The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับประเทศจีน การปกครอง ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมการกิน ประเพณีเเละเทศกาล เเละสถานที่ท่องเที่ยวประเทศจีน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by disaempeeranann, 2023-01-27 01:14:13

วัฒนธรรมจีน

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับประเทศจีน การปกครอง ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมการกิน ประเพณีเเละเทศกาล เเละสถานที่ท่องเที่ยวประเทศจีน

วัฒนธรรมจีนที่น่าสนใจ CHINESE CULTURE 中 国 文 化 9001311 วิชาวิถีโลก คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาราชภัฏพระนครศรีอยุธยา


ประเทศจีน มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า ๐สาธารณรัฐประชาชนจีน๑(People’s Republic of China) ชาวตะวันตกมักจะเรียกประเทศจีนว่า China และขนานนามให้ประเทศจีนเป็น ๐ดินแดนตะวันออกไกล๑ เป็นรฐัเอกราชในเอเชยีตะวนัออก มเีมอืงหลวงอยทู่ก่ีรงุปกักงิ่และเป็นประเทศทม่ีปีระชากรมากทส่ีุดในโลก กว่า 1.3 พันล้านคน ซึ่งมีชนชาติต่างๆ อยู่รวมกัน 56 ชนชาติ โดยเป็นชาวฮั่นร้อยละ 93.3 ที่เหลือเป็นชน กลุ่มน้อยอื่นๆ ธงชาต ิ ธงชาติจีนเป็นรูปดาวสีเหลือง 5 ดวงบนพื้นสีแดง ดาวดวง ใหญ่หมายถึงพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเป็นผู้นํา ดาวเล็กทั้ง 4 ดวง หมายถึง ชนชั้น ที่ประกอบขึ้นเป็นสังคมจีน คือ ชนชั้น กรรมกร ชนชั้นชาวนา ชนชั้นนายทุนน้อย และชนชั้นนายทุน แห่งชาติ ซึ่งมีความหมายถึงเอกภาพของประชาชนจีนทุกชนชั้น ภายใต้การนําของพรรค คอมมิวนิสต์จีน สาธารณรัฐประชาชนจีน People’s Republic of China 中华人民共和国 เมืองหลวง : กรงุปักกิ่ง


ภม ู ิ ศาสตรข ์ องประเทศจ ี น ประเทศจนีตงั้อยใู่นเอเชยีตะวนัออก บนฝั่งตะวนัออกของมหาสมุทรแปซฟิิก มพีน้ืทด่ีนิ ประมาณ 9.6 ล้าน ตารางกิโลเมตร มีพรมแดนติดต่อประเทศต่างๆ โดยรอบ 15 ประเทศ ได้แก่ เกาหลีเหนือ รัสเซีย มองโกเลีย คาซัคสถาน เคอร์กิซสถาน ทาจิกิสถาน อัฟกานิสถาน ปากีสถาน อินเดีย เนปาล สิกขิม ภูฐาน พม่า ลาว และ เวียดนาม โดยมีเส้นพรมแดนทางบกยาวกว่า 2 หมื่นกิโลเมตร ขณะที่ทิศตะวันออกและทิศใต้จดทะเลเหลือง ทะเล จีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ รูปแบบการปกครอง สถาปนาประเทศเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2492 มีพรรคคอมมิวนิสต์จีนดําเนินการปกครองประเทศ ตามแนวทางพื้นฐานของลัทธิมาร์กซ์ -เลนิน และความคิดเหมา เจ๋อตง โดยประยุกต์เข้ากับแนวทฤษฎี การสร้างสรรค์ความทันสมัยให้แก่ระบอบสังคมนิยมของนายเติ้ง เสี่ยวผิง พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นแกน นําในการปกครอง โดยมีพรรคการเมืองอื่นอีก 8 พรรค เป็นแนวร่วม ภายใต้การปกครองในลักษณะ สังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะแบบจีน เติ้ง เสี่ยวผิง เหมา เจ๋อตง


ชนชาต ิ มีชนชาติต่าง ๆ อยู่รวมกัน 56 ชนชาติ โดย เป็นชาวฮั่น ร้อยละ 93.3 ที่เหลือเป็นชนกลุ่มน้อย อื่นๆ ที่สําคัญ ได้แก่ ชนเผ่าจ้วง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ ในเขตปกครองตนเองกวางสีและมณฑลยูนนาน ชนเผ่าหุยในมณฑลหนิงเซี่ยและกานซู ชนเผ่าอุยกูร์ในมณฑลซินเกียง ชนเผ่าหยี ใน มณฑลเสฉวน ชนเผ่าทิเบตในเขตปกครอง ตนเองทิเบตและมณฑลชิงไห่ ชนเผ่าแม ้ วในมณฑลยูนนานและกุ้ยโจว ชนเผ่า แมนจู ในมณฑลทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชนเผ่า มองโกลในเขตปกครองตนเองมองโกเลียในและซิ นเจียง ชนเผ่าไตหรือไทในมณฑลยูนนาน และชนเผ่า เกาซันในไต้หวัน ภาษาราชการ ภาษาจีนกลาง (ผู่ทงฮว้า普通话) เป็นภาษา ราชการ ชาวจีนในมณฑลต่างๆ มีภาษาพูดท้องถิ่นที่ แตกต่างกัน เช่น เสฉวน หูหนาน แต้จิ๋ว ไหหลํา กวางตุ้ง ฮกเกี้ยน ฮักกา และเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น เง ิ นตรา สกุลเงินเรียกว่า ๐เหรินหมินปี้” (人民币)โดย มีหน่วยเรียกเป็น ๐หยวน” (元)มีอัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน เท่ากับ 4.4949 บาท, 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 6.8985 หยวน


วัฒนธรรมจีน มารยาทในการให้ของขวัญกับชาวจีน สิ่งของที่ควรหลีกเลี่ยง - ควรหลีกเลี่ยงการมอบของกินของใช้ในชีวิตประจา วนั ทั ่วไป - สาลี่ และแตงโม ไม่ควรมอบให้แก่กนัเน่ืองจากสาล่ี ้พ้องเสยีง กับคําว่า "หลี" ซึ่งหมายถึงการพลัดพลากจากกัน ผลไม้ประเภท แตง ที่ชื่อภาษาจีนลงท้ายด้วย "กวา" คล้องกับคําว่า "ส่ากวา" ที่ หมายความว่าโง่ในภาษาจีน - ดอกไม้ที่ไม่ควรมอบให้กัน คือ ดอกเก๊กฮวย เพราะเป็นดอกไม้ที่ใช้สําหรับงานศพ - สิ่งของที่มีสีขาวและสีด า ควรระวังเนื่องจากคู่ สีดังกล่าวเป็นคู่สีที่ใช้ในงานศพ - คนจีนไม่นิยมให้นาฬิกาเป็นของขวัญกัน โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งเป็นของขวัญให้ผู้สูงอายุ เพราะคําว่า ๐มอบนาฬิกาให้ เป็นของขวัญ๑ ภาษาจีนออกเสียงว่า 送钟 (ซ่ง-จง) ดันไป พ้องเสียงกับคําว่า 送终 (ซ่ง-จง) ที่หมายถึงให้ความ เคารพครั้งสุดท้ายที่หลุมศพ - คนจีนไม่นิยมซื้อรองเท้าให้คนที่ไม่ใช่คนในครอบครัว เพราะมัน มีสํานวนว่า 穿小鞋 ความหมายตามตัวคือ ๐สวมรองเท้าเล็ก๑ ซึ่งหมายถึงทําให้คนสวมเจ็บเท้า สํานวนนี้เลยมีความหมายว่าจงใจ สร้างความลําบากให้คนอื่น ในสังคมจีนเมื่อต้องการมอบของขวัญแก่ผู้อื่นควรพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละโอกาสและ สถานการณ์ โดยทั่วไปเมื่อไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านเพื่อนหรือคนรู้จัก ควรนําของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ติดไป ให้ภรรยาของเจ้าบ้าน เช่น ช่อดอกไม้ ผลไม้หรือผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เป็นต้น


มารยาทในการรับประทานอาหารแบบจีน 1. ในฐานะแขกผู้มาเยือน ไม่ควรรับประทานหรือดื่มเครื่องดื่มก่อนเจ้าบ้านเด็ดขาด ตามธรรมเนียมของชาวจีน เจ้าบ้านจะเริ่มต้นด้วยการเสิร์ฟอาหารแก่หัวหน้าแขกที่มาเยือนรวมถึงแขกที่นั่งใกล้ๆอีก 1 หรือ 2 คน จากนั้น ก็จะกล่าวเชิญให้แขกเริ่มรับประทานอาหารได้ ในตอนนี้เองที่เราจะได้รับอนุญาตให้สามารถตักอาหารได้ 2. ชิมอาหารให้ครบทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะ ตามธรรมเนียมจีนถือว่าเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมากหากเราจะไม่แตะ ต้องอาหารจานใดจานหนึ่งเลย. 3. ถามเพื่อนร่วมโต๊ะก่อนตักอาหารหรือเติมนํ้าให้ตัวเองเสมอ เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจถูกมองว่าเป็นพวก ตะกละตะกลามที่ไร้มารยาทเอาได้ หากเอาแต่ตักอาหารหรือรินนํ้าให้ตัวเองก่อน 4. ไม่ควรยกจานอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะหรือยกจานอาหารส่งต่อให้คนอื่น แม้ว่าอาหารจานนั้นจะอยู่ไกล ออกไปอกีฝั่งของโต๊ะ 5. กินจนเกลี้ยงจานถือเป็นการดูถูกเจ้าบ้าน เพราะมันอาจถูกแปลความหมายไปว่าเขาเสิร์ฟอาหารให้น้อย เกินไป ไม่เพียงพอต่อความต้องการของแขก 6. ไม่ควรเป็นคนตักอาหารชิ้นสุดท้ายในจานนั้นๆเด็ดขาด ชาวจีนมองว่าเป็นเรื่องโชคร้ายและยังมองอีกว่าคน ที่ตักชิ้นสุดท้ายเป็นคนตะกละและหิวตลอดเวลา 7. อย่าวางตะเกียบไว้บนถ้วย หรือทิ้งไว้ในถ้วยเมื่อทานเสร็จ เพราะถือว่าไม่สุภาพและเป็นเรื่องของโชคร้าย แต่ควรวางไว้บนที่วางตะเกียบ 8. การเจรจาธุรกิจจะไม่ทําบนโต๊ะอาหาร โดยทั่วไปบนโต๊ะอาหารตามธรรมเนียมจีน เรื่องที่พูดคุยกันจะเป็น เรื่องที่สบายๆ เช่น ศิลปะแบบจีน อาหาร สุขภาพของคนในครอบครัวและการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ มากกว่า ที่จะพูดคุยกันเรื่องการเมืองหรือศาสนา 9. การยกแก้วร่วมยินดีควรใช้สองมือเพื่อแสดงความเคารพ 10. การเสิร์ฟผลไม้ถือเป็นการปิดท้ายการรับประทานอาหาร


วัฒนธรรมความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ "ตะเกียบ" ของชาวจีน “ตะเกียบ” ซึ่งชาวจีนเป็นชนชาติแรกของโลกที่มีการใช้งานตะเกียบ โดยเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วง หลังยุคราชวงศ์ฮั่น หรือราวๆ คริสต์ศตวรรษที่ 3 โดยมีเรื่องราวความเชื่อเกี่ยวกับตะเกียบดังต่อไปนี้ 1. ห้ามปกัตะเกยีบไวใ้นชามขา้ว การปกัตะเกยีบลงบนชามขา้ว จะ เหมอืนการปกัธูปลงบนกระถางธูป เสมอืนเป็นการไหว้บรรพบุรุษ หรือผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว 2. ห้ามดูด หรือ เลียตะเกียบ ชาวจีนถือว่าเป็นกิริยาที่ไม่สุภาพ 3. ห้ามใช้ตะเกียบเคาะถ้วยชาม ความเชื่อของชาวจีนจะมองว่า ประหนึ่งทําตัวเป็นขอทานที่คอยเคาะถ้วยเคาะชามเพื่อเรียกร้อง ความเมตตาสงสาร 4. ห้ามใช้ตะเกียบข้างเดียวจิ้มลงบนอาหาร ตามความเชื่อของชาว จีนแล้วนั้น การทําแบบนี้จะถือว่าเป็นการเหยียดหยามนํ้าใจกัน 5. ห้ามใช้ตะเกียบคุ้ยเขี่ยอาหาร ชาวจีนจะมองว่าการใช้ตะเกียบคุ้ย เขี่ยอาหารในจานนั้นเปรียบได้กับพวกโจรสลัดซึ่งขุดสุสานเพื่อหา สมบัติ ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ 6. ห้ามใช้ตะเกียบชี้หน้าผู้อื่น ซึ่งเป็นกิริยาที่ไม่สุภาพ 7. ห้ามใช้ตะเกียบทําท่าวนไปมาบนโต๊ะอาหาร 8. ห้ามวางตะเกียบสะเปะสะปะ การวางตะเกียบไม่เสมอกันถือเป็น เรื่องอัปมงคลอย่างยิ่ง คนจีนจะมีคํากล่าวที่ว่า三长两短 "ชาน ฉางเหลียงต่วน" หมายถึง "สามยาวสองสั้น" วลีนี้ชาวจีนหมายถึง "ความตาย" หรือ "ความวิบัติฉิบหาย" ดังนั้น การวางตะเกียบที่ทําให้ เหมือนมีแท่งไม้สั้นๆ ยาวๆ จึ่งเป็นเรื่องอัปมงคลอย่างยิ่ง


เทศกาลที่ส าคัญของประเทศจีน เทศกาลตรุษจีน (ชุนเจี๋ย) 春节 ตามจันทรคติจีนในวันขึ้น 1 คํ่า เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ โดยชาวจีนเรียกว่า ๐ ชุนเจี๋ย ๑ (春节 ) และยังมีการเรียกอีกหลายชื่อ แต่ไทยเราทั่วไปเรียกว่า ๐ ตรุษจีน ๑ การฉลองประเพณีอันเก่าแก่ของเทศกาลตรุษจีนนั้น เริ่มด้วยก่อนถึงวันเทศกาลตรุษจีนไม่กี่วันทุกบ้าน จะต้องจัดการทําความสะอาดบ้านเป็นการใหญ่ เพื่อแสดงถึงการกําจัดของเก่าที่ไม่ดีออกไป ต้อนรับของใหม่ ที่จะเข้ามา เมื่อถึงวันที่ 24 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติจีนก็จะต้องส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ เจ้าองค์นี้เป็นเทพเจ้า เตาไฟทป่ีระจาํบา้นช่องดแูลทุกขส์ุขและปกป้องคนในครอบครวัใหอ้ยเู่ยน็เป็นสุข วันสุดทา้ยของปีซง่ึเป็นวนัสุกดบิตงั้แต่เชา้ทุกบา้นจะเตรยีมของไหวเ้จา้ ไหวฟ้ ้าดนิ ไหวบ้รรพบุรษุท่ี ล่วงลับไปแล้ว และไหว้วิญญาณที่ไร้ญาติ ของที่ไหว้นั้นมี ของคาว 3 อย่าง อาหาร 5 อย่าง ผลไม้ 5 อย่าง เหล้า ของหวาน ธูปเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง เป็นต้น เมื่อไหว้บูชาเรียบร้อยแล้ว ตอนเย็นทุกคน ในบ้านจะมารับประทานอาหารมื้อเย็นร่วมกัน ดื่มกินเฉลิมฉลองต้อนรับตรุษจีน หลังเสร็จสิ้นรับประทาน อาหาร ผู้ใหญ่จะให้อังเปาเด็กเป็นนัยอวยพรให้เด็กเจริญเติบโตอย่างปลอดภัย ประเพณีวันตรุษจีนจะสืบเนื่องถึงเมื่อย่างเข้าสู่วันที่ 4 ของเดือนแรกตามปฏิทินจันทรคติจีน คนจีนจะ ไหว้เจ้าอีกครั้งเพื่อเชิญเจ้ากลับคืนสู่โลกมนุษย์ ประเพณีตรุษจีนจะสิ้นสุดลงจริงๆ ในวันขึ้น 15 คํ่า ของเดือน แรกตามประเพณีจีน ในอดีตจะเรียกเทศกาลโคมไฟ ตามสถานที่ต่างๆจะประดับโคมไฟ ทายบทกวี ต่อ โคลงกลอน เป็นประเพณีที่คึกคักเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่


เทศกาลเช็งเม้ง (清明节:ชิงหมิงเจี๋ย) เทศกาลเช็งเม้งตามปฏิทินสากลจะตรงกับวันที่ 4 หรือ 5 ของเดือนเมษายน ของทุกปีเนื่องจากเทศกาลเช็งเม้ง เป็น ช่วงเวลาทท่ีอ้งฟ้าปลอดโปรง่แจม่ ใส อากาศอบอุ่น (ซึ่งเป็นที่มา ของชื่อเทศกาล) ชาวจีนจึงใช้โอกาสนี้ทํากิจกรรมนอกบ้าน และ แสดงความกตัญํูต่อบรรพชนด้วยการมาทําความสะอาดสุสาน และเซ่นไหว้ขอพร การปฏิบัตินี้ได้สืบทอดมาอย่างยาวนานจนเป็นประเพณี สิ่งของที่เซ่นไหว้มีทั้งของคาว 3 อย่าง ผลไม้ 5 อย่าง ยังมีขนม ของหวานสื่อความหมายให้ลูกหลานเจริญรุ่งเรืองและฉลาด ปราดเปรื่อง และยังมีกระดาษเงิน กระดาษทอง ปะทัด ธูปเทียน เป็นต้น เมื่อเซ่นไหว้เสร็จแล้วลูกหลานมักจะทานอาหารร่วมกัน ที่หน้าสุสาน เทศกาลบะจ่าง(端午节:ตวนอ่เูจี๋ย) ตามจันทรคติจีน วันขึ้น 5 คํ่า เดือน 5 เป็นเทศกาลตวนอู๋เจี๋ย หรือเทศกาลบะจ่าง คําว่า "บะจ่าง" นั้น หมายถึง อาหารชนิดหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยข้าวเหนียวใส่หมูกับถั่วหรือเม็ดบัว ผัดแล้วห่อด้วบ ใบไผ่มัดเป็นเหลี่ยม เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อระลึกและอาลัยถึงชวี หยวน (屈原) กวีเอกผู้รักชาติและมีอุดมการณ์อันแรงกล้าทํา เพื่อชาติและประชาชน เทศกาลหยวนเซียว (元宵节) หรือเทศกาลโคมไฟ (灯节:เติงเจี๋ย) ในเทศกาลหยวนเซียว ได้มีการฉลองกันอย่างครึกครื้น ตั้งแต่ ราชวงศ์ฮั้น เป็นต้นมา ทุกบ้านเรือนจะใช้ขนมอี๋ (汤圆) คนไทย เรียกว่า ๐ขนมบัวลอย๑ เซ่นไหว้เทวดาฟ้าดนิและบรรพบุรุษ ตอน กลางคืนก็ตกแต่งโคมไฟอย่างสวยงาม และร้องรําทําเพลง ตั้งแต่ หัวคํ่าจนถึงวันรุ่งขึ้น ที่ประเทศจีนมีการประกวดโคมไฟหลากหลาย รูปแบบ สวยงามวิจิตรตระการตาทั่วประเทศอีกด้วย เทศกาลที่ส าคัญของประเทศจีน


เทศกาลวันไหว้พระจันทร์ (中秋节: จงชิวเจี๋ย) เทศกาลวันไหว้พระจันทร์ ตรงกับวันขึ้น 15 คํ่า เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติจีน เพราะอยู่กลางฤดู ใบไม้ร่วง จึงเรียกว่า ๐中秋节” เมื่อเข้าสู่เดือนสารทคือเดือน 7-9 ตามปฏิทนิจนัทรคติจนีท้องฟ้า แจ่มใสไร้เมฆฝนอากาศปลอดโปร่ง ดวงจันทร์แจ่มกระจ่าง ประกอบกับเป็นฤดูกาลแห่งการเก็บเกี่ยว เทศกาลนี้แต่โบราณจึงมีลักษณะของการเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวด้วย ชาวจีนจึงถือเอาวันนี้เป็นวัน ครอบครัว พอถึงเวลากลางคืนสมาชิกทุกคนในครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้าและร่วมรับประทานขนมเปี๊ยะกับผลไม้ ดื่มนํ้าชาพลางชมดวงจันทร์และสนทนาเรื่องทุกข์สุขไปด้วย ส่วนคนที่อยู่ต่างถิ่นไม่สามารถกลับมาอยู่กับ ครอบครัวในคืนนี้ก็ได้แต่แหงนหน้ามองจันทร์คิดถึง พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ที่บ้านเกิดเมืองนอน เทศกาลสารทจีน (中元节) เรื่องราวของสารทจีน ตามตํานานเล่าขานกันว่ามาจาก ศาสนาพุทธมีเรื่องของมู่เหลียนช่วยมารดา (目连救母) เป็นเรื่องที่สอนให้คนเราต้องทําแต่ความดีทําบุญทําทาน กตัญํู ต่อบิดามารดา จึงจะเกิดผลอันดีงามดังนั้นจึงมีการเล่าขานกันว่า เดือน 7 เป็นเดือนที่เมืองนรกเปิดประตู ปลดปล่อยผีสางและ เปรตต่างๆออกมาหากินชาวบ้านทุกที่จัดให้มีการทิ้งกระจาด เรียกว่า ๐ หวีหลานเผิงหุ้ย ๑ (于兰盆会) เมื่อถึงวันที่ 15 คํ่า เดือน 7 ทุกบา้นต่างกเ็ซ่นไหวเ้ทวดาฟ้า ดินพระสงฆ์องค์เจ้าบรรพบุรุษ และเซ่นไหว้ผีสางวิญญาณไร้ญาติ ต่างหวังจะให้ผีสางและเปรตต่างๆได้กินอิ่ม แล้วไปสถิตที่ของ ตนเอง มนุษย์เราก็อยู่อย่างสุขสําราญต่อไป เทศกาลที่ส าคัญของประเทศจีน


ส ิ่งประด ิ ษฐท ์ งั้ 4 ของจีนยุคโบราณ “ จตร ุ ประด ิ ษฐ ์” (四大发明) เขม ็ ทิศ (指南针) ในยุคจ้านกั๋ว ชาวจีนได้ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือที่มีลักษณะ เป็นหินแม่เหล็ก นํามาประยุกต์ใช้กับเครื่องมือในการบอกทิศทางที่ เรียกว่า ๐ซือหนาน๑ มีลักษณะเป็นช้อนแม่เหล็กตั้งอยู่บนฐานสลัก ตัวอักษรบอกทิศทาง ซึ่งคันช้อนชี้ไปทางทิศใต้และปลายอีกด้านหนึ่งชี้ ไปทางทิศเหนือ ครั้นถึงสมัยราชวงศ์ซ่งมีการนําแผ่นเหล็กและฐานสลัก ตัวอักษรบอกทิศทางมารวมกัน เรียกว่า ๐หลัวผาน๑ ประเทศจีนจึงเป็น ชาติแรกของโลกที่ประดิษฐ์เข็มทิศขึ้น ดินปื น (火药) ส่วนประกอบสําคัญของดินปืน ได้แก่ ดินประสิวหรือโพแทสเซียมไนเตรต กํามะถัน และผงถ่านรวมเข้าด้วยกัน เบื้องต้นการคิดค้นดินปืนมีความ เกี่ยวข้องกับการกลั่นยาอายุวัฒนะในสมัยโบราณ กระดาษ (造纸术) ชาวจีนสมัยโบราณใช้วิธีเขียนหนังสือลงบนแผ่นไม้ไผ่ กระดองเต่า และกระดูกสัตว์ แต่ทั้งหมดนี้มีนํ้าหนักมาก พกพาไม่สะดวก ในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ขุนนางผู้หนึ่ง นามว่า ไช่หลุน (蔡伦) เป็นผู้ค้นพบวิธีผลิตกระดาษ โดยนําเปลือกไม้ เศษผ้า และตาข่ายดักปลามาบดผสมกัน จนปน่จากนนั้กน็ํามาตากแหง้จนกลายเป็นแผ่น แท่นพิมพ ์(印刷术) สมัยราชวงศ์ถังมีการคิดค้นแม่พิมพ์สลักขึ้น โดยการแกะตัวอักษรลงบนแผ่นไม้ ใช้หมึกทาแล้วเอากระดาษทาบ สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ ปี้เซิงคือผู้ที่คิดค้นตัวเรียงพิมพ์ ขึ้น เขาใช้วิธีแกะสลักตัวอักษรแต่ละตัวลงบนดินเหนียวทีละก้อนก่อนนําไปเผาไฟให้ แข็ง ตอนพิมพ์ให้เรียงตัวอักษรที่ต้องการ ทาหมึกลงไปแล้ววางกระดาษทาบลง ตัวอักษรที่แกะสลักเหล่านี้ยังนําไปใช้ซํ้าได้อีกด้วย ปรากฏขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ แสดงถึงความก้าวหน้า และความสําเร็จด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนใน อดีตได้ดีที่สุด


4 สุดยอดวรรณกรรมจีน (四大名著) สี่สุดยอดวรรณกรรมจีน (四大名著)คือวรรณกรรมจีนชิ้นเอกที่คงอยู่มาอย่างยาวนาน มีเนื้อหา และเรื่องราวที่มีอิทธิพลอย่างมากต่ออุดมการณ์ ความคิด การวางแนวคุณค่าของคนจีน ทั้ง 4 สุดยอดวรรณกรรม ถึงจะมีเนื้อหาที่แตกต่างกันแต่แฝงไปด้วยข้อคิด คุณธรรมคําสอนของศาสนาพุทธ (มหายาน) ขงจื้อและคําสอน ตามสังคมนิยมในสมัยนั้น สามก๊ก (三国) สามก๊กถูกเขียนขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง สามก๊กเป็นนวนิยายที่ มีหลากหลายรสชาติ ทั้งกลเล่ห์เพทุบาย ความเคียดแค้นชิงชัง ชิง รักหักเหลี่ยมโหด ความซื่อสัตย์จงรักภักดีและการให้อภัย เป็นนว นิยายที่ให้ข้อคิดแก่คนอ่านและสามารถนําไปประยุกต์ใช้ได้ใน ชีวิตจริง ไซอิ๋ว (西游记) ไซอิ๋วถูกเขียนขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงเช่นกัน มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเดินทาง ไปชมพูทวีปเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกของพระถังซัมจั๋ง ผู้ซึ่งมีตัวตนจริงใน ประวัติศาสตร์ มีสัตว์ทั้ง 3 ตัวเป็นผู้ร่วมเดินทางได้แก่ เห้งเจีย หรือ ซุนหงอคง (孙悟空)ตือโป๊ยก่าย(猪八戒) และซัวเจ๋ง (沙悟净) 108 วีรบุรุษเขาเหลียงซาน (水浒传) เขียนในสมัยราชวงศ์หมิงอีก แม้จะเขียนในยุคราชวงศ์หมิงแต่ดําเนิน เรื่องในสมัยราชวงศ์ซ่งในยุคตกตํ่า ขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง ซ้องกั๋ง เป็นนวนิยายเรื่องแรกๆที่มีเนื้อหาตีแผ่เกี่ยวกับระบบชนชั้นศักดินาและ การเป็นกบฎ ตัวละครทั้ง 108 คนที่เขาเหลียงซานก็ล้วนเคยเป็นเหยื่อ ของความขัดแย้งในสังคมศักดินาถูกขุนนางกดขี่ข่มเหง ความฝันในหอแดง (红楼梦) เขียนขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง ในยุคฮ่องเต้เฉียนหลง เรื่องความฝนัใน หอแดงนอกจากจะสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของขุนนางในสมัยราชวงศ์ชิง แล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตทางสังคมในเวลานั้น ระบบของงาน แต่งงาน งานศพและแม้แต่เสื้อผ้าอาหาร ยารักษาโรค นอกจากนี้ยังแฝง คําสอนในศาสนาพุทธ เต๋าและขงจื๊อด้วย


การเก ิ ดฤดก ู าลและปฏ ิ ท ิ นของจ ี น ปฏิทินหนงลี่(农历) หนงลี่农历ปฏิทินจีนที่มีมาแต่โบราณ ทั้งเป็นปฏิทินการเกษตรและปฏิทินจันทรคติ แบ่งออกเป็นปี ปฏิทินปกติและปีอธิกสุรทิน ปีปกติคือ หนึ่งปีมี 12 เดือน, ปีอธิกสุรทินคือ มี 13 เดือน แบ่งเป็นเดือนเล็กและ เดือนใหญ่ เดือนใหญ่คือ 30 วัน เดือนเล็ก มี 29 วัน การคิดค้น "หนงลี่" หรือปฏิทินการเกษตรขึ้นในสมัยราชวงศ์เซี่ยซึ่งเป็นราชวงศ์ในยุคประวัติศาสตร์ ราชวงศ์แรกของจีน ดังนั้นจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "เซี่ยลี่" หรือปฏิทินแห่งเซี่ย สาเหตุที่เรียกปฏิทินนี้ว่า "หนงลี่" ก็เนื่องมาจากปฏิทินดังกล่าวเป็นปฏิทินที่ใช้ประโยชน์ทางการเกษตรมาตั้งแต่สมัยโบราณหนงลี่แบ่ง เวลาในช่วงปีตามรอบวันธรรมชาติออกเป็น 4 ฤดู คือ 春季 ฤดูใบไม้ผลิ (วสันต์) 夏季 ฤดูร้อน (คิมหันต์) 秋季 ฤดูใบไม้ร่วง (สารท) 冬季 ฤดูหนาว (เหมันต์) ปฏิทินกานจ ื่อ (干支历) ปฏิทินกานจื่อหรือปฏิทินแผนภูมิสวรรค์เป็นปฏิทินจีน โบราณอย่างหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยส่วนย่อย 2 ส่วน ได้แก่ ภาค สวรรค์ เรียกว่า ๐ ต้นฟ้า " มี 10 ตัวอักษรและภาคปฐพี เรียกว่า ๐ กิ่งดิน ๑ มี 12 ตัวอักษร ปฏิทินกานจื่อ แบ่งออกเป็น 24 อุตุปกัษ์(节气:เจี๋ยชี่) โดยอา้งถงึการเปลย่ีนแปลงสภาพดนิฟ้าอากาศ โดยสงัเกตจาก การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ทุกครั้งที่แสงแดดทํามุมกับ โลกเปลี่ยนไปทุก 15 องศา จะเป็นการเรมิ่ตน้ ปกัษ์ใหม่


4 ฤดูกาล และ 24 อุตุปักษ์ของจีน 春季ฤดูใบไม้ผลิ(วสันต์) 立春 ลี่ชุน เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ พวกสัตว์ที่ไม่จําศีล ทั้งหลายเริ่มออกหากิน พืชเริ่มแตกกิ่งก้าน 雨水 อวี๋ส่ยุฝนตกส่งท้ายฤดูหนาว 驚蟄 จิงเจ๋อ ด้วงและแมลงต่างๆ เริ่มออกบินหากิน บรรดาสัตว์ที่จําศีลเริ่มออกจากรัง 春分 ชุนเฟิน กลางฤดูใบไม้ผลิ 清明 ชิงหมิงอากาศเยน็ทอ้งฟ้าโปรง่ 穀雨 กู๋อวี่ เริ่มมีฝน เริ่มฤดูแห่งการเพาะปลูก 夏季ฤดูร้อน (คิมหนัต) ์ 立夏 ลี่เซี่ย เริ่มต้นฤดูร้อน 小滿 เสียวหม่าน พืชพรรณออกดอกแต่ยังไม่ออกผล 芒種 หมางจ้ง พืชพรรณพร้อมเก็บเกี่ยว 夏至 เซี่ยจือ กลางฤดูร้อน 小暑 เสียวสู่อากาศร้อนพอควร 大暑 ต้าสู่อากาศร้อนอบอ้าว 秋季 ฤดใูบไม ้ ร่วง(สารท) 立秋 ลี่ชิวเริ่มฤดูใบไม้ร่วง 處暑 ฉูสู่ สิ้นสุดฤดูร้อน 白露 ป๋ายลู่นํ้าค้างเริ่มมีบนใบไม้ เริ่มเข้าสู่ความหนาวเย็น 秋分 ชิวเฟิน กลางฤดูใบไม้ร่วง 寒露 หานลู่นํ้าค้างเริ่มเป็นเกล็ดปนนํ้า 霜降 ซวงเจี้ยง นํ้าค้างเริ่มแข็งจัด 冬季 ฤดูหนาว (เหมันต์) 立冬 ลี่ตง เริ่มฤดูหนาว 小雪 เสียวเสวี่ย หิมะตกพอควร 大雪 ต้าเสวี่ย หิมะตกหนัก 冬至 ตงจื้อ ฤดูหนาว 小寒 เสี่ยวหาน อากาศหนาวพอควร 大寒 ต้าหาน อากาศหนาวจัด


อาหารจีน (中国菜) ประวตัิความเป็ นมาของอาหารจีน ชาวจนีแต่ไหนแต่ไรมามคีวามผูกพนักบัอาหารการกนิมาก จนเม่อืเกดิ ปญัหาขาดแคลนอาหาร หรอืช่วงขา้ว ยากหมากแพง ก็เลยต้องคิดค้นวิธีถนอมอาหารขึ้นมา เพราะทรัพยากรที่จํากัด แถมประเทศจีนยังเป็นประเทศที่มี ภูมิประเทศที่หลากหลาย จึงมีพืชที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละพื้นที่ กรรมวิธีในการทําอาหาร และแนวคิด เบื้องหลังการทําอาหารของชาวจีนแต่ละมณฑลก็จะต่างกัน นอกจากนี้ อาหารจีนยังสะท้อนผ่านทางปรัชญา และ วรรณคดีต่างๆ อีกด้วย ทําให้นักปราชญ์ในอดีตส่วนใหญ่จะมีความสามารถในการประกอบอาหารด้วยเช่นกัน อาหารจีน 8 กล่ม ุ ใหญ่ อาหารชานตง (Shandong Cuisine) เป็นตัวแทนจากภาคเหนือ ซึ่งจะโดดเด่นในเรื่องของอาหารในราชสํานัก และอาหารที่มีอิทธิพลมาจากชาวแมนจู และชาวมองโกลเข้าด้วยกัน มักใช้เกลือในการปรุง เพื่อชูรสชาติขึ้น จึงมีรสเค็ม และส่วนใหญ่จะใส่ต้นหอม ขิง และ กระเทียม เพื่อเพิ่มความหอมให้กับอาหาร นอกจากนี้ อาหารชานตงยังมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคได้ด้วย อาหารเสฉวน (Sichuan Cuisine) จะโดดเด่นในเร่อืงของวตัถุดบิของป่า และเคร่อืงเทศต่างๆ โดยเครื่องปรุงที่เป็นเอกลักษณ์นั่นก็คือ พริกหอมหรือพริกเสฉ วน ทําให้อาหารเสฉวนจะเป็นอาหารรสจัด เผ็ดร้อน และใช้ นํ้ามันปริมาณมาก อาหารกวางตุ้ง (Guangdong Cuisine ) จะโดดเด่นในเรื่องของความกรอบ และรสชาติที่หวาน นุ่มนวล มักจะใช้นํ้ามันหอย และใช้ผักเป็นส่วนใหญ่ เน้น รูปลักษณ์ รสชาติ กลิ่นที่หอม สีสันน่ารับประทาน เน้นการปรุง ให้ดูสดใหม่


อาหารเจียงซู (Jiangsu Cuisine) จะโดดเด่นในเรื่องของการตกแต่ง การเล่นสีสันของอาหาร รสชาติจะไม่หนัก จะออกจืด แต่หอมเนย ในมณฑลเจียงซูเป็น พื้นที่ที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ วัตถุดิบค่อนข้างหลากหลาย โดยเฉพาะอาหารทะเล อาหารเจ้อเจียง (Zhejiang Cuisine) จะโดดเด่นในเรื่องของอาหารทะเล สัตว์นํ้าจืด สัตว์ปีก จะเน้นไปที่ความกรอบนอกนุ่มใน และวัตถุดิบสดใหม่ โดยเฉพาะอาหารทะเล จะเน้นการปรุงเพียงนิดเดียว เพื่อคง รสชาติของวัตถุดิบเดิมเอาไว้ ซึ่งเป็นรสชาติกลางๆ ที่ทุกคน สามารถกินได้ อาหารฮกเกี้ยนหรืออาหารฝูเจี้ยน (Fujian Cuisine) จะโดดเด่นในเรื่องของการใช้นํ้าซุป ข้าวหมักสีแดงที่ได้จากการหมักเต้าหู้ยี้สีแดง อาหารฮกเกี้ยนเกิดในมณฑลฝูโจวซึ่งมีภูมิศาสตร์ตอนเหนือเป็นภูเขา และทางตอน ใตต้ดิทะเล ทาํ ใหม้วีตัถุจาํพวกของปา่เช่น เหด็หน่อไม้และยงัเต็มไปด้วยของทะเล อีกด้วย อาหารส่วนใหญ่จะด้วยบํารุงร่างกายซึ่งดีต่อสุขภาพ อาหารหูหนาน (Hunan Cuisine) จะโดดเด่นในเรื่องของการใช้วัตถุที่หลากหลาย ใช้ เครื่องอบหลายชนิด โดยรสชาติส่วนใหญ่จะค่อนไปทาง เผ็ดร้อน เค็ม เปรี้ยว และใช้นํ้ามันปริมาณมาก มีสีสัน มีความละเอียดประณีตบรรจงในกรรมวิธีปรุงอาหาร อาหารอันฮุย (Anhui Cuisine) จะโดดเด่นด้านสีสัน เน้นความมันๆ และรสที่กลมกล่อม และใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ เน้นความแรงของไฟและกรรมวิธีที่ หลากหลายในการทําด้วยวิธีต้ม ตุ๋น นึ่ง เป็นหลัก


แนะน าสถานท ี่ท่องเท ี่ยวในประเทศจ ี น พระราชวังต้องห้าม (The Forbidden City) ตั้งอยู่ใจกลางของกรุงปกักิ่ง เมอืงหลวงของประเทศจนีและอยู่ทางตอนเหลอืของจตุรสัเทยีนอนัเหมนิ พระราชวังแห่งนี้ เป็นเขตหวงห้ามไม่ให้ประชาชนเข้า แม้แต่ข้าราชการชั้นสูง ยังต้องขออนุญาติเป็นกรณี พิเศษ จึงเรียกพระราชวังนี้ว่า "พระราชวังต้องห้าม" พระราชวังต้องห้ามก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีน และภาพประตูเทียนอันเหมินก็ยังปรากฏอยู่ใน ตราประจําสาธารณรัฐประชาชนจีนอีกด้วย นอกจากนี้ พระราชวังต้องห้ามยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งไม่นานมานี้ ทางรัฐบาลจีนได้มีนโยบายจํากัดปริมาณนักท่องเที่ยวเพื่อจะอนุรักษ์สภาพของอาคารและสวนหย่อมไว้ ยูเนส โก้ได้ประกาศให้พระราชวังต้องห้ามร่วมกับพระราชวังเสิ่นหยางเป็นหนึ่งในมรดกในนาม พระราชวังหลวงแห่ง ราชวงศห์มงิและราชวงศช์งิในปกักงิ่และเสนิ่หยาง


ก าแพงเมืองจีน (The Great wall) กําแพงเมืองจีนเป็นกําแพงท่ีมปี ้อมคนั่เป็นช่วง ๆ ของจนีสมยัโบราณ กําแพงส่วนใหญ่ท่ปีรากฏใน ปจัจุบนัสร้างข้นึในสมยัราชวงศ์ฉิน ทงั้น้ีเพ่ือป้องกนัการรุกรานจากชาวฮนักําแพงเมอืงจนียงัคงเรยีกว่า กําแพงหมื่นลี้ นักโบราณคดีได้ตรวจวัดความยาวของสิ่งก่อสร้างจากนํ้ามือมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกหรือ "กําแพงเมืองจีน" พบว่ายาวกว่าที่บันทึกไว้เดิมกว่า 2 เท่า หรือ 21,196.18 กิโลเมตร จากเดิม 8,850 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 15 มณฑลทั่วประเทศ และนับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย เขาเท ี ยนเหม ิ นซานหรือถ ้าประตูสวรรค์ (Tianmen Mountain) เขาเทียนเหมินซานหรือภูผาประตูสวรรค์แหล่งท่องเที่ยวที่สําคัญอีกแหล่งหนึ่งของเมืองจางเจียเจี้ย ไฮไลท์ของที่นี่คือการนั่งกระเช้าที่ยาวที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยนั่งกระเช้าขึ้นสู่จุดสูงสุดของเขาเทียนเหมิน ซาน ซึ่งมีความยาวถึง 7.5 กิโลเมตร ใช้เวลา 40 นาที นั่งกระเช้าชมความงามของภูเขานับร้อย ยอดเขาที่สูง เสยีดฟ้าและสวยงามแปลกตา ชมววิทวิทศัน์รมิหน้าผาท่มีองเห็นยอดเขาสลบัซบัซ้อนมากมาย และยงัมี เส้นทาง 99 โค้งสู่ยอดเขา ถํ้าประตูสวรรค์ เป็น 1 ใน 4 ของภูเขาที่สวยของประเทศจีน ที่เรียกว่าถํ้าประตู สวรรคเ์พราะเมอ่ืมองจากดา้นล่างขน้ึไปจะดูคลา้ยประตูขนาดใหญ่ทเ่ีหน็ทอ้งฟ้างามตา แนะน าสถานท ี่ท่องเท ี่ยวในประเทศจ ี น


ทะเลสาบซีหู (Xihu Lake) ทะเลสาบตะวันตกหรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ทะเลสาบซีหู ทะเลสาบนํ้าจืดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ของเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีทัศนียภาพสวยงามเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี รอบด้านประกอบด้วยภูเขา 3 ลูก นํ้ามีความใสราวกับกระจก และมีสิ่งก่อสร้างทางวัฒธรรมที่สวยงามอยู่ราย รอบทั้งเจดีย์, เก๋งจีน, วัด, สวนแบบจีน, สวนแบบญป่ีุน่ , ศาลเจ้า จนถูกขนานนามว่าเป็น "สวรรค์บนดิน" จ ิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou) อุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกวซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อเสียงระดับโลกของจีน และตั้งอยู่ในมณฑลเสฉวน ที่แห่งนี้ถูกชาวตะวันตกเรียกขานกันในนาม๎ดินแดนแห่งเทพนิยาย๏ เพราะความงามประหลาดของนํ้าในจิ่วไจ้ โกวนั้นถือเป็นจุดดึงดูดที่สุดในบรรดาสุดยอดความงามของทิวทัศน์จิ่วไจ้โกว ทั้งในด้านรูปลักษณ์ สีสัน ความ หลากหลาย อีกทั้งสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามยิ่งใหญ่ ทําให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ เลื่องลือระดับชาติของจีน แนะน าสถานท ี่ท่องเท ี่ยวในประเทศจ ี น


พระราชวังโปตาลา (Potala Palace, Lhasa) พระราชวังโปตาลา ตั้งอยู่ที่กรุงลาซา ทิเบต ประเทศจีน พระราชวังแห่งนี้อยู่เหนือกว่าระดับนํ้าทะเล กว่า 3,600 เมตร บนทร่ีาบสูงทเิบต พระราชวงัซง่ึเป็นทงั้ป้อมปราการและ สถานที่อนัศกัดสิ์ทิธิ์สรา้งขน้ึราว ศตวรรษที่ 17 ตัวพระราชวังถูกทําลายและสร้างใหม่หลายครั้งหลายคราว จนถึงรัชสมัยทะไลลามะ องค์ที่ 5 ใน ค.ศ. 1617 - 82 มีพระบัญชาให้สร้างปราสาทนี้ในลักษณะของวังซ้อนวัง พระราชวังวงนอกเรียกว่า วัง ขาว เพราะทาสีขาว สร้างเสร็จเมื่อ ค.ศ. 1648 พระราชวังชั้นในเรียกว่า วังแดง ได้ชื่อตามผนังที่ทาสีแดง ซึ่ง สร้างที่หลังวังขาวเกือบ 50 ปี พระราชวังโปตาลามีระเบียงที่มีภาพเขียนสีเรียงซับซ้อน มีทั้งบันไดไม้บันไดหิน มีห้องสวดมนต์ที่ ตกแต่งสวยงาม มรีปูเคารพเกอืบสองแสนองค์ปจัจุบนัพระราชวงัโปตาลากลายเป็นพพิธิภณัฑแ์ละสถานที่ สักการะ ภายในวังขาวมีสํานักงาน โรงเรียนศาสนา ส่วนวังแดงเป็นส่วนที่ยังใช้ประกอบพิธีกรรมอยู่ แนะน าสถานท ี่ท่องเท ี่ยวในประเทศจ ี น


ประเทศจีนจัดว่าเป็นมหาอํานวจทางเศรษฐกิจของโลก โดยจีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาด ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา มีเนื้อที่ประทศที่กว้างขวาง ประเทศจีนมีทิวทัศน์ที่ สวยงามมากมาย และยิ่งงดงามยิ่งขึ้นเมื่อมีโบราณสถานและวัฒนธรรมหลากหลาย นอกจากนี้ยัง ประสบความสําเร็จอย่างมากในการปลูกสร้างสิ่งใหม่ๆ ประเทศจีนมีวัฒนธรรมที่โดดเด่น มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมที่ยาวนานมากกว่า 5,000 ปี ถงึแมว้่าวฒันธรรมบางอยา่งจะสญูหายไปจากแผ่นดนิใหญ่แต่หลาย ๆ วฒันธรรมกย็งัคงถูกฝังราก ลึกลงในขนมธรรมเนียบของชาวจีนที่กระจายอยู่ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยก็ยังได้รับอิทธิพลจาก วัฒนธรรมจีนด้วย วัฒนธรรมจีน Chinese Culture


วัฒนธรรมการกินชาวจีนที่คุณควรรู้.(ออนไลน์).แหล่งที่มาhttps://www.royalkitchengroup.com/. 26 พฤศจิกายน 2562 _____. 5 เหตุผล ท าไมที่ควรเรียนภาษาและวัฒนธรรมจีน.(ออนไลน์).แหล่งที่มา https://www.afsthailand.org/2022/10/11/5/. 11 ตุลาคม 2565 _____. วัฒนธรรมจีน - ERP-MJU - มหาวิทยาลัยแม่โจ้.(ออนไลน์).แหล่งที่มา https://www. erp.mju.ac.th/. เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 _____.10 ที่เที่ยวจีน สวยจนต้องลองไปเที่ยวสักครั้ง.(ออนไลน์).แหล่งที่มา https://www. travel.trueid.net/. เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 _____.10 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวของจีนที่ไม่ควรพลาด!!.(ออนไลน์).แหล่งที่มา http://www. biz.co.th/article/details/. เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 _____.เปิดต ารับแดนมังกร 8 กลุ่มอาหารจีน เลือกกินยังไงให้ถูกปาก.(ออนไลน์).แหล่งที่มา https://thestreetratchada.com/. เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 _____.24 ฤดูกาลจีน 二十四节气.(ออนไลน์).แหล่งที่มา https://www.chinatalks.co/ภูมิปัญญาจีน/chinesefestival/. 28 กันยายน 2564 _____.เกร็ดจีน - ฤดูกาลและปฏิทินหนงลี่ 农历.(ออนไลน์).แหล่งที่มา https://www.facebook.com/shengugu/posts/150569023215854/. 11 เมษายน 2564 _____. ภาพรวมจีน – ศูนย์บริการข้อมูลธุรกิจไทย.(ออนไลน์).แหล่งที่มา https://thaibizchina.com/. 14 กันยายน 2564 _____. สิ่งประดิษฐ์ทั้ง 4 ของจีน.(ออนไลน์).แหล่งที่มา https://www.thongkasem.com/. 8 พฤษภาคม 2564 _____. สี่ยอดสิ่งประดิษฐ์ของจีนยุคโบราณ 中国古代的四大发明.(ออนไลน์).แหล่งที่มา https://www.suixinxuehanyu.com/sidafaming-2/. 26 กันยายน 2564 อ ้ างอ ิ ง


จัดท าโดย นางสาวภีรานัน ดิษเอม รหสันักศึ กษา16322202 ชั้นปี ที่ 3 สาขาวิชาการสอนภาษาจีน เสนอ อาจารย์ศุภกาณฑ์ นานรัมย์ 9001311 วิชาวิถีโลก คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาราชภฏัพระนครศรีอยุธยา วัฒนธรรมจีน Chinese Culture


Click to View FlipBook Version