1 โดย....นางนาถติยา สนั่นเมือง ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๑ (บ้านหัวช้าง) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลพบุรี เขต 1
2 คำนำ บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง มารยาทเด็กไทย เล่มนี้ เป็นบทเรียนสำเร็จรูป เล่มที่ 3 ในชุด“รอบรู้สังคมไทย” ซึ่งได้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอน ในกลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่6 ในบทเรียนสำเร็จรูป เล่มนี้ ผู้จัดทำได้เรียบเรียงเนื้อหาให้ง่ายต่อการเรียนรู้ และได้สอดแทรกความสดใส ของภาพประกอบเพื่อเป็นการเร้าความสนใจของนักเรียน อีกทั้งยังเป็นสื่อการเรียนการ สอนที่เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง โดยระหว่างการเรียนรู้ในแต่ละเนื้อหาจะมีแบบฝึกหัดท้าย กรอบให้นักเรียนได้ทดสอบความรู้ของตนเองอย่างต่อเนื่อง และมีเฉลยสำหรับให้นักเรียน ได้ตรวจสอบคำตอบได้ทันทีบทเรียนสำเร็จรูปเล่มนี้จะช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้เพื่อศึกษา หาความรู้อย่างเป็นระบบ รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างทักษะทางการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนได้ เป็นอย่างดี ผู้จัดทำหวังว่าบทเรียนสำเร็จรูปนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ศึกษาค้นคว้าได้เป็นอย่างดี และขอขอบคุณท่านผู้อำนวยการโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๑ (บ้านหัวช้าง) พร้อมทั้งคณะครู ทุกท่าน เป็นอย่างสูงที่ช่วยให้คำแนะนำและข้อคิดที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาบทเรียน สำเร็จรูปเล่มนี้อย่างดีตลอดมา
3 สารบัญ หน้า คำชี้แจงประกอบการใช้บทเรียนสำเร็จรูป 2 ❖ วัตถุประสงค์ของการจัดทำบทเรียนสำเร็จรูป 2 ❖ ผลที่คาดว่าจะได้รับ 3 ❖ จุดประสงค์การเรียนรู้ 4 ❖ ขั้นตอนการศึกษา 5 แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง มารยาทเด็กไทย 6 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง มารยาทเด็กไทย 8 บทเรียนสำเร็จรูป กรอบที่ 1 9 บทเรียนสำเร็จรูป กรอบที่ 2 12 บทเรียนสำเร็จรูป กรอบที่ 3 15 บทเรียนสำเร็จรูป กรอบที่ 4 17 บทเรียนสำเร็จรูป กรอบที่ 5 21 บทเรียนสำเร็จรูป กรอบที่ 6 24 บทเรียนสำเร็จรูป กรอบที่ 7 28 บทเรียนสำเร็จรูป กรอบที่ 8 32 บทเรียนสำเร็จรูป กรอบที่ 9 35 แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง มารยาทเด็กไทย 38 เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง มารยาทเด็กไทย 40 แบบบันทึกคะแนน 41 บรรณานุกรม 42
4 บทเรียนสำเร็จรูป ชุด รอบรู้สังคมไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่มที่ 3 มารยาทเด็กไทย
5 คำชี้แจงประกอบการใช้ บทเรียนสำเร็จรูป ชุด รอบรู้สังคมไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 วัตถุประสงค์ของการจัดทำ บทเรียนสำเร็จรูป ชุด รอบรู้สังคมไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 1. เพื่อผลิตสื่อการเรียนการสอนประเภทบทเรียนสำเร็จรูปสำหรับใช้พัฒนา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม 2. เพื่อแก้ปัญหานักเรียนที่ขาดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตนในฐานะเป็น พลเมืองคนหนึ่งของประเทศ 3. เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องหน้าที่พลเมืองที่ดีให้นักเรียนและ สามารถนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 4. เพื่อเสริมสร้างทักษะนักเรียนให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และเป็นการปลูกฝัง นิสัยรักการอ่าน 5. บทเรียนสำเร็จรูปสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการจัดการเรียนการสอนเมื่อครูผู้สอน ไม่อยู่ หรือครูผู้สอนไม่เพียงพอ อีกทั้งเป็นพื้นฐานในการสร้างสื่ออื่นต่อไป
6 ผลที่คาดว่าจะได้รับ นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมือง ที่ดีได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้นักเรียนเกิดคุณลักษณะในการเรียนรู้ที่ดี เป็นผู้มีวินัยและ มีความซื่อสัตย์ในตนเอง และช่วยส่งเสริมให้นักเรียนมีนิสัยรักการอ่าน รู้จักศึกษา หาความรู้ได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังสามารถช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นนวัตกรรมสำหรับช่วยแก้ไขปัญหาเมื่อครูไม่อยู่ห้องเรียน
7 จุดประสงค์การเรียนรู้ บทเรียนสำเร็จรูป ชุด รอบรู้สังคมไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่มที่ 3 มารยาทเด็กไทย ❖ นักเรียนมีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับมารยาทไทยที่ถูกต้องเหมาะสม ❖ นักเรียนสามารถปฏิบัติตนโดยการแสดงออกถึงมารยาทไทยได้ เหมาะสมถูกกาลเทศะ
8 ขั้นตอนในการศึกษา บทเรียนสำเร็จรูป ชุด รอบรู้สังคมไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่มที่ 3 มารยาทเด็กไทย ในการศึกษาจากบทเรียนสำเร็จรูปเล่มนี้ ขอให้นักเรียนปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้ ขั้นที่ 1 เริ่มต้นทำความเข้าใจเกี่ยวกับ วัตถุประสงค์ และผลที่คาดว่าจะได้รับจาก การศึกษาบทเรียนสำเร็จรูป ขั้นที่ 2 ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อเป็นการทดสอบความรู้พื้นฐานของ เรื่องที่จะทำการศึกษา ขั้นที่ 3 เริ่มต้นการเรียนรู้ โดยเริ่มจากกรอบแรก เรียงลำดับไปจนถึงกรอบสุดท้าย โดยให้นักเรียนอ่านข้อความรู้แต่ละกรอบให้เข้าใจแล้วตอบคำถาม ขั้นที่ 4 เมื่อตอบคำถามเสร็จแล้ว ให้นักเรียนเปิดดูเฉลย เพื่อตรวจสอบว่านักเรียน ทำถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกต้อง ให้ศึกษาในกรอบต่อไปได้แต่ถ้าทำผิด นักเรียนจะต้องอ่าน ทบทวนอีกครั้งแล้วตอบคำถามใหม่ถ้านักเรียนตอบคำถามได้ถูกต้องครบตามเกณฑ์ที่ กำหนด แสดงว่านักเรียนเข้าใจดีแล้ว จึงจะเรียนรู้ในกรอบต่อไป ขั้นที่ 5 หลังจากที่นักเรียนทำการศึกษาจนครบทุกกรอบแล้ว ให้นักเรียนทำแบบทดสอบ หลังเรียน ทำการตรวจสอบกับเฉลย และบันทึกคะแนนไว้เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับผลคะแนน ก่อนเรียน เพื่อเป็นการตรวจสอบพัฒนาการทางการเรียนรู้ ของนักเรียน “วัฒนธรรมของไทยมีมากมาย ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มเรียนกันเลย”
9 แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง มารยาทเด็กไทย คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกทำเครื่องหมาย x ทับคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. คำพูดใดเหมาะสมที่สุดในการใช้พูดกับเพื่อน ก. “ด้วยความเคารพค่ะ” ข. “ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง” ค. “สวัสดีครับเพื่อนๆ” ง. “มาทางไหนไปทางนั้น” 2. การกระทำในข้อใดเป็นการแสดงมารยาทไทยที่ไม่ถูกต้อง ก. การไหว้ผู้ใหญ่ด้วยความนอบน้อม ข. การเดินค้อมตัวลงเมื่อผ่านผู้ใหญ่ ค. การไม่เคี้ยวหรือกินอาหารเสียงดัง ง. การนั่งไขว่ห้างต่อหน้าผู้ใหญ่ 3. การกระทำในข้อใดเป็นการแสดงมารยาทไทยที่ไม่ถูกต้อง ก. การยืนสนทนากับผู้ใหญ่โดยมือประสานไว้ด้านหลัง ข. การยกมือประนมขณะสนทนากับพระสงฆ์ ค. การสนทนากับเพื่อนๆ ด้วยถ้อยคำสุภาพ ง. การทักทายเพื่อนด้วยการกล่าวสวัสดี 4. ใครใช้คำพูดไม่ถูกต้อง ก. รัตนากล่าวทักทายคุณครูด้วยคำว่า “สวัสดีค่ะคุณครู” ข. วชิระเดินชนเพื่อนแล้วกล่าวคำว่า “ขอโทษครับ” ค. กาญจนากล่าวกับเพื่อนที่ให้ยืมของเล่นว่า “ขอบใจนะจ๊ะ” ง. สุวรรณกล่าวกับแม่ที่ให้เงินไปโรงเรียนว่า “ขอบใจครับ” 5. คำว่า “มารยาท” เกี่ยวข้องกับเรื่องใดมากที่สุด ก. ศักดิ์ฐานะ ข. ชาติตระกูล ค. ความประพฤติ ง. หน้าที่การงาน
10 6. การแสดงอิริยาบถต่าง ๆ ของคนเราเรียกว่าอย่างไร ก. มารยาท ข. การเคารพ ค. การให้เกียรติ ง. ความอ่อนน้อมถ่อมตน 7. ข้อใดไม่จัดเป็นมารยาทชาวพุทธในการแสดงความเคารพ ก. การคำนับ ข. การกราบไหว้ ค. การวันทยหัตถ์ ง. การจับมือทักทาย 8. การกราบพระสงฆ์ควรทำอย่างไร ก. กราบเบญจางคประดิษฐ์ 1 ครั้ง ข. กราบเบญจางคประดิษฐ์ 3 ครั้ง ค. นั่งพับเพียบกราบ 1 ครั้ง ไม่แบมือ ง. นั่งพับเพียบกราบ 3 ครั้ง แบบเบญจางคประดิษฐ์ 9. การยืนตามลำพังโดยมีท่าทางอย่างไรที่ถือว่าไม่สุภาพมากที่สุด ก. ยืนถ่างขาเกินไป ข. ยืนมือล้วงกระเป๋า ค. ยืนเอามือเท้าสะเอว ง. ยืนแขนแนบลำตัวและเกร็ง 10. มารยาทไทยที่ชาวต่างชาติรู้จักมากที่สุดได้แก่สิ่งใด ก. การไหว้ ข. การยืน ค. การเดิน ง. การรับของ
11 เฉลย แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง มารยาทเด็กไทย ข้อที่ คำตอบ 1 ค 2 ง 3 ก 4 ง 5 ค 6 ก 7 ง 8 ข 9 ค 10 ก
12 กรอบที่ 1 ความหมายของมารยาท “มารยาท” หมายถึง กิริยา วาจาที่สุภาพเรียบร้อย ที่บุคคลพึงปฏิบัติในสังคม โดยมีระเบียบแบบแผนอันเหมาะสมตามกาลเทศะ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตนโดยผ่าน กระบวนการฝึกอบรม ขัดเกลาให้เป็นไปตามความนิยมยอมรับของสังคมแต่ละสังคม มารยาทไทยครอบคลุมถึงกิริยา วาจาต่าง ๆ เช่น การยืน การเดิน การนั่ง การนอน การรับของส่งของ การทำความเคารพ การแสดงกิริยาอาการ การรับประทานอาหาร การให้และรับบริการ การทักทาย การสนทนา การใช้คำพูด การฟัง การใช้เครื่องมือสื่อสาร รวมทั้งการประพฤติปฏิบัติ ในพิธีการต่าง ๆ โดยรวมลักษณะเฉพาะของมารยาทไทยที่แสดงถึงวัฒนธรรมของชาติ และเป็น การแสดงออกต่อผู้อื่นที่นุ่มนวล มีความเป็นระเบียบแบบแผน มีกาลเทศะ คือ · สุภาพอ่อนน้อม · เคารพระบบอาวุโส · มีกิริยาวาจาคำลงท้ายเฉพาะ · มีการยืน เดิน นั่ง ที่ต่างบรรยากาศ · มีการแสดงความเคารพ · การทักทาย · การใช้วาจา · การแสดงความคิดเห็น ที่มา : sites.google.com
13 คุณค่าของมารยาทไทย เรื่องของมารยาทนั้น ยังมักเข้าใจกันว่าเป็นเรื่องวิธีการเข้าสังคม ปรับตัวให้เข้ากับหมู่คณะเพื่อความเป็นระเบียบ เพื่อความงดงามน่าดู ความจริงแล้วมารยาท เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียม ประเพณีของชาติ โดยเฉพาะวัฒนธรรมของไทย ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสังคมเกษตรกรรม และอีก ส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาต่าง ๆ ทั้งศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ คนไทย ได้รับการยกย่องจากชาวต่างชาติมาช้านานว่า เป็นผู้มีมารยาทอ่อนโยน นุ่มนวล น่ารัก คำถามกรอบที่ 1 1. มารยาท หมายถึงอะไร 2. มารยาทไทยครอบคลุมเรื่องอะไรบ้าง ที่มา : www.udru.ac.th
14 เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน (ข้อละ 1 คะแนน) เกณฑ์การให้คะแนนรายข้อ ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบผิด ได้ 0 คะแนน เฉลยคำถามกรอบที่ 1 1. มารยาท หมายถึง กิริยา วาจาที่สุภาพเรียบร้อย ที่บุคคลพึงปฏิบัติในสังคม โดยมีระเบียบแบบแผน อันเหมาะสมตามกาลเทศะ ซึ่งเป็นการปฏิบัติตน โดยผ่านกระบวนการฝึกอบรม 2. มารยาทในการนั่ง เดิน การทำความเคารพ การพูด การฟัง ฯลฯ
15 กรอบที่ 2 มารยาทในการยืน การยืนในโอกาสต่างๆ มีการปฏิบัติที่ต่างกันดังนี้ 1. การยืนรับคำสั่ง ให้ยืนตรง หน้าตรง ปล่อยมือไว้ข้างลำตัว และตั้งใจรับฟังคำสั่ง 2. การยืนให้เกียรติผู้ใหญ่ เมื่อผู้ใหญ่เดินผ่านมาให้ยืนตรงแสดงความเคารพ หากผู้ใหญ่เข้ามาสนทนาด้วย ให้ประสานมืออยู่ต่ำกว่าระดับเอวและค้อมตัวเล็กน้อย 3. การยืนสนทนากับผู้ใหญ่ ให้ยืนตรง ประสานมือกันอยู่ต่ำกว่าระดับเอว ค้อมตัวลงเล็กน้อย ไม่ควรยืนชิดหรือ ห่างจากผู้ใหญ่จนเกินไป 4. การยืนคุยกับเพื่อน การยืนพักผ่อน และการยืนดูมหรสพ ให้ยืนในลักษณะสุภาพ ไม่ก่อความรำคาญ หรือเกะกะกีดขวางผู้อื่น ไม่ยืนพูดข้าวศีรษะหรือยืนบังผู้อื่น ที่มา : www.youtube.com
16 5.การยืนตามลำดับ ให้ยืนเรียงแถวเป็นระเบียบ ตามลำดับก่อนหลัง และสุภาพ 6. การยืนแสดงความเคารพเมื่อมีการบรรเลงเพลงเคารพ เพลงเคารพได้แก่เพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมี เพลงมหาฤกษ์ และเพลง มหาชัย เมื่อได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมี ให้ยืนขึ้นแล้วระวังตรง หันหน้าไปทางพระองค์ ท่านหรือพระบรมฉายาลักษณ์ หรือประธานที่ชวนเชิญถวายพระพรในขณะนั้น ให้ยืนตรง อยู่จนจบเพลง คำถามกรอบที่ 2 1. เมื่อได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมี เราควรทำ อย่างไร 2. เมื่อต้องยืนสนทนากับผู้ใหญ่ ควรปฏิบัติ อย่างไร ที่มา : www.youtube.com
17 เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน (ข้อละ 1 คะแนน) เกณฑ์การให้คะแนนรายข้อ ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบผิด ได้ 0 คะแนน เฉลยคำถามกรอบที่ 2 1. เมื่อได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมี ให้ยืนตรงอยู่ จนจบเพลง โดยหันหน้าไปทางพระองค์ท่านหรือ พระบรมฉายาลักษณ์ 2. ให้ยืนตรง ประสานมือกันอยู่ต่ำกว่าระดับเอว ค้อมตัวลงเล็กน้อย ไม่ยืนชิดหรือห่างจากผู้ใหญ่ จนเกินไป
18 กรอบที่ 3 มารยาทในการนั่ง การนั่งในสถานการณ์ต่างๆ มีการปฏิบัติที่ต่างกันดังนี้ - การนั่งเก้าอี้ให้นั่งตัวตรง หลังพิงพนักเก้าอี้ เท้าชิด เข่าชิด มือวางบนหน้าขา - ถ้าเป็นเก้าอี้มีเท้าแขน เมื่อนั่งตามลำพังจะเอาแขนพาดเท้าแขนก็ได้ ไม่ควรนั่ง โดยเอาปลายเท้าหรือขาไขว้กันอย่าง”ไขว่ห้าง” ควรนั่งเต็มเก้าอี้ อย่านั่งโยกเก้าอี้ให้โยก หน้าหรือเอนหลัง ถ้าเป็นหญิงจะต้องระมัดระวังเรื่องเครื่องแต่งกายอย่าให้ประเจิดประเจ้อ สิ่งที่ไม่ควรทำ - นั่งที่ที่มีคนจองหรือวางสิ่งของไว้ - นั่งกระแทกจนเกิดเสียงดัง - นั่งกางแขน กางขา และเปลี่ยนท่านั่งบ่อย จนเป็นที่รำคาญแก่คนอื่น - นั่งแล้วอย่าเปลี่ยนท่าจนเท้าไปโดนคนอื่น - นั่งแล้วไม่ควรลุกขึ้นเดินเข้าออกบ่อย ๆ - ไม่นั่งตรงหน้าผู้ใหญ่ คำถามกรอบที่ 3 1. นิชาใส่กระโปรงสั้น นั่งไขว้ห้างต่อหน้าผู้ใหญ่ นิชาปฏิบัติตนเหมาะสมหรือไม่ 2. จงอธิบายวิธีการนั่งเก้าอี้ที่ถูกต้องเหมาะสม ที่มา : www.youtube.com
19 เฉลยคำถามกรอบที่ 3 1. ไม่เหมาะสม 2. การนั่งเก้าอี้ให้นั่งตัวตรง หลังพิงพนักเก้าอี้ เท้าชิด เข่าชิด มือวางบนหน้าขา
20 กรอบที่ 4 มารยาทในการเดิน การเดินตามลำพัง ให้เดินอย่างสุภาพหลังตรงช่วงก้าวไม่ยาวหรือสั้นจนเกินไป แกว่งแขนแต่พองาม สำหรับผู้หญิงขณะเดินให้ระมัดระวังการแกว่งแขนและสะโพกให้อยู่ในอิริยาบถที่เป็นไป โดยธรรมชาติ การเดินนำหรือเดินตามผู้ใหญ่ 1. การเดินนำ เดินระยะห่างพอสมควรในลักษณะสำรวม ผู้เดินนำจะอยู่ทาง ซ้ายมือของผู้ใหญ่ หากต้องเดินทางขวามือของผู้ใหญ่ให้ขึ้นอยู่กับสถานที่ 2. การเดินตาม เดินระยะห่างพอสมควรในลักษณะสำรวม ให้เดิน เยื้องไปทางซ้ายมือของผู้ใหญ่ ที่มา : https://kanlayamilk5556.wordpress.com
21 การเดินผ่านผู้ใหญ่ 1. ขณะที่ผู้ใหญ่ยืน ให้เดินผ่านระยะห่างพอสมควร ในลักษณะสำรวมปล่อยมือไว้ข้างลำตัว แล้วค้อมตัว เมื่อใกล้ถึงผู้ใหญ่ 2. ขณะผู้ใหญ่นั่งเก้าอี้ ให้เดินผ่านระยะห่างพอสมควรในลักษณะสำรวม ปล่อยมือไว้ข้างลำตัว แล้วค้อมตัว พร้อมกับย่อเข่าเมื่อใกล้ถึงผู้ใหญ่ ที่มา : https://kanlayamilk5556.wordpress.com ที่มา : https://kanlayamilk5556.wordpress.com
22 3. เดินขณะผู้ใหญ่นั่งหรือนอนกับพื้น ให้เดินผ่านระยะห่างพอสมควรในลักษณะสำรวม เมื่อใกล้ถึงผู้ใหญ่ ให้เดินเข่า เมื่อผ่านไปแล้วจึงลุกขึ้นเดิน วิธีเดินเข่า 1. นั่งคุกเข่าตัวตรง มือทั้งสองข้างปล่อยตามสบายอยู่ข้าง ๆ ลำตัว 2. ยกเข่าขวา-ซ้ายก้าวไปข้างหน้าสลับกันไปมา ปลายเท้าตั้งช่วงก้าวของเข่า มีระยะพองาม ไม่กระชั้นเกินไป มือไม่แกว่ง หากผ่านผู้ใหญ่ให้ก้มเล็กน้อย ขณะเดินเข่า ระมัดระวังอย่าให้ปลายขาทั้งสองแกว่งไปมา ขณะก้าวเข่าอย่าให้ปลายเท้าลากพื้นจนมี เสียงดัง 3. เมื่อจะลุกจากการเดินเข่า ให้ชันเข่าข้างหนึ่งข้างใดมาข้างหน้า อีกข้างหนึ่ง กดลงไปกับพื้นแล้วยกตัวขึ้นช้า คำถามกรอบที่4 1. แตงโมต้องเดินนำผู้ใหญ่ แตงโมควรเดินเยื้องไป ทางด้านใด 2. การเดินผ่านผู้ใหญ่ที่กำลังนั่งหรือนอนกับพื้น ควรทำอย่างไร ที่มา : www.youtube.com
23 เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน (ข้อละ 1 คะแนน) เกณฑ์การให้คะแนนรายข้อ ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบผิด ได้ 0 คะแนน เฉลยคำถามกรอบที่ 4 1. เดินเยื้องไปทางซ้ายมือของผู้ใหญ่ 2. ใช้การเดินเข่าอย่างสุภาพ
24 กรอบที่ 5 มารยาทในการไหว้ การไหว้ (วันทา ) การปฏิบัติในท่าไหว้ประกอบด้วยกิริยา 2 ส่วน คือ การประนมมือและการไหว้ การประนมมือ (อัญชลี) เป็นการแสดงความเคารพ โดยการกระพุ่มมือเล็กน้อยให้ ปลายนิ้วมือทั้งสองข้างชิดกัน ฝ่ามือ ทั้งสองประกบเสมอกันแนบหว่างอกปลายนิ้วเฉียงขึ้น พอประมาณ แขนแนบลำตัวไม่กางศอก ทั้งชายและหญิงปฏิบัติเหมือนกันการประนมมือนี้ ใช้ในการสวดมนต์ ฟังพระสวดมนต์ ฟังพระธรรมเทศนา ขณะสนทนากับพระภิกษุ รับพร จากผู้ใหญ่ และรับความเคารพจากผู้มีอายุน้อยกว่า เป็นต้น การไหว้(วันทา) เป็นการแสดงความเคารพโดยการประนมมือ แล้วยกมือทั้งสอง ขึ้นจรดใบหน้า ให้เห็นว่าเป็นการแสดงความเคารพอย่างสูง การไหว้แบบไทย แบ่งออก เป็น 3 ระดับ ตามระดับของบุคคล ระดับที่ 1 การไหว้พระ ได้แก่ การไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รวมทั้งปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุ ที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ในกรณีที่ไม่สามารถกราบ แบบเบญจางคประดิษฐ์ได้ ให้ประนมมือ แล้วยกขึ้นพร้อมกับ ค้อมศีรษะลง ให้หัวแม่มือจรดหว่างคิ้ว ปลายนิ้วชี้แนบส่วนบน ของหน้าผาก ที่มา : ibookbig.blogspot.com
25 ระดับที่ 2 การไหว้ผู้มีพระคุณและผู้มีอายุมาก ได้แก่ ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ ครู อาจารย์ และผู้ที่เราเคารพนับถือ ให้ประนมมือแล้วยกขึ้น พร้อมกับค้อมศีรษะลงให้หัวแม่มือจรดปลายจมูก ปลายนิ้วชี้แนบหว่างคิ้ว ระดับที่3 การไหว้บุคคลทั่ว ๆ ไป ที่เคารพนับถือหรือผู้ที่มีอายุมากกว่าเล็กน้อย ให้ประนมมือ แล้วยกขึ้นพร้อมกับค้อมศีรษะลง ให้หัวแม่มือจรดปลายคาง ปลายนิ้วชี้แนบปลาย จมูก คำถามกรอบที่ 5 1. การไหว้ แบ่งออกเป็นกี่ระดับ อะไรบ้าง 2. การประนมมือ (อัญชลี) ใช้ในสถานการณ์ ใดบ้าง ยกตัวอย่างมา 2 ข้อ ที่มา : ibookbig.blogspot.com ที่มา : ibookbig.blogspot.com
26 เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน (ข้อละ 1 คะแนน) เกณฑ์การให้คะแนนรายข้อ ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบผิด ได้ 0 คะแนน เฉลยคำถามกรอบที่ 5 1. การไหว้มี 3 ระดับ คือ ระดับที่ 1 การไหว้พระ ระดับที่2 การไหว้ผู้มีพระคุณและผู้มีอายุมาก ระดับที่ 3 การไหว้บุคคลทั่ว ๆ ไป 2. ใช้ในการสวดมนต์ ฟังพระสวดมนต์ ฟังพระ ธรรมเทศนา ขณะสนทนากับพระภิกษุ รับพรจากผู้ใหญ่
27 กรอบที่ 6 มารยาทในการกราบ การกราบ (อภิวาท) เป็นการแสดงความเคารพอย่างสูง มี 2 แบบ ดังนี้ 1. การกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ เป็นการใช้อวัยวะทั้ง 5 คือ หน้าผาก มือและข้อศอกทั้ง 2 เข่าทั้ง 2 สัมผัสกับพื้น การกราบมี 3 จังหวะ คือ ท่าเตรียม ชาย นั่งคุกเข่าตัวตรงปลายเท้าราบ เข่าถึงปลายเท้าชิดกัน นั่งบนสันเท้า เข่าทั้ง สองห่างพอกันประมาณ มือทั้งสองวางคว่ำเหนือเข่าทั้งสองข้างนิ้วชิดกัน (ท่าเทพบุตร) หญิง นั่งคุกเข่าตัวตรงปลายเท้าราบ เข่าถึงปลายเท้าชิดกัน นั่งบนสันเท้า มือทั้ง สองวางคว่ำเหนือเข่าทั้งสองข้างนิ้วชิดกัน (ท่าเทพธิดา) ที่มา : www.globaltourplanner.com 1 2 3 4
28 ท่ากราบ จังหวะที่ 1 (อัญชลี) ยกมือขึ้นในท่าประนมมือ จังหวะที่ 2 (วันทา) ยกมือขึ้นไหว้ตามระดับที่ 1 การไหว้พระ จังหวะที่ 3 (อภิวาท) ทอดมือทั้งสองลงพร้อม ๆ กันให้มือและแขนทั้งสองข้าง ราบกับพื้น คว่ำมือห่างกันเล็กน้อย พอให้หน้าผากจรดพื้นระหว่างมือทั้งสอง ชาย ศอกทั้งสองข้างต่อจากเข่าราบไปกับพื้น หลังไม่โก่ง หญิง ศอกทั้งสองข้างคร่อมเข่าเล็กน้อย ราบไปกับพื้น หลังไม่โก่ง ที่มา : ibookbig.blogspot.com
29 2. การกราบผู้ใหญ่ เป็นการกราบผู้มีพระคุณและผู้ที่มีอายุมาก ได้แก่ ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ ครู อาจารย์ และผู้ที่เราเคารพ ผู้กราบทั้งชาย และหญิงนั่งพับเพียบทอดมือทั้งสองข้างลงพร้อมกัน ให้แขนทั้งสองคร่อมเข่าที่อยู่ ด้านล่างเพียงเข่าเดียว มือประนมตั้งกับพื้นไม่แบมือ ค้อมตัวลงให้หน้าผากแตะ ส่วนบนของมือที่ประนม ในขณะกราบ ไม่กระดกนิ้วมือขึ้นรับหน้าผาก กราบเพียง ครั้งเดียว จากนั้นให้เปลี่ยนอิริยาบถโดยการนั่งสำรวมประสานมือ แล้วเดินเข่า ถอย หลังพอประมาณจึงลุกขึ้นจากไป คำถามกรอบที่ 6 1. การกราบ ในท่าเตรียมกราบ ชายและหญิง นั่งอยู่ในท่าใด 2. การกราบผู้ใหญ่ควรปฏิบัติอย่างไร ที่มา : sites.google.com
30 เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน (ข้อละ 1 คะแนน) เกณฑ์การให้คะแนนรายข้อ ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบผิด ได้ 0 คะแนน เฉลยคำถามกรอบที่ 6 1. ชาย นั่งในท่า เทพบุตร หญิง นั่งในท่า เทพธิดา 2. การกราบผู้ใหญ่ ต้องนั่งในท่า พับเพียบกระพุ่มมือก้มกราบ ไม่แบมือ กราบเพียงครั้ง เดียว
31 กรอบที่ 7 มารยาทในการแต่งกาย การแต่งกายเป็นมารยาททั่ว ๆ ไปซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติเหมือนกันตามแต่โอกาส ที่เหมาะสม เช่น แต่งกายไปทำงาน, ไปวัดทำบุญ,ไปเล่นกีฬา และงานพิธีต่าง ๆ หรือการแต่งกายที่อยู่ในเครื่องแบบของนักเรียน นักศึกษา ทหาร ตำรวจ บริษัทห้างร้านที่กำหนดให้ พนักงานแต่งกาย เป็นต้น หากบุคคลใดสามารถ ปฏิบัติได้ตามกฎระเบียบที่กำหนดถือว่าเป็นผู้มี มารยาทในการแต่งกายที่ดี เครื่องแต่งกายเป็นสิ่งแรกที่สะดุดตาผู้ที่พบเห็น ถ้าแต่งกายเหมาะสมก็จะก่อให้เกิดความประทับใจ ในทางที่ดี หากแต่งตัวไม่เหมาะสม คนที่พบเห็น ครั้งแรกอาจไม่เกิดความนิยม เลื่อมใส และเป็น การปิดโอกาสของตนเองที่จะได้แสดงความดีและ ความสามารถ ดั้งนั้น การแต่งกายจึงเป็นสิ่งที่ควร คำนึงถึงเป็นอันดับแรก หลักสำคัญของการแต่งกาย คือ แต่งกายสะอาด แต่งกายสุภาพเรียบร้อย และแต่งกายถูกต้องตามกาลเทศะ การแต่งกายสะอาด ความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญ แต่ความสะอาดในที่นี้ไม่เกี่ยวกับ ความเก่าความใหม่ เพราะเครื่องแต่งกายที่ใหม่อาจสกปรกก็ได้ และเครื่องแต่งกายที่เก่ามีรอยปะชุนก็อาจดู สะอาดได้ หรือเครื่องแต่งกายราคาแพงก็อาจดูสกปรกได้ แต่เครื่องแต่งกายราคาถูกก็ดู สะอาดได้ ดังนั้น คนฐานะที่ไม่ดีนักก็สามารถแต่งตัวสะอาดได้เท่ากับคนฐานะดี โดยเสื้อผ้า ที่เราสวมใส่อยู่นั้นก็ควรซักรีดให้เรียบร้อย รองเท้าก็ขัดให้ดูพองาม กระเป๋าก็เช็ดถูให้ดู สะอาด อนึ่งการอาบน้ำชำระกายให้สะอาด และการดูแลเล็บมือ เล็บเท้ามิให้สกปรก ก็เป็นสิ่งที่ควรดูแลรักษาทำความสะอาดด้วย
32 การแต่งกายสุภาพเรียบร้อย การแต่งกายควรแต่งให้เรียบร้อยพอควร ในสังคมไทยแต่งกายที่ถือว่าไม่เรียบร้อย เช่น การใส่เสื้อกล้ามไปร้านอาหาร การแต่งกายโดยเปิดเผยให้เห็นส่วนของร่างกายที่ควร สงวน หรือใส่เสื้อผ้ารัดแน่นจนน่าเกลียด หรือสวมกระโปรง กางเกงที่สั้นมาก ๆ เพื่อต้องการ แสดงและเน้นสรีระของร่างกาย โดยเฉพาะการแต่งกายดังกล่าวข้างต้นเพื่อไปในสถานที่ ควรแก่การสักการะบูชา เช่น ศาสนสถาน วัด โบสถ์ หรือสถานที่ราชการ สถานศึกษา ฯลฯ ซึ่งถือว่าไม่สุภาพเรียบร้อย การแต่งกายถูกต้องตามกาลเทศะ การแต่งกายนอกจากจะสะอาดและมีความสุภาพเรียบร้อยแล้ว ควรให้เหมาะสม กับสมัยนิยมและให้เหมาะกับสถานที่ที่จะไปด้วย เราจึงควรระวังแต่งกายให้ถูกกาลเทศะ ดังนี้ 1. ควรแต่งกายให้เหมาะสมกับงานที่จะไป เช่น ไม่แต่งชุดดำไปงานแต่งงาน ไม่แต่งสีฉูดฉาดไปงานศพ เป็นต้น 2. แต่งกายให้เกียรติเจ้าภาพของงานตามสมควร เช่น ไปงานเลี้ยงสังสรรค์ ระหว่างเพื่อนฝูงจะแต่งลำลองอย่างไรก็ได้ แต่ถ้าไปงานแต่งงานที่จัดหรูหรา เป็นพิธีรีตอง จะสวมใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ไปคงไม่เหมาะสม เพราะถือว่าไม่ให้ เกียรติเจ้าภาพ 3. การแต่งกายอย่างหนึ่งอาจเหมาะสมกับที่หนึ่ง แต่ไม่เหมาะสมกับอีกที่หนึ่ง เช่น ใส่ชุดว่ายน้ำอยู่ที่ชายหาดหรือริมสระว่ายน้ำ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเดินไปใน ที่ห่างจากชาดหาดและสระมาก ๆ ก็ดูไม่เหมาะสม หรือการสวมรองเท้าแตะ ที่บ้าน หรือเดินเล่นนอกบ้านก็ไม่เป็นไร แต่จะใส่ไปโรงเรียนหรือไปทำงาน บางอย่างก็ถือว่าเป็นการไม่เหมาะสม เป็นต้น 4. ความสะอาดและความสุภาพเรียบร้อยสำคัญที่สุด เพราะคนเรานั้นต่างจิตต่าง ใจกัน คนหนึ่งว่าเหมาะอีกคนว่าไม่เหมาะ ดังนั้นถ้ามีปัญหาก็ให้ยึดหลักความ สะอาดและสุภาพไว้ก่อน ซึ่งใช้ได้ทุกกรณี อันที่จริงการแต่งกายสะอาดและ สุภาพแล้วก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องอื่นจนเกินไป 5.
33 ดังนั้น มารยาทการแต่งกายที่พึงประสงค์ จึงไม่ได้หมายถึง การแต่งกายตาม แฟชั่น แต่เป็นการแต่งกายที่จะต้องคำนึงถึงความสุภาพเรียบร้อย สะอาด ตั้งแต่ศีรษะจรด ปลายเท้า เมื่อมีผู้พบเห็นจะรู้สึกทันทีว่าผู้ที่แต่งกายดีถูกต้องตามกาลเทศะ คือ คนที่ควร ได้รับการชมเชย จากสังคมและผู้ปฏิสัมพันธ์ด้วย ในมุมกลับกันหากแต่งกายไม่สุภาพ เรียบร้อย ก็จะเกิดคำตำหนิ ติเตียน จากผู้ที่พบเห็น ทำให้เสื่อมเสียทั้งตนเอง สถาบัน ครอบครัว และสถานศึกษา ข้อควรคำนึงถึงการแสดงมารยาทที่พึงประสงค์ต่อสถานที่ อันควรเคารพสักการะ ได้แก่ แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ถอดหมวก ถอดรองเท้า ลดร่มลง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ คำถามกรอบที่ 7 1. การแต่งกาย ควรคำนึงถึงหลักสำคัญ อะไรบ้าง 2. การแต่งกายไปงานศพ ควรแต่งกายอย่างไร
34 เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน (ข้อละ 1 คะแนน) เกณฑ์การให้คะแนนรายข้อ ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบผิด ได้ 0 คะแนน เฉลยคำถามกรอบที่ 7 1. ควรคำนึงถึงหลักการแต่งกายให้ สะอาด , หลักการแต่งกายให้สุภาพ, และหลักการแต่งกายให้ถูกต้องตาม กาลเทศะ 2. ควรแต่งกายด้วยชุดสุภาพสีขาวหรือดำ
35 กรอบที่ 8 มารยาทในการพูด มารยาทในการพูด หมายถึง ผู้พูดที่มีกิริยาวาจาเรียบร้อย ท่าทางสง่างาม อ่อนโยนสุภาพ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ไมใช้ท่าทางประกอบคำพูดให้มากจนเกินไป ย่อมช่วยเสริมสร้างให้ผู้ฟังเกิดความเชื่อถือเลื่อมใสผู้พูดได้เป็นอันมาก มารยาทในการพูดที่ดี มีดังนี้ 1. พูดจาไพเราะ 2. ไม่แย่งกันพูด 3. พูดด้วยคำสุภาพไม่หยาบคาย 4. พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล 5. ไม่พูดแทรกจังหวะผู้อื่น 6. พูดด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส 7. ใช้ความดังของเสียงให้พอเหมาะไม่เสียงเบาหรือดังเกินไป 8. ไม่พูดนินทาว่าร้ายผู้อื่น 9. เปิดโอกาสให้ผู้ฟังซักถามหรือแสดงความคิดเห็น การฝึกฝนให้มีมารยาทในการพูดที่พึงปฏิบัติมีดังต่อไปนี้ 1 ) ต้องรู้จักกล่าวคำทักทาย เมื่อมีผู้แนะนำให้ขึ้นไปพูด ควรลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉงแต่เรียบร้อย เดินไปยัง ที่พูด หยุดเว้นระยะเล็กน้อย แล้วจึงกล่าวคำทักทายหรือคำปฏิสันถารที่เหมาะสม 2 ) ต้องเป็นผู้ฟังที่ดี ผู้พูดที่ดีต้องเป็นคู่สนทนาที่ดี ให้เกียรติและรับฟังผู้อื่นด้วย กรณีพูดในที่ประชุมเมื่อ มีเสียงปรบมือหรือเสียงหัวเราะขณะพูดควรหยุดพูดชั่วคราว รอให้เสียงนั้นเบาลงหรือหยุด จึงค่อยพูดต่อไป ถ้าเป็นระหว่างการสนทนาควรหยุดพูดตามความเหมาะสม เพื่อเปิด โอกาสให้ผู้อื่นได้สนทนาบ้าง เมื่อพูดจบแล้วหยุดเว้นระยะเล็กน้อย ก้มศีรษะให้แก่ผู้ฟัง แล้วกลับไปยังที่นั่ง
36 3 ) ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์และน้ำเสียง เมื่อมีผู้ฟังบางคนโห่ร้องหรือล้อเลียนระหว่างพูด อาจทำให้อารมณ์เสียได้ ผู้พูดต้อง ใจเย็นและควบคุมน้ำเสียงตลอดจนกิริยาวาจาของตนไว้ให้สุภาพเรียบร้อยอยู่เสมอ ทั้งต้อง ไม่พูดดัดเสียงให้ผิดปกติไปจากน้ำเสียงที่เคยพูดตามปกติในชีวิตประจำวัน 4 ) ต้องไม่พูดจาดูถูกหรือข่มขู่ผู้ฟัง เมื่อพูดต่อหน้าที่ประชุมไม่ควรพูดอวดตนหรืออวดภูมิ รวมทั้งไม่ควรใช้กิริยา วาจาเชิงดูถูก ก้าวร้าว หรือข่มขู่ผู้ฟังแต่อย่างใด 5 ) ต้องรู้จักใช้คำสุภาพ เมื่อมีความคิดเห็นไม่ตรงกับผู้อื่นระหว่างการสนทนา ไม่ควรพูดจาหยาบคาย รุนแรง แต่ควรรู้จักกล่าวคำขอบคุณ ขอโทษ หรือเสียใจในโอกาสอันเหมาะสม คำถามกรอบที่ 8 1. น้ำตาลมักจะพูดกับเพื่อนด้วยถ้อยคำ หยาบคาย น้ำตาลมีมารยาทที่ดีในการพูดหรือไม่ 2. ในการพูดในที่ประชุม ถ้าผู้ฟังปรบมือให้ ผู้พูดควรทำอย่างไร
37 เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน (ข้อละ 1 คะแนน) เกณฑ์การให้คะแนนรายข้อ ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบผิด ได้ 0 คะแนน เฉลยคำถามกรอบที่ 8 1. น้ำตาลไม่มีมารยาทในการพูด 2. หยุดเว้นรอจังหวะให้เสียงปรบมือ เบาลงก่อน แล้วค่อยพูดต่อ
38 กรอบที่ 9 มารยาทในการฟัง มารยาทในการฟัง ถือเป็นวัฒนธรรมประจำชาติอย่างหนึ่ง ที่ผู้ฟังควรยึดถือและ ปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสม การมีมารยาทในการฟังย่อมแสดงให้เห็นว่า บุคคลนั้นได้รับ การอบรมบ่มนิสัย ให้เป็นผู้มีวัฒนธรรมอันดีงาม การมีมารยาทที่ดี ถือเป็นการให้เกียรติ ต่อผู้พูด ให้เกียรติ ต่อสถานที่และให้เกียรติต่อชุมชน มารยาทเหล่านี้จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ ทุกคนควรยึดถือ และปฏิบัติโดยเคร่งครัด การฟัง หมายถึง การรับสาร หรือเสียงที่ได้ยินทางหู การฟัง อย่างมีจุดมุ่งหมาย มีมารยาทและรู้จักพินิจพิเคราะห์เนื้อหาของสาร ที่รับว่ามีข้อเท็จจริง อย่างไร รู้จักจับใจความสำคัญ ใจความย่อย สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้รับสาร ได้ประโยชน์จากการฟังอย่างเต็มที่ ผู้มีมารยาทในการฟังควรปฏิบัติตน ดังนี้ 1. เมื่อฟังอยู่เฉพาะหน้าผู้ใหญ่ ควรฟังโดยสำรวมกิริยามารยาท ฟังด้วยความสุภาพ เรียบร้อย และตั้งใจฟัง 2. การฟังในที่ประชุม ควรเข้าไปนั่งก่อนผู้พูดเริ่มพูด โดยนั่งที่ด้านหน้าให้เต็มก่อน และควรตั้งใจฟังจนจบเรื่อง 3. จดบันทึกข้อความที่สนใจหรือข้อความที่สำคัญ หากมีข้อสงสัยเก็บไว้ถามเมื่อมี โอกาสและถามด้วยกิริยาสุภาพ เมื่อจะซักถามต้องเลือกโอกาสที่ผู้พูดเปิดโอกาสให้ถาม หรือยกมือขึ้นขออนุญาตหรือแสดงความประสงค์ในการซักถาม ถามด้วยถ้อยคำสุภาพ และไม่ถามนอกเรื่อง 4. มองสบตาผู้พูด ไม่มองออกนอกห้องหรือมองไปที่อื่น อันเป็นการแสดงว่าไม่ สนใจเรื่องที่พูด และไม่เอาหนังสือไปอ่านขณะที่ฟัง หรือนำอาหารเครื่องดื่มเข้าไป รับประทานระหว่างฟัง
39 5. ฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเองกับผู้พูด แสดงสีหน้าพอใจในการพูด ไม่มีแสดงกิริยาก้าวร้าว เบื่อหน่าย หรือลุกออกจากที่นั่งโดยไม่จำเป็นขณะฟัง 6. ฟังด้วยความสุขุม ไม่ควรก่อความรำคาญให้บุคคลอื่น ควรรักษามารยาทและ สำรวมกิริยา ไม่หัวเราะเสียงดังหรือกระทืบเท้าแสดงความพอใจหรือเป่าปาก 7. ฟังด้วยความอดทนแม้จะมีความคิดเห็นขัดแย้งกับผู้พูดก็ควรมีใจกว้างรับฟัง อย่างสงบ 8. ไม่พูดสอดแทรกขณะที่ฟัง ควรฟังเรื่องให้จบก่อนแล้วค่อยซักถามหรือแสดง ความคิดเห็น 9. ควรให้เกียรติวิทยากรด้วยการปรบมือ เมื่อมีการแนะนำตัวผู้พูด ภายหลังการ แนะนำ และเมื่อวิทยากรพูดจบ คำถามกรอบที่9 1. การฟังผู้ใหญ่พูดต่อหน้า ควรปฏิบัติอย่างไร 2. เมื่อต้องการพูดแสดงความคิดเห็นจากสิ่งที่ฟัง ควรปฏิบัติอย่างไร ถึงจะแสดงถึงมารยาท ที่เหมาะสม
40 เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน (ข้อละ 1 คะแนน) เกณฑ์การให้คะแนนรายข้อ ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบผิด ได้ 0 คะแนน เฉลยคำถามกรอบที่ 9 1. ควรฟังโดยสำรวมกิริยามารยาท ฟังด้วย ความสุภาพเรียบร้อย และตั้งใจฟัง 2. ควรฟังเรื่องให้จบก่อนแล้วค่อยซักถาม หรือแสดงความคิดเห็น
41 แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง มารยาทเด็กไทย คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกทำเครื่องหมาย x ทับคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. คำว่า “มารยาท” เกี่ยวข้องกับเรื่องใดมากที่สุด ก. ศักดิ์ฐานะ ข. ชาติตระกูล ค. ความประพฤติ ง. หน้าที่การงาน 2. คำพูดใดเหมาะสมที่สุดในการใช้พูดกับเพื่อน ก. “ด้วยความเคารพค่ะ” ข. “ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง” ค. “สวัสดีครับเพื่อนๆ” ง. “มาทางไหนไปทางนั้น” 3. การกระทำในข้อใดเป็นการแสดงมารยาทไทยที่ไม่ถูกต้อง ก. การยืนสนทนากับผู้ใหญ่โดยมือประสานไว้ด้านหลัง ข. การยกมือประนมขณะสนทนากับพระสงฆ์ ค. การสนทนากับเพื่อนๆ ด้วยถ้อยคำสุภาพ ง. การทักทายเพื่อนด้วยการกล่าวสวัสดี 4. ใครใช้คำพูดไม่ถูกต้อง ก. รัตนากล่าวทักทายคุณครูด้วยคำว่า “สวัสดีค่ะคุณครู” ข. วชิระเดินชนเพื่อนแล้วกล่าวคำว่า “ขอโทษครับ” ค. กาญจนากล่าวกับเพื่อนที่ให้ยืมของเล่นว่า “ขอบใจนะจ๊ะ” ง. สุวรรณกล่าวกับแม่ที่ให้เงินไปโรงเรียนว่า “ขอบใจครับ” 5. การกระทำในข้อใดเป็นการแสดงมารยาทไทยที่ไม่ถูกต้อง ก. การไหว้ผู้ใหญ่ด้วยความนอบน้อม ข. การเดินค้อมตัวลงเมื่อผ่านผู้ใหญ่ ค. การไม่เคี้ยวหรือกินอาหารเสียงดัง ง. การนั่งไขว่ห้างต่อหน้าผู้ใหญ่
42 6. การกราบพระสงฆ์ควรทำอย่างไร ก. กราบเบญจางคประดิษฐ์ 1 ครั้ง ข. กราบเบญจางคประดิษฐ์ 3 ครั้ง ค. นั่งพับเพียบกราบ 1 ครั้ง ไม่แบมือ ง. นั่งพับเพียบกราบ 3 ครั้ง แบบเบญจางคประดิษฐ์ 7. มารยาทไทยที่ชาวต่างชาติรู้จักมากที่สุดได้แก่สิ่งใด ก. การไหว้ ข. การยืน ค. การเดิน ง. การรับของ 8. การยืนตามลำพังโดยมีท่าทางอย่างไรที่ถือว่าไม่สุภาพมากที่สุด ก. ยืนถ่างขาเกินไป ข. ยืนมือล้วงกระเป๋า ค. ยืนเอามือเท้าสะเอว ง. ยืนแขนแนบลำตัวและเกร็ง 9. การแสดงอิริยาบถต่าง ๆ ของคนเราเรียกว่าอย่างไร ก. มารยาท ข. การเคารพ ค. การให้เกียรติ ง. ความอ่อนน้อมถ่อมตน 10. ข้อใดไม่จัดเป็นมารยาทชาวพุทธในการแสดงความเคารพ ก. การคำนับ ข. การกราบไหว้ ค. การวันทยหัตถ์ ง. การจับมือทักทาย
43 เฉลย แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง มารยาทเด็กไทย ข้อที่ คำตอบ 1 ค 2 ค 3 ก 4 ง 5 ง 6 ข 7 ก 8 ค 9 ก 10 ง
44 แบบบันทึกคะแนน บทเรียนสำเร็จรูป ชุด รอบรู้สังคมไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่มที่ 3 มารยาทเด็กไทย ชื่อ..................................................... ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เลขที่................. เล่มที่ 3 เรื่อง มารยาทเด็กไทย คะแนนเต็ม คะแนนที่ได้ ร้อยละ กรอบที่ 1 2 กรอบที่ 2 2 กรอบที่ 3 2 กรอบที่ 4 2 กรอบที่ 5 2 กรอบที่ 6 2 กรอบที่ 7 2 กรอบที่ 8 2 กรอบที่ 9 2 รวม 18 คะแนนการทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ คะแนนเต็ม คะแนนที่ได้ ร้อยละ ทดสอบก่อนเรียน 10 ทดสอบหลังเรียน 10
45 บรรณานุกรม กุศยา แสงเดช. (2545). บทเรียนสำเร็จรูป คู่มือการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : แม็ค. กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์( ร.ส.พ.). . (2551). คู่มือการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ : องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์. . (2551). คู่มือการเรียนการสอนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ระดับ ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว. พิเชษฐ์ เดชผิว. (2557). สิทธิของเรา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์เพิ่มทรัพย์การพิมพ์. เพ็ญศรี สร้อยเพชร. (2552). บทเรียนสำเร็จรูป. นครปฐม : คณะครุศาสตร์สถาบัน ราชภัฏนครปฐม. วิทย์ วิศทเวทย์ และ เสฐิยรพงษ์ วรรณปก. (ม.ป.ป.). หนังสือพระพุทธศาสนา. ม.ป.ท. : ม.ป.พ.
46