สระไทยใช้ประสมคำ

๖ คาํ ใดไม่มตี วั สะกดแต่มเี สียงพยัญชนะท้าย

๑ หาว เฉลยตวั เลอื กที่ ๔ เพราะ เหา เป็ นคาํ ที่ไม่มีตวั สะกด แต่ประสม
ดว้ ยสระท่ีมีเสียงพยญั ชนะทา้ ย คือ ออกเสียงเหมือนมี ว เป็ น
๒ หัว ตวั สะกด
๓ เหี่ยว ส่วน ตวั เลอื กท่ี ๑ หาว มี ว เป็นตวั สะกด
ตวั เลอื กท่ี ๒ หวั เป็ นคาํ ที่ประสมดว้ ยสระประสม
๔ เหา คือ สระ อวั
ตวั เลอื กท่ี ๓ เห่ยี ว มี ว เป็ นตวั สะกด

๗ คาํ ว่า ฝนตก ประสมด้วยสระเสียงส้ัน

ซ่ึงตรงข้ามกบั เสียงสระของคาํ ใด

๑ โมโห เฉลยตวั เลอื กที่ ๑ เพราะ ฝนตก ประสมดว้ ยสระ โอะ
๒ แสงแดด และ โอะ เป็นสระเสียงส้นั ตรงขา้ มกบั สระเสียงยาวคือ
๓ หน้าบ้าน สระโอ
๔ ยอดดอย ตวั เลอื กท่ี ๑ โมโห ประสมดว้ ยสระ โอ
ส่วนตวั เลอื กท่ี ๒ แสงแดด ประสมดว้ ยสระ แอ ท้งั คาํ
ตัวเลอื กท่ี ๓ หน้าบ้าน ประสมดว้ ยสระ อา ท้งั คาํ
ตัวเลอื กท่ี ๔ ยอดดอย ประสมดว้ ยสระ ออ ท้งั คาํ

๘ คาํ ใดใช้สระแตกต่างจากคาํ อน่ื

๑ วงิ่ แข่ง เฉลยตวั เลอื กท่ี ๔ เพราะ ส่วนเกนิ ประสมสระ อวั และสระ เออ
๒ โขลงช้าง ตามลาํ ดบั ซ่ึงมีสระ อวั เป็ นสระประสม
๓ ฟุตบอล
๔ ส่วนเกนิ ส่วนตวั เลอื กท่ี ๑ วง่ิ แข่ง ประสมสระ อิ และสระ แอ
ตวั เลอื กที่ ๒ โขลงช้าง ประสมสระ โอ และสระ อา
ตวั เลอื กที่ ๓ ฟุตบอล ประสมสระ อุ และสระ ออ

ท้งั ตวั เลอื กท่ี ๑ ๒ และ ๓ เป็ นคาํ ทปี่ ระสมด้วยสระเดย่ี วท้งั หมด

๙ ประโยคใดมคี าํ ท่ปี ระสมสระทม่ี ีเสียงพยญั ชนะท้ายมากที่สุด

๑ เขามไี ร่ข้าวโพด

๒ คนดตี ้องรักษาคาํ สัญญา เฉลยตวั เลอื กที่ ๓ เพราะ คนรวยนาํ้ ใจใครกน็ ับถือ
มีคาํ ท่ีประสมสระที่มีเสียงพยญั ชนะทา้ ย ๓ คาํ คือ
นํา้ ใจ ใคร
๓ คนรวยนํา้ ใจใครกน็ ับถอื ส่วนตวั เลอื กที่ ๑ มีคาํ ที่ประสมสระที่มีเสียงพยญั ชนะ
ทา้ ย ๑ คาํ คือ ไร่
๔ อากาศหนาวในเดอื นธันวาคม ตวั เลอื กท่ี ๒ มีคาํ ที่ประสมสระท่ีมีเสียง
พยญั ชนะทา้ ย ๑ คาํ คือ คาํ
ตวั เลอื กท่ี ๔ มีคาํ ท่ีประสมสระที่มีเสียง
พยญั ชนะทา้ ย ๑ คาํ คือ ใน

๑๐ คาํ ในข้อใดถ้าตดั ตัวสะกดออกแล้ว จะต้องใช้
รูปสระอน่ื เพอ่ื ให้เขยี นคาํ น้ันได้ถูกต้อง
๑ แบน
๒ ชาย เฉลยตวั เลอื กท่ี ๓ เพราะ เตม็ เมื่อตดั ตวั สะกด ม ออก
๓ เต็ม แลว้ ตอ้ งใชร้ ูปสระ เ-ะ แทน เป็ น เตะ
๔ เสียง จึงจะเขียนคาํ น้นั ไดถ้ กู ตอ้ ง

ส่วนตวั เลอื กท่ี ๑ แบน เม่ือตดั ตวั สะกด “น” จะไดค้ าํ วา่ แบ
ตวั เลอื กท่ี ๒ ชาย เมื่อตดั ตวั สะกด “ย” จะไดค้ าํ วา่ ชา
ตวั เลอื กท่ี ๔ เสียง เม่ือตดั ตวั สะกด “ง” จะไดค้ าํ วา่ เสีย
ท้งั ตวั เลอื กท่ี ๑ ๒ และ ๓ เป็ นคาํ ทต่ี ดั ตวั สะกดออกแล้ว
ยงั ใช้รูปสระเดมิ ได้

เรยี นจบแลว
เกงมากครบั แลว พบ
กนั ใหมใ นหนวยตอไป

นะครับ