The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนบริหารงานบุคลากร-กศน.อำเภอสุคิริน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Suhaina2533TH, 2021-11-25 23:08:44

แผนบริหารงานบุคลากร-กศน.อำเภอสุคิริน

แผนบริหารงานบุคลากร-กศน.อำเภอสุคิริน

คำนำ

การบริหารงานบุคลากรเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมขอบข่ายบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของ
ข้าราชการครูและบุคลากรในสถานศึกษา เพื่อใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติงาน สะดวกในการค้นคว้าและเป็น
แนวทางในการปฏิบตั งิ านและพฒั นางาน ให้มีประสทิ ธิภาพ และบังเกดิ ผลดตี ่อสถานศกึ ษา

กศน.อำเภอสุคริ ิน หวงั เปน็ อย่างยง่ิ ว่าคณะครูและคุลากรทุกท่านจะไดใ้ ช้คู่มือเลม่ น้ีให้เกิดประโยชน์
สูงสุดในการทำงานและพัฒนาให้ไปสู่เป้าหมายที่พึงประสงค์ และขอขอบคุณคณะผู้จัดทำที่อนุเคราะห์ให้
ความรว่ มมือในการจดั ทำแผนบรหิ ารงานบุคลากรสำเร็จเปน็ รูปเล่มท่ีสมบรู ณ์

ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอสุคิรนิ

สารบญั หนา้

คำนำ 1
ปรชั ญา วสิ ยั ทัศน์ พนั ธกิจ เปา้ หมาย อัตลกั ษณ์ และเอกลกั ษณ์ของสถานศกึ ษา 3
สมรรถนะข้าราชการครู 4
สมรรถนะหลกั (Core Competency) 8
สมรรถนะประจำสายงาน (Functional Competency) 14
สมรรถนะพนักงานราชการ 17
การบริหารงานบุคคล 18
ขอบข่ายงานบคุ ลากร 18
วางแผนอตั รากำลัง/การกำหนดตำแหน่ง 18
การพัฒนาบุคลากร 19
การเลอ่ื นขนั้ เงินเดือน/คา่ ตอบแทน 19
เครือ่ งราชอิสริยาภรณ์ 19
วนิ ัยและการรกั ษาวนิ ัย 19
สวัสดกิ ารครูและบคุ ลากร 19
การปฏบิ ตั ิราชการของข้าราชการครูและพนักงานราชการ 22
วินยั และการดำเนนิ การทางวินยั 26
การเลอ่ื นขั้นเงนิ เดือน/คา่ ตอบแทน 27
การฝกึ อบรมและลาศึกษาต่อ 27
การออกจากราชการของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา 28
ระเบียบ ก.ค.ศ ว่าดว้ ยการลาออกของข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๘ 29
คณะผูจ้ ดั ทำ

-1-
ปรชั ญา วิสยั ทัศน์ พนั ธกิจ เป้าหมาย อัตลกั ษณ์ และเอกลักษณข์ องสถานศกึ ษา
ปรชั ญา

“การจัดการศึกษาดี พฒั นาอาชพี เดน่ เน้นคณุ ธรรม”
วิสัยทศั น์

“ประชาชนอำเภอสุคริ ินไดร้ ับการศึกษาตลอดชีวิตและการศึกษาอาชีพเพ่ือการมงี านทำอย่างท่ัวถึงและ
สง่ เสรมิ วิถีชีวติ พอเพียง เพื่อเกิดสงั คมแหง่ การเรียนรู้และการมอี าชพี อย่างย่ังยืน”
อตั ลักษณ์

“ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม”
เอกลักษณ์

“พัฒนาผูเ้ รยี น ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง”
พนั ธกิจ

1. จัดและส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ทม่ี ีคุณภาพ สอดคลอ้ งกับหลกั
ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และความเปลย่ี นแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม เพ่อื ยกระดบั การศึกษาและ
พฒั นาสมรรถนะ ทกั ษะการเรียนรูข้ องประชาชนกลมุ่ เปา้ หมายให้เหมาะสมในแตล่ ะชว่ งวัย ใหพ้ ร้อมรับการ
เปลี่ยนแปลงและการปรบั ตวั ในการดำรงชวี ิตได้อยา่ งเหมาะสม กา้ วสู่การเปน็ สังคมแห่งการเรยี นรู้ตลอดชีวติ
อย่างย่งั ยืน
2. พฒั นาหลักสตู ร รปู แบบการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ และนวัตกรรมเทคโนโลยที างการศกึ ษา การวัดและ
ประเมนิ ผลในทุกรูปแบบให้มีคณุ ภาพและมาตรฐานสอดคลอ้ งกับรูปแบบการจดั การเรยี นรแู้ ละบรบิ ทใน
ปจั จุบัน
3. สง่ เสริมและพัฒนาเทคโนโลยีทางการศึกษา และนำเทคโนโลยีมาพฒั นาเพื่อเพ่มิ ช่องทางและโอกาส
การเรยี นรู้ รวมถึงการเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพในการจดั และให้บริการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศัย
ใหก้ ับประชาชนกลุ่มเป้าหมายอย่างท่ัวถึง
4. ส่งเสริมสนบั สนนุ แสวงหา และประสานความรว่ มมือเชิงรกุ กบั ภาคเี ครอื ขา่ ย ให้เข้ามามสี ว่ นร่วมในการ
สนับสนุนและจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และการเรยี นรู้ตลอดชีวติ ในรปู แบบต่าง ๆ
ให้กับประชาชน
5. พฒั นาระบบการบรหิ ารจัดการภายในองคก์ รให้มีเอกภาพ เพ่ือการบรหิ ารราชการท่ดี ี บนหลกั ของ
ธรรมาภบิ าล มีประสทิ ธภิ าพ ประสทิ ธิผล และคล่องตวั มากยิ่งข้นึ
6. ยกระดับการบริหารและการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มคี วามรู้ ทกั ษะ สมรรถนะ คุณธรรมและ
จริยธรรมทด่ี ี เพอื่ เพ่ิมประสทิ ธภิ าพของการใหบ้ ริการทางการศกึ ษาและการเรยี นรู้ทีม่ ีคุณภาพมากยิง่ ข้ึน

-2-
เป้าประสงค์ และตัวช้ีวดั ความสำเร็จ

เป้าประสงค์ ตัวชว้ี ัดความสำเร็จ

1. ประชาชนไดร้ ับโอกาสทางการศึกษาใน - รอ้ ยละของประชากรกลุ่มต่างๆ (กลมุ่ ประชากรวัยแรงงาน

รปู แบบของการศึกษานอกระบบและการศกึ ษา ปกติทวั่ ไป กลมุ่ ประชากรวยั แรงงานทีเ่ ป็นผู้ยากไร้

ตามอธั ยาศัยทม่ี ีคณุ ภาพอยา่ งทัว่ ถงึ และเปน็ ธรรม ผูด้ ้อยโอกาส ผู้พิการ และกลุ่มผู้สูงอายุ) ท่ีได้รับบริการ

การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างทว่ั ถึง

ครอบคลุมและเปน็ ธรรม

2. ผเู้ รียนท่ีเขา้ รบั การฝึกอาชพี มีสมรรถนะในการ - รอ้ ยละของผูเ้ รยี นทเ่ี ข้ารับการศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทำ

ประกอบอาชีพ สามารถประกอบอาชีพท่ีสรา้ ง ที่มีสมรรถนะในการประกอบอาชพี ท่เี พม่ิ ขึน้
รายได้ให้กบั ตนเองและครอบครวั ได้

3. องคก์ รภาคสว่ นตา่ งๆรว่ มเปน็ ภาคเี ครอื ขา่ ย - จำนวนของภาคีเครือขา่ ยในการดำเนนิ งานการศึกษานอก
ระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั เพิ่มมากข้ึน
ในการดำเนนิ งานการศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอธั ยาศยั อย่างกว้างขวาง

4. สถานศกึ ษานำเทคโนโลยีดจิ ิทลั มาใช้ในการ - รอ้ ยละของของผู้เรียนทีม่ ีความพึงพอใจต่อการใช้เทคโนโลยี
เพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการจดั การศึกษานอกระบบ ดจิ ทิ ัลของสถานศึกษา
และการศกึ ษาตามอัธยาศัยอย่างทั่วถงึ

5. บุคลากรของสถานศึกษาได้รับการพฒั นาเพ่ือ - รอ้ ยละของบคุ ลากรของสถานศกึ ษาท่ไี ดร้ ับการพัฒนา
เพม่ิ สมรรถนะในการปฏิบตั งิ านการศึกษานอก
ระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอย่างทว่ั ถงึ เพ่อื เพิม่ สมรรถนะในการปฏิบัติงานการศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอธั ยาศยั โดยเน้นการนำเทคโนโลยีดิจทิ ัลมาใช้

ในการบริหารจดั การ

- รอ้ ยละของบุคลากรทีไ่ ด้รับการพัฒนาที่มีการพฒั นาตนเอง

ในดา้ นพฤติกรรมบุคลกิ ภาพ ทศั นคติ ค่านิยมท่ีพึงประสงค์
ภาวะผู้นำ และมีจรรยาบรรณวิชาชีพท่ีเหมาะสมย่ิงขึน้

6. สถานศึกษามีการพฒั นาระบบการบรหิ าร - รอ้ ยละของสถานศึกษามีการพฒั นาระบบการบริหารจดั การ

จัดการเพ่ือเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพโดยเนน้ การนำ เพือ่ เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพโดยเนน้ การนำเทคโนโลยดี ิจิทลั ในการ
เทคโนโลยดี ิจทิ ลั ในการดำเนินงานการศึกษานอก ดำเนนิ งานการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย
ระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย

-3-
สมรรถนะขา้ ราชการครู

สมรรถนะครู ประกอบด้วย สมรรถนะหลกั และสมรรถนะประจำสายงาน ดงั นี้
1. สมรรถนะหลัก (Core Competency) ประกอบดว้ ย 5 สมรรถนะ คือ

1.1 การมุ่งผลสมั ฤทธิใ์ นการปฏบิ ตั งิ าน
1.2 การบรกิ ารทีด่ ี
1.3 การพฒั นาตนเอง
1.4 การทำงานเปน็ ทีม
1.5 จรยิ ธรรม และจรรยาบรรณวชิ าชพี ครู
2. สมรรถนะประจำสายงาน (Functional Competency) ประกอบด้วย 6 สมรรถนะ คือ
2.1 การบรหิ ารหลกั สตู รและการจัดการเรียนรู้
2.2 การพฒั นาผูเ้ รียน
2.3 การบริหารจัดการช้ันเรยี น
2.4 การวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และการวิจัยเพื่อพฒั นาผเู้ รยี น
2.5 ภาวะผ้นู ำครู
2.6 การสรา้ งความสมั พนั ธแ์ ละความรว่ มมือกบั ชมุ ชนเพ่ือการจดั การเรียนรู้

-4-

สมรรถนะหลัก (Core Competency)

สมรรถนะที่ 1 การมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบตั งิ าน (Working Achievement Motivation) หมายถึง
ความมุ่งมนั่ ในการปฏบิ ัติงานในหนา้ ทีใ่ หม้ ีคุณภาพ ถูกต้อง ครบถว้ นสมบรู ณ์ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ โดย
มีการวางแผน กำหนดเป้าหมาย ติดตามประเมินผลการปฏิบตั ิงาน และปรบั ปรงุ พฒั นาประสิทธิภาพและ
ผลงานอยา่ งต่อเน่ือง

สมรรถนะ ตวั บ่งช้ี รายการพฤติกรรม

การมงุ่ ผลสัมฤทธิ์ 1.1 ความสามารถในการ 1. วิเคราะหภ์ ารกิจงานเพ่ือวางแผนการ
ในการปฏิบตั ิงาน
วางแผน การกำหนดเป้าหมาย แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
(Working
Achievement การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ภารกิจ 2. กำหนดเปา้ หมายในการปฏบิ ัติงานทุกภาค
Motivation)
งาน เรยี น

3. กำหนดแผนการปฏบิ ตั ิงานและการจดั การ

เรียนรู้อยา่ งเปน็ ข้นั ตอน

1.2 ความมุ่งมัน่ ในการปฏิบตั ิ 1. ใฝ่เรยี นรู้เกย่ี วกับการจดั การเรยี นรู้

หน้าที่ ให้มีคุณภาพ ถูกต้อง 2. รเิ รม่ิ สร้างสรรค์ในการพฒั นาการจดั การ
ครบถ้วนสมบูรณ์ เรียนรู้

3. แสวงหาความรทู้ เ่ี กยี่ วกับวิชาชีพใหม่ ๆ

เพ่อื การพฒั นาตนเอง

1.3 ความสามารถในการ 1. ประเมินผลการปฏิบัตงิ านของตนเอง

ติดตามประเมิน ผลการ

ปฏิบตั ิงาน

1.4 ความสามารถในการพัฒนา 1. ใชผ้ ลการประเมนิ การปฏิบัตงิ านมา

การปฏิบัตงิ านให้มีประสทิ ธภิ าพ ปรบั ปรุง/พฒั นาการทำงานให้ดีย่ิงขึ้น

อย่างต่อเน่ืองเพื่อใหง้ านประสบ 2. พฒั นาการปฏบิ ตั ิงานเพื่อตอบสนองความ

ความสำเรจ็ ต้องการของผเู้ รียน ผ้ปู กครอง และ

ชมุ ชน

-5-
สมรรถนะที่ 2 การบรกิ ารท่ีดี (Service Mind) หมายถึง ความตัง้ ใจและความเต็มใจในการให้บรกิ าร และ
การปรบั ปรุงระบบบรกิ ารให้มีประสทิ ธิภาพอย่างต่อเนอื่ ง เพ่ือตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ

สมรรถนะ ตัวบ่งช้ี รายการพฤติกรรม
2.1 ความตัง้ ใจและเตม็
การบรกิ ารทด่ี ี ใจใน 1. ทำกจิ กรรมตา่ งๆ เพื่อประโยชน์สว่ นรวมเมอ่ื มี
(Service Mind) การใหบ้ รกิ าร โอกาส

2.2 การปรบั ปรุงระบบ 2. เตม็ ใจ ภาคภูมิใจ และมีความสขุ ในการใหบ้ รกิ าร
บริการใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ แกผ่ ้รู ับบริการ

1. ศกึ ษาความต้องการของผู้รับบริการ และนำขอ้ มลู
ไปใช้ในการปรับปรุง

2. ปรบั ปรุงและพัฒนาระบบการให้บรกิ ารให้มี
ประสทิ ธิภาพ

สมรรถนะท่ี 3 การพัฒนาตนเอง (Self- Development) หมายถงึ การศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้ ตดิ ตาม
และแลกเปลี่ยนเรยี นรู้องค์ความรู้ใหมๆ่ ทางวิชาการและวิชาชพี มีการสรา้ งองค์ความรู้และนวัตกรรม เพื่อ
พฒั นาตนเอง และพัฒนางาน

สมรรถนะ ตวั บง่ ช้ี รายการพฤตกิ รรม
3.1 การศกึ ษาค้นควา้ หา
การพัฒนาตนเอง ความรู้ ตดิ ตามองค์ความรู้ 1. ศกึ ษาคน้ คว้าหาความรู้ มุง่ มั่นและแสวงหา
(Self- ใหม่ๆ ทางวิชาการและ โอกาสพัฒนาตนเองดว้ ยวิธีการ ท่หี ลากหลาย
วชิ าชีพ เชน่ การเข้าร่วมประชุม/สัมมนา การศกึ ษาดู
Development) 3.2 การสร้างองคค์ วามรู้ งาน การค้นคว้าดว้ ยตนเอง
และนวัตกรรมในการ
พัฒนาองคก์ รและวิชาชพี 1. รวบรวม สังเคราะห์ข้อมูล ความรู้ จดั เป็น
หมวดหมู่ และปรบั ปรุงให้ทนั สมัย
3.2 การแลกเปล่ียนความ 2. สรา้ งองค์ความรูแ้ ละนวตั กรรมเพอื่
คิดเหน็ และสร้างเครอื ขา่ ย พัฒนาการจดั การเรยี นรู้ องค์กรและวิชาชพี

1. แลกเปลี่ยนเรยี นรู้กบั ผอู้ ่ืนเพ่อื พัฒนาตนเอง
และพัฒนางาน
2.ให้คำปรึกษา แนะนำ นิเทศ และถา่ ยทอด
ความรู้ ประสบการณ์ทางวชิ าชพี แก่ผ้อู ืน่
3. มีการขยายผลโดยสร้างเครือข่ายการเรียนรู้

-6-
สมรรถนะท่ี 4 การทำงานเปน็ ทมี (Team Work) หมายถึง การใหค้ วามร่วมมือ ช่วยเหลอื สนับสนนุ
เสรมิ แรงใหก้ ำลงั ใจแกเ่ พื่อนร่วมงาน การปรับตวั เขา้ กับผู้อ่ืนหรอื ทมี งาน แสดงบทบาทการเป็นผู้นำหรือผู้
ตามได้อยา่ งเหมาะสมในการทำงานร่วมกบั ผู้อน่ื เพ่ือสร้างและดำรงสมั พนั ธภาพของสมาชิก ตลอดจนเพื่อ
พฒั นา
การจดั การศึกษาใหบ้ รรลผุ ลสำเร็จตามเปา้ หมาย

สมรรถนะ ตวั บ่งช้ี รายการพฤติกรรม
4.1 การใหค้ วามร่วมมือ 1. สรา้ งสมั พันธภาพที่ดีในการทำงานร่วมกบั ผู้อน่ื
การทำงานเป็นทมี ช่วยเหลือและสนับสนนุ
(Team Work) เพอ่ื นรว่ มงาน 2. ทำงานรว่ มกบั ผู้อ่ืนตามบทบาทหนา้ ท่ีที่ไดร้ ับ
มอบหมาย
4.2 การเสริมแรงให้ 3. ชว่ ยเหลือ สนบั สนนุ เพื่อนรว่ มงานเพ่ือสู่
กำลงั ใจเพื่อนรว่ มงาน เป้าหมายความสำเรจ็ รว่ มกนั
4.3 การปรบั ตัวเข้ากับกลมุ่ 1. ให้เกียรติ ยกย่องชมเชย ให้กำลังใจแก่เพื่อน
คนหรือสถานการณ์ท่ี ร่วมงานในโอกาสทเ่ี หมาะสม
หลากหลาย 1. มที กั ษะในการทำงานรว่ มกบั บุคคล/กลมุ่ บคุ คล
4.4 การแสดงบทบาทผ้นู ำ ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพทง้ั ภายในและภายนอก
หรือผู้ตาม สถานศึกษา และในสถานการณ์ต่างๆ
4.5 การเขา้ ไปมีสว่ น 1. แสดงบทบาทผู้นำหรือผตู้ ามในการทำงาน
ร่วมกับผู้อ่ืนใน การ ร่วมกบั ผ้อู ื่นได้อยา่ งเหมาะสมตามโอกาส
พฒั นาการจดั การศึกษาให้ 1. แลกเปลย่ี น/รับฟงั ความคิดเห็นและ
บรรลผุ ลสำเรจ็ ตาม ประสบการณภ์ ายในทมี งาน
เป้าหมาย 2. แลกเปล่ียนเรียนรู้/รับฟังความคิดเหน็ และ
ประสบการณร์ ะหวา่ งเครือขา่ ยและทมี งาน
3. ร่วมกับเพื่อนร่วมงานในการสร้างวฒั นธรรมการ
ทำงานเป็นทีมใหเ้ กิดขนึ้ ในสถานศกึ ษา

สมรรถนะที่ 5 จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู (Teacher’s Ethics and Integrity) หมายถึง

การประพฤตปิ ฏิบตั ิตนถกู ต้องตามหลกั คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชพี ครู เป็นแบบอย่างที่ดีแก่

ผ้เู รียน และสงั คม เพอื่ สร้างความศรัทธาในวิชาชพี ครู

สมรรถนะ ตวั บง่ ช้ี รายการพฤตกิ รรม

จรยิ ธรรม และ 1. ความรักและ 1. สนับสนนุ และเขา้ ร่วมกจิ กรรมการพัฒนาจรรยาบรรณ

จรรยาบรรณ ศรทั ธา ในวชิ าชีพ วชิ าชีพ

วิชาชีพครู 2. เสยี สละ อทุ ศิ ตนเพ่ือประโยชนต์ ่อวิชาชพี และเป็นสมาชิก

(Teacher’s ท่ีดีขององคก์ รวชิ าชีพ

Ethics and 3. ยกย่อง ช่นื ชมบุคคลทปี่ ระสบความสำเรจ็ ในวิชาชีพ

Integrity) 4. ยดึ ม่นั ในอดุ มการณ์ของวิชาชพี ปกปอ้ งเกยี รติและศักดิศ์ รี

ของวชิ าชีพ

-7-

สมรรถนะ ตวั บ่งชี้ รายการพฤติกรรม

2. มีวนิ ัย และความ 1. ซอื่ สัตยต์ ่อตนเอง ตรงต่อเวลา วางแผนการใชจ้ ่าย และ

รบั ผดิ ชอบใน ใชท้ รัพยากรอยา่ งประหยดั

วชิ าชีพ 2. ปฏิบัตติ นตามกฎ ระเบียบ ขอ้ บงั คับ และวัฒนธรรมทด่ี ี

ขององค์กร

3. ปฏิบตั ิตนตามบทบาทหนา้ ท่ี และมุ่งมน่ั พัฒนาการ

ประกอบวิชาชพี ใหก้ ้าวหน้า

4. ยอมรบั ผลอันเกดิ จากการปฏบิ ัติหน้าท่ขี องตนเอง และ

หาแนวทางแก้ไขปัญหา อุปสรรค

3. การดำรงชีวิต 1. ปฏิบตั ติ น/ดำเนินชีวติ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ

อย่างเหมาะสม พอเพียงได้เหมาะสมกับสถานะของตน

2. รักษาสิทธิประโยชนข์ องตนเอง และไมล่ ะเมิดสทิ ธิของ

ผู้อืน่

3. เอ้ือเฟื้อเผ่ือแผ่ ช่วยเหลอื และไมเ่ บยี ดเบียนผ้อู น่ื

4. การประพฤติ 1. ปฏบิ ัตติ นได้เหมาะสมกับบทบาทหน้าท่ี และสถานการณ์

ปฏิบัติตน เป็น 2. มคี วามเป็นกัลยาณมิตรต่อผเู้ รยี น เพอื่ นร่วมงาน และ

แบบอย่างทด่ี ี ผรู้ ับบริการ

3. ปฏบิ ัตติ นตามหลักการครองตน ครองคน ครองงาน

เพอื่ ใหก้ ารปฏิบตั ิงานบรรลผุ ลสำเร็จ

4. เปน็ แบบอยา่ งที่ดีในการส่งเสรมิ ผอู้ ื่นใหป้ ฏิบตั ติ นตาม

หลกั จริยธรรม จรรยาบรรณวชิ าชีพครู และพฒั นาจนเปน็ ท่ี

ยอมรับ

-8-

สมรรถนะประจำสายงาน (Functional Competency)

สมรรถนะที่ 1 การบริหารหลกั สตู รและการจัดการเรยี นรู้ (Curriculum and Learning
Management) หมายถึง ความสามารถในการสรา้ งและพัฒนาหลกั สูตร การออกแบบการเรียนรู้อยา่ ง
สอดคล้องและเปน็ ระบบ จัดการเรียนรทู้ เ่ี นน้ ผเู้ รียนเปน็ สำคญั ใชแ้ ละพัฒนาส่ือนวัตกรรมเทคโนโลยี และ
การวดั ประเมินผล การเรียนรู้ เพื่อพฒั นาผเู้ รยี นอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและเกดิ ประสทิ ธิผลสูงสุด

สมรรถนะ ตวั บ่งชี้ รายการพฤติกรรม
1. การสรา้ งและพฒั นา
การบริหาร หลักสตู ร 1. สรา้ ง/พัฒนาหลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นร้ทู ี่
หลักสูตร 2. ความรู้ ความสามารถใน สอดคลอ้ งกับหลักสูตรแกนกลางและท้องถิ่น
และการจดั การ การออกแบบการเรยี นรู้ 2. ประเมินการใช้หลักสตู รและนำผลการประเมินไป
เรยี นรู้ ใชใ้ นการพฒั นาหลักสตู ร
(Curriculum 3. การจดั การเรียนรู้ทเี่ น้น
and Learning ผเู้ รียนเป็นสำคญั 1. กำหนดผลการเรยี นร้ขู องผู้เรยี นท่ีเนน้ การวเิ คราะห์
Management) สังเคราะห์ ประยุกต์ ริเรม่ิ เหมาะสม กบั สาระการ
เรียนรู้ ความแตกตา่ งและธรรมชาติของผู้เรียนเปน็
รายบคุ คล

2. ออกแบบกจิ กรรมการเรยี นรู้อย่างหลากหลาย
เหมาะสมสอดคล้องกบั วัย และความต้องการของ
ผูเ้ รยี น และชมุ ชน

3. เปิดโอกาสให้ผูเ้ รียนมีส่วนรว่ มในการออกแบบการ
เรียนรู้ การจัดกิจกรรมและการประเมินผลการ
เรียนรู้

4. จดั ทำแผนการจดั การเรยี นร้อู ย่างเป็นระบบโดย
บูรณาการอย่างสอดคล้องเชอ่ื มโยงกัน

5. มกี ารนำผลการออกแบบการเรยี นรู้ไปใชใ้ นการ
จดั การเรยี นรู้ และปรบั ใชต้ ามสถานการณ์
อยา่ งเหมาะสมและเกิดผลกับผเู้ รยี นตามท่ีคาดหวัง

6. ประเมนิ ผลการออกแบบการเรยี นรเู้ พ่ือนำไปใช้
ปรับปรุง/พัฒนา

1. จดั ทำฐานข้อมูลเพ่ืออกแบบการเรยี นรู้ทีเ่ นน้ ผู้เรยี น
เปน็ สำคญั

2. ใช้รูปแบบ/เทคนคิ วธิ กี ารสอนอยา่ งหลากหลาย
เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นพฒั นาเต็มตามศักยภาพ

3. จดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ่ปี ลูกฝงั /สง่ เสรมิ
คณุ ลักษณะอันพึงประสงคแ์ ละสมรรถนะของผเู้ รียน

4. ใชห้ ลกั จิตวิทยาในการจัดการเรียนรูใ้ ห้ผเู้ รียนเกิด
การเรยี นรู้อยา่ งมคี วามสุข และพฒั นาอย่างเต็ม
ศักยภาพ

สมรรถนะ ตวั บง่ ชี้ -9-

4. การใช้และพัฒนาสื่อ รายการพฤตกิ รรม
นวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อ
5.ใชแ้ หล่งเรยี นรู้และภมู ิปญั ญาท้องถิน่ ในชุมชนในการ
การจัดการเรยี นรู้ จดั การเรยี นรู้

5. การวดั และประเมินผล 6. พัฒนาเครือขา่ ยการเรียนรู้ระหว่างโรงเรียนกบั
การเรียนรู้ ผปู้ กครอง และชมุ ชน

1. ใชส้ ่อื นวัตกรรมและเทคโนโลยใี นการจัดการเรยี นรู้
อย่างหลากหลาย เหมาะสมกับเนอื้ หาและกจิ กรรม
การเรียนรู้

2. สบื คน้ ข้อมูลผา่ นเครือขา่ ยอินเตอร์เน็ตเพ่ือ
พัฒนาการจดั การเรยี นรู้

3. ใชเ้ ทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในการผลติ สอื่ /นวตั กรรม
ทใ่ี ชใ้ นการจดั การเรียนรู้

1. ออกแบบวิธกี ารวัดและประเมินผลอย่างหลากหลาย
เหมาะสมกับเนื้อหา กิจกรรม
การเรียนรู้ และผู้เรยี น

2. สร้างและนำเครอ่ื งมอื วัดและประเมินผลไปใช้อย่าง
ถูกต้องเหมาะสม

3. วดั และประเมนิ ผลผู้เรียนตามสภาพจริง
4. นำผลการประเมินการเรยี นรู้มาใชใ้ นการพัฒนาการ

จัดการเรียนรู้

สมรรถนะท่ี 2 การพัฒนาผ้เู รยี น (Student Development) หมายถงึ ความสามารถในการปลกู ฝัง
คณุ ธรรมจรยิ ธรรม การพฒั นาทักษะชวี ติ สขุ ภาพกาย และสขุ ภาพจิต ความเปน็ ประชาธปิ ไตย ความภูมใิ จใน
ความเป็นไทย การจดั ระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียนเพ่อื พฒั นาผู้เรียนใหม้ ีคณุ ภาพ

สมรรถนะ ตัวบ่งช้ี รายการพฤตกิ รรม
2.1 การปลกู ฝังคณุ ธรรม
การพัฒนาผเู้ รยี น จรยิ ธรรมใหแ้ กผ่ ู้เรยี น 1. สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมแกผ่ ้เู รยี นในการ
(Student จดั การเรยี นร้ใู นชน้ั เรียน
2.2 การพฒั นาทักษะชีวิต 2. จัดกิจกรรมส่งเสริมคณุ ธรรม จรยิ ธรรมโดยใหผ้ ู้เรียน
Development) และสุขภาพกาย และ มสี ่วนรว่ มในการวางแผนกจิ กรรม
สขุ ภาพจิตผู้เรียน 3. จดั ทำโครงการ/กิจกรรมท่ีส่งเสรมิ คุณธรรมจริยธรรม
ใหแ้ ก่ผเู้ รียน

1. จดั กจิ กรรมเพื่อพฒั นาผเู้ รียนดา้ นการดแู ลตนเอง มี
ทักษะในการเรยี นรู้ การทำงาน

การอยู่ร่วมกนั ในสงั คมอย่างมีความสุข และรเู้ ทา่ ทัน
การเปลี่ยนแปลง

สมรรถนะ ตวั บ่งช้ี -10-

2.3 การปลูกฝงั ความเปน็ รายการพฤติกรรม
ประชาธิปไตย ความภมู ิใจ 1. สอดแทรกความเปน็ ประชาธิปไตย ความภมู ิใจใน
ใน ความเปน็ ไทย ให้แก่ผเู้ รยี น
ความเป็นไทยให้กบั ผเู้ รยี น
2. จัดทำโครงการ/กจิ กรรมสง่ เสรมิ ความเป็น
2.4 การจัดระบบดแู ล ประชาธปิ ไตย ความภูมใิ จในความเป็นไทย
ช่วยเหลอื นักเรียน 1. ใหผ้ เู้ รียน คณะครผู ู้สอน และผ้ปู กครองมสี ว่ นร่วมใน
ดแู ลช่วยเหลือนักเรียนรายบุคคล
2. นำขอ้ มลู นักเรยี นไปใชช้ ่วยเหลอื /พัฒนาผู้เรยี นท้งั
ดา้ นการเรยี นรแู้ ละปรับพฤติกรรม เปน็ รายบคุ คล
3. จดั กจิ กรรมเพ่ือป้องกนั แก้ไขปญั หา และส่งเสริม
พฒั นาผ้เู รียนให้แกน่ ักเรียนอย่างท่วั ถงึ
4. ส่งเสรมิ ให้ผเู้ รยี นปฏิบตั ติ นอย่างเหมาะสมกับ
คา่ นิยมทด่ี ีงาม
5. ดแู ล ชว่ ยเหลือ ผ้เู รยี นทกุ คนอยา่ งทวั่ ถึง ทันการณ์

สมรรถนะที่ 3 การบริหารจัดการชน้ั เรียน (Classroom Management) หมายถงึ การจัดบรรยากาศการ
เรียนรู้ การจัดทำข้อมลู สารสนเทศและเอกสารประจำ ชน้ั เรยี น/ประจำวิชา การกำกับดูแลช้นั เรยี นรายชั้น/
รายวิชา เพ่อื สง่ เสริมการเรยี นรอู้ ย่างมีความสุข และความปลอดภัยของผู้เรียน

สมรรถนะ ตวั บง่ ช้ี รายการพฤติกรรม
1. จัดบรรยากาศท่สี ง่ เสริม
การบริหารจดั การ การเรยี นรู้ 1. จดั สภาพแวดลอ้ มภายในหอ้ งเรยี น และภายนอก
ชนั้ เรยี น ความสขุ และความปลอดภยั ห้องเรียนที่เอื้อต่อการเรยี นรู้
ของ 2. ส่งเสรมิ การมปี ฏิสมั พันธ์ที่ดรี ะหวา่ งครูกับผู้เรยี น
(Classroom ผูเ้ รียน และผู้เรยี นกบั ผเู้ รยี น
Management) 3. ตรวจสอบสิง่ อำนวยความสะดวกในหอ้ งเรียนให้
2. จัดทำขอ้ มูลสารสนเทศ
และเอกสารประจำชั้น พร้อมใช้และปลอดภัยอย่เู สมอ
เรียน/ประจำวชิ า
1. จัดทำขอ้ มูลสารสนเทศของนักเรียนเปน็ รายบุคคล
3. กำกบั ดูแลชัน้ เรียนราย และเอกสารประจำช้นั เรยี นอย่างถกู ต้อง ครบถว้ น
ชัน้ /รายวิชา เป็นปจั จบุ นั

2. นำข้อมูลสารสนเทศไปใชใ้ นการพัฒนาผเู้ รียนไดเ้ ตม็
ตามศกั ยภาพ

1. ให้ผู้เรยี นมีสว่ นร่วมในการกำหนดกฎ กติกา
ขอ้ ตกลงในชัน้ เรียน
2. แก้ปัญหา/พฒั นานักเรยี นด้านระเบยี บวนิ ัยโดยการ
สรา้ งวินยั เชิงบวกในชนั้ เรยี น
3. ประเมินการกำกบั ดแู ลชัน้ เรียน และนำผลการ
ประเมนิ ไปใชใ้ นการปรบั ปรุง และพฒั นา

-11-
สมรรถนะที่ 4 การวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และการวจิ ัยเพอ่ื พัฒนาผ้เู รียน (Analysis & Synthesis &
Classroom Research) หมายถึง ความสามารถในการทำความเขา้ ใจ แยกประเด็นเป็นสว่ นย่อย รวบรวม
ประมวลหาข้อสรุปอยา่ งมีระบบและนำไปใชใ้ นการวิจัยเพื่อพฒั นาผู้เรียน รวมทง้ั สามารถวิเคราะห์องค์กร
หรืองานในภาพรวมและดำเนินการแกป้ ัญหา เพ่ือพฒั นางานอยา่ งเปน็ ระบบ

สมรรถนะ ตวั บ่งชี้ รายการพฤตกิ รรม

การวิเคราะห์ 1. การวเิ คราะห์ 1. สำรวจปัญหาเกย่ี วกับนกั เรียนทเ่ี กิดขน้ึ ในช้นั เรียนเพื่อ

สังเคราะห์ และ วางแผนการวิจัยเพ่ือพฒั นาผู้เรียน

การวจิ ยั เพือ่ พฒั นา 2. วิเคราะหส์ าเหตขุ องปัญหาเก่ียวกับนักเรยี นทีเ่ กดิ ข้ึนใน

ผูเ้ รยี น ช้นั เรียนเพื่อกำหนดทางเลือกในการแกไ้ ขปญั หาระบุ

(Analysis & สภาพปัจจบุ นั

Synthesis & 3. มกี ารวิเคราะห์จุดเด่น จดุ ด้อย อปุ สรรคและโอกาส

Classroom ความสำเร็จของการวิจยั เพื่อแก้ไขปัญหาท่เี กิดขึ้นในช้นั

Research) เรยี น

2. การสังเคราะห์ 1. รวบรวม จำแนกและจัดกลมุ่ ของสภาพปญั หาของ

ผ้เู รียน แนวคิดทฤษฎแี ละวิธกี ารแกไ้ ขปญั หาเพ่อื สะดวก

ตอ่ การนำไปใช้

2. มกี ารประมวลผลหรอื สรปุ ข้อมลู สารสนเทศทีเ่ ป็น

ประโยชนต์ อ่ การแกไ้ ขปญั หาในช้ันเรียนโดยใช้ข้อมูล

รอบดา้ น

3. การวจิ ยั เพือ่ พัฒนา 1. จดั ทำแผนการวิจยั และดำเนินกระบวนการวจิ ัย อย่าง

ผเู้ รยี น เป็นระบบตามแผนดำเนินการวจิ ยั ทก่ี ำหนดไว้

2. ตรวจสอบความถูกต้องและความนา่ เชื่อถือของ

ผลการวจิ ัยอย่างเปน็ ระบบ

3. มีการนำผลการวจิ ยั ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นกรณศี ึกษาอน่ื ๆ ทม่ี ี

บริบทของปัญหาทีค่ ล้ายคลงึ กนั

สมรรถนะท่ี 5 ภาวะผ้นู ำครู (Teacher Leadership) หมายถึง คณุ ลกั ษณะและพฤติกรรมของครูทแี่ สดง

ถึงความเก่ียวข้องสมั พันธส์ ่วนบุคคล และการแลกเปลย่ี นเรียนร้ซู ่งึ กันและกนั ท้ังภายในและภายนอก

หอ้ งเรยี นโดยปราศจากการใช้อิทธพิ ลของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา กอ่ ให้เกดิ พลังแหง่ การเรียนร้เู พ่ือพฒั นาการ

จดั การเรียนรู้ให้มีคุณภาพ

สมรรถนะ ตัวบง่ ชี้ รายการพฤตกิ รรม

ภาวะผ้นู ำครู 1. วฒุ ิภาวะความเปน็ 1. พิจารณาทบทวน ประเมินตนเองเกยี่ วกบั
(Teacher ผูใ้ หญ่ทเ่ี หมาะสมกบั พฤติกรรมทีแ่ สดงออกต่อผู้เรียนและผู้อนื่ และ
Leadership) ความเปน็ ครู (Adult
Development) มีความรับผิดชอบตอ่ ตนเองและสว่ นรวม
2. เห็นคุณค่า ให้ความสำคญั ในความคิดเห็นหรือ
ผลงาน และให้เกยี รติแกผ่ อู้ ื่น

สมรรถนะ ตวั บ่งชี้ -12-

2. การสนทนาอย่าง รายการพฤติกรรม
สร้างสรรค์
(Dialogue) 3. กระตุ้นจูงใจ ปรบั เปล่ยี นความคิดและการกระทำของ
ผอู้ ืน่ ให้มีความผูกพันและมุ่งมั่นตอ่
3. การเป็นบคุ คลแหง่
การเปลยี่ นแปลง เปา้ หมายในการทำงานร่วมกัน
(Change Agency)
1. มีปฏสิ มั พนั ธใ์ นการสนทนา มีบทบาท และมสี ว่ น
4. การปฏบิ ัติงานอยา่ ง ร่วมในการสนทนาอย่างสร้างสรรคก์ ับผู้อน่ื โดยมุง่ เนน้
ไตร่ตรอง ไปท่กี ารเรียนรู้ของผเู้ รยี นและการพัฒนาวชิ าชพี
(Reflective Practice) 2. มีทักษะการฟงั การพดู และการต้ังคำถาม เปดิ ใจ
กวา้ ง ยืดหยนุ่ ยอมรับทัศนะที่หลากหลายของผูอ้ ่ืน
5. การมุ่งพัฒนา เพอื่ เป็นแนวทางใหม่ๆ ในการปฏิบัติงาน
ผลสัมฤทธ์ผิ เู้ รียน 3. สบื เสาะขอ้ มลู ความรู้ทางวชิ าชีพใหมๆ่ ท่สี ร้างความ
(Concern for ท้าทายในการสนทนาอย่างสร้างสรรค์กับผู้อืน่
improving pupil
achievement) 1. ให้ความสนใจตอ่ สถานการณ์ตา่ งๆ ทเ่ี ป็นปัจจุบนั
โดยมกี ารวางแผนอยา่ งมวี ิสยั ทศั น์ซึ่ง เช่ือมโยงกับ
วิสยั ทัศน์ เป้าหมาย และพนั ธกิจของโรงเรียนร่วมกับ
ผ้อู ืน่
2. ริเรม่ิ การปฏบิ ตั ทิ ่นี ำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและการ
พัฒนานวัตกรรม
3. กระตนุ้ ผอู้ ่ืนให้มีการเรยี นรู้และความร่วมมือในวง
กว้างเพื่อพฒั นาผ้เู รียน สถานศกึ ษา และวิชาชพี
4. ปฏบิ ตั ิงานร่วมกับผูอ้ ื่นภายใต้ระบบ/ข้ันตอนที่
เปลี่ยนแปลงไปจากเดมิ ได้

1. พิจารณาไตรต่ รองความสอดคล้องระหว่างการ
เรียนรู้ของนักเรยี น และการจัดการเรียนรู้
2. สนับสนุนความคดิ ริเริ่มซง่ึ เกิดจากการพิจารณา
ไตร่ตรองของเพ่ือนรว่ มงาน และมีสว่ นร่วม ในการ
พฒั นานวัตกรรมตา่ งๆ
3. ใชเ้ ทคนิควธิ ีการหลากหลายในการตรวจสอบ
ประเมนิ การปฏิบัตงิ านของตนเอง และผลการ
ดำเนินงานสถานศึกษา

1. กำหนดเป้าหมายและมาตรฐานการเรียนรทู้ ีท่ า้ ทาย
ความสามารถของตนเองตามสภาพจรงิ และปฏิบัติให้
บรรลุผลสำเร็จได้
2. ให้ขอ้ มูลและข้อคดิ เหน็ รอบด้านของผูเ้ รียนตอ่
ผ้ปู กครองและผูเ้ รียนอยา่ งเป็นระบบ
3. ยอมรับขอ้ มลู ปอ้ นกลบั เกี่ยวกบั ความคาดหวงั ด้าน
การเรียนรขู้ องผู้เรียนจากผู้ปกครอง

-13-

สมรรถนะ ตัวบ่งช้ี รายการพฤติกรรม

4. ปรบั เปลย่ี นบทบาทและการปฏบิ ตั ิงานของตนเองให้

เออื้ ต่อการพัฒนาผลสัมฤทธ์ิผู้เรียน

5. ตรวจสอบข้อมูลการประเมนิ ผเู้ รียนอย่างรอบด้าน รวม

ไปถงึ ผลการวจิ ัย หรอื องค์ความรตู้ า่ งๆ และนำไปใช้ใน

การพฒั นาผลสัมฤทธ์ิผเู้ รียนอย่างเป็นระบบ

สมรรถนะที่ 6 การสรา้ งความสัมพันธ์และความร่วมมอื กับชุมชนเพื่อการจัดการเรยี นรู้ (Relationship
& Collaborative – Building for Learning Management) หมายถงึ การประสานความรว่ มมอื สรา้ ง
ความสัมพันธท์ ีด่ ี และเครือข่ายกับผปู้ กครอง ชุมชน และองค์กรอื่นๆ ทั้งภาครฐั และเอกชน เพือ่ สนับสนุน
ส่งเสรมิ การจัดการเรียนรู้

สมรรถนะ ตวั บง่ ชี้ รายการพฤตกิ รรม

การสร้าง 1. การสรา้ ง 1. กำหนดแนวทางในการสรา้ งความสัมพันธท์ ่ีดี และ

ความสัมพนั ธ์ ความสัมพันธแ์ ละ ความรว่ มมือกบั ชมุ ชน

และความรว่ มมอื กับ ความรว่ มมอื กับ 2. ประสานใหช้ มุ ชนเขา้ มามีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมต่างๆ

ชมุ ชน ชุมชนเพื่อการจดั การ ของสถานศกึ ษา

เพ่ือการจัดการเรยี นรู้ เรียนรู้ 3. ใหค้ วามร่วมมอื ในกจิ กรรมตา่ งๆ ของชุมชน

(Relationship & 4. จัดกจิ กรรมท่เี สริมสร้าง ความสมั พันธแ์ ละความ

Collaborative for รว่ มมือกบั ผู้ปกครอง ชุมชน และองคก์ รอนื่ ๆ ทงั้ ภาครฐั

Learning) และเอกชนเพ่ือการจดั การเรยี นรู้

2. การสร้างเครือขา่ ย 1. สรา้ งเครอื ข่ายความร่วมมือระหวา่ งครู ผ้ปู กครอง

ความร่วมมอื เพื่อการ ชุมชน และองค์กรอน่ื ๆ ทงั้ ภาครัฐและเอกชน เพื่อ

จดั การเรยี นรู้ สนับสนุนส่งเสรมิ การจดั การเรียนรู้

-14-

สมรรถนะพนักงานราชการ

1. การมงุ่ ผลสัมฤทธิ์ (Achievement Motivation – ACH)

คำจำกดั ความ : ความม่งุ ม่นั จะ ปฏิบัติหน้าทีร่ าชการใหด้ ีหรอื ให้เกนิ มาตรฐานทม่ี ีอยู่ โดยมาตรฐาน

นี้อาจเปน็ ผลปฏบิ ตั ิงานท่ี ผา่ นมาของตนเอง หรือ เกณฑว์ ัดผลสมั ฤทธิ์ทส่ี ว่ นราชการกำหนดขน้ึ อีกทง้ั ยงั

หมายรวมถึงการสร้างสรรคพ์ ัฒนาผลงานหรือกระบวนการ ปฏิบัตงิ านตามเปา้ หมายที่ยากและท้าทายชนดิ ท่ี

อาจไม่เคยมีผู้ใหส้ ามารถกระทำไดม้ าก่อน

ระดับทแ่ี สดงออกจรงิ

พฤติกรรมการปฏิบตั ิงาน 1 234 5 รวม คะแนน

ตำ่ กวา่ ต่ำกว่า ตาม เกนิ กวา่ เกนิ กวา่ ที่ ประเมนิ

กำหนดมาก กำหนด กำหนด กำหนด กำหนดมาก

1. พยายามทำงานในหน้าท่ี

2. พยายามปฏิบตั ิงานให้เสร็จ

ตามกำหนดเวลา

3. มานะอดทน ขยนั หมนั่ เพียร

ในการทำงาน

4. แสดงออกวา่ ต้องการทำงาน

ให้ไดด้ ขี ้ึน

1 5. แสดงความเห็นในเชงิ

ปรับปรุงพัฒนา เมื่อเห็นความสญู

เปลา่ หรอื หย่อน ประสิทธิภาพใน

งาน

6. กำหนดมาตรฐานหรอื

เป้าหมายในการ ทำงานเพอื่ ให้

ไดผ้ ลงานท่ีดี

7. ติดตาม และประเมินผลงาน

ของตน โดยเทยี บเคียงกบั เกณฑ์

มาตรฐาน

8. ทำงานได้ตามเปา้ หมายท่ี

ผู้บังคบั บัญชา กำหนดหรือ

เปา้ หมายของหน่วยงานที่

รับผิดชอบ

9. มคี วามละเอียดรอบคอบ เอา

ใจใส่ ตรวจ ตรา ความถูกต้อง

เพอื่ ให้ได้งานที่มีคุณภาพ

-15-

2. การบริการที่ดี (Service Mind – SERV) คำจำกัดความ : ความตั้งใจและความพยายามของพนักงาน

ราชการ ในการให้บรกิ ารต่อประชาชนข้าราชการหรอื หนว่ ยงานอน่ื ๆ ทีเ่ กย่ี วข้อง

ระดับที่แสดงออกจริง

พฤติกรรมการปฏิบตั ิงาน 1 234 5 รวม คะแนน

ตำ่ กวา่ ตำ่ กวา่ ตาม เกินกว่า เกนิ กว่าท่ี ประเมนิ

กำหนดมาก กำหนด กำหนด กำหนด กำหนดมาก

1. ใหบ้ รกิ ารท่เี ป็นมติ ร สภุ าพ

2. ให้ขอ้ มูลขา่ วสารท่ีถูกต้อง

ชัดเจนแก่ ผ้รู ับบริการ

3. แจง้ ให้ผรู้ ับบรกิ ารทราบความ

คบื หนา้ ใน การดำเนนิ งานเรือ่ ง

หรือข้ันตอนงานต่างๆท่ี

ให้บริการอยู่

4. ประสานงานภายในหนว่ ยงาน

และ หน่วยงานอืน่ ทเี่ ก่ยี วข้อง

เพือ่ ให้ผรู้ ับบริการ ได้รับบริการที่

ตอ่ เน่ืองและรวดเร็ว

5. รบั เป็นธุระ ชว่ ยแก้ปัญหาหรือ

หาแนว ทางแก้ไขปัญหาเกดิ ขึ้น

แกผ่ รู้ ับบริการ อย่าง รวดเร็ว ไม่

บ่ายเบยี่ ง ไมแ่ กต้ วั หรือปัดภาระ

6. ดแู ลให้ผ้รู ับบรกิ ารไดร้ ับความ

พึงพอใจ และนำข้อขดั ขอ้ งใดๆใน

การใหบ้ ริการไป พัฒนาการ

ให้บรกิ ารให้ดีย่งิ ขึ้น

3. การสั่งสมความเชี่ยวชาญในงานอาชพี (Expertise – EXP) คำจำกัดความ : ความสนใจใฝ่รู้ สั่งสมความรู้

ความสามารถของตนในการปฏบิ ัติหน้าที่ราชการ ด้วยการศึกษาค้นคว้า และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนือ่ ง จน

สามารถประยุกต์ใช้ความร้เู ชงิ วิชาการและเทคโนโลยตี ่างๆ เขา้ กบั การปฏิบตั ิ ราชการให้เกดิ ผลสัมฤทธิ

ระดบั ทแี่ สดงออกจรงิ

พฤติกรรมการปฏบิ ัติงาน 1 234 5 รวม คะแนน

ตำ่ กว่า ต่ำกว่า ตาม เกนิ กวา่ เกินกว่าท่ี ประเมนิ

กำหนดมาก กำหนด กำหนด กำหนด กำหนดมาก

1. ศกึ ษาหาความรู้ สนใจ

เทคโนโลยีและ องคค์ วามรู้ใหมๆ่

ในสาขาอาชีพของตน

2. พฒั นาความรู้ ความสามารถ

ของตนให้ดี ย่งิ ข้นึ

-16-

พฤติกรรมการปฏิบัติงาน 1 ระดับที่แสดงออกจรงิ 5 รวม คะแนน
ต่ำกวา่ เกินกว่าท่ี ประเมิน
3. ตดิ ตามเทคโนโลยีและความรู้ กำหนดมาก 234 กำหนดมาก
ใหม่ๆ อย่เู สมอด้วยการสืบคน้ ตำ่ กวา่ ตาม เกินกว่า
ข้อมูลจากแหลง่ ต่างๆทเ่ี ป็น กำหนด กำหนด กำหนด
ประโยชนต์ อ่ การปฏบิ ัตริ าชการ
4. รอบรู้ในเทคโนโลยแี ละความรู้
ใหม่ๆ อยเู่ สมอด้วยการสบื ค้น
ขอ้ มูลจากแหลง่ ต่างๆ ที่ เป็น
ประโยชน์ตอ่ การปฏิบตั ริ าชการ
5. รบั ร้ถู ึงแนวโนม้ วทิ ยาการท่ี
ทันสมัย และ เกีย่ วข้องกบั งาน
ของตนอย่างต่อเนื่อง

4. การยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรมและจริยธรรม (Integrity – ING) คำจำกัดความ : การดำรงตนและ

ประพฤติปฏิบัติอย่างถูกต้องเหมาะสม ทั้งตามกฎหมาย คุณธรรม จรรยาบรรณแห่ง วิชาชีพและจรรยา

ข้าราชการเพ่ือรักษาศักด์ิศรีแหง่ ความเป็นขา้ ราชการ

ระดบั ที่แสดงออกจรงิ

พฤติกรรมการปฏิบตั ิงาน 1 234 5 รวม คะแนน

ต่ำกว่า ต่ำกว่า ตาม เกินกว่า เกนิ กวา่ ที่ ประเมิน

กำหนดมาก กำหนด กำหนด กำหนด กำหนดมาก

1. ปฏิบัติหนา้ ท่ีดว้ ยความสุจริต

ไม่เลือกปฏิบตั ิ ถูกตอ้ งตาม

กฎหมาย และวนิ ยั ขา้ ราชการ

2. แสดงความคดิ เหน็ ตามหลัก

วชิ าชีพอย่างสจุ รติ

3. รกั ษาคำพดู มีสจั จะ และ

เชอ่ื ถอื ได้

4. แสดงให้ปรากฏถึงความมี

จติ สำนึกใน ความเป็นข้าราชการ

-17-

5. การทำงานเป็นทีม (Teamwork – TW) คำจำกัดความ : ความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่น เป็นส่วน

หนึ่งของทีม หน่วยงาน หรือส่วนราชการ โดยผู้ปฏิบัติมีฐานะเป็นสมาชิก ไม่จำเป็นต้องมีฐานะหัวหน้าทีม

รวมท้ังความสามารถในการสร้างและรักษาสมั พันธภาพกับสมาชิก ในทีม

ระดบั ท่แี สดงออกจรงิ

พฤติกรรมการปฏบิ ตั ิงาน 1 234 5 รวม คะแนน

ต่ำกวา่ ตำ่ กวา่ ตาม เกนิ กว่า เกนิ กว่าที่ ประเมนิ

กำหนดมาก กำหนด กำหนด กำหนด กำหนดมาก

1. สนับสนุนการตดั สนิ ใจของทีม

และ ทำงานในส่วนทต่ี นได้รับ

มอบหมาย

2. รายงานใหส้ มาชกิ ทราบความ

คบื หน้า ของการดำเนินงานของ

ตนในทมี

3. ใหข้ ้อมลู ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ตอ่

การทำงาน ของทีม

4. สรา้ งสมั พันธ์เข้ากบั ผู้อนื่ ใน

กลุ่มไดด้ ี

5. ใหค้ วามร่วมมอื กบั ผู้อื่นในทมี

ดว้ ยดี

6. กลา่ วถึงเพ่อื นร่วมงานในเชงิ

สร้างสรรค์ และแสดงความ

เชอ่ื มัน่ ในศักยภาพของเพ่ือ ร่วม

ทมี ทง้ั ต่อหนา้ และลบั หลัง

การบรหิ ารงานบคุ คล
หมายถึง การหาทางใช้คนที่อยู่ร่วมกันในองค์กรนั้น ๆให้ทำงานได้ผล ดีที่สุด สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย

น้อยที่สุด ในขณะเดียวกนั ก็สามารถทำใหผ้ ู้ร่วมงานมีความสุขมคี วามพอใจ ที่จะให้ความร่วมมือและทำงาน
ร่วมกบั ผู้บรหิ าร เพอื่ ใหง้ านขององคก์ รน้นั ๆ สำเรจ็ ลลุ ่วงไปด้วยดี

แนวคดิ
๑) ปจั จยั ทางการบริหารทัง้ หลายคนถอื เปน็ ปจั จยั ทางการบริหารท่ีสำคัญที่สดุ
๒) การบริหารงานบุคคลจะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลผู้บริหารจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ

และมคี วามสามารถสงู ในการบรหิ ารงานบคุ คล
๓) การจัดบุคลากรใหป้ ฏิบัตงิ านได้เหมาะสมกับความรู้ความสามารถจะมีสว่ นทำให้บุคลากร มขี วัญ

กำลงั ใจ มคี วามสุขในการปฏบิ ัตงิ าน ส่งผลให้งานประสบผลสำเร็จอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
๔) การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจะทำให้บุคลากร

เปลีย่ นแปลงพฤติกรรมและกระตอื รอื ร้นพฒั นางานใหด้ ยี ง่ิ ข้ึน
๕) การบรหิ ารงานบุคคลเนน้ การมีส่วนรว่ มของบคุ ลากรและผ้มู ีส่วนได้เสยี เป็นสำคัญ

-18-
ขอบขา่ ยงานบคุ ลากร

๑. ส่งเสรมิ และพฒั นาระบบการบรหิ ารจดั การให้มีประสทิ ธิภาพ
๒. ส่งเสริมให้บุคลากรในสถานศึกษาปฏิบัติตามในหน้าที่ตามมาตรฐานวิชาชีพ และจรรยาบรรณ
วชิ าชพี ครู
๓. ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของบุคลากรภายในสถานศึกษาแก่ผู้เกี่ยวข้องอย่าง
ทัว่ ถึง และมปี ระสทิ ธิภาพ
๔. ส่งเสริม และสนับสนุนใหค้ รแู ละบุคลากรได้รับการพัฒนาตามสมรรถนะวิชาชีพครู
๕. ประสานความร่วมมือระหว่างสถานศกึ ษา ผู้ปกครอง และชุมชน ในการพัฒนา สถานศึกษา
๖. สง่ เสรมิ ให้บคุ ลากรปฏิบตั ิหน้าทดี่ ้วยความซอ่ื สตั ย์สุจริต
๗. สง่ เสริมใหบ้ คุ ลากรปฏบิ ตั ติ นในการดำเนนิ ชีวติ โดยยดึ หลักเศรษฐกจิ พอเพียง
เป้าหมาย (Goals) ปีการศกึ ษา ๒๕๖4 – ๒๕๖๕
๑. สง่ เสรมิ และพัฒนาระบบการบริหารจัดการใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ
๒. ส่งเสริมให้บุคลากรในสถานศึกษาปฏิบัติตามในหน้าที่ตามมาตรฐานวิชาชีพ และจรรยาบรรณ
วิชาชีพครู
๓. ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของบุคลากรภายในสถานศึกษาแก่ผู้เกี่ยวข้องอย่าง
ทว่ั ถงึ และมปี ระสทิ ธิภาพ
๔. ส่งเสรมิ และสนบั สนุนใหค้ รูและบุคลากรได้รบั การพัฒนาตามสมรรถนะวชิ าชพี ครู
๕. ประสานความรว่ มมือระหวา่ งสถานศกึ ษา ผูป้ กครอง และชุมชน ในการพฒั นา สถานศึกษา
๖. สง่ เสรมิ ให้บคุ ลากรปฏบิ ตั หิ นา้ ทด่ี ว้ ยความซ่ือสัตย์สุจริต
๗. สง่ เสริมใหบ้ ุคลากรปฏิบัตติ นในการดำเนนิ ชีวิตโดยยดึ หลกั เศรษฐกจิ พอเพียง

วางแผนอตั รากำลัง/การกำหนดตำแหนง่
มหี น้าท่ี

๑. จดั ทำแผนงาน/โครงการ แผนปฏบิ ัติงานประจำปีและปฏิทนิ ปฏิบัติงาน
2. จดั ทำแผนงานอัตรากำลงั ครู / การกำหนดตำแหนง่ และความต้องการครูในสาขาที่สถานศึกษามี
ความตอ้ งการ
3. จัดทำรายงานอตั รากำลงั ครตู ่อหน่วยงานต้นสังกัด

การพฒั นาบุคลากร
มหี น้าที่

1. จัดทำแผนงาน/โครงการ/แผนปฏิบัติการประจำปี
2. สำรวจความตอ้ งการในการพัฒนาครูและบุคลากรในสถานศกึ ษา
3. จดั ทำแผนพัฒนาตนเองของครูและบุคลากรในสถานศึกษา
4. ส่งเสริมและสนบั สนุนใหค้ รแู ละบคุ ลากรไดร้ ับการพฒั นา
5. จดั ทำแฟ้มบุคลากรในสถานศึกษา
6. ติดตาม ประเมนิ ผล สรุปรายงานผลการปฏิบตั งิ านเสนอผู้อำนวยการ
7. งานอื่นๆ ที่ไดร้ ับมอบหมาย

-19-
การเลอ่ื นข้นั เงินเดอื น/คา่ ตอบแทน
มหี นา้ ที่

1. จดั ทำแผนงาน/โครงการ/แผนปฏิบตั ิการประจำปี
2. นิเทศ ตดิ ตามผลการปฏิบัตงิ านของครแู ละบุคลากรในสถานศึกษา
3. ประชุมคณะกรรมการในการพิจารณาเลื่อนขน้ั เงนิ เดอื น/ค่าตอบแทนประจำปี
4. จดั ทำบัญชผี ูท้ ไี่ ดร้ ับการพิจารณาเล่อื นข้ัน/ค่าตอบแทน ประจำปโี ดยยึดหลกั ความโปร่ งใส
คุณธรรมจริยธรรมและการปฏิบัตงิ านที่รบั ผิดชอบ
5. เสนอผู้ทีไ่ ด้รบั การเลื่อนข้นั เงินเดอื น/คา่ ตอบแทนรายงานต่อตน้ สงั กดั

เครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์
มีหนา้ ที่

1. จดั รวบรวมเอกสารในการเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์
2. สำรวจความตอ้ งการขอพระราชทานเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์ของบุคลากร
3. ส่งเสรมิ และสนับสนุนขอพระราชทานเครอ่ื งราชอิสริยาภรณข์ องบุคลากรในสถานศึกษา
4. จดั ทำแฟ้มข้อมูลการได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณข์ องบคุ ลากรในสถานศึกษา

วินัยและการรักษาวินัย
มหี น้าท่ี

1. จัดรวบรวมเอกสารเกีย่ ววินยั และการรักษาวนิ ัยของข้าราชการครูและบคุ ลากรในสถานศึกษา
2. จัดทำแฟ้มข้อมลู เกี่ยวกบั การทำผดิ เก่ยี วกบั วนิ ยั ของข้าราชการครแู ละบุคลากรในสถานศึกษา

สวัสดิการครูและบคุ ลากร
มหี น้าท่ี

๑.วางแผนดำเนนิ งานเกีย่ วกบั สวัสดกิ ารของครแู ละบุคลากรในสถานศกึ ษา
๒. มอบของขวัญเปน็ กำลงั ใจในวันสำคัญต่างๆ วันเกดิ แสดงความยินดีท่ีผ่านการประเมินชำนาญ
การ ครูชำนาญการพเิ ศษ ของครแู ละบุคลากรในสถานศึกษา
๓. ซอื้ ของเย่ียมไข้เม่ือเจบ็ ป่วยหรอื นอนพกั รักษาตัวในโรงพยาบาล

การปฏิบตั ิราชการของขา้ ราชการครูและพนกั งานราชการ
๑. การลา การลาแบง่ ออกเปน็ ๙ ประเภท คือ

๑. การลาปว่ ย
๒. การลาคลอดบตุ ร
๓. การลากิจส่วนตัว
๔. การลาพกั ผอ่ น
๕. การลาอปุ สมบทหรอื การลาไปประกอบพิธีฮัจย์
๖. การลาเข้ารบั การตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรยี มพล
๗. การลาไปศึกษา ฝึกอบรม ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัย
๘. การลาไปปฏบิ ัตงิ านในองค์การระหว่างประเทศ
๙. การลาตดิ ตามคู่สมรส

-20-
การลาป่วย บุคลากร ซึ่งประสงค์จะลาป่วยเพื่อรักษาตัวให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชา
ตามลำดับจนถึงผมู้ อี ำนาจอนญุ าตก่อนหรือในวนั ทลี่ าเว้นแตใ่ นกรณจี ำเปน็ จะเสนอหรือจัดสง่ ใบลา ในวนั แรก
ที่มาปฏิบัติราชการก็ได้ ในกรณีที่บุคลากร ผู้ขอลามีอาการป่วยจนไม่สามารถจะลงชื่อในใบลาได้จะให้ผู้อ่ืน
ลาแทนก็ได้ แต่เมื่อสามารถลงชื่อได้แล้วให้เสนอหรือจัดส่งใบลาโดยเร็ว การลาป่วยตั้งแต่ ๓๐ วันขึ้นไป
ต้องมีใบรับรองของแพทยซ์ ึ่งเปน็ ผู้ที่ได้ข้ึนทะเบยี นและ รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแนบไป
กับใบลาด้วย ในกรณีจำเป็นหรือเห็นสมควรผู้มีอำนาจอนุญาตจะสั่งให้ใช้ใบรับรองของแพทย์ซึ่งผู้มีอำนาจ
อนุญาตเห็นชอบแทนก็ได้ การลาป่วยไม่ถึง ๓๐ วัน ไม่ว่าจะเป็นการลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งติดต่อกัน
ถ้าผู้มีอำนาจ อนุญาตเห็นสมควร จะสั่งให้มีใบรับรองแพทย์ตามวรรคสามประกอบใบลา หรือสั่งให้ผู้ลาไป
รับการ ตรวจจากแพทย์ของทางราชการเพอ่ื ประกอบการพจิ ารณาอนุญาตก็ได้

การลาคลอดบตุ ร ข้าราชการซึ่งประสงคจ์ ะลาคลอดบุตร ใหเ้ สนอหรือจัดสง่ ใบลาตอ่ ผบู้ ังคบั บัญชา
ตามลำดับ จนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตก่อนหรือในวันที่ลา เว้นแต่ไม่สามารถจะลงชื่อในใบลาได้ จะให้ผู้อื่นลา
แทน ก็ได้ แต่เมื่อสามารถลงชื่อได้แล้วให้เสนอหรือจัดส่งใบลาโดยเร็ว และมีสิทธิลาคลอดบุตรโดยได้รับ
เงนิ เดอื นคร้งั หนึง่ ได้ การลาคลอดบุตรจะลาในวันท่ีคลอดก่อนหรอื หลังวนั ท่ีคลอดบุตรก็ได้ แต่เมื่อรวมวันลา
แล้ว ต้องไมเ่ กนิ ๙๐ วนั พนักงานราชการ มสี ิทธิลาได้ 90 วนั ได้รบั ค่าตอบแทนระหว่างการลา 45 วัน

การลากิจส่วนตัว บุคลากร ซึ่งประสงค์จะลากิจส่วนตัว ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชา
ตามลำดับ จนถึงผู้มีอำนาจอนุญาต และเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงจะหยุดราชการได้ เว้นแต่มีเหตุจำเป็น ไม่
สามารถรอรับอนุญาตได้ทันจะเสนอหรือจัดส่งใบลาพร้อมด้วยระบุเหตุจำเป็นไว้แล้ว หยุดราชการ ไปก่อนก็
ได้ แต่จะต้องชี้แจงเหตุผลให้ผู้มีอำนาจอนุญาตทราบโดยเร็ว ในกรณีมีเหตุพิเศษที่ไม่อาจเสนอหรือจัดส่ง
ใบลากอ่ นตามวรรคหนึง่ ได้ ให้เสนอหรอื จดั สง่ ใบลาพรอ้ มทง้ั เหตุผลความจำเป็นต่อผูบ้ ังคบั บญั ชาตามลำดับ
จนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตทันทีในวันแรก ที่มาปฏิบัติราชการ ข้าราชการมีสิทธิลากิจส่วนตัว โดยได้รับ
เงนิ เดือนปลี ะไม่เกิน ๔๕ วนั ทำการ พนักงานราชการ ลาไดไ้ ม่เกนิ 10 วันทำการ ข้าราชการท่ีลาคลอดบุตร
ตามข้อ ๑๘ แล้ว หากประสงค์จะลากิจส่วนตวั เพื่อเลี้ยงดูบุตรให้มี สิทธิลาต่อเนื่องจากการลาคลอดบุตรได้
ไมเ่ กิน ๑๕๐ วันทำการ โดยไม่มสี ทิ ธิได้รบั เงนิ เดอื นระหว่างลา

การลาพักผ่อน ขา้ ราชการมสี ิทธลิ าพักผอ่ นประจำปีในปีหนึง่ ได้ ๑๐ วันทำการ เวน้ แต่ข้าราชการ
ดังต่อไปน้ี ไม่มสี ิทธิลาพักผ่อนประจำปใี นปที ไี่ ดร้ ับบรรจเุ ขา้ รบั ราชการยงั ไม่ถงึ ๖ เดือน

๑. ผู้ซึ่งได้รับบรรจุเขา้ รับราชการเป็นข้าราชการครั้งแรก ผู้ซึ่งลาออกจากราชการเพราะเหตุส่วนตวั
แล้วต่อมาไดร้ ับบรรจเุ ขา้ รบั ราชการอีก

๒. ผู้ซึ่งลาออกจากราชการเพื่อดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแล้ว ต่อมา
ได้รับบรรจเุ ขา้ รับราชการอกี หลงั ๖ เดอื น นับแตว่ ันออกจากราชการ

๓. ผู้ซึ่งถูกสั่งให้ออกจากราชการในกรณอี ื่น นอกจากกรณีไปรับราชการทหารตามกฎหมาย ว่าด้วย
การรับราชการทหารและกรณีไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ แล้วต่อมา ได้รับบรรจุ
เขา้ รบั ราชการอกี ถ้าในปใี ดขา้ ราชการผู้ใดมิได้ลาพักผ่อนประจำปีหรือลาพักผ่อนประจำปี แลว้ แต่ไม่ครบ ๑๐
วันทำการ ให้สะสมวันที่ยังมิได้ลาในปีนั้นรวมเข้ากับปีต่อ ๆไปได้ แต่วันลาพักผ่อน สะสมรวมกับวันลา
พกั ผอ่ นในปีปัจจบุ ันจะต้องไมเ่ กิน ๒๐ วันทำการ สำหรบั ผทู้ ี่ไดร้ บั ราชการติดต่อกนั มาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่า ๑๐ ปี
ให้มสี ทิ ธนิ ำวันลาพักผอ่ นสะสม รวมกับวันลาพกั ผ่อนในปีปัจจุบนั ได้ไม่เกิน ๓๐ วันทำการ

-21-
4. พนักงานรา่ ชการปฏิบัตงิ านไม่ถงึ 6 เดือน ไมม่ ีสิทธลิ าพักผ่อน
5. พนักงานราชการ มีสิทธิลาพักผ่อนในปีหนึง่ ได้ 10 วัน สะสมวันลาปีต่อ ๆ ไปรวม กับปีปัจจุบนั
ไม่เกนิ 15 วันทำการ

การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาอุปสมบทใน
พระพุทธศาสนา หรือข้าราชการทีน่ ับถือศาสนา อิสลามซึ่งประสงค์จะลาไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ เมืองเมกกะ
ประเทศซาอุดีอาระเบียให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจพิจารณาหรือ
อนุญาตก่อนวันอุปสมบท หรือก่อนวันเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ไม่น้อยกวา่ ๖๐ วัน ในกรณีมีเหตุพิเศษไม่
อาจเสนอหรือจัดส่งใบลาก่อนตามวรรคหนึ่งให้ชี้แจงเหตุผลความ จำเป็นประกอบการลา และให้อยู่ใน
ดลุ พินิจของผู้มีอำนาจท่จี ะพิจารณาให้ลาหรือไม่ก็ได้ ข้าราชการที่ไดร้ ับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้
ลาอปุ สมบทหรือได้รับอนุญาตให้ลาไป ประกอบพธิ ฮี ัจยแ์ ล้วจะต้องอปุ สมบทหรือออกเดนิ ทางไปประกอบพิธี
ฮัจย์ภายใน ๑๐ วัน นับแต่ วันเริ่มลา และจะต้องกลับมารายงานตัวเข้าปฏิบตั ิราชการภายใน ๕ วัน นับแต่
วันที่ลาสิกขา หรือ วันที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยหลังจากการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ พนักงาน
ราชการต้องไดร้ ับการจ้างต่อเนื่องไมน่ ้อยกวา่ 4 ปี ถงึ จะลาได้ไม่เกนิ 120 วนั

การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล ข้าราชการที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับการ
ตรวจเลือก ให้รายงานลาต่อผู้บังคับบัญชาก่อนวัน เข้ารับการตรวจเลือกไม่น้อยกว่า ๔๘ ชั่วโมง ส่วน
ข้าราชการที่ได้รับหมายเรียกเข้ารับการเตรียมพล ให้รายงานลาต่อผู้บังคับบัญชาภายใน ๔๘ ชั่วโมง นับแต่
เวลารับหมายเรียกเป็นต้นไป และให้ไปเข้า รับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพลตามวันเวลาใน
หมายเรียกนั้นโดยไม่ต้องรอรับคำสั่ง อนุญาต และให้ผู้บังคับบัญชาเสนอรายงานลาไปตามลำดับจนถึง
หวั หน้าส่วนราชการ หรือหวั หนา้ สว่ นราชการข้นึ ตรง พนกั งานราชการลาตามระยะเวลาที่ทางราชการทหาร
กำหนด ไดร้ บั ค่าตอบแทนระหวา่ งลาปีหนึ่งไม่เกนิ 60 วนั

การลาไปศกึ ษา ฝกึ อบรมดูงาน หรอื ปฏิบัติการวิจัย ข้าราชการซ่ึงประสงค์จะลาไปศึกษาฝึกอบรม
ดูงาน หรือปฏิบัติการวิจัย ณ ต่างประเทศ ให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึง
ปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงเพื่อพิจารณาอนุญาตสำหรับการลาไปศึกษาฝึกอบรมดูงาน
หรือปฏิบตั ิการวิจยั ในประเทศให้เสนอหรือจัดสง่ ใบลาตามลำดับจนถงึ หวั หน้าสว่ นราชการ หรือหัวหน้าส่วน
ราชการขึน้ ตรงเพอ่ื พจิ ารณาอนุญาต พนกั งานราชการลาไม่ได้

การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ข้าราชการซึ่งประสงค์จะลาไปปฏิบัติงานใน
องค์การระหว่างประเทศ ให้เสนอหรือจัดส่งใบลา ต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับจนถึงรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อ
พิจารณา โดยถือปฏิบัตติ ามหลักเกณฑ์ ท่ีกำหนด พนักงานราชการลาไมไ่ ด้

การลาติดตามคู่สมรส ข้าราชการซึ่งประสงค์ติดตามคู่สมรสให้เสนอหรือจัดส่งใบลาต่อ
ผู้บังคับบัญชาตามลำดับ จนถึงปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงแล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณา
อนุญาตให้ลาได้ไม่เกิน สองปีและในกรณีจำเป็นอาจอนุญาตให้ลาได้อีกสองปี แต่เมื่อรวมแล้วต้องไม่เกินสี่ปี
ถ้าเกนิ สีป่ ี ใหล้ าออกจากราชการสำหรับปลดั กระทรวง หัวหน้าส่วนราชการขนึ้ ตรง พนกั งานราชการลาไม่ได้

-22-
วินยั และการดำเนนิ การทางวนิ ัย

วนิ ยั : การควบคมุ ความประพฤติของคนในองค์กรใหเ้ ป็นไปตามแบบแผนท่ีพึงประสงค์
วินัยขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา : ข้อบัญญตั ิทก่ี ำหนดเปน็ ข้อห้ามและ ข้อปฏิบตั ติ าม
หมวด ๖ แห่งพระราชบญั ญัติระเบียบขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และท่แี ก้ไข
เพ่มิ เติมฉบับท่ี ๒ พ.ศ. ๒๕๕๑
โทษทางวนิ ัย มี ๕ สถาน คอื

วินัยไม่ร้ายแรง มดี ังน้ี
๑. ภาคทณั ฑ์
๒. ตัดเงินเดอื น
๓. ลดขนั้ เงนิ เดือน

วนิ ัยรา้ ยแรง มดี ังนี้
๔. ปลดออก
๕. ไล่ออก

การวา่ กลา่ วตกั เตอื นหรอื การทำทณั ฑบ์ นไม่ถอื วา่ เปน็ โทษทางวินยั ใชใ้ นกรณีท่ีเป็นความผดิ เลก็ น้อย
และมีเหตุอันควรงดโทษ การว่ากล่าวตักเตือนไม่ต้องทำเป็นหนังสือ แต่การทำทัณฑ์บนต้องทำเป็นหนังสือ
(มาตรา ๑๐๐ วรรคสอง)

โทษภาคทณั ฑ์
ใช้ลงโทษในกรณีที่เป็นความผิดเล็กน้อยหรือมีเหตุอันควรลดหย่อน โทษภาคทัณฑ์ไม่ต้องห้ามการเลื่อนขั้น
เงินเดือน หรือคา่ ตอบแทน

โทษตัดเงนิ เดอื นและลดข้ันเงนิ เดือน
ใชล้ งโทษในความผิดทไ่ี มถ่ งึ กบั เป็นความผิดรา้ ยแรง และไม่ใช่กรณีทเี่ ปน็ ความผิดเล็กน้อย

โทษปลดออกและไลอ่ อก
ใชล้ งโทษในกรณีท่ีเปน็ ความผิดวนิ ัยรา้ ยแรงเทา่ นน้ั

การลดโทษความผิดวินยั ร้ายแรง
ห้ามลดโทษต่ำกวา่ ปลดออก ผูถ้ ูกลงโทษปลดออกมีสทิ ธิได้รับบำเหน็จบำนาญเสมอื นลาออก
การสั่งให้ออกจากราชการไมใ่ ช่โทษทางวินัย

วนิ ัยไม่ร้ายแรง ไดแ้ ก่
๑. ไม่สนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตาม
รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยดว้ ยความบรสิ ุทธ์ิใจ
๒. ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เสมอภาค และเที่ยงธรรม ต้องมีความวิริยะ
อตุ สาหะขยนั หมน่ั เพยี ร ดแู ลเอาใจใส่ รักษาประโยชน์ของทางราชการ และตอ้ งปฏิบตั ิตน ตามมาตรฐานและ
จรรยาบรรณวชิ าชพี
๓. อาศัยหรือยอมใหผ้ ู้อื่นอาศัยอำนาจและหน้าทรี่ าชการของตนไม่วา่ จะโดยทางตรง หรือ ทางอ้อม
หาประโยชน์ให้แก่ตนเองและผูอ้ ืน่
๔. ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายระเบยี บแบบแผนของทางราชการและ หน่วยงาน
การศกึ ษามติครม. หรือนโยบายของรฐั บาลโดยถอื ประโยชน์สงู สุดของผูเ้ รยี น และไม่ให้ เกดิ ความเสยี หายแกร่ าชการ

-23-
๕. ไม่ปฏิบัติตามคำส่ังของผู้บังคับบัญชาซึ่งส่ังในหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมายและ ระเบียบของทาง
ราชการแต่ถ้าเห็นว่าการปฏิบัติตามคำสั่งนั้นจะทำให้เสียหายแก่ราชการ หรือจะ เป็นการไม่รักษาประโยชน์
ของทางราชการจะเสนอความเห็นเป็นหนังสือภายใน ๗ วัน เพื่อให้ผบู้ ังคบั บญั ชาทบทวนคำสง่ั ก็ได้ และเม่ือ
เสนอความเห็นแล้ว ถ้าผู้บังคับบัญชายืนยันเป็นหนังสือให้ปฏิบัติ ตามคำสั่งเดิม ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาต้อง
ปฏบิ ตั ติ าม

๖. ไม่ตรงต่อเวลา ไม่อุทิศเวลาของตนให้แก่ทางราชการและผู้เรียน ละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่
ราชการโดยไมม่ ีเหตุผลอนั สมควร

๗. ไม่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียนชุมชน สังคม ไม่สุภาพเรียบร้อยและรักษา ความ
สามัคคี ไม่ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อผู้เรียนและข้าราชการด้วยกัน หรือผู้ร่วมงานไม่ต้อนรับหรือ ให้ความสะดวก
ให้ความเปน็ ธรรมต่อผูเ้ รยี นและประชาชนผ้มู าติดต่อราชการ

๘. กลน่ั แกล้ง กล่าวหา หรือร้องเรียนผูอ้ นื่ โดยปราศจากความเปน็ จริง
๙. กระทำการหรือยอมให้ผู้อื่นกระทำการหาประโยชน์อันอาจทำให้เสื่อมเสียความเที่ยงธรรม หรือ
เส่ือมเสียเกยี รติศักดิใ์ นตำแหน่งหน้าทร่ี าชการของตน
๑๐. เป็นกรรมการผู้จัดการ หรือผู้จัดการ หรือดำรงตำแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะงานคล้ายคลึงกันน้ัน
ในห้างหุน้ ส่วนหรอื บรษิ ทั
๑๑. ไม่วางตนเป็นกลางทางการเมืองในการปฏิบัติหน้าท่ี และในการปฏิบัติการอื่นที่เกี่ยวข้อง กับ
ประชาชนอาศยั อำนาจและหน้าทีร่ าชการของตนแสดงการฝกั ใฝ่ส่งเสรมิ เกอ้ื กูล สนบั สนนุ บุคคล กลมุ่ บุคคล
หรอื พรรคการเมอื งใด
๑๒. กระทำการอนั ใดอันไดช้ ่อื วา่ เปน็ ผู้ประพฤตชิ ว่ั
๑๓. เสริมสร้างและพัฒนาให้ผู้อยู่ใตบ้ ังคับบัญชามีวินัย ไม่ป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา กระทำ
ผิดวินัย หรอื ละเลย หรือมพี ฤติกรรมปกปอ้ ง ชว่ ยเหลอื มใิ ห้ผู้อยใู่ ต้บังคบั บัญชาถูกลงโทษทางวนิ ัย หรือปฏบิ ตั ิ
หน้าทด่ี งั กล่าวโดยไมส่ ุจรติ
วินยั ร้ายแรง ไดแ้ ก่
๑. ทจุ รติ ตอ่ หนา้ ทีร่ าชการ
๒. จงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบแบบแผนของทางราชการและหน่วยงานการศึกษามติครม.
หรือนโยบายของรัฐบาลประมาทเลินเล่อหรือขาดการเอาใจใสร่ ะมดั ระวังรักษาประโยชน์ ของทางราชการอัน
เป็นเหตใุ หเ้ กดิ ความเสียหายแก่ราชการอยา่ งรา้ ยแรง
๓. ขัดคำสั่งหรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏบิ ัติตามคำสั่งของผูบ้ งั คบั บญั ชาซึ่งส่ังในหน้าทีร่ าชการ โดยชอบดว้ ย
กฎหมายและระเบยี บของทางราชการอันเป็นเหตใุ ห้เสยี หายแก่ราชการอยา่ งร้ายแรง
๔. ละทิ้งหน้าที่หรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการ
อยา่ งร้ายแรง
๕. ละทงิ้ หน้าทร่ี าชการตดิ ต่อในคราวเดียวกนั เป็นเวลาเกนิ กว่า ๑๕ วัน โดยไมม่ เี หตุผลอันสมควร
๖. กลั่นแกล้ง ดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่ หรือข่มเหงผู้เรียนหรือประชาชนผู้มาติดต่อราชการ
อยา่ งรา้ ยแรง
๗. กล่ันแกล้ง กล่าวหา หรอื รอ้ งเรยี นผอู้ น่ื โดยปราศจากความเป็นจริง เป็นเหตใุ หผ้ ้อู ่ืนได้รับ ความ
เสยี หายอย่างรา้ ยแรง
๘. กระทำการหรือยอมให้ผู้อื่นกระทำการหาประโยชน์อันอาจทำให้เสื่อมเสียความเที่ยงธรรม หรือ
เสือ่ มเสยี เกยี รติศกั ดใ์ิ นตำแหนง่ หนา้ ทร่ี าชการโดยมุ่งหมายจะให้เป็นการซ้ือขายหรือให้ไดร้ ับ แต่งต้งั ใหด้ ำรง

-24-
ตำแหนง่ หรือวทิ ยฐานะใดโดยไมช่ อบด้วยกฎหมาย หรอื เปน็ การกระทำอันมลี ักษณะ เปน็ การให้หรือได้มาซึ่ง
ทรพั ย์สินหรือสิทธปิ ระโยชน์อืน่ เพือ่ ให้ตนเองหรอื ผอู้ น่ื ได้รบั การบรรจแุ ละ แตง่ ตั้งโดยมิชอบ

๙. คัดลอกหรือลอกเลียนผลงานทางวิชาการของผู้อื่นโดยมิชอบหรือนำเอาผลงานทางวิชาการของ
ผู้อื่น หรือจ้างวาน ใช้ผู้อื่นทำผลงานทางวชิ าการเพื่อไปใช้ในการเสนอขอปรับปรุงการกำหนดตำแหน่ง การ
เล่ือนตำแหนง่ การเลือ่ นวิทยฐานะ หรือการให้ไดร้ บั เงินเดอื นในระดบั ที่สูงขนึ้

๑๐. ร่วมดำเนินการคัดลอกหรือลอกเลียนผลงานของผู้อื่นโดยมิชอบ หรือรับจัดทำผลงานทาง
วิชาการ ไม่ว่าจะมีค่าตอบแทนหรือไม่เพื่อให้ผู้อื่นนำผลงานนั้นไปใช้ประโยชน์เพื่อปรับปรุงการกำหนด
ตำแหนง่ เลื่อนตำแหนง่ เลอื่ นวทิ ยฐานะ หรือใหไ้ ดร้ บั เงนิ เดอื นในอนั ดบั ที่สูงขึ้น

๑๑. เข้าไปเกี่ยวข้องกับการดำเนินการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการทุจริตโดยการซื้อสิทธิหรือขาย
เสียงในการเลือกตั้งสมาชิกรฐั สภา สมาชกิ สภาท้องถิ่น ผบู้ ริหารท้องถนิ่ หรือการเลือกต้ังอ่ืนท่ีมีลักษณะเป็น
การสง่ เสรมิ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยรวมทัง้ การส่งเสริม สนบั สนนุ หรอื ชักจูงให้ผ้อู ่ืนกระทำการ
ในลกั ษณะเดยี วกัน

๑๒. กระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุก หรือโทษที่หนักกว่าจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด ให้
จำคุกหรือให้รับโทษที่หนักกว่าจำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือลหุโทษ
หรอื กระทำการอ่นื ใดอนั ไดช้ อื่ วา่ เป็นผู้ประพฤตชิ ั่วอยา่ งร้ายแรง

๑๓. เสพยาเสพตดิ หรอื สนบั สนุนให้ผูอ้ ่นื เสพยาเสพตดิ
๑๔. เลน่ การพนันเป็นอาจณิ
๑๕. กระทำการล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เรียนหรือนักศึกษาไม่ว่าจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบ ของ
ตนหรือไม่

การดำเนนิ การทางวนิ ยั
การดำเนินการทางวินัย กระบวนการและขั้นตอนการดำเนินการในการออกคำสั่งลงโทษ ซึ่งเป็น
ขั้นตอนที่มีลำดับก่อนหลังต่อเนื่องกัน อันได้แก่ การตั้งเรื่องกล่าวหาการสืบสวนสอบสวน การพิจารณา
ความผิดและกำหนดโทษและการสั่งลงโทษรวมทั้งการดำเนินการต่าง ๆ ในระหว่างการสอบสวนพิจารณา
เชน่ การสง่ั พัก การสง่ั ใหอ้ อกไวก้ อ่ น เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณา
หลกั การดำเนินการทางวินัย
๑. กรณีทผี่ บู้ ังคับบญั ชาพบวา่ ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้ใดกระทำผิดวินัยโดยมีพยานหลกั ฐานในเบื้องต้นอยู่
แล้วผูบ้ ังคับบญั ชาก็สามารถดำเนินการทางวนิ ัยไดท้ นั ที
๒. กรณีที่มีการร้องเรียนด้วยวาจาให้จดปากคำ ให้ผู้ร้องเรียนลงลายมือชื่อและวัน เดือน ปี พร้อม
รวบรวมพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบการพิจารณาแล้วดำเนินการให้มีการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยต้ัง
กรรมการสืบสวนหรือสัง่ ใหบ้ คุ คลใดไปสืบสวนหากเห็นวา่ มีมูลก็ตงั้ คณะกรรมการสอบสวน ตอ่ ไป
๓. กรณมี กี ารร้องเรียนเปน็ หนังสือผู้บงั คับบญั ชาต้องสบื สวนในเบ้ืองตน้ ก่อนหากเหน็ ว่า ไม่มีมูลก็สั่ง
ยุติเรอื่ งถ้าเหน็ วา่ มีมูลกต็ ้ังคณะกรรมการสอบสวนต่อไป กรณีหนังสอื ร้องเรยี นไม่ลง ลายมอื ชื่อและท่ีอยู่ของ
ผู้ร้องเรียนหรือไม่ปรากฏพยานหลักฐานที่แน่นอนจะเข้าลักษณะของบัตร สนเท่ห์ มติครม.ห้ามมิให้รับฟัง
เพราะจะทำให้ขา้ ราชการเสียขวัญในการปฏิบตั หิ น้าที่
ข้นั ตอนการดำเนินการทางวนิ ัย
1. การตงั้ เรื่องกล่าวหาเปน็ การตั้งเรื่องดำเนนิ การทางวินัยแก่ขา้ ราชการเม่ือปรากฏ กรณีมีมูลที่ควร
กล่าวหาวา่ กระทำผดิ วินัยมาตรา ๙๘ กำหนดให้ผูบ้ งั คบั บัญชาแต่งต้ังคณะกรรมการสอบสวนเพ่ือดำเนินการ

-25-
สอบสวนให้ได้ความจรงิ และความยุตธิ รรมโดยไม่ชักช้าผู้ต้ังเรื่องกลา่ วหาคือผู้บังคับบัญชาของผูถ้ ูก กล่าวหา
ความผดิ วนิ ัยไม่ร้ายแรง ผู้บังคบั บญั ชาชนั้ ตน้ คือ ผู้อำนวยการสถานศึกษาสามารถแต่งต้ัง กรรมการสอบสวน
ข้าราชการในสถานศึกษาทุกคนความผิดวินัยร้ายแรง ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจบรรจุ และแต่งตั้งตามมาตรา
๕๓ เป็นผมู้ ีอำนาจบรรจแุ ละแตง่ ตั้งคณะกรรมการสอบสวน

๒. การแจ้งข้อกลา่ วหา มาตรา ๙๘ กำหนดไว้ว่า ในการสอบสวนจะต้องแจ้งข้อกล่าวหาและสรุป
พยานหลักฐาน ที่สนับสนุนข้อกล่าวหาเท่าทีม่ ีใหผ้ ู้ถกู กล่าวหาทราบ โดยระบุหรือไมร่ ะบชุ ื่อพยานก็ได้เพ่อื ให้
ผูถ้ กู กลา่ วหามีโอกาสช้แี จงและนำสืบแกข้ อ้ กลา่ วหา

๓. การสอบสวน คือ การรวบรวมพยานหลักฐานและการดำเนินการทั้งหลายอ่ืนเพื่อจะทราบข้อ
เทจ็ จริง และพฤตกิ ารณ์ตา่ ง ๆ หรือพสิ ูจนเ์ กย่ี วกับเร่ืองทีก่ ล่าวหาเพอื่ ใหไ้ ด้ความจรงิ และยุติธรรม
และ เพื่อพิจารณาว่าผู้ถูกกล่าวหาไดก้ ระทำผดิ วินัยจริงหรือไมถ่ ้าผิดจริงก็จะได้ลงโทษ ข้อยกเว้น กรณีที่เป็น
ความผดิ ทีป่ รากฏชดั แจ้งตามทกี่ ำหนดในกฎ ก.ค.ศ.จะดำเนินการ ทางวินยั โดยไมส่ อบสวนกไ็ ด้

ความผิดท่ีปรากฏชดั แจ้งตามท่กี ำหนดในกฎ ก.ค.ศ. วา่ ด้วยกรณีความผิดท่ปี รากฏชดั แจง้ พ.ศ.
๒๕๔๙
ก. การกระทำผิดวนิ ยั อยา่ งไม่รา้ ยแรงท่ีเปน็ กรณคี วามผิดที่ปรากฏอย่างชดั แจ้ง ไดแ้ ก่

(๑) กระทำความผิดอาญาจนต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้นั้นกระทำผิดและผู้บังคับ บัญชาเห็นว่า
ขอ้ เทจ็ จริงตามคำพพิ ากษาประจักษช์ ดั

(๒) กระทำผิดวินัยไม่ร้ายแรงและได้รับสารภาพเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาหรือให้ถ้อยคำรับ
สารภาพตอ่ ผู้มีหน้าทส่ี บื สวนหรอื คณะกรรมการสอบสวนโดยมีการบนั ทึกถอ้ ยคำเป็นหนงั สือ
ข. การกระทำผดิ วนิ ยั อย่างรา้ ยแรงท่เี ป็นกรณีความผิดท่ีปรากฏชัดแจง้ ไดแ้ ก่

(๑) กระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกหรือโทษที่หนักกว่าจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้
จำคุกหรือลงโทษที่หนกั กวา่ จำคกุ

(๒) ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า ๑๕ วันผู้บังคับบญั ชา สืบสวนแลว้
เหน็ ว่าไมม่ ีเหตผุ ลสมควร หรือมพี ฤตกิ ารณอ์ ันแสดงถึงความจงใจไมป่ ฏบิ ัติตามระเบยี บ ของทางราชการ

(๓) กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงและได้รับสารภาพเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาหรือให้ ถ้อยคำรับ
สารภาพต่อผู้มีหนา้ ทส่ี ืบสวนหรอื คณะกรรมการสอบสวนโดยมกี ารบันทกึ ถ้อยคำเปน็ หนงั สอื

การอุทธรณ์
มาตรา ๑๒๑ และมาตรา ๑๒๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทาง

การศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ บัญญัติให้ผู้ถูกลงโทษทางวินัยมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งลงโทษต่ออ.ก.ค.ศ. เขตพื้นท่ี
การศึกษา อ.ก.ค.ศ.ท่ี ก.ค.ศ. ตงั้ แล้วแตก่ รณี ภายใน ๓๐ วัน
เงื่อนไขในการอทุ ธรณ์

ผ้อู ทุ ธรณ์ ต้องเป็นผู้ที่ถูกลงโทษทางวินัยและไม่พอใจผลของคำสั่งลงโทษผู้อุทธรณ์ ต้อง
อุทธรณ์เพื่อตนเองเท่านั้น ไม่อาจอุทธรณ์แทนผูอ้ ื่นได้ ระยะเวลาอุทธรณ์ ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รบั
แจง้ คำสัง่ ลงโทษต้องทำเป็นหนังสอื

การอทุ ธรณโ์ ทษวนิ ัยไมร่ า้ ยแรง การอุทธรณ์คำสั่งโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดขั้น
เงนิ เดอื นท่ีผบู้ งั คับบัญชาสงั่ ดว้ ยอำนาจของตนเอง ตอ้ งอุทธรณต์ อ่ อ.ก.ค.ศ. เขตพน้ื ที่การศึกษาหรอื อ.ก.ค.ศ.
สว่ นราชการ เวน้ แต่ การสง่ั ลงโทษตามมติให้อทุ ธรณต์ อ่ ก.ค.ศ.

-26-
การอุทธรณ์โทษวินัยร้ายแรง การอุทธรณ์คำสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการต้อง
อุทธรณ์ต่อก.ค.ศ.ทั้งนี้การร้องทุกข์คำสั่งให้ออกจากราชการหรอื คำสั่งพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้
กอ่ นกต็ ้องร้องทกุ ขต์ ่อก.ค.ศ.เชน่ เดียวกนั
การร้องทุกข์ หมายถึงผู้ถูกกระทบสิทธิหรอื ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคำสั่งของฝ่ายปกครอง หรือ
คับข้องใจจากการกระทำของผู้บังคับบัญชาใช้สิทธิร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมขอให้เพิกถอนคำสั่งหรือ
ทบทวนการกระทำของฝา่ ยปกครองหรือของผบู้ งั คบั บัญชา
มาตรา ๑๒๒ และมาตรา ๑๒๓ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากร ทาง
การศึกษาพ.ศ.๒๕๔๗บัญญัติให้ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการมีสิทธิร้องทุกข์ต่อก.ค.ศ.และผู้ซึ่งตน เห็นว่าตน
ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรอื มคี วามคับข้องใจเน่ืองจากการกระทำของผู้บงั คบั บญั ชาหรือ กรณีถูกตงั้ กรรมการ
สอบสวนมีสิทธริ ้องทุกขต์ ่ออ.ก.ค.ศ.เขตพนื้ ท่กี ารศึกษาอ.ก.ค.ศ.ที่ก.ค.ศ.ต้ังหรอื ก.ค.ศ.แล้วแต่กรณีภายใน ๓๐
วนั ผู้มีสทิ ธริ ้องทกุ ข์ ได้แก่ ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา
เหตุที่จะร้องทุกข์
(๑) ถูกส่ังให้ออกจากราชการ
(๒) ถกู ส่งั พกั ราชการ
(๓) ถกู สัง่ ให้ออกจากราชการไว้กอ่ น
(๔) ไม่ไดร้ ับความเปน็ ธรรม หรอื คบั ข้องใจจากการกระทำของผบู้ งั คับบัญชา
(๕) ถกู ตั้งกรรมการสอบสวน
การเล่อื นขั้นเงินเดอื น/คา่ ตอบแทน
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาจะไดร้ ับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนในแต่ละครั้งต้องอยู่
ในเกณฑ์ ดงั นี้
๑. ในครึ่งปีที่แล้วมามีผลการปฏิบัติงาน ความประพฤติในการรักษาวินัย คุณธรรม จริยธรรม และ
จรรยาบรรณวิชาชพี อย่ใู นเกณฑท์ ี่สมควรไดเ้ ล่อื นขัน้ เงินเดือน
๒. ในครึ่งปีที่แล้วมาจนถึงวันออกคำสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนไม่ถูกลงโทษทางวินัยที่หนักกว่าโทษ
ภาคทณั ฑ์ หรอื ถกู ลงโทษในคดีอาญาให้ลงโทษในความผิดท่เี ก่ียวกบั การปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือ ความผิด
ทีท่ ำให้เส่อื มเสยี เกยี รติศักดข์ิ องตำแหน่งหนา้ ที่ราชการของตน ซง่ึ ไมไ่ ช่ความผดิ ที่ได้กระทำ โดยประมาทหรือ
ความผดิ ลหโุ ทษ
๓. ในครง่ึ ปีที่แล้วมาตอ้ งไม่ถกู สั่งพกั ราชการเกนิ กว่าสองเดือน
๔. ในครง่ึ ปที ีแ่ ล้วมาตอ้ งไมข่ าดราชการโดยไม่มเี หตผุ ลอนั สมควร
5. ในครงึ่ ปที ่แี ลว้ มาได้รับการบรรจุเขา้ รบั ราชการมาแล้วเป็นเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ สีเ่ ดือน
6. ในคร่งึ ปที ี่แล้วมาถ้าเป็นผู้ได้รับอนญุ าตไปศกึ ษาในประเทศฝึกอบรมและดงู าน ณ
ต่างประเทศต้องไดป้ ฏิบัติหน้าทีร่ าชการในครึง่ ปที แ่ี ล้วมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าส่เี ดือน
๗. ในครงึ่ ปที ่ีแล้วมาต้องไม่ลาหรอื มาทำงานสายเกินจำนวนครง้ั ท่ีหัวหน้าส่วนราชการกำหนด
๘. ในคร่งึ ปที ีแ่ ล้วมาต้องมีเวลาปฏิบัติราชการหกเดอื นโดยมวี ันลาไมเ่ กนิ ย่สี บิ สามวนั
แตไ่ มร่ วมวนั ลา ดงั ตอ่ ไปนี้
๑) ลาอปุ สมบทหรือลาไปประกอบพธิ ฮี ัจย์
๒) ลาคลอดบตุ รไมเ่ กนิ เก้าสิบวนั
๓) ลาปว่ ยซ่งึ จำเป็นต้องรักษาตัวเป็นเวลานานไมว่ ่าคราวเดียวหรอื หลายคราวรวมกนั ไม่เกนิ หกสิบวนั ทำการ

-27-
๔) ลาป่วยเพราะประสบอันตรายในขณะปฏบิ ตั ิราชการตามหน้าทีห่ รือในขณะเดินทางไป หรือกลบั
จากการปฏบิ ัติราชการตามหนา้ ที่
๕) ลาพักผ่อน
๖) ลาเขา้ รับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรยี มพล
๗) ลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ

การฝึกอบรมและลาศกึ ษาต่อ
การฝกึ อบรม หมายความว่า การเพิม่ พูนความรู้ความชำนาญ หรือประสบการณ์ด้วยการเรียน หรือ

การวิจัยตามหลักสูตรของการฝึกอบรม หรือการสัมมนาอบรมเชิงปฏิบัติการ การดำเนินงานตาม โครงการ
แลกเปลี่ยนกับต่างประเทศ การไปเสนอผลงานทางวิชาการ และการประชุมเชิงปฏิบัติการ ทั้งนี้โดยมิได้มี
วัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งปริญญาหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพท่ี ก.พ.รับรอง และหมายความรวมถึงการ
ฝึกฝนภาษาและการรับคำแนะนำก่อนฝึกอบรมหรือการดูงานที่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกอบรมหรือต่อจาก
การฝกึ อบรมนนั้ ด้วย

การดูงาน หมายความว่า การเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ด้วยการสังเกตการณ์ และการ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็น (การดูงานมีระยะเวลาไม่เกิน ๑๕ วัน ตามหลักสูตรหรือโครงการ หรือแผนการดู
งานในต่างประเทศ หากมรี ะยะเวลาเกินกำหนดให้ดำเนินการเป็นการฝกึ อบรม)

การลาศึกษาต่อ หมายความว่า การเพิ่มพูนความรู้ด้วยการเรียนหรือการวิจัยตามหลักสูตรของ
สถาบนั การศึกษา หรือสถาบนั วิชาชพี เพอื่ ใหไ้ ด้มาซึ่งปรญิ ญาหรือประกาศนยี บตั รวิชาชีพที่ ก.พ.รับรองและ
หมายความรวมถึงการฝึกฝนภาษาและการได้รับคำแนะนำก่อนเข้าศึกษาและการฝึกอบรม หรือการดูงานที่
เป็นสว่ นหนงึ่ ของการศกึ ษา
หรือต่อจากการศึกษานัน้ ด้วย

การออกจากราชการของขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาออกจากราชการเมื่อ(มาตรา ๑๐๗พ.ร.บ.ระเบียบ

ข้าราชการครฯู )
๑) ตาย
๒) พ้นจากราชการตามกฎหมายวา่ ด้วยบำเหนจ็ บำนาญขา้ ราชการ
๓) ลาออกจากราชการและไดร้ บั อนญุ าตให้ลาออก
๔) ถกู สงั่ ใหอ้ อก
๕) ถกู สง่ั ลงโทษปลดออกหรือไล่ออก
๖) ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เว้นแต่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอื่นที่ไม่ต้องมี

ใบอนุญาตประกอบวชิ าชพี
การลาออกจากราชการ
ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาผใู้ ดประสงค์จะลาออกจากราชการ

ให้ย่นื หนังสือลาออกต่อผบู้ ังคบั บญั ชาเพือ่ ให้ผมู้ ีอำนาจตาม มาตรา ๕๓เปน็ ผพู้ ิจารณาอนญุ าต
กรณีผู้มีอำนาจตาม มาตรา ๕๓ พิจารณาเห็นว่าจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ราชการจะยับยั้งการ

อนุญาตใหล้ าออกไว้เป็นเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน นบั แต่วนั ขอลาออกก็ได้ แตต่ ้องแจง้ การยับยงั้ พร้อมเหตุผลให้ผู้
ขอลาออกทราบ เมอ่ื ครบกำหนดเวลาท่ียบั ยัง้ แล้วใหก้ ารลาออกมผี ลต้ังแตว่ นั ถัดจากวันครบกำหนดเวลาที่ยบั ยัง้

-28-
ถา้ ผ้มู ีอำนาจตามมาตรา ๕๓ ไม่ไดอ้ นุญาตและไม่ไดย้ ับย้ังการอนุญาตให้ลาออก
ให้การลาออก มผี ลตัง้ แตว่ ันขอลาออก
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดประสงค์จะลาออกจากราชการเพื่อดำรงตำแหน่ง ทาง
การเมอื งหรือเพอื่ สมัครรบั เลือกตงั้ ให้ยืน่ หนังสือลาออกต่อผบู้ ังคบั บญั ชา
และใหก้ ารลาออกมีผลนบั ตง้ั แตว่ นั ทผี่ ูน้ น้ั ขอลาออก

ระเบยี บ ก.ค.ศ ว่าด้วยการลาออกของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.๒๕๔๘
ขอ้ ๓ การย่ืนหนงั สือขอลาออกจากราชการให้ย่นื ลว่ งหน้าก่อนวนั ขอลาออกไม่น้อยกว่า ๓๐ วนั
กรณีผู้มอี ำนาจอนุญาตการลาออกเหน็ ว่ามีเหตผุ ลและความจำเปน็ พิเศษ

จะอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนวันขอลาออกให้ผู้ประสงค์จะลาออกยื่นหนังสือขอลาออกล่วงหน้าน้อย
กว่า ๓๐ วนั กไ็ ด้

หนังสือขอลาออกที่ยื่นล่วงหน้าก่อนวันขอลาออกน้อยกว่า ๓๐ วัน โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น ลาย
ลักษณอ์ ักษรจากผมู้ ีอำนาจอนุญาต หรอื ท่มี ิได้ระบวุ ันขอลาออก ให้ถอื วันถดั จากวันครบกำหนด ๓๐ วัน นับ
แต่วันยื่นเปน็ วันขอลาออก

ข้อ ๕ ผู้มีอำนาจอนุญาตการลาออกพิจารณาว่าจะสั่งอนุญาตให้ผู้นั้นลาออกจากราชการหรือจะสั่ง
ยบั ย้ังการอนุญาตให้ลาออกใหด้ ำเนนิ การ ดงั น้ี

(๑) หากพิจารณาเห็นว่าควรอนุญาตให้ลาออกจากราชการได้ให้มีคำสั่งอนุญาตให้ลาออก เป็นลาย
ลกั ษณ์อกั ษรให้เสร็จสน้ิ ก่อนวนั ขอลาออกแลว้ แจง้ คำสัง่ ดังกล่าวให้ผขู้ อลาออกทราบก่อนวนั ขอลาออกดว้ ย

(๒) หากพิจารณาเห็นว่าควรยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกเนื่องจากจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ ราชการ
ให้มีคำสั่งยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรให้เสร็จสิ้นก่อนวันขอลาออกแล้วแจ้งคำสั่ง
ดังกล่าวพร้อมเหตุผลให้ผู้ขอลาออกทราบก่อนวันขอลาออกด้วย ทั้งนี้การยับยั้งการอนุญาต ให้ลาออกให้ส่งั
ยบั ย้ังไวไ้ ดเ้ ปน็ เวลาไมเ่ กิน ๙๐ วัน
และสั่งยับยั้งได้เพียงครั้งเดียวจะขยายอีกไม่ได้ เมื่อครบกำหนดเวลาที่ยับยั้งแล้วให้การลาออกมีผลต้ังแต่วัน
ถดั จากวันครบกำหนดเวลาทีย่ บั ย้ัง

ข้อ ๖ กรณีทผี่ ขู้ อลาออกได้ออกจากราชการไปโดยผลของกฎหมาย เน่ืองจากผมู้ ีอำนาจ อนุญาตมิได้
มีคำสั่งอนุญาตให้ลาออกและมิได้มีคำสั่งยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกก่อนวันขอลาออก หรือเนื่องจากครบ
กำหนดเวลายับยั้งการอนุญาตให้ลาออกให้ผู้มีอำนาจอนุญาตมีหนังสือแจ้ง วันออกจากราชการให้ผู้ขอ
ลาออกทราบภายใน ๗ วัน นบั แตว่ นั ท่ีผูน้ นั้ ออกจากราชการและแจง้ ใหส้ ่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบดว้ ย

ขอ้ ๗ การยน่ื หนงั สอื ขอลาออกจากราชการเพ่อื ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
หรอื เพือ่ สมัครรับเลือกต้ังให้ย่ืนต่อผบู้ ังคับบัญชาอย่างช้าภายในวนั ท่ีขอลาออกและให้ผู้บังคับบัญชาดังกล่าว
เสนอ หนังสือขอลาออกนั้นต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไปตามลำดับจนถึงผู้มีอำนาจอนุญาตการลาออก
โดยเร็วเม่ือผู้มีอำนาจอนุญาตได้รับหนังสือขอลาออกแล้วให้มีคำสั่งอนุญาตออกจากราชการได้ต้ังแต่ วันที่ขอ
ลาออก

-29-

คณะผ้จู ดั ทำ

คณะทปี่ รกึ ษา

1. นางสาวนูเรฮา บือซา ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอสุคิริน
2. นายอับดนเล๊าะ สีบู ครู คศ.1
3. นายมูฮามัดสกรี ลาบูอาปี ครู คศ.1
4. นายอานซั ดอเล๊าะ ครูผชู้ ว่ ย
5. นายมะรอยาลี มะแซ ครูผชู้ ว่ ย
6. นายไพศาล มะเจ๊ะหะ ครผู ู้ชว่ ย
7. นางสาวกาตนี ี สาเด็ง ครูผ้ชู ว่ ย
8. นางสาวยารูนา ดาโอ๊ะ ครผู ชู้ ่วย
คณะผ้จู ัดทำ

1. นางสาวนเู รฮา บอื ซา ประธานกรรมการ
2. นายอบั ดนเลา๊ ะ สบี ู กรรมการ
3. นายมูฮามัดสกรี ลาบูอาปี กรรมการ
4. นายอานซั ดอเลา๊ ะ กรรมการ
5. นายมะรอยาลี มะแซ กรรมการ
6. นายไพศาล มะเจ๊ะหะ กรรมการ
7. นางสาวยารูนา ดาโอ๊ะ กรรมการ
8. นางสาวกาตีนี สาเด็ง กรรมการและเลขานกุ าร

เนื้อหา/เรยี บเรยี ง/ออกแบบปก

1. นางสาวนูเรฮา บือซา
2. นางสาวกาตนี ี สาเดง็


Click to View FlipBook Version