สัญญารับขน
เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาเอกเทศสัญญา 2 (0801215)
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
คำนำ
รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาเอกเทศสัญญา 2 เพื่อได้
ศึกษาหาความรู้ในเรื่องของการรับขนรวมถึงรายละเอียดต่างๆของสัญญารับขน สิ่ง
ทีต้องทำในสัญญารับขน และเพื่อได้ศึกษาอย่างเข้าใจเพื่อประโยชน์ของการเรียน
อีกทั้งยัง เป็นประโยชน์กับผู้ที่ต้องการที่จะศึกษาเรื่องสัญญารับขนอีกด้วย
ผู้จัดทำหวังว่ารายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน หรือนักเรียนที่กำลัง
หาข้อมูลเรื่องสัญญารับขนอยู่หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใดผู้จัดทำ
ขอน้อมรับและขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ 1
4
คำนำ 9
สารบัญ
รับขนของ 15
ความหมายของรับขน 17
หน้าที่และความรับผิดของผู้ขนส่ง 23
การส่งของมีค่า
ความรับผิดของผู้ส่งของอื่น
อายุความรับขนคนโดยสาร
บรรณานุกรม
1
รับขนของ
การที่ผู้ส่งมาทำสัญญารับขนกับผู้ขนส่งหรือการที่ผู้โดยสารมาทำ
สัญญาขนส่งนั้น อาจจะเป็นด้วยสาเหตุต่างๆ กัน กล่าวคือ ผู้ส่งนั้น
ต้องการให้มีการขนส่งของของตนไปส่งยังผู้รับตราส่งซึ่งอยู่จุดหมาย
ปลายทาง เนื่องจากผู้รับตราส่งได้ซื้อของดังกล่าวจากผู้ส่งซึ่งเป็นผู้ขาย
หรือผู้ส่งอาจส่งของนั้นไปด้วยจุดประสงค์อื่นอีกก็ได้ซึ่งการขนส่งไม่ว่า
จะเป็นการขนส่งของหรือคนโดยสารก็ตาม อาจจะถูกขนส่งได้โดยวิธี
การต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งโดยวิธีการเฉพาะในแต่ละเส้นทางหรือ
วิธีการขนส่งแล้ว ในปัจจุบันนี้มักจะมีการผสมผสานรูปแบบของการ
ขนส่งหลายรูปแบบหรือหลายวิธีการเข้าด้วยกัน เช่น การขนส่งของอาจ
จะต้องขนส่งทางบกและทางอากาศ หรือขนส่งทางบกกับทางน้ำ
เป็นต้น
2
ลักษณะสำคัญของสัญญารับขน
เป็นสัญญา 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือผู้ขนส่ง อีกฝ่ายหนึ่งคือผู้ส่ง และเป็น
สัญญาต่างตอบแทน มีวัตถุประสงค์คือ การขนส่งของหรือคนโดยสารจาก
ที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งตามที่ตกลงกัน ต้องมีบำเหน็จเป็นสินจ้างเป็นค่าระวาง
พาหนะหรือค่าโดยสารเป็นการตอบแทนการขนส่ง และผู้รับขนต้องกระทำ
เป็นกิจการทางการค้าปกติ
3
การเดินทางไปมาหาสู่กันและการค้าได้ดำเนินมาตั้งแต่สมัยใบราณ มี
การส่งของไปยังผู้รับซึ่งอยู่จุดหมายปลายทาง แต่ไม่สะดวกในการนำไปส่ง
ถึงมือผู้รับเนื่องจากไม่มียานพาหนะหรือมีแต่ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย จึงนำของ
ไปให้ผู้ขนส่งดำเนินการขนส่งแทนโดยยอมเสียคำใช้จ่ายคือค่าระวางจำนวน
หนึ่งสำหรับการเดินทางก็เช่นเดียวกัน การยอมเสียค่าโดยสารให้แก่ผู้ขนส่ง
อาจกคุ้มค่าและสะดวกกว่าใช้พาหนะของตนเอง โดยฉพาะอย่างการเดิน
ทางไกล เช่น ระหว่างจังหวัด ระหว่างประเทศ เป็นต้น
4
ความหมายของรับขน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มิได้ให้ความหมายของรับขนไว้ แต่
ตามมาตรา 608 ได้ให้ความหมายของผู้ขนส่งว่า "บุคคลผู้รับขนส่งของหรือ
ขนส่งคน โดยสารเพื่อบำเหน็จทางการค้าปกติของตน"
ดังนั้น เห็นว่าสัญญารับขนหมายถึงสัญญาซึ่งคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งเรียกว่า
ผู้ขนส่งตกลงว่าจะทำการขนส่งของหรือคนโดยสารจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
โดยเรียกสินจ้างจากคู่สัญญาอีกป้ายหนึ่งเรียกว่าผู้ส่งของหรือคนโดยสาร
และต้องเป็นการค้าปกติของผู้ขนส่งด้วย
5
ประเภทของสัญญารับขน
เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่ทำการขนส่ง สามารถแบ่งสัญญารับขนได้ 2 ประเภท กล่าว
คือ การรับขนของ (มาตรา 610-633) และการรับขนคนโคยสาร (มาตรา 636-639)
สัญญารับขนอาจมีความคล้ายคลึงกับสัญญาจ้างทำของในเรื่องของมุ่งหวังผล
สำเร็จของงาน
รับขนของ
6
บุคคลผู้เกี่ยวข้องกับสัญญารับขน มี 3 ฝ่าย ดังนี้
1. ผู้ส่งหรือผู้ตราส่ง (Sender) คือบุคคลที่ทำความตกลงกับผู้ขนส่งให้ขนของส่ง
ไป อาจเป็นบุคคลธรรมคาหรือนิติบุคคลก็ได้ หากไม่มีการออกใบตราส่ง เรียกว่า ผู้ส่ง
แต่ถ้ามีการออกใบตราส่งเรียกว่า ผู้ตราส่ง (ปพพ. มาตรา 610 วรรคแรก)
2. ผู้รับตราส่ง (Consignee) คือบุคคลซึ่งผู้ขนส่งส่งของไปถึง ซึ่งเป็นบุคคลภาย
บอกที่ไม่ใช่คู่สัญญากับผู้ขนส่ง ดังนั้น ลักษณะสำคัญของสัญญารับขนประการหนึ่งคือ
เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอก แต่อย่างไรก็ ผู้รับตราส่งกับผู้ส่งอาจเป็น
คนเดียวกันก็ได้
3.ผู้ขนส่ง คือบุคคลผู้รับขนส่งของหรือขนส่งคนโดยสารเพื่อ
บำเหน็จทางค้าปกติของตนส่วนบำเหน็จที่ต้องจ่ายให้เพื่อการขนส่งของ
นั้น เรียกว่าค่าระวางพาหนะ (Freight) ตาม ปพพ.มาตรา 610
7
ใบกำกับของ ถ้าผู้ขนส่งเรียกเอาใบกำกับของ ผู้ส่งต้องทำให้ ใบกำกับของย่อม
เป็นหลักฐานว่าผู้ส่งได้มอบของมีสภาพและขนาดอย่างไร ให้กับผู้ขนส่งเพื่อทำการ
ขนส่งให้ ใบกำกับของอย่างน้อยต้องมีรายการดังต่อไปนี้
(1) สภาพและน้ำหนัก หรือขนาคแห่งของที่ส่ง กับสภาพจำนวนและเครื่องหมายแห่ง
หีบห่อ
(2) ตำบลที่กำหนดให้ส่ง
(3) ชื่อหรือยี่ห้อ และสำนักของผู้รับตราส่ง
(4) ตำบลและวันที่ออกใบกำกับของนั้น
ใบกำกับของนั้นต้องลงลายมือชื่อผู้ส่งเป็นสำคัญ ตามมาตรา 612
8
ใบตราส่ง ถ้าผู้ส่งเรียกเอาใบตราส่ง ผู้ขนส่งก็ต้องทำให้ แต่ถ้าผู้
ส่งไม่เรียกเอาจะเห็นว่าไม่ต้องออกใบตราส่งให้ก็ได้ ใบตราส่งนั้นจะ
ต้องมีรายการคังต่อไปนี้ คือ
(1) รายการดังกล่าวไว้ในมาตรา 612 อนุมาตรา 1, 2 และ 3
(2) ชื่อหรือยี่ห้อของผู้ส่ง
(3) จำนวนค่าระวางพาหนะ
(4) ตำบลและวันที่ออกใบตราส่ง
ใบตราส่งต้องลงลายมือชื่อผู้ขนส่งเป็นสำคัญ
9
หน้าที่และความรับผิดของผู้ขนส่ง
10
หน้าที่ของผู้ขนส่งตามสัญญารับขน มี 2 ประการ
1. หน้าที่ขนส่งของจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง อันเป็นวัตถุประสงค์สำคัญของ
สัญญารับขน หากผู้ขนส่งไม่ส่งของตามสัญญา ถือว่าผู้ขนส่งผิดสัญญา ผู้ส่งหรือ
ผู้รับตราส่งย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือในกรณีขบส่งของให้ชักช้า ก็ต้องรับ
ผิดเช่นเดียวกัน เว้นแต่ความชักช้าเกิดเพราะความผิดของผู้ส่งหรือผู้รับตราส่ง
(มาตรา 616)
ความรับผิดตามมาตรา 616 นี้ มี 3 กรณี คือ
1.1 เพื่อความสูญหายของของที่ขนส่ง อาจทั้งหมดหรือบางส่วน เช่น ถูกปลั่น
1.2 เพื่อความเสียหายของของที่ขนส่ง อาจทั้งหมดหรือบางส่วน เช่น ถูกฝนเปียกชื้น
1.3 เพื่อความชักช้าในการส่งมอบของที่ขนส่ง
11
ความรับผิดของผู้ขนส่งในมาตรา 616 มีลักษณะเป็นความรับผิดเด็ดขาด
กล่าวคือ ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดทันทีโดยผู้ส่งหรือผู้รับตราส่งไม่มีหน้าที่จะต้อง
พิสูจน์ว่าความเสียหายหรือ ว่าส่งมอบชักช้านั้นเกิดจากการจงใจ ประมาท
เลินเล่อของผู้ขนส่ง หรือของลูกจ้างของผู้ขนส่ง
ผู้ขนส่งอาจหลุดพ้นความรับผิดได้ หากพิสูจน์ได้ว่าความเสียหาย สูญหาย
หรือส่งมอบของชักช้านั้นเกิดจากสาเหตุใคสาเหตุหนึ่ง ดังต่อไปนี้
ก) เหตุสุดวิสัย
ข) เกิดแต่สภาพแห่งของนั้นเอง
ค) ความผิดของผู้ส่งหรือผู้รับตราส่ง
12
2. หน้าที่ในการออกใบตราส่ง ถ้าผู้ส่งหรือผู้ตราส่งรียกเอาและมีหน้าที่ต้อง
บอกกล่าวแก่ผู้รับตราส่งเมื่อของส่งไปถึง (มาตรา 622)
ในกรณีที่ผู้ขนส่งหาตัวผู้รับตราส่งไม่พบ หรือผู้รับตราส่งบอกปัดไม่ยอมรับ
มอบ ผู้ขนส่งต้องบอกกล่าวไปยังผู้ส่งของทันที (มาตรา 631)
13
หน้าที่ของผู้ส่ง
หน้าที่ของผู้ส่งตามสัญญารับขน มี 3 ประการ ดังนี้
1. หน้าที่ต้องชำระค่าระวางพาหนะและอุปกรณ์ของค่าระวางพาหนะ
(ม.628)
แต่หากของสูญหายไปเพราะเหตุสุดวิสัย ผู้ขนส่งจะไม่สามารถเรียกค่า
ระวางพาหนะ แต่ยังคงมีสิทธิได้รับค่าอุปกรณ์ระวางพาหนะจากผู้ส่ง เช่น ค่า
ภาษี ค่าผ่านทาง เป็นต้น
กรณีผู้ส่งหรือตราส่งไม่ยอมชำระค่าระวางพาหนะและค่าอุปกรณ์ ผู้ขนส่ง
มีสิทธิยึดหน่วงของไว้ก่อนได้ตามความจำเป็นตามมาตรา 630 เพื่อเป็นประกัน
การใช้เงินค่าระวางพาหนะและอุปกรณ์
14
2. หน้าที่ต้องแสดงสภาพของที่ให้ขน ผู้ส่งต้องแสดงสภาพของนั้นไว้ก่อนทำ
สัญญา
ถ้าของนั้นมีสภาพที่จะทำให้เกิดอันตรายหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่
บุคคลหรือทรัพย์สิน มิฉะนั้นจะต้องรับผิดในการเสียหายไม่ว่าอย่างใด ๆ อันเกิดแต่
ของนั้นตามมาตรา 619 เช่น สารเคมี วัตถุ ไวไฟ วัตถุระเบิด สัตว์คร้าย เป็นต้น
3. หน้าที่ต้องออกใบกำกับของ ถ้าผู้ขนส่งต้องการเอาใบกำกับของนั้นตามมาตรา
612
มีมีดน่ะ
ได้เลยครับ
15
การส่งของมีค่า
16
การส่งของมีค่า
การส่งของมีคำตามมาตรา 620 ได้แก่ เงิน ทองตรา ธนบัตร อัญมณี ใบ
ประทวนสินค้า ใบหุ้น และของมีค่าอื่น 1 ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดหากไม่ได้บอกราคา
หรือสภาพของไว้ในขณะที่ส่งมอบแก่ตน แต่ถ้าได้บอกราคาไว้ ความรับผิดของผู้
ขนส่งก็ย่อมจำกัดเพียงไม่เกินราคาที่บอก
17
ความรับผิดของผู้ขนส่งอื่น
18
ผู้ขนส่งอื่น
เมื่อคุณสมบัติของผู้ขนส่งไม่ใช่สาระสำคัญ ดังนั้น ผู้ขนส่งอาจมอบหมายให้ผู้
ขนส่งอื่นทำการขนส่งแทนตนได้ หรือกิจการของผู้ขนส่งมีลักษณะเป็นการขนส่ง
เป็นทอค ๆ เป็นการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง เช่น ขนส่งทางทะเลแล้วต้องส่งผ่าน
ทางบกต่อไปด้วย เป็นต้น ดังนั้น ถ้าหากว่าของที่ขนส่งสูญหาย เสียหาย หรือส่ง
มอบชักช้าเกิดจากความผิดของบุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่ผู้ที่ทำสัญญารับขนกับผู้ส่ง
Ex
ส่งต่อ
19
ความรับผิดของผู้ขนส่งอื่น
1. ผู้ขนส่งต้องรับผิดในการที่ของสูญหาย บุบสลายหรือส่งมอบของชักช้า
ซึ่งเกิดจากผู้ขนส่งอื่นหรือบุคคลอื่นซึ่งตนได้มอบหมายของนั้นไปอีกทอดหนึ่ง
ตามมาตรา 617
การขนส่งกรณีนี้ เป็นลักษณะตัวแทน ดังนั้น ผู้ขนส่งจะปฏิเสธความผิดโดย
อ้างว่าไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของตน แล้วให้ผู้ส่งหรือผู้รับตราส่งไปเรียกร้อง
เอาจากบุกคลอื่นที่ตน ได้มอบหมายให้ขนส่งอีกทอดหนึ่งไม่ได้
20
ตัวอย่าง
สมชาย ว่าจ้างให้บริษัทอีสานทรานสปอร์ต ขนส่งยางพาราจากจังหวัด
ขอนแก่นไปยังโรงงานทำถุงมือที่จังหวัดสงขลา แต่รถบรรทุกของบริษัทอีสานฯ มี
ไม่เพียงพอ จึงได้ให้นายเอทำการขนส่งยางพาราดังกล่าวแทน ปรากฏว่านาย
เอกระทำการ โดยประมาทเลินเล่อ ยางพาราหายไป 1 มัด จำนวน 5,000
กิโลกรัม ดังนี้ แม้นายเอ จะเป็นผู้ทำให้ยางพาราสูญหาย บริษัทอีสานฯ ก็ต้องรับ
ผิดต่อสมชาย
ยายหาง
21
2. กรณีที่เป็นการขนส่งหลายคนหลายทอด ซึ่งมีลักษณะที่ผู้ขนส่งหลายคน
แบ่งกันทำเป็นทอด ๆจนกว่าจะขนของนั้นไปถึงปลายทาง ผู้ขนส่งทุกคนจึงต้อง
ร่วมกันรับผิดแบบลูกหนี้ร่วมตามมาตรา 618 แม้ว่าความผิดนั้นจะไม่ได้เกิดขึ้น
ในขณะที่ตนรับผิดชอบอยู่ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ระหว่างผู้ขนส่งด้วยกัน ผู้ขนส่งที่ไม่ได้กระทำผิด ย่อมมีสิทธิ
ไล่เบี้ยเอาแก่ผู้ขนส่งที่ได้กระทำผิดอันก่อให้เกิดความเสียหายนั้นได้
ทอดที่ 3 ทอดที่ 2 ทอดที่1
22
แม้ว่าความรับผิดของผู้ขนส่งย่อมสิ้นสุดลงเมื่อผู้รับตราส่งได้รับมอบของไว้
โดยไม่อิดเอื้อน และได้ใช้ค่าระวางและค่าอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว แต่บางกรณี
ความรับผิดของผู้ขนส่งก็ยังไม่สิ้นสุด กล่าวคือในกรณีที่ของสูญหายหรือบุบสลาย
เห็นไม่ได้แต่สภาพภายนอกแห่งของนั้น เว้นแต่ผู้รับตราส่งรับของไปแล้วไม่ได้
บอกกล่าวประการ ใดจนพ้นเวลา 8 วัน นับแต่วันส่งมอบความรับผิดของผู้ขนส่ง
ก็ขึ้นสุดลงตามมาตรา 623 วรรคแรกและวรรคสอง
23
อายุความ
อายุความฟ้องร้องความรับผิดของผู้ขนส่ง กำหนด 1 ปีนับแต่ส่งมอบ หรือ
1 ปี นับแต่วันที่ควรจะได้ส่งมอบ เว้นแต่ในกรณีที่มีการทุจริต ซึ่งต้องใช้
อายุความทั่วไป คือ 10 ปี
24
ความระงับแห่งสัญญารับขนของ
สัญญารับขนของย่อมระงับลงในกรณีต่อไปนี้
1. เมื่อผู้ขนส่งได้ปฏิบัติตามสัญญารับขนเรียบร้อยแล้ว
2. เมื่อมีการผิดสัญญา และคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา
3. เมื่อการชำระหนี้ของผู้ขนส่งกลายเป็นพันวิสัย เช่น ของที่รับขนถูกฟ้าผ่าเสีย
หายหมด
4. เมื่อมีการสั่งให้งดการขนส่งระหว่างทาง แต่ผู้ขนส่งชอบที่จะได้ค่าระวาง
พาหนะคามส่วนกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เสียไปแล้วตามมาตรา 626
25
รับขนคนโดยสาร
26
รับขนคนโดยสาร
สัญญารับขนคนโดยสารเป็นสัญญารับขนอีกประเภทหนึ่ง โดยผู้ขนส่งตกลง
ขนส่งคนจากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ ผู้ขนส่งยังมีหน้าที่รับขนเครื่อง
เดินทาง ซึ่งเป็นของใช้สอยที่คนโดยสารนำติดตัวไปด้วย ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ได้บัญญัติไว้เพียง 6 มาตราเท่านั้น
ผู้ขนส่งคนโดยสารนั้น นอกจากจะปฏิบัติดามสัญญาคือการ ส่งคนโดยถึงที่
หมายปลายทางแล้วยังสวัสดิภาพด้วย ดังนั้น เมื่อเกิดความเสียหายอย่างใดอย่างหนึ่ง
แก่คนโดยสารหรือของที่ติดตัวไป ผู้ขนส่งก็ต้องรับผิด
รถมาเเล้ว
27
หน้าที่ของผู้ขนส่ง
1. หน้าที่ต้องรับผิดในความเสียหายและความชักช้าที่เกิดขึ้นกับผู้โดยสาร
เว้นแต่การเสียหายหรือชักช้าเกิดจากแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดแต่ความผิดของผู้
โดยสารนั้นเองตามมาตรา 634
ความรับผิดของผู้ขนส่งดังกล่าวเป็นลักษณะความรับผิดเด็ดขาด เช่นเดียวกับ
สัญญารับขนของ ซึ่งผู้ขนส่งต้องรับผิดทันทีเมื่อผู้โดยสารได้รับความเสียโดยผู้
โดยสาร ไม่ต้องพิสูจน์ถึงการจงใจหรือประมาทเลินเล่อของผู้ขนส่งหรือลูกจ้างของผู้
ขนส่ง อย่างไรก็ตาม ผู้ขนส่งอาจหลุดพ้นความรับผิดได้หากพิสูจน์ให้เห็นว่าความ
เสียหายนั้นเกิดจากเหตุยกเวันความรับผิดของสู้ขนส่ง
28
ข้อยกเว้นตามมาตรา 634
1) ความผิดนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย เช่น น้ำท่วมทางขาด แผ่นดินไหว ถูกปลิ้น
ตัวอย่าง
นายไก่ โดยสารรถประจำทางจากหาดใหญ่ไปยังกรุงเทพฯ เพื่อที่ต่อเครื่องบินไป
ยังประเทศอังกฤษ แต่พอถึงชุมพร เกิดพายุเกย์พัดน้ำท่วมทางขาด ทำให้นายไก่
พลาดเที่ยวบิน เช่นนี้ ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิด
2) เกิดจากความผิดของคนโดยสารเอง เช่น คนโดยสารชักช้ามัวแต่ซื้อของใน
ระหว่างจอดแวะพักระหว่างทางเพื่อเติมน้ำมัน หรือคนโดยสารขึ้นผิดคัน ทำให้เสีย
เวลาต้องกลับมารับ
29
2. หน้าที่ต้องขนส่งเครื่องใช้สอยที่คนโดยสารนำติดตัวไป แม้ว่าผู้ขนส่งจะไม่ได้
คิดค่าขนส่งอีกต่างหากก็ตามตามมาตรา 637
แต่ผู้ขนส่งไม่ต้องรับผิดหากไม่ได้รับมอบหมาย เช่น คนโดยสารเก็บของไว้
กับตัว อย่างไรก็ตามผู้ขนส่งก็คงยังต้องรับผิดอยู่นั่นเอง หากเป็นเพราะความผิด
ของผู้ขนส่งหรือลูกจ้างตามมาตรา 638
30
3. ข้อยกเว้นความรับผิดของผู้ขนส่ง หากสู้ขนส่งได้มอบตั๋ว ใบรับ หรือ
เอกสารอื่นทำนองเดียวกันให้แก่ผู้โดยสาร หากมีข้อความยกเว้นหรือจำกัด
ความรับผิดของผู้ขนส่งอย่างใด ๆ ข้อความนั้นเป็นโมฆะ เว้นแต่คนโดยสารจะ
ได้ตกลงด้วยชัดแจ้ง เช่น มีข้อความด้านหลังตั๋วโดยสารว่า กรณีของสูญหาย
เสียหาย เพราะความผิดของผู้ขนส่ง ผู้ขนส่งรับผิดไม่เกิน 500 บาท เป็นต้น
หน้าที่ของคนโดยสาร
คนโคยสารมีหน้าที่ต้องชำระค่าโคยสารให้กับผู้ขนส่งตามอัตราที่ตกลงกันไว้
บรรณานุกรม
กรรณภัทร ชิตวงศ์. (2564). คำอธิบายเอกเทศสัญญา 2. 24 ซอย 4 ถนนราษฎร์อุทิศ 1
อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา 90000. เทมการพิมพ์.
สถาบันนิติธรรมาลัย. (2565). หมวด ๑ สัญญารับขนคนโดยสารทางถนนระหว่างประเทศ
สืบค้น 10 มีนาคม 2565. จาก https://www.drthawip.com/internationalfreight/049
Logistics 4.0 . (2560). รับขน. สืบค้น 10 มีนาคม 2
565.
จาก https://lawlog
istics.wordpress.com/
สมาชิก
631081230 นายภูวดล โต๊ะสอี
631081252 นางสาวรพีพรรณ จันทร์ศิริ
631081273 นายวรวิช ทองรักษ์
631081279 นายวรุตม์ สุวรรณชาตรี
631081291 นายศราวินทร์ ปกติง