นียสัาคํญทางสถัติ (P < ิ 0.05) นอกจาก น้ียงพบวั าการใช ่ส้ตรอาหารทูแตกต่ี ่างกนทังั้ 4 สตรอาหารูในการเลยงไก ้ี ่กระทงยงมัผลที าให ํการแสดงออกของส้ของี หนงและสัเนี้ือบรเวณหนิ ้าอกของไก่นนมั้ความแตกตี ่างกนทางสถัติ (P < ิ 0.05) โดยกลุมท่ ได่ีร้บอาหารสั ตรใบไมยราบู ยกษั ์สตรใบกระถูนิและสตรใบมูนสั าปะหล ํงัมคีาปรากฏของส ่หนี งของไก ั ่มสีเหลีองืและแดงทเข่ีมข้น้ึ 34


คําขอบคุณ คณะผูว้จิยขอขอบคัุณทุนสนับสนุน การวิจยงบประมาณแผ ั ่นดิน ซ่ึงได้รบั จากสถาบนวัจิยและพัฒนาัมหาวทยาลิยั ราชภฏอัุดรธานีทาให ํการท้างานวํจิยนั้ี สาเรํจล็ลุวงไปด ่วยด้ ีนอกจากน้แลีวผ้วู้จิยั ขอขอบคณุผทู้ม่ีสีวนเก่ยวข่ีองท้กๆุทาน่ ทให่ีค้าแนะนํ ําเกยวก่ีบการวัเคราะหิองค์ ์ ประกอบทางเคมสีดทุายน้้ีทางคณะผวู้จิยั ขอขอบคณุเจาหน้ ้าทของ่ีสถาบนวัจิยและั พฒนาัมหาวทยาลิยราชภัฏอัดรธานุีทได่ี ้ ใหค้าแนะนํ ําเกยวก่ีบขันตอนตั้างๆ่ ในการ ขอทนุ เอกสารอ้างอิง ชพงษุ์ศรวีฒนวรชัยัและอทุยัคนโธ ั . 2532. การใชใบกระถ ้นแชิน่้ําเป็นอาหารไกกระทง่ . ภาควชาสิตวบาลัคณะเกษตร มหาวทยาลิยเกษตรศาสตรั , ์ นครปฐม. ดนยัศุภาหาร. 2537. พฤกษศาสตรและพ์นธัมุ์นสั าปะหล ํงั, น. 14-30. ในศนยูว์จิยพั ชไร ืระยอง่กรมวชาการเกษตริ , ผรวบรวมู้ . เอกสารวชาการมินสั าปะหล ํงั, กรงเทพฯุ . เปลอง้ืบุญแกว้. 2552. การใชเน้้ือในเมลดยางพาราในอาหารไก ็ ่กระทง. วทยานิ ิพนธปร์ ญญาโท ิสาขาสตวั -ศาสตร์ มหาวทยาลิยสงขลานครันทริ , ์สงขลา. มาลนิีลมโภคา ้ิ , สชาตุิศราธพนธั , ุ์วมลิจระธนวิฒนั ์, วมลพริจรวิฒนพงศั , ์นวรตนั ์สาครรตนั ์, นิยมศกดั ิ์อุปทมุและ ชาญยทธุเทพา. 2525. ไมยราบไรหนามเป ้ ็นพษในโค ิ . วารสานสตวแพทยั 3 (1): 15-16. ์ ศนยูสารสนเทศการเกษตร์สานํกงานเศรษฐกัจการเกษตริ . 2550. ขอม้ลพู นฐานเศรษฐก้ืจการเกษตริ ปี 2550. สานํกงานั เศรษฐกจการเกษตริ , กรงเทพฯุ . สกล ไขด่าํ , อภชิยัรตนวราหะั , สเมธุศรินิิรนดรั ์และเพมศิ่กดั ิ์ศริวรรณิ . (ม.ป.ป.). การใชใบไมยราบย ้กษั เป์ ็นอาหาร ไก่พนเม้ืองื . เชยงใหม ี : ่สานํกวัจิยและสังเสร่มวิชาการการเกษตริสถาบนเทคโนโลย ัการเกษตรแมี โจ่ .้ สมนุโพธจิ์นทรั , ์นพวรรณ ชมชยั และประเสรฐิ โพธจิ์นทรั . 2536. ์ การใชใบม ้นสั าปะหล ํ งในส ัตรอาหารมูนเสันส้าหรํบั เลยงไก ้ี ่พนเม้ืองื . ประมวลเรองการประช่ืมวุชาการปศ ิุสตวั ์ครงทั้ 12 ่ี ประจาปํ ี 2536 กรมปศุสตวั ์กระทรวงเกษตร และสหกรณ์. หน้า 153-161.เอกสารวชาการิ : สงหาคมิ 2538. สมลทุพยิ ์บุนนาค. 2525. การศกษาปร ึ มาณไมโมซ ิ นและโปรต ิ นในไมยราบย ีกษั ์และกระถนยิกั. วทยานิ ิพนธปร์ญญาิ โท. จฬาลงกรณุ์มหาวทิยาลยั,กรงเทพฯุ . สวสดั ิ์ธรรมบุตร เสรมชาติ ิฉายประสาท และอุทยัพสณฑิ . 2517. ์ การใชม้นสั าปะหล ํ งและใบม ันสั าปะหล ํงสัาหรํ บไก ั ่ กระทงและไก่รนุ่ . สานํกงานวัจิยเกษตรภาคตะวันออกเฉลัยงเหนี ือ ทาพระ่ , ขอนแก่น. สานํกงานเศรษฐกัจการเกษตริ . 2562. ภาวะเศรษฐกจการเกษตรป ิ ี 2562 และแนวโน้มปี 2563. กองนโยบายและแผน พฒนาการเกษตรัสานํกงานเศรษฐกัจการเกษตริ . กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กรงเทพฯุ . Nakkitset, S., Choke. M. and Inger, L. 2008. Effect of feeding head lettuce, eater spinach, ruzi grass or Mimosa pigra on feed intake, digestibility and growth in rabbits. Asian-Aust. J. Anim. Sci. 21(8): 1171 – 1177. 35


ผลการใชข ุ้ยมะพราวเป ้ ็ นวสดัรองพุ้นตื ่ อการเกิดอุ้ งเท ้ าอักเสบ และสมรรถภาพการผลิตในไก่ เน้อื Eff ect of Using Coconut Coir as litter on Foot pad dermatitis and Productivity Performance in Broiler อภิชาติพันชูกลาง1 * Apichart Punchukrang1 * 1 คณะเทคโนโลยการเกษตรีมหาวทยาลิยราชภัฏสงขลาัจงหวัดสงขลาั ประเทศไทย 90000 1 Faculty of Agricultural Technology, Songkhla Rajabhat University, Songkhla, Thailand 90000 * Corresponding author: [email protected] บทคดยั ่อ: การทดลองครงนั้ ้ีมวีตถัุประสงคเพ์อศ่ื กษาการใช ึข้ยมะพรุาวเป ้ ็นวสดัรองพุนในการเล ้ื ยงไก ้ี ่เน้ือ ต่อ การเกดรอยโรคอ ิุงเท้าอ้กเสบัและสมรรถภาพการผลติ โดยทาการทดลองในไก ํ ่เน้ือสายพนธั Ross ุ์ 308 อาย 7 ุ วนัจานวนํ 180 ตวัแบงการทดลองออกเป ่ ็น 4 กลุมๆ่ละ 3 ซ้าํซ้าละํ 15 ตวั ไก่เน้ือกลุมท่ 1 (่ีกลุมควบค่มุ ) ได้ รบการเลั ยงบนแกลบเป้ี ็นวสดัรองพุน้ื 100 % ไก่กลุมท่ 2 ่ีและ 3 เลยงบนแกลบผสมข้ียมะพรุาวเป ้ ็นวสดัรองพุน้ื สดสัวน่ 50% และ 70% สวนไก ่ ่กลุมท่ 4 ่ีเลยงบนข้ียมะพรุาวเป ้ ็นวสดัรองพุน้ื 100 % โดยเลยงให ้ีอาหารแบบ้ ไมจ่ากํดระยะเวลาั 4 สปดาห ั ์ผลการทดลองพบวาท่อาย่ี 35 ุวนัคาคะแนนเฉล่ ยโรคอ ่ีุงเท้าอ้กเสบั ในกลุมท่ 4 ่ี มคีาคะแนนเฉล่ยต่ี่ากวํากลุ่มควบค่มอยุางม่นียสัาคํญั (P < 0.05) แต่อยางไรก ่ ตามปร ็มาณอาหารทิก่ีนิน้ําหนกั ตวทัเพ่ีมขิ่น้ึและอตราการเปล ั ยนอาหารเป่ี ็นน้ําหนกตั วของไก ั ่ทงั้ 4 กลุมการทดลอง่ ไมแตกต่ ่างกนในทางสถ ัติิ (P >0.05) การทดลองน้ีแสดงใหเห้นว็าข่ยมะพรุาวสามารถใช ้ เป้ ็นวสดัรองพุนในไก ้ืเน่้ือและสงผลต่อคะแนนรอย่ โรคอุงเท้าอ้กเสบทัต่ี่าํ คาสําคํญั : ขยมะพรุ้าว; วสดัรองพุืน้ ; อ้งเทุ้าอกเสบั ; สมรรถภาพการผลิต; ไก่เนื้อ ABSTRACT: The aim of the study was to investigate effects of coconut coir as a litter on foot pad dermatitis (FPD) and productivity performance in broiler. A total of 180 birds of seven-days-old Ross 308 were divided into 4 groups, 3 replications each, 15 chicks per replication. The chickens in group 1 (control) were raised on rice hull 100% as litter. The chickens in groups 2 and 3 were raised on rice hull mixed coconut coir as litter at 50 and 70 %. Whereas the chickens in group 4 were raised on coconut coir 100% as litter, They were fed ad libitum for 4 weeks. The results revealed that at 35 days of age, the foot pad dermatitis scores of chicken in group 4 was significantly lower than that of the control groups ( P < 0.05). However, average feed intake, weight gain and FCR were not significantly different (P > 0.05) among treatment groups. This study indicates that coconut coir can be used as litter in broiler, with low foot pad dermatitis lesion score. Keywords: coconut coir; litter; foot pad dermatitis (FPD); productivity performance; broiler 36


บทนํา อุงเท้าอ้กเสบหรัอแผลทื ฝ่ี่าเทา้ (footpad dermatitis) เป็นปัญหาสาคํ ญในอ ัุตสาหกรรมไก่เน้ือ เน่ืองจาก สามารถบ่งบอกถงสวึสดั ภาพการเป ิ ็นอย่ทูด่ี ของของไก ี ่ รอยโรคดงกลั ่าวเกดขิ นได ้ึจากสาเหตุ้หลายประการ โดยสาเหตุทส่ีาคํญทัม่ี ความเป ี ็นไปไดมากท้ส่ีดเกุดจากวิสดัุรองพน้ืเน่ืองจากเทาไก ้ ่ตองส้มผัสกับวัสดัุรองพน้ื ตลอดระยะเวลาการเลยง้ีชนิดของวสดัุรองพน้ืคุณภาพและความหนาของวสดัุรองพนล้ืวนส้งผลต่ ่อการเกดิ อุงเท้าอ้กเสบทังสั้น้ิ (Tom at al., 2013) วสดัรองพุนท้ืด่ีตีองสามารถท้าหนํ ้าทเป่ี ็นฉนวนป้องกนความรัอน้ดดู ซบความเยันจากพ็น้ืคอนกรตหรีอพืนด้ื นปิ ้องกนการสัมผัสกับพั นโดยตรง ้ืดดซูบนั้ําหรอความชื นได ้ืด้ ีและสง่ เสรมการแสดงออกของพฤติกรรมตามธรรมชาติ (Mirjana et al., ิ 2016) วสดัรองพุนท้ืน่ีิยมใชในแต ้ ่ละประเทศ แตกต่างกนออกไปข ันอย้ึกู่บราคาและการหางั ายในแต ่ ่ละทองถ้นิ่วสดัรองพุนท้ืน่ีิยมใชในประเทศไทยค ้อแกลบื ในปัจจบุนแกลบมัราคาทีส่ีงมากขูนต้ึ ่อเน่ือง รวมถงขาดแคลนในบางฤด ึกาลและบางภูมูภาคิ โดยการใชแกลบ้ เป็นวสดัุรองพนน้ืนเกษตรยั้งตัองม้ความเขี าใจถ ้งระยะเวลึ าในการจดการกลับพันแกลบอย้ืางถ่กตูอง้เพอลด่ื ปัญหาความชนสะสมท้ืจะส่ีงผลต่ ่อการเกดรอยโรคอ ิุงเท้าอ้กเสบั (เอกพงษ์และคณะ, 2553) ขยมะพรุาว้ เป็น วสดัเหลุอทืงจากมะพร้ิาวท้ม่ีลีกษณะเป ั ็นขยๆุละเอยดประมาณเม ีดทราย็แหงสน้ ิท มสมบีตัเบาินิยมใชในการ ้ ควนตอนกั่งเพาะชิ่าตํ นไม ้ และใช ้ เป้ ็นวสดั ปลุกูทผ่ีานมาม่การศี กษาการใช ึข้ยมะพรุาวร้วมก่บเศษกลัองเคร่องด่ืม่ื ใชแล้ วในการผล ้ตกระเบิองม้ืงหลุงคาัการผสมขยมะพรุาวท้ระด่ีบรัอยละ้ 5 สามารถดดดซูบนั้ําและระเหยน้ําได้ ด (ีวณชาภาิและคณะ, 2556) ขยมะพรุาวย้ งเปั ็นฉนวนป้องกนความรัอนท้ด่ีีและสามารถเพมประส ิ่ทธิภาพการิ ป้องกนความรั อนได ้ด้มากขี นในการใช ้ึ เป้ ็นสวนประกอบท ่าคอนกรํตมวลเบาี (ธรรมศร และคณะ, 2564) จาก คุณสมบตัของขิยมะพรุาวด้งกลั ่าวผวู้จิยจั งสนใจศ ึ กษาความเป ึ ็นไปไดในการใช ้ข้ยมะพรุาวเป ้ ็นวสดัุรองพนใน ้ื ไกเน่้ือ ต่อการเกดรอยโรคอ ิุงเท้าอ้กเสบและสมรรถภาพการผลั ตในไก ิ ่เน้ือ ทเล่ี ยงในคอกทดลองระบบโรงเร ้ีอนื แบบเปิด วิธีการศึกษา การทดลองครงนั้ ้ีใชไก้เน่้ือคละเพศสายพนธั Ross ุ์ 308อาย 1 ุสปดาห ั ์เลยงในโรงเร ้ี อนระบบเป ื ิดของสถานี ปฏบิตัการสิตวบาลั คณะเทคโนโลยการเกษตรีมหาวทยาลิยราชภัฏสงขลาัช่วงเดอนพฤศจืกายนถิงเดึอนื ธนวาคมั ไก่ทกตุวได ัร้บนั้ําสะอาด และอาหารสตรทางการคูาระด้ บโปรต ันตามชีวงว่ยแบบเตัมท็่ีวางแผนการ ทดลองแบบสมสมบุ่รณู์ (Completely Randomized Design : CRD) โดยแบงออกเป ่ ็น 4 กลุมทดลองๆ่ละ 3 ซ้าๆํละ 15 ตวัรวมจานวนทํงสั้น้ิ 180 ตวั (สมไกุ่ ่เขากลุ้มทดลองจากค่าคะแนนการเก่ ดรอยโรคอ ิุงเท้าอ้กเสบทั่ี เทาก่นั) โดยกลุมท่ 1 ่ี ไก่เน้ือจะไดร้บการเลัยงบนว้ีสดัรองพุนท้ื ป่ีพูนด้ืวยแกลบอย้างเด่ยวี (Control) กลุมท่ 2 ่ี ได้ รบการเลัยงบนว้ีสดัรองพุนท้ื ป่ีดูวยแกลบผสมข้ยมะพรุาวส้ดสัวน่ 50% กลมทุ่ 3 ่ี ไดร้บการเลัยงบนว้ีสดัรองพุนท้ื่ี ปดูวยแกลบผสมข้ยมะพรุาวส้ดสัวน่ 70% และกลุมท่ 4 ่ี ไดร้บการเลัยงบนว้ีสดัรองพุนท้ื ป่ีดูวยข้ยมะพรุาวอย้าง่ เดยวปร ีมาณิ 100% โดยมความหนาประมาณ ี 1.5 น้ิวในทกกลุ ุมการทดลอง่ทาการกลํบวัสดัรองพุนท้ืกุ 15 วนั ทาการเลํ ยงไก ้ี ่เป็นระยะเวลา 4 สปดาห ั (1-5 ์สปดาห ั ) ์ทาการบํนทักนึ ้ําตวเมัอเร่ืมติ่น้และน้ําหนกตัวเมัอส่ืนส้ิดุ การเลยง้ี ปรมาณอาหารทิก่ีนิและน้ําหนกตัวเฉลัยท่ีกุ 2 สปดาห ั ์เพอใช ่ืค้านวณหาอํตราการเจรัญเติ บโตและ ิ ประสทธิ ภาพการใช ิอาหารเม้อส่ืนส้ิดการเลุยง้ีขอม้ลคะแนนการเกูดรอยโรคอ ิุงเท้าอ้กเสบัทาการตรวจประเม ํนิ คะแนนการเกดรอยโรคอ ิุงเท้าอ้กเสบเมัอส่ืนส้ิดการเลุยงท้ีกตุวั โดยใหเกณฑ้คะแนนการเก์ดรอยิ 37


โรคอุงเท้าอ้กเสบัแบงออกเป ่ ็น 4 ระดบคะแนนั (คาคะแนน่ 0-3) ไดแก้ ่คาคะแนน่ 0 ไมพบรอยโรคหร ่อแผลทืผ่ีา่ เทา้คาคะแนน่ 1 พบรอยโรคหรอแผลทืผ่ีาเท่ าไม ้เก่นิ 25 % คาคะแนน่ 2 พบรอยโรคหรอแผลทืผ่ีาเท่ าในช ้วง่ 25% - 50% และคาคะแนน่ 3 พบรอยโรคหรอแผลทืผ่ีาเท่ามากกว้า่ 50 % และนํามาหาคาคะแนนรอยโรคอ ุ่งเท้า้ อกเสบั (Zikic et al., 2017) นําขอม้ลทูได่ี ไปว ้เคราะหิผลทางสถ์ติโดยว ิธิวีเคราะหิ ความแปรปรวน ์ (analysis of variance: ANOVA) และเปรยบเทียบความแตกตี ่างระหวางค่าเฉล่ยด่ีวยว้ธิ Duncan’s new multiple range test ี (DMRT) โดยใชโปรแกรมส ้าเรํจร็ ปู ผลการศึกษาและวิจารณ์ สมรรถภาพการเจริญเติบโต ผลของการใชข้ยมะพรุาวเป ้ ็นวสดัรองพุนในการเล ้ื ยงไก ้ีเน่้อืตอสมรรถภาพการเจร่ญเติ บโตตลอดระยะเวลา ิ การทดลอง พบวา่น้ําหนกตัวเมัอส่ืนส้ิดการเลุยง้ีของกลมเลุ่ยงบนว้ีสดัรองพุนท้ื ป่ีดูวยแกลบผสมข้ยมะพรุาว้ 70 % มนี้ําหนกตัวสังทูส่ีดเทุาก่บั 1,943.00 กรมตัอต่วัรองลงมาคอกลืมเลุ่ยงบนว้ีสดัรองพุนท้ื ป่ีพูนด้ืวยแกลบอย้าง่ เดยวี (Control) กลุมท่เล่ียงบนข้ียมะพรุาว้ 100 % และกลุมท่เล่ียงบนว้ีสดัรองพุนท้ื ป่ีดูวยแกลบผสมข้ยมะพรุาว้ 50% ซงม่ึคีาเท่าก่บั 1,904.00 1,897.00 และ 1,889.33 กรมตั ่อตวัตามลาดํบั โดยแตกต่างอยางไม ่ม่นียทางั สถติ (P > ิ 0.05) ในสวนของปร ่มาณอาการทิก่ีนิกลมเลุ่ยงบนว้ีสดัรองพุนท้ื ป่ีดูวยแกลบผสมข้ยมะพรุาว้ 70% กนิ อาหารไดมากส้ดุ 3,106.67 กรมตัอต่วัรองลงมาคอกลืมเลุ่ยงบนว้ีสดัรองพุนท้ื ป่ีพูนด้ืวยแกลบอย้างเด่ยวี (Control) กลมทุ่เล่ียงบนว้ีสดัรองพุนท้ื ป่ีดูวยแกลบผสมข้ยมะพรุาว้ 50 % และกลมทุ่เล่ียงบนข้ียมะพรุาว้ 100 % กนอาหาริ 3,080.33 3,053.33 และ 3,025.67 กรมตั ่อตวัตามลาดํบั ในขณะทประส่ีทธิ ภาพการเปล ิ ยนอาหารเป่ี ็นน้ําหนกั ตวัของกลมทุ่เล่ียงบนว้ีสดัรองพุนท้ื ป่ีดูวยแกลบผสมข้ยมะพรุาว้ 70 % มคีาต่่าทํส่ีดซุงแตกต่ึางอย่ างไม ่ม่นียทางั สถติ (P > ิ 0.05) กบกลัุมท่เล่ียงบนว้ีสดัรองพุนกล้ืมอุ่น่ื (Table 1) ทงนั้ ้ีสอดคลองก้บรายงานของั Huang et al. (2009) ทใช่ีว้สดัรองพุนท้ืแตกต่ี ่างกนได ัแก้ ่แกลบ หญาส้บั และเปลอกมะพรืาวส้บั เป็นวสดัรองพุนในการเล ้ืยง้ี ไก่เน้ือ ซงไม ่ึส่งผลต่ ่อประสทธิ ภาพในการผล ิติและยงมัพบวีาว่สดัรองพุนอ้ื่นๆืหลายชนิดทแตกต่ี ่างกนักไม็ ่ สงผลต่ ่อประสทธิภาพการผลิ ตไก ิ ่เน้ือเชนก่นั (Toghyani et al., 2010; Gracia et al., 2012) ทงนั้ ้ีมปีัจจยหลายั อยางท่ส่ีงผลต่ ่อประสทธิภาพการผลิ ตของไก ิ ่เน้ือ ซงป่ึ ัจจยทัส่ีาคํญคั อโภชนะท ื ใช่ี ในการเล ้ ยงไก ้ี ่และอุณหภมูิ จากสงแวดลิ่อม้ (Huang et al., 2009) Table 1 Effects of Coconut Coir levels mixed with litter on broilers performance (1-5 weeks) Items Treatment SEM P-value Control Coconut Coir Coconut Coir Coconut Coir 50% 70% 100% Initial weight (g/b) 192.67 195.00 193.33 197.33 6.653 0.491 Final weight (g/b) 1904.00 1889.33 1943.00 1897.00 63.751 0.404 Body weight gain (g/b) 1711.33 1694.33 1749.67 1699.67 69.188 0.429 ADG (g/b/d) 61.11 60.51 62.48 60.70 2.47 0.429 Feed intake (g/b) 3080.33 3053.33 3106.67 3025.67 75.127 0.276 FCR 1.79 1.80 1.77 1.78 0.065 0.698 38


คะแนนรอยโรคอ้งเทุ้าอกเสบั คาคะแนนรอยโรคอ ุ่งเท้าอ้กเสบั (footpad dermatitis) ในไก่เน้ือเมอส่ืนส้ิดการเลุยงท้ีระยะเวลา่ี 5 สปดาห ั ์ พบวากลุ่มท่เล่ียงบนข้ียมะพรุาวเป ้ ็นวสดัรองพุน้ื 100% มคีาคะแนนรอยโรคอ ุ่งเท้าอ้กเสบตั่าสํดทุ 0.11 ± 0.04 ่ี คะแนน โดยพบวาม่ความแตกตี ่างอยางม่นียสัาคํญทางสถัติ (P < ิ 0.05) กบกลัุมท่เล่ียงบนว้ีสดัรองพุนท้ื ป่ีพูน้ื ดวยแกลบ้ (Control) และกลุมท่เล่ียงบนว้ีสดัรองพุนท้ื ป่ีดูวยแกลบผสมข้ยมะพรุาว้ 50% โดยมคีาคะแนนรอย่ โรคท 0.75 ± 0.32 ่ีและ 1.51 ± 0.21 ตามลาดํบั (Table 2) จากการทข่ียมะพรุาวเป ้ ็นวสดัมุขนาดเลีกละเอ็ยดี ประมาณเมดทราย็จงสึ งผลให ่เก้ ดรอยโรคอ ิุงเท้าอ้ กเสบในไก ั ่เน้ือทด่ี่าํสอดคลองก้บรายงานของั Bilgili et al. (1999a,b) วาการใช ่ ทรายเป ้ ็นวสดัรองพุนส้ืงผลต่ ่อการเกดรอยโรคอ ิุงเท้าอ้กเสบทัต่ี่าเมํอเท่ืยบกี บการใช ัข้เล้ีอย่ื เป็นวสดัรองพุน้ืซง่ึ Tom et al. (2013) กลาวว่าว่สดัรองพุนท้ืม่ีขนาดเลีกสามารถด็ดซูบความชั นได ้ืด้ ีและสามารถ คายความชนได ้ืเร้วกว็าว่สดัุรองพนท้ืม่ี ขนาดใหญ ี ่ลดการเกดโรคอ ิุงเท้าอ้ กเสบได ัด้ ีแต่อยางไรก ่ ตามหากไม ็ม่ ี โปรแกรมการจดการวัสดัรองพุนท้ืด่ีกีจะส็งผลต่ ่อการเกดรอยโรคอ ิุงเท้าอ้กเสบั Table 2 Effect of the litter treatment on the incidence of foot pad dermatitis (FPD) in broilers at 5 weeks of age Score Treatments P-value Control Coconut Coir 50% Coconut Coir 70% Coconut Coir 100% No. % No. % No. % No. % 0 6 13.34 23 51.11 35 77.78 40 88.89 1 15 33.33 14 31.11 5 11.11 5 11.11 2 19 42.22 4 8.89 4 8.89 0 0 3 5 11.11 4 8.89 1 2.22 0 0 Total 45 100 45 100 45 100 45 100 Average 1.51 ± 0.21a 0.75 ± 0.32b 0.3 5± 0.21bc 0.11 ± 0.04c 0.027 a , b , c Means in the same row without a common letter in their superscripts differ (P < 0.05) No. = number สรุป จากการทดลองสามารถสรปไดุว้าการใช ่ข้ยมะพรุาวเป ้ ็นวสดัรองพุนในการเล ้ื ยงไก ้ี ่เน้ือทกระดุบั ไมม่ผลตี ่อ สมรรถนะการผลตของไก ิ ่เน้ือ อยางไรก ่ ตามการใช ็ข้ยมะพรุาวเป ้ ็นวสดัุรองพนในการเล ้ื ยงไก ้ี ่เน้ือทส่ีดสัวน่ 70 % และ 100 % สงผลต่ ่อคะแนนรอยโรคอุงเท้าอ้กเสบทัต่ี่าํซงสามารถน่ึ ํามาใชเป้ ็นวสดั รองในการลดการเกุดิ โรคอุงเท้าอ้ กเสบได ัแต้ ่ควรศกษาในการเล ึยงระด้ีบอัุตสาหกรรมต่อไป 39


คําขอบคุณ ขอขอบคณุนายวนิยัดาทองํนายสเมธุปิ่นภกดั ีนายกตติศิกดั ิ์รตนานัุกลู และนายเจษฎบด์นทริ ์จนทรั ์ อนทริ ์นกศั กษาคณะเทคโนโลย ึการเกษตรีมหาวทยาลิยราชภัฏสงขลาั ใหการช้วยเหล่ อในการเก ืบข็อม้ลวูจิยั เอกสารอ้างอิง ธรรมศรเชยงทองสีขุ ,จระภาิมาพงษ, ์ธารารตนั ์แกวสก้ลณุีและอาพนํจรสจรังเกุยรตี . 2564 ิการพฒนาคอนกรัตี บลอกระบบเซลล็ลารูด์วยส้วนผสมจากข่ยมะพรุาวเพ้ อปร่ื บปร ังคุณสมบุตัติฉนวนกินความรัอน้ . น. MAT04-1 - MAT04-5. ใน: การประชมวุชาการวิ ศวกรรมโยธาแห ิงชาต่ ิครงทั้ 26 ่ีเรอง่ืวศวกรรมโยธาก ิบการพัฒนาั อยางไร ่ข้ดจีากํดั. 23-25 มถิุนายน 2564. โรงแรมโกลเดนทซ์ติ, ้ีระยอง. วณชาภาิมนาบิลยู , ์สริชิยัจรวงศิน์ุสรณ์และชชชตัภิชัจตมณิ . 2556. การผลตกระเบิองม้ืงหลุงคาจากขัยมะพรุาว้ ผสมเศษกลองเคร่องด่ืมท่ื ใช่ีแล้วท้ง้ิ. รายงานวจิยัมหาวทยาลิ ยเทคโนโลย ัราชมงคลรี ตนโกส ันทริ , ์นครปฐม. เอกพงษ์โพธงามิ์ , ศรอาภาีคงดีและสมชาย ศรพีลู . 2553. ระยะเวลาในการจดการวัสดัรองพุนท้ืม่ีผลตีอการเก่ดิ องเทุ้าอ้กเสบัและคณภาพซากในไกุเน่้อื ภายใตสภาพอากาศร้อนช้น้ื. ราชภฏเพชรบัรณู์สาร 12(1): 130-141. Bilgili, S. F., G. I. Montenegro, J. B. Hess, and M. K. Eckman. 1999a. Sand as litter for rearing broiler chickens. J. Appl. Poult. Res. 8:345–351. Bilgili, S. F., G. I. Montenegro, J. B. Hess, and M. K. Eckman. 1999b. Live performance, carcass quality, and deboning yields of broilers reared on sand as a litter source. J. Appl. Poult. Res. 8:352–361. Garcia, R. G., I. C. L. Almeida Paz, F. R. Caldara, I. A. Nääs, L. G. F. Bueno, L. W. Freitas, J. D. Graciano, and S. Sim. 2012. Litter Materials and the Incidence of Carcass Lesions in Broilers Chickens. Braz. J. Poult. Sci. 14: 27-32. Huang, Y., J.S. Yoo, H. J. Kim, Y. Wang, Y. J. Chen, J. H. Cho, and I.H. Kim. 2009. Effect of bedding types and different nutrient densities on growth performance, visceral organ weight, and blood characteristics in broiler chickens. Journal of Applied Poult. Res. 18: 1-7. Mirjana, D. S., B. Sinisa, Z. Dragan, P. Lidija, and M. Niko. 2016. Effect of straw size and microbial amendment of litter on certain litter quality parameters, ammonia emission, and footpad dermatitis in broilers . Arch. Anim. Breed. 59: 131–137. Toghyani, M, A. Gheisari, M. Modaresi, S. A. Tabeidian, and M. Toghyani. 2010. Effect of different litter material on performance and behavior of broiler chickens. Appl. Anim. Behav. Sci. 122: 48-52. Tom, T., W. Jessica, Z. Wei, M. Haitham, M. Yakout, and Y. Liang. 2013. What Causes Footpad Dermatitis in Poultry. https://www.thepoultrysite.com/articles/what-causes-foot-dermatitis-in-poultry. Accessed 21 December 2021. Zikic, D.I., M. I. Djukic-Stojcic, S. I. Bjedov, L. I. Peric, S. I. Stojanovic, and G. I. Uscebrka. 2017. Effect of Litter on Development and Severity of Foot- Pad Dermatitis and Behavior of Broiler Chickens. Braz. J. Poult. Sci. 19: 247-254. 40


ข่าวกิจกรรมสมาคมส กรรมสมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทย ประเทศไทย 7 องค์กรปศสุตวั ์ เขาพบให ้ ้ ก ํ าลังใจอธบดิ ีกรมปศสุตวั ์ สมาคมสตวบาลแหั งประเทศไทย ่ ในพระราชปถูมภัสมเด์จพระเทพร็ตนราชสัดาฯุสยามบรมราชกุมารีพรอมด้วย้ สตวแพทยัสภา์สตวแพทยัสมาคมแห์ งประเทศไทย ่ ในพระบรมราชปถูมภั ์สมาคมนิสตเกิามหาว่ทยาลิยเกษตรศาสตรั ์ สมาคมศษยิเก์าส่ตวแพทยัมหาว์ทยาลิยเกษตรศาสตรั ์สมาคมศษยิเก์าส่ตวแพทยัจ์ฬาลงกรณุ์มหาวทยาลิยัและสมาคม สตวแพทยัผ์ควบคู้ มฟารุม์รวม 7 องคกรปศ ์สุตวั ์ไดเข้าพบ้นายสตวแพทยัสมชวน์รตนมังคลานนทั ์อธบดิ กรมปศ ีสุตวั ์ เมอว่ืนทั 1 ่ีพฤศจกายนิ 2566 เพอให ่ืก้าลํ งใจในการปฏ ับิตัหนิ ้าทการปราบปรามเน่ี้ือสกรเถุ่อนืเน้ือโค-กระบอเถื่อนื ให้ หมดจากประเทศไทย. 41


ข่าวกิจกรรมสมาคมส กรรมสมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทย ประเทศไทย แสดงความยนดิ ี คณจุํ าลอง เติมกลิ่ นจันทร์นกสัตวบาลดั ีเด ่ น นายสุเทพ วงศ์ร่นืนายกสมาคมสตวบาลแหั ่งประเทศไทย ในพระราชูปถมภั ์สมเดจพระเทพร็ตนราชสัุดาฯ สยามบรมราชกุมารีพรอมด้วยคณะกรรมการสมาคมส้ตวบาลฯั ไดแสดงความย้นดิกีบันายจาลองํเตมกลินจิ่นทรั ์ นักสตวบาลดัเดี ่น ทได่ีร้บปร ัญญาดิุษฎบีณฑัตกิตติมศิกดั (ิ์สตวศาสตรั ) ์คณะเกษตร มหาวทยาลิยเกษตรศาสตรั ์ เมอว่ืนทั 12 ่ีตุลาคม 2566. 42


ข ่าวประชาสั มพ ั นธ ์ รอยเอก้ธรรมนัส พรหมเผ่า รฐมนตรัวี่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานการประชมุ คณะกรรมการนโยบายพฒนาไก ั ่ไข่และผลตภิณฑั ์ (Egg Board) ครงทั้ 3/2566 ่ี โดยมีนายประยรูอนิสกุล ปลดกระทรวงเกษตรและสหกรณั ์ผู้บรหาริกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และผบรู้หารหนิ ่วยงาน ทเก่ียวข่ีอง้เขาร้วม่ณ หองประช ้มกระทรวงเกษตรุและสหกรณ์ซงท่ึ ประช่ีมมุมตีเหินชอบ็ (ราง่ ) ประกาศ คณะกรรมการนโยบายพฒนาไก ั ่ไข่และผลตภิณฑั ์เรอง่ืหลกเกณฑั มาตรการและแนวทางปฏ ์บิตัเกิยว่ีกบการปลดไก ั ่ไข่ตามอายุท่เหมาะสมี โดย (ร่าง) ประกาศดงกลั ่าวเป็นการขอความร่วมมอผื ประกอบู้การไก่ไขให่ม้ การปลดไก ี ่ไขย่นกรงทือาย่ีุไมเก่นิ 80 สปดาห ั ์ยกเวนรายย้อยท่เล่ียงต้ี่ากวํา่ 30,000 ตวัและ เงอนไขอ ่ืน่ืๆ ตามทกรมปศ่ีุสตวัก์าหนดํซงท่ึ ประช่ีมุ ไดมอบหมายกรมปศ ุ้สตวั ในการศ ์กษาและพึจารณาิขอกฎหมายท้เก่ี่ยวขีองส้าหรํบการจัดทัามาตรการํและแนวทางการปฏบิตัทิ่มีความชีดเจนมากยังขิ่น้ึเพ่อสรื างแนวทางการปฏ ้บิตัทิม่ีความเที ่าเทยมและีเป็นธรรมสาหรํบผั ประกอบการไกู้ ่ไขทุ่กระดบัทงนั้ ้ีทประช่ีมมุมตีเหินชอบแผนการน็ ําเขาเล้ ยงไก ้ี ไข่พ่นธัุ์ (GP และ PS) ปี 2567 แบงเป่ ็น ไก่ไขป่ ่ยูาพ่นธั (GP) ุ์จานวนํ 3,800 ตวั และไก่ไขพ่อแม่พ่นธั (PS) ุ์จานวนํ 440,000 ตวัเพ่อให ื ้สอดคล้องกบความตั ้องการ บรโภคไข ิ ไก่ ่ภายในประเทศ อกดีวย้ สาหรํบสถานการณั ์ไก่ไขป่ ัจจบุนั ประเทศไทยมีการสงออกไข ่ ไก่ ่สด (ขอม้ลูณ วนทั 31 ่ีต.ค. 2566) จานวนํ 381.65 ล้านฟอง มูลค่า 1,703.78 ล้าน บาท โดยสงออกไปย ่งสั งคโปร ิ 72% ์ฮ่องกง 16% และไตหว้นั 7% ในดานการด้าเนํ ินมาตรการรกษาัเสถยรภาพราคาไข ี ไก่ ่กระทรวงเกษตรฯ โดยกรม ปศุสตวั ์ได้มการหารีอรื ่วมกบผัูแทนสมาคมไก ้ ่ไข่สหกรณ์ไก่ไข่และผู้ประกอบการไก่ไข่พนธัุ์เพ่อืกาหนดมาตรการรํกษาเสถั ยรภาพราคาไข ี ่ไก่ร่วม กนัซงผลการด่ึาเนํ ินงานเดอนืพ.ย. 2566 เป้าหมาย 58.50 ลานฟอง ้ (ขอม้ลูณ วนทั 30 ่ีพ.ย. 2566) พบ ว่า มการเกี บรวบรวมไข ็ ไก่ ่เพอการส่ืงออก่จานวนํ 59,063,928 ฟอง มการปลดไก ี ไข่ก่อนก่าหนดํจานวนํ 539,949 ตวั (เทยบเทีาส่ งออกไข ่ ไก่ 8,644,710 ่ ฟอง) รวมผลดาเนํ ินการแลว้ 67,708,638 ฟอง คดเป ิ ็น 115.74% จากเป้าหมาย. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร Egg Board เห็นชอบ (ราง่ ) ประกาศคณะกรรมการนโยบายพฒนาไก ั ่ไขและผล่ ิตภัณฑ์ เร่องืหลักเกณฑ์มาตรการ และแนวทางปฏิบตั ิเกี่ยวกับการปลดไก่ไขตามอายุ่ที่เหมาะสม และแผนการนําเขาเล้ ี้ยงไก่ไขพ่นธัุ์(GP และ PS) ปี2567 เพ่อให ื ้สอดคล้องกับความต้องการบรโภคไข ิ ไก่ ่ภายในประเทศ 43


ข ่าวประชาสั มพ ั นธ ์ วนพฤหัสบดัที 7 ่ีธนวาคมั 2566 เวลา 7.30 น. นายสตวแพทยัสมชวน์รตนมังคลานนทั ์อธบดิกรมี ปศสุตวั เป์ ็นประธานการจดกัจกรรมติอต่านการท้จรุติ และประพฤตมิ ชอบของกรมปศ ิุสตวั ์ปี 2567 พรอม้ ดวยนายส้ตวแพทยั โสภ ์ชยั ์ชวาลกุล นายสตวแพทยั ์ ประภาส ภญโญช ิพีนายพงษพ์นธั ์ธรรมมา นายสตวั แพทยบ์ุญญกฤช ปิ่นประสงค์รองอธบดิ กรมปศ ีุสตวั ์ ผอู้านวยการกองํ /สานํกั ปศุสตวัเขต์และเจาหน้ ้าท่ี กรมปศุสตวั ์ณ ลานหน้าเสาธงกรมปศุสตวั ์โดยมี กิจกรรมเดนขบวนรณรงคิ ์ต่อต้านการทุจรติและ เคารพธงชาติเพ่อแสดงเจตจืานงสํุจรตและความิ มุงม่ นในการต ั่่อตานการทุ้จรตคอริร์ปชันทัุกรปแบบู สรางความตะหน้ ักรูและความมุ้่งมนของขั่าราชการ้ ลกจูาง้และพนกงานราชการของกรมปศ ัุสตวั ์ในการ ปฏบิตัราชการตามกฎหมายอยิ ่างถูกต้อง โปร่งใส และความเชอม่ื นให ั่ก้ บประชาชน ัเกษตรกร รวมทงั้ ผมู้สีวนได ่เส้ยทีเก่ียวข่ีอง้ ทงนั้ ้ีอธบดิ ไดี ้มอบโล่เกียรติคุณ เพ่อยกยื ่อง หน่วยงานท่ีปฏิบตัิราชการอย่างใสสะอาด เชิดชู เกยรตีผิูประพฤต ้ ปฏิบิตัตนชอบดิ ้วยความซ่อสืตยั ์ สุจรตมิคีุณธรรมจรยธรรมอินดังามีตามมาตรฐาน ทางจรยธรรมิเพอเป่ื ็นตนแบบในการปฏ ้บิตัราชการิ ทด่ีแกี ่ขาราชการ้ลกจูาง้และพนกงานราชการของั กรมปศุสตวั .์ กรมปศสุตวั ์ จัดกิจกรรมรวมพลังต ่ อต ้ านทจรุติ และประพฤติมชอบิ ประจําปีงบประมาณ 2567 44


ข ่าวประชาสั มพ ั นธ ์ บรษิทัเจรญโภคภ ิณฑัอาหาร์จากํดั (มหาชน) หรอืซพี เอฟีรบรางวัลพระราชทานั Thailand Corporate Excellence Awards 2023สาขาความเป็นเลศิ ดานการตลาด้ จากโครงการ “ไก่ไทยจะไปอวกาศ” ในพิธีประกาศผลและมอบรางวลพระราชทานใน ั สมเดจพระกน็ ิษฐาธราชเจิา้กรมสมเดจพระเทพร็ตนั ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีซ่งจึ ดโดยสมาคม ั การจดการธัุรกจแหิ ่งประเทศไทย (TMA) ร่วมกบั สถาบนบัณฑัตบริหารธิรกุจศศินทริ ์แหงจ่ฬาลงกรณุ์ มหาวทยาลิยั โดยมีนายประสทธิ ิ์บุญดวงประเสรฐิ ประธานคณะผูบร้หาริซพี เอฟ ีรบรางวัลัสะทอน้ ความมุ่งมนยกระดั่บความปลอดภ ัยของผลัตภิณฑั ์ อาหารสมาตรฐานขู่นสั้งระดูบอวกาศัและตอกยาการ้ํ เป็นองคกรแห์ ่งนวตกรรมทั ให่ีความส้าคํญสังสู ุดกบั การสงมอบผล่ตภิณฑัท์ม่ีคีณภาพุปลอดภยัมคีณคุา่ ทางโภชนาการสผู่บรู้ โภค ิควบคกู่บการสรัางค้ณคุา่ รวมให ่แก้ ่สงคมัชมชนุและประเทศ บนพนฐานของ้ื การเตบโตอย ิางย่งยั่นื นายประสทธิ ิ์บุญดวงประเสรฐิ ประธานคณะผู้ บรหาริซพี เอฟีกลาวว่า่ซพี เอฟีดาเนํ ินธรกุจภายิ ใตว้สิยทัศนั ์ “ครวของโลกท ัย่ีงยั่นื” เพ่อสรืางความ้ มนคงทางอาหารั่ดวยนว้ ตกรรมและเทคโนโลย ั ใหม ีๆ่ ผลตอาหารทิด่ีตี่อสขภาพุและดตี่อใจ เป็นทมาของ่ี "ไก่ไทยจะไปอวกาศ" ของซพี เอฟ ีรบรางวัลพระราชทานั Thailand Corporate Excellence Awards 2023 สาขาความเป็ นเลิศด ้ านการตลาด 45


ข ่าวประชาสั มพ ั นธ ์ โครงการ “ไก่ไทยจะไปอวกาศ” ท่มีุ่งมนยกระดั่บั เน้ือไก่ไทยส่มาตรฐานความปลอดภ ูยระดับอวกาศั (Space Food Safety Standard) โดยดาเนํ นโครงการ ิ วจิยรัวมก่บสองพันธมัตรผิเชู้ยวชาญด่ีานนว้ตกรรมั อวกาศจากสหรฐอเมรักาิ NANORACKS LLC และ mu Space ผู้เช่ยวชาญดี ้านนวตกรรมอวกาศใน ั ภูมภาคเอเชิยตะวีนออกเฉั ียงใต้เพ่อสรื ้างความ เชอม่ื นให ั่ก้บผับรู้ โภค ิ และเป็นครงแรกทั้ผล่ีตภิณฑั ์ อาหารของไทยกาวส้ มาตรฐานความปลอดภ ู่ยขันสั้งู ทไม่ี ใช่แค่ระด่ บโลก ัแตเป่ ็นมาตรฐานความปลอดภยั ระดบเดัยวกีบทัน่ีกบันอวกาศสามารถริ บประทานได ั ้ “ซพีเอฟีมความภาคภีมูใจทิ ได่ีร้บรางวัลพระราชทานั ในครงนั้ ้ีเป็นการสะทอนความม้งมุ่นและความสั่าเรํจ็ ทแสดงถ่ีงคึณภาพของสุนคิาและบร้การิเพอน่ื ําเสนอ สนคิาท้ด่ีภายใต ีแบรนด้ CP ์สรางความเช้อม่ื นให ั่ก้บั ลกคูาของเรา้เกนกวิาความคาดหมายของล่กคูาใน ้ เร่องของคืุณภาพของสนคิาและบร้การิ และเป็นอกี ภารกจทิพ่ีสิจนู์วาเน่้ือไกของ่ CP เป็นหน่ึงในแบรนด์ ทม่ีมาตรฐานความปลอดภ ียสังสูดุชวยย่นยืนวัาคน่ ไทยทกคนไดุก้ นไก ิ ปลอดภ ่ ยในระด ับเดัยวกีบนักบันิ อวกาศรบประทาน ั ” นายประสทธิ ิ์กลาว่ บริษัทฯมุ่งมันผล่ิตอาหารท่ีมีคุณภาพและ ปลอดภยัทกคุาทํบร่ี โภคต ิองม้คีณคุาทางโภชนาการ ่ ในราคาเหมาะสม โดยคานํ ึงถึง 3 ปัจจยั ได้แก่ นวตกรรมั (Innovation) สขภาพุ (Wellness) และ เป็นมตรติอส่งแวดลิ่อม้ (Planet) ควบคกู่บการศักษาึ ความต้องการและพฤตกรรมของผิูบร้ โภค ิเพ่อนื ํา มาต่อ ยอดการวจิยและพัฒนาผลัตภิณฑั ์รวมถงึ ออกแบบการส่อสารและสรืางสรรค้ แคมเปญท ์ตอบ่ี โจทย์ไลฟ์สไตล์และ เทรนด์ต่าง ๆ เพ่อยกระดืบั คณภาพของอาหารและเปุิดประสบการณ์รบประทาน ั อาหารทด่ีตี่อสขภาพของคนไทยุ นอกจากน้ียงใหัความส้าคํ ญเป ั ็นอยางย่งติ่งแตั้่ กระบวนการการเลยงส้ีตวั ให์ม้สีขภาพแขุงแรง็ดวย้ การคดเลัอกสายพืนธัุ์การเลยงในโรงเร ้ีอนเลืยงส้ีตวั ์ ทม่ีระบบการจี ดการฟาร ัมท์ด่ีีสะอาด มระบบป ี ้องกนั โรค การพฒนาอาหารสัตวัท์เหมาะสมก่ีบแตัละช่วงว่ยั ของสตวั ์คดคินส้ตรอาหารสูตวัจากนว์ ตกรรมโปรไบ ั โอตกิซงเป่ึ ็นจลุนทริยีชน์ดดิทีท่ีาใหํล้าไส ํส้ตวัแข์งแรง็ โดยรวมม่อกืบสถาบันวัจิยระดั บโลก ัคดเลั อกโปรไบ ื โอตกจากิ 125,000 สายพนธัุ์จนไดโปรไบโอต ้กแขิง็ แรงทส่ีดเพุยงี 10 สายพนธัุ์เพอสร่ืางภ้มูคิมกุ้นจากั ภายใน ทาให ํ ไก้ ่แขงแรงตามธรรมชาต็ ิไมป่ ่วย จงึ ไมต่ องใช ้ยา้ทาให ํผล้ตภิณฑัเน์ ้ือสตวั ปลอดภ ์ยและั ปลอดสารตกคาง้ 100 % ภายใตความม้งมุ่ นเป ั่็นครวของโลกท ัย่ีงยั่นืซพี ี เอฟ ยดมึ นใน ั่ “ปรชญาั 3 ประโยชน์สความยู่งยั่นื” ตามดารํ ของประธานอาว ิ โสุธนินท์เจยรวนนที ์มา ประยุกต์ใช้เพ่ือเป็นแนวทางการดาเนํ ินธุรกิจท่ี คานํ ึงถงประโยชน ึ ์ของประเทศชาติประชาชน และ บรษิทัสอดรบกั บเป ั ้าหมายการพฒนาทัย่ีงยั่นแหื ่ง สหประชาชาต (SDGs) ิรวมทงสนั้บสนัุนเป้าหมาย ระดบโลกในการลดการปล ั ่อยก๊าซเรอนกระจกสืุทธิ เป็นศูนย์ (Net-Zero) สะท้อนความตงใจจร ั้งของิ บรษิททั่มีมาอยี ่างต่อเน่ือง บนพ้นฐานการดืาเนํ ิน ธุรกจอยิางย่งยั่นดืวยการสร้างค้ณคุาท่ด่ีใหีก้บสังคมั ชมชนุและโลก. 46


ข ่าวประชาสั มพ ั นธ ์ บรษิทั เบทาโกร จากํดั (มหาชน) หรอื “BTG” โดย “กลุมผล่ ตปศ ิุสตวั ” ์จดงานั “BETAGRO Livestock Symposium 2023” ภายใตแนวค้ดิ “Livestock Sustainovation” เป็นเวทแลกเปล ี่ยนองคี ์ความรู้ ประสบการณ์และนําเสนอผลงานนวตกรรมดั ้าน การผลตปศ ิุสตวั ของเบทาโกร ์เพอให ่ืเก้ดการนิ ําไป ประยกตุใช์และต้อยอดการท่างานํเพมประส ิ่ทธิภาพิ การผลิตและคุณภาพ รวมถึงส่งเสริมการผลิตท่ี เบทาโกร จัดงาน “Livestock Symposium” ต ่ อเน ่ องเป ื ็นปีที่ 10 น ํ าเสนอนวตกรรมเพั่ อความยืงย ่ ันดื ้านปศสุตวั ์ ตอกย ้ ากลย ํุทธ ์ “360? Transformation” 47


ข ่าวประชาสั มพ ั นธ ์ สอดคลองก้บขัอก้าหนดและมาตรฐานตํางๆ่ของคคู่า้ ลกคูาท้ งในและต ั้่างประเทศ ตอกยากลย้ํทธุ “BETA- ์ GRO 360? Transformation” ทม่ีงยกระดุ่บขัดความี สามารถใหม่ๆ และเพมศิ่ กยภาพในการแข ังข่ นให ัก้บั เบทาโกรไปสการเตู่บโตท ิแข่ีงแกร็งและย่งยั่นื “นายสมศักดิ์บุญลาภ” ประธานเจ้าหน้าท่ี ปฏบิตัการิกลุมผล่ ตปศ ิุสตวั ์บรษิทั เบทาโกร จากํดั (มหาชน) กล่าวว่า งาน “BETAGRO Livestock Symposium 2023” จดตั ่อเน่ืองมาเป็นปีท 10 ่ีเพอ่ื เปิดโอกาสให้พนักงานกลุ่มผลตปศ ิุสตวั ์ของเบทา โกร ทงในและต ั้่างประเทศ ได้พฒนาและตั ่อยอด องคความร์เพู้ อการปร่ื บปร ัุงนวตกรรมดัานการผล้ติ ปศุสตวั ์ทเก่ีดจากคิดคินว้จิยัพฒนาั และปรบปร ัุง ดวยแนวทางหร้อวืธิการใหม ี ่ๆ รวมถงการประย ึกตุ์ ใชนว้ ตกรรมและเทคโนโลย ั ีตลอดจนการใหความ้ สาคํญกับความยังยั่นืเพ่อนื ําไปต่อยอดการทางานํ ส่งผลใหเก้ดการเพิ มประส ิ่ทธิภาพการผลิติและมี คณภาพสุงสูดุตลอดจนผลตภาพทิมากข่ีน้ึ การจดงานในป ั ีน้ีจดขั นภายใต ้ึ ้แนวคดิ “Livestock Sustainovation” ซงมาจากค่ึาวํ ่า “Sustainability” และคาวํ ่า “Innovation” มผลงานทีร่ี่วมส่ง เขาค้ดเลัอกเพื่อนื ําเสนอผลงานวชาการทิงสั้นกว้ิ ่า 83 ผลงาน และผานการค่ดเลั อกในด ืานความย้งยั่นื (Sustainability) และนวตกรรมั (Innovation) จานวนํ 30 ผลงาน แบงเป่ ็นรปแบบู Poster จานวนํ 20 ผล งาน และ Presentation จานวนํ 10 ผลงาน โดยมี “ศ.น.สพ.ดร.ทวศีกดั ิ์สงเสร่มิ” คณะสตวแพทยศาสตรั ์ มหาวทยาลิยเกษตรศาสตรั ์และ “ศ.น.สพ.ดร.เผดจ็ ธรรมรกษั ์” คณะสตวแพทยศาสตรั ์จุฬาลงกรณ์ มหาวทยาลิยัรวมเป ่ ็นคณะกรรมการและใหค้าแนะนํ ํา สาหรํบผลงานทัผ่ีานการค่ดเลัอกื ไมเพ่ยงเทีาน่้ียงมั ี “Special Talk” สดพุเศษิจาก “ดร.วทยิ ์สทธิเวคินิ” ทมาร่ีวมพ่ดคูยในหุวขัอ้ “The Danger of DOING NOTHING” อกดีวย้ “BETAGRO Livestock Symposium เป็นเวที สาคํญทั่ทีาให ํ ้พนักงานกลุ่มผลตปศ ิุสตวั ์ของเบทา โกร ทงในและต ั้่างประเทศ ไดค้ดคิน้ ปรบปร ังุและ พฒนาการกระบวนการทัางานดํานการผล้ ตปศ ิุสตวั ์ ดวยว้ธิการีหรอแนวทางใหม ื ่ๆ สอดคลองก้บการั ทางานภายใต ํกลย้ทธุ “BETAGRO ์ 360? Transformation” ทม่ีุ่งทาให ํเก้ดกระบวนการทิ างานใหม ํ ่ๆ (New Way of Working) รวมถงการนึ ําเทคโนโลยี มาช่วยการขบเคลั่ือนการทางานในท ํุกด้าน เพ่ือ ใหการข้บเคลัอนกล่ืมผลุ่ ตปศ ิสุตวัม์ ประส ีทธิภาพและิ คณภาพุตลอดจนมผลีตภาพทิมากข่ีน้ึทงยั้งเปั ็นการ ยกระดบขั ดความสามารถใหม ี ่ๆ และเพมศิ่ กยภาพใน ั การแขงข่ นให ัก้ บเบทาโกรไปส ัการเตู่บโตท ิแข่ีงแกร็ง่ สะทอนถ้ งการเป ึ ็นบรษิทอาหารครบวงจรชันนั้ําของ ไทยทต่ีองการช้วยเพ่มคิ่ณคุาช่วีตทิกคนุดวยอาหาร้ ทด่ีกวีา่เพอช่ืวีตทิย่ีงยั่นตื ่อไป. 48


แซบ-นัว... ครัวสัตวบาล หานหิวโหย..! ระยองเป็นจงหวัดหนั่งในภาคตะว ึ นออกของประเทศไทย ัทม่ีรายได ี ประชากรต ้อห่วสังู ทส่ีดในประเทศุ มคีาขวํญของจังหวัดระยองวัา่ “ผลไมรสล้าํ้อตสาหกรรมกุ้าวหน้านํ้าปลา รสเดด ็ เกาะเสมดสวยหร ็ูสนทรภุ่กวูีเอก” คาวําระยองเพ่ยนมาจาก้ี “รายอง ็ ” เป็นภาษา ชองอาจมความหมายสองอยีาง่คอืเขตแดน หรอื ไมประด ้ ู่มการกลีาวอ่างว้าแต่เด่มมิหญีงชราิ ชอว่ืา่ “ยายยอง”เป็นผมาตู้งหลั้กฐานประกอบอาช ัพที าไร ํ ในแถบน ่้ีกอนผ่ ใดู้จงเรึยกบรีเวณแถบิ น้ีวา่ “ไร่ยายยอง” ต่อมาภาษาพดเพูยนไปจนกลายเป ้ี ็น “ระยอง” การเดนทางในคร ิงนั้ ้ีเป็นการเดนทางเพิ อไปงานส ่ืชมพีูของลกสาวเพูอนท่ืเร่ียนี Animal Science AGGIE 8 KKU ดวยก้นมาังานน้ีไดจ้ดทั่ีหองแกรนด้ ์บอลรมูโรงแรมโนโวเทล ระยอง รมเพิรสอรีท์ซงสถานท่ึ ่ี แต่งงานหางจากต่วเมั องระยองไปประมาณ ื 20 กโลเมตร ิเราออกเดนทางจากกริงเทพฯุเวลาประมาณ 10.00 น. โดยกะวาจะไปหาอาหารเท ่ยงท่ีอร่ีอยๆ่แกลมเบ้ยรี ์ซงจะต่ึองม้ทีงอาหารทะเลสดๆั้และอาหารป่าแซบๆ บรรยากาศรนรมย่ื ์ทจ่ีงหวัดระยองัซงจากการได ่ึสอบถาม้อาจารย goo ์กอนออกเด่นทางิกได็ค้าแนะนํ ํามาวา่ “ร้านตานานป ํ ่า” ทต่ีงอยั้ ใกล ู่ ๆ้กบบัานเพ้จ.ระยองเป็นรานอาหารเก้ ่าแก่อายหลายสุบปิ ีแหงจ่งหวัดระยองั ไมใช่ เป่ ็นเพยงแคีร่านอาหารธรรมดาๆเท้าน่นั้อาณาจกรของรัานน้้เปี ็นทรวมท่ีกความบุนเทังทิงสวนสนัุ้ก สวน น้ํา และยงมับรีการริสอรีทอ์กดีวย้ซงจากท่ึห่ีานห่ วโหยได ิมาเย้อนตื านานป ํ ่าครงแรกนั้ ้ีกพบก็บบรรยากาศั ทใกล ่ีช้ดธรรมชาติอยิางแท่จร้งิเหมอนได ืท้งมาเทั้ยวป่ี ่า และด่มดื่าเบํยรีเย์นๆ็แกลมอาหารป ้ ่าและอาหาร ทะเลในทเด่ียวกีนเลยั โดยทน่ี่ีเกดจากความคิดริเริมของิ่คณชุยรัตนั ์ไตรรตนจรัสพรัเจาของท้น่ี่ีทต่ีองการ้ สรางบรรยากาศท้อย่ีอาศู่ยสัวนต่ วให ัเหม้ อนป ื ่ามากทส่ีดุโดยไดแรงบ้ นดาลใจมาจากการท ั ได่ี ไปเท ้ยวน่ี้ําตกที ลอซูรงสรรคั ให์ท้น่ี่ีสวยงามมากจรงๆิ โดยเฉพาะโซนป่า ทได่ีร้บการจัดและตกแตั ่งใหเสม้อนวื าเป่ ็นป่าจรงๆิ รมร่นด่ื วยแมกไม ้ต้ ่างๆ รวมถงนึ ้ําตกน้อยใหญ่มโซนทานอาหาร ี และโซนสวนน้ํา เรยกได ีว้าน่ ้องๆ ของสวน นงนุชเลยกว็าได ่ ้ถาหากใครมาเท ้ยวระยองแล่ีว้ ไมอยากเห่นแต็ทะเลอย่างเด่ยวีลองมาพกทัน่ี่ดีไดู้บรรยากาศ แตกต่างกนโดยส ันเช้ิงิ ในสวนของโซนอาหารซ ่งห่ึองอาหารของท้น่ี่ีจะตองเข้ าไปล ้กพอสมควรึ โดยระหวาง่ เขาไปท ้ห่ีองอาหาร้เราจะผาน่ “ป่า” ของทน่ี่ีซงจะม่ึทีงนั้ ้ําพุจดถุ่ายรปูหนกิ อนใหญ ้ ่ๆ ทม่ีมอสปกคล ีุม และ ตนไม ้ ใหญ้ ่ๆ มากหน้าหลายตาทรวมก่ี นกลายเป ั ็น “ตานานป ํ ่า” อกทีงทั้น่ี่ีมทีจอดรถเยอะมาก่ีเลอกจอดใน ื ทร่ีมๆ่ ไดตามใจชอบ ้ ตอน ต ํานานป่ า 49


เมอเด่ืนเขิามาถ้ งโซนห ึองอาหาร้นบวั าเป่ ็นโซนทม่ีขนาดี คอนข่ างใหญ ้ ่มาก โดยกลางรานจะม้ โซนป ี ่าจาลองํซงด่ึานบน้ มเครี่องพื ่นหมอกพ่นน้ําออกมาตลอดเวลา ใหความรู้ส้กสดึ ชนมากๆ่ืสวนปร ่ มาณโต ิ ๊ะอาหารกม็เยอะมากีถาเราน้ งไปส ั่กั พกกัจะม็ทีวรัจ์นมานีงทานอาหารเยอะมากั่แต่ทางรานจะจ้ดั แบงโซนไว ่ค้อนข่างด้ ีเลยไมได่ย้นเสิยงรบกวนสีกเทั าไร ่เมนู อาหารของทน่ี่ีจะมทีงอาหารทะเลั้อาหารป่า และมอาหารจีนี พอพวกเราสสหายได ่ีเล้อกทืน่ีงเปั่็นทเร่ียบรีอยแล้ว้การ เลอกเมนืูสาหรํ บเป ั ็นกบแกลัมเบ้ยรีเย์นๆ็กได็เร้มิ่ ตน้ณ บดนาวั !! เมนูแรกทเล่ีอกืคอื “กวางผดพรั ิกไทยดาํ ” กบั “ยาตํ านานป ํ ่า” พรอมก้บเบัยรีเย์นๆ็ 2 ขวด กบแกลัมจานแรกมาพร้อมก้บจานทัสอง่ี มาถงภายในเวลาไม ึเก่นิ 10 นาท ีนบวัารวดเร่ว็ มาก เมนู“กวางผดพรั ิ กไทยดาํ”เสริฟมาในกระทะร ์อน้ความ รสู้กแรกเมึ อได ่ืต้กเขั าปากเค ้ยวด้ีพบวูา่เน้อนืุ่มสดๆุรสชาตคลิาย้ เน้ือววั ไม่มกลีนคาวิ่มความหอมของพรี กไทยด ิาํทเข่ีาก้ นได ัด้กีบั น้ํามนหอยัจงทึ าให ํต้องตบด้วยเบ้ยรีเย์ นจนเป ็ ็นวนลุ้ างปากไปจนหมดแก ้ว้ แลวจ้งตามดึวย้ “ยาตํ านานป ํ ่า”จานน้ีทาออกมารสชาตํคลิายๆย้าถํวพัู่มี รสหวานมนของกะทัและนิ้ําพรกเผาิ เขาไมได่ ใส้ถ่วพั่เพูยงอยีางเด่ยวีแต่ กลบเตั มไปด ็วยผ้กหลากหลายชนั ิดเชน่ผกกัดูดอกขจร ถวั่และผกอันๆ่ื คลุกเคลาด้วยน้้ํายาํและกะทิรสชาตเลยเขิมข้นมากๆ้ทานเลนๆ่หรอื เป็น กบขัาวก้ ได็ ้กบแกลัมชุ้ดแรกหมดไปอยางรวดเร่วพร็อมก้บเบัยรีสองขวด์ กบแกลัมช้ดทุสองก่ีตามมาพร็อมก้บเบัยรีเย์นๆ็อกสองขวดีคอื “ผกกั ดไฟู แดง” “ปลาหมึกแดดเดียว” และ “แกงส้มไข่ปลาเรียวเซียว” กบแกลัม้ ชดนุ้เปี ็นผกปั ่าบวกกบอาหารทะเลัซง่ึ “ผกกั ดไฟแดงู ”จานน้รสชาตี พอใช ิ ้ ได้ไมโดดเด ่นเท่าท่ควร่ี “ปลาหมึกแดดเดียว” ไมแตกต่ ่างกบรัานอ้นๆ่ืท่ี เคยชมมาิสาหรํบั “แกงส้มไข่ปลาเรียวเซียว” จดมาดั วยไข ้ ปลาเม ่ ดใหญ ็ ่ ตวไข ั ปลาเร ่ยวเซียวเวลาเคียวจะเหน้ี ียวหนึบๆ รสชาตมินๆัดีน้ําแกงสมก้ ็ ปรงมากลมกลุอมก่าลํงดั ไมีเผ่ดมาก็รสจดพอควรัจดได ัว้าเป่ ็นกบแกลัมท้่ี มความอรีอยท่ควรค่ีกู่บเบัยรีเย์นๆ็ซงถ่ึ าใครได ้มาท้น่ี่ีอยาล่มเมนืูน้ีเป็นอนั ขาดครบั หมดไปแลวเบ้ยรี ์5 ขวด กบแกลัม้ 5 อยาง่เวลาเพงจะผิ่านพ่น้ ไปเพยงชี วโมงเด ั่ยวเทีาน่นั้เวลานงแชั่เพ่อด่ืมด่ื่ายํงมัอีกมากีซงม่ึบางคนี ตองการรองท้องด้วยข้าวสวยร้อนๆ้จงได ึส้งอาหารทั่เหมาะส่ีาหรํบขัาวมา้ บางประกอบด ้วย้ “หมยูนานู ” “ยาไข ํแมงดา่ ” และ “ปนูิ่มทอดกระเทียม” แซบ-นัว... ครัวสัตวบาล 50


Click to View FlipBook Version