The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่องการขับขี่ปลอดภัย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Ruttana Nittayaros, 2023-08-26 09:15:57

รายงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่องการขับขี่ปลอดภัย

รายงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่องการขับขี่ปลอดภัย

# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ 1 ~


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ก ~ คำนำ เอกสารผลการดำเนินงานโครงการอบรมการให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖6 สรุปผลการดำเนินโครงการฯ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นประชาชนทั่วไปในพื้นที่ตำบลคันธารราษฎร์ ของอำเภอกันทรวิชัย จำนวน 8 คน รับฟังการบรรยายให้ความรู้เรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ด้านความปลอดภัย ทางถนน การขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจร และ ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้โทรศัพท์ เมื่อสิ้นสุดการอบรมโครงการฯ ได้มีการตอบแบบประเมินความพึงพอใจของโครงการ เพื่อให้ผู้เข้ารับ การอบรมแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ คือ สื่อและอุปกรณ์ วิทยากร การบริหารจัดการต่าง ๆ และนำ แบบประเมินความพึงพอใจมาวิเคราะห์สรุป ในการประเมินความพึงพอใจของโครงการการการบริหารจัดการขยะ และสิ่งแวดล้อม ในครั้งนี้อยู่ในระดับ ดีมาก ( 4.59 ) คิดเป็นร้อยละ 100 หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานโครงการอบรมการให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย เล่มนี้จะเป็นประโยชน์และ เป็นแนวทางในการดำเนินกิจกรรมในโครงการอื่น ๆ ต่อไป กศน.ตำบลคันธารราษฎร์ 27 มิถุนายน ๒๕๖6


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ข ~ สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข บทที่ ๑ บทนำ ๑ บทที่ ๒ เอกสารที่เกี่ยวข้อง 3 บทที่ ๓ วิธีดำเนินการ 10 บทที่ ๔ ผลการดำเนินการ 12 บทที่ ๕ สรุปผลและข้อเสนอแนะ 15 ภาคผนวก 17 - คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการอบรมการให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย - โครงการอบรมการให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย - รายชื่อนักศึกษาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ - แบบประเมินความพึงพอใจโครงการอบรมการให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย - ภาพกิจกรรม คณะผู้จัดทำ 21


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๑ ~ บทที่ ๑ บทนำ ชื่อโครงการ โครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย (ทักษะชีวิต) สอดคล้องกับยุทธศาสตร์และจุดเน้นการดำเนินงาน กศน. ยุทธศาสตร์ที่ 1. ด้านความมั่นคง ข้อ 1.1 เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีความเป็นพลเมืองดี เคารพความคิดของผู้อื่น ยอมรับความแตกต่างและ หลากหลายทางความคิดและอุดมการณ์ รวมทั้งสังคมพหุวัฒนธรรม ความเป็นมา สำนักงาน สกร.ได้จัดส่งเสริมและสนับสนุนการใช้หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ ของพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัย พ.ศ. ๒๕๕๑ และสอดคล้องกับ แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560–2579 เพื่อวางกรอบเป้าหมาย และทิศทางการจัดการศึกษาของประเทศ โดยมุ่งจัดการศึกษาให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสและ ความเสมอภาคในการศึกษาที่มีคุณภาพ พัฒนาระบบการบริหารจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ พัฒนากำลังคน ให้มีสมรรถนะในการทำงานที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดงานและการพัฒนาประเทศ ปัจจุบันอุบัติเหตุจากการจราจรก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชนชนในปีหนึ่งๆ อย่างมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุบัติเหตุจราจรอันเนื่องมาจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บ และพิการส่วนใหญ่อยู่ในวัยเด็กและเยาวชน อันเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าในการพัฒนาประเทศ แต่ต้องมา เสียชีวิต บาดเจ็บ และพิการก่อนที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และจากการวิเคราะห์สาเหตุการเกิด อุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย พบว่า สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุจราจรคือผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ มีพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย มีการเสพสารเสพติด มึนเมา ประมาท คึกคะนอง และไม่เคารพกฎจราจร ประกอบกับสภาพของรถจักรยานยนต์ที่ไม่ปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยก่อให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว การป้องกันก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง ดังนั้น เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกในด้านความ ปลอดภัยและวินัยจราจร รวมถึงการป้องกันอุบัติเหตุในท้องถนน การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้และทักษะในการ ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ถูกต้อง ปลอดภัยและการป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นประชาชน ในพื้นที่อำเภอกันทรวิชัย ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอกันทรวิชัย จึงได้จัดทำ “โครงการอบรมให้ความรู้ เรื่องการขับขี่ปลอดภัย ” ขึ้น วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้เกี่ยวกับกฎจราจรและการใช้รถใช้ถนนที่ถูกต้องสามารถนำไป ปฏิบัติขณะใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย 2. เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้รับความรู้ในการป้องกันอุบัติเหตุในท้องถนน และสามารถปฏิบัติตนได้ อย่างถูกต้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น 3.เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีจิตสำนึกในด้านความปลอดภัย มีวินัยในการขับขี่รถจักยานยนต์เพิ่มขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในด้านความเสี่ยงลดลง


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๒ ~ เป้าหมาย เชิงปริมาณ ประชาชนทั่วไป ตำบลคันธารราษฎร์ อำเภอกันทรวิชัย จำนวน 6 คน เชิงคุณภาพ ประชาชนทั่วไป ตำบลคันธารราษฎร์ อำเภอกันทรวิชัย ที่เข้าร่วมโครงการฯ มีความรู้ เข้าใจ ในเรื่องการขับขี่ปลอดภัย ร้อยละ 90 วัตถุประสงค์ของการรายงาน ๑. เพื่อรายงานผลการดำเนินงานตามโครงการต่อ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอกันทรวิชัย ๒. เพื่อทราบผลการดำเนินงานและปัญหาอุปสรรค ๓. เพื่อเผยแพร่ข้อมูลไปยังผู้เกี่ยวข้อง ขอบเขตการรายงาน 1. รายงานผลการอบรมโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย 2. ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานโครงการ วิธีการดำเนินการ ๑. วางแผนการจัดทำรายงาน ๒. เก็บรวบรวมข้อมูลประกอบในการจัดทำรายงานเป็นข้อมูลที่ได้จาก - การอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปตำบลคันธารราษฎร์ จำนวน 8 คน - การประเมินผลโครงการ ๓. เขียนรายงาน ๔. ปรับปรุงให้สมบูรณ์ แหล่งข้อมูล ๑. เอกสารประกอบการอบรม ๒. ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ๓. วิทยากรจาก สถานีตำรวจกันทรวิชัย ๔. ครู กศน.ตำบล /ครู ศรช. ๕. สถานที่ ๖. เจ้าหน้าที่คณะผู้ดำเนินงานโครงการ ผลที่คาดว่าจะได้รับ ๑. นำผลการรายงานมาใช้ปรับปรุงการดำเนินการในครั้งต่อไป ๒. ทราบข้อเสนอแนะและรูปแบบที่เหมาะสมในการเข้าฝึกอบรบ ๓. ผู้เกี่ยวข้องสามารถประยุกต์ใช้ข้อมูลการดำเนินงานในการจัดกิจกรรมที่คล้ายคลึงกันได้


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๓ ~ บทที่ ๒ เอกสารที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖6 กศน.ตำบลคันธารราษฎร์ และ สกร.อำเภอกันทรวิชัย เห็นความสำคัญของกฎหมายที่ควรรู้ด้านความปลอดภัย ทางถนน การขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจร ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้โทรศัพท์ จึงได้ ศึกษาเนื้อหาดังนี้ ความรู้เกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้รถใช้ถนน เนื่องจากเป็นผลดีต่อทั้งตัวผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทาง รอบข้าง แต่ทำให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จึงเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งเมื่อตัดปัจจัยของการเพิ่มปริมาณ รถยนต์บนท้องถนนที่มีโอกาสทำให้ตัวเลขผู้ประสบอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้นแล้ว “ความประมาท” และ “การขาด ความรู้เรื่องการใช้รถใช้ถนน” น่าจะเป็นสาเหตุหลักของอุบัติการณ์อันน่าสลดในเหล่านี้การเป็นนักขับรถที่ดีไม่ใช่ จะขับรถเป็นอย่างเดียว ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนในหลายๆ ด้าน ดังนี้ ๑. ปัจจัยของการเกิดอุบัติเหตุ - สภาพของรถ - สภาพถนนหนทาง และสภาพแวดล้อม - ผู้ขับขี่ ๒. สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากตัวผู้ขับขี่ - การขับรถเร็วเกินอัตราความเร็วที่กฎหมายกำหนด - การขัดรถตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด - การแซงรถอย่างผิดกฎหมาย - การขับรถโดยที่ไม่เปิดไฟส่องสว่างในตอนกลางคืน - การขับรถโดยไม่ให้สัญญาณก่อนจอดรถ ชะลอรถและเลี้ยวรถ ขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยหลัก “5 ร.” จาก กองบังคับการตำรวจจราจร 1. รอบรู้เรื่อง “รถ”ควรหมั่นตรวจดูสภาพรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่จะต้องขับรถทางไกล ควรตรวจเป็น ประจำ คือ เครื่องยนต์, ห้ามล้อ, ยาง, นอตบังคับล้อ , พวงมาลัย, ที่ปัดน้ำฝน,กระจกส่องหลัง และไฟ 2. รอบรู้เรื่อง “ทาง” ควรศึกษาเส้นทางจากแผนที่คู่มือการท่องเที่ยว หรือสอบถามจากเจ้าหน้าที่ ที่ เกี่ยวข้อง ต้องปฏิบัติตามป้ายและเครื่องหมาย ต่างๆ 3. รอบรู้ “วิธีการขับรถ” มีประสบการณ์และความชํานาญในการขับรถด้วยเช่นกัน 4. รอบรู้เรื่อง “กฎจราจร” 5. รอบรู้เรื่อง “มารยาทในการขับรถ” มีความอะลุ้มอล่วย เห็นใจ และให้อภัยต่อความผิดพลาด ของผู้อื่น ความปลอดภัยทางถนน: ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ การดำเนินการขององค์การอนามัยโลก เพื่อแก้ไขปัญหาความปลอดภัยทางถนน องค์การอนามัยโลกให้ คำแนะนำ กับประเทศต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยทางถนน โดยเน้น ที่ปัจจัยเสี่ยง 5 ประการ และ ปัญหาที่สำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ การเสียชีวิตและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทาง ถนน สำหรับการปรับปรุงในระยะยาว


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๔ ~ องค์การอนามัย โลกแนะนำ ให้มีการจัดการแบบครอบคลุมที่เกี่ยวข้อง กับหลายภาคส่วน โดยให้พิจารณาทั้ง ยานพาหนะ ผู้ใช้ถนน และสภาพถนน ส่วนในระยะสั้นการเปลี่ยนแปลง บางประการสามารถดำ เนินการให้สำเร็จได้ ด้วยวิธีการ ที่คุ้มค่าต่อการลงทุน เช่น การออกกฎหมายความ ปลอดภัยทางถนนที่ครอบคลุม การบังคับใช้กฎหมาย และการรณรงค์เพื่อเพิ่มความตระหนัก ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ความเร็ว : ความเร็ว: ข้อเท็จจริง • ความเร็วส่งผลต่อ 30% ของการเสียชีวิตจากท้อง ถนน ในประเทศที่มีรายได้สูง ในขณะที่ในประเทศ ที่มีรายได้ต่ำ และปานกลางความเร็วเป็นปัจจัยหลักที่ส่ง ผลต่อประมาณครึ่งหนึ่งของการเสียชีวิตบนท้องถนน • ระยะห่างที่ปลอดภัยในการเบรกแปรผันไปตามความเร็ว ยกตัวอย่างเช่น รถที่ขับด้วยความเร็ว 50 กม./ชม. จะใช้ระยะทาง 28 เมตรเพื่อหยุดรถ ในขณะที่ รถที่ขับด้วยความเร็ว 70 กม./ชม. ใช้ระยะทาง 70 เมตร เพื่อหยุดรถ • คนเดินถนนมีโอกาสเสียชีวิตน้อยกว่า 20% หาก ถูกชนที่ความเร็วน้อยกว่า 50 กม./ชม. แต่โอกาส ดังกล่าวจะสูงถึงเกือบ 60% หากถูกชนที่ความเร็ว 80 กม./ชม. เมาแล้วขับ : • เมาแล้วขับโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความเข้มข้นของ แอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่า 0.05 กรัม/เดซิลิตร จะเพิ่ม ความเสี่ยงต่อการชนและความน่าจะเป็นที่จะส่งผลให้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บขึ้นมาก • ผู้ที่อายุน้อยมีความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติรถชนที่ เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์มากกว่า จำ นวนรถชนที่ เกี่ยวข้องกับผู้ที่อายุน้อยสามารถลดลงได้ถึง 24% หากมีการใช้กฎหมายที่กำ หนดค่าความเข้มข้นของ แอลกอฮอล์ ในเลือดต่ำ กว่า (ประมาณ 0.02 กรัม/ เดซิลิตร) สำ หรับผู้ขับขี่มือใหม่หรือที่มีอายุน้อย • การบังคับใช้กฎหมายด้วยการสุ่มตรวจลมหายใจเป็น วิธีที่มีความคุ้มค่าสูง และสามารถลดการชนที่มี สาเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ประมาณ 20% หมวกกันน็อคสำ หรับรถจักรยานยนต์: • การสวมหมวกกันน็อคสำหรับรถจักรยานยนต์ที่ได้มาตรฐานอย่างถูกต้องสามารถลดความเสี่ยงจาก การเสียชีวิตได้ประมาณ 40% และความเสี่ยงต่อการ บาดเจ็บรุนแรงมากกว่า 70% • เมื่อบังคับใช้กฎหมายสวมหมวกกันน็อคสำหรับรถ จักรยานยนต์ อัตราการสวมหมวกกันน็อคจะเพิ่มขึ้น สูงกว่า 90% • การมีหมวกกันน็อคที่เป็นไปตามมาตรฐาน มีสภาพดีและสวมใส่อย่างเหมาะสม เช่น ไม่แตกร้าวและ คาดสาย รัดได้แน่น จะช่วยลดการบาดเจ็บที่ศีรษะได้อย่างมาก เข็มขัดนิรภัย: • การคาดเข็มขัดนิรภัยสามารถลดการเสียชีวิตในผู้โดยสารแถวหน้าได้ถึง 50% และผู้โดยสายแถวหลังได้ ถึง 75% • การรณรงค์เพิ่มความตระหนักของสาธารณชน กฎหมายบังคับให้คาดเข็มขัดนิรภัยและการบังคับใช้เป็น มาตรการที่มีประสิทธิภาพสูงในการเพิ่มอัตราการ คาดเข็มขัดนิรภัย เบาะนิรภัยสำหรับเด็ก : • ระบบการยึดเด็กไว้กับเบาะ เช่น เบาะยึดสำหรับเด็ก ทารก และเบาะเสริมสำหรับเด็กที่อายุมากขึ้น ลดความ เสี่ยงต่อการเสียชีวิตเมื่อเกิดรถชนได้ประมาณ 70% สำหรับเด็กทารก และสูงถึง 80% สำหรับเด็กเล็ก


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๕ ~ • กฎหมายและการบังคับใช้เบาะนิรภัยสำหรับเด็กเป็น มาตรการที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มการใช้เบาะ นิรภัย สำหรับเด็กให้สูงขึ้น • การใช้เบาะนิรภัยสำหรับเด็กให้มีประสิทธิภาพจะต้อง เป็นไปตามมาตรฐาน เหมาะสมกับอายุและ ขนาดตัว ของเด็ก อีกทั้งต้องติดตั้งอย่างถูกต้อง การขับขี่ขณะเสพยาเสพติด : • การขับขี่ขณะเสพยาเสพติดเป็นประเด็นใหม่เกี่ยวกับ ความปลอดภัยทางถนน • เมื่อเปรียบเทียบกับการเมาแล้วขับ ปัจจุบันยังมีข้อมูล น้อยมากเกี่ยวกับการขับขี่ที่ได้รับผลกระทบจาก การเสพสารเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและ ประสิทธิภาพของมาตรการป้องกันที่เกี่ยวข้อง • สารเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทที่สามารถส่ง ผลต่อพฤติกรรมการขับขี่มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด • การแก้ไขปัญหาการขับขี่ขณะเสพยาเสพติดเป็นเรื่อง ยากเนื่องจาก 1. คำ ว่า “ยา” มีความหมายครอบคลุมสารหลายชนิด 2. การตรวจหาและวัดปริมาณสารเสพติดมีขั้นตอนที่ ซับซ้อน 3. ระยะเวลาที่สารแต่ละชนิดอยู่ในกระแสเลือดนั้น ไม่เท่ากัน ส่งผลต่อการระบุถึงความเชื่อมโยง ของสารนั้นๆ ต่อการชน 4. การกำ หนดระดับของสารแต่ละชนิดไม่สามารถ ทำ ได้โดยง่ายเนื่องจากยังขาดหลักฐานทาง วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความเชื่อมโยงของระดับ สารเสพติดหลายชนิดที่มีผลต่อความสามารถ ในการขับขี่และความ เสี่ยงในการชน แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขับขี่ที่ถูกรบกวนสมาธิ: องค์การอนามัยโลก: การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่: ปัญหาที่ เพิ่มขึ้นของการขับขี่โดยถูกดึงดูดความสนใจ การขับขี่ที่ถูกรบกวนสมาธิ: • การขับขี่ที่ถูกรบกวนสมาธิกำลังทำให้เกิดปัญหาเพิ่ม ขึ้นเนื่องจากมีการใช้อุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่และ เทคโนโลยีในยานพาหนะเพิ่มมากขึ้น • โดยทั่วไป ผู้ขับรถที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่มีการตอบ สนองต่อสัญญาณจราจรและการเบรกลดลง มีปัญหา ขับรถให้อยู่ในเลนและรักษาระยะห่างจากคัน หน้าให้เหมาะสม • ผู้ขับรถที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มที่จะเกิด อุบัติเหตุจากการชนมากขึ้นถึง 4 เท่า • การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรีมีอันตรายเช่นเดียวกับการใช้มือถือโทรศัพท์เคลื่อนที่ การใช้โทรศัพท์ระหว่างการขับขี่จะเบี่ยงเบนความ สนใจของสายตาและสมาธิของผู้ขับไปจากถนนและ สิ่งแวดล้อม รอบข้าง ทำ ให้เกิดการเบี่ยงเบนความ สนใจของกระบวนการรับรู้ • เนื่องจากการขับขี่ที่ถูกรบกวนสมาธิเป็นประเด็นใหม่ดังนั้น เมื่อมีการทำวิจัยเพิ่มขึ้นก็จะมีหลักฐานใหม่ๆ เกิดขึ้น สำ หรับในปัจจุบัน มาตรการเพื่อลดความ เสี่ยงที่เกิดการขับขี่ที่ถูกรบกวนสมาธิอาจได้แก่ การประกาศใช้ และบังคับใช้กฎหมาย การรณรงค์เพื่อเพิ่ม ความตระหนักของสาธารณะ และการเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น แอพพลิเคชั่นในรถยนต์ที่สามารถปฏิเสธสาย เรียกเข้าขณะที่รถยนต์กำลังเคลื่อนที่ • การส่งข้อความที่ส่งผลต่อสมาธิการรับรู้ ใช้มือ และ การมองเห็นทำให้โอกาสในการชนเพิ่มขึ้นอย่างมาก


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๖ ~ การขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจร หลักการตรวจสภาพรถยนต์เบื้องต้น เพื่อการเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง - ตรวจระบบไฟส่องสว่างทั้งหมด - ตรวจสภาพยางรถยนต์และเช็คลมยาง - ตรวจระบบแตร - ตรวจยางใบปัดน้ำฝน - ระดับน้ำมัน (น้ำมันเครื่อง , น้ำมันเกียร์ , น้ำมันเบรก และน้ำมันพวงมาลัย) - ระดับน้ำกรดของแบตเตอรี่ - ระดับน้ำล้างกระจก (ทั้งหมดนี้จะต้องอยู่ในระดับที่กำหนด) - ตรวจห้องโดยสาร - เข็มขัดนิรภัย - แป้นเบรก แป้นคลัทช์และเบรกมือ - มาตรวัดต่าง ๆ - ตรวจห้องเก็บสัมภาระ - ยางอะไหล่ (ต้องมีพร้อม) - เครื่องมือประจำรถ (เช่น เครื่องมือเปลี่ยนยาง) วิธีการขับรถยนต์ให้ปลอดภัย ๑. การเตรียมความพร้อมรถยนต์เบื้องต้นก่อนการเดินทาง - ตรวจระบบไฟส่องสว่างทั้งหมด - ตรวจสภาพยางรถยนต์และเช็คลมยาง - ตรวจระบบแตร – ตรวจยางใบปัดน้ำฝน - ระดับน้ำมัน (น้ำมันเครื่อง,น้ำมันเกียร์,น้ำมันเบรก, และน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์) ๒. การเตรียมความพร้อมร่างกายก่อนการเดินทาง ง่วง - ไม่ขับ ดื่ม - ไม่ขับ โทร - ไม่ขับ ไป – กลับปลอดภัย พักผ่อนเพียงพอก่อนการขับรถในเวลากลางคืน สภาพจิตใจสบายไม่หงุดหงิด ดวงตาสดใสไม่ง่วง นอน ถ้าตาพร่ามัวหรือมองเห็นไม่ชัด ควรหยุดขับรถในเวลากลางคืน หากรับประทานยาที่ทำให้เกิดอาการ ง่วงนอน อ่อนเพียรควรจะหยุดรถหรือหากไม่มีสติในการขับรถ เช่นมอาการมึนเมาก็ควรที่จะหยุดรถ เช่นเดียวกัน ๓. เทคนิคการขับรถยนต์ลงจากทางลาดชัน - ห้ามใช้เกียร์ว่าง - ห้ามเหยียบคลัทช์ - ห้ามใช้เบรกตลอด - ห้ามดับรถยนต์ - ต้องใช้เกียร์ต่ำ - ขับชิดขอบด้านซ้าย - ให้เสียงสัญญาณเตือนรถที่อาจจะสวนมากรณีทางแคบทางอ้อมเขา - ห้ามแซงขณะขับรถขึ้นลงเขา


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๗ ~ วิธีการขับขี่รถจักรยานยนต์ให้ปลอดภัย หลักพื้นฐานการขับขี่ปลอดภัย 10 ประการ 1. สวมหมวกกันน๊อค 2. หมั่นตรวจสอบระบบเบรค 3. มองและให้สัญญาณไฟ มองดูด้านหลังและให้สัญญาณไฟทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนช่องทาง 4. สัญญาณจราจรที่สำคัญและควรจดจํา เช่น ทางร่วมทางแยก ป้ายให้หยุดระวังคนข้ามถนน ฯลฯ 5. อย่าขับขี่รถจักรยานยนต์สวนทาง หรือข้ามช่องทางวิ่ง 6. ระมัดระวังและลดความเร็วทุกครั้งเมื่อพบกับสภาพถนนที่ขรุขระ เป็นหลุม 7. อย่าขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด 8. ห้ามเสพหรือดื่มของมึนเมาขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ 9. เมื่อขับผ่านสี่แยก ที่มีการจราจรติดขัดในด้านตรงข้าม ควรหยุดรถ หรือชะลอความเร็วของรถ 10. ถนนที่ไม่มีไฟส่องสว่าง ควรขับโดยใช้ความเร็วต่ำกว่าเวลากลางวัน ความรู้ส าหรับคนเดินทาง ๑. การเดินถนน - ถนนที่มีทางเท้าจัดไว้ควรเดินบนทางเท้า อย่าเดินใกล้ทางรถ โดยหันหลังให้รถที่กําลังแล่นมา ก่อนที่จะ ก้าวลงรถต้องมองซ้าย-ขวาก่อนเสมอ - ถนนที่ไม่มีทางเท้า ควรเดินชิดขอบริมทางขวาของถนน และถ้ามากันเป็นหมู่คณะก็ไม่ควรเดิน คู่กัน ควร เดินเรียงเดี่ยว - เวลาจูงเด็กควรให้เด็กเดินด้านในของถนนและจับมือเด็กไว้ให้มั่นเพื่อป้องกันเด็กวิ่งออกไปในทางรถ - การเดินถนนในที่มือ ควรสวมเสื้อขาวและถ้าเป็นไปได้ควรพกไฟฉายติดตัวไว้สำหรับส่องทาง - แถวหรือขบวนทหารตำรวจ ลูกเสือ หรือนักเรียนที่เดินกันอย่างเป็นระเบียบจะเดินบนทางรถก็ได้โดยเดิน ชิดทางรถด้านขวา หรือด้านซ้ายตามความจําเป็น ๒. การข้ามถนน - ควรข้ามถนนบนทางม้าลายทุกครั้ง หรือใช้สะพานลอย ซึ่งถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด และหาก จำเป็นต้อง ข้ามถนนในเวลากลางคืนก็ควรหาที่ข้ามที่มีแสงสว่าง - ก่อนข้ามถนนทุกครั้งควรมอบซ้าย-ขวา ให้แน่ใจว่าไม่มีรถกําลังแล่นมา จึงจะข้ามได้และควร เดินอย่าง รวดเร็ว อย่าวิ่งข้ามถนน - อย่าข้ามถนนโดยออกจากที่กําบังตัว เช่น ออกจากซอย รถที่จอดอยู่ เพราะหากรถที่สวนมามอง ไม่เห็น ล่วงหน้าอาจทำให้เกิดอันตรายได้ - การข้ามถนนที่รถเดินทางเดียวต้องแน่ใจเสียก่อนว่ารถแล่นมาทางไหนและมีความปลอดภัยพอจึงจะ ข้ามได้ - ถนนที่มีเกาะกลางถนนต้องข้ามทีละครึ่งถนน โดยข้ามครั้งแรกแล้วพักที่เกาะกลาง จากนั้นจึงข้ามครึ่งหลัง ต่อไป - การข้ามถนนในช่องทางข้ามที่บริเวณทางแยกควรระวังรถที่จะเลี้ยวเข้ามาหาตัวท่านด้วย - อย่าข้ามถนนเมื่อตรวจกําลังปล่อยรถเดินอยู่ หรือเมื่อตำรวจให้สัญญาณห้ามคนเดินเท้าอยู่ และถ้าไม่มี ตรวจแต่มีสัญญาณไฟคอยบอก ถ้าเห็นรูปคนสีเขียวกะพริบขึ้นที่สัญญาณไฟก็ให้รีบข้ามถนนโดยเร็ว ๓. การขึ้นลงรถประจำทาง - อย่าขึ้นหรือลงรถประจำทางจนกว่ารถจะหยุดสนิทที่ป้ายหยุดรถ และถ้าจะข้ามถนนต้องรอให้รถประจำ ทางออกไปให้พ้นเสียก่อน จะได้มองเห็นรถคันอื่นที่แล่นมาได้ชัดเจน


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๘ ~ ค่าปรับ...เมื่อคุณขับรถผิดกฎจราจร โทษปรับลดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดลงและเพิ่มโทษปรับจากเดิม 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ลดเหลือ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์เมื่อถูกตรวจพบถือว่ามีความผิดตามกฎหมายจราจรจราจรทางบกฉบับใหม่ 1. มีโทษจําคุก 1 ปี 2. ปรับตั้งแต่ 10,000 – 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 3. ศาลสามารถสั่งพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือนหรือเพิกถอนใบขับขี่และสามารถยึดรถไว้ได้ ไม่เกิน 7 วัน ใช้โทรศัพท์ระหว่างขับรถ ปรับ 400-1,000 บาท ขับรถบนทางเท้า ปรับ 400-1,000 บาท หยุดรถบนทางเท้า ปรับ 500 บาท หยุดรถล้ำเส้นหยุด ปรับไม่เกิน 1,000 บาท แซงในเส้นทึบ ปรับ 400-1,000 บาท ขับรถย้อนศร ปรับไม่เกิน 500 บาท หยุดรถขวางทางแยก ปรับไม่เกิน 500 บาท จอดรถในที่ห้ามจอด ปรับไม่เกิน 500 บาท ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับไม่เกิน 500 บาท ฝ่าสัญญาณไฟแดง ปรับไม่เกิน 1,000 บาท จอดรถกีดขวางการจราจร ปรับไม่เกิน 500 บาท ท่อแต่งเสียงดัง ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ใช้ป้ายแดงเกิน 1 เดือนหรือวิ่งระยะทางเกิน 3,000 กม. โดยใช้ป้ายแดง ปรับไม่เกิน 10,000บาท ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน / วางไว้ที่กระจก ปรับไม่เกิน 2,000 บาท ติดไฟนีออนใต้ท้องรถ ติดไว้กับป้ายทะเบียน ปรับไม่เกิน 2,000 บาท แผ่นป้ายทะเบียนปลอม มีความผิดทางอาญา ฟ้องศาล!! ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้โทรศัพท์ ขณะขับรถ


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๙ ~ การใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ทำให้ผู้ขับขี่ขาดสมาธิในการขับรถ จึงเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ทำให้ประสิทธิภาพในการขับรถลดลง เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จึงไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที เพื่อความ ปลอดภัยกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกัน อุบัติเหตุทางถนนจากการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ดังนี้ ปัจจัยเสี่ยงจากการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ได้แก่ • การใช้อุปกรณ์เสริมสนทนาทางโทรศัพท์เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติถึง 4 เท่า เนื่องจากทำให้ ขาดสมาธิในการขับรถ การตอบสนองต่อสัญญาณไฟจราจร ป้ายเตือนและเหตุฉุกเฉินช้ากว่าปกติ • การไม่ใช้อุปกรณ์เสริมในการสนทนาทางโทรศัพท์มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติถึง 5 เท่า รวมทั้ง การใช้มือจับพวงมาลัยเพียงข้างเดียว จึงส่งผลต่อการบังคับทิศทางรถ การตัดสินใจแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การมองเห็น และการจดจำสภาพเส้นทาง รวมถึงมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินช้ากว่าปกติประมาณ 0.5 วินาทีนอกจากนี้ การพิมพ์หรืออ่านข้อความทางโทรศัพท์ ทำให้ผู้ขับขี่ต้องละสายตาจากเส้นทางเฉลี่ย 4.6 วินาทีจึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติถึงร้อยละ 23 โดยเฉพาะหากผู้ขับขี่ใช้ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะเท่ากับการละสายตาจากเส้นทางเป็นระยะทาง 100 เมตร ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ให้ปฏิบัติดังนี้ • ใช้ระบบฝากข้อความ เพื่อหลีกเลี่ยงการรับโทรศัพท์ขณะขับรถ • ใช้อุปกรณ์เสริมในการสนทนาทางโทรศัพท์ อาทิ แฮนด์ฟรี สมอลล์ทอล์ค บลูทูธ หรือเปิดลำโพง • ให้เพื่อนรับโทรศัพท์แทน กรณีไม่มีอุปกรณ์เสริม หรือจอดรถคุยโทรศัพท์ในบริเวณที่ปลอดภัย • ไม่ควรใช้โทรศัพท์เป็นเวลานาน และหลีกเลี่ยง บทสนทนาที่ส่งผลต่ออารมณ์ เพราะทำให้เสียสมาธิ ในการขับรถ • ใช้ระบบนำทาง GPS โดยตั้งจุดหมายการเดินทางและศึกษาเส้นทางก่อนออกรถ เพื่อป้องกันการละสายตา จากเส้นทาง และความลังเลจากการตัดสินใจเลือกใช้เส้นทาง ผู้ขับขี่ที่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถมีโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตร 43 (9) ระบุว่า ห้ามผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารอื่นใด ในขณะที่รถเคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการ สนทนา โดยผู้ขับขี่ต้องไม่ถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ทั้งนี้ กำหนดโทษ ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ 400 – 1,000 บาท ทั้งนี้ การใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับรถ โดยการใช้อุปกรณ์เสริมการ สนทนาเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูง 4 เท่า หากไม่มีอุปกรณ์เสริมในการสนทนา เสี่งต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง ถึง 5 เท่า หากจำเป็นที่ต้องใช้ โทรศัพท์ในขณะขับขี่รถ แนะให้ผู้ขับขี่ที่ใช้อุปกรณ์เสริมในการสนทนาทางโทรศัพท์ เลือกใช้ระบบฝากข้อความหรือวอยซ์เมล หากไม่มีอุปกรณ์เสริม ควรให้เพื่อนขับรถแทน หรือจอดรถคุยโทรศัพท์ใน บริเวณที่ปลอดภัย กรณีใช้ระบบนำทาง GPS ควรตั้งจุดหมายการเดินทางก่อนออกรถ จะช่วยให้ลดความเสี่ยงต่อ การเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๑๐ ~ บทที่ ๓ วิธีดำเนินการ การดำเนินการโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย ประจำปี ๒๕๖6 ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอกันทรวิชัย ได้ดำเนินการ ๓ ขั้นตอน ดังนี้ ๑. การเตรียมก่อนการอบรม ๒. การดำเนินการในระหว่างอบรม ๓. การดำเนินการหลังการอบรมเสร็จสิ้น ๑. การเตรียมก่อนการปฐมนิเทศนักศึกษาจัดโครงการ ๑. ขออนุมัติโครงการ ๒. จัดทำแบบทดสอบ ๓. จัดเตรียมสถานที่ / สื่ออุปกรณ์ ๒. การดำเนินการในระหว่างการจัดกิจกรรม วันที่ 27 มิถุนายน ๒๕๖6 เป็นการเข้าร่วมโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย ให้แก่ประชาชนตำบลคันธารราษฎร์ของอำเภอกันทรวิชัย จำนวน 8 คน ๑. อำนวยความสะดวกระหว่างการจัดกิจกรรม ๒. ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ๓. ประธานกล่าวเปิดและให้โอวาท โดย นายไพบูลย์ เหล่าเคน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุข อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ๔. ดำเนินการตามโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย โดยมีวิทยากรจาก สภ.กันทรวิชัย ดังนี้ - ร.ต.ท. ฉัตรชัย เนื่องพระแก้ว ให้ความรู้ในเรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ด้านความปลอดภัยทางถนน - ด.ต. ธงชัย สีแก ให้ความรู้ในเรื่อง การขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจร - จ.ส.ต. ล้อมพงษ์ จันขุนทด ให้ความรู้เรื่อง ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้ โทรศัพท์ (รายละเอียดตามเนื้อหาบทที่ ๒) ๓. การดำเนินการหลังการจัดกิจกรรมเสร็จสิ้น ๑. กรอกแบบประเมินความพึงพอใจโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย ๒. ประเมินจากการมีส่วนร่วมของนักศึกษา การประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม ใช้วิธีการสังเกต การมีส่วนร่วม การทำตามคำสั่งวิทยากร ความสนใจในการฟังวิทยากรบรรยาย การตอบคำถาม การแสวงหาความรู้ การประเมินผลสิ้นสุดการอบรม เมื่อสิ้นสุดการอบรมโครงการฯ ได้มีการตอบแบบประเมินความพึงพอใจของโครงการ เพื่อให้ผู้เข้ารับ การอบรมแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ คือ สื่อและอุปกรณ์ วิทยากร การบริหารจัดการต่าง ๆ และการทำ แบบประเมินมาวิเคราะห์สรุปการอบรม ( นำเสนอในบทที่ ๔ )


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๑๑ ~ เกณฑ์การผ่านการอบรม กำหนดให้ผู้เข้ารับการอบรมมีเวลาเข้าร่วมในการอบรมกิจกรรม ๑๐๐ % ของเวลาอบรม ประชากรที่ทำการประเมิน ประชาชนตำบลคันธารราษฎร์ของอำเภอกันทรวิชัย เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 5 คน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน ๑. แบบประเมินโครงการสำหรับผู้เข้ารับการอบรมเกี่ยวกับความคิดเห็นของโครงการ คำถามปลายเปิด ๕ ตัวเลือก คือ ดีมาก มาก ปานกลาง น้อย ปรับปรุง ๒. การสังเกตพฤติกรรมผู้เข้ารับการอบรม โดย ครู สกร.อำเภอกันทรวิชัย การวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้ โดยวิเคราะห์หาค่าสถิติพื้นฐาน ค่าร้อยละ ( % ) ๑. ด้านเนื้อหา ด้านวิทยากรและด้านบริหารจัดการ ใช้สถิติร้อยละ ๒. ด้านพฤติกรรมโดยวิเคราะห์แบบพรรณนา เกณฑ์การวัดค่าตัวแปร แบ่งเป็น ๕ ระดับ - ดีมาก ( ๕ ) - มาก ( ๔ ) - ปานกลาง ( ๓ ) - น้อย ( ๒ ) - น้อยที่สุด ( ๑ ) เกณฑ์ระดับความเห็นด้วยจากค่าเฉลี่ย ค่าเฉลี่ย ตั้งแต่ ๔.๕๐ ดีมาก ๓.๕๐ - ๔.๔๙ ดี ๒.๕๐ - ๓.๔๙ พอใช้ ๑.๕๐ – ๒.๔๙ น้อย น้อยกว่า ๑.๕๐ น้อยที่สุด


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๑๒ ~ บทที่ ๔ ผลการดำเนินการ ผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖6 สรุปผลการดำเนินโครงการฯ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นประชาชนในตำบลคันธารราษฎร์ จำนวน 8 คน โดยมี วิทยากรจากสถานีตำรวจกันทรวิชัย เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ด้านความ ปลอดภัยทางถนน การขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจร และ ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้ โทรศัพท์ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ และเห็นความสำคัญของกฎหมายที่ควรรู้ด้านความปลอดภัย ทางถนน การขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจร และ ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้โทรศัพท์ ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้รถใช้ถนน เนื่องจากเป็นผลดีต่อทั้งตัวผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทาง รอบข้าง แต่ทำให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จึงเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งเมื่อตัดปัจจัยของการเพิ่มปริมาณ รถยนต์บนท้องถนนที่มีโอกาสทำให้ตัวเลขผู้ประสบอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้นแล้ว “ความประมาท” และ “การขาด ความรู้เรื่องการใช้รถใช้ถนน” น่าจะเป็นสาเหตุหลักของอุบัติการณ์อันน่าสลดในเหล่านี้การเป็นนักขับรถที่ดีไม่ใช่ จะขับรถเป็นอย่างเดียว ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนในหลายๆ ด้าน เมื่อสิ้นสุดการอบรมโครงการฯ ได้มีการตอบแบบประเมินความพึงพอใจของโครงการ เพื่อให้ผู้เข้ารับ การอบรมแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ คือ สื่อและอุปกรณ์ วิทยากร การบริหารจัดการต่าง ๆ และการทำ แบบประเมินมาวิเคราะห์สรุปการอบรม จำนวน 5 คน จากผู้เข้าร่วมโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ ปลอดภัย การตอบแบบประเมินความพึงพอใจของโครงการฯ นำมาวิเคราะห์ตามรายละเอียดดังนี้ ผลการวิเคราะห์โครงการ ความคิดเห็นของผู้เข้ารับการอบรมที่มีต่อโครงการ จำนวน 5 คน โดยแสดงเป็นค่าสถิติพื้นฐาน ร้อยละ ตอนที่ ๑ ข้อมูลทั่วไป เพศ ชาย 1 คน 20 % หญิง 4 คน 80 % อายุระหว่าง ๑๖ - ๓๐ ปี 1 คน 20 % ๓๑ - ๔๕ ปี - คน - % ๔๖ - ๕๖ ปี 4 คน 80 % ๖๐ ปีขึ้นไป - คน - % ระดับการศึกษา ต่ำกว่าประถม - คน - % ประถม 1 คน 20 % ม.ต้น 1 คน 20 % ม.ปลาย 3 คน 60 % ปริญญาตรี - คน - %


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๑๓ ~ ตอนที่ ๒ แสดงความคิดเห็นข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรม รายการประเมิน ระดับความพึงพอใจ ดีมาก ( ๕ ) % มาก ( ๔ ) % ปาน กลาง ( ๓ ) % น้อย ( ๒ ) น้อย ที่สุด ( ๑ ) ค่าเฉลี่ย ระดับ ความ พอใจ ๑. สื่อ /อุปกรณ์ ( 4.53 ) ดีมาก 1.1 เนื้อหาตรงตามความ ต้องการ 3 ( 15 ) 60 2 ( 8 ) 40 - - - - 4.60 ดีมาก 1.2 เนื้อหาเพียงพอตาม ความต้องการ 1 ( 5 ) 20 4 ( 16 ) 80 - - - - 4.20 ดี 1.3 เนื้อหามีประโยชน์ ต่อการนำไปใช้ในชีวิต ประจำวัน 4 ( 20 ) 80 1 ( 4 ) 20 - - - - 4.80 ดีมาก 2. ความพึงพอใจด้านกระบวนการจัดกิจกรรมการอบรม ( ๔.56 ) ดีมาก ๒.๑ การเตรียมความ พร้อมก่อนอบรม 4 ( 20 ) 80 1 ( 4 ) 20 - - - - 4.80 ดีมาก ๒.๒ การออกแบบ กิจกรรมเหมาะสมกับ วัตถุประสงค์ - - 5 ( 20 ) 100 - - - - 4 ดี ๒.๓ การจัดกิจกรรม เหมาะสมกับเวลา 3 ( 15 ) 60 2 ( 8 ) 40 - - - - 4.60 ดีมาก 2.4 การจัดกิจกรรม เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย 4 ( 20 ) 80 1 ( 4 ) 20 - - - - 4.80 ดีมาก 2.5 วิธีการวัดผล/ ประเมินผลเหมาะสมกับ วัตถุประสงค์ 3 ( 15 ) 60 2 ( 8 ) 40 - - - - 4.60 ดีมาก 3. ความพึงพอใจต่อวิทยากร ( ๔.67 ) ดีมาก 3.1 วิทยากรมีความรู้ ความสามารถในเรื่องที่ ถ่ายทอด 3 ( 15 ) 60 2 ( 8 ) 40 - - - - 4.60 ดีมาก 3.2 วิทยากรมีเทคนิค การถ่ายทอดใช้สื่อเหมาะสม 3 ( 15 ) 60 2 ( 8 ) 40 - - - - 4.60 ดีมาก 3.3 วิทยากรเปิดโอกาส ให้มีส่วนร่วมและซักถาม 4 ( 20 ) 80 1 ( 4 ) 20 - - - - 4.80 ดีมาก


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๑๔ ~ รายการประเมิน ระดับความพึงพอใจ ดีมาก ( ๕ ) % มาก ( ๔ ) % ปาน กลาง ( ๓ ) % น้อย ( ๒ ) น้อย ที่สุด ( ๑ ) ค่าเฉลี่ย ระดับ ความ พอใจ 4. ความพึงพอใจด้านการอำนวยความสะดวก ( ๔.60 ) ดีมาก 4.1 สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวย ความสะดวก 3 ( 15 ) 60 2 ( 8 ) 40 - - - - 4.60 ดีมาก 4.2 การสื่อสาร การ สร้างบรรยากาศเพื่อให้เกิด การเรียนรู้ 3 ( 15 ) 60 2 ( 8 ) 40 - - - - 4.60 ดีมาก 4.3 การบริหาร การช่วยเหลือและ การแก้ปัญหา 3 ( 15 ) 60 2 ( 8 ) 40 - - - - 4.60 ดีมาก รวม 41 ( 205 ) 58.57 29 ( 116 ) 41.43 - - - - 4.59 100% ดีมาก


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๑๕ ~ บทที่ ๕ สรุปผลและข้อเสนอแนะ สรุปผล ผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖6 สรุปผลการดำเนินโครงการฯ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นประชาชนในตำบลคันธารราษฎร์ จำนวน 8 คน โดยมี วิทยากรจากสถานีตำรวจกันทรวิชัย เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ด้านความ ปลอดภัยทางถนน การขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจร และ ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้ โทรศัพท์ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ และเห็นความสำคัญของกฎหมายที่ควรรู้ด้านความปลอดภัย ทางถนน การขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจร และ ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้โทรศัพท์ ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้รถใช้ถนน เนื่องจากเป็นผลดีต่อทั้งตัวผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทาง รอบข้าง แต่ทำให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จึงเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งเมื่อตัดปัจจัยของการเพิ่มปริมาณ รถยนต์บนท้องถนนที่มีโอกาสทำให้ตัวเลขผู้ประสบอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้นแล้ว “ความประมาท” และ “การขาด ความรู้เรื่องการใช้รถใช้ถนน” น่าจะเป็นสาเหตุหลักของอุบัติการณ์อันน่าสลดในเหล่านี้การเป็นนักขับรถที่ดีไม่ใช่ จะขับรถเป็นอย่างเดียว ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนในหลายๆ ด้าน ตอนที่ ๑ ผลการประเมินข้อมูลทั่วไป จากการประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย ผลการศึกษา พบว่า ประชาชนทั่วไปที่เข้ารับการอบรมจะเป็น เพศหญิง 80 % อายุระหว่าง 46 – 56 ปี 80 % และ ระดับการศึกษามีระดับ ม.ปลาย 60 % ตอนที่ ๒ ผลการประเมินความคิดเห็นข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรม ผลการศึกษาพบว่า ความคิดเห็นของประชาชนที่เข้าร่วมการอบรมโครงการ สามารถสรุปผลการประเมิน ความพึงพอใจของโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย ภาพรวมมีความพึงพอใจในระดับ ดีมาก ( ๔.59) คิดเป็นร้อยละ 100 ตามรายละเอียดดังนี้ 1. ความพึงพอใจด้านเนื้อหา อยู่ในระดับ ดีมาก ( ๔.53 ) 1.1 เนื้อหาตรงตามความต้องการ มีความพึงพอใจในระดับ ดีมาก ( 4.60 ) 1.2 เนื้อหาเพียงพอตามความต้องการ มีความพึงพอใจในระดับ ดี ( 4.20 ) 1.3 เนื้อหามีประโยชน์ต่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน มีความพึงพอใจในระดับ ดีมาก ( ๔.80 ) 2. ความพึงพอใจด้านกระบวนการจัดกิจกรรมการอบรม มีอยู่ในระดับ ดีมาก ( 4.56 ) ๒.๑ การเตรียมความพร้อมก่อนอบรม มีความพึงพอใจในระดับ ดีมาก ( 4.80 ) ๒.๒ การออกแบบกิจกรรมเหมาะสมกับวัตถุประสงค์มีความพึงพอใจในระดับ ดี ( ๔ ) ๒.๓ การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับเวลา มีความพึงพอใจระดับ ดีมาก ( ๔.60 ) 2.4 การจัดกิจกรรมเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย มีความพึงพอใจในระดับ ดีมาก ( 4.80 ) 2.5 วิธีการวัดผล/ประเมินผลเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ มีความพึงพอใจในระดับ ดีมาก ( 4.60 )


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๑๖ ~ ๓. ความพึงพอใจต่อวิทยากร อยู่ในระดับ ดีมาก ( ๔.67 ) 3.1 วิทยากรมีความรู้ความสามารถในเรื่องที่ถ่ายทอด มีความพึงพอใจในระดับ ดีมาก ( 4.60 ) 3.2 วิทยากรมีเทคนิคการถ่ายทอดใช้สื่อเหมาะสม มีความพึงพอใจในระดับ ดีมาก ( ๔.60 ) 3.3 วิทยากรเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมและซักถาม มีความพึงพอใจใน ระดับ ดีมาก ( 4.80 ) 4. ความพึงพอใจด้านการอำนวยความสะดวก อยู่ในระดับ ดีมาก ( 4.60 ) 4.1 สถานที่ วัสดุ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวก มีความพึงพอใจในระดับ ดีมาก ( 4.60 ) 4.2 การสื่อสาร การสร้างบรรยากาศเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ มีความพึงพอใจในระดับ ดีมาก ( 4.60 ) 4.3 การบริหาร การช่วยเหลือและการแก้ปัญหา มีความพึงพอใจในระดับ ดีมาก ( 4.60 ) ข้อเสนอแนะ - การอภิปรายผล ผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖6 สรุปผลการดำเนินโครงการฯ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นประชาชนในตำบลคันธารราษฎร์ จำนวน 8 คน โดยมี วิทยากรจากสถานีตำรวจภูธรกันทรวิชัย เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ด้านความ ปลอดภัยทางถนน การขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจร และ ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้ โทรศัพท์ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจ และเห็นความสำคัญของกฎหมายที่ควรรู้ด้านความปลอดภัย ทางถนน การขับขี่ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจร และ ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้โทรศัพท์ ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้รถใช้ถนน เนื่องจากเป็นผลดีต่อทั้งตัวผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทาง รอบข้าง แต่ทำให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จึงเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ซึ่งเมื่อตัดปัจจัยของการเพิ่มปริมาณ รถยนต์บนท้องถนนที่มีโอกาสทำให้ตัวเลขผู้ประสบอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้นแล้ว “ความประมาท” และ “การขาด ความรู้เรื่องการใช้รถใช้ถนน” น่าจะเป็นสาเหตุหลักของอุบัติการณ์อันน่าสลดในเหล่านี้การเป็นนักขับรถที่ดีไม่ใช่ จะขับรถเป็นอย่างเดียว ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนนในหลายๆ ด้าน ในการประเมินความพึงพอใจของ โครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย อยู่ในระดับ ดีมาก ( ๔.59 ) คิดเป็นร้อยละ 100


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๑๗ ~ ภาคผนวก


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๑๘ ~ นายไพบูลย์ เหล่าเคน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีสุข เป็นประธานเปิดโครงการ ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ลงทะเบียนเข้ารับการอบรม ภาพกิจกรรมโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย วันที่ 27 มิถุนายน 2566 ณ วัดบ้านลาด หมู่ 1 ตำบลศรีสุข อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม นายไพฑูรย์ ทิพย์โสดา ครู กศน.ตำบล รายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๑๙ ~ กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการ เป็นประชาชน ตำบลคันธารราษฎร์ จำนวน 8 คน วิทยากรจากสถานีตำรวจภูธรกันทรวิชัย วิทยากรให้ความรู้เรื่อง กฎหมายที่ควรรู้ด้านความปลอดภัยทางถนน การขับขี่ ปลอดภัยเสริมสร้างวินัยจราจร และ ข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการใช้ โทรศัพท์


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๒๐ ~


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๒๑ ~ คณะผู้จัดทำ ที่ปรึกษา : นายวีรชัย ใจมุ่ง ครู นายสิทธิศักดิ์ นามแสงผา ครูอาสาสมัครฯ นางสาวศศิธร บุญหล้า ครูอาสาสมัครฯ นางสาววิไลวรรณ อรรคเศรษฐัง ครูอาสาสมัครฯ ข้อมูล : นางสาวญาดา ทองเจริญ ครู กศน.ตำบล นางรัตนา นิตยารส ครูประจำศูนย์การเรียนชุมชน เรียบเรียง /พิมพ์ / รูปเล่ม : นางรัตนา นิตยารส ครูประจำศูนย์การเรียนชุมชน


# รายงานผลการดำเนินงานโครงการอบรมให้ความรู้เรื่อง การขับขี่ปลอดภัย # ~ ๒๒ ~


Click to View FlipBook Version