The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงสร้างเเละแผนการเรียน วิชาสังคม ประถมศึกษาปีที่ 3 นางสาวนงค์นิด ณ ถลาง (ครูนงค์นิด)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by yanisa26noodee, 2022-05-07 05:55:35

โครงสร้างเเละแผนการเรียน วิชาสังคม ประถมศึกษาปีที่ 3 นางสาวนงค์นิด ณ ถลาง (ครูนงค์นิด)

โครงสร้างเเละแผนการเรียน วิชาสังคม ประถมศึกษาปีที่ 3 นางสาวนงค์นิด ณ ถลาง (ครูนงค์นิด)

กล่มุ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรม

ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 3

แผนกประถมศึกษา
โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา

โครงสรา้ งรายวชิ า สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 3
ภาคเรยี นที่ 1/…………… เวลา 20 ช่ัวโมง

หนว่ ยท่ี ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั
1 การเรียนรู้ ตวั ช้วี ดั (ชว่ั โมง) คะแนน
ความสำคัญของ
พระพุทธศาสนาใน มาตรฐานท่ี ส 1.1 พระพทุ ธศาสนา 13
ฐานะทเี่ ป็นราก (ส.1)
ฐานสำคญั ของ รู้และเขา้ ใจประวตั ิความ เปน็ รากฐานของ
วัฒนธรรมไทย
สำคญั ศาสดา หลักธรรมของ วฒั นธรรมไทย

พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ พุทธประวตั ิเป็น

ตนนบั ถอื และศาสนาอ่นื มี เรื่องราวเหตกุ ารณ์

ศรัทธาทีถ่ ูกตอ้ ง ยดึ มน่ั และ ความเป็นมาของ

ปฏบิ ตั ิตามหลักธรรมเพ่ืออยู่ พระพุทธเจ้า ผู้เป็น

ร่วมกนั อยา่ งสันติสุข พระศาสดาของ

ตัวช้วี ดั ที่ ป.3/1 พระพุทธศาสนา

อธิบายความสำคัญของพระ
พุทธศาสนาหรอื ศาสนาทตี่ นนับ
ถอื ในฐานะท่ีเปน็ รากฐานสำคัญ
ของวัฒนธรรมไทย
ตัวชวี้ ัดท่ี ป.3/2

สรุปพทุ ธประวัตติ ั้งแต่การ
บำเพญ็ เพียรจนถึงปรินิพพาน
หรือประวตั ขิ องศาสดาทตี่ นนับ
ถอื ตามทกี่ ำหนด

โครงสรา้ งรายวิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3
ภาคเรียนที่ 1/………………….เวลา 20 ชว่ั โมง

หน่วยท่ี ชือ่ หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก
การเรียนรู้ ตัวช้วี ัด (ช่วั โมง) คะแนน

1 พทุ ธประวตั ิ มาตรฐานที่ ส 1.1 พทุ ธประวตั ิ เป็น 1 4

รู้และเข้าใจประวตั ิความ การศึกษาประวัติของ (ส.2)

สำคญั ศาสดา หลักธรรมของ พระพุทธเจ้าตั้งแต่

พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ ทรงแสดงปฐมเทศนา

ตนนับถือและศาสนาอื่นมี จนถงึ การเสด็จ

ศรัทธาทถ่ี ูกตอ้ งยดึ มั่นและ ดบั ขนั ธปรนิ พิ พาน

ปฏิบัติตามหลกั ธรรมเพื่ออยู่

รว่ มกันอย่างสันติสุข

ตัวชวี้ ดั ท่ี ป.3/1

อธบิ ายความสำคัญของ
พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตน
นับถือในฐานะทเี่ ป็นรากฐาน
สำคญั ของวัฒนธรรมไทย
ตวั ชว้ี ดั ที่ ป.3/2

พุทธประวัติ เปน็ การศกึ ษา
ประวัตขิ องพระพุทธเจา้ ตั้งแต่
ทรงแสดงปฐมเทศนาจนถึงการ
เสด็จดับขันธปรินิพพาน

โครงสร้างรายวชิ า สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ภาคเรยี นที่ 1/…………….เวลา 20 ชว่ั โมง

หน่วยท่ี ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั
2 การเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด (ชวั่ โมง) คะแนน
พุทธสาวก
มาตรฐานท่ี ส 1.1 พทุ ธสาวกเปน็ ผู้ 2 4
(ส.3)
รูแ้ ละเขา้ ใจประวัตคิ วามสำคัญ ประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตนตาม 4
3
ศาสดาหลกั ธรรมของพระพทุ ธ คำสอนของพระพทุ ธ (ส.4)

ศาสนาหรอื ศาสนาทีต่ นนบั ถือและ เจา้ ชาดกเปน็ เรื่องราว

ศาสนาอื่นมีศรัทธาที่ถกู ต้อง ยึดมัน่ ในอดีตชาตขิ องพระ

และปฏิบตั ติ ามหลักธรรมเพ่ืออยู่ พุทธเจ้าและพทุ ธสาวก

รว่ มกนั อยา่ งสนั ติสุข ที่นำมาประกอบการ

ตัวชีว้ ดั ท่ี ป.3/3 แสดงพระธรรมเทศนา

ชนื่ ชมและบอกแบบอยา่ งการ พุทธศาสนิกชนตัวอย่าง

ดำเนินชีวิตและข้อคิดจากประวตั ิ เปน็ บคุ คลท่ีประพฤติ

สาวกชาดกเร่ืองเล่าและศาสนิกชน เปน็ แบบอยา่ งทด่ี ีของ

ตวั อย่างตามทก่ี ำหนด ชาวพุทธ

2 ชาดก มาตรฐานท่ี ส 1.1 ชาดกเปน็ เรือ่ งเลา่

รแู้ ละเข้าใจประวัตคิ วามสำคัญ ใชส้ ำหรบั ประกอบการ

ศาสดาหลักธรรมของพระพุทธ แสดงพระธรรมเทศนา

ศาสนาหรอื ศาสนาท่ีตนนับถือและ ของพระพทุ ธเจา้

ศาสนาอืน่ มีศรัทธาที่ถกู ต้อง ยดึ มั่น

และปฏิบัติตามหลกั ธรรมเพ่ืออยู่

รว่ มกันอยา่ งสนั ติสุข

ตวั ชีว้ ดั ท่ี ป.3/1

อธบิ ายความสำคัญของ

พระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับ

ถือในฐานะทเ่ี ปน็ รากฐานสำคัญของ

วัฒนธรรมไทย

โครงสรา้ งรายวิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 3
ภาคเรยี นท่ี 1/……………. เวลา 20 ชว่ั โมง

หน่วยท่ี ชือ่ หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั
การเรียนรู้ ตวั ชวี้ ัด (ชั่วโมง) คะแนน

2 พุทธศาสนิกชน มาตรฐานท่ี ส 1.1 พทุ ธศาสนกิ ชนตัว 3 3
(ส.5)
ตัวอย่าง รแู้ ละเขา้ ใจประวัติความ อย่างคือผ้ทู ีป่ ฏบิ ตั ิตาม 2
4
สำคัญศาสดาหลักธรรมของ หลักคำสอนของพระ (ส.6)

พระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาท่ีตน พุทธเจ้าและบำเพ็ญตน

นับถอื และศาสนาอื่นมีศรทั ธาที่ เปน็ ประโยชนต์ ่อ

ถกู ต้องยึดมัน่ และปฏิบตั ิตามหลัก พระพทุ ธศาสนา และ

ธรรมเพอื่ อยู่รว่ มกนั อยา่ งสันติสุข ประเทศชาติ

ตัวชวี้ ดั ที่ ป.3/3

ช่นื ชมและบอกแบบอยา่ งการ

ดำเนนิ ชีวิตและข้อคิดจากประวตั ิ

สาวกชาดกเร่อื งเลา่ และศาสนิกชน

ตวั อยา่ งตามทกี่ ำหนด

3 พระไตรปิฎก มาตรฐานที่ ส 1.1 พระไตรปฎิ ก เป็น

รู้และเข้าใจประวตั ิความสำคญั คัมภรี บ์ รรจุหลักธรรม

ศาสดาหลักธรรมของพระพุทธ ของพระพทุ ธเจา้

ศาสนาหรือศาสนาท่ตี นนบั ถือและ หลักธรรมโอวาท 3

ศาสนาอ่ืนมีศรทั ธาที่ถกู ต้อง ยึดม่ัน สอนให้ผปู้ ฏบิ ัตติ นงด

และปฏบิ ัตติ ามหลกั ธรรมเพื่ออยู่ เวน้ จากการทำความชวั่

รว่ มกนั อย่างสนั ตสิ ุข ใหท้ ำความดี และทำ

ตัวชว้ี ัดที่ ป.3/4 จิตใจให้บริสทุ ธ์ิ

บอกความหมาย ความสำคญั

ของพระไตรปฎิ ก หรอื คมั ภรี ์ของ

ศาสนาที่ตนนับถือ

โครงสรา้ งรายวิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3
ภาคเรยี นที่ 1/……………. เวลา 20 ชวั่ โมง

หนว่ ยท่ี ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา น้ำหนกั
การเรียนรู้ ตวั ชีว้ ัด (ชัว่ โมง) คะแนน

3 พระไตรปิฎก ตัวชวี้ ดั ท่ี ป.3/5 4 12
แสดงความเคารพพระรัตนตรัย (ส.6)

และปฏบิ ัติตามหลกั ธรรมโอวาท 3 (ส.7)
ในพระพทุ ธศาสนา หรือหลักธรรม
ของศาสนาที่ตนนับถอื ตามท่ี
กำหนด

3 พระรัตนตรัย มาตรฐานที่ ส 1.1 พระรัตนตรยั คือ พระ

รูแ้ ละเข้าใจประวตั ิความสำคญั พทุ ธ พระธรรม

ศาสดาหลกั ธรรมของพระพุทธ พระสงฆ์เป็นสรณะที่พ่ึง

ศาสนาหรอื ศาสนาทต่ี นนับถือและ และทเ่ี คารพบูชาสงู สุด

ศาสนาอ่ืนมีศรัทธาท่ีถูกต้อง ยึดม่นั ของพทุ ธศาสนิกชน

และปฏบิ ัตติ ามหลักธรรมเพ่ืออยู่

รว่ มกันอย่างสันติสุข

ตวั ชว้ี ัดที่ ป.3/4

บอกความหมาย ความสำคัญของ

พระไตรปิฎก หรอื คัมภีรข์ องศาสนา

ที่ตนนับถือ

ตวั ชว้ี ัดท่ี ป.3/5

แสดงความเคารพพระรัตนตรัย

และปฏบิ ตั ิตามหลักธรรมโอวาท 3

ในพระพทุ ธศาสนา หรอื หลักธรรม

ของศาสนาท่ีตนนบั ถอื ตามท่ี

กำหนด

โครงสรา้ งรายวชิ า สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3
ภาคเรยี นที่ 1/……………. เวลา 20 ชั่วโมง

หนว่ ยท่ี ชื่อหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก
การเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด (ชว่ั โมง) คะแนน

3 พุทธศาสน มาตรฐานที่ ส 1.1 หลักธรรมโอวาท 3 (ส.8) 6

สภุ าษติ รแู้ ละเข้าใจประวตั คิ วามสำคัญ ข้อที่ 1 การไม่ทำความ (ส.9) 3

ศาสดาหลกั ธรรมของพระพทุ ธ ช่วั เป็นหลักปฏบิ ตั ิที่

ศาสนาหรอื ศาสนาท่ตี นนบั ถือและ สอนใหพ้ ุทธศาสนิกชน

ศาสนาอ่นื มีศรัทธาท่ีถกู ต้องยึดม่นั งดเว้นจากการทำความ

และปฏบิ ัติตามหลกั ธรรมเพ่ืออยู่ ชว่ั ทง้ั ปวง เพ่อื เป็นหลกั

ร่วมกันอย่างสันติสุข ปฏิบตั ิในการดำเนนิ

ตวั ชว้ี ัดที่ ป.3/4 ชีวิตประจำวัน

บอกความหมายความสำคัญของ

พระไตรปิฎก หรอื คัมภีรข์ องศาสนา

ท่ีตนนับถือ

ตวั ชว้ี ดั ที่ ป.3/5

แสดงความเคารพพระรัตนตรยั

และปฏิบัตติ ามหลกั ธรรมโอวาท 3

ในพระพุทธศาสนา หรอื หลกั ธรรม

ของศาสนาท่ีตนนับถือตามท่ี

กำหนด

3 โอวาท 3 มาตรฐานท่ี ส 1.1 หลกั ธรรมโอวาท 3 ข้อ

รแู้ ละเขา้ ใจประวตั ิความสำคญั ท่ี 1 การไมท่ ำความช่ัว

ศาสดาหลกั ธรรมของพระพุทธ เปน็ หลกั ปฏบิ ัตทิ ่สี อน

ศาสนาหรอื ศาสนาทต่ี นนบั ถือและ ให้พุทธศาสนิกชนงด

ศาสนาอ่ืนมีศรทั ธาที่ถูกต้องยึดมั่น เว้นจากการทำความชั่ว

และปฏิบัตติ ามหลกั ธรรมเพ่ืออยู่ ทง้ั ปวง เพ่ือเป็นหลกั

รว่ มกนั ปฏิบตั ิในการดำเนนิ

ชีวติ ประจำวนั

โครงสรา้ งรายวิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3
ภาคเรียนท่ี 1/……………. เวลา 20 ชว่ั โมง

หนว่ ยท่ี ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั
3 การเรยี นรู้ ตัวช้วี ดั (ชั่วโมง) คะแนน
โอวาท 3
4 ตวั ชี้วดั ท่ี ป.3/4 (ส.10) 2
หนา้ ทช่ี าวพุทธ
(การแสดงตนเปน็ บอกความหมาย ความสำคัญของ

พทุ ธมามกะ) พระไตรปฎิ ก หรอื คมั ภรี ข์ องศาสนา

ทต่ี นนับถือ

ตวั ช้วี ดั ที่ ป.3/5

แสดงความเคารพพระรตั นตรัย

และปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรมโอวาท 3

ในพระพุทธศาสนา หรอื หลกั ธรรม

ของศาสนาที่ตนนบั ถือตามท่ี

กำหนด

มาตรฐานท่ี ส 1.2 หน้าทช่ี าวพทุ ธการ

เข้าใจ ตระหนักและปฏิบัติตน แสดงตนเป็นพุทธมาม

เป็นศาสนกิ ชนที่ดแี ละธำรงรกั ษา กะเปน็ หลักปฏบิ ตั ิใน

พระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตน การประกาศตนเปน็ ผู้

นับถือ ยอมรับนับถือ

ตวั ชี้วัดท่ี ป.3/1 พระพทุ ธศาสนา

ปฏบิ ัติตนอยา่ งเหมาะสมต่อ

สาวก ศาสนสถาน ศาสนวัตถขุ อง

ศาสนาท่ีตนนับถือตามที่กำหนดได้

ถูกต้อง

ตวั ช้วี ัดที่ ป.3/2

เหน็ คณุ คา่ และปฏบิ ัติตนใน

ศาสนพิธี พธิ ีกรรมและวนั สำคัญ

ทางศาสนาตามที่กำหนดได้ถูกต้อง

โครงสร้างรายวชิ า สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3

ภาคเรียนที่ 1/……………. เวลา 20 ชวั่ โมง

หน่วยที่ ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั
4 การเรยี นรู้ ตวั ชี้วดั (ช่ัวโมง) คะแนน

หนา้ ทีช่ าวพุทธ มาตรฐานท่ี ส 1.2 มารยาทของชาวพุทธ (ส.11) 5

เขา้ ใจ ตระหนกั และปฏบิ ัติตน การปฏบิ ัตติ นอยา่ ง (
เปน็ ศาสนกิ ชนทีด่ แี ละธำรงรกั ษา เหมาะสมต่อพระภิกษุ ม
พระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตน พทุ ธศาสนกิ ชนพึง า
นับถอื ปฏิบตั ใิ ห้ถกู ต้อง เพ่ือ ร
ตัวช้ีวัดที่ ป.3/1 รักษาและสืบทอด ย
วฒั นธรรมที่ดงี ามไว้ า
ปฏบิ ัตติ นอย่างเหมาะสมต่อ ท
สาวก ศาสนสถาน ศาสนวัตถขุ อง ข
ศาสนาที่ตนนับถือตามทีก่ ำหนดได้
ถกู ต้อง

ตัวช้วี ัดที่ ป.3/2 อ
เหน็ คุณค่าและปฏิบตั ติ นใน

ศาสนพิธี พธิ ีกรรมและวนั สำคัญ

ทางศาสนาตามท่ีกำหนดได้ถูกต้อง

5 การสวดมนต์ไหว้ มาตรฐานที่ ส 1.1 การสวดมนต์ไหวพ้ ระ (ส.12) 2

พระ สรรเสรญิ รแู้ ละเขา้ ใจประวตั คิ วามสำคญั สรรเสริญคณุ พระ

คุณพระรัตนตรยั ศาสดาหลักธรรมของพระพทุ ธ รตั นตรัย และแผ่เมตตา

และแผ่เมตตา ศาสนาหรอื ศาสนาท่ีตนนับ เป็นการฝึกใหจ้ ิตสงบ มี

ถอื และศาสนาอ่ืนมีศรทั ธาที่ถูกต้อง สติ เกดิ สมาธิและ

ยดึ มนั่ และปฏบิ ตั ิตามหลักธรรมเพื่อ ปัญญา

อยู่รว่ มกันอยา่ งสันตสิ ุข

ตวั ชี้วดั ท่ี ป.3/6

เห็นคุณค่าและสวดมนต์แผ่

เมตตา มีสตทิ ่เี ป็นพ้ืนฐานของสมาธิ

ในพระพทุ ธศาสนาหรอื การพัฒนา

จติ ตามแนวทางของศาสนาท่ีตนนับ

ถือตามที่กำหนด

ครงสร้างรายวชิ า สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 3
ภาคเรยี นที่ 1/……………. เวลา 20 ช่ัวโมง

หน่วยที่ ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั
การเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ัด (ชัว่ โมง) คะแนน
(ส.13)
5 การฝกึ ใหม้ สี ติ มาตรฐานท่ี ส 1.1 การฝึกให้มสี ติและ 5
(ส.14)
และสมาธิ รู้และเขา้ ใจประวตั ิความสำคญั สมาธดิ ้วยการฝึกการ 5

ศาสดาหลกั ธรรมของพระพุทธ ยืน เดิน นัง่ นอนอยา่ ง

ศาสนาหรือศาสนาท่ตี นนบั ถือและ มสี ตแิ ละการฝึกใหม้ ี

ศาสนาอื่นมีศรทั ธาที่ถกู ต้องยึดมัน่ สมาธใิ นการฟัง อ่าน

และปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรมเพ่ืออยู่ คิด ถาม และเขียนเป็น

รว่ มกนั อย่างสันตสิ ุข หลกั ปฏบิ ัติในการ

ตัวชว้ี ัดที่ ป.3/6 ดำเนินชีวติ ประจำวัน

เห็นคณุ คา่ และสวดมนต์แผ่

เมตตา มีสตทิ ี่เป็นพนื้ ฐานของสมาธิ

ในพระพทุ ธศาสนาหรอื การพัฒนา

จติ ตามแนวทางของศาสนาที่ตนนับ

ถอื ตามท่กี ำหนด

6 ศาสนพิธี มาตรฐานท่ี ส 1.2 การอาราธนาศลี และ

(การอาราธนาศลี ) เข้าใจ ตระหนกั และปฏิบัตติ น การสมาทานศีลเปน็

(การอาราธนาศีล) เปน็ ศาสนกิ ชนท่ดี ีและธำรงรักษา ศาสนพธิ ีเบื้องต้นของ

(การอาราธนาศีล) พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตน การนำพุทธศาสนกิ ชน

(การอาราธาศีล) นบั ถอื เขา้ สหู่ ลักปฏบิ ัตกิ าร

(การอาราธน) ตัวชว้ี ัดที่ ป.3/2 บำเพญ็ ความดตี าม

เห็นคุณคา่ และปฏบิ ตั ติ นในศาสน หลกั ธรรมทาง

พธิ ี พิธกี รรมและวันสำคญั ทาง พระพุทธศาสนา

ศาสนาตามที่กำหนดไดถ้ ูกตอ้ ง

โครงสรา้ งรายวชิ า สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3
ภาคเรยี นที่ 1/……………. เวลา 20 ชว่ั โมง

หนว่ ยที่ ชอื่ หน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั
การเรียนรู้ ตัวช้วี ัด (ช่ัวโมง) คะแนน
(ส.15)
6 ศาสนาต่างๆท่ี มาตรฐานท่ี ส 1.1 รูแ้ ละเขา้ ใจประวัติ 8
(ส.16)
คนไทยนบั ถือ ร้แู ละเข้าใจประวตั ิความสำคัญ ความสำคัญศาสดา 9

ศาสดาหลกั ธรรมของพระพุทธ หลกั ธรรมของพระพุทธ

ศาสนาหรอื ศาสนาทต่ี นนบั ถือและ ศาสนาหรอื ศาสนาทีต่ น

ศาสนาอืน่ มีศรทั ธาที่ถูกต้องยึดมั่น นับถือและศาสนาอน่ื มี

และปฏบิ ัตติ ามหลกั ธรรมเพื่ออยู่ ศรทั ธาทีถ่ ูกต้อง ยึดมน่ั

ร่วมกนั อยา่ งสันติสุข และปฏบิ ัตติ าม

ตัวช้วี ดั ท่ี ป.3/7 หลกั ธรรมเพ่อื อยู่

บอกชื่อความสำคัญและปฏิบตั ิ รว่ มกนั อย่างสันติสุข

ตนไดอ้ ย่างเหมาะสมต่อศาสน

วัตถศุ าสนสถานและศาสนบุคคล

ของศาสนาอ่นื

6 การปฏบิ ตั ิตนท่ี มาตรฐานท่ี ส 1.1 ศาสนวัตถุ ศาสนสถาน
เหมาะสมต่อ
ศาสนวตั ถุ รู้และเข้าใจประวตั คิ วามสำคัญ และศาสนบคุ คล เปน็
ศาสนสถาน
ศาสนบุคคล ศาสดาหลักธรรมของพระพุทธ องค์ประกอบทีส่ ำคญั

ศาสนาหรือศาสนาทต่ี นนับถือและ ของศาสนา ศาสนกิ ชน

ศาสนาอ่ืนมีศรัทธาที่ถกู ต้องยึดมั่น ผ้นู ับถือศาสนาควร

และปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรมเพ่ืออยู่

รว่ มกนั อย่างสันตสิ ุข

ตวั ชวี้ ดั ที่ ป.3/7

บอกชอ่ื ความสำคญั และปฏบิ ตั ิ

ตนได้อย่างเหมาะสมต่อศาสน

วัตถศุ าสนสถานและศาสนบุคคล

ของศาสนาอ่นื

โครงสรา้ งรายวิชา สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 3
ภาคเรยี นที่ 1/……………. เวลา 20 ช่ัวโมง

หน่วยที่ ช่ือหน่วย มาตรฐานการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก
1 การเรยี นรู้ ตัวชีว้ ัด (ชั่วโมง) คะแนน

1 ประเพณแี ละ มาตรฐานท่ี ส 3.1 ศาสนวัตถุ (ส.17-18) 15

วฒั นธรรม ร้แู ละเขา้ ใจประวัติความ สำคญั ศาสนสถาน 6

ไทย ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธ ศาสนา และศาสนบคุ คล เป็น 100

หรอื ศาสนาท่ตี นนับถือและศาสนาอื่น มี องค์ประกอบทีส่ ำคัญ

ศรทั ธาทถ่ี ูกตอ้ ง ยดึ มั่นและปฏบิ ัติตาม ของศาสนา ศาสนิกชน

หลักธรรมเพอื่ อยรู่ ่วมกนั อยา่ งสันติสขุ ผู้นบั ถอื ศาสนาควร

ตวั ชี้วดั ท่ี ป.3/1 ปฏิบตั ิตนดว้ ยความ

บอกชือ่ ความสำคญั และปฏบิ ตั ติ นได้ เคารพ

อยา่ งเหมาะสมต่อศาสนวัตถุศาสนสถาน

และศาสนบุคคลของศาสนาอ่ืน

วนั สำคัญของ มาตรฐาน ส 2.2 การเขา้ ร่วมกจิ กรรม (ส.19-20)

ไทย เขา้ ใจระบบการเมืองการปกครอง ตา่ งๆ เก่ียวกบั ชาติ

ในสงั คมปจั จุบัน ยึดมน่ั ศรัทธาและ และกิจกรรมในวัน

ธำรงรกั ษา ไว้ซ่งึ การปกครองระบอบ สำคัญของชาติ และ

ประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ท์ รง การมวี ินัยในตนเองนั้น

เป็นประมขุ จัดเปน็ ส่วนหนึ่งในการ

ตวั ชว้ี ดั ป.3/1 แสดงออกถึงความรัก

ระบบุ ทบาทหน้าท่ีของสมาชิกของ ชาติ

ชุมชนในการมีส่วนร่วมในกิจกรรม

ต่าง ๆ ตามกระบวนการประชาธปิ ไตย

สอบปลายภาคเรยี นท่ี 1 (ส. 1- 20)

รวมภาคเรียนท่ี1/……………….. 20

สัปดาห์ที่ 1

โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ 1 / ……….. ชื่อผู้สอน ...........................................................................

กลุ่มสาระ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชั้น ประถมศกึ ษาปีที่ 3 จำนวน ......1...... คาบ

หนว่ ยการเรยี นที่ 1 ความสำคญั ของศาสนาและพุทธประวตั ิ เร่ือง ความสำคัญของพระพทุ ธศาสนาใน

ฐานะทเี่ ปน็ รากฐานสำคัญของ

วัฒนธรรมไทย

1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั

มาตรฐานท่ี ส 1.1

รูแ้ ละเข้าใจประวตั ิความ สำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาที่ตนนบั ถือและศาสนาอ่นื มี
ศรัทธาทีถ่ ูกตอ้ ง ยดึ มน่ั และปฏิบัติตามหลักธรรมเพ่ืออย่รู ่วมกันอย่างสันตสิ ขุ

ตวั ชีว้ ดั ที่ ป.3/1

อธิบายความสำคัญของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนบั ถือในฐานะท่ีเป็นรากฐานสำคัญของ
วฒั นธรรมไทย

ตวั ชว้ี ัดท่ี ป.3/2
สรุปพทุ ธประวตั ติ ัง้ แต่การบำเพ็ญเพียรจนถงึ ปรนิ ิพพาน หรอื ประวัตขิ องศาสดาทตี่ นนบั ถือตามท่ี

กำหนด

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

พระพุทธศาสนาเปน็ รากฐานของวัฒนธรรมไทย พุทธประวัตเิ ปน็ เรอื่ งราวเหตุการณ์ความเปน็ มาของ
พระพุทธเจ้า ผเู้ ป็นพระศาสดาของพระพทุ ธศาสนา

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. รากฐานของวัฒนธรรมไทย (K)
2. เปรยี บเทยี บการสร้างสรรค์ผลงานทท่ี ำให้มอี ิทธิพลตอ่ พระพทุ ธศาสนาได้ (P)
3. มีความสนใจใฝ่เรียนรู้และมุง่ ม่ันในการทำงาน (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น

อธิบายความสำคัญของพระพุทธศาสนาในฐานะที่เปน็ พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

รากฐานสำคญั ของวฒั นธรรมไทยได้

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบที่ 1

ข้นั นำ

ขน้ั กระตุ้นความสนใจ

1. ครใู หน้ กั เรยี นดภู าพเกยี่ วกับความสำคญั ของศาสนา แลว้ ให้นกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ ถงึ คณุ ค่า และ
ความสำคัญของภาพ และความเก่ียวข้องสมั พันธ์กับศาสนา

2. นกั เรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด
ครอู ธบิ ายเชือ่ มโยงให้นักเรยี นเหน็ ความสำคัญของศาสนาทม่ี ตี ่อวถิ ีการดำเนินชีวิต

ข้ันสอน

ขั้นสำรวจค้นหา

1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ตามความสมัครใจ แลว้ ให้ แตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันศึกษาความรู้เร่ือง ความสำคญั
ของศาสนา จากหนังสือเรียน หนังสือคน้ ควา้ เพมิ่ เติม และห้องสมุด แลว้ อภิปรายรว่ มกันในหัวขอ้ สำคญั ดังน้ี
1) อิทธิพลของพระพทุ ธศาสนาท่ีมตี ่อคนไทย
2) อทิ ธพิ ลของศาสนาอนื่ ๆ ท่ีมตี ่อคนไทย

2. นักเรียนตอบคำถามกระตุ้นความคิด
3. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ รว่ มกนั วิเคราะห์ภาพ และตอบคำถามท่ีกำหนดใหใ้ นใบงานท่ี 1.1 เรอื่ ง ความสำคญั ของ

ศาสนาตัวแทนแตล่ ะกลุม่ ออกมานำเสนอคำตอบในใบงานท่ี 1.1 หน้าชน้ั เรียน โดยมีครตู รวจสอบความถูกตอ้ ง

ขนั้ สรุป

ขน้ั ขยายความเข้าใจ
ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปความสำคญั ของศาสนาท่เี ปน็ เคร่ือง ยึดเหน่ยี วจิตใจของศาสนิกชน และเปน็ รากฐาน

สำคัญทกี่ ่อใหเ้ กดิ วฒั นธรรมประเพณีตา่ งๆ

ขั้นตรวจสอบผล
1. ครูให้นักเรียนสรุปความรู้จากการเรียนจนไดข้ อ้ สรปุ ร่วมกันวา่ ความสำคญั ของพระพุทธศาสนา
2. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจก่อนเรียนของนักเรียน
3. ครปู ระเมินผลนักเรียน โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล พฤตกิ รรม
การทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหนา้ ชนั้ เรยี น
4. ครูตรวจการวาดภาพหรือติดภาพวัฒนธรรมไทยทน่ี กั เรยี นรูจ้ ักในแบบฝกึ หัดสังคมฯหน้า 12-13
5. ครตู รวจสอบผลการทำกิจกรรมหนูตอบได้ในสมุด หรอื ในแบบฝกึ หัดสังคมศกึ ษาฯ

6. การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวัดผล เครือ่ งมอื วัด เกณฑก์ าร
การวัดและประเมนิ ผล ประเมินผล
จดุ ประสงค์ 1.คำถามกระตุ้น 70% ข้ึนไป ถือว่า
ความคิด ผา่ นเกณฑ์การ
ความรู้ความ 1. สังเกตจากการซกั ถาม ตอบคำถาม ประเมิน
เข้าใจ (K) 2. บรรยายความสำคัญของ 1. ใบงาน 70% ข้ึนไป ถือวา่
พระพทุ ธศาสนาท่ตี นเองเขา้ ใจได้ ท่ี 1.1 วัฒนธรรม ผ่านเกณฑ์การ
ทักษะ/ ไทยทน่ี ักเรยี น ประเมิน
กระบวนการ (P) 1.เปรยี บเทียบการสรา้ งสรรค์ผลงานท่ี รจู้ ัก
ทำใหม้ ีอิทธพิ ลต่อพระพุทธศาสนาได้ 1. แบบสงั เกต 70% ขึ้นไป ถอื ว่า
พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การ
คณุ ลกั ษณะนิสยั (A) 1. สงั เกตจากการเรียนมคี วาม ประเมิน
รับผิดชอบตอ่ งานท่ีสัง่ และส่งงานไดท้ นั
ตามทีก่ ำหนด
2. สังเกตจากการเรียนใฝเ่ รียนรู้
3. สงั เกตจากการมุ่งมัน่ ในการทำงาน

7. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนสงั คมศึกษาฯ ป.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ความสำคัญของพระพุทธศาสนา
2) แบบฝกึ หัดสงั คมศึกษาฯ ป.3 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 ความสำคัญของพระพุทธศาสนา
3) รูปภาพประเพณที เี่ ปน็ วฒั นธรรมไทย เช่น การอุปสมบท

7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องสมดุ
3) อนิ เทอรเ์ นต็

8. กิจกรรมเสนอแนะ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื .........................................ครูผู้สอน ลงชอ่ื .........................................ฝ่ายวิชาการ
(...........................................) (.............................................)

ลงชอ่ื .........................................ผู้บริหาร
(.............................................................)

สัปดาห์ท่ี 2

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรยี นท่ี 1 / ……….. ช่อื ผสู้ อน ................................................................

กลุ่มสาระ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ช้ัน ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 จำนวน ......1...... คาบ

หนว่ ยการเรยี นที่ 1 ความสำคัญของศาสนาและพทุ ธประวัติ เร่ือง พุทธประวัติ

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชี้วัด

มาตรฐานที่ ส 1.1

ร้แู ละเข้าใจประวัติความ สำคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือและศาสนาอืน่ มี
ศรทั ธาทถ่ี ูกต้อง ยึดมัน่ และปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่ออยูร่ ่วมกันอย่างสันติสุข

ตัวชีว้ ัดท่ี ป.3/1

อธบิ ายความสำคัญของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถอื ในฐานะทีเ่ ปน็ รากฐานสำคญั ของวฒั นธรรมไทย
ตวั ชี้วดั ที่ ป.3/2

พุทธประวตั ิ เป็นการศึกษาประวตั ขิ องพระพุทธเจา้ ตงั้ แต่ทรงแสดงปฐมเทศนาจนถงึ การเสด็จดับขันธปรินพิ พาน
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

พุทธประวตั ิ เป็นการศกึ ษาประวัติของพระพุทธเจา้ ตัง้ แต่ทรงแสดงปฐมเทศนาจนถึงการเสดจ็
ดับขนั ธปรนิ ิพพาน
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. พทุ ธประวตั ิ (K)
2. .อธบิ ายประวตั ขิ องพระพุทธเจ้าได้ (P)
3. มีความสนใจใฝ่เรียนรแู้ ละมุ่งม่ันในการทำงาน (A)
4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถน่ิ
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
1.อธิบายประวัตขิ องพระพุทธเจา้ ชว่ งแสดงปฐม
เทศนา-ปรนิ พิ พาน

5. กจิ กรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1

ขนั้ นำ

ขน้ั กระต้นุ ความสนใจ

1.นักเรียนตอบคำถามกระตุน้ ความคดิ
2.ครใู ห้นักเรียนทายปัญหาจากภาพเกยี่ วกับศาสนาครสิ ต์ ศาสนาอสิ ลาม และศาสนาพราหมณ์-ฮินดู วา่ ภาพดัง
กลา่ วคอื อะไร และเก่ยี วขอ้ งกับศาสนาอะไร
3.ครเู ฉลยคำตอบ แล้วอธิบายเช่อื มโยงใหน้ ักเรยี นเข้าใจว่า ยังมศี าสนาอนื่ ท่ีคนไทยนับถือซึ่ง นักเรียนควรได้ศึกษา
ประวัติศาสดาของศาสนาอ่นื

ขน้ั สอน

ข้นั สำรวจคน้ หา

1. นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 6 คน ตามความสมคั รใจ แลว้ ให้ แตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ศึกษาความรูเ้ รือ่ ง ความสำคญั
ของศาสนา จากหนังสือเรยี น หนังสือค้นควา้ เพมิ่ เติม และห้องสมดุ แลว้ อภปิ รายร่วมกันในหัวขอ้ สำคัญ ดงั นี้
3) อิทธพิ ลของพระพุทธศาสนาท่ีมีต่อคนไทย
4) อทิ ธพิ ลของศาสนาอ่ืนๆ ทีม่ ีต่อคนไทย

2. นกั เรียนตอบคำถามกระตุน้ ความคิด
3. นักเรียนแต่ละกลุม่ รว่ มกนั วิเคราะห์ภาพ และตอบคำถามที่กำหนดให้ในใบงานท่ี 1.1 เร่อื ง ความสำคญั ของ

ศาสนา
4. ตัวแทนแตล่ ะกลุม่ ออกมานำเสนอคำตอบในใบงานท่ี 1.1 หน้าชัน้ เรยี น โดยมคี รตู รวจสอบความถูกต้อง

ขนั้ สรุป

ขั้นขยายความเข้าใจ
ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปความสำคญั ของศาสนาท่เี ป็นเครอ่ื ง ยดึ เหน่ยี วจติ ใจของศาสนิกชน และเปน็ รากฐานสำคัญ
ท่กี ่อใหเ้ กิดวฒั นธรรมประเพณีตา่ งๆ

ข้นั ตรวจสอบผล
1. ครูให้นกั เรียนสรุปความรูจ้ ากการเรยี นจนได้ข้อสรุปรว่ มกันว่า ความสำคัญของพระพุทธศาสนา
2. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เพื่อตรวจสอบความเข้าใจกอ่ นเรยี นของนักเรียน
3. ครูประเมนิ ผลนกั เรยี น โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล พฤติกรรม
การทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหน้าช้ันเรยี น
4. ครตู รวจการวาดภาพหรือตดิ ภาพวัฒนธรรมไทยท่ีนักเรียนรูจ้ กั ในแบบฝกึ หดั สังคมฯหนา้ 12-13
5. ครตู รวจสอบผลการทำกจิ กรรมหนตู อบไดใ้ นสมดุ หรอื ในแบบฝึกหัดสงั คมศกึ ษาฯ

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวดั และประเมนิ ผล

จดุ ประสงค์ วธิ กี ารวัดผล เครือ่ งมอื วัด เกณฑ์การ

ประเมนิ ผล

ความรู้ความ 1. สังเกตจากการซกั ถาม ตอบคำถาม 1.คำถามกระตุ้น 70% ข้ึนไป ถอื ว่า

เข้าใจ (K) 2. บรรยายความสำคญั ของ ความคดิ ผา่ นเกณฑ์การ

พระพุทธศาสนาที่ตนเองเขา้ ใจได้ ประเมิน

ทกั ษะ/ 1.เปรยี บเทียบการสร้างสรรค์ผลงานท่ี 1. ใบงาน 70% ขนึ้ ไป ถือว่า

กระบวนการ (P) ทำให้มีอทิ ธิพลต่อพระพุทธศาสนาได้ ที่ 1.1 วัฒนธรรม ผา่ นเกณฑ์การ

ไทยทีน่ ักเรียนรจู้ กั ประเมิน

คณุ ลกั ษณะนิสยั (A) 1. สงั เกตจากการเรียนมีความ 1. แบบสงั เกต 70% ขนึ้ ไป ถอื วา่

รบั ผิดชอบต่องานที่ส่ังและสง่ งานได้ พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การ

ทันตามท่ีกำหนด ประเมนิ

2. สังเกตจากการเรยี นใฝ่เรยี นรู้

3. สงั เกตจากการมงุ่ มั่นในการทำงาน

7. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้

7.1 สือ่ การเรยี นรู้

1) หนังสอื เรียนสงั คมศกึ ษาฯ ป.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 ความสำคัญของพระพุทธศาสนา

2) แบบฝึกหดั สังคมศกึ ษาฯ ป.3 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 ความสำคัญของพระพุทธศาสนา

3) รปู ภาพประเพณีทเ่ี ปน็ วฒั นธรรมไทย เชน่ การอุปสมบท

4) ใบงานที่ 1.1 เรอื่ ง วัฒนธรรมไทยทีน่ ักเรียนรจู้ กั

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้

1) ห้องเรยี น

2) หอ้ งสมุด

3) อินเทอรเ์ นต็

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.........................................ครูผสู้ อน ลงชอ่ื .........................................ฝา่ ยวิชาการ
(..............................................) (............................................)

ลงช่อื .........................................ผบู้ ริหาร
(.................................. ............)

สปั ดาห์ท่ี 3

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรยี นท่ี 1 / ……….. ชอ่ื ผู้สอน ................................................................

กลมุ่ สาระ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 จำนวน ......1...... คาบ

หนว่ ยการเรยี นท่ี 2 พุทธสาวก ชาดกและพุทธศาสนิกชน เร่อื ง พุทธสาวก

1. มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตวั ชี้วดั

มาตรฐานที่ ส 1.1

รูแ้ ละเข้าใจประวตั ิความสำคัญศาสดาหลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาทีต่ นนับถอื และศาสนาอืน่ มี
ศรัทธาท่ีถูกตอ้ ง ยึดม่นั และปฏิบตั ติ ามหลกั ธรรมเพื่ออยู่รว่ มกนั อย่างสันตสิ ขุ

ตวั ชวี้ ัดที่ ป.3/3

ชื่นชมและบอกแบบอยา่ งการดำเนนิ ชวี ติ และข้อคดิ จากประวตั ิสาวกชาดกเรื่องเล่าและศาสนิกชนตวั อยา่ งตามที่
กำหนด

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

พทุ ธสาวกเปน็ ผปู้ ระพฤตปิ ฏบิ ัติตนตามคำสอนของพระพทุ ธเจา้ ชาดกเป็นเร่ืองราวในอดีตชาตขิ องพระพทุ ธเจา้
และพุทธสาวกท่ีนำมาประกอบการแสดงพระธรรมเทศนาพุทธศาสนกิ ชนตัวอยา่ งเปน็ บุคคลทีป่ ระพฤตเิ ป็นแบบอย่าง
ท่ีดีของชาวพุทธ

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. พุทธสาวก (K)
2. .อธิบายประวตั แิ ละแบบอย่างของพุทธสาวกได(้ P)
3. มีความสนใจใฝเ่ รียนรแู้ ละมุ่งมน่ั ในการทำงาน (A)
4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ
อธบิ ายประวตั แิ ละแบบอยา่ งของพุทธสาวกได้ พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี 1

ขัน้ นำ

ขั้นกระตุ้นความสนใจ

1. ครใู หน้ กั เรยี นเล่าความประทับใจในการกระทำของบุคคลท่ีเปน็ ชาวพทุ ธตวั อยา่ งทน่ี ักเรยี นเคยเรยี นมา และ
บอกคณุ ธรรมอนั เปน็ แบบอย่างของทา่ น

2. นักเรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด

ขนั้ สอน

ขัน้ สำรวจคน้ หา

1. ครแู บ่งนกั เรียนเปน็ กลมุ่ กลุ่มละ 3 คน คละกนั ตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลาง และอ่อน แล้วชน้ี ำให้
นักเรียนเหน็ ความสำคัญของการทำงานร่วมกัน เชน่
- การช่วยเหลือกนั และการรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอย่างมีเหตุผล
- ทกุ คนต้องมีความรบั ผดิ ชอบในภาระหรือหนา้ ท่ีของตน
- สมาชกิ ทุกคนมบี ทบาทเทา่ เทียมกนั
- สมาชกิ ทุกคนต้องมีปฏิสมั พันธ์ทด่ี ตี ่อกันอย่างต่อเนื่อง

2. นกั เรียนแต่ละกลุม่ กำหนดหมายเลขประจำตวั ให้สมาชิกแต่ละคน เปน็ หมายเลข 1-3 เรียกกลุ่มนีว้ ่า กลุ่มบ้าน
3. นักเรียนท่ีมีหมายเลขเดยี วกันมานัง่ รวมกนั เปน็ กล่มุ ใหม่ เรียกว่า กลุ่มผเู้ ช่ียวชาญ แล้วศกึ ษาความรแู้ ละทำงาน

ร่วมกันตามประเดน็ ท่ีครกู ำหนดให้ จากหนังสอื เรยี น หนงั สอื ค้นควา้ เพมิ่ เติม ห้องสมุด และแหลง่ ข้อมลู
สารสนเทศ ดังน้ี
- กลุ่มหมายเลข 1 ศกึ ษาความร้เู กี่ยวกับประวตั สิ ามเณรสังกิจจะ
- กลุ่มหมายเลข 2 ศกึ ษาความรู้เกย่ี วกบั ประวตั สิ มเดจ็ พระพุฒา-จารย์ (โต พรฺ หฺมรส)ี
- กลมุ่ หมายเลข 3 ศึกษาความรเู้ ก่ียวกับประวตั ิสมเด็จพระเจ้า ตากสนิ มหาราช

ข้นั สรุป

ขั้นขยายความเขา้ ใจ

1. สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสรุปข้อคิดที่ได้จากการศึกษาประวัติ พทุ ธสาวกและชาวพทุ ธตวั อยา่ งท่ีไดศ้ ึกษาไปใน
ช่ัวโมงท่ีแลว้ แล้วบนั ทกึ ลงในแบบบันทกึ ขอ้ คดิ ที่ได้จากการศึกษาประวัติ พุทธสาวก และชาวพุทธตัวอย่าง

2.นักเรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ
ขน้ั ตรวจสอบผล

1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรยี นของนักเรยี น
2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุม่ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหนา้ ช้นั เรยี น

6. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผล

จดุ ประสงค์ วิธกี ารวดั ผล เคร่อื งมือวดั เกณฑก์ าร

ประเมนิ ผล

ความร้คู วาม 1. สังเกตจากการซกั ถาม ตอบ 1.คำถามกระตนุ้ 70% ขึน้ ไป ถอื ว่า

เขา้ ใจ (K) คำถาม ความคดิ ผ่านเกณฑ์การ

2. บอกแบบอยา่ งท่ีดพี ุทธสาวกได้ ประเมิน

ทักษะ/ 1.อธิบายประวัตแิ ละแบบอย่าง 1. ใบงานที่ พทุ ธสาวก 70% ข้นึ ไป ถือว่า

กระบวนการ (P) ของพุทธสาวกได้ ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมนิ

คุณลกั ษณะนสิ ัย (A) 1. สังเกตจากการเรยี นมีความ 1. แบบสงั เกต 70% ข้นึ ไป ถือว่า

รับผิดชอบต่องานทีส่ ัง่ และส่งงาน พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์การ

ไดท้ ันตามที่กำหนด ประเมิน

2. สังเกตจากการเรียนใฝ่เรียนรู้

3. สังเกตจากการมงุ่ มัน่ ในการ

ทำงาน

7. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้

7.1 ส่อื การเรียนรู้

1. หนังสอื เรยี นสังคมศึกษาฯ ป.3 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 พุทธสาวก ชาดก และพทุ ธศาสนกิ ชนตัวอยา่ ง

2. แบบฝึกหัดสังคมศึกษาฯ ป.3 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 พุทธสาวก

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

1) หอ้ งเรยี น

2) หอ้ งสมดุ

3) อนิ เทอรเ์ น็ต

8. กิจกรรมเสนอแนะ

..........................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................

ลงช่อื .........................................ครผู ้สู อน ลงชอื่ .........................................ฝ่ายวชิ าการ
(..............................................) (................................................)

ลงช่ือ.........................................ผบู้ รหิ าร
(................................................)

สปั ดาหท์ ่ี 4

โรงเรียนขจรเกยี รติพฒั นา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรียนที่ 1 / ……….. ชือ่ ผู้สอน ................................................................

กลุ่มสาระ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 จำนวน ......1...... คาบ

หนว่ ยการเรียนที่ 2 พุทธสาวก ชาดกและพทุ ธศาสนิกชน เรอื่ ง ชาดก

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด

มาตรฐานท่ี ส 1.1

รแู้ ละเข้าใจประวตั คิ วามสำคัญศาสดาหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือและศาสนาอน่ื มี
ศรทั ธาทีถ่ ูกตอ้ ง ยดึ มัน่ และปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรมเพื่ออยู่รว่ มกันอย่างสนั ติสขุ

ตัวชี้วดั ท่ี ป.3/1
อธบิ ายความสำคัญของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนับถือในฐานะที่เป็นรากฐานสำคัญของวัฒนธรรมไทย

2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

ชาดกเป็นเรื่องเลา่ ใชส้ ำหรับประกอบการแสดงพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจา้

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. หลกั ธรรมและข้อคดิ ในชาดก (K)
2. อธิบายหลกั ธรรมและข้อคิดจากในชาดกได้(P)
3. มคี วามสนใจใฝเ่ รียนรู้และมุง่ มัน่ ในการทำงาน (A)
4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนร้ทู อ้ งถ่นิ
อธิบายหลักธรรมในชาดกได้ พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1

ขน้ั นำ

ขน้ั กระตุ้นความสนใจ
1.ให้นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับเรอื่ งชาดก โดยครใู ช้คำถาม ดงั น้ี นกั เรียนทราบหรือไมว่ า่

ชาดกหมายถงึ อะไร
2.ให้ครูอธิบายความหมายชาดก

ข้นั สอน

ขั้นสำรวจค้นหา
1. ให้นักเรยี นร่วมกันศกึ ษาเรื่อง อารามทูสกชาดก และร่วมกนั แสดงความคิดเห็นโดยครูใชค้ ำถาม ดงั นี้
- การกระทำของลงิ ในเรอ่ื ง อารามทสู กชาดก สง่ ผลอย่างไร(ทำใหต้ ้นไม้ในสวนถกู ทำลายจนเสยี หาย)
- นกั เรียนได้ขอ้ คิดจากเรื่อง อารามทูสกชาดก อยา่ งไร(การทำประโยชน์โดยผ้ไู ม่ฉลาด จะทำให้เกดิ
ความเสยี หาย)
2. ครใู หน้ ักเรียนร่วมกนั อา่ นชาดกเร่ือง มหาวาณชิ ชาดก และร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คำถาม
ดงั น้ี
- การกระทำของกลมุ่ พ่อค้าในเรือ่ งมหาวาณิชชาดกส่งผลอย่างไร(พ่อคา้ ท่ีมีความโลภ ถูกพญานาคฆา่
ตาย)
- นกั เรียนได้ขอ้ คิดจากเร่ืองมหาวาณิชชาดกอย่างไร (ผทู้ ม่ี ีความโลภจะสญู เสยี ทุกส่งิ ทุกอย่าง)
- นิทานชาดก 2 เรือ่ ง สอนข้อคิดอยา่ งไรให้แก่นักเรยี นบ้าง

ขัน้ สรปุ

ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ
1. ให้นักเรียนและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ดงั น้ีชาดก เป็นเรื่องเล่าที่มคี ตสิ อนใจ เพื่อเป็นแนวทางให้
พุทธศาสนกิ ชนนำไปปฏิบตั ิ
2. ให้นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครูใช้คำถามท้าทาย ดงั นนี้ ักเรยี นจะนำเรือ่ งเลา่ จากชาดกมา

ปฏบิ ัตใิ ห้เกดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและบคุ คลอ่ืนอย่างไรบา้ ง
3. ใหน้ ักเรยี นทำใบงานเรอื่ ง ชาดก

ข้นั ตรวจสอบผล
1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจกอ่ นเรยี นของนักเรยี น
2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล

พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหน้าชนั้ เรยี น

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวดั และประเมินผล

จดุ ประสงค์ วธิ กี ารวดั ผล เครอ่ื งมือวดั เกณฑ์การ

ประเมินผล

ความรู้ความ 1. สงั เกตจากการซกั ถาม ตอบ 1.คำถามกระตนุ้ 70% ขนึ้ ไป ถือวา่

เข้าใจ (K) คำถาม ความคดิ ผา่ นเกณฑ์การ

2. หลกั ธรรมและขอ้ คดิ ในชาดก ประเมิน

ทกั ษะ/ 1อธิบายหลกั ธรรมและข้อคิดจาก 1. ใบงานเรือ่ ง ชาดก 70% ขน้ึ ไป ถือว่า

กระบวนการ (P) ในชาดกได้ ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมิน

คณุ ลักษณะนิสัย (A) 1. สงั เกตจากการเรียนมคี วาม 1. แบบสงั เกต 70% ขน้ึ ไป ถือว่า

รบั ผดิ ชอบต่องานทส่ี ั่งและสง่ งาน พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การ

ไดท้ ันตามท่กี ำหนด ประเมนิ

2. สงั เกตจากการเรยี นใฝ่เรยี นรู้

3. สงั เกตจากการมุง่ ม่ันในการ

ทำงาน

7. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้

7.1 สอื่ การเรียนรู้

1. หนงั สือเรียนสงั คมศกึ ษาฯ ป.3 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 พุทธสาวก ชาดก และพุทธศาสนิกชนตัวอย่าง

2. แบบฝกึ หดั สงั คมศกึ ษาฯ ป.3 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 ชาดก

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

1) ห้องเรยี น

2) หอ้ งสมดุ

3) อนิ เทอรเ์ น็ต

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

..........................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.........................................ครผู ู้สอน ลงชือ่ .........................................ฝา่ ยวชิ าการ
(............................................) (..............................................)

ลงช่ือ.........................................ผู้บรหิ าร
(................................................)

สปั ดาห์ที่ 5

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรียนที่ 1 / ……….. ชอ่ื ผ้สู อน ................................................................

กลุม่ สาระ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้ัน ประถมศกึ ษาปที ี่ 3 จำนวน ......1...... คาบ

หน่วยการเรยี นท่ี 2 พุทธสาวก ชาดกและพุทธศาสนกิ ชน เร่ือง พุทธศาสนิกชนตัวอย่าง

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั

มาตรฐานท่ี ส 1.1

รู้และเขา้ ใจประวัติความสำคัญศาสดาหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาทตี่ นนับถอื และศาสนาอ่ืนมี
ศรทั ธาท่ถี ูกต้อง ยดึ มัน่ และปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรมเพ่ืออยูร่ ่วมกันอย่างสันติสขุ

ตัวชี้วัดที่ ป.3/3
ช่นื ชมและบอกแบบอยา่ งการดำเนนิ ชวี ิตและข้อคิดจากประวัตสิ าวกชาดกเร่ืองเล่าและ

ศาสนกิ ชนตวั อยา่ งตามท่ีกำหนด
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

พทุ ธศาสนกิ ชนตวั อยา่ งคือผู้ท่ีปฏิบตั ติ ามหลกั คำสอนของพระพทุ ธเจ้าและบำเพ็ญตนเปน็ ประโยชนต์ อ่
พระพทุ ธศาสนา และประเทศชาติ
3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. พุทธศาสนกิ ชนตวั อยา่ ง (K)
2. อธบิ ายลกั ษณะของศาสนิกชนตัวอย่างและหลกั ธรรมท่ีนำมาปฏบิ ัติได้(P)
3. มีความสนใจใฝเ่ รียนร้แู ละม่งุ ม่ันในการทำงาน (A)
4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิน่

อธบิ ายลักษณะของศาสนกิ ชนตัวอยา่ งและหลักธรรมท่ี พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
นำมาปฏิบตั ิได้

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1

ขนั้ นำ

ข้นั กระตุ้นความสนใจ
1. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั พุทธศาสนิกชนตวั อย่าง โดยครูใชค้ ำถาม ดงั นีน้ กั เรยี นเคย

ศกึ ษาพุทธศาสนิกชนตัวอย่างหรอื ไม่ (ตวั อยา่ งคำตอบ เคยศึกษา)พุทธศาสนิกชนตัวอย่างมีลักษณะอย่างไร
2. ครอู ธบิ ายถึงคุณสมบัติของผทู้ จี่ ะเป็นพุทธศาสนิกชนตัวอย่างเพ่ิมเตมิ โดยใหน้ กั เรียนรว่ มกนั แสดงความ

คดิ เห็น และร่วมกันบนั ทึกเป็นแผนภาพลงบนกระดานคุณสมบัติพุทธศาสนิกชน
ตวั อยา่ งทำความดี และบำเพ็ญประโยชน์แก่ประเทศชาติเป็นบคุ คลทีม่ ีประวัตดิ ี
ดแู ลครอบครัวและบุคคลรอบข้างดีปฏบิ ตั ติ นตามหลกั คำสอนของพระพทุ ธเจ้า เป็นแบบอย่างทดี่ ขี องบคุ คลทวั่ ไปทำ
ความดสี ม่ำเสมอทำคุณประโยชน์ตอ่ พระพทุ ธศาสนา

ข้ันสอน

ขน้ั สำรวจค้นหา
1. ใหน้ ักเรียนร่วมกันอ่านเรอ่ื ง สมเดจ็ พระพุฒาจารย์ (โต พรฺ หมรฺ ํส)ี และร่วมกันสนทนาโดยครใู ชค้ ำถาม ดังน้ี

สมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (โต พรฺ หมรฺ ํส)ี มีแนวปฏิบตั ทิ ี่ดงี ามอย่างไร(เปน็ ผู้ไมย่ ึดตดิ ในยศศักด์ิ ขยนั ศกึ ษาจนมคี วาม
เชีย่ วชาญแตกฉานในหลกั ธรรม)
นกั เรยี นจะนำแนวปฏบิ ตั ิท่ีดีงามของท่านไปปฏิบัตอิ ยา่ งไร (ขยนั ตงั้ ใจศึกษาเลา่ เรียน)

2. ครูเปิดแถบบันทึกเสยี งเพลงพระเจา้ ตากใหน้ ักเรยี นฟัง แลว้ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สนทนาโดยครใู ชค้ ำถาม ดงั น้ี
นักเรยี นเคยฟังเพลงพระเจ้าตากหรือไม่ (ตวั อย่างคำตอบ เคย)
เนือ้ หาเพลงกล่าวถงึ เรื่องใด(เรือ่ งความกล้าหาญของพระเจ้าตากสนิ มหาราชและการกอบกูเ้ อกราช)

3. ใหน้ กั เรียนร่วมกันอ่านเรอื่ ง สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราชและรว่ มกันสนทนาโดยครูใชค้ ำถาม ดงั น้ี
-สมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราช มีแนวปฏิบัตทิ ีด่ งี ามอย่างไร (เป็นผมู้ ีความเข้มแข็งกลา้ หาญ และทำนุบำรุง
พระพทุ ธศาสนาใหเ้ จรญิ รงุ่ เรือง)
-นักเรยี นจะนำแนวปฏบิ ัตทิ ีด่ ีงามของสมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชไปปฏบิ ัตอิ ย่างไร
(มคี วามอดทน เขม้ แข็ง สืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่)

ข้ันสรปุ

ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ
1. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปเกย่ี วกบั พุทธศาสนิกชนตัวอยา่ ง โดยครูใชค้ ำถาม ดงั น้ี

การปฏบิ ตั ิตนตามหนา้ ที่ชาวพทุ ธจะเกดิ ผลอย่างไร (ตัวอย่างคำตอบ สังคมสงบสุขศาสนามคี วามเจริญรงุ่ เรือง)
2. ให้นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้พุทธศาสนิกชนตัวอยา่ ง เปน็ แบบอยา่ งท่ีดีของผ้ปู ฏบิ ตั ติ นตาม

หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและบำเพญ็ ประโยชน์ตอ่ พระพุทธศาสนาและประเทศชาติ

ขน้ั ตรวจสอบผล

1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน เพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจกอ่ นเรยี นของนักเรียน

2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล

พฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ชนั้ เรยี น

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมินผล

จุดประสงค์ วิธีการวดั ผล เครอื่ งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ ผล

ความรูค้ วาม 1. สงั เกตจากการซกั ถาม ตอบคำถาม 1.คำถาม 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่าผ่าน

เข้าใจ (K) 2. พุทธศาสนกิ ชนตวั อยา่ ง กระตนุ้ เกณฑ์การประเมิน

ความคิด

ทกั ษะ/ 1.อธบิ ายลักษณะของศาสนกิ ชน 1. ใบงานเร่อื ง 70% ขึน้ ไป ถอื ว่าผา่ น

กระบวนการ (P) ตวั อย่างและหลักธรรมที่นำมาปฏิบตั ิได้ พทุ ธศาสนิกชน เกณฑ์การประเมิน

คณุ ลกั ษณะนิสยั (A) 1. สงั เกตจากการเรยี นมคี วาม 1. แบบสงั เกต 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่าผ่าน

รับผิดชอบตอ่ งานทีส่ ัง่ และส่งงานได้ทัน พฤติกรรม เกณฑ์การประเมิน

ตามท่ีกำหนด

2. สังเกตจากการเรยี นใฝ่เรียนรู้

3. สังเกตจากการมุง่ มั่นในการทำงาน

7. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้

7.1 สื่อการเรียนรู้

1. หนังสือเรยี นสังคมศึกษาฯ ป.3 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 พุทธสาวก ชาดก และพุทธศาสนิกชนตวั อย่าง

2. แบบฝกึ หัดสงั คมศกึ ษาฯ ป.3 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 พทุ ธศาสนกิ ชนตวั อยา่ ง

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้

1) หอ้ งเรียน

2) หอ้ งสมดุ

3) อนิ เทอรเ์ น็ต

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

..........................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................

ลงช่อื .........................................ครูผู้สอน ลงชือ่ .........................................ฝา่ ยวชิ าการ
(....................................................) (..................................................)

ลงชือ่ .........................................ผู้บรหิ าร
(......................................................)

สปั ดาหท์ ่ี 6

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี 1 / ……….. ชื่อผสู้ อน ................................................................

กลุ่มสาระ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 3 จำนวน ......1...... คาบ

หน่วยการเรยี นท่ี 3 พระไตรปิฎกและหลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา เร่ือง พระไตรปฎิ ก

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั

มาตรฐานท่ี ส 1.1

รแู้ ละเข้าใจประวัตคิ วามสำคัญศาสดาหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาที่ตนนับถอื และศาสนาอื่นมี
ศรทั ธาที่ถูกตอ้ ง ยดึ ม่ันและปฏิบัตติ ามหลักธรรมเพื่ออยรู่ ่วมกนั อย่างสนั ติสขุ

ตัวชีว้ ดั ท่ี ป.3/4

บอกความหมาย ความสำคญั ของพระไตรปฎิ ก หรอื คมั ภีรข์ องศาสนาท่ีตนนับถือ

ตวั ชว้ี ดั ที่ ป.3/5

แสดงความเคารพพระรัตนตรัยและปฏิบัตติ ามหลักธรรมโอวาท 3 ในพระพทุ ธศาสนา หรือหลกั ธรรมของศาสนา
ทีต่ นนับถือตามท่ีกำหนด
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

พระไตรปิฎก เปน็ คัมภรี บ์ รรจุหลักธรรมของพระพทุ ธเจ้า หลกั ธรรมโอวาท 3สอนให้ผปู้ ฏบิ ัติตนงดเว้นจาก
การทำความชั่ว ให้ทำความดี และทำจติ ใจใหบ้ รสิ ุทธ์ิ
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. ความสำคัญของพระไตรปิฎก (K)
2. อธิบายความหมายและความสำคญั ของพระไตรปิฎกได้(P)
3. มคี วามสนใจใฝเ่ รียนรแู้ ละมุ่งมน่ั ในการทำงาน (A)
4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถ่นิ

อธิบายความหมายและความสำคญั ของพระไตรปิฎกได้ พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรียนรู้ คาบท่ี 1

ขั้นนำ

ข้นั กระตุน้ ความสนใจ

1. ครูนำตวั อยา่ งหนังสือพระไตรปฎิ กมาใหน้ ักเรียนดูจากน้ันครเู ล่าประวัติความเปน็ มาของพระไตรปิฎก

และใหน้ ักเรียนรว่ มกนั สนทนาสรุปความรู้พระไตรปฎิ กทง้ั 3 หมวด เปน็ แผนภาพ

2. ครูนำภาพพระรัตนตรยั มาให้นักเรยี นรว่ มกนั ศกึ ษา โดยครแู บง่ นักเรียนออกเปน็ 3 กลุ่มศกึ ษา
ความหมาย ความสำคญั ของพระพทุ ธ พระธรรม และพระสงฆ์ ออกนำเสนอหน้าชัน้ เรียน

ข้ันสอน

ขนั้ สำรวจค้นหา

1. ให้นักเรยี นรว่ มกันศึกษาหลักธรรมโอวาท 3โดยครเู ลา่ ความเป็นมาของหลกั ธรรมโอวาท 3

และใหน้ ักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ ในหลักโอวาท 3 ข้อท่ี 1 การไม่ทำความชว่ั : เบญจศลี

แลว้ ครูสรุปอานิสงส์ของการรักษาศีล 5 (เบญจศีล) เป็นแผนภาพลงบนกระดาน

2. ครูแบง่ นักเรยี นออกเปน็ 7 กลมุ่ เพื่อศกึ ษาหลักธรรมโอวาท 3 ขอ้ 2 การทำความดที ำเป็นรายงานนำเสนอหนา้ ช้ัน
เรียน ตามหัวข้อหลกั ธรรม

3. จบการนำเสนอของแตล่ ะกลุม่ ครใู ชค้ ำถามใหน้ ักเรยี นร่วมกนั สนทนาและสรปุ ความรูห้ ลกั ธรรมเป็นแผนภาพ

4. สรุปความรเู้ กี่ยวกับหลกั ธรรมโอวาท 3 การทำความดี

5. ครนู ำภาพการนง่ั สมาธิ การสวดมนต์ การปลกู ต้นไมม้ าใหน้ กั เรยี นดแู ละร่วมกนั สนทนาจากน้นั แบง่ กลุ่มนักเรยี น
ปฏบิ ตั ิตนตามหลักธรรมโอวาท 3การทำจติ ใจใหบ้ รสิ ุทธิ์ โดยการฝกึ นงั่ สมาธินบั ลมหายใจ การสวดมนต์แผ่เมตตาและ
กำหนดรู้อริ ยิ าบถต่างๆ

6. สรปุ ความร้เู กีย่ วกบั การทำจิตใจใหบ้ ริสุทธิ์

7. ครใู หน้ กั เรียนศึกษาความหมาย และการปฏิบัตติ นตามพุทธศาสนสุภาษิต ททมาโน ปโิ ยโหติ และ โมกโฺ ข กลยฺ าณยิ า
สาธุ
8. สรุปความร้เู กี่ยวกับพุทธศาสนสุภาษติ

ข้ันสรปุ

ข้ันขยายความเข้าใจ
1. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปเก่ียวกับพระไตรปฎิ ก

ขั้นตรวจสอบผล
1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจก่อนเรยี นของนักเรียน
2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล

พฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหน้าชน้ั เรียน

6. การวัดและประเมินผล วิธีการวดั ผล เครื่องมอื วดั เกณฑ์การ
การวดั และประเมนิ ผล ประเมินผล
จุดประสงค์ 70% ขน้ึ ไป ถอื ว่า
ผา่ นเกณฑ์การ
ความรู้ความ 1. สังเกตจากการซกั ถาม ตอบคำถาม 1.คำถามกระต้นุ ประเมนิ
เข้าใจ (K) 70% ขน้ึ ไป ถือวา่
2. ความสำคญั ขอพระไตรปิฎก ความคิด ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมิน
ทักษะ/ 1.อธบิ ายความหมายและความสำคญั 1. ใบงานเรอ่ื ง 70% ขึ้นไป ถอื ว่า
กระบวนการ (P) ผา่ นเกณฑ์การ
ของพระไตรปฎิ กได้ พระไตรปิฎก ประเมนิ

คุณลกั ษณะนสิ ัย (A) 1. สังเกตจากการเรยี นมคี วาม 1. แบบสังเกต
รับผิดชอบต่องานท่สี ่งั และสง่ งานได้ พฤติกรรม
ทนั ตามที่กำหนด
2. สังเกตจากการเรยี นใฝเ่ รยี นรู้
3. สงั เกตจากการมงุ่ มน่ั ในการทำงาน

7. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สื่อการเรยี นรู้

1. หนงั สอื เรียนสงั คมศึกษาฯ ป.3 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 พระไตรปิฎกและหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
2. แบบฝกึ หัดสงั คมศึกษาฯ ป.3 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องสมดุ
3) อนิ เทอร์เนต็
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

ลงช่อื .........................................ครูผสู้ อน ลงช่อื .........................................ฝา่ ยวชิ าการ
(...............................................) (...............................................)

ลงชื่อ.........................................ผู้บริหาร
(...................................................)

สปั ดาห์ที่ 7

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี 1 / ……….. ชอ่ื ผสู้ อน ................................................................

กล่มุ สาระ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 จำนวน ......1...... คาบ

หน่วยการเรยี นที่ 3 พระไตรปฎิ กและหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา เร่ือง พระรัตนตรยั

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วดั

มาตรฐานท่ี ส 1.1

รู้และเขา้ ใจประวัตคิ วามสำคัญศาสดาหลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาทต่ี นนบั ถือและศาสนาอ่นื มี
ศรทั ธาท่ีถูกต้อง ยึดมน่ั และปฏบิ ตั ติ ามหลักธรรมเพ่ืออยู่รว่ มกันอย่างสันติสขุ

ตวั ชว้ี ดั ท่ี ป.3/4

บอกความหมาย ความสำคญั ของพระไตรปิฎก หรอื คัมภรี ข์ องศาสนาทต่ี นนบั ถือ

ตวั ช้วี ัดท่ี ป.3/5
แสดงความเคารพพระรัตนตรยั และปฏิบตั ิตามหลักธรรมโอวาท 3 ในพระพุทธศาสนา หรอื หลักธรรมของศาสนา

ทตี่ นนบั ถือตามทีก่ ำหนด
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

พระรตั นตรยั คอื พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เปน็ สรณะท่ีพงึ่ และที่เคารพบชู าสงู สุดของพทุ ธศาสนิกชน
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. ความสำคัญของพระรตั นตรยั (K)
2. อธิบายความหมายและความสำคัญของพระรตั นตรยั ได้(P)
3. มีความสนใจใฝเ่ รยี นรแู้ ละมุ่งมน่ั ในการทำงาน (A)
4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่

อธบิ ายความหมายและความสำคัญของพระรตั นตรยั ได้ พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา

5. กจิ กรรมการเรียนรู้ คาบท่ี 1

ขัน้ นำ

ขน้ั กระต้นุ ความสนใจ

1. ครเู ลอื กผแู้ ทนนักเรยี น 2 คน ออกมาเล่าประสบการณก์ ารไปวัด โดยครูใชค้ ำถาม ดงั น้ี นักเรยี นไปวดั เนื่องใน
โอกาสใดบา้ ง (ตัวอยา่ งคำตอบไปทำบุญในวนั สำคญั ทางพระพุทธศาสนา)
2. กิจกรรมทน่ี ักเรียนทำในวดั มอี ะไรบา้ ง (ตวั อยา่ งคำตอบ ทำบญุ ตกั บาตร ฟงั เทศน์ฟังธรรม นงั่ สมาธิ บำเพญ็
ประโยชนภ์ ายในวดั )
3. นกั เรียนพบเหน็ สิง่ ใดในวัด (ตัวอย่างคำตอบ พระพทุ ธรูป พระสงฆ์

ขัน้ สอน

ข้นั สำรวจคน้ หา
1. ครูใหน้ ักเรยี นดภู าพพระรัตนตรยั และใหร้ ว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ ำถาม
ดงั นี้ -เม่ือเหน็ พระพทุ ธรปู นกั เรยี นนึกถึงส่งิ ใด (พระพทุ ธเจา้ )
-เมื่อเหน็ พระไตรปฎิ ก นักเรียนนกึ ถงึ สิง่ ใด (หลกั ธรรมคำสอนของพระพทุ ธเจ้า)
-เม่ือเหน็ พระสงฆ์ นักเรียนนกึ ถึงส่ิงใด (ผู้ทีเ่ ผยแผ่พระพุทธศาสนา)
2. ครูแบ่งนักเรียนออกเปน็ 3 กลุ่ม ดงั น้ี- กลุ่มพระพทุ ธ ศึกษาความหมายและความสำคัญของพระพทุ ธ
- กลุ่มพระธรรม ศึกษาความหมายและความสำคญั ของพระธรรม
- กลมุ่ พระสงฆ์ ศกึ ษาความหมายและความสำคัญของพระสงฆ์
โดยใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ สง่ ผูแ้ ทนออกมาอภิปรายหนา้ ชนั้ กลุ่มละ 3 คนจากนั้นใหน้ ักเรียนร่วมกันสรุปผลการศกึ ษาความรูเ้ รื่อง
พระรตั นตรัยเป็นแผนภาพลงบนกระดานของแตล่ ะกลมุ่
3. โดยครูคอยให้การแนะนำ และอธบิ ายเพิม่ เติมตวั อย่างแผนภาพ สรุปการแสดงความคิดเหน็ ของนักเรียนกลุ่มท่ี 1
พระพทุ ธ กลมุ่ ท่ี 2 พระธรรม กลุม่ ท่ี 3 พระสงฆ์
4. ใหน้ ักเรยี นร่วมกนั ศึกษาแผนภาพของแต่ละกลมุ่ จากนั้นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คำถาม ดังน้ี
เม่อื นกั เรยี นเห็นความสำคัญของพระรตั นตรัย ควรปฏิบตั ติ นอยา่ งไร(ตัวอย่างคำตอบ แสดงความเคารพ)

ข้ันสรุป

ขน้ั ขยายความเข้าใจ
1. ให้นกั เรียนและครรู ว่ มกันสรุปความรู้ ดังน้พี ระรัตนตรัย เป็นสรณะท่ีพงึ่ ที่พุทธศาสนิกชนควรปฏบิ ตั ิบชู าและแสดง
ความเคารพดว้ ยความศรัทธา โดยการปฏิบัติตนตามหลกั คำสอนเพ่ือความสงบสุขของชีวิต
2. ให้นักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คำถามทา้ ทาย ดงั นนี้ กั เรียนมีแนวทางการแสดงความเคารพพระ
รัตนตรยั อย่างไรจงึ จะเกิดประโยชน์สงู สดุ ตอ่ ตนเอง ใหน้ กั เรียนทำใบงานเรอื่ ง พระรตั นตรัย

ขั้นตรวจสอบผล
1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน เพือ่ ตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรียนของนกั เรียน
2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล

พฤติกรรมการทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ช้นั เรยี น

6. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผล

จดุ ประสงค์ วธิ กี ารวดั ผล เคร่ืองมือวดั เกณฑก์ ารประเมินผล

ความรูค้ วาม 1. สังเกตจากการซักถาม ตอบคำถาม 1.คำถาม 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผา่ น

เขา้ ใจ (K) 2. ความสำคญั ของพระรัตนตรยั กระตุ้นความคดิ เกณฑ์การประเมนิ

ทกั ษะ/ 1.อธบิ ายความหมายและความสำคญั 1. ใบงานเรอื่ ง 70% ขน้ึ ไป ถอื วา่ ผ่าน

กระบวนการ (P) ของพระรตั นตรัยได้ พระไตรปิฎก เกณฑ์การประเมนิ

คณุ ลกั ษณะนิสยั (A) 1. สังเกตจากการเรยี นมคี วาม 1. แบบสังเกต 70% ข้ึนไป ถือว่าผา่ น

รบั ผดิ ชอบตอ่ งานทีส่ ่งั และส่งงานได้ พฤติกรรม เกณฑ์การประเมนิ

ทนั ตามท่ีกำหนด

2. สังเกตจากการเรยี นใฝเ่ รียนรู้

3. สงั เกตจากการมุ่งม่นั ในการทำงาน

7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้

7.1 ส่ือการเรียนรู้

1. หนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ป.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พระไตรปิฎกและหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

2. แบบฝกึ หัดสงั คมศึกษาฯ ป.3 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

1) หอ้ งเรยี น

2) หอ้ งสมดุ

3) อนิ เทอรเ์ น็ต

8. กิจกรรมเสนอแนะ

..........................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................

ลงชื่อ.........................................ครผู ูส้ อน ลงช่อื .........................................ฝ่ายวิชาการ
(..................................................) (...............................................)

ลงชอ่ื .........................................ผบู้ รหิ าร
(...............................................)

สัปดาหท์ ่ี 9

โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา

แผนการจัดการเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ 1 / ……….. ชอื่ ผ้สู อน ................................................................

กลุ่มสาระ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 3 จำนวน ......1...... คาบ

หน่วยการเรียนท่ี 3 พระไตรปฎิ กและหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เร่ือง พทุ ธศาสนสุภาษิต

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชี้วัด

มาตรฐานท่ี ส 1.1

รู้และเข้าใจประวตั คิ วามสำคญั ศาสดาหลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือศาสนาทต่ี นนับถือและศาสนาอ่ืนมีศรทั ธา
ทถ่ี ูกต้อง ยดึ มน่ั และปฏิบัติตามหลักธรรมเพ่ืออยู่รว่ มกันอย่างสนั ตสิ ขุ

ตวั ชวี้ ัดที่ ป.3/4

บอกความหมาย ความสำคญั ของพระไตรปิฎก หรอื คัมภรี ข์ องศาสนาท่ตี นนับถือ

ตวั ชี้วดั ท่ี ป.3/5
แสดงความเคารพพระรัตนตรัยและปฏิบัตติ ามหลักธรรมโอวาท 3 ในพระพทุ ธศาสนา หรอื หลกั ธรรมของศาสนาท่ี

ตนนับถอื ตามที่กำหนด
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

หลกั ธรรมโอวาท 3 ขอ้ ท่ี 1 การไม่ทำความชว่ั เปน็ หลกั ปฏบิ ัติท่ีสอนใหพ้ ุทธศาสนกิ ชนงดเวน้ จากการทำความช่วั
ทง้ั ปวง เพื่อเป็นหลักปฏบิ ตั ิในการดำเนินชวี ติ ประจำวนั
3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. พุทธศาสนสภุ าษติ (K)
2. อธบิ ายความหมายของพทุ ธศาสนสภุ าษติ ได้(P)
3. มีความสนใจใฝ่เรียนรแู้ ละม่งุ มัน่ ในการทำงาน (A)
4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถนิ่
อธิบายความหมายของพุทธศาสนสภุ าษิตได้ พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบที่ 1
ขนั้ นำ

ข้นั กระตนุ้ ความสนใจ
1. ครนู ำภาพแม่กำลงั อุ้มลกู หรือภาพแม่ให้นมลูก ให้นักเรียนดจู ากนน้ั ให้นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็

โดยครใู ชค้ ำถาม ดังน้ี
ภาพท่นี ักเรยี นเห็น ใครกำลังทำอะไร (ตวั อย่างคำตอบ แม่กำลังใหน้ มลกู )นักเรยี นรสู้ กึ อยา่ งไร (ตวั อย่างคำตอบ รสู้ กึ ดี
และอบอนุ่ และทำให้รักแมเ่ พิ่มขน้ึ )

ขัน้ สอน

ขน้ั สำรวจค้นหา
1. ครนู ำพทุ ธศาสนสุภาษิต บทท่ี 1 ตดิ บนกระดานจากน้นั ให้นักเรียนอ่านพุทธศาสนสภุ าษติ พร้อมกนั เสร็จ

แล้วครใู ห้นกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครูใช้คำถาม ดงั นี้ นักเรียนเคยใหอ้ ะไรแก่ใครบ้าง (ตัวอยา่ งคำตอบ ให้
เพื่อนยืมปากกา ดนิ สอ แบ่งขนมใหเ้ พื่อนทาน)แลว้ เพื่อนรู้สกึ อยา่ งไรกับเราบ้าง (ตวั อยา่ งคำตอบ สนทิ สนม และมี
ความรักและเปน็ เพื่อนท่ีดีต่อกนั )การให้ นอกจากส่งิ ของแล้ว มีอะไรอีกบา้ งทีส่ ามารถให้และแบ่งปนั แก่บคุ คลอ่ืนได้

2. ให้นักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ โดยครใู ช้คำถามท้าทาย ดังนีถ้ า้ ปฏิบตั ติ นตามพุทธศาสนสภุ าษิต ทท
มาโน ปโิ ย โหติ และโมกฺโข กลฺยาณยิ า

สาธุ แลว้ นักเรียนจะได้ประโยชนอ์ ยา่ งไร

ข้นั สรปุ

ขัน้ ขยายความเข้าใจ
1. ให้นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ความรู้ ดงั นพี้ ุทธศาสนสภุ าษิตเป็นคตธิ รรมสอนใจให้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตน

และผู้อนื่ ในการดำเนนิ ชวี ติ อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
ขัน้ ตรวจสอบผล

1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจกอ่ นเรียนของนักเรยี น
2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชน้ั เรยี น

6. การวดั และประเมินผล วิธีการวัดผล เครื่องมอื วดั เกณฑก์ ารประเมินผล
การวัดและประเมินผล 1. สงั เกตจากการซักถาม ตอบคำถาม 1.คำถาม 70% ขึน้ ไป ถือวา่ ผา่ น
จุดประสงค์ 2. พุทธศาสนสภุ าษิต กระตุน้ ความคดิ เกณฑ์การประเมิน
ความรู้ความ 1.อธิบายความหมายของพุทธศาสน 1. ใบงานเรอื่ ง 70% ขึ้นไป ถือวา่ ผา่ น
เข้าใจ (K) สภุ าษติ ได้ พระไตรปิฎก เกณฑ์การประเมนิ
ทักษะ/ 1. สังเกตจากการเรยี นมีความ 1. แบบสังเกต 70% ขนึ้ ไป ถือว่าผา่ น
กระบวนการ (P) รบั ผดิ ชอบตอ่ งานท่ีสั่งและส่งงานได้ พฤติกรรม เกณฑ์การประเมนิ
คุณลกั ษณะนสิ ยั (A) ทันตามท่ีกำหนด
2. สังเกตจากการเรียนใฝ่เรยี นรู้
3. สงั เกตจากการมุง่ ม่นั ในการทำงาน

7. สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 ส่ือการเรยี นรู้

1. หนังสือเรียนสังคมศึกษาฯ ป.3 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พระไตรปิฎกและหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
2. แบบฝกึ หดั สังคมศึกษาฯ ป.3 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 พทุ ธศาสนสุภาษติ
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) ห้องสมุด
3) อนิ เทอร์เนต็
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.........................................ครูผูส้ อน ลงชอื่ .........................................ฝ่ายวชิ าการ
(...............................................) (............................................)

ลงชือ่ .........................................ผบู้ ริหาร
(..................................................)

สปั ดาห์ที่ 8

โรงเรยี นขจรเกียรติพฒั นา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ 1 / ……….. ชอ่ื ผ้สู อน ................................................................

กลมุ่ สาระ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 3 จำนวน ......1...... คาบ

หนว่ ยการเรียนที่ 3 พระไตรปิฎกและหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เร่ือง โอวาท 3

1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชี้วัด

มาตรฐานท่ี ส 1.1

รแู้ ละเขา้ ใจประวัติความสำคัญศาสดาหลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนบั ถือและศาสนาอ่ืนมี
ศรัทธาท่ถี ูกต้อง ยึดม่นั และปฏิบัติตามหลกั ธรรมเพ่ืออย่รู ่วมกนั อย่างสนั ตสิ ขุ

ตวั ชี้วัดท่ี ป.3/4

บอกความหมาย ความสำคญั ของพระไตรปฎิ ก หรอื คมั ภีรข์ องศาสนาท่ีตนนบั ถือ

ตัวชว้ี ัดที่ ป.3/5
แสดงความเคารพพระรตั นตรัยและปฏบิ ัตติ ามหลักธรรมโอวาท 3 ในพระพุทธศาสนา หรือหลกั ธรรมของ

ศาสนาท่ีตนนับถือตามทกี่ ำหนด
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

หลกั ธรรมโอวาท 3 ขอ้ ที่ 1 การไมท่ ำความชวั่ เปน็ หลกั ปฏบิ ตั ทิ ่ีสอนให้พทุ ธศาสนิกชนงดเว้นจากการทำ
ความชั่วทง้ั ปวง เพอื่ เปน็ หลักปฏิบตั ิในการดำเนินชวี ิตประจำวัน
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. โอวาท 3 (K)
2. อธบิ ายความหมายของโอวาท 3 ได(้ P)
3. มคี วามสนใจใฝ่เรียนรแู้ ละมุ่งมัน่ ในการทำงาน (A)
4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่
อธิบายความหมายของโอวาท 3 ได้ พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาบที่ 1

ข้ันนำ

ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ
1. ครยู กตัวอย่างสถานการณ์เก่ยี วกบั โอวาท 3 ใหน้ ักเรยี นฟังและใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็
2. ให้นกั เรยี นร่วมกนั ศึกษาหลักธรรมโอวาท 3 การไมท่ ำความชว่ั จากนน้ั ให้นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็น

โดยครใู ช้คำถาม ดังนห้ี ลักธรรมโอวาท 3 มคี วามเปน็ มาอยา่ งไร ใครทราบบา้ ง

ขั้นสอน

ข้นั สำรวจคน้ หา
1. ครูให้นกั เรยี นสวดศลี 5 ข้อเปน็ ภาษาบาลี โดยครูเขยี นใหน้ กั เรียนดูบนกระดานพร้อมท้งั อธิบายความหมาย

ของศลี แต่ละขอ้
2. ใหค้ รูแบง่ นักเรียนออกเปน็ 7 กล่มุ เพื่อศกึ ษาค้นคว้าหลกั ธรรมโอวาท 3 การทำความดีเพือ่ ทำเป็นรายงาน

และนำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น ดังน้ี
• กล่มุ ท่ี 1 ศึกษาเรื่อง เบญจธรรม
• กลมุ่ ท่ี 2 ศึกษาเร่ือง สติ-สมั ปชญั ญะ
• กลุม่ ท่ี 3 ศึกษาเร่ือง สงั คหวัตถุ 4
• กลุ่มที่ 4 ศึกษาเร่ือง ฆราวาสธรรม 4
• กลมุ่ ท่ี 5 ศึกษาเร่ือง อัตถะ 3
• กลุ่มที่ 6 ศึกษาเร่ือง กตัญญูกตเวทีต่อชุมชน และสิง่ แวดล้อม
• กลุ่มท่ี 7 ศึกษาเร่ือง มงคล 38

โดยให้นกั เรียนศึกษาถงึ ความหมาย ความสำคัญ และการปฏบิ ัติตนตามหลกั ธรรม
เพอ่ื เสนอเป็นรายงานใหเ้ พื่อนฟังหนา้ ชน้ั เรยี น ในชว่ั โมงคาบเรยี นต่อไปของวิชาพระพทุ ธศาสนา

ขัน้ สรุป

ข้ันขยายความเขา้ ใจ

1. ใหน้ ักเรยี นและครูรว่ มกนั สรปุ ความรู้

2. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คำถามท้าทาย ดังนีน้ ักเรียนมีแนวทางการแสดงความเคารพพระ
รัตนตรัยอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์สงู สดุ ตอ่ ตนเอง
3. ใหน้ ักเรียนทำใบงานเรื่อง พุทธศาสนสุภาษติ
ขั้นตรวจสอบผล

1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจก่อนเรียนของนกั เรียน
2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหน้าช้นั เรยี น

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมินผล

จุดประสงค์ วิธีการวดั ผล เครอ่ื งมือวดั เกณฑก์ าร

ประเมนิ ผล

ความรู้ความ 1. สังเกตจากการซักถาม ตอบ 1.คำถามกระตุ้น 70% ขึน้ ไป ถือวา่

เขา้ ใจ (K) คำถาม ความคดิ ผา่ นเกณฑ์การ

2. โอวาท 3 ประเมนิ

ทกั ษะ/ 1.อธิบายความหมายของโอวาท 3 1. ใบงานเรอื่ ง โอวาท 70% ขน้ึ ไป ถือวา่

กระบวนการ (P) ได้ 3 ผา่ นเกณฑ์การ

ประเมิน

คณุ ลักษณะนสิ ยั (A) 1. สังเกตจากการเรยี นมคี วาม 1. แบบสงั เกต 70% ขึน้ ไป ถือว่า

รับผิดชอบตอ่ งานท่ีส่ังและส่งงาน พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์การ

ได้ทนั ตามทกี่ ำหนด ประเมนิ

2. สงั เกตจากการเรียนใฝ่เรียนรู้

3. สังเกตจากการมงุ่ ม่ันในการ

ทำงาน

7. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้

7.1 ส่อื การเรียนรู้

1. หนงั สอื เรียนสงั คมศึกษาฯ ป.3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 พระไตรปิฎกและหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

2. แบบฝึกหัดสงั คมศึกษาฯ ป.3 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 โอวาท 3

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

1) หอ้ งเรียน

2) หอ้ งสมดุ

3) อนิ เทอร์เนต็

8. กิจกรรมเสนอแนะ

..........................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................

ลงชอื่ .........................................ครผู ู้สอน ลงชอ่ื .........................................ฝ่ายวิชาการ
(............................................) (...............................................)

ลงชื่อ.........................................ผูบ้ รหิ าร
(.............................................)

สปั ดาห์ท่ี 10

โรงเรยี นขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรียนที่ 1 / ……….. ชอื่ ผู้สอน ................................................................

กลมุ่ สาระ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน ......1...... คาบ

หนว่ ยการเรียนท่ี 4 หน้าที่ชาวพทุ ธและมารยาทของชาวพุทธ เร่ือง หน้าที่ชาวพทุ ธ(การแสดงตนเป็น

พทุ ธมามกะ)

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด
มาตรฐานที่ ส 1.2

เข้าใจ ตระหนักและปฏิบตั ติ นเปน็ ศาสนกิ ชนท่ดี ีและธำรงรกั ษาพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือ
ตวั ช้วี ัดที่ ป.3/1

ปฏิบตั ติ นอยา่ งเหมาะสมต่อสาวก ศาสนสถาน ศาสนวัตถุของศาสนาที่ตนนับถือตามทก่ี ำหนดได้ถูกตอ้ ง

ตวั ชว้ี ัดท่ี ป.3/2
เห็นคณุ ค่าและปฏิบัติตนในศาสนพิธี พิธกี รรมและวันสำคญั ทางศาสนาตามท่ีกำหนดได้ถูกต้อง

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
หนา้ ท่ชี าวพุทธการแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะเปน็ หลกั ปฏิบัติในการประกาศตนเปน็ ผ้ยู อมรับนบั ถือ

พระพทุ ธศาสนา
3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. พทุ ธมามกะ (K)
2. ปฏิบตั ิตนตามข้ันตอนในการแสดงตนเป็นพุทธมามกะได้ถูกต้อง (P)

3. มคี วามสนใจใฝ่เรยี นรูแ้ ละมุ่งมั่นในการทำงาน (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่ิน

ปฏบิ ตั ติ นตามขนั้ ตอนในการแสดงตนเป็นพทุ ธมามกะ พจิ ารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
ได้ถูกต้อง

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1

ขน้ั นำ

ขั้นกระตนุ้ ความสนใจ
1.ครูให้นักเรยี นแตล่ ะคนผลดั กันเล่าประสบการณ์ทเี่ คยแสดงตนเป็นพุทธมามกะ แล้วครูอธบิ ายเชื่อมโยงให้

นกั เรียนเข้าใจวา่ การแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะเป็นหน้าท่ีของชาวพุทธทจี่ ะต้องปฏบิ ตั ติ นอย่างเหมาะสม

ข้ันสอน

ขน้ั สำรวจค้นหา
1. ครใู ห้ตัวแทนนักเรยี นทไี่ ดร้ ับการฝกึ มรรยาทชาวพทุ ธจากครูมาสาธิต การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ตาม

ข้ันตอน ดังน้ี
-ตัวแทนจดุ ธปู เทยี นท่ีโตะ๊ หมู่บูชา แล้วกลา่ วคำบูชาพระรัตนตรัย
-ตวั แทนถวายเครอื่ งสกั การะ
-ผแู้ สดงตนกล่าวคำนมัสการพระพุทธเจ้า และคำขอแสดงตน เป็นพทุ ธมามกะ
-ประธานสงฆใ์ หโ้ อวาท
-ผแู้ สดงตนกลา่ วคำอาราธนาศีล 5
-พระภิกษุกล่าวคำสมาทานศีล 5 แลว้ ผู้แสดงตนกล่าวตาม
-พระภิกษุบอกอานิสงส์ของศีล

ตัวแทนผูแ้ สดงตนถวายเครื่องไทยธรรม จากน้ันพระภิกษกุ ลา่ วอนุโมทนา แล้วผแู้ สดงตนกรวดนำ้ รบั พร และกราบ
พระภกิ ษุ 3 ครงั้

ข้ันสรุป

ขั้นขยายความเข้าใจ
1. นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั ฝึกปฏบิ ัติเก่ยี วกับการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ แลว้ ผลดั กนั เสนอแนะ โดยมีครู

ช่วยให้คำแนะนำการปฏบิ ัติตนทถี่ ูกต้องเหมาะสม

ขัน้ ตรวจสอบผล
1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจกอ่ นเรียนของนกั เรยี น
2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล

พฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ชนั้ เรียน

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมินผล

จุดประสงค์ วธิ กี ารวัดผล เครอื่ งมือวัด เกณฑก์ าร

ประเมนิ ผล

ความรคู้ วาม 1. สงั เกตจากการซกั ถาม ตอบ 1.คำถามกระตนุ้ 70% ขนึ้ ไป ถอื ว่า

เข้าใจ (K) คำถาม ความคดิ ผ่านเกณฑ์การ

2. พุทธมามกะ ประเมิน

ทักษะ/ 1.ปฏิบัติตนตามข้นั ตอนในการ 1. ใบงานเรอื่ ง พุทธ 70% ขึ้นไป ถือว่า

กระบวนการ (P) แสดงตนเป็นพุทธมามกะได้ถูกตอ้ ง มามกะ ผ่านเกณฑ์การ

ประเมนิ

คณุ ลกั ษณะนสิ ัย (A) 1. สังเกตจากการเรยี นมคี วาม 1. แบบสังเกต 70% ข้นึ ไป ถอื ว่า

รบั ผดิ ชอบตอ่ งานท่สี ง่ั และสง่ งาน พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การ

ไดท้ นั ตามที่กำหนด ประเมิน

2. สงั เกตจากการเรียนใฝเ่ รยี นรู้

3. สงั เกตจากการม่งุ มัน่ ในการ

ทำงาน

7. ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้

7.1 สอ่ื การเรียนรู้

1. หนงั สอื เรียนสังคมศกึ ษาฯ ป.3 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 หนา้ ที่ชาวพุทธและมารยาทของชาวพุทธ

2. แบบฝึกหดั สงั คมศึกษาฯ ป.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 การแสดงตนเปน็ พุทธมามกะ

7.2 แหล่งการเรียนรู้

1) ห้องเรยี น

2) หอ้ งสมุด

3) อินเทอรเ์ น็ต

8. กิจกรรมเสนอแนะ

..........................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................

ลงชื่อ.........................................ครผู ้สู อน ลงช่อื .........................................ฝ่ายวชิ าการ
(............................................) (.................................................)

ลงช่ือ.........................................ผ้บู ริหาร
(.............................................)

สัปดาหท์ ี่ 11

โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา

แผนการจดั การเรียนรู้

ภาคเรียนที่ 1 / ……….. ช่อื ผูส้ อน ................................................................

กลมุ่ สาระ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 จำนวน ......1...... คาบ

หนว่ ยการเรียนที่ 4 หน้าทช่ี าวพุทธและมารยาทของชาวพุทธ เรอ่ื ง หน้าที่ชาวพทุ ธ(มารยาทของชาวพทุ ธ)

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชี้วัด
มาตรฐานที่ ส 1.2

เขา้ ใจ ตระหนักและปฏิบตั ติ นเป็นศาสนิกชนที่ดแี ละธำรงรกั ษาพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาที่ตนนบั ถือ
ตัวชว้ี ัดท่ี ป.3/1

ปฏิบตั ิตนอยา่ งเหมาะสมต่อสาวก ศาสนสถาน ศาสนวัตถุของศาสนาท่ตี นนบั ถือตามที่กำหนดได้ถูกตอ้ ง

ตัวช้ีวัดท่ี ป.3/2
เห็นคณุ ค่าและปฏบิ ตั ิตนในศาสนพิธี พิธีกรรมและวนั สำคัญทางศาสนาตามที่กำหนดได้ถูกตอ้ ง

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
มารยาทของชาวพุทธ การปฏิบัตติ นอยา่ งเหมาะสมต่อพระภิกษพุ ุทธศาสนิกชนพงึ ปฏิบตั ใิ หถ้ ูกต้อง เพ่ือรกั ษา

และสืบทอดวัฒนธรรมทด่ี งี ามไว้
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. มารยาทชาวพุทธ (K)
2. อธบิ ายมารยาทการปฏบิ ัติตนอยา่ งเหมาะสมต่อพระภิกษุ (P)

3. มคี วามสนใจใฝเ่ รียนรู้และมุ่งมั่นในการทำงาน (A)
4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่นิ
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
อธบิ ายมารยาทการปฏิบตั ิตนอย่างเหมาะสมต่อ
พระภกิ ษุ
5. กิจกรรมการเรียนรู้

ขนั้ นำ คาบท่ี 1

ขนั้ กระตุ้นความสนใจ
1.ครใู ห้นักเรียนท่ีมปี ระสบการณ์ในการปฏิบตั ิตนต่อพระภิกษุมาเลา่ ประสบการณใ์ หเ้ พ่ือนฟังหนา้ ชั้นเรียน

จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั สนทนา โดยครูใชค้ ำถาม ดงั น้ี

• เพราะเหตุใดเราจึงต้องมีหลักมารยาทในการปฏิบตั ิตนต่อพระภิกษุ (ตัวอย่างคำตอบพระภกิ ษเุ ปน็ ปูชนยี บุคคล
ในทางพระพทุ ธศาสนา ชาวพุทธจึงตอ้ งปฏบิ ตั ติ นให้เหมาะสมตอ่ ทา่ น)

ข้นั สอน

ข้ันสำรวจคน้ หา
1. ครแู บง่ กลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 4-6 คน ฝกึ ปฏบิ ัติมารยาทของชาวพุทธการปฏบิ ตั ิตนอย่างเหมาะสมตอ่ พระภิกษุหน้า
ช้นั เรยี น ตามหวั ขอ้ ท่ีกำหนด ดังน้ี

• การลกุ ข้ึนยนื รบั
• การต้อนรบั
• การรับและส่งของแด่พระภกิ ษุ
• มรรยาทในการสนทนา

2.โดยครูเลอื กนักเรยี นมาสาธิตวธิ ปี ฏิบัติ หลงั จากน้นั ให้นักเรยี นปฏิบัติตามครูคอยให้คำอธิบายและประเมินผลของการ
ปฏบิ ัติ

3. เม่ือจบการสาธิตการปฏบิ ตั ิจนครบทุกกล่มุ ครใู ห้นักเรียนทบทวนความรู้ โดยใช้คำถามดังน้ี
• การลกุ ขน้ึ ยืนรับพระภิกษุ มวี ิธีปฏิบตั ิอยา่ งไร (ตวั อย่างคำตอบ ถ้าชาย-หญงิ น่ังบนเกา้ อ้ี ท่านเดนิ ผ่านให้ลกุ ขนึ้
ยืนรบั นอ้ มตัวลง ยกมือขนึ้ ประนมไหว้ ถ้าชาย-หญิงนั่งอยู่กบั พนื้ ไม่ต้องลกุ ขึน้ แตใ่ หป้ ระนมมือไหวแ้ ทน)
• การต้อนรบั พระภิกษุ มีวธิ ีปฏิบตั อิ ย่างไร (ตวั อยา่ งคำตอบม่ือพระภกิ ษุมาถงึ บรเิ วณพธิ ี นิมนต์ทา่ นเข้าสถานท่ี
และถวายเคร่ืองรับรอง)การรับและสง่ ของแด่พระภกิ ษุ มวี ิธปี ฏบิ ัตอิ ย่างไร (ตัวอยา่ งคำตอบ แสดงความเคารพ
ด้วยการไหวแ้ ละกราบก่อน ชายยนื่ มือขวารบั หญิงหยบิ ของทท่ี ่านวางไว้ตรงหนา้ การส่งของหรือประเคน ชาย
ยกของประเคนกบั มือท่าน หญงิ ยกวางบนผ้ารองรับ)การสนทนากบั พระภิกษุ มมี ารยาทในการสนทนาอยา่ งไร
(ตัวอย่างคำตอบเมื่อเขา้ ไปสนทนา พงึ แสดงความเคารพด้วยการไหวห้ รอื กราบ สนทนาด้วยถ้อยคำท่สี ุภาพน่ัง
พบั เพยี บเกบ็ ปลายเท้า ใช้คำใหถ้ กู กับกาลเทศะ)นักเรียนจะปฏิบัติตนใหว้ ัฒนธรรมของไทยโดยการรักษา
มารยาทการปฏิบัติตนต่อพระภกิ ษุ ดำรงอยู่อย่างไร

ขัน้ สรปุ

ขัน้ ขยายความเขา้ ใจ
1. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันฝกึ ปฏบิ ตั ิเกย่ี วกบั มารยาทของชาวพทุ ธ แลว้ ผลัดกันเสนอแนะ โดยมคี รชู ่วยให้

คำแนะนำการปฏิบัตติ นท่ถี กู ต้องเหมาะสม
ขั้นตรวจสอบผล

1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจกอ่ นเรยี นของนกั เรียน
2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหนา้ ช้ันเรียน

6. การวดั และประเมนิ ผล

การวดั และประเมินผล

จดุ ประสงค์ วธิ ีการวดั ผล เครอื่ งมอื วัด เกณฑ์การ

ประเมินผล

ความรู้ความ 1. สังเกตจากการซักถาม ตอบ 1.คำถามกระตุน้ 70% ข้นึ ไป ถอื ว่า

เข้าใจ (K) คำถาม ความคิด ผ่านเกณฑ์การ

2. มารยาทชาวพุทธ ประเมนิ

ทกั ษะ/ 1.อธิบายมารยาทการปฏิบตั ติ น 1. ใบงานเร่อื ง 70% ข้ึนไป ถอื วา่

กระบวนการ (P) อยา่ งเหมาะสมต่อพระภกิ ษุ มารยาทชาวพทุ ธ ผ่านเกณฑ์การ

ประเมนิ

คณุ ลักษณะนสิ ยั (A) 1. สงั เกตจากการเรียนมีความ 1. แบบสังเกต 70% ขน้ึ ไป ถือว่า

รับผิดชอบต่องานที่ส่ังและสง่ งาน พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์การ

ได้ทันตามที่กำหนด ประเมิน

2. สงั เกตจากการเรียนใฝ่เรยี นรู้

3. สงั เกตจากการมงุ่ มั่นในการ

ทำงาน

7. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้

7.1 สอื่ การเรยี นรู้

1. หนังสือเรยี นสังคมศกึ ษาฯ ป.3 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 หน้าทช่ี าวพุทธและมารยาทของชาวพุทธ

2. แบบฝกึ หัดสังคมศกึ ษาฯ ป.3 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 มารยาทชาวพุทธ

7.2 แหล่งการเรียนรู้

1) หอ้ งเรยี น

2) หอ้ งสมดุ

3) อนิ เทอรเ์ นต็

8. กจิ กรรมเสนอแนะ

..........................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................

..........................................................................................................................................................................

ลงช่อื .........................................ครผู ู้สอน ลงชอ่ื .........................................ฝา่ ยวิชาการ
(...........................................) (.............................................)

ลงชื่อ.........................................ผ้บู รหิ าร
(...............................................)

สัปดาห์ที่ 12

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ัฒนา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี 1 / ……….. ชือ่ ผสู้ อน ................................................................

กล่มุ สาระ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ช้ัน ประถมศึกษาปที ่ี 3 จำนวน ......1...... คาบ

หนว่ ยการเรยี นท่ี 5 การบริหารจติ และเจริญปัญญา เร่ือง การสวดมนต์ไหวพ้ ระ สรรเสรญิ คณุ พระ

รตั นตรัย และแผ่เมตตา

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวัด

มาตรฐานที่ ส 1.1

ร้แู ละเข้าใจประวัตคิ วามสำคัญศาสดาหลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาท่ตี นนับถือและศาสนาอนื่ มี
ศรัทธาที่ถูกตอ้ ง ยดึ มน่ั และปฏบิ ตั ิตามหลักธรรมเพื่ออยรู่ ว่ มกนั อย่างสนั ตสิ ขุ

ตัวชี้วดั ที่ ป.3/6
เห็นคณุ ค่าและสวดมนตแ์ ผเ่ มตตา มีสติทเี่ ปน็ พน้ื ฐานของสมาธิในพระพทุ ธศาสนาหรอื การพฒั นาจติ ตาม

แนวทางของศาสนาที่ตนนบั ถือตามท่กี ำหนด
2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

การสวดมนตไ์ หวพ้ ระสรรเสริญคณุ พระรัตนตรัย และแผเ่ มตตา เปน็ การฝึกให้จิตสงบ มีสติ เกิดสมาธแิ ละ
ปญั ญา
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. การสวดมนต์ไหวพ้ ระ (K)
2. แสดงวิธปี ฏิบตั ิตนในการสวดมนตไ์ หวพ้ ระและแผ่เมตตา (P)

3. มีความสนใจใฝ่เรียนรู้และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน (A)
4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถน่ิ
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
แสดงวธิ ปี ฏิบตั ติ นในการสวดมนต์ไหว้พระและแผ่
เมตตา

5. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขน้ั นำ คาบท่ี 1

ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ
1. ครูให้นกั เรยี นเล่าความรู้สกึ ขณะทีน่ ่ังสมาธิ ซ่ึงนักเรยี นสามารถตอบได้อย่างหลากหลาย แลว้ ใหน้ กั เรียนแสดงความ

คดิ เหน็ ถงึ ประโยชน์ของการฝึกสติและทำสมาธิ
2. ครใู ห้ตวั แทนนักเรยี นทีค่ รูเตรียมฝกึ ซ้อมไวม้ าสาธติ การฝึกการยืน การเดนิ การนั่ง และการนอนอย่างมีสติ
3. นกั เรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคิด

ขัน้ สอน

ขั้นสำรวจค้นหา
1. ครใู ห้นกั เรียนทุกคนปฏิบัตติ ามแบบอยา่ งในการฝึกการยืน การเดนิ การนั่ง และการนอนอย่างมสี ติ

2. นักเรียนแต่ละคนฝึกปฏิบตั ิตนในอิรยิ าบถตา่ งๆ โดยไมต่ ้องดูแบบ

3. นกั เรยี นแตล่ ะคนปฏิบตั ติ นในอริ ยิ าบถต่างๆ ดว้ ยตนเองอย่างมีสติ
4. ครอู ่านเร่ืองส้นั ในเอกสารประกอบการสอนให้นักเรียนฟัง 2 ครงั้ จากนนั้ ใหอ้ าสาสมัครสรุปใจความสำคญั ของ

ข้อความที่ครูอ่าน แล้วครูชมเชยนกั เรยี นท่ีมสี มาธิในการฟัง
5. ครูแจกบัตรขอ้ ความให้นักเรยี นอา่ น จากน้นั ให้อาสาสมัครออกมาสรปุ ใจความสำคัญหนา้ ชัน้ เรยี น แล้วให้นักเรียน

คนอน่ื ต้ังคำถามจากการอ่าน

ขัน้ สรปุ

ขน้ั ขยายความเข้าใจ
1. ครูสรุปให้นกั เรยี นเข้าใจเกี่ยวกบั การพัฒนาจิตตามหลักของ พระพทุ ธศาสนา

นักเรยี นตอบคำถามกระต้นุ ความคิด
ข้นั ตรวจสอบผล

1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรยี นของนกั เรยี น
2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชนั้ เรียน

6. การวัดและประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผล

จดุ ประสงค์ วธิ ีการวัดผล เคร่ืองมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ ผล
1.คำถามกระตุ้น 70% ข้ึนไป ถือวา่ ผ่าน
ความรูค้ วาม 1. สังเกตจากการซกั ถาม ตอบคำถาม ความคดิ เกณฑ์การประเมนิ
1. ใบงานเรื่อง 70% ขึน้ ไป ถอื ว่าผ่าน
เขา้ ใจ (K) 2. การสวดมนตไ์ หว้พระ การสวดมนตไ์ หว้ เกณฑ์การประเมิน
พระ
ทกั ษะ/ 1.แสดงวิธปี ฏบิ ตั ิตนในการสวดมนต์ 1. แบบสงั เกต 70% ขน้ึ ไป ถือวา่ ผ่าน
พฤติกรรม เกณฑ์การประเมนิ
กระบวนการ (P) ไหว้พระและแผเ่ มตตา

คณุ ลักษณะนสิ ัย (A) 1. สังเกตจากการเรยี นมีความ
รับผดิ ชอบตอ่ งานทีส่ ่งั และส่งงานได้
ทนั ตามท่ีกำหนด
2. สงั เกตจากการเรียนใฝ่เรียนรู้
3. สงั เกตจากการมงุ่ มน่ั ในการทำงาน

7. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
7.1 ส่อื การเรยี นรู้

1. หนังสอื เรยี นสังคมศึกษาฯ ป.3 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 การบริหารจติ และเจรญิ ปญั ญา
2. แบบฝกึ หดั สังคมศกึ ษาฯ ป.3 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 มารยาทชาวพุทธ
7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องสมุด
3) อินเทอรเ์ นต็
8. กจิ กรรมเสนอแนะ
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.........................................ครผู ูส้ อน ลงชื่อ.........................................ฝ่ายวชิ าการ
(............................................) (............................................)

ลงชอ่ื .........................................ผู้บริหาร
(...........................................)

สปั ดาห์ที่ 13

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจัดการเรียนรู้

ภาคเรยี นที่ 1 /……….. ชื่อผู้สอน ................................................................

กลุม่ สาระ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 จำนวน ......1...... คาบ

หนว่ ยการเรยี นที่ 5 การบริหารจิตและเจรญิ ปญั ญา เรื่อง การฝึกให้มีสติและสมาธิ

1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั

มาตรฐานท่ี ส 1.1

รแู้ ละเขา้ ใจประวัตคิ วามสำคัญศาสดาหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรอื ศาสนาทีต่ นนบั ถือและศาสนาอื่นมี
ศรัทธาท่ีถูกต้อง ยึดมนั่ และปฏิบัติตามหลักธรรมเพื่ออยู่รว่ มกันอย่างสันติสุข

ตัวช้วี ดั ที่ ป.3/6

เห็นคณุ ค่าและสวดมนต์แผ่เมตตา มีสติท่ีเปน็ พื้นฐานของสมาธิในพระพุทธศาสนาหรอื การพฒั นาจิตตามแนวทาง
ของศาสนาทต่ี นนบั ถือตามท่ีกำหนด

2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

การฝึกใหม้ สี ติและสมาธิด้วยการฝกึ การยืน เดนิ นั่ง นอนอย่างมีสตแิ ละการฝกึ ให้มีสมาธใิ นการฟงั อา่ น คดิ
ถาม และเขยี นเป็นหลกั ปฏิบัติในการดำเนินชวี ิตประจำวนั
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. การฝกึ ให้มสี ตแิ ละสมาธิ (K)
2. แสดงการปฏิบัติดว้ ยการกำหนดรอู้ ริ ยิ าบถ และฝึกการฟัง อา่ น คดิ ถาม และเขยี น (P)

3. มคี วามสนใจใฝ่เรยี นรแู้ ละมุ่งมัน่ ในการทำงาน (A)

4. สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ ้องถนิ่

แสดงการปฏบิ ัตดิ ้วยการกำหนดรูอ้ ริ ยิ าบถ และฝึกการ พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา
ฟงั อ่าน คิด ถาม และเขยี น

5. กิจกรรมการเรียนรู้

คาบที่ 1

ข้นั นำ

ข้นั กระตุ้นความสนใจ
1. ครใู ห้นกั เรยี นเล่าความร้สู ึกขณะทนี่ ่ังสมาธิ ซง่ึ นกั เรียนสามารถตอบได้อยา่ งหลากหลาย แลว้ ให้นกั เรียนแสดงความ

คิดเห็นถึงประโยชนข์ องการฝึกสติและทำสมาธิ
2. ครูให้ตัวแทนนกั เรยี นที่ครูเตรียมฝึกซอ้ มไวม้ าสาธิตการฝึกการยนื เดนิ น่งั และการนอนอย่างมสี ติ
3. นกั เรียนตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ

ขัน้ สอน

ขัน้ สำรวจค้นหา
1. ครใู หน้ ักเรยี นทุกคนปฏบิ ัติตามแบบอย่างในการฝกึ การยืน การเดิน การนั่ง และการนอนอยา่ งมีสติ
2. ครูสรุปใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจเก่ยี วกับการพัฒนาจิตตามหลกั ของ พระพุทธศาสนา
3. นักเรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคิด

4. นักเรยี นแต่ละคนปฏิบตั ิตนในอริ ยิ าบถต่างๆ ดว้ ยตนเองอยา่ งมีสติ
5. ครูอ่านเรอ่ื งส้นั ในเอกสารประกอบการสอนใหน้ กั เรียนฟัง 2 ครง้ั จากนั้นให้อาสาสมัครสรปุ ใจความสำคญั ของ
ข้อความทีค่ รูอ่าน แลว้ ครชู มเชยนักเรยี นท่ีมีสมาธิในการฟัง
6. ครูแจกบัตรข้อความให้นักเรียนอ่าน จากนั้นให้อาสาสมัครออกมาสรปุ ใจความสำคัญหนา้ ชั้นเรียน แลว้ ให้
นกั เรยี นคนอ่นื ต้ังคำถามจากการอ่าน

ข้นั สรุป

ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ
1. ครสู รุปใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจเก่ียวกบั การพฒั นาจิตตามหลักของ พระพุทธศาสนา

นักเรยี นตอบคำถามกระต้นุ ความคดิ

ขัน้ ตรวจสอบผล
1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจกอ่ นเรยี นของนักเรยี น
2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล

พฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าช้นั เรียน


Click to View FlipBook Version